จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    วิโมกข์

    วิโมกข์

    วิโมกข์ แปลว่า ความพ้น, ความหลุดพ้นวิเศษ มีความหมายเช่นเดียวกับ วิมุตติ
    วิโมกข์ หมายถึงสภาพที่จิตพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้งปวง การพ้นจากโลกีย์ การขาดจากความพัวพันแห่งโลก ความเป็นพระอรหันต์ ใช้หมายถึงพระนิพพานก็ได้
    วิโมกข์ มี 3 อย่าง คือ
    1. สุญญตวิโมกข์ ความพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นไตรลักษณ์คืออนัตตา
    2. อนิมิตตวิโมกข์ ความพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นไตรลักษณ์คืออนิจจัง
    3. อัปปณิหิตวิโมกข์ ความพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นไตรลักษณ์ทุกขัง

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    วิโมกข์ ความหลุดพ้นจากกิเลส มี ๓ ประการ
    ๑. สุญญตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนัตตาคือความว่าง
    ๒. อนิมิตตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนิจังแล้วถอนนิมิตได้
    ๓. อัปปณิหิตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นทุกข์แล้วถอนความปรารถนาได้

    พุทธโอวาท:-
    “"ดูก่อนนันทา เธอจงดูอัตภาพร่างกายอันเป็นเมืองแห่งกระดูกนี้ (อฏฺฐีนํนครํ) อัน
    กระสับกระส่าย ไม่สะอาด อันบูดเน่านี้เถิด เธอจงอบรมจิตให้แน่วแน่มั่นคง มีอารมณ์เดียวใน
    อสุภกรรมฐาน จงถอนมานะละทิฏฐิให้ได้แล้วจิตใจของเธอก็จะสงบ จงดูว่ารูปนี้เป็นฉันใด รูป
    ของเธอก็เป็นฉันนั้น รูปของเธอเป็นฉันใดรูปนี้ก็เป็นฉันนั้น รูปอันมีกลิ่นเหม็นบูดเน่านี้ ย่อม
    เป็นที่เพลิดเพลินอย่างยิ่งของผู้โง่เขลาทั้งหลาย”"

    "“ดูก่อนนพหุปุตติกา ชีวิตความเป็นอยู่เพียงวันเดียวครู่เดียว ของผู้ที่เห็นธรรมอันสูงสุด
    ที่เราได้แสดงแล้ว ดีกว่าประเสริฐกว่าชีวิตความเป็นอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี ของผู้ไม่เห็นธรรม”"


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    Warning & complain

    *คำเตือนจากครูผู้ฝึกสอน*

    ก่อนที่พวกเราจะพากันปฎิบัติธรรม
    หรือทำบุญภายใน ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุญใหญ่หลวงนัก
    เพราะเราบวชจิต จิตเป็นพระ จิตเป็นอรหันต์ หรือที่เราสามารถเปลี่ยนจากจิตปุถุชนเข้าสู่จิตอริยบุคคล
    นี่ก็คือ อานิสงค์ของการบวชจิต คือเปลี่ยนดวงจิตที่มีแต่กิเลสล้วน และจิตผ่านกระบวนการชำระล้างจิตให้สอาดหมดจด
    นี่คือบุญอันใหญ่หลวง ที่คนส่วนใหญ่มักปรารถนากัน
    แต่ผู้ที่จะได้บุญใหญ่ที่ว่ามานี้ มิใช่แค่สักจะทำ แต่จะต้องกระทำด้วยความตั้งใจ และสนใจการปฎิบัติให้มาก จึงจะได้บุญตามที่ท่านหวังไว้
    เพราะของแบบนี้ใครทำเล่น ก็ได้เล่นๆ คือไม่ได้อะไร แถมเสียเวลาเปล่า
    สำหรับผู้ที่ตั้งใจ สนใจในการปฎิบัติ และจะต้องปฎิบัติตามคำแนะนำของครูผู้ชี้แนะอย่างเคร่งครัดด้วย
    อันนี้ก็จะสำเร็จได้โดยไม่ยากนัก

    วันนี้จะมาบอกกล่าวกันว่า ก่อนพวกเราจะปฎิบัติธรรม หรือทำจิตเกาะพระ
    หรือก่อนที่พวกเราจะมารู้จัก คำว่า ธรรมะในใจ

