ญาณทัศนะ และ ผลจากการปฏิบัติ

กดของอินทรบุตรหมายถึงกิจกรรมอย่างว่าข้างหลัง เห็นใช้หลายครั้ง คนข้างบนเขาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ยังงี้ก็ไปว่าเขา ให้แก้แบนให้ขันธ์ และให้ขันธ์ โอ๊ทธิเดช สับสน และมังคละมุณีอบรมสั่งสอนอินทรบุตรด้วย

 

รูปกายเป็นอนัตตา จิตก็เป็นอนัตตา ธรรมชาติเดิมของจิตผ่องใส อาศัยกิเลสที่จรมาจิตจึงเศร้าหมองและเป็นอนัตตา กำจัดอนัตตาก็จิตน่ะแหละ จิต! นี่ก็อรหันต์แล้ว...

 

ในพระไตรปิฏกมีบอกไว้คับตรัสสอนไว้ดีแล้วคับเดิมๆไม่ต้องแต่ง ที่เหลือก็ใช้ปัญญาที่มีของแต่ละคนจะตีความคับ แต่ขอบอกว่าตีความผิดนี่ก็ยากนะคับจะเห็นธรรม เป็นธรรมละเอียดต้องพิจารณาหลายๆรอบคับ แต่บัณฑิตพอรู้ได้ ไม่ใช่ธรรมของคนพาลนะคับ ใจต้องน้อมไปดีๆต้องพิจารณาตามความเป็นจริงห้ามปรุงแต่ง
อีกประการ คุณได้ญานแล้วหรอคับคุณว่าผู้นั้นผู้นี้เป็นพระอรหันต์ แต่ยกย่องได้ผมไม่ว่า รู้ไรควรรู้จิงคับ อย่านึกคิดเอาเอง ตัวนึกคิดจะเป็นตัวกั้นให้คุณไม่เห็นธรรม ควรทำสมาธิรักษาศีลทำจิตใจให้บริสุทธิ์คับจนให้ได้ญานคับจะได้รู้ได้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้

 

เจอบ่อยนะพวกนี้...

ตอนเข้ามา ก็ประกาศโจ๋งครึ่ม ใช้คำอย่างอาจหาญ เป็นพญาเสือ

พอถามต้อนเข้าๆ หดเข้ามุม ตัวเหลือเท่าลูกแมว
แล้วค่อยๆ ร้องเมี้ยวๆ เปลี่ยนเรื่องไปทีละนิดๆ ไม่สามารถตอบคำถามแบบตรงๆ ได้สักที

 

เพิ่งเห็น Tamjugg ไปโมทนา ความเห็นของฟางว่าน

ไม่ทราบหรือครับ ว่า ฟางว่านนั่นหนะ ไม่ค่อยจะปกติ...

ก่อนกดโมทนา ได้อ่านหรือเปล่า ว่าฟางว่านส่งเสริมให้มีการเล่นประตูหลังกันหนะครับ...

ปฏิบัติวิปัสสนา แล้วมาโมทนาเรื่องอย่างนี้ โอย... พุทธศาสนาแย่แน่ๆ

 

ท่อนไหนคับ ผมไม่เจอนะ ก็แล้วแต่คับพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้วเรื่องบาปบุญ ใครอยากได้ไรก็ทำไปคับ ทำบาปแล้วให้คนอื่นมารับแทนคงได้มั้ง พ่อแม่ลูกก็ต้องแยกทางกันไปตามบุญกรรมของแต่ละคนที่สั่งสมมาคับ

 

กำจัดอัตตามั้งคับ เพราะมีอัตตาความยึดมั่นจึงนำมาสู่ภพไม่ใช่หรอ ?

 

โอย ผมไม่ได้ขำอะไรมานานแล้ว เห็นอันนี้เพิ่งได้ขำ ขอบคุณๆ

 

Tamjugg ถ้าคิดว่าตัวเองปฏิบัติถูกทางแล้ว
ลองไปคุยในกระทู้นี้ดูหน่อยสิ อันนั้นเขาก็ว่าวิธีเขาหนะ วิธีบรรลุธรรมของแท้

http://palungjit.org/threads/วิธีบรรลุธรรมของแท้.362987/

 

