ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1736557405066.jpg

    โปรดติดตามอย่างใกล้ชิด จ้องตาไม่กระพริบ! สรุปโดนไม่โดน อีกไม่กี่อึดใจได้รู้กัน!
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่ารัฐบาลอเมริกาของ โจ ไบเดน จ่อทิ้งทวนแบบ "ประทับใจ" ด้วยการควบคุมการส่งออกชิป AI ของ "เอ็นวิเดีย" ขั้นสุดยอด --- ย้ำว่าควบคุมขั้นสุดยอดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมจะไม่แจกแจงรายละเอียดมาก เพราะนี่ยังไม่ใช่รัฐบาลประกาศเอง แต่เป็นข่าวรายงานว่า "เตรียม" ประกาศ ดังนั้น รอของจริงอีกนิด (ถ้าเกิดจริง)
    แต่คร่าวๆ คือ การจัดเทียร์ทั่วโลก เป็น 3 เทียร์
    ก่อนจะว่ากันต่อ ต้องย้ำอีกทีว่าก่อนๆ นี้ ที่ห้าม Nvidia (และบริษัทอเมริกาอื่นๆ) ด้วยมาตรการต่างๆ นั้น คือห้ามเฉพาะสำหรับที่ส่งออกไปจีนเท่านั้น แต่นี่จะต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลย เพราะจะไล่ทำบัญชีทั้งโลก
    สีฟ้าคือตามสบายจ้ะ เท่าไหร่เท่ากัน จะส่งแค่ไหนก็ตามใจ
    สีชมพูคือห้ามเด็ดขาด ไม่มีให้เล็ดลอดไปได้สักนิด
    สีเหลือง นี่แหละ "เทียร์2" คือส่งได้ แต่จำกัด มีควบคุม (ซึ่งรายละเอียดว่าเท่าไหร่ยังไง รอของจริงดีกว่า)
    ก็เห็นเด่นชัดนะครับว่าไทยแลนด์เราอยู่ในสีเหลือง
    ฉะนั้น ที่ใครดีลอะไรกับ Nvidia ไว้ก็มีตกอกตกใจล่ะครับ และไม่ใช่แค่ดีล Nvidia แต่กับบริษัทต่างๆ นานา อาทิ Google และ Microsoft เป็นต้น ก็กระทบเช่นกัน เพราะดาต้าเซ็นเตอร์ AI ย่อมเลี่ยงไม่ได้ ต้องซื้อ GPU ของ Nvidia มาใช้อยู่แล้ว ... นั่นก็ประการหนึ่ง
    แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือบริษัทอย่าง Google และ Microsoft ก็จะถูกควบคุมเช่นกันว่าไปตั้งอยู่ไหนได้เท่าไหร่
    ตามข่าว สีฟ้า แน่ล่ะ จะเท่าไหร่ก็เท่ากัน แต่ถ้านอกสีฟ้า นั่นห้ามเกิน 25% (รายละเอียด รอยืนยัน ถ้ารัฐบาลเอาจริง แล้วจะมีแถลงการณ์ออกมา)
    ซึ่งนอกสีฟ้า ก็หมายถึงสีเหลืองเท่านั้น เพราะสีชมพูห้ามเด็ดขาด
    และสีเหลืองประเทศใดๆ ก็ตั้งได้ไม่เกิน 7% (สำหรับประเทศหนึ่งๆ)
    เท่ากับว่านโยบายใดๆ ก็ต้องกลับมาทบทวนใหม่ เพราะบริษัทจะไปซี้ซั้วไม่ได้ --- ถ้าจะไปประเทศสีเหลืองไหน ก็ต้องเน้นๆ จริงๆ ว่าเกิดประโยชน์โพดผลงอกงาม
    เรื่องนี้ย้ำว่าต้องติดตามอย่างใจจดใจจ่อจริงๆ
    ซึ่งปกติแล้ว ถ้าข่าวระดับบลูมเบิร์กออกมาอย่างนี้ ย่อมไม่พลาด น่าจะลงมือจริง (ตามข่าวบอกว่าอาจเป็นวันศุกร์นี้เลย) แต่พวกรายละเอียดอาจมีคลาดเคลื่อนไป รอลุ้นล่ะครับ
    มีผลกับไทยโดยตรง
    https://www.bloomberg.com/news/arti...chip-exports-in-final-push?srnd=homepage-asia
    https://www.facebook.com/share/p/18SDdZmeak/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1736566759813.jpg

    ตัดก่อนตาย ขายก่อนวายวอด! เทรดเดอร์ขาย CALL option หุ้นจีน ตัดใจเจ๊งยับ 3.5พันล้านบาท! เก็งผิดขา! #หุ้นจีน ร่วงหนัก ไหลไม่หยุด

    สั้นๆ ละกันนะครับ เคยอธิบายยาวๆ บ่อยแล้ว
    ซื้อ option ก็คล้ายๆ ประกันแบบหนึ่ง คือซื้อ "สิทธิ์ที่จะทำอะไร" --- แต่เมื่อถึงเวลา จะทำหรือไม่ทำก็ได้
    ถ้า call option ก็ สิทธิ์ที่จะซื้อ ส่วนถ้า put option ก็ สิทธิ์ที่จะขาย
    เราจะซื้อ call option ก็ต่อเมื่อ ตลาดกำลังเป็นขาขึ้น แล้วตัวเราจำเป็นต้องซื้อครับ
    หมายความว่า หมูปิ้ง ราคาสัปดาห์ก่อน 5 บาท แต่วันนี้ 7 บาทแล้ว เราเสียวว่าสัปดาห์หน้า จะพุ่งไป 10 บาท ซึ่งเราจำเป็นต้องซื้อไง เพราะเราจะกินหมูปิ้ง ไม่กินอย่างอื่น
    ทางหนึ่ง เราซื้อล่วงหน้าได้ ซื้อหมูปิ้งของสัปดาห์หน้า (ตลาดฟิวเจอร์ส)
    แต่อีกทาง เราไม่ซื้อ แต่ซื้อ "สิทธิ์ที่จะซื้อ" : เรายอมเสีย 50 สตางค์ตอนนี้ เพื่อที่ว่าถ้าสัปดาห์หน้า ราคาหมูปิ้งเป็นไงไม่รู้ล่ะ แต่เราจะซื้อได้ ที่ราคา 8.50 บาท
    หมายถึงแบบนี้ครับ หมายถึงว่าถ้าสัปดาห์หน้า ราคาหมูปิ้งในท้องตลาด ปาเข้าไป 10 บาท ก็ยิ้มเลย เราซื้อได้ที่ 8.50 บาทจ้า ยิ้มกว้างเลย
    แต่กลับกัน ถ้าราคาวันนั้นมันแค่ 7.50 บาท เราก็ไม่ต้องใช้สิทธิ์นี้ ทิ้งไปเปล่าๆ ปลี้ๆ เพราะเดินไปซื้อตามตลาดได้เลย (ขืนใช้สิทธิ์ก็บ้าสิ เพราะตามสิทธิ์จะซื้อแพงกว่า ที่ 8.50 บาท)
    นี่คือ call option ครับ ความถูกแพงขึ้นอยู่กับ strike price --- สมมติตัวอย่างตะกี้ ถ้าเราซื้อ "สิทธิ์ที่จะซื้อ" ที่ 8 บาท ก็ย่อมจะเสียค่า call option มากกว่า 50 สตางค์แน่
    และก็เวลาข้างหน้าในการ exercise สิทธิ์ด้วยครับ ที่มีผลต่อความถูกแพง
    วกเข้ามาที่ข่าวนี้ คือ ก่อนๆ นี้ หุ้นจีนเป็นขาขึ้นค่อนข้างแรงครับ ก็มีเทรดเดอร์ที่ไปซื้อ call option พอสมควร ซึ่งหุ้นจีนมันขึ้นแรงทีเดียวนะครับ แบบนี้ call option ก็จะยิ่งแพง --- ซึ่งแรกๆ ผลตอบแทน mark-to-market มันดีเลยล่ะครับ
    (ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเล่นท่าไหน คุณไม่จำเป็นต้องกินหมูปิ้ง คุณก็เข้ามาเล่นในตลาด option ได้ --- ซื้อๆ ขายๆ เฉพาะตัว option เลย)
    แต่พอมาถึงต้นปีนี้ โอ้โห หุ้นจีนมันดิ่งชอบกลๆ ซึ่งก็ไม่แน่ เดี๋ยวมันอาจจะขึ้นก็ได้นะครับ เวลามีอีกแยะ แต่เทรดเดอร์พวกนั้นเห็นท่าไม่ดี ยอมตัดใจขาดทุนดีกว่าครับ ขาย call option ทิ้ง (ปิด position) ซึ่งก็ทำให้ปลิวไปกับตา รวมกันเกิน 100 ล้านดอลลาร์เลยล่ะครับ

