ขอคำแนะนำเรื่องพระสอนสมาธิครับ

และที่สำคัญ พระอรหันต์ มี 4 ประเภท

จะบรรลุ อริยเจ้า โสดาบัน ขึ้นไปนั้น

ให้ สำรวจตัวเองดูครับว่า บารมี 10 ประการ บริบูรณ์ หรือไม่


บารมี แปลว่า "เต็ม" ซึ่งหมายถึง "การทำให้กำลังใจเต็ม ทรงอยู่ในใจให้เต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่บกพร่องทั้ง ๑๐ ประการ"


เพราะ กำลังใจ ของแต่ละคน ไม่เท่ากัน สร้างบารมีในอดีตมา ไม่เหมือนกัน

ให้กลับขึ้นไปอ่าน บารมี 10 ของ ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ


.

 

มาดูตัวอย่าง เรื่องว่าด้วย อัตราการให้ผล

เคยได้ยินไหมว่า

ทำสมาธิได้หนึ่งครั้ง มีผลเลิศกว่า รักษาศีล 500 ครั้ง
รักษาศีล 1 ครั้ง มีผลเลิศกว่า ให้ทาน 500 ครั้ง

แล้วเคยได้ยินไหม ทานที่ชนะทานทั้งหมด คือ ธรรมทาน การให้ธรรมะ
แก่คนอื่น

แต่ขอโทษนะ จง อย่าลืมว่า รักษาศีลได้ 1 ครั้ง มีผลเลิศกว่า ทำ
ธรรมทาน 500 ครั้ง หน่าคร้าบท่าน !!!

จะเห็นว่า การเปรียบเทียบ อานิสงค์ ผลของการปฏิบัติ จะเทียบกันเอง
ในเรื่องของ ธรรมะ

แต่ถ้าเรา ตั้งจิตไว้ผิด ตั้งจิตไว้ไม่ตรงต่อ ปฏิบัติธรรมเพื่อธรรม
แล้วไปผลิกเป็น ปฏิบัติธรรมเพื่อโลกเกิดอะไรขึ้น

เอาเลยนะ การให้ทาน 1 ครั้ง จะทำให้มีอานสงค์ คือ รวย มีโภคทรัพย์
ไพบูลย์มาก ยิ่งการให้ทาน ที่เป็นสังฆทาน โอ้ยย ยิ่งทำให้ รวยมาก

คราวนี้เอาใหญ่ คนบางคน รักษาศีล 1 ครั้ง แหม มันให้ผลเลิศ
กว่าทำ สังฆทาน ตั้ง 500 ครั้ง รักษาศีลได้ 1 ครั้ง นอนรอเลย
เดี๋ยวจะรวย

กว่านั้นมีอีก

ทำสมาธิหนึ่งครั้ง จะทำให้เลิศกว่า รักษาศีล 500 ครั้ง เอาเลย ทำสมาธิ
ได้คืนเดียว นอน รอ เลย รวยแน่ กู รวยแน่ หน้าตากูใหญ่ ไปไหนไม่อาย
ใคร เรื่องศีลอย่ามาทวงถามกูนะ กูทำสมาธิได้ตั้งคืนหนึ่ง กูมี ศีลเป็น
จำนวน 500 ครั้งแล้วนะโว้ย แถม ยังเป็นเลิศกว่าไปทำ สังฆทาน อีกตั้ง
500 * 500 ได้ประมาณ 250,000 สังฆทาน เลยทีเดียวเชียว ไม่รวย
ทางโลกอุตหลุดในตอนนี้ แล้วจะรวยตอนไหน..........เนี่ยะ มืด !!
แถม ยังไม่ได้อีก จะรู้สึกเลยว่า ได้ผล อานิสงค์ น้อย

แต่ถ้า เรามาพิจารณา ปฏิบัติธรรมเพื่อธรรม หละ รวยอะไร อะไรคือ
" อริยทรัพย์ " ที่ว่าได้มาก มหาศาล

อริยทรัพย์เนี่ยะ มี 7 อย่าง คือ
๑. ศรัทธา
๒. ศีล ความประพฤติดีทางกายทางวาจา
๓. หิริ ความอายบาป
๔. โอตตัปปะ ความกลัวบาป
๕. พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้เรียนรู้มาก
๖. จาคะ
๗. ปัญญา

