ข้อความจากต่างมิติ - วิหารแห่งการกลับคืนสู่ความเป็นหนุ่มเป็นสาว (The Temper of Rejuvenation)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 19 เมษายน 2012.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การปรับตั้งค่าใหม่ของความรู้ (The Recalibration of Knowledge)

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 14 มกราคม 2012

    ที่มา:
    The Recalibration of Knowledge > Kryon

    ตอนที่ 18:

    มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในวงการวิทยาศาสตร์ของพวกคุณ
    ซึ่งอย่างแรกก็คือ พวกคุณกำลังจะค้นพบความลับบางอย่างของ DNA แล้ว
    และกำลังจะค้นพบความลับอะไรบางอย่างของตัวอ่อนด้วย


    เพราะฉะนั้น จงเริ่มจับตาดูการค้นพบของบรรดานักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเซลของตัวอ่อน (embryonic cells)
    และปาฏิหาริย์ที่ซ่อนอยู่ข้างในพวกมันให้ดี พวกคุณก็รู้กันแล้วนี่ว่า สเต็มเซล (stem cell)
    ที่ผิดปกติทั้งหลายมีอยู่ในรกในครรภ์ (placenta) และพวกคุณก็ยังรู้กันแล้วอีกด้วยว่า
    สเต็มเซลแก่ ที่ยังไม่ได้ถูกใส่โปรแกรมอะไรเข้าไปเลย (pre-programmed adult stem cell)
    ก็ยังคงมีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน

    แต่ DNA ของทารกในครรภ์หละเป็นอย่างไร?

    (ผู้ทรงความรู้ทั้งหลายเอ๋ย กรุณาอ่านต่อไปเถิด เพราะว่าถ้าหยุดอ่านซะตอนนี้ มันจะทำให้พวกคุณรู้สึกกระสับกระส่ายได้นะ)

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต – ตัวอ่อนของมนุษย์อายุ 6 สัปดาห์)

    และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับวงการวิทยาศาสตร์ของพวกคุณอย่างที่สอง
    ก็คืองานที่คุณกำลังทำอยู่นี่แหละยาวี มันจะเป็นตัวอย่างของ “แม่แบบที่สมบูรณ์แบบ”
    (the perfect template) โดยที่ไม่ต้องใช้สิ่งที่คุณเคยใช้ในสมัยเลมูเรียเลย
    นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องเป็นคนทำเรื่องนี้ นี่แหละคือภารกิจเพิ่มเติม
    ที่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณต้องมาที่นี่ และมันก็สมบูรณ์แบบสำหรับปี 2012 และปีต่อๆไป


    เซลของตัวอ่อนของเด็กทารกในครรภ์ เป็นสิ่งที่สังคมไม่อาจแตะต้องได้
    และพวกมันก็อาจจะเหมือนกับว่าอยู่บนดาวอังคารด้วยซ้ำไป เพราะว่ายังไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงไหนเลย
    ที่พยายามจะใช้เซลเหล่านี้ในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งวิธีการที่ว่านี้ ก็คือวิธีๆเดียวที่พวกคุณรู้อยู่ในตอนนี้

    แต่อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาลองพยายามใช้มันดู มันก็จะไม่ได้ผลอยู่ดี
    เพราะว่ามันยังมีกระบวนการทางควอนตัมบางอย่าง ที่พวกคุณกำลังจะได้เรียนรู้อยู่อีก
    ซึ่งจะไม่ใช่แค่กระบวนการที่ไม่เป็นไปในเชิงรุกรานเท่านั้นนะ
    แต่มันยังจะเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงๆอีกด้วย
    และยังเป็นกระบวนการที่สามารถถ่ายโอนคุณสมบัติต่างๆจากเซลหนึ่งไปยังอีกเซลหนึ่งได้
    และจากมนุษย์คนหนึ่งไปยังมนุษย์อีกคนหนึ่งได้ด้วย

    ลองคิดแบบ “ไร้สาย” ดูสิ (ครายออนพูดตลกอีกแล้ว) สิ่งที่ครั้งหนึ่ง พวกคุณเคยคิดว่า
    น่าจะต้องใช้สายไฟยาวกว่า 1000 ไมล์ แต่ตอนนี้กลับสามารถทำได้โดยใช้ดาวเทียม โดยที่ไม่ต้องใช้สายไฟเลย
    อันนี้คือการเปรียบเปรยนะ เพื่อที่จะแสดงให้พวกคุณได้เห็นว่า

    พวกคุณกำลังจะเข้าสู่ยุคแห่งความเข้าใจใหม่โดยสิ้นเชิง
    เกี่ยวกับการถ่ายโอนพลังงานแล้ว


    แต่เดี๋ยวเรามาพูดถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งท้อง ที่อยู่ในวิหารนั้นกันซักหน่อยหนึ่งเถอะ

    ...............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2014
  2. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    อ่านเพลินเลยค่ะ ขอบคุณข้อมูลที่ให้มา น่าสนใจค่ะ
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การปรับตั้งค่าใหม่ของความรู้ (The Recalibration of Knowledge)

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 14 มกราคม 2012

    ที่มา:
    The Recalibration of Knowledge > Kryon

    ตอนที่ 19:

