ความแตกต่างของสัมมาสมาธิกับฌานสมาบัติ ๘

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2015.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    น้องครับ

    สัญญาเวทยิตนิโรธนั้น เป็นเรื่องที่เพิ่มเติ่มเสริมแต่งขึ้นมาในภายหลัง

    เพื่อรองรับกับพระสูตรบางพระสูตรที่กล่าวถึงตอนที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน

    มีการวนเวียนเข้าไปตั้งแต่รูปฌาน ต่อไปอรูปฌาน จนหาที่ลงไม่ได้

    จึงคิดฌานที่๙ขึ้นมา ลงตรงกลางไม่ใช่รูป ไม่ใช่อรูป

    เพื่อรองรับสิ่งที่ตนเองรจนาไว้ เพราะไม่เข้าใจของจริงที่ถูกต้อง

    ลองคิดดูดีสิครับ พระพุทธองค์ทรงบอกปัดทั้งรูปฌานและอรูปฌานไปนานแล้ว

    ตอนละสังขารยังจะมาวนเวียนเข้าไปเล่นอยู่กับสิ่งที่ได้ทรงปฏิเสธไปแล้วหรือ

    ไม่รู้สึกว่าขาดเหตุผลไปหน่อยหรือครับ

    กลับพวกสาวกพระพุทธองค์ทรงบอกให้เลิกทิฐิเก่า คือรูปฌาน อรูปฌานเสีย

    แล้วพระพุทธองค์จะทรงทำเองอีกหรือครับ เกิดพลาดพลั้งไปเสียหายหมด

    พระพุทธองค์ไม่ทรงทำในสิ่งที่บอกให้สาวกละทิ้งหรอกครับ

    ใน"สัมมาสมาธิ" ฌานที่๔ นั่น ก็สัญญาเวทนยิตนิโรธชัดๆอยู่แล้วครับ

    เมื่อเข้าถึงอัปปนาสมาธิ ไม่ต้องเลื่อนไปไหนแล้วครับ

    เพียรทำให้จนเกิดความชำนาญคล่องแคล้วในการเข้า-ออกให้ได้เท่านั้น

    ปิติ สุข จะค่อยๆจืดจางลงไปเองเป็นอัตโนมัติ

    ส่วนการละทุกข์ ละสุข ดับโสมนัส โทมนัสแต่เก่าก่อน(สัญญา)แบบเด็ดขาดนั้น

    ยังต้องอาศัยความเพียรเป็นอย่างยิ่ง

    ในการกระทบอารมณ์แล้วร่อนออกไป(ปล่อยวาง)โดยไม่ต้องเสียเวลาเลย

    ไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  2. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    พุดโธ่ปัดถังกระมังหม้อ ว่าเป็นตุเป็นตะเคยได้ยินพระมหากัสสปะออกจากนิโรธสมาบัติบ้างไหม
    เทวดาแปลงกายมาเป็นผู้ยากไร้ใส่บาตร ร่ำรวยทันตาเห็น

    เอาจตุตถฌานแล้วเข้าสัญญาเวทนยิตนิโรธเลย คำสอนของพระองค์เสียหายหมด
    สักแต่สอนๆไปให้ดูว่าดีคงจะหลอกได้เฉพาะคนโง่เท่านั้นแหละ
    อย่างในสำนักดูจิตแบบธรรมภูตเท่านั้นแหละคงพอได้ๆ

    สอนเสียตัวเองก็ยังเชื่อตามเลย เลยไม่รู้ใครนะที่มันโง่กันแน่
    ทั้งคนสอนและคนถูกสอน เวรกรรมแท้นรกรออยู่

    จึงยกนิททานมาให้อ่านคลายเครียดก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป

    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13001.0;wap2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 พฤษภาคม 2015
  3. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ลุงธรรมภูติครับ
    ผมไม่ได้หมายถึงพระพุทธองค์หรือพระอรหันต์ครับ
    แต่ผมหมายถึงสิ่งที่ผมประสบมาและยังอยู่ระหว่างทางเดินยังไม่จบกิจครับ
    ขออภัยถ้าไม่ถูกใจ
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หมานเอ๋ย

