ญาณทัศนะ และ ผลจากการปฏิบัติ

ผมไม่บังอาจ ไม่ได้มีความสามารถจะชี้ทางใครได้หรอกครับ
อย่างมากก็แนะนำเบื้องต้นเล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้สนใจฝึกใหม่เท่านั้นเอง

ยิ่งเรื่องระลึกชาติ เรื่องได้อภิญญา ยิ่งไม่ได้เลย เพราะพวกนี้มันเป็นสิ่งที่สร้างชาติภพ
เรื่องเหล่านั้น หากผู้ใดสร้างเหตุปัจจัยไว้พร้อมแล้ว ก็จะมาเองทั้งหมด ไม่ต้องฝึกวิปัสสนาอะไรหรอก เอาแค่ตามดูลมหายใจอย่างเดียว คนมีของเก่า ก็กลับมาเองหมดแล้ว
คุณไม่สงสัยเหรอครับ ทำไมฤาษี มีฤทธิ์มากมาย ถอดกายทิพย์ ย้อนดูอดีตชาติ มีกสิณ ดินน้ำลมไฟ เหาะเหินเดินอากาศได้ สารพัด พวกนี้เขาไม่ได้ฝึกวิปัสสนา เขาได้มาได้อย่างไรกัน?
และที่สำคัญที่สุดเลย ทำไมผู้ที่ได้ฤทธิ์สารพัดเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์ ที่เคยสอนพระพุทธเจ้า คือ อาฬารดาบส และ อุทกดาบส ได้อรูปฌาน 7 และ 8 มีกายทิพย์เป็นพระพรหม ทำไมถึงยังไม่หมดสิ้นชาติภพ และพระพุทธเจ้ากลับอุทานว่า "อาฬารดาบส และ อุทกดาบส ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว"

สิ่งที่คุณคิดว่ามันเป็นของวิเศษที่ได้จากวิปัสสนาหนะ จริงๆ แล้วมันไม่ได้มาจากวิปัสสนาครับ มันมาจากจิตคุณมีกำลังขึ้น ซึ่งเป็นผลจากของเก่า ค่อยๆ คลายออกมา

ธรรมะแท้จริงของพระพุทธองค์นั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อสานต่อชาติภพ ไม่ได้มีไว้เพื่อสนองกิเลสความอยากรู้ อยากเห็น อยากดูอดีตชาติ อยากมีฤทธิ์ อยากสั่งให้สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติเป็นตามใจเรา ไม่ได้มีเพื่อเพิ่มพูน เพื่อนำเข้า เพื่อเสริมสร้าง

แต่ธรรมะของพระพุทธองค์ ที่แท้จริง มีเพื่อเห็นความเสื่อมสลายไม่เที่ยงของทุกสิ่ง เห็นความไม่แน่นอน เพื่อการละกิเลส ละความอยากรู้ ละตัณหา วิภวตัณหา ออกจากใจของเรา เป็นธรรมที่มีเพื่อขนออก เพื่อรื้อถอน เพื่อทำลาย ความยึดมั่นถือมั่นในใจเรา ครับ

การมองเห็นอดีตชาติ การได้อภิญญา 5 ไม่เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดชาติภพเลย และผู้ที่ได้ หากยังไม่เข้าถึงธรรมเพื่อการละ กลับเป็นการง่ายที่จะถูกกิเลสมารหลอก เพิ่มพูนอัตตาตัวตนเข้าไปอีก ทำให้ยิ่งห่างจากทางพระนิพพานครับ

เหมือนกับมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ นั่นแหละครับ
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเมตตาสอนวิชานี้ เพื่อต้องการให้คนเห็นชาติภพเก่าๆ เพื่อปลงในสังขาร ปลงในสิ่งไม่เที่ยง ปลงว่า

ตัวเรานี้หนอ วนเวียนเกิดมานับแสนนับล้านชาติแล้ว เคยมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้มาก่อน ไม่รู้กี่ชาติแล้ว เคยเป็นมาหมดแล้ว ตั้งแต่ขอทาน ยันพระราชา เคยเป็นสัตว์นรกชั้นล่างๆ ไล่จนไปถึงเป็นพรหมชั้นสูง คนส่วนใหญ่ ก็เป็นมาหมดแล้ว แต่เพราะอะไร เรายังหลงผิด ติดบ่วงกิเลส ไม่หลุด ไม่จบสิ้นชาติภพสักที