    https://www.bloomberg.com/news/arti...hina-etfs-swing-from-gain-to-100-million-loss

    https://www.facebook.com/share/18KitfecCQ/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฉุดไม่อยู่แล้ว! พันธบัตรอังกฤษบัดซบสุดในรอบ 26 ปี! หวั่นทำ "กองทุนบำเหน็จบำนาญ" ล้มทั้งยืน! ทำเอาฟันปลอมแทบหลุด!
    สถานการณ์ยิ่งวันยิ่งเลวร้าย ล่าสุด พันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 30 ปีนั้น yield ดีดทะลัก ขึ้นไปสูงสุดในรอบ 26 ปี
    (*bond : พันธบัตรหรือหุ้นกู้ ยิ่ง yield สูง ยิ่งราคาตก แปลว่า bond นั้นยิ่งไม่ดี)
    ซึ่งปกติแล้ว พวก pension fund กองทุนบำเหน็จบำนาญทั้งหลายแหล่ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของน่ะสิครับท่าน
    จุดประสงค์เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของวัยเกษียณ
    แต่บัดนี้ ... มั่นคง กลายเป็นสั่นคลอน
    ปลอดภัย กลายเป็นอันตรายที่สุด!
    เสียวสยอง!
    yield สูงปรี๊ดแบบนี้ คือ "ผลตอบแทน" performance เละเทะ
    เท่ากับว่า กองทุนฯ ประดานี้ เจอ "บททดสอบ" ที่หนักหน่วงสาหัสอย่างยิ่ง
    รอดไม่รอด ไหวไม่ไหว
    ลมหายใจของวัยไม้ใกล้ฝั่ง ฝากไว้ที่นี่!!!
    ตอนนี้ ที่ต้องทำ คือทุ่มเงินแหลกลาญ เพื่อบริหารความเสี่ยง hedging ในตลาด derivatives
    ซึ่งมันจะช่วย "หยุดเลือด" ได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ...
    ช่วงคับขันจนตรอกเช่นนี้ อยู่ที่พันธบัตรรัฐบาลอังกฤษเลยจริงๆ --- ถ้าถูกเทขายระห่ำแตกแบบนี้ เกรงว่าอะไรก็ยั้งไว้ไม่ได้
    และจินตนาการออกใช่ไหมครับท่าน
    ถ้ากองทุนบำเหน็จบำนาญ "พังทลาย" แล้วจะวุ่นวายโกลาหลขนาดไหน
    และ "โดมิโน่" จากพันธบัตรอังกฤษจะส่งผลเท่าไหร่ต่อโลกทั้งใบ
    ระเนนระนาด ...
    ระวัง
    https://www.reuters.com/markets/uk-...-first-big-test-since-2022-crisis-2025-01-10/
    https://www.facebook.com/share/1GxtAytofv/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150


    Screenshot_2025-01-11-12-37-36-63_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำแหน่งใหม่ของขั้วเหนือสนามแม่เหล็กโลกจาก 17 เดือนพฤศจิกายน 2567 ถึง 4 เดือน มกราคม 2568 ระยะทาง 7.7 ไมล์ จากข่าวที่เคยตาม ถ้าเดินหน้าไปไซบีเรีย มาก็ขึ้น ภัยพิบัติก็ยิ่งรุนแรงขึ้น และถ้าถอยกลับไปแคนนาดา ภัยพิบัติ ก็จะลดความรุนแรง แต่ตอนนี้เดินหน้าไปไซบีเรีย



    Screenshot_2025-01-11-12-50-39-07_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg Screenshot_2025-01-11-12-49-40-39_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg Screenshot_2025-01-11-12-50-06-20_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg Screenshot_2025-01-11-12-50-12-33_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg Screenshot_2025-01-11-12-50-16-26_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รีเช็ก ก่อนยื่นภาษี ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ประจำปีภาษี 2567 รายได้เท่าไรต้องเสียภาษี? ต้องเตรียมเอกสารอะไร มีค่าใช้จ่ายไหนที่นำมาลดหย่อนได้บ้าง?
    .
    วนกลับมาอีกครั้งสำหรับหน้าที่ของประชาชนไทยผู้มีรายได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนผู้แข็งแกร่งที่ถึงช่วงเวลาต้องยื่นภาษีประจำปีในรอบปีภาษี 2567 กันแล้ว
    .
    <เช็กก่อน! เงินเดือนเท่าไร ถึงเสียภาษี?>
    ตามกฎหมาย กรรมสรรพากรได้กำหนดเงินได้พึงประเมินขั้นต่ำ (ต่อปี) ที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
    1. คนโสด
    – มีเงินได้เงินเดือนประเภทเดียว เกิน 120,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91)
    – มีเงินได้ประเภทอื่นนอกจากเงินเดือน เกิน 60,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90)
    2. ผู้ที่มีคู่สมรส
    – มีเงินได้เงินเดือนประเภทเดียว ไม่ว่าฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกัน เกิน 220,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91)
    – มีเงินได้ประเภทอื่นนอกจากเงินเดือน ไม่ว่าฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกัน เกิน 120,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90)
    .
    สำหรับกองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง มีเงินได้เกิน 60,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90)
    .
    ส่วนคณะบุคคล/ห้างหุ้นส่วนสามัญ ที่มิใช่นิติบุคคล/วิสาหกิจชุมชน มีเงินได้เกิน 60,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90)
    .
    <คิดอัตราภาษีแบบขั้นบันได>
    โดยสรรพากรได้กำหนดอัตราภาษีแบบขั้นบันไดไว้ในการคำนวณอัตราภาษี ซึ่งรายได้สุทธิ (หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อน) จะถูกคำนวณภาษีตามอัตราข่างล่างนี้
    > 0 บาท – 150,000 บาท : ยกเว้นภาษี
    > 150,001 บาท – 300,000 บาท : ร้อยละ 5
    > 300,001 บาท – 500,000 บาท : ร้อยละ 10
    > 500,001 บาท – 750,000 บาท : ร้อยละ 15
    > 750,001 บาท – 1,000,000 บาท : ร้อยละ 20
    > 1,000,001 บาท – 2,000,000 บาท : ร้อยละ 25
    >2,000,001 บาท – 5,000,000 บาท : ร้อยละ 30
    > เกิน 5,000,000 บาท : ร้อยละ 35
    .
    <ยื่นแบบภาษีได้ตอนไหน?>
    กรมสรรพากรเปิดให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ประจำปีภาษี 2567 ได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา กรณียื่นแบบภาษีรูปแบบกระดาษ สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ยื่นได้ไปจนถึง 31 มีนาคม 2568
    .
    <ยื่นภาษีได้ 2 ช่องทาง>
    (1) ยื่นที่สำนักงานสรรพากร
    หากต้องการความยุ่งยาก(บ้าง) อยากใช้เวลาอยู่บนรถและท้องถนน ก็สามารถไปยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ได้ โดยในเขตกรุงเทพมหานคร ยังสามารถยื่นภาษีรายได้ที่
    1. สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
    2. ที่ทําการไปรษณีย์สําหรับการยื่นแบบ โดยสามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน พร้อมแนบเช็ค (ประเภท ข. ค. หรือ ง.) หรือธนาณัติ (ตามจํานวนเงินภาษีที่ต้องชําระทั้งจํานวน) ส่งไปยังที่อยู่ กองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร อาคารกรมสรรพากร เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
    .
    ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะถือเอาวันที่ลงทะเบียนไปรษณีย์เป็นวันรับแบบและชําระภาษี และจะส่งใบเสร็จรับเงิน ให้แก่ผู้ยื่นแบบทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
    .
    ส่วนใน ต่างจังหวัดสามารถยื่นภาษีรายได้ที่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
    .
    โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้
    1. แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90
    2. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
    3. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี เช่น หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต หนังสือรับรองการจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ
    4. เอกสารยืนยันสิทธิค่าลดหย่อนบิดามารดา (ใบ ล.ย. 03)
    .
    นอกจากเตรียมเอกสารเพื่อยื่นภาษีแล้ว ต้องเตรียมเงินเพื่อชำระเงินภาษี และเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ รวมทั้งค่าปรับตามกฎหมายสรรพากร ดังนี้
    1. ยื่นเกินกำหนดเสียค่าปรับ 2,000 บาท กรมสรรพากร ระบุว่าเตือนเรื่องค่าปรับกรณียื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เมื่อเกินกำหนดเวลาต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร แต่สามารถขอลดค่าปรับได้