    *เราจะต้องมาเรียนรู้เรื่อง สติกับจิตตนให้มากๆก่อน
    แต่ถ้าใครสอบไม่ผ่านสองตัวนี้ เช่น สติมีไม่มาก หรือสติเกิดไม่บ่อย ครั้งแรกพวกเราจะลำบากหน่อย แต่สำหรับคนที่มีความขยันหมั่นเพียร อันนี้จะสำเร็จง่าย
    และจิตของตนเองอยู่ที่ไหน ใครตอบได้ นอกจากตนเอง ก่อนอื่นพวกเราจะต้องทำสติให้เกิดขึ้นเนืองๆ บ่อยๆ เสียก่อน พวกเราจึงจะรู้ว่า จิตตนเองนั้น อยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่

    *สรุปแล้วพวกเราจะต้องผ่านด่านการเจริญสติภาวนากันมากๆ โดยให้พวกเรานึก/ระลึกถึงพระกันบ่อยๆ
    แต่ผู้ปฎิบัติแต่ละท่านนั้น มีความสามารถไม่เท่ากัน ไม่ทราบว่าจะเป็นเพราะด้วยเหตุผลอันใด แต่ก็ช่างเถอะ พวกเราก็มีครูให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
    จะถามในกระทู้ หรือเมล์ส่วนตัวก็ได้ สำหรับผู้ใจร้อน หรืออยากรู้คำตอบเร็วๆ ก็ที่นี่ กระทู้นี้ได้เลย

    เพราะครูบางท่านมีลูกศิษย์เยอะบ้าง เวลาไม่ว่างบ้าง เป็นต้น
    ครูต่างก็พยายามปรับ/จูน/แก้ไข/จิตของแต่ละคนกันมาโดยตลอด
    แต่ขออย่างเดียว ก็คือ ให้ถามหลังพวกเราปฎิบัตินะ มิใช่ตั้งคำถามมาก่อนเลย จะถามทำไมไม่มีประโยชน์
    เอ่อ แต่ถ้าทำตรงไป ติดตรงไหน จึงค่อยมาถาม
    *ขอให้พวกเราปฎิบัตินำหน้าความลังเลสงสัยกันนะ

    ***ลูกศิษย์บางท่านทำมาเกือบจะจบแล้ว จิตจะยกภายในวันสองวันนี้แล้ว แต่มีเหตุอันใดไม่ทราบ คือ เกิดหูเบา มีความลังเลสงสัย หรือติดตัวรู้ของตนเอง(อวิชชาตนเอง) อันหลังนี้คุณนึกว่าคุณรู้แล้ว งั้นคุณก็ไปปฎิบัติเอาเองก็แล้วกัน
    อันนี้ผู้เขียนตอบได้คำเดียวว่า คุณกำลังจะเสียโอกาสทอง
    Sorry!***


    เพราะครูกำลังบ่นมาที่ผู้เขียนแล้ว สำหรับผู้ปฎิบัติไม่ตั้งใจจริง
    ทำไมไม่ทำให้สำเร็จก่อน มาขัดแย้งกันระหว่างทาง การเดินจิตท่านจึงช้า ชะงักลงไปทันที ผลก็คือ ครูถอดใจสำหรับผู้ปฎิบัติดื้อ คนที่ดื้อก็จะเก็บเอาไว้ตอบทีหลัง แต่ไม่ได้ทิ้งนะ แต่จะให้โอกาสจนหมดลมกันไปข้างนึงเพราะครูจิตบุญนี้ ท่านมีแต่ให้พวกเรา แต่ใครจะมองเห็นหรือไม่ ไม่ได้สนใจตรงนั้น
    ***สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อคำแนะนำของครู*** ท่านกำลังจะถูกลอยแพ
    ด้วยความปรารถนาดี จากครูทุกท่าน
    (notice some body)


    ***ใครรู้ตัว รีบแก้ไขซะ! ไม่อยากเอ่ยชื่อ

    (เรื่องนี้อย่าให้ถึงรูหูครูดัชชี่นะ...ฮ่าๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2012
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ECTNPZ6cZAA]ภาพเพลงธรรมตามธรรมชาติแห่งจิตวิญญาณ 0002 - YouTube[/ame]

    ***ระวังตัวรู้ของตนจะหลอกตนเอง
    ท่านแน่ใจนะว่า ที่บอกมานั้น รู้จริงๆ
    ไม่ใช่ "อวิชชา"

    จงใช้สติปัญญาไตร่ตรองกันให้ดี
    เพราะเราก็ต่างปฎิบัติเพื่อความปล่อยวาง เพื่อความหลุดพ้น