แต่ลูกศิษย์บางคน เรียนวิชา เห็นอดีตชาติได้แล้ว กลับไปยึดติดชาติภพเก่าๆ คนนี้เคยเป็นผัวเมียเรา คนนี้เคยเป็นลูกเรา คนนี้เคยเป็นญาติพี่น้องเรา คนนี้เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาต แล้วก็ผูกเวรกรรมใหม่ๆ ต่อกันเข้าไปอีก กลับมาจองเวรอาฆาตกันต่อก็มี ผิดศีลไปเป็นชู้กับสามีภรรยาของชาวบ้านก็มี ก็เพราะเห็นชาติภพ แล้วยึดติด ไม่ยอมละ นี่แหละครับ

ทางที่คุณเดินหนะ มันถูกแล้วครับ เดินต่อไปเถิด แต่จงระวังรักษาใจตัวเองให้ดี
มาร นั้นมีหลายรูปแบบ และเมื่อคุณได้เจอธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรม ใกล้จะหลุดพ้นจากอำนาจมารแล้ว มารจะทำทุกวิถีทาง ให้คุณไม่หลุดพ้นจากอำนาจ ให้คุณติดอยู่ในชาติภพต่อไป ถึงที่สุดแล้ว ถ้าทำให้คุณยังหลงอยู่กับ โลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ได้ต่อไป มารเขาจะให้คุณทุกอย่าง ให้โชคลาภคุณก้อนใหญ่ ให้มีผู้หญิงสวยๆ มาอยากติดพันกับคุณ ฯลฯ เขาจะทำทุกอย่าง ให้คุณไม่พ้นจากอำนาจของ ราคะ โทสะ โมหะ ซึ่ง รวมถึงการให้ฤทธิ์ ด้วย หากคุณมีเหตุปัจจัยสั่งสมมาแล้วในทางฤทธิ์ จงระวังใจตัวเองให้ดี

เมื่อใด ที่คุณเดินบนน้ำได้ ท่องนรกสวรรค์ได้ อธิษฐานอยากได้สิ่งใด ก็ได้สมปรารถนา เมื่อนั้น ต้องหันกลับมาสำรวจใจตัวเองให้หนัก อย่าพลาดไปอีกเหมือนเหมือนครั้งอดีต นะครับ

 

ยิ่งเรื่องระลึกชาติ เรื่องได้อภิญญา ยิ่งไม่ได้เลย เพราะพวกนี้มันเป็นสิ่งที่สร้างชาติภพ
ตอบ : ผมขอถามหน่อยพระอรหันหรือพระศาสดามีและได้สิ่งเหล่านี้เพื่อการอะไรถ้าไม่มีประโยชน์ มันจะสร้างชาติภพติดสัญญาสำหรับคนที่ละไม่ได้พวกติดในฤทธิ์ก็พอใจอยู่ตรงนี้ แต่พระอริยให้รู้เพื่อให้รู้จิงคับว่าคนเกิดแล้วตายมาเยอะ ตายแล้วไม่ได้จบยังต้องเวียนในวฏฏะอะไรเป็นเวรกรรมเห็นหมด นรก สวรรค์มีกี่ชั้นกี่ขุมไปเห็นมาด้วยตนเองในเมื่อคนหายของหายท่านรู้ได้จิงๆมันจะยังงมงายอีกไหม แต่พระท่านให้รู้แล้ว ให้ละคับไม่ให้ยึดติด คุณพูดเหมือนจะไปยึดติดตลอดนั้นสำหรับคนบางพวก คนที่จะไปต่อเค้าละทิ้งแล้วไปสู่ธรรมขั้นสูงไง แต่ถ้าคนไม่เคยวิปันากรรมฐานก็เข้าถึงได้ยากอีก หรือทำมานานก็ไม่ถึงอีกไปผิดวิธีไม่มีผู้รู้จิงแนะนำ พุทธองค์ระลึกชาติก็เพื่อไว้ให้ตัวเราเข้าใจว่าเราเกิดมาเยอะแล้วจิงๆ แล้วควรทำไงต่อ ควรละแล้วยกจิตขึ้นสูงกว่านี้อีก

