ข่าวดี ชาวโลกจะได้พบพระศรีอารย์ในปี 2549

ผู้มีปัญญาดุจดั่งเพชรเท่านั้นที่รู้จริง

สาธุครับ[b-wai]

 

ที่คุณเกษมว่าก็มีส่วนจริงครับ

เห็นด้วยกับคุณเกษมเหมือนกันครับ
จะลงมาแล้วหรือยังไม่ลงมา กระผมก็ขอแอบอยู่หลังท่านผู้รู้ก่อนล่ะครับ

 

เท่าที่ทราบมาเวลาที่พระศรีอาริย์ จะมาปรากฎตัวให้ชาวโลกได้เห็นนั้นจะมาในลักษณะอย่างนี้ครับ

เมื่อปรากฏภัย ๑๐ ประการ

1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง

ปรากฎหนาแน่นขึ้น ก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาวขี่ม้าขาวเหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรย มาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย

หลังจากนั้นไม่นานขุมทรัพย์ทั้ง 4 ของพระศรีอาริย์ก็จะปรากฎเกิดขึ้นในสุวรรณภูมิ ระหว่างเชียงราย ฝาง เชียงใหม่ ลำพูน เพราะขุมทรัพย์อันมหาศาล คือแก้วแหวนเงินทองจะระเบิดออกในภาคเหนือของประเทศไทย ดอยเงินดอยคำและเพชรนิลจินดาจะแตกออกทั้งลูกดอย และจะมีหลายลูกด้วยกัน กองทัพจะเข้าแย่งชิงสมบัติเหล่านี้ มืดมัวไปทั้งสี่ทิศ ทหารของชาติต่างๆ จะล้มตายไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงเหลืออยู่เพียงส่วนเดียวเลือดจะไหลนองเป็นห้วยน้อย จนถึงกับพวกหนูต้องว่ายข้ามต่างก็จะยิงกันจนเหลวแหลก เพราะโลภตัณหา จะรบกันถึง 7 ชาติ แต่ขุนศึกสำคัญนั้นมี 3 คน คือ

1.พญาลายตีนเป็นกงจักร
2.พญาแขนสั้นราว (คืนแขนสั้นข้างยาวข้าง)
3.พญาลิ้นกาฬ (ลิ้นดำ)

ในตำนานพระศรีอาริย์จุติ ซึ่งพระอิศวรผู้เป็นเจ้าไปนิมนต์มาเกิดนั้นกล่าวไว้เป็นปัญหาว่า"ฤทธิ์เดชของพระยาแขนสั้นยาวนั้นมากมายเหลือหลาย เหล็กกลม 7 กำยาว 4 ศอก นั่งหย่องเยาะ เอามือซ้ายขว้างไปไกลได้ถึง 7 - 8 ไร่นา" ผู้เขียนขอวิจารณ์ว่า "เหล็กกว้าง 7 กำยาว 4 ศอกนั้นคงไม่ใช่เหล็กธรรมดา คงเป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่นั่นเอง" แก้วแหวนเงินทองนั้นใครๆ ก็อยากได้ด้วยกันทุกคน ถ้ามันมีมากขนาดเท่าภูเขาเลากา และมันเกิดประเทศใด ประเทศนั้นก็ต้องตกเป็นจุดยุทธศาสตร์ขนาดล้างโลก และนั่นก็เป็นวันตัดสินโลก(Doomsday) ได้มาถึงแล้วโดยไม่มีปัญหา

(หาอ่านเพิ่มเติมได้จาก หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก โดยรหัสยญาณ สำนักพิมพ์ลานอโศกเพรสกรุ๊ป โรงพิมพ์สหธรรมิก)

 

หากใครอยากรู้ว่าพระศรีอาริยะเมตไตรย ที่มาเกิดกายในยุคนี้จะมาทำภาระกิจสิ่งใดในโลกนี้ กระผมขอแนะนำให้ท่านเข้าไปศึกษาดูได้ที่เวปไซต์แห่งนี้ครับ

http://siri.bodhisattva.name/

ผู้แต่งหนังสือสิริอาริยะธรรมิกราช ได้บอกข้อความที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวของเขาไว้ดังนี้ครับ