    *ผู้ปฎิบัติเท่านั้น จึงรู้
    *ผู้ที่ไม่ได้ปฎิบัตินั้น จึงไม่รู้


    เฉกเช่นตัวผู้เขียนเองก็เหมือนกัน นอกจากบอกให้คนอื่นๆรู้แล้ว เราก็ยังต้องกลับมาสอนตนเองด้วย มิใช่เรารู้แล้วๆ
    ใครสวนกลับมาเราก็ต้องฟังเหมือนกัน ฟังเพื่อปรับระดับจิต หรือพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้น
    เพราะต่างเราก็ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เหมือนๆกัน เรามิได้แตกต่างจากค่า แห่งความเป็นมนุษย์
    เพราะพวกเราต่างหลงมาเกิดเหมือนๆกัน จึงไม่มีใครดีกว่า เลวกว่ากัน
    แต่ถ้าใครดูถูกมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์ผู้นั้น จึงเรียกว่า "คน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2012
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับ คุณดวงตาเห็นธรรม
    เอ๊ย คุณตาดำดำ
    ท่านสบายไหม๊ครับ คนที่นี่ยังคิดถึงท่านเสมอ
    ท่านหายไปไหนนานจัง ท่านแอบไปสุ่มทำที่ไหน
    ผลเป็นอย่างไรบ้าง อย่าลืมมาเล่าให้กันฟังบ้างนะครับ
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  5. gibbgubb

    gibbgubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +187
    สืบเนื่องมาจากว่าไปเม้าแตกในเวบจิตเกาะพระมาเรียบร้อยแล้วก็เลยไม่ได้นำมาเขียนเล่าให้ฟัง แต่ว่าพอดีวันนี้กลับไปอ่านกระทู้หน้าประมาณหนึ่งร้อย แล้วก็นึกถึงกระทู้ที่ครูดัชเคยบอกว่าให้กลับมาเล่าให้ฟังด้วย
    วันนี้ก็ได้จังหวะเหมาะ ขอบรรยาย การขอขมาคุณพ่อ คุณแม่ของกิ๊บให้ฟังนะคะ
    กิ๊บเตรียมพวงมาลัยไปจากกรุงเทพเลยค่ะ ขอขมาท่านทีละคน คิดว่าน่าจะความคุมตัวเองได้ดีกว่า ก็เจอคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่บ่ายแล้วนะคะ แต่ได้จังหวะตอนเย็น แม่กำลังจะทำกลับข้าว เป็นตู้เย็นหาของอยู่ ก็เดินเข้าไปมอบมาลัยให้ท่าน แล้วก็กล่าวขอขมาไม่ยาวมาก เดียวไปต่อไม่ไหว แม่ก็ให้อภัยค่ะ อวยพรให้ด้วย แล้วกิ๊บก็ก้มลงกราบท่านที่ด้านหน้าเท้าท่าน จากนั้นก็เดินไปหาคุณพ่อนำพวงมาลัยไปด้วย คุณพ่อนั่งบนเตียงแล้วก็ทำแบบเดียวกัน ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แล้วหลังจากที่เราขอขมาท่านทั้งสองแล้ว เราก็รู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรที่ผิดต่อท่านอีก ก็คนเรานะคะ ทำผิดซ้ำๆ แล้วก็ตามมาขอขมาเรื่อยๆ อันนี้คงไม่ไหว มีไรทำได้ ทำ มีไรช่วยท่านได้ ช่วย ก็พยายามที่สุดค่ะ ถึงจะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยก็ตาม
    ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจ แนะนำ และบอกให้ทำสิ่งดีๆ ด้วยนะคะ
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    :cool:;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ
    พี่ภูขอโมทนาบุญด้วยครับ
    พี่ภูขอส่งเสริมคนทำความดีอย่างเธอ
    (คุณพ่อ คุณแม่ไม่งงเธอแย่หรอ ว่าเจ้าลูกสาวคนนี้จะมาไม้ไหนเนี๊ย...อิอิ พี่ภูล้อเล่นๆ)
    พี่ภูคิดว่ายังเหลืออีกหนึ่งคนนะ ที่ยังไม่ได้ทำ...ฮ่า ป่านนี้ตัวตัวสะดุ้งเฮื็อกแน่ๆ
    รึว่าไง๊ลูกทิว เธอนั่นแหล่ะ! ไม่ต้องทำหน้างงๆเลยนะ
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    คิดถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ลูกขอกราบแทบเท้าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้วยเศียรเกล้าฯ

