จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    30-03-2012, 07:25 AM
    [​IMG]
    ขอบคุณมากนะครับ
    นั่นแสดงว่าจิตคุณละเอียดดีจริงๆ
    ใช่แล้ว คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว
    เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ เป็นสุขยิ่งกว่า ศีลและธรรมอยู่ในดวงจิตของเรา ไม่มีทุกข์ร้อนใดๆมาปรากฎ ไม่กลัวตาย ไม่ต้องดิ้นรน ไม่เดือดร้อน หรือร้อนใจ และไม่วิตกังวลว่าภัยพิบัติฯจะเกิดหรือไม่เกิด
    ขอให้จิตเราเย็น-นิ่ง-สงบ-ว่างเพียงอย่างเดียว

    แต่ถามว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะทำได้เลยตอนนี้ไหม๊?
    ตอบว่า..ยังไม่ได้หรอก จะทำกันได้ก็ต่อเมื่อต้องรอจิตใจเบา สบายดีเสียก่อน แล้วค่อยเริ่มภาวนา โดยเริ่มต้นอยู่กับตนเองก่อน แล้วจึงค่อยดูจิตตนเองอย่างสม่ำเสมอ

    ความสุขนิรันดร์ที่แท้จริงนั้น ก็อยู่ที่ภายในจิต ภายในใจของทุกๆท่านอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไม? คนส่วนใหญ่จึงนำความสุขของตนเองไปฝากกับผู้อื่น หรือสิ่งอื่นๆ
    เพราะนั่นมันไม่มีอะไรแน่นอน

    อยากวิงวอน ขอร้องให้ทุกท่าน มาสนใจจิตตนเองให้มากกว่านี้กันหน่อย เพราะความสุข ความทุกข์นั้น มันก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเราเลย ความสุข ความทุกข์นั้น ที่แท้จริงก็อยู่ภายในใจของเรานั่นเอง
    เมื่อมีทุกข์ทางใจมาเยือน เหตุไฉนพวกเราจึงวิ่งไปหาผู้อื่น หรือสิ่งอื่นมายึดเกาะกันแทน เพราะด้วยที่เราไม่สนใจจิตของตนเองนี้แล จึงทำให้เราเป็นทุกข์กันอยู่ร่ำไป และตราบเท่าทุกวันนี้
    เพราะทุกข์นี้ ไม่มีวันที่จะจากพวกเราไปไหนได้ ตราบใดเรายังมีร่างกายนี้กันอยู่ เพราะที่เราเกิดมามีร่างกายนี้(รูป1นาม4) ล้วนแต่ทุกข์ทั้งนั้น
    เพราะฉะนั้นพวกเราจงอย่าวิ่งหนีทุกข์ วิ่งหาสุขจากที่อื่น ที่มิใช่ความสุขภายในใจของเราเลย

    ตามหากันให้เจอนะ
    แต่ถ้าผู้ใดตามหาจิตเดิมแท้ของตนเจอแล้ว และนำไปชำระล้างให้สะอาดด้วยศีล(ขั้นตอนที่1) ด้วยสมาธิ(ขั้นตอนที่2) ด้วยปัญญา(ขั้นตอนที่3)นี่เป็นอุบาย หรือขบวนการที่ทำให้จิตของเรานิ่งสงบ จิตก็จะเข้าสู่ความว่าง ถ้าจิตเข้าสู่ความว่างแล้ว เดี๋ยวความสุขนิรันดร์จะมาเยือนเราเอง
    และเราจะรู้สึกสบายใจกันได้ก็ต่อเมื่อจิตนิ่ง จิตสงบ จิตว่างเท่านั้น
    แต่อย่าเพิ่งเชื่อนะ ขอให้ลองทำกันดูก่อน

    ปล.แต่ถ้าผู้ใดอยากทำจิตให้นิ่งสงบ ทรงสมาธิหรือฌานต่อเนื่อง ทำง่าย ทำสะดวกทั้งเวลา และสถานที่ และสามารถทำกันได้เลยเดี๋ยวนี้ ไม่เสียเวลา ลางาน หรือไปนุ่งขาวห่มขาวกันที่วัด หรือสถานที่ปฎิบัติธรรม
    เน้นบวชใจ มิใช่บวชกาย
    ขอแนะนำ "จิตเกาะพระ"
    จิตเกาะพระ เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน และกรรมฐานนี้มุ่งเน้นเดินทางสายกลางเข้าสู่มรรค ผล และนิพพานโดยตรง

    ปล. สนใจส่ง PM
    เพราะนาทีนี้แล้ว กรรมฐานอื่นเอาไม่อยู่แล้ว เพราะไม่มีเวลากันแล้ว เวลาเหลือน้อย แต่จิตเกาะพระของผมนี้เอาอยู่น่าอัศจรรย์ อย่าเพิ่งเชื่อต้องลองดูก่อน สามารถกระทำกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นร. นศ. คนทำงาน หรือว่าไม่ทำงาน ขอให้มีใจบริสุทธิ์ และก็ศีล5ครบเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าศีลไม่ครบ ไม่ต้องติดต่อมา เพราะเสียเวลา นาทีนี้รับเฉพาะผู้อยากปฎิบัติกันจริงๆเท่านั้น
    ขอให้ทุกๆท่าน มีจิตยิ้มออกมาจากข้างใน และเป็นสุขใจนิรันดร์ตลอดไปด้วยเทอญ

    คุณAunyasit พากายของพวกท่านหนี
    แต่ภูทยาน2 กำลังพาดวงจิตของพวกท่านหนีเช่นกัน
    แต่ต่างกันเพียงหนีไปในทางโลกมนุษย์กับโลกทิพย์เท่านั้น
    ปฎิบัติเถอะครับ ไม่ว่าจะเป็นสายใด ขอเพียงเข้าไปให้ถึงกระแสจิต กระแสธรรมของตนเองก็พอแล้ว
    เพราะทางสายกลางนี้เป็นเส้นทางแห่งความร่มเย็น สุขนิรันดร์จริงๆ


    ขอบคุณครับ


    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  2. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    30-03-2012, 08:15 AM
    สวัสดีครับ
    ผมมีเพื่อนมาช่วยแล้ว มาช่วยกันยกจิตกันตรงนี้เลยนะครับ
    ปล่อยให้ร่างกายทำหน้าที่ทางโลกไป ไปทางไหน ทำอย่างไรถึงจะรอดปลอดภัยกัน ติดตามข่าวสารกันไปเรื่อยๆ แต่ขอให้ตั้งอยู่บนสติและปัญญา
    และให้จิตทำหน้าที่ภายในจิตของเขาไป หมายถึงว่าให้พวกเราแค่ระลึกถึงพระ ระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าเข้าไว้ จิตมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งพา ยึดเหนี่ยวจิตใจเข้าไว้
    ท่านคิดถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็คิดถึงท่านเหมือนกัน
    เพราะอย่างอื่นเราพึ่งอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว โดยเฉพาะเหตุการณ์ต่างๆที่มิอาจจะคาดเดากันนี้
    อย่าลืมนะ แค่ง่ายๆเท่านั้นเอง ยากกว่านี้เราทำกันมามากแล้ว
    เหตุการณ์วันข้างหน้าไม่มีใครคาดเดาได้ ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ หรือใครจะไป ไม่มีผู้ใดบอกท่านได้ แม้นกระทั่งตนเองก็ยังบอกตนเองยังไม่ได้เลย

    พวกเรามาช่วยกันไวๆ อย่าให้พวกเราจิตตกต่ำไปมากกว่านี้ เพราะจิตตกต่ำนั้นมีที่ไปทางเดียวก็ คืออบายภูมิเป็นที่หมาย
    สติเท่านั้นที่จะช่วยยกจิตตนเองให้สูงขึ้นได้ ควรปฎิบัติกันอย่างยิ่ง
    กายก็คิดกันไปในทางโลก แต่จิตต้องเกาะพระเข้าไว้ ก่อนนอน ทำธุรกิจอันใด จนถึงเข้านอน ถ้าผู้ใดกระทำได้อย่างที่ผมแนะนำมานะ เหมือนกับคอยเฝ้ารักษากาย รักษาใจของตนแล้ว โดยมิต้องไปเสียเวลา หรือเสียเงินในการทำบุญกันเลย เพราะถ้าเวลาวิกฤติมาถึงกันจริงๆแล้ว สติไม่ค่อยจะมีกัน ขอให้ระลึกถึงบุญที่เคยทำ หรือระลึกถึงพระเข้าไว้นะ
    ผมขอเตือนแค่นี้เอง

    และผมทราบดีว่าคนกำลังอยู่ในกระทู้นี้ คนที่มีศีล มีธรรมก็เยอะนะ กรุณามาโปรดพวกเราด้วย อย่าให้เขาหนีกันอย่างเดียว เราจะต้องช่วยกันยกจิตไปพร้อมกับการหนีภัยพิบัติฯด้วย