ชื่อว่า อริยทรัพย์ เพราะ ของเหล่านี้ ผู้อื่นไม่สามารถปล้น หรือ ทำให้เรามีน้อยลงได้

 

คือขอเรียนตามตรงครับว่า ผมปฏิบัตินั้น ยังไม่ได้ต้องการเป็นโสดาบันบุคคลหรอกครับ ผมยังมีความโลภ ยังติดสุขในทางโลกอยู่มาก แต่ผมต้องการปฏิบัติเพื่อเกิดปัญญาที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหางานได้ และตรง ๆ คือ สร้างความสำเร็จในทางโลก เพราะผมอยากให้ทุกอย่างกับแม่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตและยังมีแรงครับ ผมเองไม่มีลูกเมีย ถ้าแม่ไปแล้วผมก็ตั้งใจจะบวชครับ แต่ถ้าไม่ได้ให้แม่เต็มที่ในทางโลกแล้ว ผมยังรู้สึกว่ามันขาด ไม่ครบครับ ขอบคุณครับ

 

เนี่ยะ ลองทบทวนดู

ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ที่คุณ หมายเนี่ยะ คืออะไร คือการบวช

การบวชเนี่ยะ บวชไปทำไม หากไม่ใช่ " เพื่อมีธรรมะ "

สรุป สิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด สำคัญต่อคุณที่สุด คือ " การมีธรรมะ การได้ปฏิบัติ
ธรรมะ "

ก็คุณ เอง รู้เห็นอยู่ว่า อะไรคือ ประโยชน์ที่แท้

แต่ ทำไมถึงได้ ปิดบัง อำพราง ประโยชน์ที่แท้ ให้ แม่ ไม่ได้รับ
แถมผลักไสให้แม่ ไปจมอยู่กับ โลกธรรม หละ

แน่ใจเหรอว่า นั่นคือ การมีความกตัญญู

 

พาแม่ไป ทำทาน รักษาศีล สมาธิภาวนา ครับ

แล้วก็ บวชพระ 7 วัน 15 วัน ให้ พ่อ แม่ ครับ

คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ ๓๐ กัปป์

 

ในบรรดาการเป็น หนี้

ไม่มีอะไร มหาศาลเท่า " บุตรเป็นหนี้แก่บุพการี " แล้ว หนี้กองนี้
ไม่มี บุตรคนไหนในโลก เน้นนะว่า ในโลก จะใช้หนี้กองนี้หมด

ดังนั้น เวลาบุตรตั้งใจจะตอบแทน ธรรมคู่ที่จะผุดขึ้นมาในจิตของบุตร
ก็คือ ยังไงก็รู้สึกว่าพร่อง ยังไม่สมน้ำสมเนื้อ รู้สึกขาดๆ อันนี้ เป็นปรกติ

แต่ถ้า เราเป็น บุตรในทางธรรม หรือ ธรรมบุตร พุทธบุตร หละ

เอ้า หากเป็น พุทธบุตร เนี่ยะ พระพุทธองค์บอกว่า ฐานะที่จะเป็นบุตร
ใช้หนี้บุพการีหมดเนี่ยะ มี แล้วไม่ยาก แค่ทำให้ บุพการีเนี่ยะ มี
อริยทรัพย์ ข้อใดข้อหนึ่ง จาก เจ็ดข้อ ที่กล่าวไปข้างต้น ก็จะถือว่า
บุตรคนนั้น ใช้หนี้หมด

มาลองดูกัน

เวลา แม่ เรา ได้รับเงิน ปัจจัยอื่นใดจากเรา คุณเคยถามท่านไหมว่า
ระหว่าง ทรัพย์สิน เกรียรติภูมิ กับการ มีลูกอยู่ใกล้ๆดวงตาของแม่
อันไหนมีค่ากว่ากัน

แน่นอนหละ หัวใจแม่เนี่ยะ ตอบทันที ก็ ตาแป๋วๆแบบนี่แหละ ความสุข
ของแม่ แต่ ปากอาจจะพูดอีกอย่าง เพราะความต้องการอุบายในการ
สอนสั่งลูกให้เป็นคนดี ก็อาจจะพูดไปอีกอย่าง ก็เป็นไปได้

