ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Global trend 2300


    บทเรียนรัฐบริวารในภูมิภาคเวเนซูเอล่า

    ............................................................................

    กรณีการพยายามเปลี่ยนรัฐบาลภายใต้การรับรองของเพนตากอนและอียูนั้นให้ข้อคิดหลายประการดังนี้

    1.เวเนซูเอล่าเป็นหมากที่สำคัญที่เพนตากอนนั้นต้องการเล่นงานจีนโดยตรงในสงครามการค้าเนื่องจากรัฐบาลคาราคัสเป็นแหล่งสำรองน้ำมันมากที่สุดในโลก

    หากต้องการลดราคาน้ำมันให้ต่ำที่สุด ต้องสามารถควบคุมรัฐบาลใหม่อยู่ภายใต้สหรัฐไม่ใช่รัฐบาลโดยประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ซึ่งสามารถทำให้รัสเซียสูญเสียรายได้หลักเข้าประเทศ เม็ดเงินมากกว่า3ล้านล้านรูเบิ้ล อาจถึงขั้นก่อหวอดและจลาจล

    โครงการปฎิรูประบบเกษียณไม่สามารถเดินไปได้และสุดท้ายมอสโกจะร่วมมือกับวอชิงตันต่อต้านปักกิ่ง เมื่อนั้นจีนจะลำบากหากขาดยุทธปัจจัยและการทหาร

    สหรัฐพยายามจะใช้ระเบียบแบบโลกขั้วเดียวที่ตนเองเข้มแข็งที่สุดมากกว่าโลกหลายขั้วอย่างที่เป็นอยู่

    2.การบ่งการและการเปลี่ยนรัฐบาลนั้นเพนตากอนอ้างสิทธิจากเงินเฟ้อ2ล้านเปอร์เซนต์เพื่อเข้าสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองนั้นเป็นความชอบธรรมและ อียูอย่างฝรั่งเศส สเปน อังกฤษ เยอรมนีคล้อยตามและให้เวลา8วันสำหรับการเลือกตั้งไม่นั้นจะรับรองฮวน ไกวโด

    สำหรับรัฐบาลอุกกาบาตบางประเทศรอมา5ปี กลุ่มตะวันตกที่ยื่นเงื่อนไขดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้บังคับ ใช้เหตุผลหลัก รัฐบาลที่ดำเนินอยู่ตนเองยังได้ประโยชน์

    แต่สำหรับเวเนซูเอล่านั้นการจัดเลือกตั้งภายใน8วันไม่สามารถดำเนินการได้อย่างแน่นอนและทำลายเสียงส่วนใหญ่ที่ได้เลือกตั้งนิโกลัส มาดูโรมากกว่าร้อยละ65ซึ่งเป็นการเลือกตั้งโดยระบบอิเลคโทรนิสก์ ไม่น่าจะมีการโกงกัน

    ในขณะที่ทั้งมาดูโรและ ไกวโดหากได้ตำแหน่งประธานาธิบดีก็ไม่ได้แก้ปัญหาเงินเฟ้อเพราะไม่ได้มีแผนการปฎิรูปอย่างชัดเจนเพียงแต่เป็นแค่ข้ออ้างเหมือนบางรัฐที่แช่แข็งประเทศ

    ”การไปสู่ปฎิรูปได้นั่นจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนระเบียบการเดิมอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้” ผู้สนับสนุนโปรดจำไว้

    เหตุผลกล่าวข้อนี้สร้างความแตกแยกและเสี่ยงต่อการแบ่งประเทศ ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วหลายประเทศ

    3.คำถามเพนตากอนจะส่งกองกำลังของตนเองเข้าไปปกป้องประโยชน์ของสหรัฐและการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่

    เพนตากอนจะไม่ดำเนินการส่งกองกำลังไปตราบใด กระทรวงกลาโหมคาราคัสยังสนับสนุนมาดูโรซึ่งตนเองได้ประโยชน์อย่างมากจากการคอรัปชั่นและค่าเช่าทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ เป็นเรื่องปกติที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเพราะไม่สามารถตรวจสอบได้

    แต่อาจจะมีการยั่วยุทางการทหารระหว่างชายแดน โคลัมเบียซึ่งเป็นรัฐบริวารของเพนตากอนๆจะไม่รบหากคู่ต่อสู้ยังน่าเกรงขาม นั้นคือกลยุทธ์ที่สำคัญ

    อย่าลืมว่าภูมิรัฐศาสตร์ที่สร้างขึ้นของเวเนซูเอล่าแนบแน่นกับนักรบจากคิวบา นิคารากัวและฮอนดูรัสหากเกิดปัญหาการทหาร กองทัพดังกล่าวจะเข้าสู่ภาคสนามอย่างแน่นอน เพนตากอนมีความเสี่ยงหากแทรกแซงการทหาร