    ผมขอร้องพวกท่านทั้งหลาย ได้โปรดแสดงตนออกมาช่วยกันยกจิตลูกหลานเหลนของพระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ด้วยเทอญ

    ขอบคุณมากๆ<!-- google_ad_section_end -->


    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  3. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    30-03-2012, 11:35 AM
    สวัสดีครับทุกๆท่าน

    ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
    ขอแนะนำ "จิตเกาะพระ"
    ซึ่งผมค้นพบหลังการปฎิบัติ เมื่อประมาณ มาราคม 2555

    ข้อดี และจุดเด่นของจิตเกาะพระ
    ประการแรกก็คือ จิตเป็นสมาธิไว
    ประการที่สองก็คือ จิตทรงสมาธิ หรือจิตทรงฌานสูงขึ้นไปตามลำดับอัตโนมัติ โดยที่เราก็ยังไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำไป
    และตรงนี้แหล่ะ! ที่นักปฎิบัติส่วนใหญ่จะขาดกันก็คือ ความต่อเนื่อง เพราะจิตเป็นสมาธิ จิตทรงฌาน มิใช่ทำกันได้ง่ายๆ
    คนที่จะเข้าถึงกระแสธรรมกันได้นั้น จะต้องอาศัยเข้าไปให้ถึงกระแสจิตแห่งตนเสียก่อน
    แต่ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ไม่มีวันจะเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์กันได้
    ประการที่สามก็คือ สะดวกทั้งเวลา(ทำได้ทุกสถานการณ์)
    และสถานที่(ไม่ต้องไปวัด หรือสำนักปฎิบัติธรรม หรือไม่ต้องไปนุ่งขาวห่มขาว คือบวชใจกันตอนนี้ และตรงนี้กันได้เลย)

    ลองอ่าน และค่อยทำความเข้าใจไปเรื่อยๆนะครับ



    9 มีนาคม 2555
    วิธีปฏิบัติทำจิตเกาะพระในเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย


    การดูภาพพระไม่ต้องเพ่ง แค่ดูเฉย ๆ เหมือนดูภาพถ่ายทั่วไป ดูบ่อย ๆ ดูทุกวัน จะวันละกี่เวลาก็ได้ ขณะมองดูภาพให้มองดูรายละเอียดขององค์พระนิดหนึ่งว่ามีอะไรสะดุดตาเราบ้าง เช่น พระพักตร์ เศียร ไหล่ คอ แขน มือ นิ้ว ตา ปาก จมูก อก ท้อง หน้าตัก ขา เท้า เครื่องประดับ แท่นที่ประทับ และอื่น ๆ ดูแล้วก็ไม่ต้องจำ

    เมื่อมองดูภาพแล้วถ้ารู้สึกว่ามีใจรักจุดใดของพระเป็นพิเศษ หรือมีใจรักชอบพระองค์ใดเป็นพิเศษ ก็ให้ระลึกถึง ณ จุดนั้นบ่อย ๆ

    การระลึกถึงภาพพระ เมื่อใจนึกถึงภาพใดแล้วก็ให้ทำใจจดจ่อหรือจดจ้องอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจิตจะผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายขึ้น อาการที่ใจผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายนั้นเป็นอาการจิตเข้าฌาน หรือจิตทรงสมาธิอย่างต่ำ ๆ มาถึงตรงนี้ถ้าจิตไม่อยากจับภาพพระก็ไม่ต้องไปบังคับจิต ปล่อยไปตามสบาย

    การทรงฌานต่ำ ๆ ในเบื้องต้นนี้จะทรงอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับความนิ่งของจิตผู้ฝึกฝน แต่ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มฝึกใหม่ ๆ ก็เหมือนกันทุกคนคือจิตไม่นิ่ง ในเมื่อมันไม่นิ่งเราก็จะทำให้มันนิ่งด้วยการระลึกถึงภาพพระ หรือจุดใดจุดหนึ่งของพระอยู่บ่อย ๆ แม้จะเป็นการนิ่งในระยะสั้น ๆ ก็ถือได้ว่าจิตเข้าฌานหรือจิตเป็นสมาธิแล้ว และถ้าทำให้จิตเข้าฌานยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี มิมีอะไรเสียหาย

    ถ้าคนที่ไม่เคยทำจิตเกาะพระ ใหม่ ๆ จะทำไม่ได้เพราะไม่รู้จะเกาะอย่างไร เกาะตอนไหน เอาอย่างนี้ เรามาเริ่มต้นด้วยการฝึกทำจิตเกาะพระเป็นเวลาก่อนก็แล้วกัน ตั้งเวลาไว้ให้อย่างนี้

    1. ก่อนนอนเมื่อล้มตัวลงนอนหลับตา แต่ความรู้สึกยังไม่หลับ ให้เอาสติไปมองหาพระที่เราถูกใจ หรือติดตาติดใจ หรือรักชอบเป็นพิเศษ เห็นภาพไหนชัด หรือเห็นส่วนไหนของท่านชัดที่สุดก็ให้มองตรงจุดนั้น เอาสติไปจดจ้องหรือจดจ่ออยู่กับองค์พระหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพระ (สติก็คือจิตตัวหนึ่ง) จนกว่าจิตจะเกิดอาการคลายจิตแล้วมีความรู้สึกเบาสบายตามมา เหมือนตอนเราเข้าฌาน ตัวจะเบา ๆ ชา ๆ ว่าง หวิว ใช่ไหม ความรู้สึกคล้ายกัน เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีเข้าฌานจากภาวนาพุท – โธ มาเป็นดูภาพพระเข้าฌานแทน ให้มองดูภาพพระหรือจุดใดจุดหนึ่งของพระจนกว่าจะหลับไป

    2. ตื่นนอนแต่ยังไม่ลืมตา ก็ให้นำสติไปมองหาภาพพระก่อน ทำเหมือนเมื่อคืนก่อนหลับทุกอย่าง เมื่อจิตสบายหรือจิตทรงฌานจึงค่อยลุกไปทำธุระส่วนตัว

    3. ก่อนทานอาหารเช้าให้ระลึกถึงภาพพระที่จำได้แล้วแผ่เมตตาให้อาหารที่เราทาน แม้ว่าจะทานกาแฟเพียงถ้วยเดียวก็ให้แผ่เมตตาก่อน แผ่เมตตาให้ใครก็แผ่เมตตาให้คนปลูกกาแฟและต้นกาแฟ การแผ่เมตตาให้อาหารก็ทำเช่นเดียวกัน ใครที่เกี่ยวข้องเราระลึกแผ่เมตตาให้หมดทุกคนหรือสัตว์ทุกตัว

    การระลึกแผ่เมตตาก็เช่น ขอให้คนปลูกข้าว คนสีข้าว คนหุงข้าว คนทำอาหารในมื้อนี้จงมีแต่ความสุขความเจริญ และขอให้อาหารในจานนี้ อาหารทั้งหมดบนโต๊ะนี้จงมีความบริบูรณ์พูนสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เราขออุทิศบุญกุศลของเราให้หมดด้วยกัน อย่างนี้เป็นต้น หรือท่านจะระลึกแผ่เมตตาว่าอย่างไรก็ย่อมทำได้ มิมีอะไรผิด เพียงแต่ขอให้จิตในขณะแผ่เมตตานั้นเป็นกุศล คือไม่คิดร้ายกับใครก็เป็นพอ

    4. ก่อนทานอาหารกลางวันก็ทำเช่นเดียวกัน

    5. ก่อนทานอาหารเย็นก็ทำเช่นเดียวกัน

    6. ก่อนจะสวดมนตร์ไหว้พระก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

    7. ก่อนจะนั่งสมาธิประจำวันก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

    เริ่มต้นลองทำเป็นเวลาอย่างนี้ก่อน เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถระลึกถึงพระได้วันละหลายเวลา เมื่อทำแล้วได้ผลเป็นประการใดช่วยบอกเล่าให้ทราบด้วยค่ะ จะได้แนะนำกันต่อไป

    การทำจิตเกาะพระเป็นการทำกรรมฐาน-พุทธานุสสติ แต่แทนที่เราจะนั่งภาวนาเฉย ๆ เหมือนเราฟังวิทยุ คือหลับตาฟังก็ยังได้ยินแต่มันไม่เห็นภาพนะ เราก็มาฝึกระลึกดูภาพด้วย คล้ายกับเราขยับฐานะขึ้นมาหน่อย คือ มีโทรทัศน์ดูกับเขาด้วย จึงได้ยินทั้งเสียงและได้ชมทั้งภาพ ที่กล่าวมาเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างสักเล็กน้อย

    การทำจิตดูภาพพระในช่วงแรกจะเป็นการนึกหรือระลึกถึง เหมือนเรานึกถึงภาพวิวที่เราเคยเห็นแล้วประทับใจ หรือรูปดารา รูปนักร้อง รูปคนที่เรารัก หรือรูปสิ่งของที่เรารักและชอบเป็นพิเศษ เราเพียงใช้อุบายนี้มาช่วยให้จิตจดจำและระลึกถึงภาพพระบ่อย ๆ