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ผู้หญิงที่อยู่บนโต๊ะด้านหลัง ที่เป็น “แม่แบบ” คนนั้น คือคนที่ถูกล็อตเตอรี่ของชาวเลมูเรีย (ครายออนพูดตลกเฉยๆ)
    เพราะว่าเธอรู้อยู่แล้วว่า ลูกของเธอกำลังจะถูก entangle กับมนุษย์อีกคนหนึ่ง ไม่ว่ามนุษย์เป้าหมายคนนั้น
    จะมีอายุมากน้อยเท่าไหร่แล้วก็ตาม หรือว่ากำลังป่วยเป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม ซึ่งการ entanglement ดังกล่าวนี้
    จะทำให้ทารกผู้นั้น เติบโตขึ้นมาด้วยคุณสมบัติที่ดีขึ้นกว่าเดิม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนมาก
    แต่กระบวนการช่วยเหลือผู้อื่นในครั้งนี้ จะถูกแกะสลักเอาไว้ในบันทึกแห่งฟ้าของเด็กคนนั้น
    และเด็กคนนั้น ก็จะคลอดออกมาพร้อมกับมีคุณสมบัติของการเป็น “ผู้บำบัดรักษา” (healer)

    เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน และก็เป็นเรื่องที่น่าโต้แย้งซะด้วย และก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือขอบเขต
    ของการคิดแบบใช้เชาว์ปัญญาอีกด้วย เพราะว่าสมองแบบ 3 มิติของพวกคุณจะเที่ยวเสาะหาแต่ข้อผิดพลาดเพื่อจับผิดมัน


    ทั้งหมดที่ฉันบอกพวกคุณได้ก็คือ ระบบควอนตัม
    ไม่ใช่ระบบที่เป็นแบบเส้นตรง และหลักการณ์ใช้เหตุใช้ผล
    หรือระบบตรรกะของพวกคุณ ก็จะร่วงหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้นทันที
    ถ้าพวกคุณพยายามที่จะใช้เหตุใช้ผลวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้

    พวกคุณนึกถึงกาลเวลาแบบที่เป็นวัฏจักรออกไหม?
    พวกคุณนึกถึงการไปอยู่ในสถานที่สองแห่งในเวลาเดียวกันออกไหม?
    หรือว่าแม้แต่การเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของร่างกายของตัวเองด้วยความตั้งใจ
    เพื่อให้ไปผสานเป็นส่วนหนึ่งกับวัตถุอื่นๆ พวกคุณนึกออกไหม?

    ถ้าพวกคุณยังไม่สามารถกระทำสิ่งเหล่านี้ได้หละก็
    งั้นก็อย่าเพิ่งไปวิพากวิจารณ์โดยใช้เหตุใช้ผลเลย
    เพราะว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มันเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ทางควอนตัม
    ของ DNA แต่ถ้าพวกคุณไม่เชื่อที่ฉันพูดหละก็
    ก็ไปถามชาวกลุ่มดาวลูกไก่คนไหนดูก็ได้ (ครายออนพูดตลกอีกแล้ว)


    เอาหละคราวนี้..ยาวี..คุณเข้าใจในสิ่งที่คุณเคยทำในสมัยนั้นไหม? คุณต้องการคำตอบมากกว่านี้ไหม?


    ดร.Todd: เอ่อ..ผมขอได้เหรอครับ? ใช่ครับ!

    [เสียงหัวเราะ]

    Kryon: ยาวี..คุณฝันถึงอะไร? คุณฝันถึงอะไรที่คุณไม่รู้ แต่คุณอยากจะรู้?


    ดร.Todd: ผมฝันถึงการปรับตั้งค่าใหม่ให้กับ DNA และฝันถึงการจัดวางให้ถูกตำแหน่ง
    เพื่อที่จะทำให้พวกเราสามารถเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้อย่างเป็นอิสระ ผมคาดหวังเช่นนั้น
    อย่างที่ชาวดาวลูกไก่ทำได้เมื่ออยู่ในสภาวะควอนตัม ซึ่งสามารถเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้



    Kryon: แน่นอน..คุณอาจจะถามคำถามนั้นก็ได้ เพราะว่าคุณสามารถมองเห็นภาพรวมที่ใหญ่กว่าได้
    เพราะว่าบันทึกแห่งฟ้าของคุณสามารถมองเห็นได้และจดจำได้นั่นเอง และคุณก็รู้ว่ามันเป็นไปได้

    ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ก็กำลังมีคำถามเดียวกันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ฟังไปเมื่อสักครู่นี้ว่า

    “แล้วเราจะไปหาผู้หญิงท้องได้ที่ไหน และก็ลงมือทำกันเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม?”

