จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    [​IMG]



    [​IMG]

    รอยพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หนึ่งเดียวในเมืองไทย
    ที่ค่ายพญาเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย​


    หลวงพ่อบอกว่าถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลาพุทธภูมิ
    ก็จะสำเร็จอรหันต์ได้ทันที เพราะบารมีสาวกภูมิ เต็มนานแล้ว
    (พระเจ้าอยู่หัวทรงลำบากเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ ขอพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน)

    ในหลวง :"เขาพูดกันว่า ผมปรารถนาพุทธภูมิ เป็นความจริงไหมครับ"
    หลวงพ่อ : "เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานานแล้ว
    แต่เวลานี้บารมีก็เป็นปรมัตถบารมีแล้ว เหลือเพียง 5 ชาติ ก็จบกิจ"

    ในหลวง : "ต้อง 5 ชาติหรือ ผมนึกว่าชาติเดียวนี้ก็เต็มทีแล้ว
    นะครับ ชาตินี้ชาติเดียวก็เต็มที"
    หลวงพ่อ : "ที่พระองค์ปฏิบัติมานี่มันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธ
    ภูมินี่ต้องบำเพ็ญบารมีกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเป็นวิริยาธิกะ
    ต้องบำเพ็ญถึง 16 อสงไขยแสนกัปป์ พระองค์บำเพ็ญมาแล้ว 16
    อสงไขย ยังขาดอีกแสนกัปป์ จึงต้องเกิดอีก 5 ชาติ พระองค์บำเพ็ญ
    มาตั้ง 16 อสงไขยแล้ว ถ้าจะเป็นอรหันต์ชาตินี้ก็ควรจะได้ ถ้ากลับ"
    (ถ้าลาพุทธภูมิ)

    ในหลวง : "โลกนี้มันเต็มไปด้วยความเบื่อ แต่ทำ
    ไปนี่ทำไปด้วยความเมตตา"

    พระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่ง ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
    เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐ พระบาทสมเด็จพระ
    เจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉาธรรมกับพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    เครดิตภาพ พระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2014
  2. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]
     
  3. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]
     
  4. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]

    ขอฝากไว้สำหรับเพื่อนๆกัลยาณมิตร กัลยาณธรรมทั้งหลายที่มีเป้าหมายเบื้องหน้าที่ชัดเจน คือ พระนิพพาน ในบางครั้งการที่เราปฏิบัติไป ๆ เผลอคิดไปว่าตัวเองมีดีพอที่จะไม่ลงนรก....ไม่หรอก...เพราะเรายังไม่เคยเจอบททดสอบที่มหาโหดต่างหาก...เจอเมื่อไรแล้วรู้เองไม่ต้องให้ใครมาบอกเหมือนที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนเอาไว้จริงๆ...ก็เป็นธรรมดา...
    ตราบใดที่ยังก้าวไม่ถึงความเป็นอริยะความบ้ามันก็ต้องเกินร้อย...
    พระโสดาคือด่านแรกของความเป็นอริยะท่านเองพึ่งหมดความบ้าไปแค่ 30%...เหลือความบ้าอีก70%แต่...ปิดนรกเป็นการถาวรแล้ว...
    พระสกิทาคา...ท่านก็เหมือนพระโสดาเพียงแต่เบากว่าใน โลภ โกรธ หลง...พระอนาคาท่านหมดความบ้าไป 50%...
    ดีขนาดนี้ยังเหลือความบ้าอีกตั้ง 50%...คิดดู...มีเพียงพระอรหันต์เท่านั้นที่หมดแล้วในสิ่งทั้งปวง....