    2. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 /91 ผ่านอินเทอร์เน็ต กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ หากมิได้ชำระเงินภาษีภายในวันที่ 31 มี.ค.ของทุกปี ถือว่ามิได้ยื่นแบบ ท่านต้องไปยื่นแบบ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา และชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ รวมทั้งค่าปรับตามข้อ 1
    .
    3. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เกินกำหนดเวลา
    – กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ รวมทั้งค่าปรับตามข้อ 1
    – กรณีไม่มีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระค่าปรับเพียงอย่างเดียว
    .
    4. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เพิ่มเติมภายหลังกำหนดเวลาการยื่นแบบ
    – กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ
    – กรณีไม่มีเงินภาษีต้องชำระ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มและค่าปรับ
    5. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ขอผ่อนชำระเงินภาษี หากมิได้ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในกำหนดเวลา จะหมดสิทธิ์การผ่อนชำระและต้องชำระภาษีอากรที่ค้างอยู่ทั้งหมด โดยต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินภาษีงวดที่เหลือ

    (2) ยื่นภาษีออนไลน์
    ใครที่ชอบความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่สำนักงานก็ยื่นผ่านช่องทางออนไลน์ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 ยังมีเวลาจัดเตรียมเอสารอีกหลายเดือนเลยทีเดียว ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
    1. เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน (50 ทวิ) จากบริษัท ซึ่งระบุว่ามีรายได้รวมเท่าไร มีการหักภาษีล่วงหน้าเท่าไรบ้าง
    2. รายการลดหย่อนภาษีที่รวบรวมไว้ตลอดทั้งปี เช่น ค่าเลี้ยงดูบิดา–มารดา หรือบุตร
    3. เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษีเพื่อนำมาใช้ในการกรอกแบบฟอร์มยื่นภาษี เช่น จำนวนเงินที่ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี, เบี้ยประกันชีวิต, เบี้ยประกันสุขภาพ หรือใบกำกับภาษีเต็มรูปของมาตรการ Easy E–Receipt เป็นต้น
    .
    <เช็ก 31 รายการลดหย่อนภาษีปี 2567 ก่อนยื่นแบบภาษี>
    ในการยื่นแบบภาษียังมีรายการลดหย่อนภาษีได้ 31 รายการ เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับเงินคืนมากยิ่งขึ้นด้วย โดยก่อนยื่นแบบภาษี BTimes แนะนำว่าให้กลับไปรีเช็กรายการที่มามารถนำมาใช้ลดหย่อนได้ ซึ่งรายการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มีรายละเอียด ดังนี้
    *สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ ประเภทส่วนตัวและครอบครัว*
    – ส่วนตัว 60,000 บาท
    – คู่สมรส (ไม่มีรายได้) 60,000 บาท
    – บุตร คนละ 30,000 บาท
    – บุตรคนที่ 2+ เกิดตั้งแต่ปี 2561 คนละ 60,000 บาท
    – ค่าคลอดบุตร ไม่เกินท้องละ 60,000 บาท
    – ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ คนละ 30,000 บาท
    – ค่าเลี้ยงดูผู้พิการ/ทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
    .
    *สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ ประเภทประกันชีวิตและการลงทุน*
    – ประกันชีวิตทั่วไป/สะสมทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท
    – ประกันสุขภาพตัวเอง ไม่เกิน 25,000 บาท
    โดยรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
    .
    – ประกันสุขภาพพ่อแม่ ไม่เกิน 15,000 บาท
    – ประกันชีวิตคู่สมรส (ไม่มีรายได้) ไม่เกิน 10,000 บาท
    – ประกันสังคม ไม่เกิน 9,000 บาท
    – เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ไม่เกิน 100,000 บาท
    – กองทุน Thai ESG 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 300,000 บาท
    – กองทุน SSF 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท
    – กองทุน RMF 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 500,000 บาท
    – ประกันบำนาญ 15% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท
    – กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ไม่เกิน 30,000 บาท
    – กองทุน PVD 15% ของค่าจ้าง ไม่เกิน 500,000 บาท
    – กองทุนสงเคราะห์ครูฯ ไม่เกิน 500,000 บาท
    – กบข. ไม่เกิน 500,000 บาท
    โดยจะต้องรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
    .
    *สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ ประเภทกระตุ้นเศรษฐกิจ*
    – ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 100,000 บาท
    – Easy E–Receipt 67 ไม่เกิน 50,000 บาท
    – เที่ยวเมืองรอง 2567 ไม่เกิน 15,000 บาท
    – สร้างบ้านใหม่ 2567–2568 ไม่เกิน 100,000 บาท (10,000 บาท ต่อค่าก่อสร้างทุก 1 ล้านบาท)
    .
    *สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ ประเภทช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย*
    – ค่าซ่อมบ้าน ไม่เกิน 100,000 บาท
    – ค่าซ่อมรถ ไม่เกิน 30,000 บาท
    (ที่จ่ายไประหว่าง 16 สิงหาคม ถึง 31 ธันวาคม 2567) *เฉพาะเขตพื้นที่ที่กำหนด
    .
    *สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ ประเภทเงินบริจาค*
    – กลุ่มการศึกษา/กีฬา/มูลนิธิด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 2 เท่าของเงินบริจาค (ตาม พ.ร.ฎ. 771 พ.ศ. 2566) ไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน (สำหรับการบริจาคผ่านระบบ e–Donation เท่านั้น)
    – บริจาคสถานพยาบาลของรัฐ 2 เท่าของเงินบริจาค ไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
    – บริจาคทั่วไปตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
    – พรรคการเมือง ไม่เกิน 10,000 บาท