    ในขณะที่หน่วยคุ้มครองมาดูโรเป็นหน่วยจู่โจมจากรัสเซีย400รายป้องกันการยึดอำนาจโดยทหารและศัตรู รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบางประเทศลองศึกษาดูในอนาคตของการรักษาอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง

    4.อังกฤษได้ประกาศยึดทองคำแท่งมากกว่า1.2พันล้านดอลล่าห์ของเวเนซูเอล่าน่าจะให้ข้อคิดแก่รัฐบาลหลายประเทศที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกในอนาคตว่าไม่ควรที่จะฝากสินทรัพย์ของประเทศไว้ในตะวันตกทั้งทองคำและเงินสดในบัญชี

    รัฐอุกกาบาตควรที่จะตระหนักมากยิ่งขึ้นและการกดดันการเปลี่ยนรัฐที่ตนเองต้องการสามารถทำได้โดยไม่ยอมรัฐเดิมๆหรือรัฐใหม่ที่ตนเองไม่สนับสนุน

    แต่หลักการดังกล่าวไม่ใช่หลักการประชาธิปไตยอย่างที่เป็นข้ออ้างแต่เป็นหลักการเกี่ยวกับเจตจำนงค์และผลประโยชน์ของหมู่คณะ ภายใต้การนิยามของเพนตากอนที่จะเปลี่ยนหรือที่จะรับรองและจะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไฮโดรคารบอนเป็นตัวขับเคลื่อนเจตจำนงอย่าง ลิเบีย อิรัค ซีเรีย(ล้มเหลว) ยูเครน(แตกประเทศ)

    แต่หากเป็นรัฐท่องเที่ยวและปลูกข้าว ปลูกยางไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

    เลือกดูแล้วกันว่าจะเลือกใช้แบบไหน


    น้องตาย่า

    ...............

    ภาพจาก https://tradernet.com/data/blogs/users/955622/1533726453_1.jpg


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สงสัยว่าทำไมอากาศของเราถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ ซีกโลกเหนือตกอยู่ในจุดเยือกแข็งอย่างสุดขั้ว ซีกโลกใต้เหมือนติดอยู่บนเปลวไฟ และหมอกควัน (smoggy) ที่ตรงกลางโลก แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น การปะทุของภูเขาไฟ และน้ำ !!


    ข้อมูลจาก Manatat Waiwong Hennessey


    {เป็นที่ทราบกันกันแล้วว่าในขณะนี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือของโลก ได้เคลื่อนที่ไปจากแคนาดาตอนเหนือ สู่ตำแหน่งใหม่เหนือไซบีเรีย นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สำคัญยิ่ง ของการโยกเยกของโลกในทุกๆวัน

    IMG_8515.JPG

    การผลักขั้วสนามแม่เหล็ก (the Polar Push) ผลักกับขั้วแม่เหล็กเหนือของโลก เมื่อการหมุนโคจรของโลกหันหน้าไปทางขั้วแม่เหล็กเหนือ มุ่งสู่ Nibiru


    ในขณะนี้ Nibiru กำลังชี้ขั้วเหนือแม่เหล็กของมันไปที่โลกโดยตรง ดังนั้นการผลักขั้วสนามแม่เหล็ก (the Polar Push) จึงรุนแรง


    [ขั้วแม่เหล็กเหนือชี้เข้าหากันจึงเกิดแรงผลัก แต่แรงแม่เหล็กขั้วเหนือของ Nibiru แรงกว่าโลกมาก]


    ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ โลกสามารถไป หมุนไปยังด้านตรงข้ามแทนที่จะพยายามจัดเรียงแบบ end-to-end กับขั้วแม่เหล็กที่แข็งแกร่งกว่านั้น โลกขั้วแม่เหล็กเหนือไป ที่ Nibiru โดยตรง


    ดังนั้นที่ซึ่งปกติแล้ว ไซบีเรียควรจะถูกผลักต่อไปยังตำแหน่งที่ที่มันจะได้รับแสงแดดน้อยลง ตอนนี้มันกลับหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ โดยตรง มากขึ้น ไซบีเรียจึงอุ่นขึ้น


    โดยปกติแล้วทวีป อเมริกันเหนือจะเป็นที่ที่โลกกระเด้งกลับมา (bounces back) จากการผลักขั้วสนามแม่เหล็ก(the Polar Push) , ในละติจูดทางใต้มากขึ้น มันเชื่องช้าลงใกล้กับอาร์กติก ซึ่งมันถูกวางตำแหน่งระหว่างช่วงที่โน้มตัวเข้าหาที่อยู่ตรงกันข้าม


    อย่างไรก็ตามผลต่างๆ

    ของการผลักขั้วสนามแม่เหล็ก(the Polar Push) จะเกิดแค่ชั่วคราวเสมอ ดังนั้นในไม่ช้าทวีปอเมริกาเหนือก็จะพบอุณหภูมิของทวีป จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย


    [เป็นที่ทราบกันกันแล้วว่าในขณะนี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือของโลก ได้เคลื่อนที่ไปจากแคนาดาตอนเหนือ สู่ตำแหน่งใหม่เหนือไซบีเรีย นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สำคัญยิ่ง ของการโยกเยกของโลกในทุกๆวัน


    การผลักขั้วสนามแม่เหล็ก (the Polar Push) ผลักกับขั้วแม่เหล็กเหนือของโลก เมื่อการหมุนโคจรของโลกหันหน้าไปทางขั้วแม่เหล็กเหนือ มุ่งสู่ Nibiru


    ในขณะนี้ Nibiru กำลังชี้ขั้วเหนือแม่เหล็กของมันไปที่โลกโดยตรง ดังนั้นการผลักขั้วสนามแม่เหล็ก (the Polar Push) จึงรุนแรง


    [ขั้วแม่เหล็กเหนือชี้เข้าหากันจึงเกิดแรงผลัก แต่แรงแม่เหล็กขั้วเหนือของ Nibiru แรงกว่าโลกมาก]


    ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ โลกสามารถไป หมุนไปยังด้านตรงข้ามแทนที่จะพยายามจัดเรียงแบบ end-to-end กับขั้วแม่เหล็กที่แข็งแกร่งกว่านั้น โลกขั้วแม่เหล็กเหนือไป ที่ Nibiru โดยตรง


    ดังนั้นที่ซึ่งปกติแล้ว ไซบีเรียควรจะถูกผลักต่อไปยังตำแหน่งที่ที่มันจะได้รับแสงแดดน้อยลง ตอนนี้มันกลับหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ โดยตรง มากขึ้น ไซบีเรียจึงอุ่นขึ้น


    โดยปกติแล้วทวีป อเมริกันเหนือจะเป็นที่ที่โลกกระเด้งกลับมา (bounces back) จากการผลักขั้วสนามแม่เหล็ก(the Polar Push) , ในละติจูดทางใต้มากขึ้น มันเชื่องช้าลงใกล้กับอาร์กติก ซึ่งมันถูกวางตำแหน่งระหว่างช่วงที่โน้มตัวเข้าหาที่อยู่ตรงกันข้าม


    อย่างไรก็ตามผลต่างๆ

    ของการผลักขั้วสนามแม่เหล็ก(the Polar Push) จะเกิดแค่ชั่วคราวเสมอ ดังนั้นในไม่ช้าทวีปอเมริกาเหนือก็จะพบอุณหภูมิของทวีป จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย]


    http://poleshift.ning.com/profiles/blogs/wobble-into-opposition

    IMG_8516.JPG
    IMG_8517.JPG

    เมื่อ #PlanetX ขึ้นสู่ Ecliptic จากตำแหน่งที่ต่ำกว่า 32 องศา Ecliptic ขั้วโลกใต้ก็ถูกจับโดยการเข้าใกล้ขั้วโลกเหนือของดาวเคราะห์ X เราได้เห็นดวงอาทิตย์อยู่ไกลขึ้นไปทางทิศใต้นานเกินไป ของปี http://poleshift.ning.com/profiles/blogs/new-polar-push-bounce-back-trends-at-the-extremes#comments
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    &url=https%3A%2F%2Fsi.wsj.net%2Fpublic%2Fresources%2Fimages%2FED-AY295_ZUCKER_SOC_20190123145845.jpg
    (Jan 27) Mark Zuckerberg เขียนบทความ อธิบายโมเดลธุรกิจโฆษณา ทำไมใช้ฟรี ต้องเก็บข้อมูล: Mark Zuckerberg เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ชื่อ "The Facts About Facebook" อธิบายโมเดลธุรกิจโฆษณา ที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน

    ในบทความของ Zuckerberg บอกว่าเป้าหมายของ Facebook คือเชื่อมต่อผู้คนบนโลก โดยบริการนี้ต้องมีราคาถูกพอสำหรับคนทุกระดับ จึงเป็นที่มาของการเปิดให้ใช้ฟรี แล้วทำเงินจากการโฆษณาแทน

    ส่วนการโฆษณาบนโลกออนไลน์ มีความแม่นยำกว่าสื่อยุคก่อนมาก เพราะสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกว่า ผู้ใช้เองก็ได้ประโยชน์เพราะไม่ต้องดูโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทำให้ Facebook จำเป็นต้องเก็บข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน

    รายละเอียดในประเด็นต่างๆ มีดังนี้
    - Facebook ไม่ได้ขายข้อมูลของผู้ใช้ให้บริษัทอื่น เพราะไม่มีประโยชน์ต่อบริษัทแต่อย่างใด หาก Facebook ขายข้อมูลไปแล้ว บริษัทนั้นก็คงไม่มาลงโฆษณากับ Facebook อีก

    - Facebook ไม่ได้เน้นเพิ่ม engagement เพราะต้องการเพิ่มโฆษณา ในระยะยาวแล้ว Facebook อยากให้ผู้ใช้เข้ามาใช้งานอย่างสม่ำเสมอ มากกว่าใช้งานเยอะเกินไปจนมีข้อเสีย และบทความจำพวก clickbait ก็มีผลต่อ engagement ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่ง Facebook ก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น