    [เสียงหัวเราะ]

    วิธีการมันเหนือกว่านั้นอีก และชาวกลุ่มดาวลูกไก่ทั้งหลาย (Pleiadians) ก็รู้กันดี
    ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้แรกเริ่มเดิมทีก็มาจากพวกเขานั่นแหละ และได้เคยส่งถึงคุณแล้ว..ยาวี

    แต่ว่าเพื่อคุณในตอนนั้นนะ ไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะว่าชาวกลุ่มดาวลูกไก่ทั้งหลาย
    พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้คนท้องเพื่อทำในสิ่งที่พวกเขาทำในทุกวันนี้หรอก


    แน่นอนว่าพวกเขาก็มี DNA เหมือนกัน แต่ว่า DNA ของพวกเขา
    อยู่ในสภาวะที่พัฒนาไปสู่สภาวะแห่งควอนตัมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
    ซึ่งสภาวะที่ว่านั้น ก็เป็นสภาวะที่มนุษย์โลกมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปถึงได้ด้วย

    ฉันต้องการเตือนความจำของพวกคุณว่า ผู้ร่วมงานของฉัน (นาย Lee – ผู้แปล)
    ได้เคยถ่ายทอดข้อความที่เกี่ยวกับเรื่อง “Physics with attitude” มาแล้วในอดีต


    (อ่านรายละเอียดได้ในกระทู้ข้างล่างนี้นะครับ – ผู้แปล)

    “ข้อความจากต่างมิติ-อนุภาคควอนตัมก็มีความนึกคิด-และ-dna-ก็คือควอนตัม”

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ัมก็มีความนึกคิด-และ-dna-ก็คือควอนตัม.305941/

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pregnant-1.jpg
      Pregnant-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.5 KB
      เปิดดู:
      915
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2014
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การปรับตั้งค่าใหม่ของความรู้ (The Recalibration of Knowledge)


    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 14 มกราคม 2012

    ที่มา:
    The Recalibration of Knowledge > Kryon

    ตอนที่ 20:


    ดังนั้น ตอนนี้..เราวกกลับมาคุยกันเรื่องของความเป็นขั้วที่พวกเราได้พูดค้างเอาไว้กันดีกว่านะ

    ยาวี..”ความรู้สึกนึกคิดหรือทัศนคติ” (Attitude) ที่ว่านี้ มีอยู่อย่างล้นเหลือในผลผลิตจากธรรมชาติ
    ที่คุณ ก็ได้ค้นพบแล้ว ฟิสิกส์คือสิ่งที่แอ็กทิฟอยู่เสมอ และพยายามทำให้ตัวมันเอง อยู่ในความสมดุลอยู่เสมอด้วย

    หรืออาจจะพูดได้ว่า ทุกๆสนามพลังงานที่คุณสร้างขึ้นมาด้วยกระบวนการของคุณ
    มันจะมีทัศนคติของมันเองเสมอ..คุณพร้อมหรือยัง? มันคือทัศนคติของ DNA ที่สมบูรณ์แบบ
    มันมองเห็นคุณลักษณะต่างๆ ของแบบพิมพ์เขียว ของทารกในครรภ์เรียบร้อยแล้ว
    ดังนั้น คุณจึงไม่จำเป็นจะต้องใช้ผู้หญิงท้องแต่อย่างใดเลย และคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้
    ก็สามารถที่จะถ่ายทอดไปสู่มนุษย์อีกคนหนึ่งได้ด้วย ไม่ว่าจะด้วยท่าไหนก็ตาม
    ที่โครงสร้างเซลของบุคคลผู้นั้นจะสามารถดูดซับเอาไว้ได้

    งานที่คุณได้ทำมาแล้วจนกระทั่งถึงบัดนี้ก็คือ การสร้างสนามพลังงานควอนตัม
    โดยใช้คุณสมบัติต่างๆของชาวกลุ่มดาวลูกไก่ และเซลทั้งหลาย ก็รับฟัง
    เมื่อคุณสมบัติเหล่านั้นถูกถ่ายทอดมาสู่พวกมัน


    แต่ว่ามันยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก แต่อย่างไรก็ตาม
    คุณก็จะค้นพบวิธีการที่จะทำให้มันเข้าที่เข้าทางได้ในท้ายที่สุด
    เมื่อใดที่คุณทำได้ คุณก็จะได้ “เครื่องจักรสำหรับการฟื้นฟูสภาพร่างกายแห่งอนาคต”
    (the regeneration engine of the future) ในทันที
    โดยที่ไม่ต้องใช้ “มนุษย์แม่แบบ” แต่อย่างใดเลย
    แต่จะใช้คุณลักษณะต่างๆของมนุษย์แม่แบบคนนั้นแทน

    กระบวนการนี้และกระบวนการอื่นๆ จะถูกค้นพบโดยวงการวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นเดียวกัน
    คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว เพราะว่ามันไม่เป็นการสมควรที่คุณจะได้รับอภิสิทธิ์
    ในการล่วงรู้ความลับนี้แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น มันจึงต้องมีคนอื่นๆที่รู้เรื่องนี้ด้วย


    ............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การปรับตั้งค่าใหม่ของความรู้ (The Recalibration of Knowledge)


    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 14 มกราคม 2012

    ที่มา:
    The Recalibration of Knowledge > Kryon

    ตอนที่ 21: จบครับ


    การศึกษาเกี่ยวกับตัวอ่อนของทารกในครรภ์ของสัตว์ต่างๆ
    จะเริ่มเปิดเผยให้เห็น สิ่งที่จะทำให้สามารถปลูกถ่ายแขนขาของมนุษย์
    ให้งอกกลับคืนมาใหม่ได้


    และรวมถึงจะเปิดเผยให้เห็นสิ่งต่างๆ
    ที่พวกเราได้พูดถึงมาโดยตลอดกว่า 23 ปีแล้วด้วย


    แต่มันก็ยังจะมีคำถามที่สำคัญกว่านั้นอยู่อีกว่า

    “บทบาทหน้าที่ที่แท้จริงของสัตว์ต่างๆที่อยู่บนโลกใบนี้คืออะไรกันแน่?”
    “แล้วพวกมันมีการเวียนว่ายตายเกิดไหม?”