    โดยบรรดา 31 รายการที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้เสียภาษี ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
    .
    <ขั้นตอนยื่นภาษีออนไลน์>
    1. เข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร คลิก https://efiling.rd.go.th/ หรือ https://efiling.rd.go.th/rd–cms/ ทำตามขั้นตอน
    โดยกด “ยื่นแบบออนไลน์” (สามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้–9 เม.ย. 2567) จากนั้น “เข้าสู่ระบบ” ด้วยเลขบัตรประชาชน (หากใช้บริการเป็นครั้งแรกกด “สมัครสมาชิก” แล้วทำตามขั้นตอน)
    จากนั้น ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP ผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้
    กดยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91
    .
    **ข้อควรรู้ : ภ.ง.ด.90 คือ คนที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ขายของออนไลน์แบบบุคคลธรรมดา หรือเงินปันผล/ภ.ง.ด.91 คือ คนที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีรายได้เสริมจากช่องทางอื่น
    .
    2. ดึงข้อมูลค่าลดหย่อนอัตโนมัติ
    กรอกข้อมูลรหัสหลังบัตรประชาชน แล้วกด “ตรวจสอบข้อมูล”
    ระบบจะแสดงข้อมูลค่าลดหย่อนต่างๆ ให้อัตโนมัติ จากนั้นกด “ตรวจสอบข้อมูลสำหรับยื่นแบบ”
    เลือกข้อมูลที่จะใช้ในการยื่นภาษี จากนั้นกด “เริ่มยื่นแบบ”
    .
    3. ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว และใส่สถานะ
    ระบบจะแสดงข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ทั้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร, ชื่อ–นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, สถานที่ติดต่อ, ร้านค้า/กิจการส่วนตัว (ถ้ามี) ให้ตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นให้ระบุ “สถานะ” โสด/สมรส/ม่าย
    .
    4. ระบุข้อมูลตามแหล่งที่มาของรายได้
    ระบบจะแสดงหน้ารายได้ต่างๆ โดยแยกตามแหล่งที่มาของรายได้ เช่น รายได้จากเงินเดือน, รายได้จากฟรีแลนซ์, รายได้จากทรัพย์สิน, รายได้จากการลงทุน และรายได้จากมรดกหากเป็นพนักงานประจำที่มีรายได้ช่องทางเดียวจากเงินเดือน ให้เลือก “ระบุข้อมูลช่อง 40(1)”
    .
    5. กรอกรายได้ทั้งปีตามใบ 50 ทวิ
    ในหน้านี้ให้กรอกรายได้ทั้งปีตามใบ 50 ทวิ ที่ทางบริษัทให้มา ดังนี้
    – เงินได้ทั้งหมดในปีที่ผ่านมา
    – ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ให้ดูว่าบริษัทมีการหักภาษีล่วงหน้าไปหรือไม่ หากไม่มีให้ระบุ 0 หรือถ้ามีก็ให้ระบุตามใบ 50 ทวิ
    – เลขผู้จ่ายเงินได้ของบริษัทที่ทำงานอยู่
    .
    6. ตรวจสอบค่าลดหย่อนทั้งหมด
    ในระบบจะแสดงข้อมูลค่าลดหย่อนให้อัตโนมัติ สามารถใส่เพิ่ม หรือปรับแก้ไขได้
    .
    7. ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด
    จากข้อมูลรายได้ทั้งปี และค่าลดหย่อนต่างๆ ระบบจะทำการคำนวณเงินที่ต้องเสียภาษี หรือได้คืนภาษีมาให้อัตโนมัติ โดยให้ตรวจสอบความถูกต้อง แล้วเลือกว่าจะขอคืนภาษีและอุดหนุนพรรคการเมืองหรือไม่
    .
    8. กดยืนยันการยื่นแบบ
    ให้ทำการตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง หากเรียบร้อย ถูกต้องแล้ว ให้ “กดยืนยันการยื่นแบบ” ก็เป็นการเสร็จสิ้นการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
    .
    **เทคนิคควรรู้: อัปโหลดเอกสารค่าลดหย่อนต่างๆ เพิ่มเติม และผูกหมายเลขบัญชีพร้อมเพย์ที่เป็นเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก เพื่อความรวดเร็วในการขอคืนภาษี
    .
    โดยสรรพากรยังเปิดให้ผู้ที่มีภาษีต้องชำระตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป สามารถขอผ่อนชำระภาษีได้ 3 งวด
    .
    นอกจากนี้ ยังสามารถยื่นภาษีแบบใหม่ ผ่านระบบ D–MyTax โดยสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ตามลิงก์นี้ ––>> https://shorturl.asia/PW34K
    .
    หากอ่านข้อมูลทั้งหมด ที่ BTimes นำมาฝากแล้วยังมีข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามไปยังศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (RD Call Center) โทร. 02–272–8000 หรือศึกษาเพิ่มได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร ที่ลิงก์นี้ ––>> https://shorturl.asia/V4zmu
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4gNyK32
    .
    Website: https://btimes.biz
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ยื่นภาษี2567 #ยื่นภาษี #ภาษี #ภาษีเงินได้ #รายได้ #ลดหย่อนภาษี #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/15whptLk7s/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดปี 2025 มา ก็ ...
    นับ 7 เซสชั่นแรกของปีนะครับ ปรากฏว่า -5.1% นี่คือแย่สุดตั้งแต่ปี 2016 เลยล่ะครับ สำหรับดัชนี CSI 300 ตลาดเซี่ยงไฮ้ (ซั่งไห่) และเซินเจิ้น
    ซึ่งที่จริง มันก็มาทรงนี้ตั้งแต่ปลายปี 2024 แล้วล่ะครับ เข็นไม่ไหว
    นอกจากนี้ ถ้าตามทฤษฎี เมื่อดู MSCI China Index (ที่ฝรั่งทำ) ก็จะเข้าสู่ bear market เต็มตัว คือวัดว่าลบถึง -20% จาก relative peak แล้ว (แต่ถ้าดู CSI 300 Index จะยังไม่ถึงนะครับ)
    หุ้นจีน ปี 2024 เป็นปีที่ชวนท้อ
    จากที่วาณิชธนกิจแห่เก็งว่าจะขึ้นๆ ปากเปียกปากแฉะ แต่ก็ไม่ขึ้นซะที จนต้องพากันปรับพยากรณ์ลงเอง แต่แล้ว ปลายๆ ปี ตอนสักปลายๆ ก.ย. ต่อ ต.ค. รัฐบาลจีนก็จัดใหญ่ไฟกระพริบ กระตุ้นเศรษฐกิจหนักๆ แบบเหลือเชื่อ แต่ก็เหมือนปั๊มหัวใจ พุ่งขึ้นปรู๊ด แล้วก็แผ่วลง (... ยังดีนะที่ไม่วูบกลับมาจุดเดิม)
    มันขึ้นต่อไม่ไหว ค่อยๆ ตกลงมาเรื่อยๆ
    เพราะที่รัฐบาลจีนออกมาตรการ พอเอาเข้าจริง มันก็ดูฉาบฉวยแบบผิวผ่าน ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น มันแค่หวือหวาช่วงแรกๆ ให้ตลาดตอบสนอง
    ถัดจากนั้น รัฐบาลก็ออกมาตรการนู่นนี่นั่นเป็นระยะๆ แต่ก็นั่นล่ะครับ เหมือนหมดมุข มันก็ได้แค่ปั๊มขึ้นมาหน่อยๆ แล้วก็แผ่วไป ตลาดไม่เชื่อมั่นเท่าไหร่แล้ว
    ปี 2025 เป็นโจทย์ยากครับ รัฐบาลจะทำอะไรให้ตลาดศรัทธาได้เป็นจริงเป็นจัง หรือจะว่าไป ควรจะถามเจาะไปที่ตัวเนื้อหนังมากกว่า ว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่แก้เศรษฐกิจได้จริงๆ ซึ่งดูแล้วยังยากมากๆ
    เป็นปีที่จีนยังน่าห่วงมากครับ
    https://www.bloomberg.com/news/arti...t-start-to-year-since-2016?srnd=homepage-asia
    https://www.facebook.com/share/p/15qpKDRn99/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jan 13, 2025 ด่วน! แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.4 แมกนิทูดที่จังหวัดมิยาซากิ จังหวัดโคจิในตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น กรมอุตุฯ ญี่ปุ่น ประกาศเตือนคลื่นยักษ์สึนามิ

    วันนี้ 13 มกราคม 2025 เมื่อเวลา 21:30 น. ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่นหรือตรงกับเวลา 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น รายงานว่าได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงวัดได้ 6.4 แมกนิทูด หรือเทียบเท่าได้กับมาตรวัดแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นในระดับที่ 5 จากทั้งหมด 0-7 ระดับ เกิดขึ้นที่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น ศูนย์กลางแผ่นดินไหวในครั้งนี้อยู่บนเกาะคิวชูที่บริเวณจังหวัดมิยาซากิ และจังหวัดโคจิ ส่งผลให้มีการประกาศคำเตือนคลื่นยักษ์สึนามิในบริเวณดังกล่าว

    #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #ญี่ปุ่น #สึนามิ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1RA5KCT2nz/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jan 14, 2025 แบรนด์จีนท่วม! แบรนด์อาหาร-เครื่องดื่มจีนหนีตายจากแผ่นดินแม่ แห่เปิดสาขาไหลทะลักท่วมอาเซียนพุ่ง 3 เท่า มีมากมายกว่า 6,100 สาขา คาดตลาดทานข้าวนอกบ้านในอาเซียนโตแตะกว่า 4.6 ล้านล้านบาท ฟื้นตัวเกิน 100% จากช่วงก่อนโควิด-19

    โมเมนตัม เวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทบริการการปรึกษาการลงทุนแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ในปี 2024 ผ่านไป แบรนด์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติจีนรวมทั้งหมด 60 ยี่ห้อ เช่น ชานมมี่เสียว ร้านกาแฟลัคกิ้งคอฟฟี่ ร้านสุกี้ไห่ตี๋เหล่า เข้ามาทำธุรกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลมีสาขาของแบรนด์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติจีนรวมกันกว่า 6,100 สาขาในอาเซียน ดังนั้น จำนวนสาขาทั้งหมดของแบรนด์สัญชาติจีนในอาเซียนเพิ่มสูงถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่มีทั้งหมดกว่า 1,800 สาขาในอาเซียน

    สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็น 2 ประเทศที่มีจำนวนแบรนด์สัญชาติจีนมากที่สุดในอาเซียน สาเหตุจากสัดส่วนประชากรในทั้ง 2 ประเทศสามารถพูดภาษาจีนกลางมีมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียนด้วยกัน ส่งผลต่อความง่ายในการเข้าถึงผู้บริโภคในสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะที่ อินโดนีเซียและเวียดนาม เป็น 2 ประเทศรวมกันที่มีสาขาของแบรนด์สัญชาติจีนถึง 2 ใน 3 หรือกว่า 66% ของทั้งหมด โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่เล่นตลาดระดับล่างในอินโดนีเซียและเวียดนาม

