ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ดังนั้น เมื่อเราเห็นความคิดนั้นแล้ว เห็นความโกรธนั้นแล้ว เราจะไม่กลัวมัน มันอยากคิดร้ายก็สักแต่ว่าคิดไป ส่วนเรื่องที่จะเดินไปทะเลาะกับเขาตามความคิดที่กำลังล่อหลอกอยู่นั้น เราก็เลือกได้ เพราะมีสติสัมปชัญญะตัดสินใจเองได้ ว่าควรหรือไม่ที่จะไปทะเลาะกับเขา หรือจะกลับเข้าบ้านนอนดี นี่เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ถ้าเรารู้เท่าทันความคิดนั้น

    พี่สุดใจเหนื่อยกับความคิด สู้กับความคิด ทุกข์กับความคิดมาหลายรูปแบบแล้ว เมื่อมารู้กลไกของขันธ์ห้าตามความเป็นจริงเช่นนี้ ก็เลยปล่อยวางความคิดนั้นลง ดูมันเฉย ๆ และฝึกสติมากขึ้นเพื่อกระโดดจับมันให้ทันตอนมันขึ้นมา แล้วค่อยว่ากันว่ามันคิดอะไรบ้าง แล้วก็ตัดสินใจไปตามสมควร ปัจจุบัน ก็เลยค่อนข้างจะสงบ และเบาสบาย ในท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมรอบข้าง เพราะไม่ไปบังคับบัญชาความคิด ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ไม่ไปห้ามมัน อยากคิดอะไรก็เชิญ เมื่อเราไม่สนใจมันก็กลายเป็นความฟุ้งซ่าน อยู่ไม่นานมันก็ดับไป ก็เป็นเรื่องปกติที่มันต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ใครที่มีความทุกข์คล้ายกันนี้ จะนำอุบายนี้ไปใช้บ้างก็ได้นะคะ อาจได้พบกับความว่าง ด้วยการปล่อยวางขันธ์ห้าก็เป็นได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ก็ผ่านไปอีก 1 คู่ สำหรับ สัญญาความจำกับสังขารความคิดที่คอยแต่จะปรุงแต่งยุยงส่งเสริมให้เกิดทุกข์ แต่ถ้าพิจารณาและรู้เท่าทัน ตัดตรงความคิดนั้นเลย ก็จะไม่ทำให้เราทุกข์ได้
    <O:p</O:p

    ซึ่งโดยความจริงแล้ว ความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ นักเพราะมันมีหลายขั้นตอนที่สามารถสกัดมันได้แต่ละจุด แต่เพราะคนในปัจจุบันนี้ พอคิดด้านทุกข์ขึ้นมาแล้ว ก็ทุกข์เลย จึงดูเหมือนว่าความทุกข์เกิดได้ง่ายเหลือเกิน

    ดังนั้น จึงเหลือคู่สุดท้าย คือเวทนาความรู้สึกสุขทุกข์ กับธาตุรู้หรือจิตที่มิสติปัญญาที่ต่อเชื่อมเข้าด้วยกันนั้น จะเกิดความทุกข์ได้จริงหรือ?<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วันนี้คงต้องยุติเพียงเท่านี้ก่อน ไว้มีโอกาสได้เข้ามาอีกครั้ง จะมาเล่าขันธ์ห้าต่อในส่วนที่เหลือค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ ที่ติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดมา ขอบคุณค่ะ

    (ตอนที่ 9)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  2. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    คู่แรก รูปขันธ์ที่เข้าคู่กับวิญญาณขันธ์ คู่นี้แม้ทำงานไปแล้วก็ยังไม่สามารถทำให้เราเกิดทุกข์ได้เป็นแค่ช่องทางผ่านเท่านั้น( รายละเอียดอ่านได้ในโพสต์ที่ 1143)

    ก็ต่อมาคู่ที่ 2 ก็คือ สัญญา(ความจำ)จับคู่กับสังขาร(ความคิดที่ถูกปรุงแต่ง)คู่นี้ถือว่ามีผลเหมือนกันถ้ารู้ไม่เท่าทันกลไกของธรรมชาติ (รายละเอียดอ่านได้ในโพสต์ที่ 1146)

    ซึ่งโดยความจริงแล้วความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆนักเพราะมันมีหลายขั้นตอนที่สามารถสกัดมันได้แต่ละจุด แต่เพราะคนในปัจจุบันนี้พอคิดด้านทุกข์ขึ้นมาแล้ว ก็ทุกข์เลยจึงดูเหมือนว่าความทุกข์เกิดได้ง่ายเหลือเกิน

    ดังนั้น จึงเหลือคู่สุดท้ายคือเวทนาความรู้สึกสุขทุกข์กับธาตุรู้หรือจิตที่มิสติปัญญาที่ต่อเชื่อมเข้าด้วยกันนั้นจะเกิดความทุกข์ได้จริงหรือ?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จะนำมาเสนอในช่วงต่อไปค่ะ


    หากท่านที่สนใจข้อมูล อ่านแล้วค่อย ๆ ทำความเข้าใจตามไป จะสามารถเข้าใจได้โดยง่าย

    และหากท่านเข้าใจ ปฏิบัติตามไป ก็จะรู้เท่าทันกลไกของขันธ์ห้าแน่นอนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  3. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    The Power Of Choice!
    กราบๆ พี่สุดใจ อธิบายธรรมภาคปฏิบัติได้ดีเยี่ยมครับ
    สักแต่ว่า....