การที่ผู้เขียนสมมติตนเป็นพระศรีอารย์นี้ ไม่ได้หมายความว่า ผู้เขียนรับรองตนต่อผู้อ่านแล้วว่าผู้เขียนคือพระศรีอารย์ และการที่ผู้เขียนยังไม่รับรองตนว่าเป็นพระศรีอารย์นี้ ก็ใช่ว่า ผู้เขียนจะปฏิเสธว่าผู้เขียนไม่ใช่พระศรีอารย์แน่แท้แล้ว เหตุเพราะว่า ผู้เขียนยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับตน ยังอยู่ในขั้นตามพิสูจน์ธรรมอยู่ หากพิสูจน์รู้แน่แท้ว่า ผู้เขียนคือพระศรีอารย์ เรื่องราวต่างๆในนิยายนี้ก็จะปรากฏขึ้นได้ตามเป็นจริง เพราะผู้เขียนตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ได้อย่างนี้จริงๆ แต่ หากพิสูจน์แล้วว่าผู้เขียนไม่ใช่พระศรีอารย์ เรื่องราวในนิยายนี้ก็จะเป็นแค่เรื่องของความคาดเดาของผู้เขียนเท่านั้น และผู้เขียนก็จะได้เลิกการเขียนนิยายต่อไป เพราะละทิ้งการสมมติตนเป็นพระศรีอารย์ อันเป็นเหตุเกิดนิยายแล้วนั่นเอง..

ผังเมืองที่ผู้เขียนเขียนขึ้นมานี้เอง ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของนิยาย พอให้นิยายดูมีชีวิตชีวา สมจริงมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจนับเป็นที่อ้างอิงได้ว่าต้องเป็นอย่างนี้.... เดิมที ผู้เขียนเลือกหลวงพระบางเป็นที่ตั้งผังเมืองใหม่ ด้วยเหตุผลทางเชื้อสายของผู้เขียน แต่พอมาพิจารณาเหตุปัจจัยอื่นๆประกอบแล้ว คือ ความสะดวกในการทดน้ำเข้าเขื่อน ความเป็นเมืองของชาวพุทธเถรวาท ตำแหน่งที่ขุมทรัพย์พึงปรากฏ เหล่านี้แล้ว จึงเป็นเหตุให้ผู้เขียนย้ายที่ตั้งผังเมืองใหม่มาอยู่ที่ทางตอนเหนือของประเทศไทยแทน เพราะ เป็นกึ่งกลางแดนพุทธเถรวาทในตอนนี้ คือ ไทย-พม่า ทำให้สะดวกในการขนย้ายพุทธบริษัทมาสู่เมืองใหม่ และสะดวกแก่ผู้อพยพตามมาในภายหลังที่เป็นชาวพุทธเถรวาทด้วย ซึ่งโดยมากก็เป็นไทยกับพม่า ...

คัดลอกมาจากhttp://siri.bodhisattva.name/s_newcity.htm

 

อืมม...พระกู้โลก ในความคิดของผมน่าจะมีลักษณะแบบนี้ไหมครับ

1.ต้องเป็นผู้ที่บุญทำกรรมแต่งให้มีความงดงามพูดง่าย ๆ คือ ต้อง "หล่อ" นั่นเอง
เพราะเป็นเทพมาเกิดย่อมต้องมีลักษณะบุญเดิมติดตัวมา
และน่าจะต้องหล่อระดับดารา ซุปเปอร์สตาร์ เพราะต้องเป็นที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก
จึงต้องมีรูปร่างหน้าตาที่ เพอร์เฟค เลยทีเดียว

2.ลักษณะการพูดจา ต้องไม่ออก ลิเก ไม่ใช่แบบ ชะเอิงเอย ข้าพเจ้าเสด็จมาจากเทวาลัย...ฯลฯ
พูดกับใครไม่รู้เรื่อง ดูเหมือนเกิดผิดยุค และอาจทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
แต่การพูดของท่าน ต้อง พูดแบบเรา ๆ ท่าน ๆ พูดด้วยภาษาสุภาพ เปี่ยมไปด้วยเมตาเข้าใจง่าย ๆ
ฟังแล้วเย็นอกเย็นใจมีน้ำเสียงไพเราะ ไม่ก้าวร้าวรู้จัก กาละเทศะ
และพูดอย่างชาญฉลาด ต้องพูดเรื่องยากให้ง่ายเป็น ไม่ใช่พูดเรื่องยากให้โครตยาก หรือ พูดเรื่องง่ายให้ยากและควรรอบรู้หลายภาษาอย่างน้อยก็ต้อง ไทย อังกฤษ บาลีสันสกฤต อาหรับ จีน อินเดีย