อย่าไปขำคนอื่นเลยรั้งแต่จะเป็นบาปเปล่าๆ คนเราเกิดมาไม่มีใึครรู้หมดหรอก หากแต่ศึกษาพัฒนาปัญญาขึ้นตามลำดับ ในเว็บนี้ผมว่าแต่ละคนก็เข้ามาแสวงหาทางถูกต้องและโมกธรรม ควรชี้ทางกันไปในทางที่ถูกต้องดีกว่าจะมาหัวเราะเยอะเย้ยกัน

 

ต้องถามก่อนว่าเค้าทำแล้วได้ปัญญาญานบ้างไหม ได้ครบแล้วหรือยังอภิญญา6จะชี้ทางให้คนบรรุอรหันต์ หรือว่ายังไม่ได้สักอภิญญา ถ้าบรรลุก็ต้องมีอภิญญา6ครบ ผมเคยอ่านเจอพุทธองค์ตรัสว่าผู้ที่มีอภิญญา5ยังเป็น โลกียะ แต่ ผู้ได้อภิญญา6คือ ผู้ถึงซึ่งโลกุตระ หรือ วาระอรหันต์แล้ว ตอนพุทธองค์อยู่ก็จะแต่งตั้งให้ว่าใครบรรลุอรหันต์แล้ว หลังจากพุทธองค์ปรินิพานก็มีอภิญญา6นี่แหละเป็นครื่องยีนยันวิธีนึงละคับในความคิดผม เพราะถ้าคุณมาไม่ถูกวิธีคงไม่ได้อภิญญาสักอันเลยมั้ง

 

ที่ผมไปฝึกมาให้คุณได้ญาน-ฌานหยั่งรู้ไปเห็นเองเลย ไม่สนับสนุนให้งมงายคับ ถ้าไม่เห็นอย่าเชื่อ ตัวผมเองจบเอแบคมา และมีเด็กมหิดลอินเตอร์ มีฝรั่งมาจากลอนดอนและพระอีก40กว่ารูปและคนอีกมากมายก็ได้ญานหยั่งรู้กันเอง ไม่ได้บอกให้คุณเชื่อและใครเชื่อคับ ตามที่พุทธองค์ตรัสสอนในกาลามสูตรอยู่ หลวงพ่อก็เป็นกันเองใจดีสอบอารมณ์ให้ทุกเย็นไม่ถือตน ไม่มีเก็บค่าใช้จ่าย ถ้าไม่ถือทิฐิก็ลองไปฝึกดูสัก2-3 วัน กลับมาทำที่บ้านก็เห็นได้เหมือนกันคับ เป็นธรรมที่ไม่จำกัดสถานที่ เผื่อคุณจะได้เห็นธรรมด้วยตนเองบ้าง มาถามผมอีกสิบปีคงบอกคุณเข้าใจไม่ได้หรอก ธรรมนี้ต้องเห็นเอง ขนาดพุทธเจ้าตรัสไว้ บางคนยังไม่เข้าใจ หาว่าไม่มีจิงบ้าง เรื่องแต่งบ้าง อยากอยู่บัวเหล่าไหนก็ตัวเรานี่แหละเลือกเอง

หมายเหตุ -- ญานที่ได้นี้ไม่ได้เกิดจากเข้าทรงองค์ลงเล่นของหรือบูชาสิ่งที่มองไม่เห็นมานะคับ หากแต่ได้มาจากการทำสมาธิของตัวเราเอง

 

ฌานนั้นเป็นไปเพื่้อประโยชน์คับ ไม่งั้นพุทธองค์ไม่เข้าปฐมฌานและไปยังฌานอื่นๆหรอกในตอนจะปรินิพานยังเข้า๋้ออกฌานอยู่เลย ผมเห็นคุณพูดไปทางยึดติดฌานตลอดอะไรงง งงกับคุณจิงๆ พุทธองค์ตรัสสอนอยู่้อย่ายึดติด

 

ผมละงงกับคำพูดคุณจิงๆ ยึดติดหรอคับ ผมยึดติดอย่าว่าจะได้ระลึกชาติเลย ญาน-ฌานยังไม่ได้เลยมั้ง เพราะวาระจิตไปไม่ถึงไหนหรอกหากยึดติดก็จบตั้งแต่เริ่มแล้ว การจะเข้า๋๋็ฌานได้นั้นคุณว่าเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาไม่รักษาศีลเสพกามไม่ทำสมาธิจะได้หรอ

 

ผมขำคุณ นั่นแหละครับ

"เฮ้ยๆ มีคนมาช่วยเราแล้ว อินทรบุตรนี่ มันมั่วแน่ๆ เลย เห็นไหม มีคนรู้ธรรมมาช่วยเราแล้ว กดโมทนากับเขาหน่อย จะได้ช่วยกันรุม"

กดป้าบ... เข้าไป...