    สาเหตุจากการแข่งขันของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายในประเทศจีนที่รุนแรงถึงขั้นหายใจรดต้นคอนั้น ทำให้แบรนด์ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกๆด้านของการปฎิบัติงาน ที่ครบวงจรของธุรกิจประเภทนี้ เปิดใหม่ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อยู่รอดได้ภายในประเทศนอกจากนี้ยังมองโอกาสในการขยายธุรกิจออกสู่ต่างประเทศ เพื่อทำให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องและชดเชยการแข่งขันที่รุนแรงในประเทศจีน

    ในขณะเดียวกันจะพบว่าการทานอาหารนอกบ้านในตลาดอาเซียนมีการฟื้นตัว หลังจากที่สิ้นสุดวิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 มูลค่าตลาดรับประทานอาหารนอกบ้านใน 6 ประเทศชั้นนำในอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2023 เติบโตขึ้นเป็น 127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.4 ล้านล้านบาท นั่นหมายความว่าตลาดดังกล่าวได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโลกระบาดโควิด-19 ซึ่งในปี 2019 มีมูลค่าอยู่ที่ 115,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4 ล้านล้านบาท และฟื้นตัวจากในช่วงระบาดอย่างรุนแรงที่สุดในปี 2021 ที่ 80,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.8 ล้านล้านบาท ในขณะที่ คาดการณ์ว่าตลาดรับประทานอาหารนอกบ้านจะขยายตัวปานกลางในปี 2024 ผ่านไปด้วยมูลค่า 132,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.6 ล้านล้านบาท

    ทั้งนี้ มูลค่าตลาดเครื่องดื่มและอาหารใน 11 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาเซียนคิดเป็นเพียง 17% ของมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในประเทศจีนนั้น ตลาดดังกล่าวในอาเซียนกลับเป็นตลาดที่มีการแข่งขันน้อยกว่ามาก ในมุมมองของเจ้าของแบรนด์ในธุรกิจดังกล่าว

    #แบรนด์ #แบรนด์จีน #อาหาร #เครื่องดื่ม #จีน #อาเซียน #กาแฟ #ชา #มี่เสียว #เศรษฐกิจ #ไทย #สิงคโปร์ #เวียดนาม #เอฟแอนด์บี #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/18YqzHu4Jk/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jan 13, 2025 มีแรงหนุน! วิจัยฯ กรุงไทยประเมินจีดีพีไทยปี 2568 โตได้ 2.7% แรงหนุนของภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชน และมาตรการของภาครัฐ
    .
    ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.7% จากแรงกดดันของสงครามการค้าที่กลับมาเร่งตัวขึ้นและความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกอาจขยายตัวเพียง 2% ชะลอลงจากปีก่อน แม้ในครึ่งปีแรกคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี แต่ความชัดเจนเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะกดดันการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับปัญหาเชิงโครงสร้างด้านการส่งออกสินค้าที่ยังมีอยู่ท่ามกลางการตีตลาดที่รุนแรงและขยายวงมากขึ้นจากปัจจัยOversupply ในจีน
    .
    สำหรับภาคการท่องเที่ยว เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 ที่ 39 ล้านคน เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชน ที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เติบโต โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต ขณะที่ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการที่จะทยอยดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปี ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และเฟส 3 รวมถึงมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกมีโมเมนตัมและเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความจำเป็นที่ภาครัฐอาจพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ
    .
    ทั้งนี้ Krungthai COMPASS มองว่า ปี 2568 นี้ เป็นปีแห่งจุดพลิกผันสำคัญ (Inflection point) ของเศรษฐกิจไทย โดยมีความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนในหลากหลายมิติ ดังนี้
    .
    สงครามการค้ารอบใหม่ ทำให้สินค้าส่งออกของไทยที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง เสี่ยงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอุตสาหกรรมที่อาจถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 40%-60%
    .
    เศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ ถึง 48% ของจีดีพี ทำให้จำเป็นต้องเร่งผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบมากขึ้น เพื่อพลิกศักยภาพเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น
    .
    อุตสาหกรรมยานยนต์ภายใต้ Perfect Storm ที่รถยนต์สันดาปยากจะกลับไปสู่ยุครุ่งเรือง โดยคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2568-69 อยู่ที่ 1.47-1.53 ล้านคัน/ปี ลดลงจากค่าเฉลี่ยในอดีตกว่า 15% จากปัจจัยด้านกำลังซื้อครัวเรือนไทย กระแส EV และการแข่งขันด้านราคารุนแรง
    .
    พลิกโฉมการท่องเที่ยวด้วย Man-made Destination เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่และเพิ่มเม็ดเงินท่องเที่ยวให้สะพัดมากขึ้น ซึ่งคาดว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวนต่างชาติ กลุ่ม Man-made ในไทย ปี 2568 จะอยู่ที่ราว 58,300 บาท/คน/ทริป ซึ่งสูงกว่าในกรณีนักท่องเที่ยวทั่วไปกว่า 19%
    .
    ปลดพันธนาการที่เหนื่ยวรั้งเศรษฐกิจไทย ทั้งความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนที่เมื่อรวมกับหนี้นอกระบบสูงถึง 104% ของ GDP ซึ่งต้องยกระดับรายได้ และ Safety Net ของครัวเรือนอย่างเป็นระบบ สอดรับกับมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ก้าวทันกระแสโลกและลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ อาทิ Regulatory Guillotine เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
    .
    "Krungthai COMPASS มองว่าปี 2568 เป็นจุดพลิกผัน หรือ Inflection Point ของเศรษฐกิจไทย ที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการตั้งคำถามและหาแนวทางในการยกระดับรายได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดจากนโยบายระยะสั้นที่ได้ช่วยกระตุกเศรษฐกิจไทยไปแล้วไปปี 2567 ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4jeHm4o
    .
    Website: https://btimes.biz
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #วิจัยกรุงไทย #กรุงไทย #ท่องเที่ยว #KrungthaiCOMPASS #ลงทุน #การบริโภคภาคเอกชน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/15VMFZbrgd/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัย! แบงค์1,000 ปลอมระบาด
    จีนเทามันผลิตมาใช้ ระวังด้วย หมวด754556865 เลขเดียวกันหมดเลย!!! ️‍♀️ FB_IMG_1736901350615.jpg
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1736949827254.jpg FB_IMG_1736949830719.jpg