    ปฏิบัติไป ใจนิ่งเพลิน เดินตามมรรค
    ได้สักพัก คิดดู ว่ากูแน่
    สบายแล้ว นรกปิด จิตเล็งแล
    ไม่เกิดแน่ อีกเจ็ดชาติ ลาขาดกัน

    เจอของจริง ในวันหนึ่ง บททดสอบ
    ถึงกับหมอบ ออกอาการ ต้านไม่ไหว
    นี่หรือหว่า พระโสดา ในหัวใจ
    ยังห่างไกล หลายปีแสง ไม่แครงครา

    ไอ้ที่นิ่ง มานาน พาลระเบิด
    รู้ไว้เถิด ไม่ดีพอ รอแก้ไข
    เมื่อรู้แล้ว นี่แหละบท ทดสอบใจ
    ควรจำไว้ นำมาคิด พินิจดู

    แค่เบาะๆ เข้าปากทาง อริยะ
    ยังโดนซะ ล้มคว่ำ ขมำหงาย
    ถ้ายิ่งสูง คิดเอาเอง ตามสบาย
    ตายแลกตาย ไม่ไกลเกิน ประเมินคำ

    คิดอีกที แสนโชคดี เจอข้อสอบ
    พอได้ตอบ จึงรู้ค่า ว่าไม่ใช่
    ดีกว่ามั่ว คิดเอา เผาหัวใจ
    ขอฝากไว้ สติมา ปัญญามี


    Cr FB : ข้าแห่งพระรัตนตรัย ในทุกภพชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2014
  5. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ผู้จักไปพระนิพพานในชาตินี้ ย่อมถูกกรรมเก่าทวงเป็นธรรมดา

    เรื่องที่ประสบเคราะห์กรรมให้เสียทรัพย์สินบ่อยๆ แม้กระทั่งมีปัญหาทางครอบครัว
    ก็เป็นผลจากกฎของกรรมในอดีตทั้งสิ้น
    เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าบุคคลใดที่ต้องการจักไปพระนิพพานในชาตินี้ บรรดาเจ้าหนี้เก่าๆ ก็จักตามทวงตามเล่นงานอย่างไม่ลดละ
    เพื่อทดสอบกำลังของจิตว่า จักทนทานกับการเล่นงานอย่างนี้ได้สักแค่ไหน

    ถ้าวางอารมณ์ลงตัวกฎของกรรมเป็นธรรมดาไม่ได้ บุคคลผู้นั้น ก็จักพ่ายแพ้แก่การต่อสู้กับอุปสรรค
    ที่กฎของกรรมส่งผลอย่างสิ้นเชิง
    อารมณ์ที่จักละกิเลสไปพระนิพพาน ก็จักคลายความเข้มแข็งลง
    นี่ต้องให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาของบุคคลที่จักเข้าพระนิพพาน

    แต่ถ้าบุคคลนั้นพ่ายแพ้บ้าง แต่ไม่ยอมท้อถอยต่อสู้กับอุปสรรค คือยอมรับในกฎของกรรมโดยดุษฎี
    จิตก็จักไม่ดิ้นรนมาก ชดใช้กฎของกรรมไปโดยดี ไม่ช้าไม่นานกฎของกรรมก็จักคลายตัวไป ...
    ถ้าเราไม่เคยทำ กรรมเหล่านี้จักถึงเราไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น พึงพิจารณากฎของกรรมให้รอบคอบ
    นี่เป็นเพียงเศษของกรรมเท่านั้นนะ กรรมใหญ่ๆ ได้รับการผ่อนหนักให้เป็นเบาก็มากแล้ว


    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่9
    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2014
  6. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ธรรมะประจำทุกๆวัน

    "หลวงพ่อชา

    "ความอาย"

    เมืองนี้ยังไม่เคยมีพระบิณฑบาตเลย

    เพราะเขามีความ "อาย" กันเป็นส่วนมาก

    แต่ตรงกันข้ามกับเรา

    เราเห็นว่า คำว่า "อาย" นี้

    เราเห็นว่า "อายต่อบาป"

    "อายต่อการทำความผิดเท่านั้น...

    ...น้อมกราบพระธรรมของหลวงปู่ชาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ.....
     
  8. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ธรรมที่การคงนั้นล้วนแต่เป็นหนทางออกจากทุกข์

    ในวัฏฏะสงสารทั้งนั้น เพราะทุกคนคงรู้ตัวดีว่า

    ชีวิตนี้ตกอยู่ในห้วงแห่งกองทุกข์ นา ๆ ประการ

    ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

    แล้วไม่มีทางจะพ้นทุกข์ได้.....

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ น้อมกราบพระธรรมเจ้าค่ะสาธุ.
     
  9. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    เตรียม...จิตพร้อมฯ รับภัย... ?