    พาหิยสูตร
    "พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
    เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
    เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งสักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
    ดูก่อนพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล
    ดูก่อนพาหิยะ ในการใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
    เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
    ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มี
    ในการใด ท่านไม่มี ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า
    ย่อมไม่มีระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์"

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุท่าน เล่ม๑ ภาค๓ หน้า๑๒๗

    คำว่า ท่าน ในที่นี้ คืออัตตาตัวตนนั่นเอง
    ดังนั้นทุกครั้งที่มีสติสัมปชัญญะสักว่ารู้ว่าเห็น
    ไม่เข้าไปเป็นกับอารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาในจิตใจ
    ย่อมเป็นทางเดินไปสู่ทางหลุดพ้น
    สาธุ
    (จำคนอื่นท่านมานะครับ ผมเองไม่ได้เก่งอะไรครับ
    ใครมีอะไรจะแชร์ก็ได้นะครับ ระบบสั่งให้เขียน อิอิ)
     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE class=tborder id=post972392 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_972392", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:56 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 50
    ข้อความ: 739
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,090
    ได้รับอนุโมทนา 19,670 ครั้ง ใน 749 โพส
    พลังการให้คะแนน: 990 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_972392 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chayutt [​IMG]
    คิวต่อไป หรือต่อๆไป ต้องไม่พลาด
    คุณ rescuelp คุณ mead คุณ Falkman คุณจิตต์ปภัสสร
    และ คุณ apichan แน่ๆเลยครับ ผมว่า.

    เพราะว่าท่านเหล่านี้..ผมเชื่อว่า..
    เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และมีจิตใจที่ดีงามผ่านเกณฑ์อยู่แล้วหละครับ

    ขอแสดงความยินดีกับทุกๆท่านด้วยเช่นกันครับ

    ท่านอื่นๆอีก 95 ครอบครัว และอีก 5000 คนทั่วโลก
    ที่ระบบยังไม่ได้เปิดเผยตัวให้ทราบ
    ผมเชื่อว่าวนเวียนอยู่ในเวปพลังจิตนี้
    ไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 คนกระมัง..อันนี้คิดเอง พูดเอง นะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่คุณชยุตได้กล่าวถึง เพราะทุกท่านที่กล่าวมานี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติจิตมาแล้วอย่างยิ่งยวด จึงเป็นผู้ที่เสียสละ ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อผู้อื่นมาโดยตลอด ซึ่งบางท่านพี่สุดใจอาจจะเคยรู้จัก หรือไม่เคยรู้จัก นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะดวงจิตของท่าน การปฏิบัติของท่านนั้น ๆ ต่างหากที่น่าสรรเสริญยิ่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น ในวันนี้ พี่สุดใจขอกล่าวในเรื่องนี้สักนิด เพื่อที่หลายท่านที่กำลังเคลือบแคลงสงสัย อาจพอทำความเข้าใจได้เพิ่มขึ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ความจริงแล้ว อย่างที่คุณชยุตได้กล่าวมานั้น ก็ถูกต้องในหลาย ๆ ส่วน แต่อาจมีความเข้าใจที่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด พี่สุดใจก็ขออธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จริง ๆ แล้ว เรื่องของระบบนั้น มีการแยกเป็น 4 แผนก อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วในกระทู้ที่ผ่าน ๆ มา (ท่านอาจกลับไปหาอ่านอีกครั้งก็ได้ค่ะ เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น) <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แผนกขับเคลื่อนระบบ และ maintenance ระบบ<O:p</O:p

    แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต<O:p</O:p

    แผนกพื้นที่<O:p</O:p

    แผนกประชาสัมพันธ์ 60 บุคคล<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น คนที่ทำงานกับระบบฯ โดยการวางตัวมานั้น ก็จะแยกไปทำงานยังแผนกต่าง ๆ จะไม่รู้จักกันเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงาน เพราะทุกคนรับการส่งข้อมูลมาที่แต่ละบุคคลโดยตรง แต่ละงานโดยตรงอยู่แล้ว จึงไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำงานกับระบบอยู่ ในสิ่งที่คุณคิด คุณพูด คุณทำนั่นแหละ คืองานของระบบที่ถูกต้องตามที่ส่งข้อมูลมาแล้ว เพราะคนในระบบที่วางไว้ 5,000 คน ที่อยู่ต่างประเทศมากมาย เราก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคน แต่ทุกคนก็ทำงานถูกต้องเช่นเราเหมือนกัน
    <O:p</O:p
    ดังนั้น 60 บุคคล เรามีรายชื่อไว้แล้ว ตามการฝึกโดยระบบ
    <O:p</O:p
    100 ครอบครัว ก็คือครอบครัวที่ไม่ได้ฝึกโดยระบบ แต่เป็นครอบครัวที่มีการมารับรู้รับทราบ และร่วมงานกันตามแต่วาระ ในแต่ละครั้ง แต่ละงาน ไม่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมกับกลุ่มประสานงานฯ อาจจะอยู่ยังจุดต่าง ๆ กลุ่มต่าง ๆ และปฏิบัติภารกิจยังจุดนั้น ๆ ต่อไป ซึ่ง 100 ครอบครัวนี้ จะมีคนในภายในครอบครัวนั้นเชื่อร่วมด้วยกับเรื่องของภัยพิบัติ มีการพบเห็น มีความเชื่อ หรือมี sense มีปรากฏการณ์แปลก ๆ เกี่ยวเนื่องด้วยเสมอ ซึ่งในกลุ่มนี้ ระบบได้มีการบอกไว้นานแล้วหลายครอบครัว เพียงแต่ว่า งานด้านการแจ้งรายชื่อครอบครัวของคนในระบบในแผนกต่าง ๆ นี้ เป็นความรับผิดชอบของแผนกขับเคลื่อนระบบ และ maintenance ระบบ และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    5,000 คนทั่วโลก ในนี้รวมทั้ง 60 บุคคล 100 ครอบครัวเข้าไว้ด้วยแล้ว บุคคลกลุ่มนี้มีจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วโลก และทำงานแบบไม่รู้ตัวว่าทำงานกับระบบ คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น ระบบจึงต้องเป็นผู้ป้อนความคิดเข้าไป แล้วก็ทำงานตามที่คิดว่าตนคิด จึงทำงานได้ถูกต้องตรงตามเป้าหมายที่ระบบต้องการ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    "หากท่านที่สนใจข้อมูล อ่านแล้วค่อย ๆ ทำความเข้าใจตามไป จะสามารถเข้าใจได้โดยง่าย

    และหากท่านเข้าใจ ปฏิบัติตามไป ก็จะรู้เท่าทันกลไกของขันธ์ห้าแน่นอนค่ะ"

    ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเลย ว่าการไม่มีตัวตนนี่มันจะเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน?
    แล้วแบบที่ผมกำลังเป็นและปฏิบัติอยู่นี่ มันก้าวหน้าไปบ้างหรือเปล่า?

    คือ..ก็เพราะว่า..ผมรู้สึกว่าการแค่อ่าน แล้วทำความเข้าใจ แล้วก็ทำใจให้เป็นไปตามนั้นเฉยๆ
    มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันควรจะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
    หมายถึงธรรมชาติของการปล่อยวางได้แล้วเอง ไม่ใช่การไปแสร้งทำใจให้รู้สึกหนะครับ

    อ่านแล้วอาจจะงง เพราะผมก็งง สรุปว่า ผมกำลังหมายถึงว่า

    "ไอ้ความรู้สึกที่ปล่อยวางได้แล้วจริงๆ เนี่ย มันเป็นยังไงนะ"

    เพราะทุกวันนี้ ผมก็อ่านและก็เข้าใจแหละว่า ต้องทำแบบนี้ แบบนี้ ตามคำแนะนำทั้งหลายแหล่

    แต่ยังสัมผัสไม่ได้เท่าไหร่เลยว่า ความรู้สึกปล่อยวางที่แท้จริง มันเกิดขึ้นแล้วหรือยัง และ มากน้อยแค่ไหน?

    เฮ้อ...ยังห่างไกลนัก ห่างจนรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สนใจจะฝึก ไม่สนที่หัดสักเท่าไหร่แล้ว
    ปล่อยวางได้ไม่ได้ ก็ชั่งศรีษะมัน จะทำงานกับระบบได้ไม่ได้ ก็ไม่ค่อยแคร์แล้วหละครับ

    เบื่อแม้แต่จะเข้ามาอ่าน เข้ามาโพสต์ด้วยซ้ำไป ใครจะไปถึงไหน อย่างไร ก็ขี้เกียจแม้แต่จะอนุโมทนาด้วยซ้ำไป

    เพราะรู้สึกว่ามันยากจัง!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081

    มาให้กำลังใจคุณชยุต ครับ

    ผมเชื่อว่า การจะเข้าใจอะไรต่างๆได้ ต้องมีบทเรียนเป็นแบบฝึกหัดทดสอบนะครับ ดั่งเช่นที่พี่สุดใจได้กล่าวมาให้ฟัง คือการทดสอบจากของจริง ณ ปัจจุบัน ณ การกระทำนั้นๆ ถ้าไม่มีการกระทำ คงยากที่จะเข้าใจ ความหมาย
    ของสภาวะการปล่อยวาง การเฝ้าตามดู ของขันธ์5 ที่เราคิดว่าเป็นของเรา
    ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ...เดี๋ยวก็ปิ๊งเองครับ
     