    เดี๋ยวเรื่องพวกนี้ เราค่อยมาพูดถึงกันในคราวต่อไป


    จงคอยดูสิ่งเหล่านี้ ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ให้ดี
    และรวมถึง..จงคอยดูให้ดี ว่าสเต็มเซลของผู้ใหญ่เอง
    ก็จะมีการนำไปใช้งานในแบบที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นด้วย

    และทั้งหมดทั้งปวงนี้ มันอยู่ข้างหน้าพวกคุณนี่เอง
    ทั้งหมดทั้งปวงนี้ มันกำลังรอคอยปี 2012 อยู่เท่านั้นเอง

    ยาวี..คุณลักษณะอย่างหนึ่งของคุณก็คือ คุณ “กำลังมีชีวิตอยู่” ร่วมกับชาวกลุ่มดาวลูกไก่ด้วยในตอนนี้
    คุณยังคงมีการ entangle กับพวกเขาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งไม่ใช่ในมิติที่ 3 นี้

    พวกเขาต้องการได้ยินเสียงเหล่านั้นอีกครั้งหนึ่ง เหมือนอย่างที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนเมื่อ 26,000 ปีที่แล้ว
    พวกเขาพร้อมแล้ว และเมื่อใดที่สัญญาณนั้นถูกส่งออกไป มันก็จะไปบอกพวกเขาว่า

    “มนุษย์โลกได้มาถึงแล้ว และกำลังจะอยู่ที่นี่แล้ว”

    (ครายออนกำลังพูดถึงโปรเจ็ก “ร้องเพลงประสานเสียงของชาวเลมูเรีย” (Lemurian Choir Project)
    สำหรับช่วงวัน Solstice ของปี 2012 นี้ ของ ดร.ทอดด์อยู่)


    และนี่คือข้อความสำหรับวันนี้ ซึ่งบางคนอาจจะพูดว่า “มันเป็นวิทยาศาสตร์มากเกินไป ครายออน!”
    แต่บางคนก็อาจจะพูดว่า “ความสวยงามของระบบของพระผู้สร้างใกล้จะมาถึงแล้วจริงๆ”

    ที่รักทั้งหลาย อย่าได้เดินกลับไปพร้อมกับรายละเอียดปลีกย่อยของวิทยาศาสตร์นี้เลย
    เพราะว่าพวกคุณไม่จำเป็นที่จะต้องรู้และเข้าใจมันเลย

    แต่พวกเราขอให้พวกคุณเฉลิมฉลองให้กับมันแทน
    และเพราะว่าพระเจ้าผู้เป็นพระผู้สร้าง
    คือ ปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์ของจักรวาลนี้
    และพระองค์ก็ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ สร้างระบบแห่งชีวิตขึ้นมา
    และสร้างความสมดุลแห่งความรักขึ้นมา

    ทั้งหมดทั้งปวงนี้ กำลังจะทำให้ชีวิตของมนุษย์ดีขึ้น
    และกำลังจะทำให้ความเข้าใจของมนุษย์มีมากขึ้นด้วย


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต – อะตอม)

    อีกครั้งหนึ่ง..ฉันอยากจะบอกพวกคุณว่า
    ช่องว่างที่อยู่ระหว่างนิวเคลียสกับอิเล็กตรอน
    ของอะตอมทุกๆอะตอมนั้น
    ถูกเติมเต็มไว้ด้วยความรักแห่งพระผู้เป็นเจ้า

    นั่นแหละคือน้ำซุปของพระผู้สร้างหละ
    ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเกื้อกูลชีวิต
    และมันก็พร้อมเสมอที่จะจับมือของพวกคุณทุกเมื่อ
    ถ้าพวกคุณต้องการ

    มันคือการปรับตั้งค่าใหม่ให้กับความรู้ที่อยู่บนโลกใบนี้
    และมันคือย่างก้าวแรกสู่โลกแห่งควอนตัม

    จงเตรียมพร้อมที่จะเจอกับมันให้ดี


    และเพราะฉันไม่มีนาฬิกา ฉันจึงบอกพวกคุณไม่ได้ว่าเมื่อไหร่มันถึงจะเกิดขึ้น
    ฉันบอกพวกคุณได้แต่เพียงว่า มันใกล้จะมาถึงแล้ว แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น
    ในตอนที่พวกเราเริ่มติดต่อสื่อสารกับพวกคุณเป็นครั้งแรก เมื่อหลายปีก่อนนั้น
    พวกเราได้ผ่านจุดสำคัญนั้นมาด้วยกันแล้ว และตอนนี้..งานนี้ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว


    ...และมันก็เป็นเช่นนี้เอง...