    เมื่อจิตชินกับภาพพระ ต่อไปจิตจะนึกหรือระลึกถึงพระได้เอง ภาษาสมมุติท่านว่าอัตโนมัติ หรือเป็นไปโดยมิต้องกำหนด คือเมื่อเวลาใดที่จิตมันว่าง หมายถึงว่างโดยตัวจิต มิใช่รอให้ขันธ์ห้า(ร่างกาย)ว่างการว่างงานนั้นไม่ใช่นะ เมื่อจิตว่างหรือคิดถึงพระ จิตก็จะวิ่งเข้าไปหาภาพพระเหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน

    ขออธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการจิตทรงฌานหรือจิตเป็นสมาธิ ให้สังเกตว่าถ้าจิตทรงฌานอย่างน้อยปฐมฌานจิตจะมองหาภาพพระได้ง่ายและเร็วขึ้น แต่ถ้าหลุดจากฌานจะมีอาการว่าจิตส่งสายออกไปในกระแสโลกมาก จิตจะรู้สึกอึดอัด หงุดหงิด และรำคาญ ก็ให้รู้ว่าหลุดฌานหรือฌานเสื่อมแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจับภาพพระขึ้นมาใหม่ มองดูภาพพระไปจนกว่าจิตจะเบาสบาย ถ้าจิตเข้าฌานแล้วให้สังเกตที่ลมหายใจ ลมหายใจจะเบา ละเอียด เย็น

    ให้ฝึกทำตามที่แนะนำไปก่อน ถ้ามีเวลาว่างช่วยรายงานผลให้ทราบด้วย จะได้เห็นความก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติด้วย และจะได้ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้

    ขอให้ท่านจงมีจิตตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ

    ภูทยานฌาน2
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  4. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    30-03-2012, 01:31 PM

    ขอฝากธรรมะของหลวงตามหาบัวฯ ด้วยนะครับ
    ธรรมะตรงนี้ฯ
    ขอให้ตั้งใจฟังกันให้ดีๆนะครับ อาจจะได้พระนิพพานกันตอนจบกันเลยนะครับ
    เพราะเป็นจุดเริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน หรือ
    "การปฏิบัติเริ่มต้น จนเข้าถึงพระนิพพาน"

    ท่านเสียสละเวลาฟังธรรมะแค่ 1:19:34 ยังดีกว่าท่านเสียเวลาไปทั้งชีวิต หรือทั้งภพ ทั้งชาติกันเลยนะครับ
    เพราะนาทีนี้อะไรไม่สำคัญเท่ากับจิตตนเอง
    เพราะกายตาย แต่จิตไม่ตาย และต้องเดินทางต่อไป แต่ที่แน่ๆดวงจิตตนเองเท่านั้นที่จะต้องเดินทางแต่เพียงผู้เดียว นี่ขนาดเรามีดวงตาทั้งสองข้าง มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณพี่คุณน้อง คุณสาีมี/คุณภรรยา และคุณลูก ยังบอกว่าเหงากันอีก ยังต้องกลัวกันขนาดนี้ แต่ถ้าเราจากโลกนี้ไปกันจริงๆหล่ะ
    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่มีผู้ใดไปด้วยกับเราเลยสักคน แล้วเราๆท่านๆกำลังห่วงอะไรกันอยู่ มัวทำอะไรกันอยู่ เพราะท้ายที่สุดจิตของตนเองเท่านั้นสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด

    "วันนี้คุณดูแลจิตตนเองดีแล้วรึยัง?"

    ผมเตือนสติกันได้เพียงเท่านี้ฯ ผิดพลาดประการใด กระผมขอรับผิดชอบทั้งหมด โดยไม่มีเงื่อนไข หรือต่อรองใดๆ ยอมน้อมรับด้วยจิตอันบริสุทธิ์เท่านั้น

    เริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน - YouTube

    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  5. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    31-03-2012, 06:08 AM

    โมทนาคุณเก้าด้วยนะครับ
    ขอบคุณมากนะครับ ที่มาช่วยยกจิตกัน
    สำหรับท่านก็เดินมาถูกทางแล้ว และขอยกเป็นบุคคลตัวอย่าง สำหรับท่านผู้นี้รอดแน่นอน เพราะจิตของท่านมีครบหมด คือทั้งศีล สมาธิ ปัญญา
    และท่านผู้นี้ก็สามารถชี้แนะแนวทางให้กับผู้อื่นๆปฎิบัติตามได้ มีอะไรก็ปรึกษาท่านนี้ได้เลยนะครับ
    สำหรับธรรมปฎิบัติ ท่านก็มีทั้งศีลและธรรมครบเลยครับ
    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติถึงแล้ว จิตก็จะยกสูงขึ้นได้เอง ขอให้จิตใจแข็งแกร่งอย่างเดียว ถึงภัยพิบัติจะเกิดขึ้นจริง เราก็มิได้หวั่นไหวประการใด เพราะจิตไปรู้สภาพตามความเป็นจริงทั้งโลกและธรรมแล้ว
    เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ปฎิบัติทุกท่านจะไม่เกรงกลัวกับสิ่งใดๆอีกต่อไป
    เพราะผู้ปฎิบัติรู้และเข้าใจการเกิด การตายหมดแล้ว และรู้ที่ไปของดวงจิตของตน และผมก็เชื่อว่าผู้ปฎิบัติทุกท่านก็สามารถตอบตนเองได้

    แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ หรือปฎิบัติยังไม่ถึง หรือกำลังใจยังไม่ถึง
    อย่างน้อยๆ ก็ขอให้รักษาศีล5ให้ครบเป็นอย่างต่ำก่อน ถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยถ้ากายไปไม่รอด แต่ดวงจิตเรารอดก็ยังดี
    ดีกว่ากายไม่รอด ดวงจิตก็ไม่รอด เพราะโลกเบื้องหน้ายังอีกยาวนาน

    ทุกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เบื้องบนจะเลือก หรือคัดสรรบุคคลที่รอดนั้นก็คือ บุคคลที่มีศีลและธรรมประจำจิตใจ หรือผู้ที่มีจิตใจดีงาม เช่น ไม่เห็นแก่ตน ชอบช่วยเหลือ และเสียสละเพื่อส่วนรวม เป็นต้น
    แต่ความตายเป็นสิ่งเที่ยงแท้แน่นอน เพราะว่าไม่มีผู้ใดหนีความตายกันได้ มิใช่ผู้มีศีล มีธรรมจะไม่ตาย แต่เราทุกคนก็ควรกระทำดีเข้าไว้ก่อน เพื่อเตรียมกาย เตรียมจิตให้พร้อมก่อน ก่อนที่ภัยพิบัติจะมาถึงกันจริงๆ เพราะอย่างน้อยที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่เตรียมจิตก่อนแล้ว ในระหว่างที่ภัยพิบัติจะเกิด หรือขณะเกิด หรือหลังเกิด เราก็สบายใจได้ เพราะจิตจะได้ไม่ตก ไม่วิตกกังวล ไม่กลัวตายเกินเหตุ ไม่ขาดสติฯ
    สำหรับท่านที่รอดไปได้ แต่ถ้าสติขาดไปแล้ว ก็ไม่ต่างกับคนบ้า แล้วท่านจะอยู่บนโลกนี้อย่างไร ไม่ยิ่งกว่าคนที่ตายไปแล้วหรือ?

    พูดให้คิดกัน พูดให้มีสติกัน มิได้พูดเพื่อทำลายขวัญกัน เพราะท่านที่จิตอ่อนนั้น แค่รับรู้ข่าวสารกันเข้าไปทุกวันก็จะแย่อยู่แล้ว หรืออาจจะตายทั้งเป็นก่อนที่ภัยพิบัติจะมาถึงเสียอีก ขอให้ทุกท่านไปคิดต่อเอาเองนะครับ
    เพราะการเตรียมจิตก่อนนั้นไม่ได้ยากเลย สิ่งที่ยากกว่านี้เราก็ทำกันมามากแล้ว
    คนเรานั้นเรื่องจิตถือว่าสำคัญที่สุด เพราะทั้งสุข ทั้งทุกข์ก็ขึ้นอยู่ที่ใจของตนเองทั้งนั้น
    ธรรมะมิใช่เป็นของพระแต่เพียงอย่างเดียว ธรรมะมิใช่เป็นสิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะแท้จริงแล้วธรรมะนั้นอยู่กับเราทุกวัน เพียงแต่เรามองไม่เห็นกันเท่านั้นเอง