  7. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    สวัสดีครับพี่ชยุต

    ผมเองก็คงคล้ายกับพี่ไม่รู้ว่าก้าวหน้าขนาดไหน อาจารย์กิติชัยก็เพิ่งบอกว่าเหมือนปฏิบัติเยอะแต่สิ่งที่ได้มันว่างเปล่า ก็เลยไม่รู้ว่าที่ทำมามันถูกทางหรือเปล่า เดินตรงทางหรือไม่ แต่ก็ช่างมันเถอะครับ ทำได้หรือไม่ได้ ตอนนี้ก็หัดปล่อยวาง อย่างเดียว
     
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    จากข้อความการสนทนาเมื่อเช้านี้ครับ...

    ก.... เคยกำหนดจิตตามดูสรรพสิ่ง แล้วพบหยดน้ำตา หยดเหงื่อความทรมาน
    อยู่กับต้นกำเนิดแต่ละสิ่ง มันทรมานน่ะ

    ข....เราเห็นที่ภายนอก แต่ถ้าเกิดกับเรา เราจะทำใจได้ไหมนี่สิสำคัญ

    ก....ก็เห็นน่ะ แต่พอวาง วางแบบทำใจก็จะมีวิ่งเข้ามาทันที
    คือ ที่-รู้สึกอยากเก็บตัวไง

    ข....โลกนี้คือห้องเรียนของชีวิต ได้ดู ได้รู้ ได้เห็น แล้วเก็บมาคิดพิจารณา
    ถ้าจิตมุ่งดีจริง จะแยกแยะได้

    ก....ก็เบื่อแล้วไง เมื่อวานแต่งกลอน มันไหลออกมาเอง
    นรชาติจุติวายต่างเกลือนกายทั่วทิศศรี
    แม้ยศทรงธาตรีก็บ่อาจจะทานทศ
    วารอุศเรศรทิวากรโศกกำสรด
    เขลาชาติจิตกำหนดละว่างหมดก็วางใจ

    ข....อืม

    ก....คุยกับ ก สงสัยงานจะเข้าทั้งวันเคิบๆๆๆ

    ข.... 555

    ก.ประมาณ 52 หรือ 53 น้ำท่วมแน่ๆ สั่งให้ซื้อเรือแล้วง่ะ

    ข....อืม

    ก....เมื่อวานอ่านเรื่องที่โหรทาย ก็ติดใจอยุ๋นิดเดียว น้ำจะมาตอนดึก
    เค้าบอกว่าตี 4 แต่จิตมัตนบอกว่าตี 2- ตี 3 ช่วง ตี 2-ตี 4 เป็นช่วงอันตราย
    แต่นักปฏิบัติส่วนใหญ่จะตื่นแล้วเพื่อทำวัตรเช้า ก็จักรู้ตนก่อน ถึงขนาดว่า
    ให้เตรียมเรื่องการทำศพน่ะ

    ข....ถึงเวลานั้น คงได้แต่รวบรวมศพ แล้วเผารวม

    ก....ไม่มีเวลาเผา พูดถึงการซื้อปูนขาว ผู้ปฏิบัติธรรมจะรอดเพราะไม่หลับไหล
    แล้วก็พูดถึง การดูจิต พี่ต้องฝึกหนักแล้วม๊าง ดูว่า คนไหนไม่รอด
    ให้ปล่อยเลยไม่ต้องช่วย ทำได้ไม๊หล่ะ

    ข....เหนื่อยนะ เที่ยวไปดูโน่นดูนี่ ตอนนี้พี่ดูใกล้ตัวนะ
    อยู่ในตัวเรานี่แหละ ทุกข์จริงๆ

    ก....นั่นน่ะรู้อยู่ ก หมายถึง Dependent Day ที่ให้เลือก

    ข....อืม

    ก....ช่วยเฉาพะคนที่ช่วยได้เท่านั้น ยังคิดว่าตรูจะทำได้เหรอ

    ข....ข้างบนเขาเตรียมไว้แล้ว ไม่ต้องกังวลนะ เราปฏิบัติปล่อยวางอย่างเดียว
    ถึงเวลาจะ automatic เอง ตอนนี้ดูไปคิดไป ก็เท่านั้นนะ

    ก....นั่นซิเนอะ

    ข....อืม ทำอย่างไรไม่ให้สติแตก หากพบเจอเหตุการณ์โหดๆ
    อยากช่วยไปหมด แต่ช่วยไม่ได้ ต้องปล่อยวาง
    มันเป็นอย่างนั้นเอง เย็น โล่ง โปร่ง สบาย นะ