    KRYON


    ...........................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • atom.gif
      atom.gif
      ขนาดไฟล์:
      21.7 KB
      เปิดดู:
      979
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2014
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    หมายเหตุ:

    ช่องว่างระหว่างนิวเคลียสกับอิเล็กตรอนในอะตอมที่ครายออนพูดถึง
    ก็คือรายละเอียดในข้อความข้างล่างนี้นะครับ


    ที่มา:

    “อะไรคือธาตุมูลฐาน-fundamental-ของสรรพสิ่ง”

    http://palungjit.org/threads/อะไรคือธาตุมูลฐาน-fundamental-ของสรรพสิ่ง.144973/
    …………………………….............................................

    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? แบบจำลองใหม่ของอะตอม

    นี่คือแบบจำลองใหม่ของอะตอม

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากเวปไซต์
    http://pdg.web.cern.ch/pdg/particleadventure/frameless/index.htm)


    อิเล็กตรอนทั้งหลายเคลื่อนที่อยู่รอบๆนิวเคลียสในระยะห่างที่คงที่
    ส่วนโปรตอนและนิวตรอนทั้งหลาย ก็เคลื่อนที่แบบสั่นสะเทือนอยู่ภายในนิวเคลียส
    และควาร์กก็สั่นสะเทือนอยู่ภายในโปรตอนและนิวตรอนเหล่านั้น

    อันที่จริงแล้ว ภาพที่เห็นนี้ มีความบิดเบือนไปจากความเป็นจริงเป็นอย่างมาก
    เพราะถ้าหากเราจะวาดรูปอะตอมให้ถูกสัดส่วนตามความเป็นจริงแล้วหละก็
    เราก็จะได้รูปโปรตอนและนิวตรอนที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร
    ส่วนขนาดของอิเล็กตรอนและควาร์ก ก็จะมีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมซะอีก
    แต่ขนาดของอะตอมทั้งอะตอม ก็จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่าความยาวของสนามฟุตบอล
    ถึง 30 เท่าเลยทีเดียว

    ดังนั้น 99. 999999999999%
    ของปริมาตรของอะตอม ก็คือความว่างเปล่า!


    ……………………………
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ani_atom0.jpg
      ani_atom0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      1,541
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2014
  7. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    จากที่อ่านมาทำให้นึกถึงเรื่องเหล่านี้

    "โลกที่ปราศจากศูนย์" ในตอนที่อธิบายถึงความเป็นคู่

    "Hutchison Effect" ในตอนที่พูดถึงนิโคลัส เทสล่า

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=a8PVFgjDyBo]The Hutchison Effect - Science Channel Documentary - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VyscSun3VkA]The Hutchinson Effect - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Yr66P-XBIzY]Hutchison-Effect - YouTube[/ame]


    และตอนที่อธิบายถึงการ entangle กันของควอนตัม และอธิบายว่า DNA ของคนเรามีสภาพเป็นควอนตัมอยู่แล้ว และบอกว่า DNA ของเด็กทารกในครรภ์นั้น DNA ยังสมบูรณ์ 100% อยู่ ก็หมายความว่าถ้าเราสามารถทำให้ DNA ของเรา entangle กับ DNA ของทารกที่อยู่ในครรภ์ได้ DNA ของเราก็จะกลับไปเป็นสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง และการ entangle ไม่ต้องใช้สายอะไรเชื่อมต่อ ครายออนถึงพูดติดตลกว่าไร้สาย

    แล้วตอนหลังก็พูดเปลี่ยนมาว่าเราไม่ต้องใช้ทารกก็ได้ เหมือนว่าเวลาเราจินตนาการถึงอะไรเราก็จะเป็นการสร้างกลุ่มพลังงานนั้นขึ้นเรา ก็ให้เราจินตนาการสร้างภาพถึงร่างกายที่แข็งแรงแล้วให้เราไป entangle กับพลังงานนั้นใช่ไหม????

    และเรื่องเซลที่สมบูรณ์ทำให้นึกถึงเรื่องนี้

    เซลล์เป็นสเต็มเซลล์โดยปริยายอยู่แล้ว... หรือว่าเราจะเดินผิดทางมาโดยตลอด? | JuSci.net ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ลองคิดกลับว่าเซลเราเป็นเซลที่สมบูรณ์อยู่แล้วแต่มีอะไรบางอย่างทำให้มันเปลี่ยนไป
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    ในส่วนที่กล่าวถึงการ entangle มนุษย์เป้าหมาย กับ มนุษย์แม่แบบนั้น
    ผมพอจะเข้าใจอยู่ว่า ก็คือการทำให้ทารกในครรภ์ซึ่งยังมี DNA สมบูรณ์ดีอยู่
    กับคนที่เป็นเป้าหมายเกิดการ entangle กัน โดยอาศัยสนามพลังแม่เหล็กบางอย่าง
    โดยวาง ตัวขับเคลื่อนแม่เหล็กไว้ด้านบนและด้านล่างของคนท้องคนนั้น

