ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ฝากด้วยครับ

สวัดดีครับผมขอฝากถามอาการที่ผมเป็นครับ คือผมชอบเห็นแสงเหมือนดาวเวลามองผ่านท้องฟ้า แต่พอไปมองดีๆกลับไม่มีอะไร บางครั้งสว่างเหมือนเป็นแสงดวงจันทร์ครับ เเละเวลาหลับตานอนไปซักพักก็มีแสงวูบว่าบตลอด มีครั้งหนึ่ง เห็นเป็นตัวอักษรคล้ายภาษาจีน แต่ไม่ใช่เหมือนอักษรภาพก็ไม่เชิง ส่วนอาการอื่นๆ
ก็มีที่เหมือนในกระทู้ด้วยครับ ผมชอบคิดเห็นโลกที่มีแต่รอยยิ้ม ท้องฟ้าสดใส
ไม่มีความทุก ไม่มีสงคราม ทุกคนต่างร่วมมือกันเพื่อมุ่งไปข้างหน้า และอยู่ดีๆก็เศร้าโดยไม่รู้เหตุ ความไฝ่ฝันทุกอย่างเหมือนล้มละลาย ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี
อยู่ดีๆก็ร้องไห้ ยากออกไปจากชีวิตที่สับสนวุ่นวาย หรืออยากไปบวชไห้รู้แล้วรู้รอดไปซะเลย ฝากถึงท่านที่มีอาการอย่างว่าช่วยชี้แนะด้วยคร้บ ผมจะบ้าตายแล้ว

 

ทำใจดีๆไว้นะครับ.ไม่มีอะไรต้องกังวล คุณคือคนพิเศษ.
ปล.ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จู่ๆจะมีใครซักคนมีอาการแบบนี้ ขอโมทนาฮะ.

 

ส่วนตัวก็เคยเป็นแบบนี้ หลายครั้งมากกก ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับ แค่ ต่างมิติเขามาสื่อสารด้วย ลองฝึกทำสมาธิดูเพื่อจะรับการสื่อสารไมด้มากขึ้น

 

ไม่ได้เข้ามาติดตามสองสัปดาห์เพราะคอมพ์พัง เพิ่งเข้ามาวันนี้เว๊บเปลี่ยนสกุลไปแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วมีเหตุการณ์เกิดกับผมไห้ระเหี่ยใจหลายเรื่องจัง ระเหี่ยใจสุดๆก็เรื่องเงินละครับเฮ้อ!ส่วนเรื่องความสัมพันธ์และทรัพย์สิน มันสาปสูญสิ้นจนสบายใจไปนานแล้ว มีอีกเรื่องคือผมโหลดเพลงปรับจูนคลื่นสมองไปฟัง เขาก็มีคำเตือนอยู่ว่าอาจจะเกิดอาการ ปวดหัว คลื่นใส้ หรืออาเจียรได้ในช่วงแรกๆ แต่ผมฟังก็ไม่มีอาการอะไรครับ จนกระทั่งประมาณสัปดาห์กว่าๆขณะนอนฟังอยู่ดีๆ รู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวหนาวๆร้อนๆ เพิ่มมากขึ้นๆ สรุปคือไข้ขึ้นครับ หนาวมากต้องนอนห้มผ้าสั่นทั้งคืนและวันต่อมาทั้งวัน แต่ก็ไม่กินยานะครับตั้งใจจะไม่กิน ไปซื้อแค่เจลลดไข้มาแปะหน้าผากเฉยๆ ยังคิดเลยว่าสงสัยไข้เลือดออกเล่นงานแน่ แต่ก็แปลกพอประมาณห้าทุ่มกว่าๆอาการไข้ก็หายไปแบบปลิดทิ้ง ช่วงเวลาเดียวกับเวลาที่เป็นไข้เมื่อคืนก่อน จะเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไรไม่รู้

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ขอบคุณมากครับ

 

เรื่องการใช้คลื่นเสียงผมก็ใช้ครับ แรกๆผมอยากอ้วกแต่หลังๆก็ปกติดีแต่เป็นไข้แทน อาการแบบเดียวกับคุณเลย ไม่กินยาเหมือนกันมาหายเอาสะดื้อๆหายแบบหายขาดตอนตีห้า แต่ตอนก่อนจะหายได้ยินเสียงระเบิดในหัวดังมากๆหลังจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