    ค่า SAT ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งและตอนนี้สูงกว่าระดับปี 2024 อย่างมาก
    เดือนมกราคม 2024 เป็นเดือนที่มี "อุณหภูมิผิดปกติ" มากที่สุดในบรรดาเดือนที่มีอากาศอบอุ่นเป็นพิเศษนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023
    อุณหภูมิผิดปกติอยู่ที่ 1.5°C ตั้งแต่ปี 1850 ถึง 1900 ดังนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าอุณหภูมิจะพัฒนาต่อไปอย่างไร...
    https://www.facebook.com/share/p/14fizejjAk/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวา “นโยบายทรัมป์ 2.0” ป่วนเศรษฐกิจโลก ไทยหนีไม่พ้นอยู่บนความเสี่ยง ต้องตั้งรับแบบใด?
    .
    การกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก โดยเฉพาะ “นโยบาย ทรัมป์ 2.0” ที่น่าจับตามากที่สุด นั่นคือการขึ้นภาษีนำเข้า เพราะมีผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก แถมยังกระทบไปยังตลาดทุน หุ้น ตลาดเงิน ที่มองได้ชัดก็ค่าเงินบาทไทย ที่เมื่อทรัมป์ขยับปากร่ายนโยบาย หรือแนวทางการบริหารงานหลังพิธีสาบานตน เช่น ประเด็นที่สหรัฐยังจะต้องลดดอกเบี้ยนโยบาย ก็ทำให้ดอลลาร์กลับอ่อนค่าดันบาทไทยแข็งค่าได้ หรือแม้แต่สร้างความกังวลให้ตลาดหุ้นทั้งสหรัฐและไทยเช่นกัน
    .
    แม้ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มกำลังพัฒนา และเป็นประเทศเล็กๆ เมื่อเทียบกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ แต่บรรดากูรู นักวิเคราะห์ หน่วยงานต่างๆ เริ่มมีมุมมองในทิศทางเดียวกันว่าไม่ใช่แค่จีนที่สหรัฐเล็งเป้าในการขึ้นภาษี แต่ประเทศไทยก็มีความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีสูงขึ้นเช่นกัน
    .
    บทวิเคราะห์ของ KKP Research เรื่องไทยเตรียมรับแรงกระแทกจาก Trump 2.0 ชี้ว่าแนวคิดการขึ้นภาษีของทรัมป์ที่ใช้นโยบายการขึ้นภาษีสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงกับประเด็นต่างๆ สร้างความเป็นธรรมให้กับสหรัฐฯ นั้น ทรัมป์คิดแล้วว่าเครื่องมือสำคัญที่สหรัฐฯ จะใช้เจรจาการค้าที่เป็นธรรมคือการใช้ภาษีนำเข้าในการต่อรองกับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุเป้าหมายของนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงประเด็นผู้อพยพ ยาเสพติด ค่าใช้จ่ายทางการทหาร การเปิดตลาดให้สหรัฐฯ และประเด็นการค้าและธุรกิจอื่นๆ
    .
    ซึ่ง 5 กลุ่มเป้าหมายสำคัญที่สหรัฐเล็งขึ้นภาษี ได้แก่
    1. บริษัทสัญชาติอเมริกา ที่ย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศและส่งสินค้ากลับไปขายผู้บริโภคในสหรัฐฯ
    2. สินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยตรง และส่งผลกระทบด้านลบต่อผู้ผลิตท้องถิ่น
    3. ประเทศที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ขนาดสูง ไม่ว่าจะเป็น เม็กซิโก แคนาดา เวียดนาม (และอาจจะรวมถึงไทยด้วย)
    4. สินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ผ่านประเทศที่สาม เพื่อพยายามหลบหลีกภาษีนำเข้า (ซึ่งหนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นไทยด้วย จากปริมาณสินค้าจีนที่ทะลักมาในบ้านเรามหาศาลตอนนี้)
    5. ประเทศที่มีมาตรการกีดกันสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านภาษีหรืออื่นๆ
    .
    ภาษีนำเข้าอาจไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดดุลทางการค้าเรื้อรังได้ทั้งหมด แต่ประธานาธิบดีทรัมป์มองว่าจะใช้การขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือสำคัญในการกดดันประเทศหรือบริษัทต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการค้าที่เป็นธรรมมากขึ้น และแม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่สามารถผลิตสินค้าทุกอย่างเองได้ทั้งหมด แต่หากนโยบายเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสินค้าที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญและสามารถลดมาตรการกีดกันสินค้าสหรัฐฯ ได้ ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาวเติบโตได้ดีมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่น
    .
    <ทำไมไทยถึงเสี่ยงเข้าข่ายเป็นประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ ?>
    KKP research ระบุไว้ว่า
    1. การเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ของอาเซียน ซึ่งไทยมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งมีขนาดเกินดุลมากที่สุดคิดเป็นอันดับที่ 11 จากประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ ทั้งหมด แม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นประเทศที่มีขนาดเกินดุลกับสหรัฐฯ มากที่สุด แต่หากสหรัฐฯ มองไทยและประเทศอื่นในอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศเดียวกันทั้งหมดจะพบว่ากลุ่มประเทศอาเซียนมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่ที่ 2.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอันดับที่ 2 รองจากจีนเท่านั้น
    .
    ประเทศในกลุ่มอาเซียนจึงมีความเสี่ยงที่จะเจอกับมาตรการกีดกันการส่งออกจากสหรัฐฯ พร้อมกันทั้งหมดได้ โดยสินค้าของไทยที่มีการเกินดุลในระดับสูง เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ ยางรถยนต์ เป็นต้น สินค้าเหล่านี้อาจถูกยกขึ้นมาเป็นเป้าหมายของภาษีนำเข้าและเป็นเป้าหมายในการเจรจาหากสหรัฐฯ ต้องการที่จะเล่นงานการเกินดุลการค้าของไทย
    .
    2. ทางผ่านสินค้าจีนที่ส่งจากไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ จากการที่มีสินค้ากลุ่มที่สอง อาจตกเป็นเป้าหมายของหรัฐฯ คือสินค้าที่จีนใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า นับตั้งแต่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในปี 2018 ดุลการค้าของไทยที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯ พร้อมกับการขาดดุลกับจีนที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ทำให้เราตั้งข้อสงสัยว่ากิจกรรมการค้าบางส่วนที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในไทยส่วนหนึ่งคือการหลีกเลี่ยงภาษีจากสหรัฐฯ ของจีน แม้ว่าจะประเมินได้ยากว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่เข้าข่ายและกิจกรรมเหล่านี้มีมูลค่ารวมเท่าไร แต่สินค้าอย่างแผงโซลาร์เซลล์ โมเด็ม/เราเตอร์ หรือหม้อแปลงไฟฟ้า อาจเข้าข่ายสินค้าจีนใช้ตลาดไทยเป็นทางผ่านในการส่งไปยังตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น
    .
    โดยข้อมูลจาก ITC Trade map แสดงให้เห็นว่าปริมาณการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากจีนสะสมต้องแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2022 มีปริมาณใกล้เคียงกับปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สหรัฐฯ ทราบเป็นอย่างดีและเพิ่มมาตรการกีดกันสินค้าเหล่านี้ จนกว่าแนวโน้มการส่งออกจะลดลง สหรัฐฯ อาจถึงขั้นกำหนดว่าประเทศที่เข้าข่ายเป็นทางผ่านจะต้องพิสูจน์มูลค่าเพิ่ม เพื่อแสดงให้เห็นว่ามูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากจีนและนั่นอาจทำให้กระบวนการทางการค้าในอนาคตมีความยุ่งยากและต้นทุนมากขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการไทย
    .
    3. มาตรการกีดกันสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยในประเด็นที่ประธานาธิบดีทรัมป์หาเสียงไว้หลายครั้งคือนโยบาย Reciprocal Trade Act กล่าวคือหากประเทศไหนขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีกลับในอัตราที่เท่ากันในสินค้าเหล่านั้น นี่คือหนึ่งในหลักการสำคัญของการค้าที่เป็นธรรมในมุมมองของประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมาคิดภาษีนำเข้าบนสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่าที่สหรัฐคิดกับประเทศเหล่านั้น
    .
    ในกรณีของประเทศไทย สินค้าหลักที่ไทยคิดภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงกว่าสหรัฐฯ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ผลิตภัณฑ์อาหาร ยานพาหนะสำหรับการคมนาคม โดย KKP Research มองว่าสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว เพราะหากดูสัดส่วนการนำเข้าของไทยจะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าเหล่านี้น้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนที่สหรัฐฯ ส่งออกให้โลก ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะส่วนต่างของภาษีนำเข้าที่อยู่ในระดับสูง รวมไปถึงว่าไทยมีการใช้มาตรการปกป้องผู้บริโภคไทยจากสารเร่งเนื้อแดงของสหรัฐฯ ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี (Non–tariff barrier) และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้าจากไทยมีความได้เปรียบกว่าสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นธรรมและใช้เป็นเหตุผลในการขึ้นภาษีกับสินค้าไทยได้
    .
    <ผลกระทบที่จะเกิดกับไทย มีอะไรบ้าง?>
    ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับไทยในอนาคตนั้น ก็ได้แก่ สินค้าที่ไทยผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯ อาทิ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ยางรถยนต์ เป็นต้น จะได้รับผลกระทบ สินค้าที่เข้าข่ายเป็นสินค้าจีนที่ส่งผ่านไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มหดตัวในระยะข้างเนื่องจากนโยบายสหรัฐฯ ที่จะเพ่งเล็งสินค้านี้เป็นพิเศษ หรือไทยอาจถูกบังคับให้นำเข้าเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ โดยที่ไทยอาจต้องเลือกระหว่างลดภาษีนำเข้าและมาตรการกีดกันอื่นในกลุ่มสินค้าอื่นๆ (เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร) เพื่อเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ หรือสินค้าส่งออกไทยอาจเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น รวมไปถึงสินค้าจีนมีโอกาสทะลักเข้าไทยมากขึ้น ซึ่งยิ่งสหรัฐฯ กดดันจีนมากเท่าไหร่ผ่านการขึ้นภาษีนำเข้า จีนอาจยิ่งตอบโต้ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและสนับสนุนให้ธุรกิจหาตลาดส่งออกอื่น โดยเฉพาะตลาดอาเซียน เพื่อแทนที่ตลาดสหรัฐฯ เป็นต้น
    .
    <เอกชนอยากให้รัฐตั้งทีมเจรจารับมือ “ทรัมป์”>
    คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และหอการค้าไทย เสนอว่าให้ภาคเอกชนเป็นตัวแทนในทีมเจรจาที่รัฐบาลจัดตั้งเพื่อรับมือผลกระทบต่างๆ เพราะเอกชนเป็นผู้ที่อยู่ในสนามการค้าโดยตรง มีข้อมูลเชิงลึก สามารถสะท้อนปัญหาที่แท้จริงให้รัฐบาลใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนรับมือ พร้อมเจรจาต่อรองในสินค้าอื่นด้วย
    .
    ขณะเดียวกันทีมเจรจาควรให้ความสำคัญกับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับสหรัฐ และส่วนหนึ่งก็มีผลต่อตัวเลขการส่งออกทางอ้อมของไทย อีกทั้งทีมเจรจาควรจะมีการพิจารณาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย เพื่อสร้างสมดุลทางการค้าและลดความเสี่ยงจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์
    .
    <แนะไทยวางตัวเป็นกลางอย่างชัดเจน>
    ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มองว่าในประเด็นนโยบายทรัมป์ 2.0 เรื่องที่ดีคือสงครามการค้าที่ประกาศว่าจะขึ้นกำแพงภาษีกับประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐในระดับสูงได้ชะลอออกไปก่อน ทำให้การตอบรับการกลับมาของทรัมป์ผ่านทั้งหุ้นสหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทองคำ และสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) ที่ประกาศไว้ว่าจะหาที่ยืนของคริปโทฯ เพื่อทำตามเทรนด์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น เป็นการตอบรับในเชิงการปรับตัวขึ้น
    .
    หากประเมินผลกระทบต่อประเทศไทย มีหลายส่วนเพราะมีความเชื่อมโยงต่างประเทศหลายส่วน ได้แก่ การส่งออก การท่องเที่ยว เงินทุนไหลเข้า และค่าเงิน เพราะประเทศไทยเป็นเกาะเล็กๆ ของโลก ประเด็นเหล่านี้จึงมีความสำคัญกับไทย โดยมองว่าสงครามการค้า ตอนนี้เป็นการต่อรองกันอยู่ จะสู้กันอย่างไร ตรงนี้มีปัญหาแน่ แต่จะเมื่อใดและมากน้อยเท่าใดเท่านั้น โดยสงครามการค้าของไทยน่าจะบริหารจัดหารได้ เพราะมีความประหลาดจากเดิมเป็นสงครามการค้าที่ 1 คนทะเลาะกับทั่วโลก ไม่ได้เป็นกลุ่มๆ ที่ทะเลาะกัน เป็นการขึ้นภาษีเฉพาะเจาะจงกับจีน และโรงงานจีนที่ไปตั้งหลบซ่อนในแต่ละประเทศที่วางไว้
    .
    จึงอยากให้ประเทศไทยวางตัวเป็นกลางอย่างชัดเจน อาจมีปัญหาในเรื่องการเข้ามาจัดตั้งโรงงานจีนในไทยมากอยู่ แต่น่าจะเป็นการต่อสู้แบบเฉพาะเจาะจง เนื่องจากมองว่าไทยยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการต่อสู้กับจีน
    .
    “สมรภูมิการเมืองระหว่างสหรัฐและจีนจะรุนแรงคุกรุ่นมาก แต่มองว่าประเทศไทยอาจได้รับอานิสงส์ผลดีก็ได้ จากที่หลายคนประเมินกันว่าจะแย่หมด เพราะคิดง่ายๆ คือหากสหรัฐการขึ้นภาษีกับจีนแค่ 30% ไม่ต้องถึง 60% ก็ได้ แต่ขึ้นภาษีสินค้าไทย 10% เมื่อขึ้นภาษีแล้วราคาสินค้าทุกอย่างที่มาจากจีนจะปรับขึ้น 30% ไทยขึ้นเพียง 10% เราจึงอาจได้อานิสงส์จากส่วนแบ่งสินค้าของจีนที่หายไป ซึ่งถือเป็นหัวใจที่ได้รับประโยชน์จากสงครามการค้า”
    .
    <คลังยันติดตามผลกระทบใกล้ชิดอยู่แล้ว>
    คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ประเมินผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า และการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ตามนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทย แต่ก็เชื่อว่าไม่ได้เป็นปัญหาทั้งหมด สิ่งสำคัญคือต้องมาจับตาอย่างใกล้ชิด
    .
    ส่วนกรณีที่เอกชนเสนอให้ตั้งวอร์รูมนั้น มองว่าทุกกระทรวงทำอยู่แล้ว อาจไม่ถึงวอร์รูม แต่มีทีมที่ติดตาม เพื่อประเมิรว่าจะมีผลกระทบในมิติใดบ้าง นอกจากนี้ได้ตั้งทีมเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ เพื่อลดผลกระทบให้น้อยที่สุด พร้อมหาโอกาสทางการค้าเพื่อให้สินค้าไทยได้ส่งออกไปอเมริกาได้มากขึ้น
    .
    เอฟเฟ็กต์จากนโยบายทรัมป์ ที่ไทยต้องเป็นห่วงยังมีอีกหลายด้าน อาจมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง แต่ที่แน่ๆ การบริหารงานของรัฐบาลสหรัฐที่นำโดย ประธานาธิบดีที่ชื่อว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จะตามมาด้วยความปั่นป่วนไปทั่วโลก ซึ่งไทยเองก็ไม่ควรประมาท และเชื่อว่าหลายฝ่ายจะเฝ้าติดตามผลกระทบที่จะเกิดกับไทยและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดแน่นอน...
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4jrXLCB
    .
    Website: https://btimes.biz
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #โดนัลด์ทรัมป์ #ลงทุน #เศรษฐกิจโลก #เศรษฐกิจไทย #นโยบายทรัมป์20 #การค้า #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1B54ieFzMi/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jan 25, 2025 ครบทุกโรค! ฝุ่น PM2.5 เพิ่มเสี่ยงซึมเศร้า-ฆ่าตัวตายในผู้ใหญ่ กดไอคิวลดต่ำในเด็กเล็ก คนไทยป่วยโรคทางเดินหายใจพุ่งปีละกว่าล้านคน ตะลึงป่วยพุ่ง 80% มากกว่า 5 ล้านคนใน 5 ปีผ่านมา

    สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยในปี 2566 ว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจจาก ซึ่งเกิดขึ้นจากสาเหตุของฝุ่นพิษ PM 2.5 มีจำนวนมากกว่า 10.5 ล้านคน หากย้อนกลับไปในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 สภาพัฒน์เปิดเผยรายงานภาวะสังคมในช่วงเวลาดังกล่าวว่า ผลกระทบจากฝุ่นพิษ PM2.5 มีต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิต โดยอ้างถึงรายงานของผลการศึกษาองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ว่า ฝุ่นพิษ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า และเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายสูงขึ้น หากสามารถลดระดับฝุ่น PM2.5 ลงมาอยู่ที่ระดับ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรได้ จะช่วยลดอัตราซึมเศร้าได้ถึง 2.5%

    สอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า คนไทยป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับมลพิศทางอากาศเพิ่มขึ้น ซึ่งมีทั้งหมด 13 กลุ่มโรค และหนึ่งในปัจจัยกระตุ้น คือมลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 จำนวนการป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศของไทย พบว่า คนไทยป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 5 ปีติดต่อกัน เริ่มจากปี 2563 มีจำนวน 6,880,709 ราย ปี 2564 มีจำนวน 7,792,689 คน ปี 2565 มีจำนวน 10,361,085 คน ปี 2566 มีจำนวน 11,230,456 คน และปี 2567 มีจำนวน 12,368,119 คน นั่นหมายถึงในช่วง 5 ปีติดต่อกันผ่านมามีจำนวนคนไทยป่วยเพิ่มขึ้นถึง 5,487,410 คน หรือพุ่งขึ้น 79.75% หรือเฉลี่ยป่วยเพิ่มขึ้นปีละ 1,097,482 คน หรือเฉลี่ยป่วยมากขึ้นปีละ 15.95%

    พญ.นงนภัส เก้าเอี้ยน กุมารแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า ฝุ่นพิษ PM 2.5 กลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงสำหรับเด็กที่ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ การสัมผัสฝุ่นในระยะยาวอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ หรือมีไอคิวลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การสัมผัสฝุ่นเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้เด็กมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคตเร็วกว่าที่คิด