    ถาม : บางครั้งฝันถึง ใจคิดถึงหลวงพ่อ คิดถึงหลวงพ่อใจจะขาด แต่ช่วงหลังนี้ไม่ได้เป็นนะคะ ช่วงก่อนนี้ ประมาณเมื่อ ๒ ปีก่อน เวลาคิดถึง..คิดถึงท่านแล้วเหมือนใจจะขาด แบบพูดไม่ออกเหมือนกัน คิดถึงสุด ๆ ?
    ตอบ : ไม่ต้องพูด คำพูดอธิบายไม่ได้ เพราะว่าอารมณ์ใจเป็น ปัจจัตตัง รู้ได้ด้วยตนเอง

    *หลวงพ่อเล็ก ตอบคำถาม*
    ถาม : ปกติถ้าเราคิดถึงหลวงพ่อ คือเราเห็นหลวงพ่อเป็นเรื่องปกติใช่ไหมคะ ?
    ตอบ : ไม่... เราควรจะคิดอย่างนั้นทุก ๆ วัน ควรจะคิดอย่างสม่ำเสมอด้วยซ้ำไป เพราะเป็นสังฆานุสติ


    โดยเฉพาะตอนนี้ หลวงพ่ออยู่บนพระนิพพาน ต่อท้ายไปนิดหนึ่งว่า ถ้าตายตอนนี้ เราขอไปอยู่กับหลวงพ่อก็แล้วกัน จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลเลย

    คนที่เคยทันหลวงพ่อได้เปรียบคนอื่นเขา หลวงพ่อพูดกับเราอย่างไร ? หัวเราะอย่างไร ? เป่ายานัตถุ์อย่างไร ? สั่งน้ำมูกอย่างไร ? เรานึกภาพออกหมด ชัดเจนมาก เป็นสังฆานุสติเต็มระดับ

    ถ้าหากว่าเราใช้ฌาน ๔ ควบกสิณเข้าไปด้วย ก็ยังต้องอาศัยภาพโยงมา แล้วภาวนาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานสมควร แต่เนื่องจากว่าเราสัมผัสกับหลวงพ่อมาตลอด ภาพหลวงพ่ออยู่ในจิตใจของเราตลอดแล้ว คนอื่นคล่องในกสิณขนาดไหนก็เห็นไม่ชัดเจนเท่ากับเรา

    เพราะฉะนั้น..ตัวนี้เป็นสังฆานุสติเต็มระดับ ถ้าหากเราจับเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ใจของเราจะอยู่กับบุญกุศลตลอดเวลา

    โดยเฉพาะถ้าตั้งใจว่า หลวงพ่ออยู่บนพระนิพพาน ถ้าตายเราก็ขอไปอยู่กับท่าน เราขออยู่บนพระนิพพานด้วย ตัดปิดท้ายจบไปเลย ยิ่งจับภาพท่านอยู่ได้นานเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ลิงเห็นกล้วย เห็นเพชร แล้วลิงจะเลือกอะไร?
    ไก่เห็นข้าวเปลือก เห็นพลอย แล้วไก่จะเลือกอะไร?

    แต่ถ้าลิงมันรู้ว่าเพชรมีค่ามากกว่ากล้วย แล้วลิงจะเลือกเอากล้วยกันไหม๊?
    แต่ถ้าไก่มันรู้ว่าพลอยมีค่ามากกว่าข้าวเปลือก แล้วไก่มันจะเลือกเอาข้าวเปลือกกันไหม๊?

    สัตว์เหล่านั้น จึงไม่ต่างจากสัตว์มนุษย์กันมากนักหรอก

    แต่ถ้ามนุษย์มีดวงตาเห็นธรรม หรือเห็นคุณค่าของธรรมะนั้น ยิ่งกว่าชีวิตตนเอง
    พวกเขาเหล่านั้นจะเลือกไปทางโลกกันไหม?


    ผู้เขียนได้คำตอบ(ชัดเจน)แล้ว

    และท่านหล่ะ! ได้คำตอบ(ชัดเจน)?
     