    ก....ใช่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็คิดว่า ก่อนนอน ถ้าเราตายเรื่องนี้....
    แด่วก้มีคนมาทำ เรื่องนั้นๆๆๆเค้าก็ต้องอยู่กันได้ เรื่องโน้นนๆๆๆๆ...ใครๆก็ทำได้
    คิดไปคิดมา ความสำคัญของเราจริงแท้มันไม่มี
    เมื่อเราตายใครๆๆๆเค้าก็ต้องจรรโลงชีวิตต่อไปได้ มันหมดเลยพี่
    หมดกังวล หมดโลก มันโล่งไปหมดเลย

    ข....สาธุๆๆ

    ก....มันเข้าใจและโล่งไปหมดเลย

    ข....แฮ่ๆ

    ก....อากาสา + อากิญจัญญา มันมาพร้อมกันพี่
    ทั้งที่เห็นตาเนื้อว่ามีอยู่ สรรพสิ่งมีอยู่ แต่จิตไม่มี ไม่มีที่จิต

    ข....ใช่ครับ แม้แต่จิตก็ไม่มี สงบ เย็น สบาย
    ตั้งใจให้มั่น น้อมอธิษฐาน ขอบารมี ให้สำเร็จนะ

    ก....สาธุ เอาแน่พี่เอาแน่ ไปนิพพานแน่ๆ

    ข.โมทนาสาธุ

    (หมายเหตุ...ระบบจัดให้ครับ)
     
  9. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เอามาฝากค่ะเพราะเห็นว่าเนื้อหาใกล้เคียงกันมาก..
    ..................................
    พี่นักเขียนอาจจะบกพร่องไป ที่ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนให้หลายๆท่านเข้าใจว่า เราจะต้องทำสมาธิก่อนนอน แม้วินาที่ที่จะล้มตัวลงนอน ก็ให้ประคองภาวะจิตอันเป็นสมาธินั้นไว้ เพื่อก้าวล่วงไปสู่ความฝันด้วยภาวะจิตที่เป็นสมาธิ มิฉะนั้นแล้วหากนอนหลับและฝันโดยปราศจากสมาธิ เราจะก้าวไปสู่ความฝัน-ตามปกติ อันได้แก่ความฝันที่เป็นไปโดยปราศจากสติสัมปชัญญะอันคมชัด เราอาจจดจำประสบการณ์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และทั้งหมดก็เป็นไปโดยปราศจากเป้าหมาย ปราศจากเจตนา และปราศจากการควบคุม

    การทำสมาธิ เป็นฐานและเป็นกลไกสำคัญ และเป็นปัจจัยหลักเพียงปัจจัยเดียว ที่จะทำให้เรามีความพร้อมที่จะจดจำความฝันได้ดี เผชิญกับความฝันได้ด้วยสติพร้อม และสามารถตีความหมายและสัญลักษณ์ที่ปรากฏในความฝันได้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ด้วยความเชื่อ

    สติสัมปชัญญะ เป็นทั้งกระบวนการ และ ผลลัพธ์ของการทำสมาธิ
    ที่ว่าเป็นกระบวนการนั้น เพราะเหตุว่า การทำสมาธิคือการใช้สติสัมชปัญญะในทิศทางที่เราไม่เคยใช้มาก่อน อันได้แก่ การใช้สติสัมชปัญญะ สำรวจและพิจารณาตัวของมันเอง

    ที่ว่าเป็นผลลัพธ์นั้น เพราะเหตุว่า หลังจากเราพิจารณาสติสัมชปัญญะ-ด้วย-สติสัมปชัญญะ
    อย่างสม่ำเสมอเป็นนิจ ผลลัพธ์ที่ได้คือ การแปลงสภาวะของสติสัมปชัญญะ โดยที่มันจะแปลงสภาวะจากการเป็นผู้กระทำ กลายเป็นผู้สังเกตการณ์การกระทำนั้นๆ

    สติสัมปชัญญะที่ได้รับการอบรม จะเกิดการขยายตัว คือแบ่งออกเป็นสองหน้าที่ ส่วนหนึ่งทำหน้าที่ตามปกติซี่งเรียกได้ว่า เป็นส่วนของผู้กระทำ อีกส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ คือติดตามรู้เห็นการกระทำของส่วนแรก

    สมาธิไม่ใช่สิ่งที่แปลกแยกไปจากชีวิตของเรา เราทำสมาธิหรือฝึกสมาธิได้ทุกขณะจิต-นอกเบาะสมาธิ เช่น ในขณะที่เราทำกิจกรรมใดๆอย่างจดจ่อ เราสามารถแบ่งแยกสติสัมปชัญญะออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือผู้กระทำกิจกรรมนั้นๆ อีกส่วนหนึ่งคือผู้สังเกตการณ์การกระทำนั้นๆ ไม่ใช่มีเพียงสติสัมปชัญญะส่วนเดียวที่จมหายไปกับการกระทำจนไม่รู้ได้ว่า รอบตัวเรานั้นกำลังเป็นไปอย่างไร ซึ่งมักเกิดขึ้นกับเราได้บ่อยๆในขณะที่เราทำกิจกรรมใดๆอยู่ ในนัยที่เรามักเรียกว่า ทำได้อย่างจดจ่อ-มีสมาธิ