เรื่องเหล่านั้น หากผู้ใดสร้างเหตุปัจจัยไว้พร้อมแล้ว ก็จะมาเองทั้งหมด ไม่ต้องฝึกวิปัสสนาอะไรหรอก เอาแค่ตามดูลมหายใจอย่างเดียว คนมีของเก่า ก็กลับมาเองหมดแล้ว
ตอบ : ไม่ได้เลยที่จะรู้เอง พุทธองค์ยังทำสมาธิแบบปรมัติ ถึงจะได้มา บุญก็ช่วยได้บ้าง แต่ต้องปฏิบัติเองด้วยไม่งั้นไปไม่ถึงคับ และปฏิบัติไปแบบเต็มไปด้วย โลภะโทสะโมหะ มานะทิฐิ นิวรณ์5 อายตนะ6 จิตไม่สะอาดไม่ตั้งมั่นทำเป็นร้อยปีก็คงยังไม่เห็น

คุณไม่สงสัยเหรอครับ ทำไมฤาษี มีฤทธิ์มากมาย ถอดกายทิพย์ ย้อนดูอดีตชาติ มีกสิณ ดินน้ำลมไฟ เหาะเหินเดินอากาศได้ สารพัด พวกนี้เขาไม่ได้ฝึกวิปัสสนา เขาได้มาได้อย่างไรกัน?
ตอบ : ฤาษีเค้าทำสมาธิเหมือนกันคับ บำเพ็ญตบะ แต่ไม่สามารถบรรลุ เพราะไม่มีศีลบริบูรณ์ หรือมีศีลก็ไม่ได้ละกิเลส ไม่ได้พิจารณาไตรลักษณ์คับ อยู่ที่อภิญญา5 สูงสุด ต่างจากพระอรหัน และคนที่มีศีลจิตสะอาดก็ต้องทำวิปัสนากรรมฐาน จิตสะอาดยังไม่บรรลุ ลองไปอ่านในพระไตรปิฏกมีบอก ไม่งั้นพระอรหันทั้งหลายไม่ทำ วิปัสนากรรมฐานกันจนข้ามวันข้ามคืน ขนาดว่าท่านเหล่านั้นมีบุญเก่าอยู่เยอะแล้ว แต่นอนยังต้องมีสตินอนแบบศรีไศรยาศ



การมองเห็นอดีตชาติ การได้อภิญญา 5 ไม่เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดชาติภพเลย และผู้ที่ได้ หากยังไม่เข้าถึงธรรมเพื่อการละ กลับเป็นการง่ายที่จะถูกกิเลสมารหลอก เพิ่มพูนอัตตาตัวตนเข้าไปอีก ทำให้ยิ่งห่างจากทางพระนิพพานครับ
ตอบ : พระพุทธองค์ก็ยังระลึกชาติเพื่อไร? เพื่อให้จิตเราเข้าใจว่าเกิดมาเยอะแล้วคนไม่เห็นจิตลึกเค้าจะเชื่อ100%ไหมก็ไม่เชื่อแน่นอน เห็นอดีตชาติกับอภิญญาเกิดจากผลพลอยได้ของการทำวิปัสนากรรมฐานจิตสะอาดบางจากกิเลสแล้วคับเป็นทางผ่านสู่ธรรมขั้นสูง และการจะเห็นต้องทำวิปัสนากรรมฐานถูกวิธีไม่ใช่อยู่ๆจะมาเห็นคับ แต่พุทธองค์ไม่ให้ยึดติดให้ก้าวไปขั้นสูงกว่านี้คืออภิญญา6 ตัดกิเลสสิ้นเชิง อภิญญา5เหมือนทางผ่านคับ มีได้แต่ไม่ให้ยึดติดใครไปติดก็หยุดอยู่ตรงนั้นแค่นั้น