เนี่ยะ ทรัพย์สิน เงินทอง คุณ ประเคณให้แม่ แต่ ถ้า คุณ ไม่อยู่ แล้ว
มันจะมีค่าอะไร

แต่ถ้า

คุณเป็น พุทธบุตร เชื่อหรือไม่เชื่อ แม่ ของคุณเนี่ยะ จะยังคงตาม
เห็น ตาแป๋วๆ ของคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่ท่านมี อริยทรัพย์นิดๆ
หน่อยๆ ท่านก็ยังคงเห็นลูกหรือบุตรของท่านได้ตลอดเวลา สมดั่ง
ความปราถนาได้ ไม่มีคำว่า พร่อง

 

แต่ การที่จะทำให้ เจ้าหนี้รายใหญ่ มายอมรับ การตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จาก
เรา อันนี้ ก็อย่าไปเห็นว่าง่ายนะ ใช่ว่า ไปบวชบัดเดี๋ยวนี้ แล้วจะทำให้ แม่ ได้
อริยทรัพย์ง่ายๆ บางที ก็ยากส์ เหมือนกัน

แต่ ท้อไหม .....

อย่าไป ท้อ เพราะ ถ้า ท้อ

ความ ท้อ เนี่ยะ คือ ถีนมิททะ เป็น นิวรณ์ตัวหนึ่ง

นิวรณ์นั้น คือ ตัวขวางกั้นความดี ใครบอกคุณว่า นิวรณ์ คือ ตัวขวางกั้น
ความดี คุณเชื่อได้สนิทใจเลย

แล้ว นิวรณ์ เนี่ยะ พระพุทธเปรียบไว้เหมือน เจ้าหนี้รายใหญ่ที่ทวงเงิน
เราตลอดเวลา แบบว่า ยังกะ ไฟแนนซ์บ้านเรา ที่มาทวงเช้าทวงเย็น
หากไม่ได้ ก็ขู่เข็ญ ทำร้าย กันเลยหละ

ถีนะมิททะ ความท้อ ถอย ตัวนี้แหละ ที่หลอกคุณ ให้หยิบยื่นโลกธรรม
ให้กับแม่ แทนที่จะค่อยๆ นำเสนอธรรม ผ่านความเป็น พุทธบุตรที่แท้
จริงจากเรา

ร้ายไหม นิวรณ์5 นี้แค่ ตัวเดียวนะ มันสับขาหลอก ให้คุณ เผลอยื่น
ประโยชน์ไม่แท้ ให้แม่ ดู๊ ดู ดู มันทำ กับ เรา

 

หลวงปู่มั่น รักษาศีลกี่ข้อครับ พอทราบไหม?

 

ปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องหวังอะไร
แล้วจะเข้าใจทั้งทางโลกทางธรรม มากขึ้นเอง

ปัญญาทางโลก ไม่สงเคราะห์ทางธรรม แต่ปัญญาทางธรรม สงเคราะห์ทางโลก

การปฏิบัติที่ตรง และ สั้นที่สุด ก็คือ การเจริญสติ ให้เริ่มฝึกตามนี้นะครับ

http://www.ruendham.com/book_detail...%E3%B9%AA%D5%C7%D4%B5%BB%C3%D0%A8%D3%C7%D1%B9

 

อนิสงค์ ทาน พระไตรปิฎก

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต


[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่
ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร
พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น
การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ
ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น
ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์
ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน
บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ
มารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตร
คนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา
ยังมารดา
บิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา
ให้สมาทานตั้งมั่นใน
ปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
การกระทำอย่างนั้น
ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ


อนุโมทนาด้วยคับ ดีแล้วครับ ความดีมีหลายอย่าง ใครจะทำได้มากได้น้อยหรือได้ขนาดไหนก็ดีทั้งนั้นคับ และยิ่งทำให้ดียิ่งๆขึ้นไป ก็ยิ่งดียิ่งน่าอนุโมทนาคับ ทั้งในส่วนความดีภายนอก ทั้งความดีภายใน ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น

เราก็เหมือนกระดาษสีดำแผ่นนึง ถ้าไม่มีสีขาวเลยก็เกินไป สีขาวจะมีน้อยก็ถือว่าดีและถ้ายิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆก็ยิ่งดี ถึงสีขาวจะมีเพียงแค่จุดเล็กๆจุดเดียว ก็ยังถือว่าพอเป็นอุปนิสสัยเป็นปัจจัยในภายภาคหน้าได้ อนุโมทนาคับ