    สังเกตดูนะครับว่า ผมจะพูดธรรมะ แบบธรรมดา แบบชาวบ้านๆ เพราะไม่เน้นปฎิยัติ แต่จะเน้นปฎิบัติมากกว่า เพราะผู้ที่จะเข้าถึงกระแสจิต กระแสธรรมของตนได้นั้น จะต้องปฎิบัติมากกว่าปฎิยัติ ถึง90%นะครับ
    เพราะคนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญการท่องจำ หรือเรียนรู้หลักทฤษฎีกันมาก อันนั้นผมขอบอกตามตรงนะครับว่า ไม่มีทางจะเห็นธรรมกันได้หรอกเพราะธรรมะนั้นจะต้องนำจิตของตนเอง(เท่านั้น)ไปเรียนรู้ มิใช่ตนเอง
    ที่ท่องจำกันเดี๋ยวก็ลืม เพราะใช้สมองเรียนรู้กัน แต่จิตนั้นไม่ใช่ แต่ถ้าจิตเรียนรู้อะไรไปแล้ว จิตจะจดจำข้ามภพ ข้ามชาติกันเลยทีเดียว สังเกตผู้ที่มีของเดิมอยู่แล้ว ก็จะต่อชาตินี้ไปได้เลย เช่น กสิณ ฌาน อภิญญา หรือญาณหยั่งรู้ เป็นต้น

    ขอบคุณ


    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    สวัสดีครับทุกๆท่าน
    สบายดีกันไหม๊ครับ?
    วันหยุดนี้ฯ ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขมากๆนะครับ
    ในระหว่างรอคำตอบจากอาจารย์อัญญาสิทธิ์ฯกัน
    ผมขออนุญาตนำบทเพลงบรรเลงชโลมใจ มาฝากทุกท่าน

    แต่ถ้าฟังแล้วมีความสุข ก็ขอความกรุณาส่งความสุขไปหาผู้ที่กำลังเป็นทุกข์กาย ทุกข์ใจกันอยู่ด้วยนะครับ เพราะขณะบางเวลาที่เรากำลังมีความสุขกันอยู่นี้ แต่จะมีคนอีกไม่น้อยที่กำลังเป็นทุกข์กันอยู่ ก็ขอส่งกำลังใจให้กันด้วยนะครับ

    ขอขอบพระคุณมากครับ


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=rchw4uW39yA&feature=related"]บทเพลงบรรเลงชโลมใจ //by ballbangpra - YouTube[/ame]

    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2012
  7. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    31-03-2012, 12:52 PM
    ขอให้ทุกๆท่านมีความความสุขกันเยอะๆนะครับ อย่าไปทุกข์มัน อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เราก็ค่อยปรับกาย ปรับจิตใจให้เข้ากับสถานการณ์นะครับ

    แต่ถ้าผู้ใดยังรู้สึกว่ายังเป็นทุกข์กาย ทุกข์ใจกันอยู่ ขอให้ท่านนึกลมหายใจเข้า-ออก และหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆนะครับ
    เพียงเท่านี้ทุกข์นั้นจะค่อยๆ บรรเทาลงไปเอง หรือเรียกว่า อานาปานสติ
    ขอเอาใจช่วยนะครับ

    ขอให้ทุกท่านมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งทางใจกันให้ตลอดไปด้วยเทอญ

    และฟังธรรมเบาๆกันนะครับ


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=-l6od-yAnUA"]บทภาวนาขณะที่มีความทุกข์ - YouTube[/ame]

    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  8. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    31-03-2012, 01:12 PM

    ขอโทษด้วยนะครับ ที่โพสต์แบบไม่กลัวคนด่า
    แต่ผมกลัวคนไม่มีความสุขมากกว่าครับ
    อันใดถูกใจ เป็นประโยชน์ก็รับไป แต่ถ้าไม่ถูกใจก็ขอให้ก้าวผ่านนะครับ
    จึงกล่าวคำขอโทษมาณ.ที่นี้ด้วย
    ขอพระคุณครับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=26eYxv_kArM&feature=relmfu"]กายนี้เป็นเช่นขอนไม้ ( ♫♫♪จินเจ♫♪♫♪) - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=A0bl_eeytzw&feature=related"]เพลงดอกบัวงามเมื่อบำเพ็ญ (ช) // by ballbangpra - YouTube[/ame]

    by ภูทยานฌาน2
     
  9. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    เตรียมจิต เตรียมกายกันไปบ้างแล้ว
    ต่อไปนี้ฯ ขอให้เตรียมสติกันเยอะๆ

    ถ้าท่านใดฟังจนจบ
    ท่านรอดแน่ อะไรคือรอด? หรือรอดอย่างไร?
    แต่อาจจะยาวไปซะหน่อย แต่คุ้มค่าจริงๆครับ
    คิดอยู่นานเหมือนกัน ว่าจะลงดีไหม๊?
    จิตสวนมาเลยว่า ไปลงให้เขาเถอะ ส่วนใครจะฟังหรือไม่ ไม่มีใครเสียหาย
    แต่คนที่(ทน)ฟังจนจบ คิดว่าท่านได้แน่ๆ กำไรแน่ๆ
    (คนด่าผมไม่กลัว กลัวไม่ได้ช่วยยกจิตคนดีในกระทู้นี้ฯ)

    ในระหว่างรออาจารย์อัญญาสิทธิ์มาตอบคำถามกัน
    ขอบคุณครับ

    สติ(ตัวจริง)...ความอัศจรรย์ ที่เราไม่เคยรู้จัก

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=D7JS5iVd2jg&feature=related"]สติ(ตัวจริง) ความอัศจรรย์ ที่....... - YouTube[/ame]

    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    01-04-2012, 12:41 AM

    ขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่ช่วยกันแชร์
    ที่เล็งเห็น หรือเห็นคุณค่าเรื่องศีล เรื่องธรรม เพราะจิตของคน ของมนุษย์นั้น ในเบื้องต้นจะต้องมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเราก่อน เมื่อแข็งแรงดีแล้ว ท้ายที่สุดจิตจะเป็นผู้ปล่อยวางได้เอง

    คนส่วนใหญ่มักเข้าไปถึงแค่อามิสบูชา แต่มีส่วนน้อยเหลือเกินที่เข้าถึงปฎิบัติบูชา เพราะด้วยเหตุกำลังใจของตนเป็นหลัก
    ถ้าบุคคลใดกำลังใจเต็ม หรือบุญบารมีมากพอแล้ว ก็จะทำให้ผู้นั้นเข้าถึงธรรมปฎิบัติบูชาได้เอง(สักวันนึง)

    กำลังใจในที่นี้หมายถึง บุญ หรือบารมีของตนเอง
    กำลังใจที่กล่าวมานี้ ได้มาจากไหน? หรือสร้างกันได้อย่างไร?
    ก็ที่พวกท่านทั้งหลายกำลังกระทำความดีกันอยู่นั้น โดยเริ่มต้นจากบุญภายนอก ไปหาบุญภายใน ได้แก่
    1.การทำทาน ทำบุญต่างๆ
    2.การฟังเทศน์ ฟังธรรม สวดมนต์ไหว้พระ
    3.การรักษาศีล การทำสมาธิ หรือการทำภาวนา
    เป็นต้น

    สำหรับพวกที่กำลังใจเต็ม หรือมั่นใจว่าบุญ หรือบารมีของตนพร้อมแล้ว ก็ขอให้ทุกท่านรีบเดินทางเข้าสู่สายอริยมรรค หรือทางสายกลางกันได้เลย อย่ารอช้า
    เพราะธรรมปฎิบัตินี้เป็นสายตรงเข้าสู่มรรค ผล นิพพานโดยเฉพาะ อันเป็นสายที่ร่มเย็น เยือกเย็น สงบสุขของจิตใจเป็นที่สุด
    และเราแทบจะไม่ต้องไปตามหาความสุขจากบุคคลอื่น หรือสิ่งอื่นๆจากที่ไหนเลย