แต่ลูกศิษย์บางคน เรียนวิชา เห็นอดีตชาติได้แล้ว กลับไปยึดติดชาติภพเก่าๆ คนนี้เคยเป็นผัวเมียเรา คนนี้เคยเป็นลูกเรา คนนี้เคยเป็นญาติพี่น้องเรา คนนี้เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาต แล้วก็ผูกเวรกรรมใหม่ๆ ต่อกันเข้าไปอีก กลับมาจองเวรอาฆาตกันต่อก็มี ผิดศีลไปเป็นชู้กับสามีภรรยาของชาวบ้านก็มี ก็เพราะเห็นชาติภพ แล้วยึดติด ไม่ยอมละ นี่แหละครับ
ตอบ : ถ้ายึดติดก็จะไปคุณธรรมชั้นสูงกว่านี้ไม่ได้ พุทธองตรัส รู้ก็สักแต่ว่ารู้ ไม่ให้ยึดติดแล้วจะข้ามไปธรรมสูงต่อไป ใครยึดติดก็จบตรงนั้นแหละคับไม่ไปไหน

แน่นอนคับ ลาภยศสักการะย่อมมา พี่น้องในตะกูลที่รวย1-5ประเทศไทย ที่เป็นเจ้าของธนาคารที่ใหญ่สุดในประเทศ ยังมากราบหลวงพ่อ เพียงเพราะรู้จักกับลูกศิษย์หลวงพ่อที่มาปฏิบัตและบรรลุญานหยั่งรู้ในระดับนึง จากรุงเทพ ขับ รอเซอรอยป้ายแดงคันละ 28ล้านมาคับ ขอหลวงพ่อเจิมรถให้ ยังไม่เจิมเลย แบบนี้ยึดติดกับลาภสักการะไหมคับ กุฏิเจ้าอาวาสกับลูกวัดก็เท่ากันหมดคือกุฏิเล็กๆ เงินทำบุญมากมายก็เอาไปสร้างพระธาตุหมด ไม่มีเก็บไว้ใช้เองสบายไปแล้วคับ แต่นี่กุฏิเล็กๆเท่ากับพระบวชใหม่เท่ากันหมด คนมาบริจาคเป็นล้านไม่ได้พระหรืออะไรเลย แต่หลวงพ่อท่านเมตตาให้พระเก่าแก่เป็น1200กว่าปีกับพระลูกวัดแบบไม่คิดอะไร

 

สิ่งที่อยู่ในใจคุณ แต่คุณไม่เห็น มันมีอยู่ครับ มองกลับมาที่ใจตัวเอง เช็คให้ดีๆ

http://palungjit.org/posts/6699169

กระทู้นี้ คุณไปขุดเรื่องของคุณ WebSnow ที่เขาผ่านสภาวะนั้นมาตั้งสิบปีแล้ว โดยคุณไม่ได้มีสติระลึกรู้ทันในการกระทำของตัวเองเลย คุณโดนความอยากแสดงธรรมมันบังตา หลอกเอาแล้วครับ

 

ผมพูดไปตามความจิงแค่นั้น ถ้าล่วงเกินใครก็ขอโทดละกัน ชี้ทางให้คนไม่รู้แล้วโมโหผมก็ไม่ว่าคับ ถ้าทางที่คุณทำได้เห็นธรรมวิเศษด้วยตนเองจิงแล้ว โดยไม่ใช้กุมาร หรือ ฤทธิ์ฤาษี หรือ อุปาทานคิดไปเอง ผมก็ขออนุโทนาไว้นะที่นี้คับ

 

ลองพิจารณาด้วยสติดูเอาด้วยตัวเองเถอะครับ
ผมกำลังชี้ทาง ให้คุณมองย้อนกลับไปดูในจิตตัวเอง
ลองนึกย้อนไป ตอนที่คุณ post ข้อความในกระทู้คุณ WebSnow ตอนนั้นจิตคุณคิดอะไรอยู่บ้าง ทำไมคุณถึงไม่เห็น ว่าเป็นสภาวะที่เขาผ่านมาแล้วสิบปี?