  9. gibbgubb

    gibbgubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +187
    อีกหนึ่งกำลังใจที่ทำให้กิ๊บมาเขียนวันนี้ก็คืออยากจะเป็นกำลังใจให้น้องทิวนะค๊ะ เพราะกระทู้หน้าเกือบร้อย ที่กิ๊บพึ่งไปอ่านมามีแต่กำลังใจให้น้องทิว สำหรับความรู้สึกของกิ๊บคงไม่หนักเท่าของน้องทิว เพราะว่ากิ๊บเคยขอขมาท่านมาแล้วเมื่อปีที่แล้วกิ๊บเจอมรสุมชีวิตหนักจริงๆช่วงนั้น และแม่ของกิ๊บก็คงไม่เหมือนแม่ของน้องทิว ของอย่างงี้ครั้งแรกยากสุดค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่กำลังใจ กิ๊บแถมของกิ๊บให้ไปเพิ่มที่น้องด้วยนะคะ สู้ๆค่ะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเร่ง พร้อมเมื่อไหร่ จัดซะ ^^
     
  10. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    พี่ภู เคล้ง เคล้ง ได้แล้วนะ
    [​IMG]
    นิทราสวัสดิ์
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
    601 คนปากเสีย และปากดี

    ปัญหา คนเช่นใด “ปากอุจจาระ” “ปากดอกไม้ และปากน้ำผึ้ง” คืออย่างไร ?

    พุทธดำรัส ตอบ
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลปากอุจจาระ คือ อย่างไร ?
    บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปในที่ประชุมก็ดี ในฝูงชนก็ดี ไปในท่ามกลางเหล่าญาติก็ดี ไปในท่ามกลางเสนาก็ดี ไปในท่ามกลางราชาสกุลก็ดี ถูกเขาอ้างเป็นพยาน.... เขาไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ หรือรู้ก็ว่าไม่รู้ ไม่เห็นก็ว่าเห็น หรือไม่เห็นก็ว่าเห็น กล่าวแกล้งเท็จทั้งที่รู้ เพราะเห็นแก่ตนเอง เพราะเห็นแก่คนอื่น หรือเพราะเห็นแก่อามิสเล็กน้อย... นี้เรียกว่าคน “ปากอุจจาระ”

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ปากดอกไม้ คืออย่างไร ?
    บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปในที่ประชุม.... ถูกเขาอ้างเป็นพยาน.... เมื่อเขาไม่รู้ก็กล่าวว่าไม่รู้ หรือเมื่อรู้กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าไม่เห็น เมื่อเห็นก็กล่าวว่าเห็น ย่อมไม่แกล้งกล่าวเท็จทั้งที่รู้ เพราะเห็นแก่ตน เพราะเห็นแก่คนอื่น หรือเพราะเห็นแก่อามิสเล็กน้อย... นี้เรียกว่าคน “ปากดอกไม้”

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ปากน้ำผึ้ง คืออย่างไร ?
    บุคคลบางคนในโลกนี้ ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ พูดแต่วาจาที่ไม่มีโทษ เสนาะโสตเป็นที่รักจับหัวใจ เป็นวาจาของชาวเมือง เป็นที่รักที่ชอบในของคนมาก... นี้เรียกว่าคน “ปากน้ำผึ้ง”....

    คูถภาณิสูตร ติก. อํ. (๖๔๗)
    ตบ. ๒๐ : ๑๖๑-๑๖๒ ตท. ๒๐ : ๑๔๕
    ตอ. G.S. ๑ : ๑๑๐-๑๑๑
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
    603 รากเหง้าของกรรม

    ปัญหา อะไรคือรากเหง้าของกรรม และกรรมจะได้ผลเมื่อใด ?

    พุทธดำรัส ตอบ
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหตุ ๓ ประการนี้เป็นเหตุให้เกิดกรรม
    เหตุ ๓ ประการคืออะไร ?
    คือโลภะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    กรรมที่กระทำด้วยความโลภ เกิดแต่ความโลภ มีความโลภเป็นเหตุ มีความโลภเป็นแดนเกิด
    ย่อมให้ผลในทีที่อัตตภาพของเขาเกิดขึ้น กรรมนั้นให้ผลในที่ใด
    เขาย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในที่นั้น ในปัจจุบันนี้เองหรือในตอนอื่น ๆ...