3.ความรู้ด้านศาสานา ต้องไม่ใช่รู้จักแค่ศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียว
แต่ต้องรู้จักศาสนาอื่นด้วย รู้จักครบทุกศาสนาและลัทธิ และรู้แบบละเอียดเลยทีเดียว
เพราะการมาของท่านท่านมากู้โลก เพื่อมนุษย์ทุกคน ดังนั้น ต้องไม่ใช่ผู้ที่แบ่งแยกเขา แบ่งแยกใคร
ถึงแม้องค์ความรู้แห่งพุทธศาสนาจะเป็นสิ่งสูงสุดแล้วก็ตาม แต่การต้องมากู้โลก(ไม่ได้มาพาสาวกคืนสู่นิพพาน)ต้องเผชิญหน้ากับ มหาชนที่เหนียวแน่นในศาสนาอื่น จึงต้องรู้จักทุกศาสนา ละลายจุดต่างสมานจุดร่วม การกู้โลก สงครามเป็น สิ่งที่เลี่ยงยาก และสงครามที่จะเกิด ไม่ควร ต้องสูญเสีย
คนดี ๆ มากมาย สงครามที่พระกู้โลกจะก่อให้มีขึ้นจะต้องไม่ใช่ "สงครามศาสนา"
แต่เป็นสงครามระหว่าง ธรรมะ และ อธรรม เพราะทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดี
แต่อธรรมล้วนแอบแฝงอยู่ในทุกศาสนา

4.การสั่งสอน ต้องไม่ ขู่ เช่น ถ้าไม่เชื่อ เรา คุณ จะต้องตายลงนรก ไปชั่วกัปชั่วกัลป์
ต้องไม่ใช้ความกลัวเข้าครอบงำให้คนจำใจเชื่อ แต่ต้องเป็น
"การสั่งสอนที่เปี่ยมด้วยปัญญาสูงส่งดั่งอริยะบุคคลและล้นไปด้วยเมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงดั่งพระโพธิสัตว์เจ้า" มีชั้นเชิงจิตวิทยาสูงเพื่อให้คนเข้าใจและปลอบประโลมให้ก้าวพ้นทุกข์ไปในที

อืมมคิดได้แค่นี้ก่อน นี่แหละพระกู้โลกในอุดมคติของผม พระกู้โลก อาจไม่ใช่คนลักษณะนี้ก็ได้
แต่ผมคิดว่าลักษณะนี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่ พระกู้โลก ควรจะมีน่ะครับ
แล้วพระกู้โลกในอุดมคติของเพื่อน ๆ เป็น ยังไงบ้างครับ

 

ท่านประสาทกินหรือเปล่า

เขียนอะไรได้เป็นตุเป็นตะ ไปนั่งสมาธิภาวนาจิตเสียใหม่ อย่าฟุ้งซ่านเลย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

มีประกาศตัวเองแล้ว ... 3 คน ... อะหึอะหึ....
คนที่รู้ตัวเองว่าเป็น..... เขาไม่ประกาศตัวร๊อก... ใช่มั๊ย?

 

พระศรีอาริย์ องค์จริงจะต้องทรงอภิญญา สามารถแสดงฤทธิ์ขี่ม้าขาวเหาะลอยขี้นไปบนอากาศต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากได้ เพื่อประกาศตัวเองว่าเป็นพระศรีอารย์ผู้จะมาโปรด ช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้
เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่อาจทำให้ใครเชื่อได้ว่าเป็นพระศรีอาริย์องค์จริงครับ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องประกาศศาสนาของพระองค์ หรือไม่ ต้องมีการเทศนาหรือไม่ และอีกทั้งพระพุทธองค์ ต้องเดินทางเผยแพร่พระพุทธศาสนาด้วยตนเองหรือไม่ ท่านทั้งหลายย่อมจักรู้ดี