แล้วในขณะที่ตอบนี้ ใจคุณคิดอะไรอยู่บ้าง เห็นจิตในจิตหรือไม่... ลองดูนะครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

พุทธองค์ก็เข้าบุพเพนิวาสานุสติญานระลึกชาตินะคับ ถ้าไม่มีประโยชน์จะระลึกชาติหรอ นี่ก็เป็นธรรมประการหนึ่งพุทธองค์ตรัสไว้ใน หมวดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ พูดมาคุณจะบอกว่าการระลึกชาติไม่มีประโยชน์ จะขัดกับพุทธองค์สอนไหม โทษนั้นคุณรู้ดี จะเอาไปเปรียบกับเดรถีย์นั่นอาจใช้สัญญาหรือความจำเก่าในการระลึกชาติได้บ้างนั้น ต่างกันสิ้นเชิง ไม่ได้เข้าฌาน บุฟเพนิวาสานุสติญานแบบพุทธคับ ช่วยแยกแยะด้วย การที่คุณเข้าฌานแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะคับ พระอรหันทั้งหลายเข้าฌานแบบนี้มาแล้ว และการระลึกชาตินั้นให้รู้ว่าเวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพหลายชาติแล้วคับด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์

หมวดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ*
ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ.
เธอย่อมระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ ห้าชาติบ้าง, สิบชาติ ยี่สิบชาติ สามสิบชาติ สี่สิบชาติ ห้าสิบชาติบ้าง, ร้อยชาติ พันชาติ แสนชาติบ้าง.
ตลอดหลายสังวัฏฏกัปป์ หลายวิวัฏฏกัปป์ หลายสังวัฏฏกัปป์และวิวัฏฏกัปป์บ้าง, ว่าเมื่อเราอยู่ในภพโน้น มีชื่ออย่างนั้น มีโคตร มีวรรณะ มีอาหาร อย่างนั้นๆ เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้นๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้เกิดในภพโน้น มีชื่อ โคตร วรรณะ อาหารอย่างนั้นๆ, ได้เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้นๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น, ครั้นจุติจากภพนั้นๆๆๆ แล้ว มาเกิดในภพนี้. เธอนั้น ระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อน ได้หลายประการ พร้อมทั้งอาการและลักษณะ ระลึกได้ชัดเจน ดังนี้
เปรียบเหมือนชายผู้หนึ่ง ออกจากบ้านตนไปบ้านคนอื่น แล้วออกจากบ้านนั้น ไปสู่บ้านอื่นอีก แล้วออกจากบ้านนั้นๆกลับมาสู่บ้านของตน เขาระลึกได้อย่างนี้ว่า เราออกจากบ้านตนไปสู่บ้านโน้น ที่บ้านโน้น เราได้ยืน ได้นั่ง ได้พูด ได้นิ่ง อย่างนี้ๆ, ครั้นออกจากบ้านนั้นแล้ว ได้ไปสู่บ้านโน้นอีก, แม้ที่บ้านโน้นนั้น เราได้ยืน ได้นั่ง ได้พูด ได้นิ่ง อย่างนั้นๆ, เราออกจากบ้านนั้นแล้ว กกลับมาสู่บ้านตนนั่นเทียว ฉันนั้นเหมือนกัน. แม้นี้ ก็เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง.

 

โทสะยึดครองใจคุณแล้วครับ ผมไม่ได้ขัดพระพุทธองค์หรอกครับ

อ่านตามนี้ดูนะครับ
http://www.abhidhamonline.org/aphi/p9/061.htm
นักบวชเดียรถีย์นอกพุทธศาสนา ผู้ไม่ได้ปฏิบัติวิปัสสนา สามารถระลึกชาติได้ครับ

 

ขอบคุณคะ อาจเป็น ช่วงปีใหม่ ไปแน่นอน กลับ ถิ่น และกลิ่นอาย ไม่ชอบเล่นเฟคบุค ขอบคุณ pm นะคะ
ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป

 

ในเฟสบุคมีแผนที่ทางไปวัดคับใกล้ๆดอยแม่สลอง ก่อนถึงดอยแม่สลองนิดนึงคับ สำนักสงฆ์สันติธรรม บ้านธาตุ ไปแล้วเป็นยังไงดีจิงไหมหรืองมงายมาเล่าต่อให้ผู้สนใจในวิปัสนากรรมฐานฟัง เป็นธรรมทานนะคับ ผมขออนุโมทนาบุญไว้นะที่นี้ด้วย อ่อลืมถามคุณnee653เป็นคนเชียงรายด้วยใช่ไหมคับ

 

ไม่ทราบว่าคุณ Tamjugg มากดไม่เห็นด้วยในข้อนี้ อย่างไรครับ?