    ช่วงนี้ฯ เป็นช่วงอันตราย
    เพราะ เป็นช่วงที่มีพลังงานลบมาก
    พลังบวกจะไปรวมกับพลังบวก พลังงานลบจะไปรวมกับพลังงานลบ

    คนที่มีพลังงานบวกน้อยเกินไป ก็มักจะถูกพลังงานลบดึงไปได้ง่าย
    เพราะฉะนั้น พยายามสร้างพลังงานบวกให้กับตนเองมาก
    พลังงานบวก ส่วนใหญ่จะพบมากที่สุดก็คือ พระอริยสงฆ์
    หรือผู้ที่ทรงสมาธิเข้ม หรือผู้ที่ทำจิตนิ่งสงบมากๆนานๆจนชิน

    สมาธิจิตนี่แหล่ะ คือที่พักจิตชั่วคราว ผลก็คือมีกำลังใจมาก
    เมื่อจิตได้พักผ่อน เสมือนกายหยาบนอนพักผ่อน เพื่อจะมีเรี่ยวแรงต่อสู้ในวันต่อๆไป
    ผู้ที่ไม่รู้จักวิธีนำจิตพักผ่อน ก็เหมือนคนนอนน้อย พักผ่อนน้อย ไม่สดชื่น เบิกบาน นั่นเอง
    เมื่อฝึกจิตให้เข้มแข็งอยู่เสมอ เสมือนสร้างภูมิต้านทานให้กับจิต เมื่อมีสิ่งกระทบ จิตจึงไม่สะเทือน
    เมื่อจิตไม่สะเทือน เราก็จะรู้สึกว่าเฉยๆ

    เพราะฉะนั้น นักภาวนา อย่าไปหลงเอากันแค่สมาธิหรือฌานเท่านั้น
    แต่จงใช้สมาธิหรือฌานไปในเชิงวิปัสสนา คือวิปัสสนาธรรมให้ขาด
    อย่านำจิตไปอยู่แต่ สมาธิหรือฌาน เพราะยังเป็นโลกียะ ยังไม่พ้นวิสัยโลก
    จะต้องนำจิตเข้าสู่แดนโลกุตระ จึงจะพ้นวิสัยโลก คือนำจิตอยู่เหนือโลก
    จิตเหนือโลก จึงหมายถึง เหนือหรือออกมาจากขันธ์๕ของตนเองได้แล้ว
    ในเมื่อจิตไม่หลงอย่างอื่น คือจิตแยกออกมาจากร่างกายแล้ว
    ท้ายที่สุด จิตก็ต้องออกมาจากจิตของตนเอง
    จิตออกจากจิต ทำยังไงหรอ ก็กำหนดรู้ว่า ในขณะที่เรารู้ๆๆอะไรอยู่นั้น เราวางมันลงได้ไหม
    สักแต่รู้เฉยๆทำกันได้ไหม นั่นแหล่ะ ธรรมที่กล่าวมานี้ ทุกคนรู้ แต่ทำไม ละยาก
    เพราะเหตุใด ก็เหมือนตนรู้ธรรม แต่ไม่สามารถบอกคนอื่นให้รู้ธรรมตามเราได้ นั่นแหล่ะ
    เพราะถึงบอกไปก็ไม่เชื่อ ก็ไม่รู้อยู่ดี มีทางเดียว ต้องนำจิตมาเดินเอง มารู้เอง มาเห็นเอง

    การสร้างพลังงานบวกแบบง่ายที่สุด
    เช่น อ่านธรรมะ ฟังเทศน์ฟังธรรม สวดมนต์ไหว้พระ ทำภาวนา ทรงเอกัคคตารมณ์ เป็นต้น
    การที่จะได้มาซึ่ง พลังงานบวก หรือกำลังใจนั้น เราจะต้องสร้างเหตุปัจจัยกันขึ้นมาเอง
    ไม่มีสิ่งใด ได้มาโดยง่าย อยู่ดีๆจิตจะเป็นวิมุติกันได้ไหม นิพพานมันวิ่งมาหาจิตเราไหม
    ลองถามกันดูนะ โดยเฉพาะ ผู้ปรารถนา พระนิพพาน
    ถ้าอารมณ์จิต อารมณ์ใจของเรายังไม่เสถียรแบบนี้ จิตเราจะมีพลัง มีกำลังใจไปถึงนิพพานกันไหม
    จิตผู้ที่ไปพระนิพพาน ขอให้ดูตัวอย่างเช่น หลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ หรือพระอรหันต์เหล่านั้น
    เป็นต้น แล้วลองมาหันดูจิตของเราสิ ว่าเราทำได้ครึ่งกับพระอริยเจ้าเหล่านั้นกันไหม