    ถ้าไม่รู้ไม่ต้องแสดงคงไม่มีใครกล่าวหาว่าโง่หรอก

    หมานไม่รู้จริงๆ แกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ

    ไม่รู้หรือว่า "นิโรธสมาบัติ"นั้น มีเฉพาะในสัมมาสมาธิเท่านั้น

    แล้วฌาน๔ ในสัมมาสมาธินั้น ก็คือ "สัญญาเวทยิตนิโรธ"ดีๆนี้เอง

    จะต้องไปเพิ่มเติมเสริมแต่งขึ้นมาอีกทำไมให้โง่ลงไปกว่าเดิม

    ดูดีๆนะหมาน เอามาให้ดูซ้ำอีกที่ หมานจะได้รู้ยิ่งเห็นจริง

    V

    "ดูกรมหานาม อริยสาวกนั้นอาศัยจตุตถฌาน
    มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่านี้อย่างเดียว
    ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้
    เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
    ข้อนี้เป็นความแตกฉานแห่งญาณข้อที่สาม (อาสวักขยญาณ) ของอริยสาวกนั้น"


    ^
    ฌาน๔ในสัมมาสมาธิ ถ้าไม่ใช่ "สัญญาเวทยิตนิโรธ" จะให้เป็นอะไรได้

    เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์
    และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
    อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ

    ชัดๆนะ แบบนี้ไม่เรียกว่าสัญญาดับ จะให้เรียกว่าอะไรได้?

    แล้วใครก็ไม่รู้ ที่มาพูดแบบมั่วๆให้ฟัง หาเหตุผลไม่ได้ยังจะเชื่ออีกหรือ

    เมื่อหมานไม่เชื่อในพระพุทธพจน์ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

    หมานก็ควรพิจารณาตนเองให้ดีๆนะ ระวังนะบาปกรรมมีจริง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    น้องครับ ไม่มีอะไร

    ไมใช่อยู่ที่ถูกใจ หรือไม่ถูกใจครับ

    ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความเข้าใจ

    เรื่องการปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนา

    เพราะปัจจุบัน มีหลายแนวทางมาก

    แต่ผมยังคงยึดโยงอยู่กับพระพุทธพจน์ชั้นต้นๆ

    เพื่อมีไว้ตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียง

    ป้องกันไว้เผื่อพลั้งเผลอหลงทางครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  6. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ครับผมลุงธรรมภูติ
     
  7. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    นี่แหละน๊าที่เขาเรีียกว่าคนเขลาเบาปัญญา ไม่รู้ก็แสนจะดันทุรัง
    ทำตัวเหมือนนกแร้งบินซะสูงริบ แต่เวลากินนี่ซิต่ำสุด
     
  8. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เรื่อง "นิโรธสมาบัติ" และ "การเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ" หากศึกษาและปฏิบัติ แล้วเอาพุทธพจน์มาเทียบเคียง

    คำว่า นิโรธ คือ ความดับ หากเทียบเคียงสัมมาสมาธิในฌาน4 จะกล่าวว่าเป็น "นิโรธสมาบัติ"ของพระเสขะขั้นใดขั้นหนึ่ง ก็ย่อมได้

    ฉะนั้น ในพุทธพจน์ที่ทรงปรารถกับ เจ้ามหานามศากยะ ในพุทธพจน์นั้น ก็บอกชัดๆอยู่แล้วว่า โดยมีคำว่า "อริยสาวก" รวมอยู่ด้วย
    ซึ่งก็แน่นอนว่า ท่านมหานาม ต้องเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่ง มีอริยมรรคอริยผล ความเป็นสัมมาบังเกิดขึ้นรองรับมาก่อน แต่ยังไม่ถึงพระอเสขะ ก็คือ ยังไม่สิ้นอาสวะ นั่นเอง

    ผู้เป็นพุทธศาสดา ท่านไม่สอนใครตะพึดตะพือ เล็งเป้า โดยไม่รู้ภูมิจริตวาสนาความต่างของสัตว์หรอกครับ

    ทศพลญาณทั้ง10 นั่นคือเครื่องมือ เครื่องรู้ ที่ใช้ในการสอนเหล่ามนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ตามภูมิจริตวาสนาบารมี

    ที่ธรรมภูตฌาน4 บ่าย4 ตะพึดตระพือ นั่นมันก็ถูก คือ "นิโรธ" ในสัมมาสมาธิ

    แต่ "สัญญาเวทยิตนิโรธ" ที่ลุงหมาน กำลังหมายถึง นั่นคือเครื่องอยู่ เป็นวิหารธรรม หรือที่เรียกว่า "อนุปุพพวิหาร" ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่า ท่านผู้นั้นต้องได้ทั้งรูปฌาน และอรูปฌาน มาก่อน ซึ่งเป็นจริตหนึ่งของท่านเหล่านั้น

    อย่างงี้ ถ้าไม่รู้จริตภูมิวาสนาบารมีของเหล่าสัตว์ ก็คงจะธรรมภูตสาวกบ่ายสี่เสมอล่ะครับ