    - Facebook ไม่ได้แสดงเนื้อหาอันตราย เพราะต้องการเพิ่ม engagement ทั้งผู้ใช้และผู้ลงโฆษณาไม่ชอบเนื้อหาประเภทนี้ จึงไม่มีประโยชน์อะไรกับบริษัทเลย แต่ที่ยังเห็นอยู่ในระบบ เป็นเพราะระบบตรวจจับของ Facebook ยังไม่ดีพอ

    Zuckerberg ยังบอกว่า Facebook เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมการใช้ข้อมูลเพื่อโฆษณาได้ทั้งหมด แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดบังข้อมูลที่ Facebook ใช้เรื่องความปลอดภัย เพื่อป้องกันบัญชีปลอมหรือการหลอกลวง บริษัทยังขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ตามกฎ GDPR อีกด้วย

    Zuckerberg ย้ำว่าโมเดลหารายได้จากโฆษณา มีประโยชน์ในการให้คนเป็นพันล้านคนเชื่อมต่อกันโดยไม่ต้องเสียเงินใดๆ และเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ SME ที่ไม่เคยเข้าถึงสื่อโฆษณาราคาถูกด้วย

    Source: Blognone
    https://www.blognone.com/node/107762
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F12%2F11%2F105621251-1544548692722rtx6i4nl.1910x1000.jpg
    (Jan 28) ลูกจ้างรัฐบาลหวั่นไม่มั่นคง แม้สหรัฐสิ้นสุด 'ชัตดาวน์': บรรดาลูกจ้างรัฐบาลสหรัฐยังคงรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต แม้ "โดนัลด์ ทรัมป์" บรรลุข้อตกลงกับพรรคเดโมแครตในการกลับมาเปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว สิ้นสุดภาวะชัตดาวน์ 35 วัน นานสุดเป็นประวัติการณ์

    ลูกจ้างรัฐบาลสหรัฐกว่า 8 แสนคน ซึ่งปกติแล้วจะได้ค่าตอบแทนทุก 2 สัปดาห์ ไม่ได้ค่าจ้างมา 2 งวดติดต่อกันแล้วใน วันศุกร์ (25 ม.ค.) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ครอบครัวอเมริกันหลายหมื่นครอบครัว ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ได้บรรลุข้อตกลงกับผู้นำ ในสภาคองเกรสเพื่อยุติปัญหาการปิด หน่วยงานรัฐบาลบางส่วน (ชัตดาวน์) โดยจะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิด ดำเนินงาน และมีงบประมาณในการบริหารงาน จนถึงวันที่ 15 ก.พ.นี้

    นายดีพัน พาเทล ซึ่งทำงานให้กับสำนักงานสรรพากร (ไออาร์เอส) และขณะนี้ ต้องเข้าคิวรับอาหารฟรีสำหรับลูกจ้างรัฐที่ได้รับผลกระทบจากชัตดาวน์ เผยกับ สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เขาทั้งรู้สึกโล่งใจและรู้สึกถึงความไม่แน่นอนว่าข้อตกลงที่มี ระยะเวลา 3 สัปดาห์นี้จะทำให้รัฐบาลมี งบประมาณใช้นานถึงหลังวันที่ 15 ก.พ. หรือไม่

    "ผมคิดว่ามันช่วยได้มาก โดยเฉพาะ การได้ค่าจ้าง" นายพาเทล กล่าว และว่า "ผมหวัง ว่าพวกเขา (นักการเมือง) จะบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนจะเกิดชัตดาวน์อีกรอบ"

    นายมอนตี เองเลอร์ วัย 50 ปี ตัวแทนสหภาพแรงงานของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอากาศมืออาชีพ (พีเอเอสเอส) ซึ่งจำเป็นต้องทำงานซ่อมบำรุงอุปกรณ์ควบคุมจราจรทางอากาศที่สนามบิน นานาชาติโอฮาราในช่วงชัตดาวน์กล่าวว่า อาชีพของเขาหยุดงานไม่ได้ เพราะอาจเป็น อันตรายต่อการเดินทางโดยเครื่องบิน

    "ถ้าคุณต้องนั่งเครื่องบิน และพวกเราไม่ ทำงานกัน คุณจะตกอยู่ในอันตราย" นายเองเลอร์ เผย และว่า "สถานการณ์ทั้งหมดเลวร้ายมาก และผมแน่ใจว่ามันจะเกิดขึ้นอีก"

    ช่วงเวลา 3 สัปดาห์หลังจากนี้ แกนนำ ของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน จะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาเพื่อจัดทำ ร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณสำหรับความมั่นคงมาตุภูมิ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ หวังว่าจะมีการบรรจุงบประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามข้อเรียกร้องของเขา