    แต่สำหรับผู้ที่กำลังใจยังไม่เต็ม หรือยังไม่พร้อมเข้าสู่การปฎิบัติ นอกเสียจากจะไปตามหาครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆแล้ว ก็ขอให้ท่านยึดเรื่องศีลเป็นหลักก่อน เพราะถ้าศีล(หยาบ)ในเบื้องต้นยังรักษากันไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องศีลกลาง ศีลละเอียด หรืออย่าไปพูดถึงการทำสมาธิ หรือการทำภาวนากันเลย
    เพราะถ้าศีลยังรักษากันไม่ได้ การทำสมาธิ หรือการทำภาวนาก็จะไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควรนัก
    ผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลาย จึงถือโอกาสนี้ไปสำรวจตนเอง ว่าทำไม? เราปฎิบัติธรรมมาก็ตั้งหลายปีแล้ว ทำไมทำไม่สำเร็จ หรือไม่มีดวงตาเห็นธรรมเหมือนคนอื่นๆเขาสักที
    ผมขอตอบด้วยความเคารพอย่างนี้นะครับว่า ศีลครบ? เพราะว่าตนเองเป็นผู้ปฎิบัติจะต้องทราบเป็นอย่างดี เพราะไม่มีใครคอยช่วยดูแล หรือรักษาศีลแทนกันได้
    (แต่ไม่ต้องรอรักษาศีลให้ครบ100%ให้ได้เสียก่อน จึงจะเริ่มทำภาวนา
    อันนั้นคิดผิดแล้วครับ เพราะผู้ปฎิบัติใหม่ๆทำกันไม่ได้หรอก ขอแค่รักษาศีลหยาบๆให้ได้ก่อน ถ้ารักษาได้แล้ว ศีลนั้น หรือบุญบารมีนั้นจะนำพาท่านไปรักษาศีลกลาง ศีลละเอียดกันได้เองในภายหลัง)
    และเราเท่านั้นที่จะต้องเป็นฝ่ายที่ดูแลเรื่องศีลของตนเองให้ดี
    เพราะศีลนั้นถือว่าเป็นด่านแรก และสำคัญที่สุดก่อนที่พวกท่านจะไปทำบุญใหญ่กัน(บุญภายใน) หรือเรียกว่า การเจริญสติภาวนานั้น
    นอกจากสมาธิ ปัญญาแล้ว ศีลจึงถือว่าเป็นหัวใจหลักของพระพุทธศาสนา
    หรือย่อมาจากมรรคมีองค์8 ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง
    และเส้นทางนี้เท่านั้นที่จะนำพาดวงจิตของพวกเราไปสู่อริยบุคคล(จิตที่เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และพระอรหันต์) หรือมรรค ผล นิพพาน หรือเพื่อความหลุดพ้นแห่งทุกข์ และเพื่อหลุดพ้นภัยจากวัฎฎสงสารนี้กันได้

    สำหรับผู้ใดยังไม่แน่ใจในศีลของตนว่าจะครบหรือไม่ ขอให้ท่านดูที่ศีลหยาบก่อน(ศีล5) คือผิดหรือไม่ผิดในเบื้องต้น ขอให้ท่านดูที่ตัวเจตนาของท่านเป็นหลัก เพราะจิตตนเองจะรู้ดีที่สุดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เราแทบไม่ต้องไปถามผู้ใดเลย

    แต่ถ้ากำลังใจของตนเองดีแล้ว แม้กระทั่งภัยพิบัติฯนี้ ก็มิอาจมากระทำแก่จิตใจของตนได้ ถึงจะหนีก็ไม่หนีก็มีค่าเท่ากัน แต่ถ้าหนีก็ต้องหนีอย่างมีสติกัน แต่ถ้าคุณหนีแบบไม่มีสติกัน ก็ไม่ต่างกับคนบ้า ที่กำลังเดินอยู่ข้างถนน
    และถ้าท่านไม่มีสติกันแล้ว ดูแลตนเองก็ยังไม่ได้เลย แล้วท่านจะไปดูแลคนครอบ หรือคนรักของท่านกันได้อย่างไร
    (ลองไปคิดดูกันเอาเองนะครับ)

    ขอขอบพระคุณอีกครั้งนึง<!-- google_ad_section_end -->


    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  11. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    01-04-2012, 03:51 AM

    ผมจะโพสต์รอคุณอัญญาสิทธิ์ฯ ไปพลางๆก่อน
    แต่ถ้าท่านมาแล้ว ผมก็จะหยุดทันทีนะครับ

    ถ้าท่านจะไปตามหาครูบาอาจารย์ หรือพระอรหันต์กันที่ไหนก็ตาม ท่านก็จะพูดไม่กี่เรื่อง นอกจากการภาวนาแล้วก็ยังมีเรื่อง สติ หรือศีลเป็นหลัก
    ขอเราอย่าแค่รู้ธรรมะกันเฉยๆ หรือแค่ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้า หรือพระอริยเจ้าเท่านั้น นั่นมันไม่มีประโยชน์อันใด เพราะไม่ได้ช่วยให้ท่านพ้นทุกข์
    นอกจากพวกเราไปยึดท่านแล้ว แต่ถ้ารักท่านจริงๆ ก็ขอให้นำธรรมะของท่านมาปฎิบัติตามนะครับจึงจะได้ผล
    เพราะศาสนาพุทธสอนพวกเราให้พึ่งพาตนเองก่อน
    เช่น ต้องขยันทำสติให้เกิดอยู่บ่อยๆ เมื่อสติมี ศีลก็มีตามเอง

    ธรรมะนั้นไม่มีผู้ใดสอนกันได้หรอก มีเพียงแต่เราเท่านั้นที่จะต้องเข้าไปให้ถึงกระแสจิต กระแสธรรมของตนเอง
    เพราะที่แท้จริงธรรมะนั้นก็อยู่ภายในจิตของตนเท่านั้น เพียงแต่จะหากันเจอหรือไม่ เท่านั้นเอง

    "สติมา ปัญญาเกิด"

    "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"


    เอาสองคตินี้ไปคิดดูเองนะครับ

    ธรรมไม่ใช่เรื่องของพระเพียงอย่างเดียว หรือเป็นเรื่องของผู้อื่น หรือต้องรอให้หัวงอกก่อนจึงปฎิบัติ ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าเราจะอยู่มีลมหายใจกันถึงวันพรุ่งนี้กันหรือเปล่า อย่าประมาทนะครับ

    ธรรมะมิใช่อยู่ที่ไหน ที่แท้ธรรมะนั้นก็อยู่ที่กาย ที่ใจของทุกๆคนอยู่แล้ว ลองทำจิตให้นิ่ง ให้ว่างกันดูสิ! แล้วท่านจะมองเห็นธรรมะต่างๆกันได้เอง

    ความสุขหากันได้ง่ายที่สุดก็แค่ทำจิตให้นิ่ง จิตว่าง จิตบุญฯ
    พูดง่าย แต่ทำยากใช่ไหม๊?
    ก็เหมือนกับคนดีทำชั่วยาก แต่ทำดีง่าย หรือคนชั่วทำดียาก แต่ทำชั่วง่าย
    นั่นเอง เหมือนกัน

    สำหรับผู้ปฎิบัติทั่วๆไป แล้วเราจะรู้กันได้อย่างไรว่าทำสำเร็จกันหรือไม่
    ง่ายนิดเดียว ก็ลองค่อยๆถามใจตนเองดูสิว่า เมื่อเราเริ่มปฎิบัติกันมา จนถึงทุกวันนี้ จิตใจของตนเองเป็นอย่างไร? (เวลาไม่เกี่ยว ดูที่จิตอย่างเดียว)
    หมายถึงจิตใจของตนเป็นทุกข์มากน้อยเพียงไร?
    ปล่อยวางกับสิ่งทั้งปวงกันได้มากน้อยเพียงไร?
    และจิตใจของเรานั้นสุขสบายมากน้อย หรือจิตเบา จิตนิ่งสงบ จิตเยือกเย็นมากน้อยเพียงไร?


    (ลองตอบตนเองดูนะครับ)<!-- google_ad_section_end -->

    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  12. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    01-04-2012, 04:27 AM

    สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
    ตั้งอยู่เป็นธรรมดา และดับไปเป็นธรรมดา



    ทุุกข์เท่านั้นที่เกิด
    ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป​


    นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด
    นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
    ไม่ใช่สตรี ไม่ใช่บุรุษ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา


    ภาพยนตร์

    by ภูทยานฌาน2<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    นับว่าเป็นคำถามที่ดีมาก
    ท่านอื่นจะได้รับทราบตามไปด้วย
    อย่านึกว่าผมมีภูมิธรรม ภูมิปัญญาสูงเลยนะ
    นึกเสียมาแลกเปลี่ยนธรรมะกัน อ่านกันแล้ว อันไหนสิ่งไหนพอจะเป็นปรโยนช์กับตนก็รับไปเถิด แต่ถ้าไม่ คือตรงกันข้ามกับใจตน ก็ขอให้ก้าวข้ามไปเลย

    ขอตอบตรงประเด็น เพียงสั้นๆนะ แต่ไม่เข้าใจถามมาใหม่
    และขอให้ทุกท่านร่วมแชร์ด้วย เพราะต่างจิตต่างใจกัน

    OK
    กรรมดี หรือ กรรมชั่วนั้น มีผลอย่างแน่นอน
    แต่ขอให้ผู้ปฎิบัติ จงเริ่มต้นกันที่(นับหนึ่ง) กรรมดีปัจจุบัน เท่านั้น
    ส่วนกรรมดี หรือกรรมชั่ว ที่ผ่านมาแล้ว เราไม่ต้องไปสนใจ
    เพราะไม่มีผู้ใดไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือลบล้างกรรมที่ว่ามานั้นกันได้ ตราบใดที่เรา(จิต)ยังไม่พ้นโลกกัน(จิตอรหันต์) พวกเราก็ต้องหนีไม่พ้น คำว่า กฎแห่งกรรม

    เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมา มีกรรมนำมาเกิดด้วยกันทั้งหมด ทั้งสิ้น
    กรรมในที่นี้หมายถึง การกระทำ มีความหมายกลางๆ