ผมยกข้อความจากอภิธรรมมา เป็นคำสอนของพระพุทธองค์โดยตรง ไม่ใช่เรื่องที่ผมคิดขึ้นมาเอง

การไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ คือการไม่เห็นด้วยกับพระพุทธเจ้าครับ ขอให้ทำความเข้าใจเสียให้ถูกครับ

 

ผมไม่เห็นด้วยตรงที่คุณไปดึงเรื่องนักบวชเดียรถีย์นอกพุทธศาสนา กำลังพูดคนละเรื่องไปแล้ว
ที่ผมบอกคือ เข้าจตุถฌานฌาน แล้ว ระลึกชาติคุณมาบอกเรื่องนักบวชเดียรถีย์นอกพุทธศาสนามันคนละเรื่องคุยกันคุณทำให้งงเลย ทุกข์ขัง คุณเข้าฌานแล้วระลึกชาติไม่ได้ อย่าบอกว่าคนอื่นจะไม่ได้ตามหรือของคนอื่นมั่วสิ และผมก็ไม่ได้ให้ยึดติดไรดั่งที่มีคนบอกไว้ก่อนแล้วเป็นทางผ่านของวาระจิตผู้จะบรรลุในภายภาคหน้า คุณมาเอาแต่บอกระลึกชาติจะทำให้ยึกติดอะไรเรื่อยๆพยายามอ่านละเอียดก่อน เอาง่ายๆถ้าผมมั่วบาปอยู่ที่ผม ถ้าผมพูดจิงมันจะตกไปอยู่ที่คุณเอาง่ายๆนะ ผมไม่อยากให้ใครมาบาปไม่ใช่เหตุ

 

มีสติอ่านก่อน กด post ไหมครับเนี่ย?
ลองอ่านทวนอีกรอบดีๆ นะ แล้วจะเห็นว่า มันอ่านไม่รู้เรื่อง...

ส่วนที่ผมยกพระไตรปิฎกมา ก็เพราะคุณบอกว่า วิปัสสนาแล้วระลึกชาติได้
ตอนนี้อย่าพลิกลิ้นสิครับ...

แล้วถามหน่อยครับ ระลึกชาติได้แล้ว ไม่กลัวเวรกรรมหรือ? อ้างพระพุทธองค์ในเรื่องที่ท่านไม่ได้สอนหนะ?

 

ผมผิกลิ้นหรือคุณเพี้ยนหนักกันแน่ ก็ทำวิปัสนากรรมฐานได้ญานแล้วระลึกชาติได้ การระลึกชาติจะจิงไหมหรอ ในเมื่อดูของหายคนหายได้ว่าอยู่ที่ใด รู้ว่าคุณไปทำกรรมอะไรมา คิดอะไรในใจรู้ชัด แต่ยังไม่ได้อาสวะขยญานนะถ้าได้คงเป็นบุญไม่เสียชาติเกิด และการจะเห็นแต่ละอย่างจิตว่างจากกิเลสระดับนึงไม่ใช่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหาแล้วจะเห็นได้ คุณว่าระลึกชาติจะเป็นของจิงหรือเพ้อหละ ไม่อยากให้ใครมาติดวิบากจิงๆ ทุกขัง กับสิ่งที่คุณไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีจริง พระอรหันต์ทั้งหลายได้มาแล้ว ระลึกชาตินี้แค่เริ่มต้น พระอรหันต์ได้กันจนถึงอาสวะขญญาน การที่คุณไม่รู้แล้วมาพูดแล้วบอกไม่ตั้งใจมันก็เป็นวิบากได้นะ เหมือนฆ่าคนตายไม่เจตนาคุณว่าไม่บาปหรอ

อ้างพระพุทธองค์ในเรื่องที่ท่านไม่ได้สอนหนะหรอ? ลืมตาใส่แว่นแล้วอ่านข้างล่างนี่ดีๆ

หมวดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ*
ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ.
เธอย่อมระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ ห้าชาติบ้าง, สิบชาติ ยี่สิบชาติ สามสิบชาติ สี่สิบชาติ ห้าสิบชาติบ้าง, ร้อยชาติ พันชาติ แสนชาติบ้าง.
ตลอดหลายสังวัฏฏกัปป์ หลายวิวัฏฏกัปป์ หลายสังวัฏฏกัปป์และวิวัฏฏกัปป์บ้าง, ว่าเมื่อเราอยู่ในภพโน้น มีชื่ออย่างนั้น มีโคตร มีวรรณะ มีอาหาร อย่างนั้นๆ เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้นๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้เกิดในภพโน้น มีชื่อ โคตร วรรณะ อาหารอย่างนั้นๆ, ได้เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้นๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น, ครั้นจุติจากภพนั้นๆๆๆ แล้ว มาเกิดในภพนี้. เธอนั้น ระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อน ได้หลายประการ พร้อมทั้งอาการและลักษณะ ระลึกได้ชัดเจน ดังนี้
เปรียบเหมือนชายผู้หนึ่ง ออกจากบ้านตนไปบ้านคนอื่น แล้วออกจากบ้านนั้น ไปสู่บ้านอื่นอีก แล้วออกจากบ้านนั้นๆกลับมาสู่บ้านของตน เขาระลึกได้อย่างนี้ว่า เราออกจากบ้านตนไปสู่บ้านโน้น ที่บ้านโน้น เราได้ยืน ได้นั่ง ได้พูด ได้นิ่ง อย่างนี้ๆ, ครั้นออกจากบ้านนั้นแล้ว ได้ไปสู่บ้านโน้นอีก, แม้ที่บ้านโน้นนั้น เราได้ยืน ได้นั่ง ได้พูด ได้นิ่ง อย่างนั้นๆ, เราออกจากบ้านนั้นแล้ว กกลับมาสู่บ้านตนนั่นเทียว ฉันนั้นเหมือนกัน. แม้นี้ ก็เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง.

หมายเหตุ : วาจาของพระพุทธองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของหมู่สัตว์เพื่อพ้นทุกข์ สิ่งที่ไม่มีประโยชน์นั้นคิดหรอว่าจะตรัสออกมา ทุกข์ขังจิงๆ

 

- คุณพูดคำว่า ทุกขัง รู้หรือเปล่าครับ ทุกขังแปลว่าอะไร?
- ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ไม่ได้เกิดมาจากวิปัสสนาครับ
- คุณรู้จักสติปัฎฐานไหมครับ? ทราบหรือไม่ว่าพระพุทธเจ้าบอกว่า สติปัฎฐาน เป็นทางสายเดียว เป็นทางสายเอก ลองหาอ่านดูนะครับ

ว่าแต่ เรียนวิปัสสนามา พระอาจารย์ท่านไม่ได้บอกหรือครับ ให้พิจารณาอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้ส่งจิตออกนอก? หรือว่าคุณยังไม่รู้จักครับ ว่าส่งจิตออกนอกคืออะไร?

 

ผมฝากธรรมะเรื่องวิปัสสนูปกิเลส ไว้ให้สักนิดแล้วกัน...

ข้างล่างนี้เป็นธรรมะที่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แสดงไว้

ข้อที่ยกมานี่ ผมไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง นั่งเทียนมาเองนะครับ
ถ้าจะไม่เห็นด้วย ก็พึงระลึกไว้เสียว่าคุณไม่เห็นด้วยกับหลวงปู่เทสก์ ผู้เป็นพระอรหันต์ นะครับ

 

วิปัสสนูปกิเลสทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นแก่พระอริยสาวกผู้ถึงปฏิเวธแล้ว และไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้ปฏิบัติผิด เกียจคร้าน ทอดทิ้งธุระในกรรมฐาน แต่ย่อมเกิดแก่กุลบุตรผู้ปฏิบัติชอบ ประกอบการภาวนาที่ถูกต้อง เป็นอารัทธวิปัสสก ผู้เริ่มต้นเห็นแจ้ง เท่านั้น

 