 

อาการแห่งการเลื่อนระดับขึ้นของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ตรงขั้นตอนไหนของกระบวนการนี้

ถ้าใครติดตามอ่านข้อความจากต่างมิติมาโดยตลอด ก็คงจะหายสงสัย
และหายกังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บของตัวเองไปนานแล้ว
เพราะว่า ต่อให้มันเป็นโรคจริงๆก็เถอะ
เราก็จะมีความรู้สึกเชื่อมั่นอะไรบางอย่าง
อยู่ในใจลึกๆของเรา ว่าเราจะไม่เป็นอะไรแน่ๆ
เพราะว่าเรายังทำภาระหน้าที่ของเรายังไม่เสร็จ

การเลื่อนระดับขึ้น มันเกี่ยวข้อง-เกี่ยวโยงอย่างขาดไม่ได้
กับการกระตุ้นระบบจักระของเราด้วย เพราะเราต้องอาศัยร่างกายเนื้อ
ในการประสานรวมเข้ากับจิตวิญญาณ และ ตัวตนหลากมิติอื่นๆของเราเองด้วย
ดังนั้น อาการทางกาย มันก็เลยมีมาก เพราะว่าระดับความสั่นสะเทือน
ของกาย และ จิตวิญาณ หรือตัวตนหลากมิติของเรา มันต่างกัน
ดังนั้น กายเราจึงค่อนข้างที่จะตกที่นั่งลำบาก
เพราะว่ามันมีระดับพลังงานต่ำกว่าเพื่อน

และเมื่อใด หรือ ทุกครั้ง ที่ระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของเรา
ขยายกว้างออกไปอีกแล้ว อาการแห่งการเลื่อนระดับขึ้น ทั้งเก่าและใหม่
ก็จะปรากฎขึ้นเสมอ และข่าวร้ายก็คือ อย่าหวังหว่ามันจะสิ้นสุดลงเร็วๆนี้ด้วย
จนกว่า ทั้ง เรา และ โลก จะเลื่อนระดับขึ้นไปได้จนสำเร็จแล้วโน่นแหละ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ด้วย เราอาจจะตายก่อนก็ได้ เพราะว่ากุญแจสำคัญก็คือ
มันจะต้องเกิดขึ้นกับคนทั้งโลกด้วย มันถึงจะจบสิ้นลงได้

ดังนั้น กุญแจมันจึงอยู่ที่ คนทั้งโลก ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นหนะนะครับ
แล้วเมื่อไหร่หละ? อันนี้ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบครับ
เพราะว่าเรื่องของคนทั้งโลก ก็คือเรื่องของคนทั้งโลกจริงๆ

ดังนั้น แม้แต่ต่างมิติเอง พวกเขาก็ไม่รู้หรอก ว่าเมื่อไหร่
เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับมนุษย์โลก ทั้งโลกเอง ทั้ง 100% จริงๆ
ว่าจะกำหนดให้มันเป็นไปเมื่อไหร่
ซึ่งแม้แต่เกิดขึ้นในพริบตาเดียวก็ยังเป็นไปได้เลย
พวกเขาเคยบอกว่าอย่างนั้นหนะนะครับ

พวก Lightworker ที่กำลังอยู่บนเส้นทางนี้ส่วนใหญ่
จะเป็นพวกที่มีความไวต่อพลังงานมากกว่าคนอื่นๆอยู่แล้ว
ดังนั้น พลังงานความคิด - อารมณ์ - ความรู้สึก ของคนอื่นๆ
และของ "จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก" (Collective Consciousness)
พวกเขาจึงสามารถสัมผัสรู้ หรือ รับรู้ ได้ด้วย จนบ่อยครั้ง
หลงเข้าใจผิดไปว่า มันเป็น ความคิด หรือ อารมณ์ของตัวเองไป

ดังนั้น ปัญหาของคนเหล่านี้ ก็เลยกลายเป็นว่า รู้สึกเศร้าโดยไม่รู้สาเหตุ
หรือรู้สึกอะไรแปลกๆโดยไม่รู้สาเหตุ..แต่แน่นอนว่าสาเหตุมันมีแน่ๆหละครับ
เช่น อาจจะเศร้า เวลาเกิดแผ่นดินไหวมีผู้บาดเจ็บล้มตายที่ไหนสักแห่ง
อาจจะรู้สึกเศร้า เวลามีเรื่องเศร้าที่ไหนเกิดขึ้นบนโลก
หรือ กับคนที่เราสนิทชิดชอบบางคน เป็นต้น