    #ฝุ่นpm25 #ฝุ่น #กรุงเทพ #เศรษฐกิจ #ไทย #BTimes #ซึมเศร้า #ฆ่าตัวตาย #ไอคิว

    https://www.facebook.com/share/p/1991BU9xeq/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1737796585396.jpg

    ดอลลาร์ร่วงแรงสุดในรอบปีกว่า! เพราะทรัมป์เบรกหัวทิ่ม! "กำแพงภาษี" ส่อพลิกเบากว่าที่เคยขู่เยอะ!
    ดัชนีดอลลาร์ DXY ดิ่งวูบ 1.6%ในสัปดาห์ที่เพิ่งจบไป --- สถิติลดลงแรงสุดในรอบ 14 เดือน
    ก็ไม่ต้องสงสัยเลย ก่อนนี้ที่ดอลลาร์พุ่งเพราะกระแส TRUMP TRADE --- "แข็ง" กระฉูดหลังรู้ผลเลือกตั้ง (จริงๆ ก็ "แข็ง" ขึ้น ตั้งแต่ช่วง 1 เดือนก่อนจะเลือกตั้งแล้ว เพราะเก็งทรัมป์)

    สรุป กำแพงภาษีจีน ไม่เอาแล้วเรอะ? ... รึเอา ก็เกรงว่าจะแค่เบาะๆ

    "เบรกตัวโก่ง" กันเลยทีเดียว

    ปัจจุบัน ดัชนีดอลลาร์ 107.4 จุด --- ลดลงพอควร จาก "พีก" ช่วงกลางๆ เดือน ม.ค. นี้ ที่ฟาดไปถึง 110.2 จุด
    กลับตัวเป็น "ขาลง" (หรือว่า "ขาอ่อน") ???
    อะไรยังไง นี่ก็ยังไม่หนีจากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเท่าไรนัก
    ลุ้นได้อยู่ --- อยู่ที่ความแปรปรวนของทรัมป์ ว่าจะผันไปออกหน้าไหน

    ทางเทคนิคด้วยแหละ
    เพราะเฮดจ์ฟันด์แห่งเก็งฟิวเจอร์สดอลลาร์มหาศาลเกิน ...
    สถานะ LONG position สุทธิ กระชากขึ้นไปสูงสุดในรอบเกือบๆ 6 ปี
    (*LONG คือ เก็งขาขึ้น (ขาแข็ง) --- ดอลลาร์แข็งแล้วได้กำไร)
    ปกติ สูงขนาดนี้ จะตกกลับลงมา (เพราะมันต้อง liquidate --- ขายทำกำไรบางส่วน ในจุดเสียวแบบนี้ที่รุมเก็งกันมากเกิน)

    ดอลลาร์อ่อนลง เป็นแค่พักชั่วคราว?
    พอดอลลาร์อ่อน เงินสกุลอื่นก็ได้หายใจหายคอ
    (หยวน ยิ่งชัด ยิ่งดีดแข็งขึ้นมาดึ๋งดั๋ง --- จากสัปดาห์ก่อน อ่อนแถว 7.33 หยวน/ดอลลาร์ มาล่าสุดแข็งไปถึง 7.24 แล้ว! ตอบสนองเร็ว!)

    ถามย้ำอีกที
    ดอลลาร์อ่อนลง เป็นแค่พักชั่วคราว?
    ก็คำตอบทั้งหมดทั้งมวล อยู่ที่ท่วงท่าลีลาของทรัมป์คนเดียว

    วันต่อวันเลย
    ติดตาม!

    https://www.bloomberg.com/news/arti...rst-week-in-18-months-as-tariff-risks-subside
    https://www.reuters.com/markets/global-markets-wrapup-6-pix-2025-01-23/
    https://www.facebook.com/share/p/1KcoJBesdc/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,867
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 25 ม.ค. 2568 สำนักข่าวแนวหน้า อ้างอิงสำนักข่าวข่าวรอยเตอร์ โดยรายงานข่าว US issues broad freeze on foreign aid after Trump orders review ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ออกคำสั่ง "หยุดดำเนินการ" เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2568 สำหรับความช่วยเหลือต่างประเทศที่มีอยู่ทั้งหมด และระงับความช่วยเหลือใหม่ หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งระงับการดำเนินการเพื่อตรวจสอบว่าการจัดสรรความช่วยเหลือสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของเขาหรือไม่
    .
    รายงานดังกล่าวซึ่งจัดทำโดยสำนักงานความช่วยเหลือต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศและได้รับการอนุมัติจาก มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุว่า ได้ออกคำสั่งยกเว้นสำหรับการจัดหาเงินทุนทางทหารสำหรับอิสราเอลและอียิปต์แล้ว โดยไม่มีการกล่าวถึงประเทศอื่นใดในรายงานดังกล่าว
    .
    เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ทรัมป์ได้สั่งระงับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาต่างประเทศ ของหน่วยงาน USAID เป็นเวลา 90 วัน โดยรอการพิจารณาประสิทธิภาพและความสอดคล้องกับนโยบายของเขา แต่ยังไม่ทราบขอบเขตของคำสั่งดังกล่าวในทันที ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สุ่มเสี่ยงที่จะตัดความช่วยเหลือเพื่อช่วยชีวิตมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เป็นผู้บริจาคความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปีงบประมาณ 2566 สหรัฐฯ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.5 ล้านล้านบาท
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะต้องดำเนินการให้มั่นใจว่าจะไม่มีการผูกมัดใดๆ ต่อความช่วยเหลือต่างประเทศในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต จนกว่ารูบิโอจะตัดสินใจหลังจากพิจารณาทบทวน โดยรายงานระบุว่า คำสั่งระงับสำหรับความช่วยเหลือต่างประเทศที่มีอยู่จะมีผลทันทีจนกว่ารูบิโอจะพิจารณาทบทวน
    .
    เจเรมี โคนินไดค์ (Jeremy Konyndyk) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานองค์กร Refugees International วิพากษ์วิจารณ์ท่าทีดังกล่าวว่าเป็น “ความโง่เขลา” เพราะการทำแบบนี้จะทำให้ผู้คนเสียชีวิต ไม่มีทางเลยที่จะมองว่านี่เป็นความพยายามโดยสุจริตใจที่จะทบทวนประสิทธิผลของโครงการความช่วยเหลือต่างประเทศอย่างจริงใจ แต่เป็นเพียงลูกตุ้มทำลายล้างเพื่อทำลายสิ่งของต่างๆ ให้ได้มากที่สุด
    .
    แหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ ให้ข้อมูลว่า คำสั่งของทรัมป์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย การระงับการลงทุนระหว่างประเทศเหล่านี้จะทำให้พันธมิตรระหว่างประเทศของเราหันไปหาพันธมิตรด้านเงินทุนรายอื่น ซึ่งน่าจะเป็นคู่แข่งและศัตรูของสหรัฐฯ เพื่ออุดช่องว่างนี้และแทนที่อิทธิพลของสหรัฐฯ และยิ่งมาตรการโดยผิดกฎหมายนี้ดำเนินต่อไปนานเท่าไรก็ยิ่งดี
    .
    เจ้าหน้าที่ USAID ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการต่างๆ ในยูเครนได้รับแจ้งให้หยุดดำเนินการทั้งหมด โดยโครงการต่างๆ ที่ถูกระงับ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือโรงเรียนและความช่วยเหลือด้านสุขภาพ เช่น การดูแลมารดาและการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ โดยรวมแล้ว รูบิโอจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อ แก้ไข หรือยุติโครงการหรือไม่ หลังจากมีการพิจารณาทบทวนในอีก 85 วันข้างหน้า จนกว่าจะถึงเวลานั้น รูบิโอสามารถอนุมัติการยกเว้นได้
    .
    รูบิโอได้ออกการยกเว้นสำหรับความช่วยเหลือด้านอาหารฉุกเฉิน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เพิ่มขึ้นในฉนวนกาซา หลังจากการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ที่มีชื่อว่าฮามาสเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ และวิกฤตอาหารขาดแคลนอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงซูดาน ซึ่งอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของ USAID ที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ ให้ความเห็นว่า นี่เป็นความโกลาหลที่ถูกสร้างขึ้น องค์กรต่างๆ จะต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่ช่วยชีวิตทั้งหมด โรคเอดส์ โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานเกษตรทั้งหมด การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด การศึกษา
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://www.naewna.com/inter/855951
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1BAw5mcK5g/
     

แชร์หน้านี้

Loading...