    ผู้ที่มีพลังจิตน้อย เสมือนคนที่ไม่แข็งแรง ก็มักจะถูกฝ่ายตรงข้ามรังแกได้ง่าย นั่นเอง
    พยายามนำจิตอยู่กับธรรม เพราะธรรมเป็นของเย็น เพราะฉะนั้น ก็อย่าประมาทกันนะจร้าา....

    ภูทยานฌาน
     
  10. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    ขอบพระคุณข้อคิดและธรรมที่เป็นพลังในยามเหนื่อยกายและจิตได้อย่างมากเลยค่ะ สาธุค่ะ
     
  11. บุญ+ทา

    บุญ+ทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +664
    ขอบคุณค่ะสำหรับคำสอนปฏิบัติธรรม ได้ความรู้มากขึ้นเยอะเลย จะพยายามปฏิบัติต่อไปค่ะ แม้ว่าจิตจะไม่อัตโนมัติ ขออนุโมทนาบุญ
     
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  13. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    ;aa37 ยินดีต้อนรับค่ะ คุณบุญนิพพาน ...
    เหนื่อยนัก ก้อแวะ มาพักที่นี่ พักจิต เติมใจ ด้วยพลังบวก++++...
    มากมายได้ที่นี่ค่ะ ...อ่านแล้วรับพลังบวกไปแล้ว อย่าหยุดแค่นั้นนะคะ ...
    นำไปปฏิบัติให้เกิดผล..แล้วสิ่งที่อ่านไปได้รับไปจะเปลี่ยนจาก สัญญา
    หน่วยความจำในสมอง ...มาเป็นทรัพย์ที่ติด จิต คุุณไปตราบนานเท่านาน
    เป็นอริยทรัพย์ ให้กับ จิต คุณเอง ต้องนำจิต มาปฏิบัติมาเดินมรรคเท่านั้น...
    เมื่อจิต พบ ธรรม แล้ว ต่อไป จิต ก้อจะพบ พระพุทธเจ้า ค่ะ ...
    ท่านรอลูกหลานอยู่ที่ พระนิพพาน นานแล้ว เฝ้ารอดูว่า...
    เมื่อไหร่หนอ ที่ลูกหลาน จะเอาจริงปฏิบัติจริงเสียที ...
    ปฏิบัติให้ตรงทาง ปฏิบัติให้ถึงจน จิตของลูกหลาน อยู่ในข่ายพระญาน ของพระองค์เมื่อนั้นแหละ ...

    คำว่า พระนิพพาน ไม่ไกลเกินเอื่้อม ...

    ชอบชื่อคุณจัง Boonnippan .....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2014
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    เป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณบุญทา ...
    กว่าที่จิตจะเป็น อัตโนมัติ นั้น ...ต้องมีความเพียร ความถี่ ในการฝึกจิตอยู่เป็นนิจ
    เราปล่อยจิต ให้ไหลไปตาม แรงของกิเลส ตัณหา อุปาทาน และ อกุศลกรรม มานาน
    เรามาฝึกเขา(จิต) ก็ย่อมต้องใช้ ทั้งศาสตร์ และ ศิลป์ ...
    ที่นี่ ใช้ วิชาของพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องมือฝึก จิต ฝึก สติ ...
    อย่างดีเยี่ยม ลัด สั้น ตัด ตรง พระนิพพาน เลยทีเดียว