แล้วก็..ลองจับสังเกตดูอารมณ์ตัวเอง ในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ
บนท้องฟ้าเกิดขึ้นด้วยนะครับ เช่น วันเพ็ญ, วันที่มีพายุสุริยะรุนแรงเกิดขึ้น,
วันที่ดวงดาวต่างๆมาเรียงตัวกันแบบต่างๆ เป็นต้น

และรวมถึง ลองสังเกตดูตัวเอง ในวันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นบนโลกด้วยนะครับ
เช่น วันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษา วันถือศีลอดของอิสลาม อะไรแบบนี้เป็นต้น

ดังนั้น บทเรียนบทใหม่ของเราในช่วงนี้ ก็คือ การหัดแยกแยะ
ว่าอันไหนของเรา ว่าอันไหนของคนอื่น ว่าอันไหนของส่วนรวม
และก็หัด "วางอุเบกขา" หรือ detachment ให้คล่องด้วย

ผมบอกได้แต่ทฤษฎีหนะนะครับ เพราะว่าตัวเองก็หงายท้อง
เพราะเรื่องพวกนี้อยู่บ่อยๆ อิอิ..เพราะว่าก็กำลังค่อยๆฝึกฝนอยู่เหมือนกันครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น
ตามอ่านได้จากกระทู้นี้นะครับ..

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...านรวมเข้ากับตัวตนหลากมิติของตัวเราเอง.495876/

................................

 

นี่เลยครับเพลงนี้แหละ ทำเอาแทบแย่ ตอนนี้ก็ฟังอยู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวปลอดโปร่งดี
Free Meditation Music ~ Chakra Activation and Healing Meditation | Free Meditation Music

 

ว่าตามนั้นเลยครับ ผมของลองทำดูครับ ว่าแต่เมื่อวานตอนเย็นอยู่ดีๆก็รู้สึกท้องใส้ปันป่วนและหมึนหัวขึ้นมาเฉยๆ แล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็ดีขึ้น เมื่อวานมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

 

คุณ PCG หลับตาแล้วยังเหมือมีแสงแฟรชยิงเข้ามาเหมือนผม ตัวหนังสือก็เหมือนกันอ่านไม่ออกแต่ผมเห็นมันอยู่ข้างๆ ครอปที่เหมือน flower of life เมื่อ 3 ปีก่อนๆเข้าช่วง 11.11.11 ที่อยู่ๆก็ฉายขึ้นมาตอนผมสะดุ้งตื่นกลางดึกหลังจากใช้คลื่นความถี่เหมือนที่ตอบกับคุณ ศารทวิศุวต ไปหลายคนอาจมองผมว่าเอ้ยไอ่นี้มั่วนิ่มไปกับเค้าหรือปล่าวใครเป็นอะไรก็เป็นไปเหมือนกับเค้าหมดผมคิดว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่กำลังจะยกระดับขึ้นมาฉะนั้นอาการเหล่านี้อาจจะเกิดคล้ายๆกันแต่บางคนอาจซับซ้อนกว่าตามความเข้มข้นของแต่ละบุคคลไปแต่ผมคิดว่าแรกเริ่มทุกคนจะมีอาการคล้ายๆกัน

 

EMSC earthquake notification

Magnitude 7.2 15/07/2013 14:03 SOUTH SANDWICH ISLANDS REGION

These parameters are preliminary and subject to revisions.
For updates, please consult: Earthquakes - Earthquake today - Latest Earthquakes in the World - EMSC


A magnitude 7.2 earthquake has occurred SOUTH SANDWICH ISLANDS REGION at:
60.95S 25.13W Depth 10km 15/07/2013 at 14:03:39 (Universal Time)

Earthquake location with respect to nearby cities:
3640 km SE Montevideo (pop 1270737, local time 11:03:39.6 2013-07-15)
2591 km SE Ushuaia (pop 58028, local time 11:03:39.6 2013-07-15)
2835 km SE Punta arenas (pop 117430, local time 10:03:39.6 2013-07-15)

Comments :

Manual location disseminated on 15/07/2013 14:31 (UTC)
EMSC cannot guarantee the receipt or timeliness of an e-mail after sending.