    ส่วนในช่วงถัดมานั้น ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่จับประเด็นได้ประมาณว่า
    อันที่จริงแล้ว เราไม่ต้องใช้มนุษย์แม่แบบเหมือนที่ยาวีเคยทำในสมัยเลมูเรียก็ได้
    เพราะว่าในแบบที่ชาวดาวลูกไก่ทำกันนั้น พวกเขาไม่ต้องใช้แม่แบบเลย
    เพราะว่าสนามพลังแม่เหล็กทุกๆสนามที่ยาวีสร้างขึ้นนั้น มันเป็นสนามพลังควอนตัมในตัวอยู่แล้ว
    และควอนตัมทั้งหลาย มันก็มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของมันเองอยู่แล้ว
    และมันก็รู้แล้วด้วยว่า DNA ที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร
    เพราะฉะนั้น ก็เลยสามารถถ่ายทอดไปสู่มนุษย์เป้าหมายได้เลย

    เพียงแต่ว่า ต้องหาสภาวะนั้น หาวิธีการนั้น หาคุณสมบัติเหล่านั้น
    ตามแบบที่ชาวดาวลูกไก่ทำ ให้เจอเท่านั้นเอง อะไรแบบนั้นหนะครับ
    ซึ่งก็อย่างที่ครายออนสรุปเอาไว้แล้วว่า ในที่สุดแล้ว ดร.ทอดด์คนนี้ ก็จะหาเจอครับ

    ...........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2014
  9. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,016
    ค่าพลัง:
    +10,241
    ขอบคุณท่านผู้นำเสนอความรู้ และท่านผู้แปลทุกท่านครับ
    ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก
    ช่วยคุ้มครองทุกท่าน ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวงด้วยเทอญ
     
  10. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    ผมเคยอ่านเจอจากที่ไหนที่แหล่ะที่เค้าบอกว่ากรรมของคนเรานั้นจะเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน และก็พลังจากความนึกคิดของเราก็สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้เพราะตามความเข้าใจผม ถ้าเราคิดจินตนาการถึงร่างกายที่สมบูรณ์ มันก็จะไปสร้างสนามพลังงานที่บรรจุเกี่ยวกับร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงซึ่งสนามพลังนี้ก็อาจจะเป็นสนามพลังแม่เหล็กที่เค้าพูดถึง แล้วถ้าเราคิดโยงจิตให้รวมเข้ากับสนามพลังนี้เราก็จะได้รับพลังนั้นมา คงคล้ายๆ กับเรื่องที่ว่าถ้าเราไม่สบายให้พยายามคิดจินตนาการว่าร่างกายเราหายดี หรือมันอาจจะเป็นอะไรอย่างที่บางคนว่า "เราเป็นอย่างที่เราคิด"
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    น่าจะประมาณนั้นแหละครับ..

    แต่อย่างไรก็ตาม พลังในการคิดและจิตนาการของมนุษย์เรา
    ในสภาวะปกตินั้น จะยังไม่เข้มแข็งพอ จะยังติดต่อกับเบื้องบน
    หรือติดต่อในระดับควอนตัมกับ DNA ของเราเองยังไม่ได้
    เพราะว่าสมองของเรายังคิดอยู่ ยังถูกครอบงำอยู่ด้วยกระแสความคิดทั้งหลาย
    อันมาจากสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็นซีกของความมีอัตตาตัวตน

    ดังนั้น วิธีการที่จะติดต่อด้วยระบบควอนตัมได้ ก็คือ
    ต้องหยุด "เสียงของผู้บรรยายจากภายใน" (inner narrator) ซะก่อน
    ซึ่งก็คือ หยุดความคิด หยุดนิวรณ์จากสมองซีกซ้ายให้ได้ซะก่อนนั่นเองครับ
    แล้วสมองซีกขวาซึ่งเป็นสมองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเรา ก็จะทำงานขึ้นแทน
    แล้วการติดต่อสื่อสารถึงจะเกิดขึ้นได้ และความคิดและจินตนาการถึงจะคมชัดด้วย
    และกระบวนการทั้งหมดที่คุณว่ามานั้น มันถึงจะได้ผลครับ

    อันนี้แบ่งปันความคิดเห็นตามความเข้าใจของผมเองหนะนะครับ
    ................................................................
     
  12. su_ra

    su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +736
    เป็นข้อมูลที่ดีมากๆ สิ่งต่างๆที่ครายออนพูดออกมา มันเป็นรากฐานของความเข้าใจพื้นฐาน
    ของสรรพสิ่งในจักวาลนี้ มันเป็นจุดเชื่อมต่อกับความเข้าใจอีกหลายๆเรื่องมันเป็นการเปิด
    เผยความลับที่ยิ่งใหญ่จริงๆ การที่ครายออน กล่าวสวัสดีตอนเช้านั้น มันไม่ใช่เรื่องตลก
    ของครายออน แต่ครายออนกำลังสื่อสารและทักทาย คนที่กำลังอ่านข้อความนี้ ตอนเช้าของ
    โลก 3 มิติ ครายออนรู้ว่า เค้าคนนั้นจะอ่านข้อความนั้นของ ครายออน ในเวลาเช้าของเขา
    แต่เวลาที่ครายออนพูดอยู่เป้นช่วงเวลาเย็นของวันนั้น ครายออนไม่ได้พูดคุยกับ ยาวี เพียง
    คนเดียว แต่เขากำลังพูดกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
    ทำไม่ครายออน
    ถึงพูดว่า