    แต่เราควรจะก้าวไปสู่อีกก้าวหนึ่ง คือ ขยายสติสัมปชัญญะออกไปสู่ส่วนของผู้สังเกตการณ์ ที่สามารถเฝ้าดูและพิจารณาส่วนที่จมหายไปกับการกระทำนั้นๆ และสามารถพิจารณาภาวะของส่วนแรกได้

    ในยามหลับ ก็ไม่ต่างกัน หากปราศจากการฝึกฝน สติสัมปชัญญะที่เราเคยชินก็จะก้าวล่วงไปสู่โลกของความฝันในฐานะผู้กระทำ โดยปราศจากผู้สังเกตการณ์ เราจึงจมหายไปในโลกของความฝัน และปราศจากความสามารถที่จะเปลีี่ยนแปลงแก้ไข หรือแม้แต่หยุดความฝัน เปลี่ยนความฝัน หรือก้าวออกจากความฝันนั้นๆได้ตามปรารถนา

    การฝึกสมาธิก็ดี การฝึกฝันก็ดี ในที่สุดแล้ว คือสิ่งเดียวกัน คือ การฝึกฝนสมาธิเพื่อให้มีสติสัมปชัญญะที่เป็นทั้งผู้กระทำและผู้สังเกตการณ์พร้อมๆกัน ทั้งยามตื่นและหลับ
     
  10. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ขออนุโมทนาบุญกับ คุณ time machine ค่ะ

    ที่ได้ฝากปัจจัย จำนวน 200 บาท ร่วมทำบุญกับเขากะลา 2 ในการถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ และถวายสังฆทานไปพร้อมกันด้วย ในวันที่ 26 กันยายน 2551 นี้

    พี่สุดใจได้มอบให้กับ อาจารย์นีโม่ผู้ดำเนินงานเขากะลา 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

    ขออนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ด้วยค่ะ
     
  11. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เมื่อเวลา 12.04 นาที คุณเจี๊ยบ (kanoononnut) ได้เดินทางมาที่อาคารฝักข้าวโพด ได้นำขนมหวาน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง มาร่วมทำบุญถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

    และมอบเงินทำบุญอีกจำนวน 1,000 บาท ร่วมในการทำบุญถวายสังฆทานในครั้งนี้

    พี่สุดใจได้รับทองหยิบ ทองหยอด และเงินจำนวน 1,000 บาทไว้ และได้มอบต่อให้กับผู้จัดงาน คืออาจารย์นีโม่เรียบร้อยแล้วค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยอย่างยิ่ง ในกุศลครั้งนี้ค่ะ


    [​IMG]
     
  12. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ได้รับโทรศัพท์จากคุณ juksawat ซึ่งทำงานอยู่ที่สมุทรสาคร ว่าจะเดินทางมาร่วมทำบุญในวันพรุ่งนี้

    พร้อมทั้งจะนำขนมลอดช่อง ซึ่งเป็นขนมขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรสาคร มาถวายเพลพระ และอีกส่วนหนึ่ง นำมาเลี้ยงเพื่อน ๆ ที่มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย

    ก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณ juksawat ด้วยนะคะ ที่มาร่วมทำบุญ และนำขนมมาฝากผู้มาร่วมทำบุญในวันพรุ่งนี้ด้วย

    อนุโมทนา
     
  13. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เมื่อเช้านี้ เครื่องปริ๊น+สแกนใช้ได้แล้ว
    แค่นึกขอให้ระบบช่วย โปรแกรมโหลดอยู่ๆก็โผล่หน้าจอมาให้โหลด จนสำเร็จ
    ทุกทีโหลดแล้วก็ไม่สำเร็จ นานเป็น 2- 3 เดือน จึงเซฟเก็บไว้ เผื่อลองทีหลัง

    กรณีนี้ระบบจัดให้ เพราะต้องเก็บข้อมูลนี่เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2008
  14. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    พรุ่งนี้ถ้าไม่ติดอะไรจะไปร่วมงานบุญด้วยนะครับ
     
  15. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ไม่แปลกใจเลยทำไมช่วงนี้มีชื่อคุณชยุตอยู่ในหัว อย่าเครียดไปเลยค่ะ ถ้าขันธ์ห้ามันอยากเครียดให้มันเครียดไป จิตเราไม่จำเป็นต้องเกาะตาม แค่เพียงให้เห็นมันทำงานก็พอ เหมือนอย่างที่คุณอวตารบอยบอก "สิ่งที่สำคัญคือการมีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาสำคัญที่สุด"ถ้าเราสามารถกำหนดสติให้รู้ตัวทั่วพร้อม คุณจำเข้าใจการทำงานของขันธ์ห้าที่อย่างถูกต้อง แม้กระทั่งอาจารย์อนาลัยยังกล่าวไว้ ระดับของสติสัมปชัญญะนั้นมีหลายระดับตามความเข้าใจ ความเข้าใจที่เกิดจากการอ่านก็ถือได้ว่าเข้าใจแต่เป้นความเข้าใจในระดับผิวเผิน คือแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนความเข้าใจที่เกิดจากการอ่านหรือรับฟัง พร้อมทั้งนำไปปฏิบัติซึ่งก่อให้เกิดประสบการณ์ถือเป็นความเข้าใจจากภายในซึ่งก่อให้เกิดธาตุรู้ ซึ่งความเข้าใจนี้จะต่างระดับกัน บางทีการที่คุณว่างจากความคิดมันอาจจะทำให้คุณเข้าใจถึงความว่างจริง ๆก็ได้ บางอย่างมันก็ง่ายๆ และเป้นธรรมชาติมากกว่าที่เราคิดเช่นกัน
     