For maps and additional data, please consult:
Earthquakes - Earthquake today - Latest Earthquakes in the World - EMSC

Links to regional seismological observatories:
http://earthquake.usgs.gov/earthquakes/
http://www.gfz-potsdam.de/geofon

This location has been computed thanks to the data provided by the
following seismological institutes:
GFZ
See the full list of data providers at:
List of real time data contributors


This EMSC service is jointly operated by the LDG (Laboratoire de
Detection et de Geophysique, Bruyeres-le-Chatel, France) and the
IGN (Instituto Geografico Nacional, Madrid, Spain).


Subscribe/Unsubscribe/Modifications, please consult:
Earthquake Email and SMS notification service

 

ครับเหมือนกันเลย ไปถามใครเขาก็หาว่าผิดปกติเปล่า เลยไม่ถ่ามใครต่อ แล้วก็มาเจอเว็บนี้ครับที่เป็นที่หาคำตอบหลานั้นได้ดีที่สุด ส่วนคลื่นเสียงผมก็โหลดไปฟังครับ ไปฟังทีแรกของคลื่นความถี่ไหนไม่รู้ ทั้งหมึนหัวทั้งอยากอวกเลยครับ
เลยไม่กล้าลองต่อพอไม่กี่สัปดาห์ก็เจอตัวหนังสือที่อ่านไหม่ออกลอยเต็มหน้าตอนช่วงหลับๆตื่นๆ หรือตอนที่เราใกล้ตื่นแบบพอเริมได้สติครับ ตอนนี้ฟังคลื่น 528กับ
คลี่นที่มีรูปพระเยซู ครับ ว่าจะลองไปฟังเคลื่นอื่นดูบ้างครับ

 

Endings are Beginnings

All the endings many people are experiencing – relationships,
friendships, jobs, etc. are making room for new vistas.

I believe we are headed for joy and freedom,
so I’m “wearing” that energy – filling myself with it,
when I remember to, as well as the feeling of love.

We are energy and we are the creators
and co-creators of our experience.
We are empowered in this time of change
to create lives of joy and abundance.

We may not know how that will play out,
but we can be in the vibration of those feelings anyway.

The Purification Process

I have noticed old feelings – the core of my personal wounding –
coming up into my awareness, into my emotional body.

“Oh, that again,” I think as I am filled with and surrounded by
the wounded part of myself.

When I go into the old paradigm of analyzing,
I find there’s no energy in thinking about it –
it feels like wheel spinning.

The wounded aspect of not quite healed frequencies
will continue to rise from deep within
like bubbles flowing through our emotional body,
giving us the opportunity to feel forgiveness
and compassion towards ourselves,
so the unhealed energy can keep rising up to pop and disappear.

As this process happens,
I know all I need to do is
allow it to flow upwards and out
and if it gets stuck anywhere,
it’s showing me that I need to sit
with the energy and simply feel it.

A caution here: this is when our minds reach out,
grab on to the wound and start to talk about it.

This is where a daily meditation practice helps.
I’m learning to bring my mind into my heart
where it can rest in being instead of busy doing and thinking.

Being, observing, allowing – all these aspects
release tension around the wound,
letting go, so that energy can flow into healing.

...

In your daily meditations,
begin with the heart,
begin with loving yourselves
and then sit within that energy.

Watch your mind, it will wander,
bring it back home into your heart.
This is the practice.

You are learning to live authentically.
Smile when you feel the smile,
be real to yourselves and others.

When you are at a loss for words, do not speak.
It’s ok to be who you are.
Self acceptance is the path to Truth.

ที่มา:
Soul Transitions Vibe Report July 2013 > Nancy Leilah Ward

..........................................