    ไม่งั้นแล้ว ในปัจจุบัน ท่านพระอาจารย์ ปยุตโต ท่านจะประมวลศัพท์ไว้ให้ ทำมาพูด ทำเทียบเคียงทำไม

    พุทธวิธีในการจำแนก ดูใน ฌานสูตร ไว้บ้าง

    ไม่ใช่พรุ่งนี้บ่าย4 ก็ฌาน4 อย่าลืมนะ ฌาน4ของปุถุชนคนใด ก็พลาดได้

    ไม่ใช่ฉายแต่เรื่องเดิมๆ โดยไม่รู้ความชอบส่วนบุคคล ซึ่งจะใครจะแนวดราม่า โรมานซ์ พีเรียด แอคชั่น แฟนตาซี ก็ว่ากันไป


    อืม..เท่าที่ดู เหมือนฉายหนังคนละม้วน อีกคนพยายามจะทำให้เป็นเรื่องเดียวกัน

    ซ้ำร้าย โยนบาป ให้ผู้ร่วมสนทนา

    โอ้ย..อย่างงี้ไม่คุยด้วยหรอกครับ คนที่จะได้ประโยชน์กลับเสียประโยชน์ตะพึดตะพือ ไม่ไหว ไร้ลีลาผ่อนปรนเหล่าสัตว์

    คนละเรื่อง!! ตลก!! เสียหายหมด จำเอาไว้นะ
     
  9. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    การปฏิบัติไม่จำเป็นต้องทำใดๆทั้งที่สิ้น

    ผู้มี Camry จะให้ไปนั่ง almera ก็ใช่เหตุ
    นั่นคนเค้ามีอย่างนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ มีเครื่องอยู่เครื่องอาศัยตามพาหะปัจจัย

    แต่ถ้า คนดีขี่...ก็คนละเรื่องนะ
     
  10. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ส่วนการปฏิบัติ ธรรมเทียบเคียงพุทธพจน์ อย่าคิดนะว่าสมองคนเราๆจะรอบรู้ได้หมด ^^
     
  11. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คุณได้ประโยชน์อย่างมากเลยที่เดียว เพราะได้เล็งเห็นประโยชน์แล้วจึงได้กระโดดเข้ามาร่วมวง
    ในขณะทีเห็นว่าคนอื่นเพรี้ยงพร้ำ โดยกระทำตัวเป็นพระเอก หรือนักเล่นหุ้นลมโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
    ผมเจอคนประเภทนี้บ่อยมากในเวปต่างๆ หรือง่ายๆเหมือนคนดูเขาเล่นหมากรุกจะเห็นความจะแจ้งได้ทั้งสองข้าง
    พอเห็นความความเพรี้ยงพร้ำของอีกข้างหนึ่ง ก็ว่าเขาเป็นคนนั้นโง่ทันที
    การลงมือเล่นกับคอยมองดูคนอื่นเล่นแตกต่างกันมากนะจะบอกให้

    ถ้าเป็นไปได้ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ขึ้นมา แล้วก็เอาเนื้อหาสาระดีๆ ที่มีพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
    อยู่ในตัวออกมาให้เป็นสารธาณะประโยชน์จะได้ประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านจริงไหม
    ไม่ต้องไปใส่ร้ายใส่่ดีให้กับใครๆ ซึ่งจะเป็นการหมิ่นเม่อต่อการใส่ไฟเพื่อเผาผลาญสิ้นเปลืองความดีที่ตนมีอยู่
    คงหาจังหวะกระโดดลงมานานแล้ว ทำเป็นว่าไม่อยากอ่าน ไม่ได้ประโยชน์ กี่ข้อความละน่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2015
  12. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เออ..ลุงหมานเป็นไรไป
     
  13. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ทำเป็นเนียน
     
  14. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็อ่านจากหนังสือแล้วเอามาแสดงความคิดเห็นต่อกัน
    ที่อ่านมาผมก็ไม่เห็นว่าที่โพสต์เถียงกันอยู่นี้
    ใครจะได้ฌาณ ได้นิโรธสมาบัติกันที่ไหน ดูแล้วไม่มีใครได้ซักคน

    แม้แต่เด็กเค้าอ่านหนังสือ ไปสอบมันก็ไม่ได้ร้อยคะแนนเต็ม
    ก็มีได้ 50 บ้าง 75 บ้าง 95 บ้าง หาร้อยคะแนนเต็มนี่ยาก
    นี่ก็อ่านฌาณ อ่านนิโรธสมาบัติ มาจากตำราทุกคน
    เอามาแสดงความคิดเห็นต่อกันมันจะผิดถูกบ้างก็เป็นธรรมดา