ถูกต้องเลยคับ กว่าผมจะได้ เป็นหลายเดือน สำรวมกาย วาจา ใจห้ามเสพกาม พยายามตั้งอยู่ในศีล227 แม้แต่ในเวลาฝันเห็นหญิงสาวก็ห้ามชอบ เจอหลวงพ่อทักเลยอีกวัน ทั้งๆที่ไม่ได้บอกใคร และหลวงพ่อท่านก็เห็นภาพที่ผมนั่งสมาธิเห็น โดยผมไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย ธรรมนี้เป็นของประณีต แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอรู้ได้ ไม่ใช่ของคนพาลคับ

 

ถ้าผมไม่เข้าใจข้างต้น ไม่มีวันจะได้เห็นชาติก่อนหรอกคับ คุณไม่รู้ว่ากว่าจะได้นั้นต้องทำสมาธิขนาดไหนเดินจงกลมนั่งสมาธิบางวันเป็น20ชั่วโมงทำ4เดือน และต้องรักษาศีลให้ครบห้ามขาดเลย ทานข้าววันละมื้ออย่างมาก2มื้อ หลังเที่ยงห้ามทาน งดเว้นข้องเกี่ยวกับกามทั้งกาย วาจา ใจนะคับ และปลง ขันธ์5 นิวรณ์5 อายตนะ6 โลภะโทสะโมหะ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นชิมรส กายต้องโพธัพพะ ใจกับธรรมอารณ์ และอารมณ์อีกสาระพัดที่เกิดขึ้นในเวลาทำสมาธิตลอดหลายเดือน คุณว่าทางของคุณถูกก็รีบปฏิบัติให้เห็นธรรมเทอญ ผมอนุโมทนานะที่นี้ อย่ามาเถียงกันให้เสียเวลาเลย, เป็นปัจจัตตังจิงๆ ธรรมนี้เป็นของละเอียด ไม่ใช่ของคนพาล ไม่ใช่นอนหลับฝันเอาได้ นึกคิดเอาเองไม่ได้เป็นอาจินไตย อาจจะเสียสติได้ ละกิเลสในตัวให้ได้บ่อยๆก็เป็นบุญมากแล้วคับอย่าเพิ่งไปดูคนอื่นให้ดูตัวเองก่อนดั่งคำสอนในศาสนาบอกไว้ สาธุ

 

พุทธศาสนิกชน ควรศึกษาให้มากคับเป็นประโยชน์กับตัว

"บุคคลไม่พึงใส่ใจคำแสลงหูของชนเหล่าอื่น ไม่พึงแลดูกิจที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของชนเหล่าอื่น พึงพิจารณากิจที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของตนเท่านั้น" (๒๕/๑๔) #ธรรมะ

"ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์ พระขีณาสพผู้สงบระงับ ละความชนะความแพ้ได้แล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข" (๒๕/๒๕) #ธรรมะ

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทสะจัดเป็นอกุศล บุคคลผู้โกรธ กระทำกรรมใดด้วยกาย วาจา ใจ แม้กรรมนั้นก็เป็นอกุศล บุคคลนั้นก็เป็นอกุศล" (๒๐/๕๐๙) #ธรรมะ


"ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าชนะทีเดียว แต่ความอดกลั้นได้ เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่"

"ผู้ใดโกรธตอบ บุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธแล้ว เพราะการโกรธตอบนั้น"

"บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ย่อมชื่อว่าชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก"

"ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบอยู่ได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือแก่ตน และแก่ผู้อื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของผู้อื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่าเป็นคนเขลา" (๑๕/๖๓๖) ธรรมะ

อีกประการ
"ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อญาณทัสสนะ เธอย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้แล มีรูป ประกอบด้วยมหาภูต ๔ เกิดแต่มารดาบิดา เติบโตขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ไม่เที่ยง ต้องอบ ต้องนวดฟั้น มีอันทำลายและกระจัดกระจายเป็นธรรมดา"

ขอบคุณที่มาจาก http://www.facebook.com/buddhaquote

 

ถ้าคุณเข้าใจ กรุณาอธิบายว่า ทุกขัง แปลว่าอะไร ด้วยครับ

อ้อ แล้วคุณกดไม่เห็นในธรรมะของหลวงปู่เทสก์ ท่านแสดงธรรมมา

ไม่ได้แปลว่า คุณไม่เห็นด้วยกับผมนะครับ

แต่คุณกำลังแย้งพระอรหันต์ครับ