 

แปลข้อความคุณ ชยุต


การสิ้นสุด คือ การเริ่มต้น

การสิ้นสุดทั้งปวงที่หลาย ๆ คนกำลังประสพอยู่ ทั้งในแง่ของ ความสัมพันธ์ ความเป็นเพื่อน หน้าที่การงาน เป็นต้น เปิดทางให้แก่ทัศนคติใหม่ ๆ

ฉันเชื่อว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความชื่นชมยินดี และเสรีภาพ ดังนั้น ฉันกำลัง "สวมใส่" พลังงานนั้น - บรรจุตัวของฉันเองด้วยพลังงานดังกล่าว เมื่อฉันจดจำที่จะรัก เช่นเดียวกับที่รู้สึกรัก

พวกเราเป็นพลังงาน และเราเป็นผู้สร้างสรรค์ และเป็นผู้สร้างสรรค์ร่วมของประสพการณ์ของพวกเรา
พวกเราได้รับมอบอำนาจ ณ เวลานี้ เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตแห่งความสุข และความอุดมสมบูรณ์

พวกเราอาจจะไม่ทราบว่าจะแสดงให้แล้วเสร็จได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ดี เราก็สามารถที่จะอยู่ในการสั่นสะเทือนแห่งความรู้สึกเหล่านั้น

กระบวนการทำให้บริสุทธิ์

ฉันได้สังเกตเห็นถึงความรู้สึกเก่า ๆ - แก่นแท้ของแผลเฉพาะตัวของฉัน - ผุดขึ้นยังความตระหนักรู้ของฉัน ยังกายอารมณ์ของฉัน

"โอ้ ผุดขึ้นมาอีกแล้ว" ฉันคิด ขณะที่ฉันถูกบรรจุและรายล้อมไปด้วยส่วนของตัวฉันเองที่บาดเจ็บ

เมื่อฉันไปสู่กรอบเก่า ๆ แห่งการวิเคราะห์ ฉันพบว่าไม่มีพลังงานที่จะไว้ใช้คิดถึงมัน - รู้สึกเหมือนล้อหมุน

ลักษณะที่บาดเจ็บของความถี่ซึ่งยังไม่ได้รับการเยียวยาทั้งหมดจะยังคงผุดขึ้นจากส่วนลึกภายใน เปรียบได้กับฟองอากาศที่ไหลไปทั่วกายอารมณ์ของพวกเรา ให้โอกาสแก่เราในการรู้สึกถึงการให้อภัย และ ความเห็นอกเห็นใจต่อตัวของพวกเราเอง ดังนั้นพลังงานที่ไม่ได้รับการเยียวยาสามารถที่จะผุดขึ้นได้ เพื่อที่จะผุดขึ้น และหายไป

ขณะที่กระบวนการนี้เกิดขึ้น ฉันรู้ว่า ทั้งหมดที่จะต้องทำก็คือปล่อยให้ไหลขึ้นมาและออกไป
และหากกระแสการไหลเกิดสะดุด ณ ที่ใดก็ตาม ก็เป็นการแสดงให้ฉันรู้ว่าฉันจำเป็นที่จะต้องนั่งอยู่กับพลังงาน และแค่สัมผัสมัน

คำเตือนตรงนี้: เมื่อจิตของเราเคลื่อนออก ให้ดึงกลับมายังบาดแผล และเริ่มต้นที่จะพูดถึงมัน

ณ จุดนี้เองที่การทำสมาธิประจำวันจะช่วยได้
ฉันเรียนรู้ที่จะดึงจิตของฉันกลับมาที่ หัวใจ
ที่ซึ่งจิตจะสามารถพักผ่อน ณ จุดที่ดำรงอยู่ (เข้าใจว่า อยู่กับปัจจุบัน - ผู้แปล) แทนที่จะมัวแต่ไปทำและคิดอะไรวุ่นวาย


การดำรงอยู่ (อยู่กับ ปัจจุบัน - ผู้แปล) สังเกต และยินยอมให้ - มุมมองทั้งหมดได้ปลดปล่อยเอาความตึงเครียดรอบ ๆ บาดแผลออก การคลาย เพื่อที่พลังงานจะสามารถไหลผ่านเข้าไปบำบัด รักษาได้

...