 

​

พระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ให้โอวาทเนื่องในวาระสงกรานต์ ปี ๒๕๕๕ (ขอนำมาใช้ในปี ๒๕๕๖ ด้วยครับ)

"เนื่องในวาระสงกรานต์ ตามประเพณีของเรานิยมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ คราวนี้การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่นั้น เราไปในลักษณะของการรดน้ำขอพร เด็กรุ่นใหม่ทำผิดกันเยอะมาก เพราะไปรดน้ำอวยพรผู้ใหญ่ ไม่ต้องทะลึ่งไปอวยพรให้ท่านหรอก วัยวุฒิคุณวุฒิของเราไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความดีให้ท่านได้ ถ้าหากว่าจะอวยพรให้ท่าน ต้องอ้างคุณพระรัตนตรัยแทน แต่ว่าก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอยู่ดี เพราะว่าเราเป็นเด็กกว่า

ในส่วนที่เราได้กระทำในครั้งนี้ ข้อที่ ๑ เป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีแต่ดั้งเดิมของเราเอาไว้ ข้อที่ ๒ เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ใหญ่ ต่อครูบาอาจารย์ ต่อบุคคลที่เรารัก ข้อที่ ๓ เป็นการแสดงอปจายนมัย คือการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ สิ่งที่เราทำนี้เป็นส่วนของความดีทั้งสิ้น เพราะว่าการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งช่วยให้สังคมและประเทศชาติของเราเป็นปึกแผ่นเป็นมั่นคงได้

เนื่องจากสังคมของเรานั้น ต้องประกอบไปด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี กฎหมายบ้านเมือง และระเบียบวินัยของแต่ละสถานที่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นกติกา ที่ยึดโยงให้คนหมู่มากอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ถ้าหากว่าเราละเมิดกฎกติกา สังคมก็จะวุ่นวาย มีแต่ความทุกข์ยากเดือนร้อน

ดังนั้น..ที่เราทำนั้นมีผลประการแรกก็คือ เป็นการสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงของสังคมไทยเรา แสดงออกซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามให้ทั้งคนรุ่นหลังและคนต่างชาติได้เห็น ประการต่อมา ในส่วนของการไปแสดงอปจายนมัยต่อผู้ใหญ่ ก็เป็นไปตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในส่วนของบุญกิริยาวัตถุ เพราะว่าการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น ทำให้คนเห็นมีความเย็นตาเย็นใจ เกิดความรักใคร่เมตตา แปลว่าเราสร้างความดีให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้อื่น

ดังนั้น..ในส่วนของคุณความดีนี้จึงเป็นอานิสงส์ที่ส่งผลมาถึงเราด้วย ว่าท่านทั้งหลายจะให้ความรักใคร่เมตตา เอ็นดูเรามากกว่าปกติ ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่เกินวิสัย ที่ท่านจะช่วยเหลือสงเคราะห์ได้ ท่านก็จะช่วยเหลือสงเคราะห์เรา

ในส่วนของการที่เรานำเอาวัตถุมา ไม่ว่าจะเป็นทองคำ หรือว่าดอกไม้ของหอม ที่ตั้งใจถวายเป็นพุทธบูชา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นส่วนอานิสงส์ของอามิสบูชา ซึ่งมักจะไปปรากฏเป็นโภคสมบัติ หมายความว่าในส่วนของอามิสบูชานั้น อานิสงส์ถัดไปข้างหน้าคือความร่ำรวย มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่

แต่ขณะเดียวกัน เรามาปฏิบัติในส่วนของปฏิบัติบูชา ก็คือกระทำอปจายนมัยตามวาระสำคัญของประเพณีต่าง ๆ ในส่วนนี้ถือเป็นส่วนของปฏิบัติบูชา แต่ว่าในส่วนที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ความดีที่ระดับสูงกว่านี้ คือ ศีล สมาธิ และปัญญานั้น เป็นสิ่งที่พวกเราจะทิ้งไม่ได้ การกระทำของเราในครั้งนี้เป็นพื้นฐาน ในเมื่อเรามีพื้นฐานที่หนาแน่น ศีล สมาธิ ปัญญามีที่หยั่งลงได้อย่างมั่นคง โอกาสที่เราจะก้าวล่วงขึ้นไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่า หรือว่ากระทั่งหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานก็จะมีมากกว่าปกติ