    *-*-*-*-*-*-*-*-
    ระหว่างทางของผู้ปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้เรียบง่าย ปูทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ
    แน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่ปรารถนาพระนิพพานด้วยแล้ว ต้องมีกำลังใจ
    ที่แน่วแน่ เด็ดเดี่ยวมาก ...
    เพราะเรากำลังหาทางออกจากวัฏฏะสงสารอันน่าสพรึงกลัวนี้
    เรากำลังเดินตาม พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย
    ที่ท่านพ้นออกจากวัฏฏะนี้แล้ว ...
    กว่าที่พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสรู้ ค้นพบทางออก
    ค้นพบโมกขธรรม (คือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น) ไปพระนิพพาน
    พระองค์ท่านต้องแลกมา ด้วยชีวิต เลือดและเนื้อ เลยที่เดียว
    ท่านต้องทรงบำเพ็ญบารมี มายาวนาน ถึง 30 ทัศ
    นับตั้งแต่ปรารถนาพระโพธิญาน ตาย เกิด เกิด ตาย มาไม่รู้เท่าไหร่ ...
    ในดวงจิตของพระองค์นั้นปรารถนา ที่จะยกรื้อขน คน สัตว์
    ให้ออกจากวัฏฏะสงสาร ตัดวงจร การ เวียน ว่าย ตาย เกิด นี่เสีย ...
    แล้วพวกเราล่ะ รับพระธรรมคำสอนของพระองค์ท่านมาปฏิบัติ
    ได้เห็นคุณค่าของพระธรรมที่พระองค์ท่านค้นพบ มากพอมั้ย
    ว่าท่านทรงประทานความรู้นี้ให้เรา แล้วเรารับมาแล้ว ทำจริงๆกันหรือเปล่า

    หรือว่าทำไปอย่างนั้นเอง เราเทิดทูนบูชา คุณของพระธรรมคำสอนนี้
    มากน้อยเพียงไร ลองถามใจตนเองดู...
    เข้าให้ถึงซึ่งคุณของพระรัตนตรัย ให้จริงๆ ด้วยศรัทธาที่แท้จริง
    เหมือน เหล่าพระอริยะ ทั้งหลาย ที่ท่านเข้าถึงแล้ว
    การปฏิบัติธรรม จึงจะบังเกิดผล ...

    เราเกิดมาชาตินี้แล้ว พบแล้วพระธรรมคำสอนของพระองค์
    เราควรจะรีบปฏิบัติตามท่านให้เกิดผล
    เมื่อนั้นแหละ เราจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ตามพระองค์ท่าน ตาม ครูบาอาจารย์ของเรา
    ไปกันเถอะค่ะ อย่าอาลัยอาวรณ์กับชีวิตมนุษย์
    บนโลกนี้ที่มีแต่ความเร่าร้อน วุ่นวายมีแต่ความทุกข์ ไม่จบไม่สิ้น
    พอเสียทีเถอะ หลงเกิดมาเพื่อตามหา ความสุข วิ่งหนีทุกข์ กันทั้งนั้น
    แต่สุดท้ายของชีวิต ก็ไม่พ้น ไม่ได้อะไรเลย มีแต่ พังสลายไปหมด อนัตตา ...
    เพราะนี่มันเป็นกฏของโลก เขา เราต่างหาก ที่โง่ มาเกิดเอง...

    เราเป็นผู้เดินตามท่าน เราก็ต้องมีกำลังใจ ที่เด็ดเดี่ยว เข็มแข็ง
    มีความเพียรต่อการปฏิบัติ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท่าน
    เพื่อจะได้พบกับ ดินแดนที่เรา จะอยู่ได้อย่างบรมสุข
    แบบไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป ...
     
  15. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    ขอบคุณมากค่ะคุณNatcha รู้สึกอบอุ่นกับข้อความของคุณอย่างบอกไม่ถูก ดิฉันเข้ามาอ่านกระทู้นั้ราวๆหน้า1-10 ซ้ำ้้ไปซ้ำ้มาแล้วปฎิบัติตามเงียบๆ (รู้จักกระทู้นี้จากคุณtherdที่แนะนำกระทู้นี้ในกระทู้พระยามัจจุราขของท่านtjs) ดิฉันพกรูปของสมเด็จองค์ปฐม (ปางเดียวกับรูปของคุณ)และหลวงพ่อในคำสอนที่สอนให้เทวดาและมนุษย์มุ่งนิพพานติดกระเป๋า เหนื่อยเมื่อไรก็เอารูปท่านมากราบขอกำลังใจค่ะ ถ้าทำงานหน้าจอคอม ก็จะเปิดเวปนี้อ่านไปทำงานไปด้วย ดิฉันหัดทำสมาธิจากการอ่านเวปนี้และหนังสือบางเล่มเท่าที่มีเวลาจากงานปกติค่ะ จะเพียรพยายามปฏิบัติต่อไปค่ะ อยาก "กลับบ้าน" ค่ะคุณNatcha
    ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "โอวาทธรรมของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนไว้