    แต่กรรมดี หรือ กรรมชั่วของตนในปัจจุบันเท่านั้น จึงจะมีผลต่ออนาคตเราโดยตรง
    เพระฉะนั้นแล้ว ถ้าเราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นนั้น เราจะต้องทำกรรมดีไว้ให้มากๆ
    หรือหมั่นทำบุญ ทำทานกันให้มาก หรือมากกว่าทำชั่วกันเข้าไว้
    แต่บุญมีหลายระดับ เราก็เลือกปฎิบัติตามแต่กำลังใจของตน
    แต่ถ้าผู้ใดมีกรรมชั่วมาก และกรรมชั่วส่งผลมากในปัจจุบัน ท่านก็จะมาทำแค่บุญภายนอกไม่ทันแน่ ท่านจะต้องเจริญสติภาวนากรรมฐาน
    คือจะต้องทำบุญใหญ่ หรือบุญภายใน อย่างเจริญกรรมฐานกันเท่านั้น
    หรือ ทำจิตเกาะพระก็ได้ เพราะถือเป็นพุทธานุสสติ

    ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ต่างก็ส่งผลในอนาคตอย่างแน่นอน
    แต่จะช้าหรือว่าเร็ว ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ปัจจัยอื่นด้วย
    เช่น ทำบุญหนีกรรม หรือบางท่านทำแต่กรรมดี แต่บางท่านทำแต่กรรมชั่ว

    กรรมดี กรรมชั่วของแต่ละคนนั้น มีผลต่อการปฏิบัติกรรมฐานนี้หรือไม่ มีผลต่อการยกจิตของเราไหม
    (ตอบว่า) มีอย่างแน่นอน เพราะกรรมชั่วนั้นจะมีผลต่อจิตใจของเราโดยตรง
    และทุกครั้งที่พวกเราเจริญสติภาวนากันเรียบร้อยแล้ว เราจึงต้องขอขมาและอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรกัน ก็ด้วยเหตุนี้เอง
    เพาะกรรมที่เราเคยทำกันมานับครั้งไม่ถ้วน นับชาติไม่ถ้วน เพราะจากกรรมหนักจะได้เบาลง หรือ บางดวงจิต ดวงวิญญาณใจดี เขาก็อโหสิกรรมให้กับไป ก็นับว่าโชคดีไป
    ผู้ปฎิบัติมักเจอก่อน ขณะ หรือหลังปฎิบัติกับเจ้ากรรมนายเวร คอยตามเอาคืนกันอยู่ตลอดเวลา เจ้ากรรมนายเวรจะมีทั้งกายละเอียด หรือว่ากายหยาบเหมือนเราๆ
    แต่ขอให้ผู้ปฎิบัติใช้ความอดทน อดกลั้นในขณะที่กำลังเสวยกรรม หรือกำลังรับกรรม ขอให้เราขอขมา ขออโหสิกรรม และพร้อมสำนึกผิดด้วยความจริงใจกับเขาด้วย
    แต่ท่านไม่ต้องไปสนใจ หรืออย่าไปติดใจกับเจ้ากรรมนายเวรที่เขายังไม่ยอมให้อภัยกับตน ขอให้เราตั้งหน้า ตั้งตาปฎิบัติให้หลุดพ้น
    หรือยกจิตให้พ้น หรือให้เหนือขันธ์5 หรือเหนือโลกกันให้ได้
    เพราะเราไม่สามารถไปเปลี่ยนจิต ดวงจิตของผู้อื่นได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนที่จิต ดวงจิตของตนเอง
    แต่กรรมชั่วที่เคยกระทำมากั้นนั้น ก็อาจจะไปรบกวนจิตท่าน ในขณะปฎิบัตินิดหน่อย แต่ถ้าเราฝึกสติกันมากๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ดี ที่แก้ที่จิตตนเองก่อน
    แล้วการปฎิบัติถึงจะช้าไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไร คือคอยนั่งรับกรรมจะมา จะเกิดกับเราอย่างเดียว เราก็ทำบุญใหญ่(บุญกรรมฐาน)
    เรายังมีโอกาสรอด หรือพ้นทุกข์ได้ไว
    จากทุกข์ 10 ปี แต่ถ้าเราปฎิบัติธรรม ทุกข์นั้นก็อาจจะอยู่กับเราไม่นาน ก็ขึ้นอยู่ที่การปฎิบัติของตน

    มีผลต่อการไปนิพพานหรือไม่
    ตอบไปแล้วว่า ขึ้นอยู่กับผู้ปฎิบัติ หรือ ความเพียร
    มีผล เฉพาะผู้ไม่ทำจริงจัง
    แต่ถ้าเรายกจิตขึ้นกันแค่พระโสดาบัน เราก็อาจจะหนีกรรมได้ไม่นานนัก
    เมื่อบุญหมด ก็จะกลับมาเสงยกรรมชั่วที่ได้เคยทำกันไว้ เมื่อก่อนครั้งอดีต
    แต่ถ้าจะหนีกฎแห่งกรรมกันให้พ้นเลย เราต้องทำจิตอรหันตืกันให้ได้
    เพราะกรรมชั่วจะเข้ามาทางประตูเดียวก็คือ จิตใจ
    เราจะต้องปิดประที่จิต ที่ใจกันให้ได้ โดยการไม่คิด ไม่ปรุงแต่ง ไม่ฟุ้งซ่าน
    โดยการปฎิบัติธรรมอย่างเดียว ถึงจะรอดพ้นแบบถาวร

    เพราะฉะนั้นแล้วบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ไม่เกี่ยวกันนะ จะเอามาลบล้าง หักออกจากกันไม่ได้ แต่ทั้งบุญและบาปส่งผลอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ได้กล่าวไปแล้ว
    และไม่มีผู้ใดแก้กรรมกันได้ มีแต่ทำดี หรือ ทำบุญหนีกรรมชั่ว เพราะจากหนักก็จะกลายเป็นเบา จากเบาก็กลายหายไป
    แต่ไม่ทุกดวงจิตกันนะ บางดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรก็ไม่มีทางให้อภัย ถึงแม้นเราจะสำนึกผิดอย่างไร เขาก็ไม่ให้อภัย อันนี้มีนะ
    แต่เราไม่ต้องไปกังวล และเราจะทำอย่างไร
    เราก็ต้องทำกรรมฐานที่ว่ามานี้ จนจิตเราอยู่เหนือโลก หรือทำจิตตนเองกลายเป็นอรหันต์ให้ได้

    อันนี้ความเห็นของผมคนเดียวนะว่า ดีนะ เพราะเหมือนเป็นภาควิชาบังคับตนเอง ให้มีความพยายามปฎิบัติธรรม จนสำเร็จธรรมขั้นสูงสุด
    อันนี้รอดแน่ เพราะเจ้ากรรมนายเวรตามไม่ทัน ไม่ได้หมายถึงเขาจะให้อภัย

    มีใครอ่านประวัติหลวงพ่อจรัญ(วัดอัมพวัน)กันหรือยัง?
    เพราะเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ท่านเป็นคนเกเรมาก เช่น ยายให้นำอาหารไปถวายพระ ท่านก็นำไปแอบทานกับพรรคพวกอย่างสนุกสนาน ตามภาษาเด็กๆ และข้ามท่าเรือก็ไม่จ่ายตังค์ และรับจ้างต้มเต่ากับพวกขี้เหล้า และในที่สุดสังขารของท่านต้องมารับกรรมแทน ที่ท่านไปต้มเต่านั้น ก็ยังต้องมารับกรรมก่อนจะเป็นพระอรหันต์ฯ
    (อัันนี้ตามที่ผู้เขียนอ่านมาจากในหนังสือธรรมะของท่าน)

    ปล2. พี่ภูอย่าเพิ่งปิดกระทู้หนีนะคะ ถ้าทิวสงสัยแล้วทิวจะถามใครละค่ะเนี่ย ไหนจะธรรมะจัดหนักที่พี่ภูคอยพิมให้อ่านกันทุกวันอีก
    ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ! คุณคิดว่าผมจะใจร้ายขนาดนั้นเลยหรอ ก็แค่มากระทุ้งจิตผู้ที่ไปเรื่อยๆ เฉื่ยๆ แฉะๆ น่ะ อันนี้พี่ภูเข้าใจกันดีนะ ไม่ได้ว่า หรือตำหนิกันหรอก
    เพราะเราไม่ต้องไปนึกถึงใครกันหรอก ผมนึกถึงตนเอง
    (ผมเริ่มปฎิบัติธรรมอายุปาเลข4 แล้ว แล้วก็ลองกลับไปดูอายุของลูกหว้า น้องทิวลิปกันดูสิว่า เธออายุเท่าไหร่กัน แต่ทำไมมาสนใจเรื่องจิต เรื่องธรรมะ พี่ภูตอบได้คำเดียวว่า บุญพวกเธอมันเยอะ
    และปัจจุบันก็เป็นคดีอีก บุญชาติก่อน+บุญปัจจุบัน จึงส่งผลให้เธอมีกำลังใจมาก หรือบุญบารมีกัน ก็เลยอยากปฎิบัติธรรม หรือ อยากจะเรียนรู้เรื่องธรรมะกัน พวกเธอจึงเป็นทุกข์กันน้อยนิด เมื่อเปรียบความทุกข์ของพวกเธอ ไม่ได้เสี้ยวของพี่ภูหรอก เพราะเมื่อก่อนเป็นวัยรุ่น ไม่สนใจเรื่องบุญ คือขยันทำแต่ตรงข้ามกับบุญ ก็คิเอาเองนะ แต่เดี๋ยว พี่ภูหยุดทำบาปทั้งหมด แล้วหันมาสร้างแต่บุญอย่างเดียว จบ..)