ในการทำสมาธิประจำวัน
ให้เริ่มที่ หัวใจ
เริ่มต้นด้วยการรักตนเอง
และจากนั้นก็นั่งอยู่ภายในพลังงานนั้น

ดูที่จิตของคุณ มันจะเดินทางไปโดยไร้จุดหมาย ออกนอกเส้นทาง
ให้ดึงกลับมา ยังบ้านซึ่งก็คือ หัวใจ
นี่คือวิธีในการฝึกฝน

คุณกำลังเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
จงยิ้มเมื่อคุณรู้สึกถึงยิ้ม
จงซื่อสัตย์ต่อตัวคุณเองและผู้อื่น

เมื่อไม่มีคำพูดอันใด ก็ไม่ต้องเอ่ยอะไร
เป็นการดีแล้วที่คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณเป็น
การยอมรับตนเอง คือ หนทางสู่สัจธรรม

ที่มา:
Soul Transitions Vibe Report July 2013 > Nancy Leilah Ward




*** ขออภัย หากแปลผิดพลาด คลาดเคลื่อน ****

 

การเข้าสู่ภายใน หรือการติดต่อกับตัวตนที่สูงกว่าของเรามันมีหลักสำคัญที่ต้องทำอย่างไรบ้างคะ

หากเรานิ่ง หยุดความคิดของเราเอง คอยสังเกตความคิดและอารมณ์โดยไม่ตัดสิน แต่น่าแปลกคือในขณะที่เรากำลังสังเกตอย่างไม่ตัดสินนั้น เหมือนจะยังมีผู้สังเกตอีก เหมือนยังมีซ้อนๆกันอยู่ แล้วอย่างนี้เคล็ดลับในการเข้าสู่ภายในหรือการติดต่อกับตัวตนที่สูงส่งกว่ามีอย่างไรบ้างคะ

เผื่อเพื่อนๆพี่ๆมีข้อแนะนำ หรือว่าตัวเองยังทำไม่พอ เพราะเคยมีเหมือนกัน แต่เพียงเบาบางมากๆ จนคล้ายคิดไปเอง คือความรู้สึกจากภายในบอกอะไรเราแต่เราจะไม่ทันรู้ตัวเลย มันก็หายไปเสียแล้ว คือยังไม่ทันมีสติสัมปะชัญญะร่วมอ่ะค่ะ

ไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดงงๆหรือเปล่า ^^

 

นี่ก็ทำได้ดีแล้วหละครับ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาฝึกฝนครับ
เดี๋ยวรอผู้รู้มาตอบคำถามให้นะครับ..เพราะว่าผมเองก็ยังคลานอยู่เลย

........................................................

 

เรื่องการติดต่อตัวตนที่สูง กว่า ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า ตัวตนที่สูง กว่ามันจะไม่รู้จักว่า ร่างที่พบปะ เป็นญาติของตน เป็นของตัวตนปัจจุบัน มันไม่มีสิทธิ์ ที่จะแทรกแซง เพราะยุคของตัวตนที่สูงกว่าจบสิ้นไปแล้ว ... เมื่อตัวตนที่สูงกว่ามีคุณธรรมที่ดี เขาจะไม่แทรกแซง ในการควบคุมร่าง แต่หากตัวตนที่สูงกว่า ไม่มีคุณธรรม มัน(ขอเรียกว่ามัน) มันจะเข้าแทรกแซง และเบียดบังเอาร่างมาครอบครอง โดยไล่ กายทิพย์ หรือ กายพลังงาน (สำหรับมนุษย์ ที่เป็น มนตด)

ในร่างมนุษย์ ที่เป็นอยู่ จะมี หลายเผ่าพันธ์ เข้ามาประจำขันธ์ ของมนุษย์
เห็นร่างกายหยาบเป็นมนุษย์ ก่ จริง แต่ผู้ควบคุมภายใน อาจจะไม่ใช่มนุษย์

ดังนั้น การฝึกฝน ปฏิบัติเพื่อยกระดับ แต่ละคนจะแตกต่างกันไป

ยกตัวอย่าง การเรียกหา ตัวตนที่สูงกว่า
มนุษย์บางตน ฝึกฝนตนเอง สร้างพลังงานที่สูงยิ่งขึ้นไป
เช่น พวกที่ฝึกฌาน ระดับสูง
พวกนี้ จะเป็นการสื่อถึง ตัวตนที่สูงกว่า
เมื่อตัวตนที่สูงกว่า มองเห็นคลื่นที่เป็นแบบเดียวกัน
ก่ จะมาหา เมื่อเห็นว่ามีร่าง และ มีตัวตนที่มีพลังงานน้อยกว่า หรือ
เพิ่ง สำเร็จ เทียบเท่า ของมัน หากมันคิดดี ก่ จะช่วยประคับประคอง
หากมันคิดไม่ดี มันแย่ง เอาร่างแน่นอน