    เมื่อคืนวันศุกร์ นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า หากการเจรจาระหว่างพรรค เดโมแครตกับรีพับลิกันประสบ ความล้มเหลว รัฐบาลก็จะปล่อยให้เกิด ภาวะชัตดาวน์อีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. หรือเขาอาจใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

    "ในช่วง 21 วันข้างหน้า ผมคาดหวังว่า เดโมแครตและรีพับลิกันจะทำงาน ด้วยความจริงใจ" นายทรัมป์กล่าว และว่า "เราไม่มีทางเลือก นอกจากต้องสร้างกำแพงที่แข็งแกร่งหรือแบร์ริเออร์เหล็ก เท่านั้น"

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    เพิ่มเติม
    - Americans fault Trump for chaotic government shutdown, as more believe US is ‘on the wrong track’: NBC-WSJ poll:
    https://www.cnbc.com/2019/01/27/tru...w3zzMaKMxr3CvQzJQfTaW-qB6VectagF74BBj11ScBp8w
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2017%2F01%2F19%2F104229007-GettyImages-506092136.1910x1000.jpg
    (Jan 28) โซรอสเตือนสงครามเย็นสหรัฐ-จีน - นายจอร์จ โซรอส นักลงทุนเชื้อสายฮังการี วัย 88 ปี เจ้าของฉายาพ่อมดการเงิน กล่าวในงานเลี้ยงมื้อค่ำส่วนตัวระหว่างไปร่วมเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม หรือเวทีเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ เตือนสหรัฐและจีน สองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกกำลังติดอยู่ในสงครามเย็นที่อาจกลายเป็นสงครามร้อนในอีกไม่นาน ซึ่งหมายถึงเรื่องที่ทั้งสองประเทศเก็บภาษีตอบโต้กันไปมา

    เดิมหลายฝ่ายคาดว่าเวทีดาวอสจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนสองประเทศได้คุยกันก่อนการชะลอการเก็บภาษีครั้งใหม่จะสิ้นสุดในวันที่ 2 มีนาคม แต่ทำเนียบขาวกลับยกเลิกการส่งคณะตัวแทนไปดาวอส โดยอ้างเรื่องการปิดที่ทำการรัฐบาลหรือ ชัตดาวน์ในขณะนี้ โซรอสกล่าวด้วยว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีนพ้นอำนาจไปแล้ว ก็มีโอกาสที่สองประเทศจะกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง และว่าประธานาธิบดีสีเป็นผู้คัดค้านอย่างอันตรายที่สุดต่อความเชื่อเรื่องสังคมเปิดเสรี

    คอลัมน์ รอบโลกวันนี้

    Source: แนวหน้า

    - George Soros says the US and China are in a cold war that ‘threatens to turn into a hot one’:
    https://www.cnbc.com/2019/01/24/geo...2ik29x-R8tPd3Dcy80aDYZCq45X07jk449i7ImjmC38Oc
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    sKJOF-kRY2JHRbHPzPkdmLCSeuVc_zDJ6GAGJZNrDyPX9sS3UVVM3TUVV9pMmB2tPZvM86jA&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    (Jan 28) ไม่เคยเห็นดีมานด์จีน : แม้ขณะนี้กำลังซื้อชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ อาจมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเป็นตัวแปรมากกว่าอดีต ทั้งประเด็นสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจภายใน มาตรการควบคุมเม็ดเงินลงทุนของรัฐบาลจีนเอง ขณะที่ปัญหาหลังเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตและประสบการณ์นักลงทุนบางรายถูกเอเยนต์ ไทยหลอกขายโก่งราคาแพงเกินจริง ทำให้ความสัมพันธ์ถูกสั่นคลอนไปบ้าง

    นางแคร์รี่ ลอร์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริษัท Juwai.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์อันดับ 1 สำหรับนักลงทุนชาวจีนในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ยังยืนยันว่า ตลาดเมืองไทย ยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนจีนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สะท้อนจากใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ สามารถขึ้นแท่นเป็นเมืองอสังหาฯ อันดับ 1 ที่ชาวจีนสนใจมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้คงมาจากระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในไทย ที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความเชื่อมั่นเรื่องศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาว ประกอบกับความหลากหลายของราคา คุณภาพของโครงการที่อยู่ในระดับสูง ทำให้นักลงทุนจีนยังสนใจเข้ามาลงทุนในประเภทคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Jan 28) เร่งปรับตัว เร่งสร้างอนาคตอาเซียน: ปีนี้เป็นที่ 52 ของอาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นปีที่ประเทศไทยจะรับหน้าที่ประธานกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศอีกครั้ง

    เป็นโอกาสดีและสำคัญที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนจะสามารถผลักดันเรื่องต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจภูมิภาค ดังนั้น เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเป็นประธานอาเซียนของไทย ปีนี้เลยตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับอาเซียนมากหน่อย