    เอาอย่างนี้นะ ทุกวันถ้าเวลาของเรามีน้อย ก็ใช้เวลาก่อนจะหลัยเมื่อศีรษะ

    ถึงหมอน นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ นี่สำหรับท่านที่ไม่ได้มโนมยิทธินะ

    พวกที่ได้มโนมยิทธินี่เขาได้กำไรมากนึกถึงนึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เขาชอบ

    แล้วคิดว่าองค์นี้คือพระพุทธเจ้าแล้วก็ภาวนาว่า พุทโธหายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึก

    ว่า โธ สัก ๒-๓ ครั้งก็ได้ตามความพอใจ มากก็ได้น้อยก็ได้แล้วหลับไป พอตื่นขึ้นมาใหม่ๆ

    ก็นึกถึง...พระพุทธรูปองค์นั้นอีก แล้วก็ภาวนาว่าพุทโธ อีก ทำอย่างนี้ทุกๆวัน จนกระทั่ง

    ถึงวันไหนถ้าเราไม่มีโอกาสจะทำ วันนั้นรำคาญต้องทำ วิธีทำก็ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธิก็ได้

    กลางวันทั้งวันเราเหนื่อยยากในการทำงานมากก็นอน เวลาจะนอนก็กราบหมอนสัก ๓ ครั้ง

    นึกถึงเรากราบพระพุทธเจ้า กราบพระธรรม กราบพระอริยสงส์ หลังจากนั้นเมื่อหัวถึงหมอน

    ก็นอนภาวนาพุทโธ ทำอย่างนี้เพียงแค่ ๒-๓ครั้ง แล้วก็หลับ แล้วตื่นขึ้นมาใหม่เอาอีก

    เอาแบบนี้ จนกระทั่งมีอาการชิน วันไหนถ้าไม่ได้ภาวนาพุทโธ วันนั้นรำคาญ ไม่สบายใจ

    ไม่ได้ต้องภาวนา อย่างนี้ถือว่าทรงฌานใน พุทธานุสสติกรรมฐาน แล้วถึงแม้ศีลมันจะขาด

    มันจะบกพร่องบ้าง ถึงอย่างไรก็ตาม ตายแล้วต้องไปสวรรค์แน่นอน เอาแค่สวรรค์ก่อนนะ.

    ...ที่มา คัดจากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อ เล่ม ๔. หน้า ๑๓.พุทธานุสสติ...

    ...น้อมกราบพระธรรมเจ้าค่ะท่านพ่อ และกราบน้อมรับเพื่อปฏิบัติตามเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2014
  17. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    กฏของโลก
    กฏของธรรมดา หรือ กฏไตรลักษณ์ ...
    สิ้นสุดปลายทาง ที่ อนัตตา...



    [​IMG]

    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    วิธีคิดแบบรวบรัดเพื่อตัดตรงไปพระนิพพานได้ง่ายที่สุด...

    " เจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้ ...จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย
    ทรัพย์สิน ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลน ไม่มี
    แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด
    เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ แม้สิ้นภาระคือ ร่างกายพังแล้ว
    เราจะไป นิ พ พ า น

    เมื่อความป่วยไข้ปรากฏ จงดีใจว่า วาระที่เราจะมีโอกาส
    เข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว
    คิดไว้อย่างนี้ ทุกวัน จิตจะชิน จะเห็นเหตุผล
    เมื่อจะตายอารมณ์ จะสบาย แล้วก็จะเข้านิพพานได้ทัน "

    (คิด 2 เวลาสำคัญ คือ ก่อนหลับ และ ตื่นใหม่ )
     