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    กรรมที่กระทำด้วยความโกรธ..... ความหลง เกิดแต่ความโกรธ... ความหลง....
    ย่อมให้ผลในที่ที่อัตตาภาพของเขาเกิดขึ้น กรรมนั้นให้ผลในที่ใด
    เขาจะต้องเสวยผลกรรมนั้นในที่นั้นในปัจจุบันนี้เองหรือในตอนต่อ ๆ ไป....

    “เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่ไม่แตกหัก ไม่เน่าเสีย ไม่เสียหาย
    เพราะลมและแดด ยังไม่แก่น เก็บงำไว้ดี เขาหว่านลงไปบนพื้นดินที่เตรียมไว้เป็นอย่างดี ในนาที่ดี ทั้งฝนก็ตกดีตามฤดูกาล
    เมล็ดพืชเหล่านั้นย่อมถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์โดยแท้ทีเดียว....”


    นิพพานสูตร ติก. อํ. (๗๔๓)
    ตบ. ๒๐ : ๑๗๑-๑๗๒ ตท. ๒๐ : ๑๕๒-๑๕๓
    ตอ. G.S. ๑ : ๑๑๗-๑๑๘
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
    375 ทำเองรู้เอง

    ปัญหา พระพุทธองค์ตรัสถามว่า
    “ทางที่จะให้ภิกษุได้อาศัยแล้ว ประกาศความรู้อันสูงว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำแล้ว....”
    โดยไม่ต้องอิงอาศัยศรัทธา ความพอใจในการฟังต่อ ๆ กันมา
    การตรึกตรองตามอาการ หรือความทนต่อการพิสูจน์ด้วยความเห็นใจ มีอยู่หรือไม่ ?

    พุทธดำรัส ตอบ
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้เห็นรูปด้วยจักษุ...
    ฟังเสียงด้วยหู... ดมกลิ่นด้วยจมูก... ลิ้มรสด้วยลิ้น... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย... รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว
    ย่อมรู้ชัดซึ่งราคะ โทสะ โมหะ อันมีอยู่ภายในว่า.... มีอยู่ในภายในของเรา
    หรือรู้ชัดซึ่งราคะ โทสะ โมหะ อันไม่มีอยู่ในภายในว่า... ไม่มีอยู่ในภายในของเรา....

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    ธรรมเหล่านี้พึงเชื่อด้วยศรัทธา ด้วยความชอบใจของตน ด้วยการได้ฟังต่อ ๆ กันมากระนั้นหรือ....
    ธรรมเหล่านี้พึงทราบได้ด้วยการเห็นด้วยปัญญามิใช่หรือ...

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    นี้เป็นทางให้ภิกษุได้อาศัยประกาศความรู้อันยิ่ง
    โดยไม่ต้องอาศัยศรัทธา โดยไม่ต้องอาศัยความชอบใจของตน โดยไม่ต้องอาศัยการฟังต่อ ๆ กันมา”

    ปริยายสูตร สฬา. สํ. (๒๓๙-๒๔๐)
    ตบ. ๑๘ : ๑๗๓-๑๗๔ ตท. ๑๘ : ๑๕๕-๑๕๗
    ตอ. K.S. ๔ : ๘๘-๘๙
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
    264 ศีลกับอรหัตตผล

    ปัญหา การรักษาศีล จะสามารถนำไปสู่การบรรลุมรรคผลได้หรือไม่ ?

    คำตอบ
    “.....ดูก่อนอานนท์ ศีลที่เป็นกุศลมีอวิปปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อน) เป็นผล.... อวิปปฏิสารมีปราโมทย์เป็นผล.... ปราโมทย์มีปีติเป็นผล.... ปีติมีปัสสัทธิเป็นผล.... ปัสสัทธิมีสุขเป็นผล... สุขมีสมาธิเป็นผล.... สมาธิมียถาภูฌาณทัสสนะเป็นผล... ยถาภูฌานทัสสนะมีนิพพิทาวิราคะเป็นผล.. นิพพิทาวิราคะมีวิมุตฌาณทัสสนะเป็นผล ด้วยประการดังนี้

    ดูก่อนอานนท์
    ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหัตตผลโดยลำดับด้วยประการดังนี้แล ฯ”


    กิมัตถิยสูตร ท. อํ. (๑)
    ตบ. ๒๔ : ๑-๒ ตท. ๒๔ : ๑-๓
    ตอ. G.S.
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ไตรสิกขา ​
    ศีล สมาธิ และปัญญา ​
    ***รู้แล้ว แต่ขอทบทวน***