(b-smile) บรรดาลูกศิษย์ทั้ง 60 รูป ต่างแยกย้ายกันออกเผยแพร่ ทั่วสารทิศ เรียกว่าการประกาศ ศาสนาหรือไม่ อีกทั้ง หากมิมีการประกาศออกไปจักมีผู้ใดทราบว่า พระองค์คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือไม่ ท่านทั้งหลายย่อมทราบกันดี อยู่แล้ว

(deejai) การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า จักอุบัติขึ้นในยุคที่ประชาชนต้องผจญกับทุกข์เข็ญ ทั้งสิ้น เมื่อครั้งพุทธกาลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นเพื่อบอกความจริงเกี่ยวกับความเชื่อ เรื่องการนำศพลอยน้ำ เพื่อขึ้นสู่สวรรค์ของชาวบ้าน จนกระทั่งบังเกิดโรคระบาดขึ้น คือ อหิวาตกโรค

(evil) ในยุคปัจจุบัน มีโรคเอดส์ระบาด ในประชาชนทุกหมู่เหล่า นับว่าร้ายแรงกว่าครั้งพุทธกาล อีกทั้งทางการแพทย์เชื่อว่า โรคเอดส์เป็นแล้วตายสถานเดียว แต่ในพุทธศาสตร์ สามารถรักษาได้ด้วยจิต ทั้งนี้เนื่องเพราะทุกสรรพสิ่ง มีกำเนิดมาจากจิต ตัวตนของจิตมารมีอยู่จริง โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายก็คือจิตมาร อายุขัยของสรรพสัตว์ซึ่งเวียนว่ายตายเกิดใน กามภพ ก็คือ ฌาน หรือปราณ หรือ โปรตรอน ซึ่งเป็นขององค์อินทร์ ที่ทำงานประสานกันอย่างแยบยล กอรปกันเป็นสิ่งมีชีวิต คือ พุทธคุณ ซึ่งเป็นของแม่พระธรณี พุทธคุณ คือ โอโซน คืออิเล็คตรอนตัวสุดท้ายซึ่งวิ่งวนรอบนิวเครียส
(b-smile) นั่นหมายถึง โรคเอดส์สามารถรักษาให้หายได้ด้วยจิต รักษาด้วย ฌานสมาบัติ กับ พุทธคุณ ซึ่งเป็นตัวกำหนดอายุขัยของมนุษย์ แบบแผนการฝึกฝนจิตของอารยเมตตรัยพุทธเจ้า จักไปในทิศทางนี้ คือทำให้มนุษย์มีอายุยินยาวขึ้น หากแม้นได้ ฌาน จนกระทั่งสามารถน้อมนำ พุทธคุณ และฌานสมาบัติ เข้ามาสู่ร่างกายได้ นั่นหมายถึง สามารถรักษาโรคเอดส์ได้ โดยมิต้องทานยาแต่ประการใด หลักสูตรการฝึกฝนจิตด้วย กายคตาสติ ตามหลักสติปัฏฐาน 4 จักกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่ยังมิถึงบทตอนที่ ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ ข้าพเจ้า นำบทธรรมทุกบท ซึ่งได้ตรัสรู้ธรรม ออกนำเสนอเพื่อง่านต่อความเข้าใจ เป็นตอน ๆ ไป เมื่อถึงเวลาท่านจักมีความเข้าใจเอง บ่ลองจักฮู้อะหยัง

 

ชักจะฟุ้งซ่านไปมากแล้วนะคุณอุทัย สามจ้อย จ้บแพะชนแกะกันมั่วไปหมด ควรเจริญอานาปานุสติจับลมหายใจเข้าออกให้มาก จะช่วยระง้บความฟุ้งซ่านได้ และตั้งสติพิจารณาธรรมะให้ดีว่าอะไรเป็นของจริง อะไรเป็นภาพลวงตาอย่าเชื่อนิมิตที่เห็นมากนัก เพราะม้นไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป

ควรขอขมาพระรัตนตรัยที่ได้ล่วงเกิน ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม ที่ได้กล่าวตู่เอาธรรมะของท่านมาเป็นของต้วเอง จะได้ช่วยลดวิบากกรรมที่จะต้องไปทนทุกข์ทรมานในนรกอย่างยาวนานให้น้อยลง