  18. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    ความพลัดพราก

    คนเราเมื่อพบกันแล้ว ต้องจากกันแน่นอน
    แต่จะจากเป็นหรือจากตายเท่านั้นเอง
    ใครจะไปก่อน ไม่มีใครรู้ได้ เตรียมจิตพร้อมกันซะ วันนี้
    รักษากายใจของตนให้ดี อย่าทรมานกาย อย่าทำจิตตนเองเศร้าหมอง
    คนส่วนใหญ่มักเอาความสุขของตนไปฝากไว้กับผู้อื่น สิ่งอื่น
    จงเตรียมใจกันไว้เนิ่นๆเลย พบแน่ๆ คำว่า ทุกข์ มันมาเยือนเราแน่ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

    เมื่อพบกันแล้ว ทำใจไว้ล่วงหน้าได้เลย ว่า...
    ไม่ฉันหรือเธอ ต้องจาก ต้องพลัดพรากจากกันแน่นอน
    นี่คือ กฎธรรมชาติ
    ผู้ใดยอมรับก็ดีไป รอดไป ไม่ทุกข์ร้อน
    พระท่านบอกมาว่า กิเลสเป็นของร้อน
    ถ้าอยู่กับใครมาก ผู้นั้นย่อมรู้สึกร้อน ย่อมเป็นทุกข์ เป็นธรรมดา
    คนเห็นทุกข์ ถ้าไม่รู้เท่าทัน เห็นมีแต่จะทุกข์เท่านั้นเอง
    คนที่เห็นทุกข์ มีสติปัญญา ย่อมรู้เท่าทัน ทุกข์ก็จะน้อยและสั้น ลงไปที่สุด
    ถ้าคนมีญาณ เลิกกัน คำว่า ทุกข์ คำว่า สิ้นภพสิ้นชาติขาดกันแน่นอน
    ความสุขที่แท้จริงก็คือ วาง ปล่อยวาง คือจิตไม่เอาอะไรโน้นแหล่ะ
    ทุกคนรู้หมดนะว่า ทุกสรรพสิ่งเป็นสมมุติแทบทั้งสิ้น ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง

    การปฎิบัติ การละปล่อยวางกันได้นั้น จะต้องนำจิตมาเดินมรรคมีองค์๘นี้เท่านั้น
    จึงจะเป็นผู้หลุดพ้นจริงๆ..

    ๑.หลุดพ้นจากทุกข์
    ๒.หลุดพ้นจากการเวียนว่ายฯของตน

    ..ความสุขที่แท้จริงของมวลมนุษย์ก็คือ
    ความสุขภายใน มิใช่ ภายนอกจิตกันนะ


    ภูทยานฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2014
  19. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    การปล่อยวางเป็นสุข การยึดเป็นทุกข์ โลกนี้ทั้งโลกในที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ
    โลกะหรือโลก พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้แปลว่า มีอันฉิบหายไปในที่สุด หรืออนัตตานั่นเอง
    ดังนั้นทุกสิ่ง-ทุกอย่างในโลกนี้จึงยึด-ถืออะไรไม่ได้เลย
    และไม่มีใครสามารถจะเอาสมบัติของโลกไปได้
    สมบัติของโลกที่เรารักที่สุดก็คือ ร่างกายที่จิตเราอาศัยอยู่ชั่วคราว
    เราก็เอาไปไม่ได้ หากเรามีกำลังใจเต็ม วางอุปาทานขันธ์ ๕ หรือวางร่างกายนี้ได้อย่างเดียว
    สิ่งอื่นๆ ก็จะหลุดไปเอง คนฉลาด-มีปัญญาดี จึงตรัสสอนให้ตัดขันธ์ ๕
    หรือร่างกายอย่างเดียวก็จบกิจในพระพุทธศาสนาได้

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  20. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ผมชอบจังตอนผมฝึกใหม่ๆบอกได้คำเดียวผมเจ็บมาเยอะครับ
    บททดสอบที่ทำงานคนใกล้ๆตัวเป็นครูที่ดีมากครับจะได้รู้ว่าจิตเราปล่อยวางหรือยัง
    ไม่ใช่นั่งหลับตาให้กิเลสมันหลอกพอไปเจออารมณ์กระทบสติแตกถือว่ายังใช้ไม่ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...