  16. mooing2546

    mooing2546 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +571
    ประมาณ 3-4 วันที่แล้วได้สื่อสารทางวิทยุเพื่อติดต่อการรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินทางศูนย์ได้แจ้งว่าหน่วยของรพ.ของเรารหัส 1811(อันนี้เพิ่งทราบค่ะ) เมื่อคืนนี้ก้อขึ้นเวรดึกพี่ที่ขึ้นเวรด้วยกันที่เคยบอกตัวเลขคราวที่แล้ว ฝันว่ามีตัวเลขขึ้นโทรศัพท์อีกคือ 118 มีรหัสซ่อนไว้รึป่าว นะเอย นะเอย
    ;aa20
     
  17. ทามปายได้

    ทามปายได้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +56
    อดไปแน่เลยพรุ่งนี้ เง้ออ อยากไป หนูอยากไป (งบหมด) สงสัยระบบจัดรึเปล่าหว่า เหอๆ
     
  18. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เรื่องขันธ์ห้า (ต่อ)


    ซึ่งโดยความจริงแล้วความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆนักเพราะมันมีหลายขั้นตอนที่สามารถสกัดมันได้แต่ละจุด แต่เพราะคนในปัจจุบันนี้พอคิดด้านทุกข์ขึ้นมาแล้ว ก็ทุกข์เลยจึงดูเหมือนว่าความทุกข์เกิดได้ง่ายเหลือเกิน