เมื่อแย่งเอาร่างแล้ว มันก่ จะสามารถควบคุมร่างได้อย่าง สะดวก
ใช้พลังงานสูงของตน เบียดบังเอา กายทิพย์ ออกไปนอกร่าง
เพราะกายทิพย์ ไม่สามารถทนอยู่กับ พวกเหล่าพลังงานสูง

ดังนั้น การปฏิบัติที่ดี คือ ฝึกในระดับ พลังงานปกติ ไม่ให้สูงจนเกินไป
ชำระกายตนเอง ให้สะอาด ยกภูมิธรรมตนเองให้สูงขึ้น (คิดดี ทำดี ให้มั่นคง)
จึงจะดี

...... อย่าได้หวังให้ ตัวตนในอดีต มาเป็นพลังงานให้กับตนเอง
เพราะไม่ใช่ทางที่ประเสริฐ เพราะร่างกายปัจจุบัน เหมาะสมกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันเท่านั้น
หากให้ ตัวตนในอดีต มาครอบร่าง กายทิพย์ ก่ จะหมดสิทธิ์ในการพัฒนาตนเอง

 

จะยกตัวอย่าง ผู้ที่มีชื่อเสียง แล้วถูกตัวตนในอดีต ครอบร่าง

ยกตัวอย่างเช่น พระที่เคยมีชื่อดังเรื่องตบหน้า พุทธรูป

นี่ก่ เป็นตัวอย่างการครอบร่างของตัวตนในอดีต

เพราะตัวตนในอดีต มีพลังงานสูงกว่า ตัวตนในปัจจุบัน

จึงเบียดบังเอาร่างของตนไปใช้ ด้วยความไม่รู้ว่านั้นเป็น

ร่างญาติของตนเอง แต่ตัวตนในอดีตมีนิสัยหรือพฤติกรรม ไม่งาม

จึงผิดทำนองของความสุภาพได้ปรากฎ ให้เห็น

แต่หากพูดถึง ตัวตนแท้ในปัจจุบัน ของพระองค์นั้น ได้ออกจากขันธ์

ไปแล้ว .... ระดับภูมิธรรม ที่ คนธรรมดา ไม่ควรจะไปก้าวล่วงเกิน

แม้นว่า ตัวตนปัจจุบันไม่อยู่ ในกายขันธ์ แต่ ความรู้หรือสัญญาที่

ดำรงอยู่กับกายหยาบ ยังมีอยู่ คือ พระ(กายเนื้อ)ที่มีสัญญาของ

ผู้สำเร็จที่อยู่ในกระแสของพระนิพพานแล้ว

(แม้นว่า กายในจะไม่อยู่ ก่ ตาม .... ก่ ฟัง ๆ ธรรม ที่แสดงได้ ไม่มีปัญหาอะไร)

นี่คือ ตัวอย่างการเรียกหาตัวตน ในอดีต มา

ก่เหมือน ถูกหวย

การเรียกมา ทำได้ แต่ต้องหลังจากที่ตนเอง เป็นผู้มีอิสระ หรือ บริสุทธิ์ แล้ว
จึงจะเหมาะสม หาก ยังไม่เป็นผู้บริสุทธิ์ ก่ ไม่ควรเรียกหา

 

ตนเองเมื่อปฏิบัติมาถึงในระดับที่อยู่ในกระแสของพระนิพพาน
แล้ว จึงคิดว่าจะทำตนเองให้ถึงที่สุด

เพราะเหตุที่จะทำให้ตนเองให้ถึงที่สุดนี่ เอง จึงทำให้เกิดความ
ผิดพลาดเกิดขึ้น

คือ ขาดความเป็นกลาง ขาดความพอดี

จึงได้ปฏิบัติเข้าฌานพัฒนาให้ถึงขั้นขีดสุด ยิ่งๆ ขึ้น ไป

จึงกลายเป็นการเรียกหา หรือ synchronized กับตัวตนในอดีตได้

พอตัวตนในอดีตมา ก่ ทำการแย่งร่าง เพื่อเกิด หรือบางคนเรียกว่า

อวตาร ก่ มี นี่คือที่มาว่าทำไม จึงมีพวกที่มีญาณ เยอะแยะ

มากมาย และอหังการอวดวิเศษ มากมาย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ตนเองว่า