    52 ปี ถ้าจะเทียบกับชีวิตคน ต้องถือว่ากำลังเข้าสู่วัยคนรุ่นใหญ่ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอควร ของอาเซียนก็เช่นกัน ผ่านทั้งยุคสงครามเวียดนาม สงครามเย็น วิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย วิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่กระทบภูมิภาคอาเซียนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แต่อาเซียนก็สามารถก้าวข้ามความท้าทายและผลกระทบเหล่านี้ได้ด้วยดี โดยการดำเนินนโยบายที่เน็นความเป็นกลางด้านการเมือง การเปิดเสรีของระบบเศรษฐกิจบนพื้นฐานการทำงานของกลไกตลาด และการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหลังวิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย ปี 1997 ที่ทำให้เศรษฐกิจอาเซียนสามารถฟื้นตัวและมีความเข้มแข็งทัดทานผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ในปี 2008 – 2009 ได้อย่างน่าพอใจ

    ปัจจุบัน ภูมิภาคอาเซียนเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่เติบโตเร็ว มีพลวัตสูง และกลไกสำคัญอันหนึ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน ก็คือ การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่รวมอาเซียนสิบประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังวิกฤติ ปี 2008 การค้าขายและการลงทุนระหว่างประเทศในเอเชียปัจจุบันเป็นความเข้มแข็งสำคัญของภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย เป็นความเข้มแข็งที่ต้องรักษาไว้ ต้องขยายผล และต้องนำมาต่อยอดเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอาเซียนและเศรษฐกิจเอเชียในอนาคต

    อาทิตย์ที่แล้ว ผมไปร่วมงานเกี่ยวกับอาเซียนสองงานติดกัน งานแรก วันจันทร์ที่ 21 ม.ค. คือ งานรับมอบหน้าที่การเป็นประธานสภาคณะที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน หรือ ASEAN Business Advisory Council ของภาคธุรกิจไทย เป็นการรับมอบภาระหน้าที่การเป็นประธานสภาคณะที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนจากประธานที่กำลังหมดวาระหน้าที่จากประเทศสิงคโปร์ให้กับไทย ตามที่ประเทศไทยจะเข้ามารับหน้าที่เป็นประธานกลุ่มอาเซียนต่อจากประเทศสิงคโปร์ ผู้รับมอบงานของฝ่ายไทยที่จะเข้าทำหน้าที่ประธานสภาคณะที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนคือ คุณอรินทร์ จิรา โดยมี ดร.วีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

    งานที่สอง วันอังคารที่ 22 ม.ค.เป็นงานสัมมนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน +3 คือ อาเซียน 10 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจมหภาคของกลุ่มประเทศอาเซียน + 3(AMRO) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) โดยผมได้รับเชิญเป็นวิทยากรให้ความเห็นในประเด็น การสร้างสมรรถนะ(Capacity) และการเชื่อมต่อ(Connectivity) สำหรับเศรษฐกิจยุคใหม่ หรือNew Economy ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะการเติบโตของภูมิภาคเอเชียนจากนี้ไปจะขึ้นอยู่กับสมรรถนะของปัจจัยด้านอุปทาน คือโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยการผลิตเป็นสำคัญ ซึ่งรวมถึง ทุน แรงงาน ทักษะความรู้ การใช้เทคโนโลยี และความสามารถในการบริหารจัดการ ที่จะเป็นตัวสร้างความสามารถในการผลิตให้กับระบบเศรษฐกิจ และถ้าความสามารถเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้โดยเศรษฐกิจในภูมิภาคในวงกว้าง ผ่านการเชื่อมต่อและการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตข้ามพรมแดน(Mobility) สมรรถนะด้านการผลิตของภูมิภาคเอเชียในภาพรวมก็จะสูงขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นแนวคิดที่ง่ายต่อความเข้าใจ ตรงไปตรงมา และตรงประเด็น

    นักวิชาการ จาก AMRO ให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือ การเพิ่มสมรรถนะด้านการผลิต และการหาประโยชน์จากการเชื่อมต่อระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะแรงกดดันที่กำลังมาจากการเปลี่ยนผ่านของระบบเศรษฐกิจรูปแบบปัจจุบันไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่บทบาทของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันจะมีสูงขึ้น สัดส่วนคนสูงอายุในสังคมจะมีมากขึ้น และแรงงานส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของชนชั้นกลางและเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการใช้จ่ายในสังคม ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมรรถนะด้านการผลิตเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ รวมถึงสร้างการใช้การเชื่อมต่อให้สมรรถนะเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้างทั้งภูมิภาค ซึ่งต้องมาจากการทำนโยบายที่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้

    ผมเห็นด้วยกับแนวคิด และให้ความเห็นไปว่า การเปลี่ยนแปลงคงเกิดขึ้นแน่นอน และอาจเร็วกว่าที่เรากำลังคิดหรือประเมินกันขณะนี้ด้วย 3 เหตุผล