    เมื่อก่อนยังไม่ได้เริ่มปฎิบัติ มีใครต่อมิใครแนะให้มาปฎิบัติธรรม ถือศีลก็ยังไม่ทำเลย
    และจนมาปฎิบัติหลังจากเห็นทุกข์ หรือเสวยทุกข์ แต่ผมไม่ยอมแพ้ แต่เราต้องมาเรียนรู้เรื่องทุกข์
    ก่อนเราจะเข้าใจทุกข์ เข้าใจธรรม เราจะต้องเข้าใจจิตของตนเองก่อน
    เพราะธรรมะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ธรรมะเป็นเรื่องของจิต ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะต้องเรียน
    เพราะเราเรียนได้แค่ทางโลก แต่ทางธรรมนั้น จิตจะต้องเป็นผู้เรียนรู้
    โดยเราจะต้องเริ่มต้นนการสร้างสติกันก่อน เราจึงไปเรียนรู้จิตของตนเองกันได้
    แค่นี้ก่อน ให้ครูเพ็ญมาตอบบ้าง เพราะท่านเป็นครูละเอียด ท่านจะตอบได้ดีกว่าผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤษภาคม 2012
  14. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    อันนี้เป็นเคสของตัวเอง เห็นแล้วอ๊ายอาย เคยจิตตกขนาดนี้เลยเหรอ พี่ภูเค้าเคยหยิบยกมากระทู้นี้หนนึงแล้ว ยังไงทิวก็ขอให้เคสนี้เป็นกรณีศึกษาของคนที่จิตตกสุดๆนะค่ะ ^^

    ไม่ต้องหนีเสียให้ยาก เพราะต่อไปนี้คนที่รอดก็คือจิตมีศีล มีธรรมะเท่านั้น
    วงเล็บเท่านั้น (เท่านั้น)
    ถ้ามีศีลอย่างเดียว แต่ไม่แนใจครบหรือเปล่า ก็ต้องรอลุ้นกันไปก่อน
    แต่ถ้าคนดีอยู่ที่ไหนแล้ว จะรอดเพราะจะมีบางสิ่ง บางอย่างนำพาให้ท่านรอดเอง

    และตอนนี้ไปทำบุญกันที่ไหน ก็ไม่ทันแล้ว หรือกรรมฐานกองอื่นก็ต้องลุ้นกันอีก เพราะขึ้นอยู่กับความเพียรของตนเองเท่านั้น

    แต่นาทีนี้ต้อง จิตเกาะพระ
    หรือทำบุญภายในสะดวกที่สุด

    อยากทราบไปอ่านต่อกระทู้
    จิตพร้อม? ภัยพิบัติ
    อย่าหาว่าโฆษณาเลยนะ เพราะผมสงสารและเมตตาจิตกันจริง
    นี่เหตุกาณ์ครั้งนี้แค่บอกว่าเตือนกันเฉยๆนะ ยังวุ่นว่ายกันขนาดนี้ แต่ถ้าวันจริงมาถึง แล้วจะหนีไปไหน ถนนหนทางก็มีเท่าเก่า มีแต่คร รถรากันมากมาย ลองนั่งหลับตาดู หนีกันทั้งที่จิตไปไหนกันก็ไม่รู้ เผลอจิตตนเองเสียไปก็ยังไม่รู้ตัวกันอีก
    เพพราะฉะนั้นต้องมาเตรียมจิตก่อน มีเวลาเหลือค่อยเตรียมอย่างอื่น
    เพราะอย่าลืมนะว่าเราเกิดมามีแต่ตัวเปล่า แล้วเจ้าตายไปแล้วจะเอาอะไรไปอีก

    แต่ถ้าจิตเราดี หรือจิตเรานิ่งสงบอย่างเดียว ถึงโลกจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม เราก็จะไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์
    เพราะความสุข ความทุกข์ก็อยู่ที่ใจของตนเอง เท่านั้น
    ขอเอาใจช่วยนะครับ<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ภูทยานฌาน2 : 12-04-2012 เมื่อ 01:18 PM
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    5555....
    ยังอุตส่าห์ไปเก็บตกให้มาอ่านกันอีก
    โมทนาสาธุกับเธอจริง
    และบุญที่พี่ภูมีอยู่นั้น ก็ขอให้ยกให้เธอทั้งหมดเลยนะ
    ขอให้เธอทำอะไรสำเร็จ รวยๆเฮ็ง ทั้งทางโลก และทางธรรมทั้งหมดทั้งปวง
    ขอให้มีแต่ความสุข สมหวังดั่งใจปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ...

    ปล.พี่ภูจำได้ว่า โพสต์จนพวกด่า เพราะพวกเขาเหล่านั้นกำลังมีอารมณ์หนีตายกัน แต่พวกเขาเหล่ากับมองไม่เห็นดวงจิตของตน
    คือจิตกำลังจะเข้าไปใกล้กับอบายภูมิกันอยู่แล้ว พี่ภูว่าจะไม่โพสตฺแล้วนะ เพราะรู้ตัวว่าตนเองนั้นจะต้องถูกด่าอย่าแน่นอน
    แต่ตั้งไม่ทราบว่าใครมาบอกว่า ช่วยเขาไป ส่วนใครรับได้ธรรมะได้ หรือไม่ได้ก็ปล่อยเขาไป
    นึกไปนึกมาก็ต้องโพสต์ แต่แล้วไม่นานก็โดนพรรคพวกที่กำลังติดตามอ่านของอ.อัญญสิทธิ์อยู่
    แต่ผมก็ได้พวกนี้แหล่ะ! เป็นครูของผมอย่างดี เพราะพวกนี้เขาช่วยมาเรียกนายอัตตา นายมานะ ว่ายังอยู่ที่จิตของผมอยู่ไหม๊ และยังไมีตัวตน ยังรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือยังมีความโกรธอยู่ไหม๊
    อันนี้ผมก็ถือว่า กำไร
    เพราะจิตของผมเกาะแต่ฝ่ายบุญ อะไรที่ตรงข้ามกับฝ่ายบุญผมไม่สนใจ
    ไม่เก็บมาคิดเลย เพราะจิตผมมันเลิกผลิตหัวเชื้อไฟแล้ว ติดยาก
    หรือจิตมันเหลือดวงเดียวแล้ว จิตดวงนี้มันไม่ผลิตใจ หรือเจตสิก หรืออาการ อารมณ์ของจิต ที่จะทำให้เกิดความคิด ความปรุงแต่ง ความฟุ้งซ่าน
    และทำให้เกิดความทุกข์ใจของเรามาในที่สุด

    เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถไปเปลี่ยนบุคคลอื่นๆได้ แต่เราเปลี่ยนจิต เปลี่ยนใจของตนเองได้เพียงอย่างเดียว เท่านั้น

    สำหรับผู้ที่กำลังไปโทษกับคนอื่นๆอยู่นั้นว่า มาทำให้เราเป็นทุกข์ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ อันนี้ผมขอตอบว่า ไม่จริงเลยนะครับ
    เราต่างหากที่ทำให้เราเป็นทุกข์เอง (จุดตรงนี้เองที่เจ้ากรรมนายเวรจะเข้ามาถึงเรากัน)
    เพราะเราจะไม่มีทางรู้ได้ว่า ทำไมจึงตอบเช่นนี้
    เพราะถ้าท่านนำจิตให้นิ่งกัน เมื่อไหร่แล้ว ท่านก็จะทราบเองกันทั้งหมด
    ตราบในในเมื่อจิตคุณไม่นิ่ง ท่านก็จะไม่มีทางรู้ความจริงนี้ไปได้
    เหมือนคนที่จิตไม่นิ่งไปอ่านธรรมะ และธรรมะนั้นจะกลาย ดูไม่มีค่า
    แต่ถ้าเมื่อจิตคนนิ่ง ไปอ่านธรรมะ และธรรมะจะกลายเป็นของมีค่าสำหรับตนเองขึ้นมาทันที
    เหมือนดั่งงน้อง ทิวลิป คนนี้ฯ


    ทำไม? เธอไม่นำกระทู้ที่คนเขาด่าพี่ภูมาด้วยเล่า เห่อๆ
    แต่ก็ขอบใจเธอมากๆ กับให้บุญเธอเยอะๆกลับไป
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เผื่อมีผู้ที่ชอบแนวนี้