    (ผู้ทรงความรู้ทั้งหลายเอ๋ย กรุณาอ่านต่อไปเถิด เพราะว่าถ้าหยุดอ่านซะตอนนี้ มันจะทำให้พวกคุณรู้สึกกระสับกระส่ายได้นะ)

    ทุกคำพูดของครายออน มีความหมายทุกคำ และบางคำพูดเป็นข้อความสั้นๆเพียงไม่กี่คำ
    แต่มันมีความหมายและความสำคัญที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย
     
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เห็นด้วยครับ..ว่าครายออนไม่ใช่ธรรมดาเลย
    จนเดี๋ยวนี้ ข้อความจากต่างมิติที่โดยส่วนตัวผมแล้ว
    ผมเชื่อถือมากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือ
    ข้อความของครายออนนี่แหละครับ

    ........................................
     
  14. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    เห็นด้วยกับคุณ su_ra ค่ะ
    เรื่อง สวัสดีตอนเช้า ตีความได้หลายประเด็นทีเดียว
    จะเป็นว่า...ครายออนไม่มีเวลาเหมือนกับพวกเรา ฉะนั้น เช้าสายบ่ายเย็นค่ำของเรา ก็คือ จุดเดียวกันสำหรับครายออน
    หรือจะเป็นว่า...ครายออนกำลังทักทายผู้ที่กำลังตื่นรู้ขึ้นมา เลยทักว่า สวัสดีตอนเช้า ก็ได้เพราะเพิ่งตื่น
     
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  16. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    การทำจิตให้รวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อรับคุณสมบัติของเป้าหมาย ทำให้นึกไปถึงการทำกสิณ ถ้าเราทำกสิณไฟก็จะทำให้เราใจร้อนขึ้นเหมือนไฟ อย่างนี้มันเหมือนว่าเป็นการ entangle หรือเปล่า ถ้างั้นถ้าเรานึกไปถึงความสมบูรณ์ของเด็กทารกล่ะ มันจะเป็นยังไง
     
  17. jinus

    jinus สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอบคุณครับสำหรับเนื้อหาดีที่ดีมากๆ มันตื่นเต้นมากๆที่จะได้เห็นหรือเป็นจริงขึ้นมา ผมว่าถ้าคนไทยหันมาศึกษาเรื่องแบบนี้บ้าง เราอาจจะเป็นประเทศที่เก่งที่สุดในโลกก็ได้ครับ เพราะคนไทยเราเก่งอยู่แล้ว ดีกว่าเอาเวลามาทะเลาะกัน มาร่วมกันสร้างและพัฒนาประเทศพัฒนามนุษยชาติไม่ดีกว่าหรือครับ และยังดีกว่ามัวมานั่งหาผลประโยชน์ใส่ตัวกัน คนที่อยากทำอยากวิจัยบางครั้งก็ไม่มีทุน โดยส่วนตัวผมก็ชอบนะเรื่องแบบนี้ ทั้งในส่วนของเรื่อง Gravity,Free Energy ด้วย อย่างที่คุณแคมปัสบอก งานแบบนี้เป็นงานพัฒนามนุษยชาติทั้งนั้น คนที่มีกำลังหรือทุนเยอะๆน่าจะสนับสนุนงานแบบนี้นะครับ อย่างผมๆ ทุนก็ไม่ค่อยเยอะ แต่ดันอยากทำ ก็ทำกันเท่าที่เท่าได้ ดีกว่าไม่ทำ เรื่องแบบนี้ผมว่ามันมีค่ามากกว่า ที่คนมีรถ Ferrary คันละ 40 ล้าน อีกนะ ถ้าถามว่าผมคิดอะไรอยู่ ระหว่างการที่มีรถ Ferrary คันละ 40 ล้าน ผมก็ว่างั้นๆแหละ แต่ถ้า คุณมี ยานบินแบบอิสระ ที่ไปไหนก็ได้ มันสุดยอดกว่ามากมายมหาศาลเลยนะ
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ความหมายของผมที่โพสต์ไว้ก่อนหน้านั้น
    ไม่ใช่เฉพาะกสิณหรอกนะครับ..

    แต่ผมหมายถึงการทำสมาธิต่างหากหละครับ
    สมาธิอะไร แบบไหน ก็ได้ ที่คุณชอบ ที่คุณรู้จัก ที่คุณถนัด
    หรือจะวิปัสสนา ก็ยังได้เลย เพราะว่ามันมีหลักการณ์ของมันอยู่

    ซึ่งก็คือ..ทำยังไงก็ได้ ให้ตัวคุณเอง ในระดับสติสัมปชัญญะแบบมนุษย์นี้
    สามารถติดต่อสื่อสารกับตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเอง
    หรือติดต่อกับจิตใต้สำนึกของตัวเองได้ ซึ่งแน่นอนว่า
    มันจะต้องเป็นการติดต่อลึกลงไปถึงในระดับควอนตัม
    ซึ่งถ้าใช้คำว่าควอนตัม คนไทยเราก็อาจจะงง
    แต่ถ้าบอกว่าในระดับทิพย์ ก็น่าจะพอเข้าใจได้มากกว่า