ขณะนั้น ได้ถูกครอบร่าง จากญาติของตนเองไปแล้ว

ร่าง ก่ จะเข้าใจว่า ตนเองมีความวิเศษ มีบุญบารมี ล้นเหลือ

มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รักษาโรค ได้ อย่างรวดเร็ว

ก่ หลงในตัวตน หลงในความวิเศษ ของตนเอง

ก่ จบแล้วตั้งแต่บัดนั้น

 

ข้อความข้างล่างนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณาญาณในการรับรู้นะ...

ที่คุณว่า แล้วอย่างนี้เคล็ดลับในการเข้าสู่ภายในหรือการติดต่อกับตัวตนที่สูงส่งกว่ามีอย่างไรบ้างคะ


สิ่งที่ตามหากันอยู่นั่น มันมีอยู่และมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
จึงไม่ต้องหาวิธีติดต่อใด ๆมาเพิ่มเติมอีก...
เปรียบเหมือนเครื่องบินทีี่บรรทุกสิ่งของมาเต็มลำ
บินวนไปมาไม่รู้กี่ภพชาติ (น้ำมันไม่หมดสักที)
และพร้อมที่จะลงจอดทันทีที่รันเวย์ "ว่าง"
เพราะตราบใดที่ยังมีสิ่งกีดขวางอยู่ในรันเวย์...
เครื่องก็ยังคงลอยเท้งเต้งในอากาศต่อไป......

ดังนั้น เหล่านิวรณ์ ๕ ตัณหา ๑๐๘ นี่ ก็คือเครื่องกีดขวางรันเวย์ที่ว่านี่แหละ...
ผู้คนที่รู้แล้ว ก็หาวิธีที่จะขจัดเครื่องกีดขวางเหล่านี้ออกไป
และวิธีที่นิยมกันอยู่ทุกวันนี้ คือ หาที่สงบเงียบ หลีกเร้นไปจากชีวิตประจำวันที่จำเจ...
และจัดการเคลียร์รันเวย์ตนด้วยตนเอง

แต่ก็มีไม่มากที่สามารถเคลียร์จนเครื่องลงจอดได้...
ส่วนใหญ่หมดความเพียรในการขจัดสิ่งกีดขวางนั้นซะก่อน ...

เพราะผู้คนยุคนี้ ต้องการแบบ delivery ส่งให้ถึงบ้าน
สั่งง่าย ได้ทันใจ ไม่ต้องออกไปไหน เหมือนสั่งพิซซ่า...
เมื่อไม่ได้ดังนั้น...ก็เลิกล้มความตั้งใจ...จบ

ส่วนอีกประเภท...แทนที่จะออกไปเคลียรันเวย์...
กลับนำขยะไปกองเพิ่มที่รันเวย์ซะงั้น...ก็จบอีก...

พวกเขาลืมไปว่า ผู้ที่มีความตั้งมั่น และมีความเพียรยิ่ง
อีกทั้งสะสมบารมีมาไม่รู้กี่ภพชาติก่อนแล้วอย่างพระพุทธเจ้า
ยังต้องใช้เวลาถึง ๖ ปี...

เมื่อถึงตรงนี้ก็คงมีคำถามขึ้นมากันบ้างว่า ...
แล้ววิธีไหนที่มีอยู่มากมายหลายวิธีในยุคนี้
ที่จะเหมาะกับมนุษย์จริง ๆ กันละนี่...

อันนี้ขอตอบจากประสบการณ์ตัวเองนะ...

วิธีไหนก็ได้ที่ตนทำแล้วรู้ด้วยตนว่า
ได้มีการเคลียร์สิ่งกีดขวางออกจากรันเวย์...
มากบ้างน้อยบ้าง ก็ต้องแล้วแต่วาสนาของแต่ละคนที่ทำมา
จะให้เหมือนกันหมดทุกคนนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้

แต่หากรู้ตัวเมื่อไหร่ว่า ยิ่งทำ..สิ่งกีดขวางก็ยิ่งเพิ่ม...
อย่าได้ช้า...จงรีบกระโจนออกมาให้ทันก่อน ปปช.จะเข้าไปเล่นงานนะจ๊ะ...