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=h9jS7e_2pj8&feature=endscreen]พระโอวาท เพลง กู้ญาณคืนผิงซัน - YouTube[/ame]​
     
  17. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะพี่ภู ถ้าพี่เพ็ญ พี่ดัชนีว่างก็ช่วยตอบทิวด้วยนะคะ ขออนุโมทนาด้วยนะคะ^^

    อ๋อค่ะพี่ภู มากระทุ้งทิวด้วยนะสิ ไม่ค่อยได้ส่งการบ้าน มัวแต่กิน นอน เล่น อ่านธรรมะ อย่างเดียว เมื่อวานเลยตื่นตัวนิดนึง ลองทำการบ้าน(ทางจิต)ดู ปรากฏว่าทำได้แปปเดียวประมาณห้านาที ไม่รู้เพราะว่าศีลเราพร่องด้วยรึปล่าว พอดีวันนี้คุณพ่อพาไปซื้อไฟฉายที่ร้านขายของก็อบของหนีภาษีที่ตลาดมา(ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าคุณพ่อจะพามาซื้อที่นี่ ตอนคุณพ่อบอกนี่แอบอึ้งเล็กน้อย) แถมสนับสนุนให้พ่อซื้อหูฟังหนีภาษีอีกต่างหาก ตอนเค้าไปในร้านพอ่ถามว่า"เอาอะไรเพิ่มไหมลูก" ในใจนี่กลัวจะผิดศีลมาก รอบตัวมีแต่ของก็อปของหนีภาษีทั้งนั้น(ของแท้ ไม่แน่ใจว่ามีกะเค้าบ้างไหม) กลัวศีลหลุดมาก ได้แต่ดูๆไปเฉย แต่ก็ตอบคุณพ่อไปว่า"ไม่เอาแล้วค่ะ ป๊า"
    ปล.ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากซื้อหรอกค่ะ แต่พอดีโดนแม่ยึดไฟฉายเอาไปช้เองซะแล้ว คุณพ่อเลยตัดสินใจซื้อใหม่ให้หน่ะค่ะ



    โอ้โห! นี่แสดงว่าทิวมีบุญเก่าช่วยด้วยเหรอนี่ อนุโมทนาให้ตัวเองและทุกคน ฮ่าๆ แต่ที่ทิวถามไปเนี่ย เพราะคิดว่าตัวเองก็มีกรรม(ชั่ว)ด้วย ทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา เจ้ากรรม(นายเวร)ก็มีเยอะด้วย ในที่นี้หมายถึงคนที่ต้องมาร่วมกรรมในชาตินี้นะคะ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน โดนเพื่อนแกล้งตลอด(แกล้งแบบแกล้งจริงๆนะคะ ไม่ใช่หยอกเล่นกัน ไม่รู้เค้าจะโกรธอะไรเรานักหนา) ตั้งแต่เล็กแล้ว ไหนจะคุณแม่ท่านอีก(ท่านนี้ไม่ขอลงรายละเอียดมากนะค่ะ) มีปัญหากะท่านตลอด ตั้งแต่เล็กจนตอนนี้ ไม่ค่อยได้พูดดีกันเท่าไหร่เลย ท่านร้อนตลอดเวลา นานๆทีจะเห็นว่าอารมณ์ดี โทสะที่วางไม่ได้ก็เรื่องนี้นี่แหละค่ะ(โดนมาเยอะมาก และแรงมาก บางคนอาจคาดไม่ถึงนะค่ะ)
    แต่โชคดีที่มีคุณพ่อคอยเตือนคอยปลอบเราตลอด คุณพ่อท่านนี่ปลงเรื่องคุณแม่ไปแล้วค่ะ มีแค่ทิวกะน้องชายเท่านั้นที่ยังปลงไม่ได้ แต่ตอนนี้ทิวก็เหมือนหลุดไปได้ระยะนึงแล้วล่ะค่ะ (หนีไปเรียนในกรุง ฮ่าๆ) ส่วนน้องนี่โดนเต็มๆค่ะ เพราะอยู่กับคุณแม่กันสองคน(คุณพ่อนี่ก็หนีเหมือนกัน พยายามไม่ปะหน้ากะคุณแม่ เพราะเดียวเค้าร้อนขึ้นมา น้องจะซวย) อีกอย่างแม่เค้าเป็นคนไม่มองโลกในแง่ดีด้วย ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
    ในใจทิวก็สงสารคุณแม่นะค่ะ ชีวิตท่านไม่มีความสุขเท่าไหร่เลยตั้งแต่เด็กๆแล้วT^T อยากจะทำให้ท่านมีความสุขบ้าง แต่ท่านก็มองไม่เห็นมันเลย คงไม่มีใครทำให้ท่านมีความสุขได้นอกจากตัวท่านเองคิดเองแล้วล่ะค่ะ ทุกวันนี้ได้แต่แผ่เมตตา ส่งบุญให้ท่าน เผื่อท่านจะมีชีวิตที่ดีขึ้นนะคะ(อยากขออโหสิท่านมาก แต่ยังคิดว่ายังไม่ควรทำตอนนี้ เพราะยังไงท่านก็คงไม่ยอมง่ายๆแน่) ขนาดแม่เห็นรูปพระที่เราติดในห้องตัวเองแล้วถามว่า ..."ติดทำไม เดี๋ยวตู้งพัง" เรายังตอบเบี่ยงประเด็นไปที่เทปนิตโต้เลย(เทปนี้มันไม่เหนียวค่ะ สามารถใช้ติดกระดาษชั่วคราวได้) ไม่กล้าตอบตรงๆว่า-เราฝึกจิตหนีท่านอยู่-
    กลัวท่านจะเข้าใจผิดเอา เลยตัดสินใจให้ท่านเข้าใจเองว่า เราติดเพราะเรากลัวผี(ท่าถามมาอีกทีค่ะ ว่า"ผีหลอกรึไง" อันนี้แอบฮาค่ะ ฮ่าๆ)

    ไหนว่าจะไม่ลงรายละเอียดไง ล่อมาซะยาว แหะๆ ขออภัยด้วยนะค่ะที่(เจตนา)มาบ่นให้ฟัง แหะๆ==! (ชักเกรียนขึ้นทุกวัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2012
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เมื่อจิตคนเรายกได้กันแล้ว ภัยพิบัติจะกลายเป็นเหมือนดั่งเม็ดทรายในทะเลไปทันที

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=uTG_bvM_CfY&feature=related]น้ำตาร่วงจากธรรมอัศจรรย์ - YouTube[/ame]​
     
  19. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    ขออนุโมทนาค่ะพี่ภู และขอน้อมรับบุญด้วยนะคะ (พออ่านข้อความพี่ภูจบปุ๊ป รู้สึกว่าแน่นหน้าออกทันที พี่ภูให้มาเยอะจังฮ่าๆ น้องหนักเลยทีเดียว ฮ่าๆ)ส่วนผลบุญที่ได้นั้นได้เผื่อแผ่ไปให้คนในครอบครัวแล้วค่ะ ฮ่าๆ เน้นหนักที่คุณแม่อย่างที่เคยพูดในโพสก่อนหน้า เพื่อปาฏิหารมีจริง คุณแม่หนูใจดีขึ้นมา วะฮะฮ่าๆๆๆ(บ้าไปแล้ว นั่งยิ้มอยู่ได้ อิอิ:cool:)


    ขอรับบุญอีกที ฮ่าๆ (พิมไป ยิ้มไป หัวเราะไป ชักใกล้จะบ้า ฮ่าๆ) ทิวบอกแล้วว่าจะเอาบทความธรรมะมา ไอ้ที่โต้ตอบกะคนที่เค้ามาว่านั้นทิวไม่เอา (ใครอยากรู้ตามไปอ่านเองนะคะ) แล้วอีกอย่าง ต่างคนต่างความคิด เค้าไม่เข้าใจเราก็ช่างเค้าเหอะคะ มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆกันดีกว่า แต่แนะนำให้ไปเน้นอ่านที่พี่ภู พี่วิทย์ พี่newwave1959 เค้าโต้ตอบกัน ไหนจะคนอื่นๆที่โพสตอบดีๆกลับมา^^(ส่วนที่ขัดแย้งกันนั้น โปรดใช้วิจรณญาณในการอ่านนะคะ^^)
     
  20. pleแบม

    pleแบม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    602
    ค่าพลัง:
    +1,427
    ขอโมทนากับสิ่งดีๆ ที่ท่านภูทำค่ะ คนหมื่นคนช่วยยกจิตคน ได้ หนึ่ง คน ก็ถือว่าคุ้มค่ะ
    ทำสิ่งที่ิยิ่งใหญ่ บทเรียนสำหรับจิตที่โดนกระัทบ ก็ยิ่งเยอะค่ะ ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจ
    ของทุกท่านที่มุ่งช่วยเหลือค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...