 

ตายเลย พี่ ทิดสามจ้อม ช่วยโหมโรง หายนะ ของโลก ...จ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

<embed src="http://songupload.songjapan.com/iwish_precious.wma" width="300" height="45"></embed>

 

เห็นด้วยกับคุณเกษม ... ครับพ๊ม

 

ผมว่า บางอย่าง เป็นเรื่อง ซับซ้อน เข้าใจยาก เรามาเริ่มต้น ตรงที่มีสติ ตามดูรู้ทัน ตนเอง ตลอดเวลา ไม่ว่า พระศรีอาริยะ จะมากำเนิดหรือไม่ แต่เราผู้เพียร ปฏิบัติ จะสามารถ หลุดพ้น จากบ่วงทุกข์ ได้ด้วย ตนเอง ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก ส่วนอภิญญา ถ้ามี ก็ไม่ได้มีไว้ อวดอ้าง แต่อย่างใด มีไว้เพียงเพื่อให้สติระลึกรู้ ถึงกิเลสที่ยังมีหรือไม่เท่านั้น

 

ผมเชื่อคุณ จิตพิศดาร ครับ เห็นด้วย แต่ไม่สามารถอธิบายได้ มันเป็นความรู้สึกในใจ

 

ผมว่าบุคคลที่บำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลานานมากนะครับ ยากลำบากมากกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้ถ้าท่านจะจุติ และบรรลุธรรม คงต้องสมกับที่บำเพ็ญมานะครับ อีกอย่างตอนนี้ก็อยู่ในช่วงของพระพุทธสมณโคดมนะครับ ผมว่าคงจะอีกนานครับและคงเป็นเรื่องที่เรายังไม่สามารถระบุได้นะครับ[b-hi]

 

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

จากคน ๆ หนึ่ง

มี 2 ความเห็นคือ
ความเห็นแรกไม่เชื่อ (ตัวบุคคลที่อยู่ในนี้ แม้กระทั่งตัวเอง ก็ไม่ใช่บุคคลที่กล่าวถึง) เพราะ
1. ปกติคนดีที่ประเสริฐจริง ๆ จะไม่ป่าวประกาศหรอกว่าตนเป็นใคร มีดีอะไรให้คนโดยทั่วไปรู้จักหรอก
2. การเป็นสิ่งที่คาดหวัง ไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรทุกอย่างตามที่คาดหวังก็ได้
3. แก้วแหวนเงินทอง อำนาจบารมี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของมนุษย์ได้ เพราะอย่างไรก็ตามมนุษย์ทุกคนต้องตาย ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
ความเห็นที่สองเชื่อ (เชื่อว่ามีบุคคลดังกล่าวจริง แม้จะยังไม่ปรากฏตัว) เพราะ
1. เป็นอะไรที่สามารถทำให้เราแบ่งแยกสิ่งที่ดีและไม่ดีได้อย่างชัดเจน
2. การกระทำของบุคคลดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่มนุษย์อย่างเรา ๆ ท่าน ไม่สามารถจะทำกันได้ง่าย ๆ แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่อาจดูธรรมดา แต่เป็นการกระทำที่บริสุทธิ
3. เชื่อในคำที่ว่า "สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษ"

 

ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด
-----------
อันตัวเราพึงได้ฟังก็สักแต่ว่าฟัง หุหุ

 

แค่คนจะทำผิด(เช่นกฏหมาย)โดยอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้นะคร๊าบ

 

ผมก็ได้ยินมาเยอะเหมือนกันว่าคนนั้นคนนี้ก็บอกว่าตนเองเป็น แต่ยังไงก็ต้องดูการกระทำแนวความคิดหลักธรรม และที่แน่นอนที่สุดคือเมื่อถึงเวลาจริงๆถึงจะทราบว่าท่านเป็นใครครับ แต่เท่าที่ผมเจอมายังไม่รู้สึกเลยว่าใครจะได้เป็นครับ ไม่แน่ท่านที่เป็นจริงๆอาจจะไม่มีใครรู้จักหรือเคยนึกถึงท่านก็ได้นะครับ