    ดังนั้น จึงเหลือคู่สุดท้ายคือเวทนาความรู้สึกสุขทุกข์กับธาตุรู้หรือจิตที่มิสติปัญญาที่ต่อเชื่อมเข้าด้วยกันนั้นจะเกิดความทุกข์ได้จริงหรือ?<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    ดังนั้น การที่จะกล่าวถึง ขันธ์ห้าคู่สุดท้ายนี้ อยากจะให้ท่านใช้การไตร่ตรองตามอย่างตั้งใจสักนิด เพราะหากเข้าใจจริง ๆ และทำได้จริง นั่นก็หมายความว่า ความทุกข์จะไม่สามารถอยู่เหนือคุณได้เลย ต่อให้กำลังทุรนทุรายด้วยความทุกข์ แต่คุณจะไม่ได้เป็นทุกข์ ซึ่งฟังแล้วอาจจะค่อนข้างงง สับสน ก็กำลังทุกข์แล้วจะไม่ทุกข์ได้อย่างไร?<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้น คู่สุดท้ายนี้ ก็คือ เวทนา ความรู้สึกที่เราจะคิดเสมอว่าเราสุข เราทุกข์ เรากำลังเสียใจ เรากำลังเศร้าหมอง กำลังท้อใจ เรากำลังหดหู่ซึมเซา เพราะมันเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ครอบคลุมเราอยู่ ทำให้เราอยู่ในอาการที่เรียกว่าเศร้าหมอง วิตกกังวล ร้อนรน กระวนกระวาย ซึ่งอาการเหล่านี้เราจะเรียกมันว่าความทุกข์ เพราะเมื่ออารมณ์โศกเศร้า หดหู่เศร้าหมองเข้ามาเมื่อไร ความสดชื่นแจ่มใสที่เราเข้าใจว่าเป็นความสุขก็จะหายไปทันที<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แล้วทำไมธรรมะจึงบอกว่า สุข กับ ทุกข์ มันเท่ากันล่ะ? ทำไมบอกว่ามันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้นเอง มันจะเท่ากันได้อย่างไร? เพราะมองยังไงก็ไม่มีทางเท่ากันได้ ซึ่งหลายคนก็คิดอย่างนี้รวมทั้งพี่สุดใจด้วยในตอนนั้น ถ้าจะให้เลือกก็ขอเลือกเอาสุขก่อนก็แล้วกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หลังจากถูกระบบอัดทุกข์ให้จนสะบักสะบอม ก็เริ่มหาทางที่จะออกจากความทุกข์ที่มี(ระบบ)หยิบยื่นมาให้ ดังนั้น ถ้าเขาสอนอะไร พิจารณาไตร่ตรองแล้วเห็นว่าน่าจะออกจากทุกข์ได้จริง และเมื่อปฏิบัติแล้วความทุกข์เคยที่มีมากก็เหลือน้อยลง น้อยลง ก็เพราะเริ่มมีปัญญามากขึ้น จึงมีกำลังใจที่จะปล่อยวางตามแนวทางนั้น สิ่งเหล่านี้พี่สุดใจไม่เชื่อใคร จนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยเทียบเคียงจากความทุกข์ที่เคยมีมากกลับลดน้อยลง เพราะความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าน้อยลง ตัวตนของตนน้อยลง ความทุกข์เพราะอุปาทานขันธ์ห้าก็เลยลดลงตามไปด้วย นี่เองเป็นสิ่งที่เมื่อปฏิบ้ติแล้ว ผลที่ได้จากการปล่อยวาง ความว่างก็เกิดขึ้นนั่นเอง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การที่จะเห็นว่าสุขกับทุกข์เท่ากันได้นั้น ต้องรู้กลไกในขันธ์ห้าให้แจ่มแจ้งเสียก่อน จึงจะพอทำความเข้าใจได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pดังนั้นคู่สุดท้ายก็คือเวทนาจับคู่กับจิตที่มีสติปัญญา ซึ่งในขันธ์ห้าก็อยู่ในกลุ่มของวิญญาณ ที่เรียกว่ามโนวิญญาณ หรือในส่วนที่เรียกว่าจิตหรือใจนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้นเวทนา เป็นตัวการที่คอยสร้างความรู้สึกขึ้นมา แต่กลไกของมันจะเนื่องกับความคิด มันไม่ได้สร้างขึ้นมาลอย ๆ ส่วนใหญ่มันจะอิงกับความคิดเป็นหลัก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แล้วความคิดมันมีอิทธิพลอย่างไร ทำไม ? ตัวเวทนาหรือความรู้สึก จึงต้องไปเนื่องกับมัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เราจึงต้องมารู้จักกลไกตามธรรมชาติของขันธ์ห้าในมุมมองของวิทยาศาสตร์ที่มีสารเคมีเป็นตัวคอนโทรลอารมณ์อยู่นั้นควบคู่กันไปด้วย จึงจะพอนำไปเทียบเคียงเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง ของธรรมชาติได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พี่สุดใจได้เคยอธิบายกลไกของขันธ์ห้า ในมุมมองของธรรมะและวิทยาศาสตร์นี้ไว้แล้วครั้งหนึ่ง ในกระทู้นี้หน้าที่ 6 ซึ่งจะขอนำมาให้อ่านเพื่อทำความรู้จักกับกลไกของขันธ์ห้า คู่สุดท้ายนี้ เพราะมันมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่มาเกี่ยวเนื่องกับขันธ์ห้า ทำให้เกิดภาวะอารมณ์ที่หลากหลายนั้น มาทำความรู้จักในส่วนที่เป็นมุมมองทางสารเคมีกันก่อนนะคะ

    (ตอนที่ 10)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  19. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ความเป็นเช่นนั้นเอง
    ในมุมมองของ
    ธรรมะ วิทยาศาสตร์ และมนุษย์ต่างดาว

    - แม้ปัจจุบัน มนุษย์โลกจะมีความเจริญทั้งสองด้าน แต่ส่วนใหญ่ จะต่างคนต่างมุมมองคิดในส่วนที่ตนเองรู้ และพยายามทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงตามนั้นซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร
    <O:p</O:p
    - คนปฏิบัติธรรมะก็ปล่อยวางด้วยวิธีการศึกษาด้านธรรมะ พิจารณาการเกิดดับของอารมณ์ ความรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นเอง ไม่น่ายึดมั่นถือมั่นอะไร


    - ส่วนในมุมมองของวิทยาศาสตร์อารมณ์ของคนเราก็ขึ้นอยู่กับสารเคมีในร่างกายมนุษย์ แพทย์ท่านนั้น จะสนใจธรรมะหรือไม่? ก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่ากลไกของร่างกายมนุษย์มันขึ้นอยู่กับสารเคมีในสมองต้องควบคุมความคิด ให้คิดแต่สิ่งที่รื่นรมย์ อย่าเครียดเพราะจะทำให้สารเคมีประเภทที่เกิดโทษต่อร่างกายหลั่งออกมา ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกิดความเครียดขึ้นได้ และหากคิดเรื่องวิตกกังวลอยู่อย่างเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่าสารเคมีหลั่งมากเกินไป ทำให้มีอาการเครียดรุนแรง ซึมเศร้ารุนแรงก็ต้องจ่ายยาควบคุมสารเคมีในสมองให้อยู่ในสภาพที่สมดุลย์ เพื่อลดอาการเครียดวิตกกังวล หรือความหดหู่เศร้าหมอง ที่บุคคลผู้นั้นกำลังเป็นอยู่ ดังนั้นแพทย์ก็จะเห็นว่าเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ติดสอน คงไม่ได้ไปร่วมสังฆทาน ขออนุโมทนาบุญมาล่วงหน้านะคะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...