    โดยสัมพันธ์กับมรรคมีองค์ 8 ดังนี้
    1. ศีล ได้แก่ การศึกษาเรื่อง สัมมาวาจา , สัมมาอาชีวะ และสัมมากัมมันตะ
    2. สมาธิ ได้แก่การศึกษาเรื่อง สัมมาวายามะ, สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
    3. ปัญญา ได้แก่การศึกษาเรื่อง สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ ในมรรค 8

    สรุป
    ศีลคือการรู้จักควบคุมกาย และวาจา ของตนไม่ให้พูดชั่วและทำชั่ว ด้วยการถือศีล

    สมาธิคือการฝึกบริหารจิต หรือการฝึกสมาธิให้จิตสงบ จะได้คิดและทำอะไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ส่วนปัญญาเป็นผลจากการฝึกกรรมฐานจนเกิดสมาธิของจิตทำให้จิตสงบ มั่นคงแน่วแน่แล้วก็จะทำให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของกิเลส ไม่ตกหลุมพรางของกิเลส มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ไม่ได้มองผ่านภาพมายาของกิเลสใจของตน

    การปฏิบัติจนเป็นคน มีศีล (สะอาด) จึงทำให้มีสมาธิ (สงบ) และเกิดปัญญา (สว่าง) ในที่สุด
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ศาสนาพุทธ ไม่มีวันเสื่อม

    เห็นมีแต่จิตวิญญาณมนุษย์ที่เสื่อม
    ที่เข้าไปไม่ถึงแก่นพระธรรม อันได้แก่ มรรคมีองค์แปด(อย่างย่อ "ศีล-สมาธิ-ปัญญา") และ
    อริยสัจ4

    หรือพวกที่ไม่ยอมลงมือปฎิบัติธรรมเอาเอง จึงไม่รู้ว่า ปัจจัตตังนั้น คืออะไร?
    แค่อ่านก็แค่รู้เฉยๆ แต่มิอาจจะจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง รู้แค่ผิวเผินเท่านั้น มิได้รู้แบบซึ้งใจหรือว่ากินใจ หรือที่เราเรียกว่า "รสพระธรรม"

    ถึงพระพุทธเจ้าท่านทรงดับขันธปรินิพพาน จากพวกเราชาวพุทธไปตั้งนานแล้วก็ตาม แต่พวกเราชาวพุทธก็ยังมีพระธรรม หรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
    และยังผู้ที่ทำหน้าที่เผยแผ่ หรือสืบทอดพระพุทธศานา(พระไตรปิฎก)ให้ยืนนานต่อไป นั่นก็คือ พุทธบริษัท

    ***พุทธบริษัท คือหมู่ชนที่นับถือพระพุทธศาสนา มี 4 จำพวกคือ
    ภิกษุ ภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ
    ภิกษุณี ภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือ พระนางมหาปชาบดีโคตมี
    อุบาสก อุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนาคือ ตปุสสะ และ ภัลลิกะ
    อุบาสิกา อุบาสิกาคนแรกในพระพุทธศาสนาตือ นางสุชาดา

    ชาวพุทธทั้งหลายควรจดจำ คำๆนี้ให้ดี โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติธรรม
    ผู้ปฎิบัติธรรมเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ชิมรสชาดของพระธรรม
    ว่านี่คือ แก่นธรรม นอกจากพวกเรายึดพระพุทธ พระสงฆ์ หรือสาวกของพระองค์แล้ว
    พระธรรมเปรียบดั่งพระศาสดาของพวกเรา ตราบเท่าทุกวันนี้
    ธัมมานุสสติ

    (ผู้นำ) หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส.
    ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
    พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว,
    สันทิฏฐิโก,
    เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง,
    อะกาลิโก,
    เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล,
    เอหิปัสสิโก,
    เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด,
    โอปะนะยิโก,
    เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว,
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.
    เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้.