    ก็ปล่อยวางบ้าง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ข้อขัดข้องใจ
    จะผิดจะถูกก็เป็นธรรมดา
     
  15. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ครับเห็นด้วย แม้แต่คนที่ได้ฌานจริงเขาก็ไม่มาเล่นเว็บหรอก เพราะเขาเสียอารมณ์ที่ควรจะได้
     
  16. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมก็ไม่ได้ฌาณ ไม่ได้นิโรธอะไรกับเค้าแหละลุง
    แต่หาเรื่องหาราวยกมากล่าว เข้าวงสนทนาด้วยเท่านั้นแหละ
     
  17. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    นักปฏิบัติที่แท้จริงนั้น จะเปรียบก็เหมือนสัตว์ที่ต้องล่าเนื้อมาเป็นอาหาร
    มี สิงห์โต เสือ เป็นต้น ต้องออกแรงใช้ความเพียรความพยายามเป็นอย่างมาก และต้องรู้ถึงวิธีการล่า
    จึงจะสำเร็จในการล่า

    เมื่อจับเหยื่อได้แล้วก็กินเหยื่ออย่างอิ่มหนำ กินแต่ของดีๆคงเหลือไว้แต่ซากแล้ว
    ก็จากไปโดยไม่ใยดี คงปล่อยไว้ให้สัตว์เหล่าอื่นมาแทะเล็มซากที่ยังเป็นประโยชน์ต่อไป
    สัตว์เหล่าอื่นนั้นก็คงมีแร้งเป็นต้น ไม่ต้องออกแรงล่าเพียงแต่เข้ามาแทะเล็มเศษที่เหลือจิกตีกันบ้างทะเลาะกันบ้าง
    แต่ไม่รู้รสชาติของการล่าเลย

    เหมือนอย่างคนในเว็บนี่แหละ ยกตนว่าตนปฏิบัติมาต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้
    ก็เพื่อลบล้างในสิ่งที่ตนไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย ทำตัวเหมือนเห็นแจ้งจริง

    ยอมลดมานะลงมาหน่อยก็คุยกันสบาย ถามหาทิศทางมุ่งไปข้างหน้าจะดีกว่าแล้วเราก็จะได้ไม่หลงทิศทาง
    จะมุ่งแต่ปฏิบัติอย่างเดียวโดนไม่ศึกษาทิศทางเดินไปอาจพลัดตกเหวตายได้ง่ายๆ
    เชื่อเถอะคนที่ได้ มรรค ผล ฌาน อภิญญา จริงๆไม่เข้ามาในเว็บหรอก เหมือนเสือ สิงห์โตนั่นแหละ ทิ้งซากไว้ให้คนในเว็บไว้แทะกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2015
  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201


    ต่อให้ผมเกิดในสมัยพุทธกาลแล้วก็ยังไม่สำเร็จ ยุคปัจจุบันวุ่นวายสับสน ผมวางปืนมาเล่นเว็บธรรมะเผ่ยแผ่ศรัทธา ยกสามัญผลยืนยัน ให้กำลังใจผู้ที่ว้าวุ่นติดขัด


    พระพุทธเจ้าท่านทรงเลือกพระประสูติกาลดีแล้ว

    ผมถามตรงๆครับ ท่านคิดว่า หากพระพุทธเจ้าท่านทรงขันธ์ ๕ ยังอยู่ในปัจจุบันนี้ จะมีผู้ไปรุมถวายสักการะรุมถ่ายรูปท่าน เชิญท่านไปออกรายการนั้นนี้ไหม?ครับ แล้วคิดว่าท่านจะปฎิเสธหรือไม่? ไล่ต่อมาถึงพระสาวกไปเลย ภิกษุณี สามเณรรี แม่ชี จนมาถึงอุบาสกอุบาสิกาคนสุดท้าย คิดว่าบุคคลเหล่านั้น นับ๑๐๐๐ ล้านคน จะมีไหม?ครับบางคนที่มาใช้คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค เล่นเว็บ อย่างนี้อยู่ มั่นใจไหม?ครับ กับสิ่งที่ตนเองจะตอบต่อไป สื่อ คืออะไรบ้าง ตำราหนังที่เขาเขียนขึ้นนี่ สื่อหมดครับ ตัวหนังสือที่ผม พิมพ์อยู่เนี่ยก็สื่อ ถ้าออกนอกกถาวัตถุ ๑๐ โดยที่ตนเองก้ไม่ได้แจ้งไว้ นั่นก็คือพลาดครับ แต่ต้องดูเจตนา ความเสียหาย ขอท่านพิจารณาใหม่ให้ถ้วนถี่นะครับ