ในวาระอันสำคัญก็คือวันสงกรานต์ และท่านทั้งหลายได้กระทำซึ่งอปจายนมัย นำเอาวัตถุซึ่งเป็นอามิสทั้งหลายนี้ มาแสดงออกซึ่งความกตเวที คือความรู้คุณในสิ่งที่อาตมาได้กระทำมาตั้งแต่ต้น ก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นประธาน บารมีของครูบาอาจารย์มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงเป็นที่สุด ตลอดจนความดีทั้งปวงที่อาตมาภาพได้บำเพ็ญมาเป็นอเนกชาติ และความดีทั้งหลายที่ท่านได้บำเพ็ญมานับแต่ต้นจวบจนบัดนี้

ขอจงรวมกันเป็นตบะเดชะ เป็นพลวปัจจัย บันดาลดลให้ท่านทั้งหลาย มีความเป็นอยู่ที่คล่องตัว มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ แม้ว่าปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใด ที่ไม่ผิดศีลผิดธรรมและไม่เกินวิสัยแล้ว ขอความปรารถนาของท่านทั้งหลายนั้น จงพลันสำเร็จดังมโนรถปรารถนาจงทุกประการ โดยถ้วนหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ"

ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม

http://palungjit.org/posts/7743174

 

ขอบคุณครับ แต่ผมลองเข้าไปแล้วโปรแกรมกันไวรัสผมแจ้งว่ามีไวรัสครับ ลองแจ้งเจ้าของเว็บตรวจสอบดูก่อนดีกว่าครับ

 

ศีลของพระภิกษุ 227 ข้อครับ

 

เรียนคุณปลาแมว

ผมยินดีต้อนรับเข้า "ชมรมโพธิธรรม" นะครับ
PM มาได้นะครับ เดี๋ยวจะผมให้เบอร์โทรศัพท์
1. ทางชมรมฯ มีกิจกรรมทั่วไป ที่ไม่ได้พิเศษไปกว่าชมรมพุทธศาสตร์อื่นๆ คือ มีกิจกรรมทาน ศีล ภาวนา และจิตอาสาเพื่อสังคม
2. มีหลวงปู่ หลวงพ่อ แวะเวียนมาสอนที่ชมรมฯ ทุกเดือน
3. ชมรมฯ มีสถานที่ไม่ใหญ่โต ดังนั้นคุณปลาแมว จะมีโอกาสใกล้ชิดหลวงปู่ หลวงพ่อ เพื่อจะซักถามสิ่งที่สังสัยได้น่ะครับ
4. ชมรมฯ ส่งเสริมให้สมาชิกมีความกรุณาต่อกัน และปฏิบัติให้จริง ไม่ว่าจะเป็นสมถะหรือวิปัสสนา ไม่บังคับสมาชิก
5. การรู้จริตของมนุษย์ว่าเหมาะแก่การปฏิบัติแบบไหนมากที่สุด มีแต่เพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แม้พระสารีบุตรก็ยังไม่ทราบกรรมฐานที่เหมาะกับการปฏิบัติของลูกศิษย์ท่านเอง (ลองอ่านดูในพระไตรปิฏก พระสุตตันตปิฏก เกี่ยวกับประวัติพระสารีบุตรนะครับ ดูจากเวปพระไตรปิฏกก็ได้ครับ)
6. การดูวาระจิต การดูการเกิด-ตายของสัตว์ การจุติและปฏิสนธิในครรภ์มารดา ก็มีแต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ วิชชา3 อภิญญา6 ที่ดูได้ แต่ก็มีขีดจำกัด ไม่สามารถรู้ทั่วไปหมดทั้งสากล (มีปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฏก เกี่ยวกับประวัติพระมหากัสสปเถระ ที่พยายามจะดูการจุติ-ปฏิสนธิของสัตว์ แบบที่พระพุทธเจ้ารู้เห็น ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงเตือนว่ามิใช่วิสัยของพระมหากัสสปะ อรหันตสาวก แม้ว่าจะสำเร็จปฏิสัมภิทาญาณ วิชชา3 อภิญญา6) เพราะยังมีข้อจำกัด และเหตุผลบางประการ
7. ดังนั้นผมขอเป็นกำลังใจให้คุณปลาแมว ในสิ่งที่ปฏิบัติดีอยู่แล้ว และเห็นคุณค่าในความดีของตน พัฒนาให้งอกงามยิ่งขึ้น ละอกุศลที่เราสามารถพิจารณาได้ด้วยตนเองในระดับนึง ปฏิบัติภาวนา ทำใจให้ผ่องใส และแวะเข้ามาร่วมกิจกรรม ที่ ชมรมโพธิธรรมได้นะครับ
8. ท่านสามารถดูรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ Bodhisattaclub.com
9. และขออนุญาตประชาสัมพันธ์กิจกรรมของชมรมโพธิธรรม
- วันที่ 15 พฤษภาคม 2556 เวลา 7.30-11.30 หลวงปู่ไม อินทสิริ จะมารับภัตตาหารเช้าที่ชมรมฯ และเทศนาธรรม ขอเชิญท่านผู้สนใจ โทรจองที่นั่งล่วงหน้า ก่อนสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากพื้นที่รับรอง มีจำกัดครับ (ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง)
- วันที่ 24-25-26 พฤษภาคม 2556 ตลอดทั้งวัน หลวงปู่ใหญ่เจ้าอาวาสวัดชัยชนะสงคราม อ.หาดใหญ่ จะมาสอนวิชชาธรรมกาย + หลวงปู่สุมโน ภิกขุ จะสอนวิชามโนมยิทธิ ณ ชมรมโพธิธรรม
- ท่านที่สนใจ สมารถดูแผนที่ชมรมฯ ที่ www. bodhisattaclub.com และโทรนัดหมายเข้าร่วมกิจกรรมที่เบอร์ 080-5550820 คุณธรรณวัฐ ขอบคุณครับ