    ***พระพุทธศาสนา พระธรรมจึงไม่มีวันเสื่อม
    แต่จะเสื่อมเฉพาะผู้ที่ไม่มีธรรมะอยู่ภายในจิตใจกันเท่านั้นเอง


    *ผู้มีธรรมะอยู่ภายในจิตใจ หมายถึง ผู้ที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความเมตตาสูง(มาอันดับต้น) ผู้ที่เข้าถึงความเยือกเย็น เบากาย เบาใจเพราะผลของการปฎิบัติ มันเป็นเช่นนั้น
    *แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มีธรรมะอยู่ภายในจิตใจนั้น ก็หมายถึง ผู้ที่ยังให้อภัยคนไม่เป็น(ขาดเมตตา) จิตใจจึงร้อนรุ่ม เพราะกิเลสยังไม่ดับ กิเลสเป็นของร้อน ใครมีมากก็ย่อมร้อนรุ่มมาก ใครมีน้อยก็ร้อนรุ่มน้อย แต่ถ้าใครไม่มีเลยก็ย่อมไม่ร้อน มีแต่ความเยือกเย็น นุ่มลึก อยู่เฉยๆแบบนั้น เป็นธรรมดา


    ***ปฎิบัติมากๆ อ่าน/ฟังให้น้อยๆ จะได้มีปัญญาเป็นของตนเอง เราจะไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยปัญญาของผู้อื่นเขา
    แต่ถ้าใครคิดเป็น วิเคราะห์เป็น หูไม่เบ คนนั้นก็ถือได้ว่า เป็นผู้มีปัญญา

    แต่ปัญญาที่เห็นได้ถูกต้องตามหลักแห่งความเป็นจริงนั้น(สัมมาทิฎฐิ)
    ต้องเดินตามมรรคมีองค์๘ เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2012
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    นักภาวนา นักปฎิบัติธรรม หรือปฎิบัติจิตเกาะพระ
    อย่าลืมระลึก นึกถึงพระพุทธเจ้ากันให้มาก เพราะเมื่อท่านระลึก นึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่เนืองๆ อยู่บ่อยๆ
    นอกจากจะเป็นการช่วยสร้างสติตนเองแล้ว พวกเรายังนำจิตไปเกาะอยู่ในเขตแดนบุญ
    หรือเป็นการสร้างบุญที่ได้ผลง่ายและรวดเร็วที่สุด
    เพราะพุทธานุสสติกรรมฐานนี้ อันทำให้จิต หรือดวงจิตเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
     
  18. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สัทธรรม

    สัทธรรม

    สัทธรรม แปลว่า ธรรมของสัตบุรุษ ใช้ หมายถึงพระพุทธพจน์หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เรียกโดยเคารพว่า พระสัทธรรม

    สัทธรรม แบ่งเป็น ๓ อย่าง คือ

    ๑. ปริยัติสัทธรรม คือคำสอนที่แสดงถึงหลักสำหรับศึกษาเล่าเรียน ทรงจำ แนะนำสั่งสอนกัน ได้แก่ พระสูตร คาถา ชาดก เป็นต้น

    ๒. ปฏิปัตติสัทธรรม คือ คำสอนที่แสดงถึงหลักปฏิบัติตามที่ศึกษามา แสดงวิธีปฏิบัติสูงขึ้นไปตามลำดับ คือระดับศีล ระดับสมาธิ ระดับปัญญา

    ๓. ปฏิเวธสัทธรรม คือคำสอนที่แสดงถึงผลที่เกิดจากการปฏิบัติ ได้แก่ มรรค๔ ผล๔ และนิพพาน ซึ่งเรียกว่า โลกุตรธรรม

    เรียกพระสัทธรรม ๓ อย่างนี้ย่อๆว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็ได้


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  19. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    เห็นจิตในจิต

    เห็นจิตในจิต

    ครูบาอาจารย์มักจะเมตตาสอนสั่งว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการ "เห็นจิตในจิต"
    (เป็นหนึ่งในมหาสติปัฏฐาน4 - เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม)
    เพราะเหล่านั้นเป็น "มรรค" ที่จะนำไปสู่ "นิโรธ" ความดับสืบต่อไป

    ดังคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ท่าน..ที่ว่า
    "จิตที่ส่งออกนอก                เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก    เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง          เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต          เป็นนิโรธ"


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทางพ้นทุกข์
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=GF1rJAIWteE]ทางพ้นทุกข์ เสียงอ่านโดย พท ธนกร เฟื่องฟุ้ง - YouTube[/ame]​

    ***พ้นทุกข์เพียง 9ชั่วโมง33นาที55วินาทีเอง
    หรือว่าพวกเราจะเสียเวลาไปอีก 9ภพ9ชาติ ก็ตามใจนะ
    เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาอ่าน
    เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นไม่มากก็น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...