สักพักนึง...

"เอ๊ะ ธรรมะเขามันแปลกๆ นี่หว่า พิมพ์ผิดหรือเปล่านะ เราก็ไม่ได้อ่านก่อนกดซะด้วยสิเนี่ย..."

ไปเช็คดูได้เลยครับ ฟางว่านไม่เข้าใจเรื่อง อัตตา อนัตตา ถึงพิมพ์ผิดแบบนี้ทุก post เลยไง... แล้วคุณก็โมทนาบาปเข้าไปเรียบร้อยซะแล้ว...

สรุป โดนกิเลสในใจเอาไปกินเรียบร้อยแล้ว ไม่ทันเห็นตัวมันเลยสินะ...

เรื่องการยึดติด เป็นธรรมชั้นละเอียดครับ ผู้ที่เข้าถึงธรรมอย่างหยาบๆ ก็เห็นการยึดติดชั้นหยาบ

ละกายได้ แต่ละจิตไม่ได้ เป็นธรรมดาของผู้ปฏิบัติครับ

ที่ผมเตือนนี่เพราะว่า ผมเคยเป็นอย่างคุณมาก่อนครับ

เพราะเดินทางผ่านมาก่อน จึงหวังดีแนะนำ

ไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ใจใครใจมัน ใจผมเบาเรียบร้อยแล้ว

 

"เฮ้ยๆ มีคนมาช่วยเราแล้ว อินทรบุตรนี่ มันมั่วแน่ๆ เลย เห็นไหม มีคนรู้ธรรมมาช่วยเราแล้ว กดโมทนากับเขาหน่อย จะได้ช่วยกันรุม"

ตอบ -- ผมจะไปรุมคุณทำไมคับ มีแต่จะเป็นบาปกรรมเปล่าๆ มาช่วยกันค้นหาทางไปพบโมกธรรมไม่ดีกว่า ? เฮ้อ ทุกข์ขัง ศาสนาสอนให้คนมีสติและคิดดีนะคับ

 

พยากรณ์ปัญหา

“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญสติปัฏฐานสี่.........
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญสัมมัปปธานสี่....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญอิทธิบาทสี่....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญอินทรีย์ห้า....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญพละห้า....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญโพชฌงค์เจ็ด....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญอริยมรรคมีองค์แปด....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญวิโมกข์แปด....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญอภิภายตนะแปดประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญกสิณายตนะสิบประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเจริญฌานสี่....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้แลมีรูปประกอบด้วยมหาภูตสี่ เกิดแต่บิดามารดา...... มีอันทำลายและกระจัดกระจายเป็นธรรมดา และวิญญาณของเรานี้ก็อาศัยอยู่ในกายนี้ เนื่องอยู่ในกายนี้.... เปรียบเหมือนแก้วไพฑูรย์อันงาม...... มีด้ายเขียวเหลืองแดงขาวหรือนวล ร้อยอยู่ในนั้น..... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญา ......
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง..... เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงชักไส้ออกจากหญ้าปล้อง ...... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมได้บรรลุอิทธิวิธีหลายประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมได้ยินเสียงสองชนิด คือเสียงทิพย์ และเสียงมนุษย์....... ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ..... ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก....... ย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ..... ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป ....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
“ ดูก่อนอุทายี ธรรมห้าประการนี้แล เป็นเหตุให้สาวกทั้งหลายของเราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้วพึ่งเราอยู่”

 

เป็นเหมือนกันเวลามองท้องฟ้า มองอากาศโล่งๆจะเห็นเป็นเม็ดเล็กๆใสๆเหมือนคลื่นอะไรสักอย่างชนกันไปมาเต็มท้องฟ้าเลย แต่ถ้าอยู่ในบ้านหรือมองอย่างอื่นที่มีของหลายอย่างก็ไม่เป็น คิดว่าอาจเป็นการหักเหของแสงในตา

 

วุ้นในลูกตาครับ... ถามจักษุแพทย์เอาก็ได้ รู้ทุกคนครับ

 

ผมไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับ อินทรบุตรหรอกคับ แค่นี้เรื่องเล็กมาก.. ถ้าเทียบกับเวทนาและสิ่งต่างๆที่เกิดเวลาทำวิปัสนากรรมฐานนะ