    ซึ่งวิธีที่มีผู้สั่งสอนเอาไว้เยอะแยะแล้วนั้น เช่น

    1. วิธีการหยุดการทำงานของสมองซีกซ้ายเอาไว้ชั่วคราว
    เพื่อให้สมองซีกขวาทำงานแทน..
    สมองซีกซ้ายเป็นซีกของอัตตาตัวตน และการคิดแบบตรรกะ

    ก็เช่น สมถะสมาธิ เพราะว่า สมองซีกซ้ายมันชอบคิด
    มันชอบวิ่งไปโน่นมานี่ ไปอดีต และ อนาคต ไม่ชอบอยู่กับปัจจุบัน
    ก็เลยจับมันให้มาอยุ่นิ่งๆกับคำภาวนาคำใดคำหนึ่งซะ
    หรือให้มาอยู่กับการเพ่งวัตถุชิ้นใดชิ้น หนึ่ง หรือสีใดสีหนึ่ง
    หรือภาพใดภาพหนึ่งซะ..ซึ่งพอทำไปสักพัก มันก็จะทนไม่ได้
    มันก็จะเลิกทำงาน แล้วสมองซีกขวา ซึ่งเป็นซีกของการหยั่งรู้
    ซึ่งเป็นซีกของจิตใจอันสูงส่งของมนุษย์เรา ก็จะรับช่วงทำงานแทนทันที

    ซึ่งพอสมองซีกขวารับช่วงทำงานแทนแล้ว การรับรู้ของเรา
    ก็จะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
    อย่างที่เรียกว่า จิตรวม หรือ เข้าฌาณ หรืออะไรก็ตามแต่
    แล้วแต่ว่าแต่ละศาสนา ลัทธิ นิกาย หรือครูบาอาจารย์ ท่านไหน
    จะให้นิยามว่าอย่างไร..

    แต่ ณ.สภาวะนั้น ความตระหนักรู้ของเรา อยู่ในระดับควอนตัมแล้ว

    2. หรืออาจจะใช้วิธีการเชื่อมกาย-จิตใจ-และวิญญาณ ของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
    เพราะว่าร่างกายนี้ เขามีความสามารถมากมายหลายอย่างที่แอบซ่อนไว้
    ไม่ให้พวกเรารู้อยู่แล้ว แต่เขาก็คือยานพาหนะของจิตวิญญาณของเรา
    ดังนั้น ถ้าเมื่อใดที่เรารู้จักสั่งการให้เขาทำงานได้เต็มศักยภาพการทำงานของเขาหละก็
    อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ

    วิธีการก็มีมากมายหลายแบบ แล้วแต่ตำหรับ แล้วแต่สูตร
    แล้วแต่ครุบาอาจารย์อีกนั่นแหละ

    บางวิธีก็อาจจะใช้วิธี อยู่กับเขา (ร่างกายของเราเอง) ตลอด
    ตระหนักรู้ถึงเขา หรือรับรู้ความเป็นไปของเขาให้ตลอด
    เพราะว่านั่นคือการเชื่อมต่อกับเขาอยู่

    คือใช้เจตจำนงค์จากจิตวิญญาณของเรา เชื่อมต่อกับกายของเรา
    พร้อมทั้งประสานจิตใจของเราเข้าไปให้เป็นหนึ่งเดียวกับเขาด้วย
    แล้วศักยภาพของเขา ก็จะค่อยๆเปิดเผยออกมาให้เราได้รับรู้
    และเราก็จะสั่งการให้เขาทำงานได้มากขึ้นๆ
    เพราะว่าเราจะสามารถสื่อสารกับเขาได้ลึกลงไปถึงระดับควอนตัมแล้ว


    จริงๆแล้วผมไม่เก่งเรื่องที่เล่าไปนี่หรอกนะครับ
    รู้แต่หลักการณ์คร่าวๆเท่านั้นเอง ดังนั้น ผมก็หวังอยู่ว่า
    จะมีผู้รู้ที่รู้จริงๆมากกว่าผม เมตตาช่วยขยายความให้หน่อยหนะครับ
    ดังนั้น พวกเราก็มารอท่านผู้ใจดีท่านนั้นกันดีกว่านะครับ

    แต่หวังว่าท่านจะอธิบายแบบไม่อิงศาสนาหรือลัทธิใดๆหนะนะครับ
    เอาแบบเป็นกลางๆ เอาแบบเป็นสากล อะไรแบบนั้นหนะครับ

    .................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2014
  19. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259
    ระหว่างนี้ก็นั่งฝันนั่งรอ อยู่ในวิหารแห่งความติงต๊อง (The Temper of Ting-Tong) กันไปก่อนนะ

    แก่เฒ่าก็ให้ลูกหลานมันคอยดูแลนะ

    เจ็บป่วยไข้ก็ไปหาหมอหายาซะล่ะ

    หุ หุ หุ


    (||)(||)(||)
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แก่นแท้ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
    ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอเหมือนกันหมดทุกคน
    ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ศาสนาไหนก็ตาม

    ซึ่งมายาการที่แบ่งแยกพวกเราออกจากกันอยู่
    ก็คือ "ความเชื่อ" เหล่านั้นแหละ..



    [​IMG]
    (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...