    และจะไม่ถูกตัดต่อล้อเลียนในพระสรีระร่างกายของท่าน มิถูกล้อเลียนตัดต่อจากพวกนอกพระศาสนา และหากกระทำเช่นนั้น บุญหรือบาปครับที่จะได้ เรื่องนี้คงทราบนะครับ

    (kiss)เพื่อปรับความเข้าใจ ที่ตรองตามเห็นจริงได้ครับ(f)

    เมฆที่ซ่อนไว้ในนี้ก็มีครับ ผมเห็นในสิ่งที่ผมถาม ผมตอบอยู่ ผมรู้ว่าคนที่สงสัยจะถามอะไร สวนอะไรมา แต่การที่จะตอบนี่โห ยอมรับว่าต้องกลั่นกรองก่อนครับ หมดปัญญา ฆราวาสแล้ว ต้องเข้าภาวะเค้นจาก มหาปัญญา มาตอบ ตอบได้ก็ตอบครับ ตอบไม่ได้ จะบอกไม่รู้ทันที่ ไม่แน่ใจก็ไม่ตอบ

    เว้นไว้สักคนได้ไหม?ครับ ไล่ตั้งแต่ปฐมฌาน ก็ยังดี


    ปุจฉา ได้ ก็ต้อง วิสัชนา แก้ได้https://youtu.be/xCn-1N3dGT4

    แสดงธรรมใด ต้องมีพื้นฐาน คือ รู้ธรรมนั้น ไม่รู้เนื้อหาความหมาย เหตุและผลแน่ชัด อย่านำมาแสดง เวลามีบุคคลสงสัยหวังความเจริญในธรรม เขาถามมา จะตอบเขาไม่ได้ อ่านสูตรพยากรณ์ปัญหาเรื่อง ศีล

    ๕. สากัจฉสูตร
    ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ควรสนทนา ๕ ประการ
    [๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ
    ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยตน
    เอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสีลสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสมาธิด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสมาธิสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภปัญญาสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติญาณทัสสนะด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวินุตติญาณทัสสนสัมปทาได้ ๑

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย.
    จบสากัจฉสูตรที่ ๕

    ผมรู้หมดทั้ง ๕ ข้อครับ อธิบายได้ ถึงลักษณะอาการที่เป็นเอง ที่เผชิญเอง ที่ปฎิบัติเอง แต่ไม่สามารถแสดงรสให้ทราบตามได้ หากพยากรณ์ไปทางอื่น มึนครับ ตอบไม่เป็น

    ได้ตั้งแต่เป็นเด็กประถมแล้วครับ เรื่องฌาน อธิบายอาการได้ครับ แต่อธิบายรสพอได้ บอกตามตรงครับ สู้วิมุติรสไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
    นี่ประโยชน์ส่วนตนส่วนผู้อื่นด้วยครับ ดำรงค์ฌานไปด้วยและเล่นไปด้วย อธิบายได้ครับ อาทิตย์แรกๆที่ผมปรากฎตัวใน เรื่อง พร่องศีลน่ะ

    แต่ต้องไม่เสพเมถุนและเครื่องดองของเมาครับสำหรับผม และต้องตั้งจิตภาวนาใส่ใจแต่เรื่องใน กถาวัตถุ๑๐ สามสิ่งนี่ทำไม่ได้ ผมเข้าฌานไม่ได้ครับ หลุดเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2015
  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย.. ธรรมทานเลิศกว่าทานทั้งหลาย การแสดงธรรมบ่อยๆ แก่บุคคลผู้
    ต้องการ ผู้เงี่ยโสตลงสดับ นี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก การชักชวนคน
    ผู้ไม่มีศรัทธาให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศรัทธาสัมปทา ชักชวนผู้ทุศีลให้ตั้งมั่นดำรงอยู่
    ในศีลสัมปทา ชักชวนผู้ตระหนี่ให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในจาคสัมปทา ชักชวนผู้มี
    ปัญญาทรามให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา นี้เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์
    ทั้งหลาย พระโสดาบันมีตนเสมอกับพระโสดาบัน พระสกทาคามีมีตนเสมอกับ
    พระสกทาคามี พระอนาคามีมีตนเสมอกับพระอนาคามี พระอรหันต์มีตนเสมอกับ
    พระอรหันต์ นี้เลิศกว่าความมีตนเสมอทั้งหลาย นี้เรียกว่ากำลัง คือ การ
    สงเคราะห์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔ ประการนี้แล ฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ไปล่ะครับ มีงาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...