 

อธิษฐานบารมี

.

 

หลวงปู่มั่น รักษาศีลข้อเดียว ครับผม

 

งั้นดูในนี้ครับ

http://palungjit.org/posts/7767575

 

ขอทราบได้รึปล่าวคะ ว่าท่านรักษาศีลข้อไหน..อยากทราบจิง ๆค่ะ
สาธุธรรมค่ะ ^^

 

ขอ ออกความเห็นด้วยสักหน่อย เผื่อ เป็นประโยชน์ คิคิ

มีศึล ครบอยู่แล้ว เป็นบุญกุศลที่ทำมา
ฝึกให้มีศีล เป็นก้าวเดิน เข้าสู่ทางธรรม

ศึล คือ พื้นฐานอย่างแรก เลย แหละ

สมาธิ สมถะ ความสงบ คือ สิ่งเดียวกันในแง่ของผลที่เกิดขึ้น
(มีสมาธิกับลมหายใจ มีสมาธิกับความคิด มีสมาธิกับตา มีสมาธิกับหู อื่นๆ ได้ทั้งนั้น แหละ)


ถ้าจะเอา สมาธิ มาแก้ไขปัญหาทางโลก ก้อได้ในระดับหนึ่ง และ ยิ่งมี ศีล เข้ามาด้วย จะได้อีกระดับนึง และ ยิ่งมีความรู้ทางธรรมะ เพิ่มขึ้น ก้อจะได้อีกระดับนึง ยิ่งรู้มากๆ เข้า จากแก้ปัญหาทางโลก กลายเป็น ดับปัญหาทางโลกไปเลย นะ คิคิ

( รู้ที่ว่า นี้ รู้จาก การ รู้เอง นะ ไม่ใช่มาจาก การอ่าน หรือ ฟัง นะ แต่การที่จะรู้เอง ได้ สมาธิจะเป็นเครืองมือ อันนึง ที่จะนำพา ปัญญา มาสู่ ผู้ปฏิบัติ )

จะว่า ไป อาจารย์ หรือ ผู้ให้คำแนะนำ ก้อ เป็นปัจจัย นึงเหมือนกัน นะ คิคิ
ถ้าได้เจอ ถือ เป็น วาสนา เหมือนกัน เนอะ