    1.การเปลี่ยนของเทคโนโลยีกำลังเกิดขึ้นเร็วมาก และมีการปรับใช้แล้วในหลายภาคธุรกิจ ทำให้ธุรกิจอื่นๆ และผู้บริโภค ต้องปรับตัวตามเพื่อให้สามารถทำธุรกิจและแข่งขันได้ เช่น การไม่ใช้เงินสดในการชำระเงินในธุรกิจภาคบริการในจีน ที่ทำให้ทั้งผู้บริโภคและบริษัทคู่ค้าทั่วโลกต้องปรับตัว

    2.ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในอดีตที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ สร้างภาวะมลพิษ และทำลายคุณภาพอากาศที่เป็นภัยต่อสุขภาพอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงไทย สิ่งเหล่านี้ทำให้การเปลี่ยนวิถีการผลิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่จำเป็นและจะเกิดขึ้นเร็ว เพื่อลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน

    3.การกีดกันทางการค้าที่กำลังมีมากขึ้นในเศรษฐกิจโลกที่จะทำให้ประเทศที่เป็นกลางอย่างอาเซียนจะต้องปรับตัวและต้องพึ่งพากันเองมากขึ้น พร้อมลดการพึ่งพาประเทศใหญ่ที่ในอนาคตอาจจะไม่ค้าขายกับเรา เพราะต้องการให้ประเทศอย่างเราเลือกข้างว่า จะอยู่กับใครกลุ่มไหน ซึ่งจะกระทบทั้งเรื่องการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม แรงงานที่มีคุณภาพ และการระดมเงินทุนเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนของภาคธุรกิจ
    ด้วย 3 ปรากฎการณ์นี้ ทำให้มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่ประเทศในอาเซียนต้องรีบปรับตัว ต้องเร่งสร้างสมรรถนะด้านการผลิตและใช้การเชื่อมต่อระหว่างประเทศในภูมิภาคให้เป็นประโยชน์ ทั้งการเชื่อมต่อด้านอุปสงค์และด้านอุปทาน เพื่อสร้างความสามารถในการเติบโตให้กับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต เป็นวาระที่สำคัญ ท้าทายและน่าสนุก ที่แต่ละประเทศต้องตั้งใจทำอย่างจริงจัง เพื่ออนาคตของประเทศตน

    โดย ดร.บัณฑิต นิจถาวร
    คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "เศรษฐศาสตร์บัณฑิต"

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646451
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    %3A%2F%2Fcdn.japantimes.2xx.jp%2Fwp-content%2Fuploads%2F2019%2F01%2Ff-malrail-a-20190128-870x600.jpg

    (Jan 28) มาเลย์ล้มโครงการ'อีซีอาร์แอล' : รัฐบาลมาเลเซียยกเลิกโครงการสร้างทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งใน เมกะโปรเจคมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จีนสนับสนุน อ้างใช้งบประมาณก่อสร้างสูงเกินไป

    นายอัซมิน อาลี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์วานนี้ (26 ม.ค.) ว่า รัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ได้ ตัดสินใจเมื่อ 2 วันก่อนว่าจะยกเลิกโครงการรถไฟเชื่อมชายฝั่งภาคตะวันออก- ตะวันตก (อีซีอาร์แอล) ซึ่งต้องใช้ งบประมาณสูงถึง 8.1 หมื่นล้านริงกิต (1.96 หมื่นล้านดอลลาร์)

    "ต้นทุนในการก่อสร้างอีซีอาร์แอล สูงเกินไป เรามีศักยภาพทางการเงินไม่เพียงพอในเวลานี้" นายอัซมินกล่าว พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 500 ล้านริงกิตต่อปี หากยังเดินหน้า ทำโครงการนี้ต่อไป

    อย่างไรก็ตาม นายอัซมิน ไม่ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียจะต้องจ่ายเงินชดเชยการยกเลิกสัญญาแก่บริษัท "ไชน่า คอมมิวนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน โค" (ซีซีซีซี) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาโครงการนี้มากน้อยเพียงใด โดยบอกแต่เพียงว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องพิจารณาดำเนินการ ขณะที่ซีซีซีซียังไม่แสดงความเห็น เกี่ยวกับการยกเลิกโครงการอีซีอาร์แอล

    ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ นายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัดของมาเลเซียได้สั่งทบทวนโครงการใหญ่ต่างๆ ที่ นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีได้ทำข้อตกลงเอาไว้กับจีน เพื่อลดภาระหนี้สินของประเทศที่พุ่งสูงถึง 1 ล้านล้านริงกิต

    เมื่อเดือนส.ค. ปีก่อน นายมหาธีร์ กล่าวว่า รัฐบาลจะยกเลิกโครงการ อีซีอาร์แอลชั่วคราวก่อน แต่จะเจรจากับบริษัทซีซีซีซีเกี่ยวกับอนาคตของทางรถไฟสายนี้ต่อไป

    ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับมาเลเซียแน่นแฟ้นเป็นพิเศษในยุคที่นายนาจิบ และแนวร่วมรัฐบาลผสมแห่งชาติ (บีเอ็น) ยังเรืองอำนาจ โดยรัฐบาลมาเลเซียเปิดทางให้จีนเข้าไปลงทุนในโครงการก่อสร้างและระบบสาธารณูปโภคหลายอย่าง

    อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายคน ชี้ว่า สัญญาร่วมทุนเหล่านี้ขาด ความโปร่งใส และนายนาจิบซึ่งรั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนานถึง 9 ปีก็ถูกครหาว่าอนุมัติโครงการเมกะโปรเจคกับจีนอย่างง่ายดาย เพื่อแลกกับ การที่ปักกิ่งช่วยชดใช้หนี้สินอันเกิดจากการยักยอกเงินกองทุนพัฒนามาเลเซีย (วันเอ็มดีบี) นายนาจิบมีกำหนดขึ้นให้การคดีทุจริตกองทุนวันเอ็มดีบีต่อศาลในเดือนหน้า โดยเขายืนกรานมาตลอดว่า ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย

    คดีทุจริตวันเอ็มดีบีเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้นายนาจิบเสื่อมความนิยม และพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งอย่างเหนือ ความคาดหมายเมื่อเดือนพ.ค. ปีที่แล้ว เปิดทางให้รัฐบุรุษทรงอิทธิพลอย่างนายมหาธีร์ กลับมาครองเก้าอี้ นายกรัฐมนตรีอีกครั้งในวัย 92 ปี

    Source: กรุงเทพธุรกกิจ

    - Malaysia scraps multibillion dollar China-backed rail project
    https://www.japantimes.co.jp/news/2...4em07tsEeeUStGwpwNgYcjsKlexiMmJo#.XE3Ofi2B3Vo
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ddt_VPDkW2hTpsU4D5GJ3HtZTUwDo8oWcFzZ19wD38MFvzStQIgy8rxGTRAD04PtAOU7GDuA&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.png

    (Jan 28) ส.แบงก์เคาะกฎคุม'หนี้ต่อรายได้' : สมาคมแบงก์ ยอมรับ การแข่งขันในวงการสูง บางรายเริ่มหันไป ปล่อยกู้กลุ่มผู้มีภาระหนี้ต่อรายได้สูง เตรียมขีดมาตรฐานเรื่อง "ภาระหนี้ต่อรายได้" หวังใช้เป็นแนวทางปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ช่วยลดความเสี่ยงในระบบ

    นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ประจำปีในช่วงที่ผ่านมา โดยมีข้อที่ธปท.กังวล และได้ให้โจทย์กับสมาคมธนาคารไทย และชมรมสินเชื่อของ ธนาคารพาณิชย์ กลับไปหาแนวทางร่วมกัน เพื่อกำหนดมาตรฐาน ของภาระหนี้ต่อรายได้ หรือ Debt service Ratio (DSR) โดยต้องหาคำจำกัดความให้ตรงกัน ในการคำนวณภาระหนี้ต่อรายได้ เพื่อพิจารณาให้สินเชื่อ เนื่องจากการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้ของแต่ละแบงก์วันนี้ เพื่อใช้ ในการปล่อยสินเชื่อนั้น มีการกำหนด และ ใช้หลักเกณฑ์ สูตรการพิจารณาไม่เหมือนกัน

    ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สมาคมฯและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องทำร่วมกัน คือ หาคำจำกัดความ นิยาม ของการกำหนด "ภาระหนี้ต่อรายได้" เพื่อให้แบงก์พาณิชย์ทั้งระบบ ใช้เป็นมาตรฐานในการใช้ปล่อยกู้ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะหาข้อสรุป และออกเป็นเกณฑ์กลางให้แบงก์พาณิชย์ได้นำไปใช้พิจารณาทันก่อนกลางปีนี้แน่นอน

    อย่างไรก็ตาม ด้านการปล่อยสินเชื่อ ยอมรับว่าที่ผ่านมา เห็นการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์หลายปี ต่อเนื่องติดต่อกัน โดยให้กับกลุ่มที่มี ภาระหนี้สูงมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อได้ในระยะข้างหน้าที่แบงก์ต้องระมัดระวัง แต่หากให้สินเชื่อกับกลุ่มที่เสี่ยงมากขึ้น หรือ มีภาระหนี้ที่สูงอยู่แล้ว ก็อาจเป็นกลยุทธ์ของธนาคารบางธนาคาร เนื่องจากยอมรับว่า ภาวะที่แบงก์มีรายได้ลดลง จากการยกเลิก ค่าธรรมเนียมบนดิจิทัลต่างๆ ก็ต้องหารายได้ ช่องทางอื่นๆ เข้ามาทดแทน

    ดังนั้นการหันไปปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ก็อาจเป็นช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับแบงก์เพิ่มได้ เพราะ ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดังนั้นหากแบงก์นั้นๆ มีเงินกองทุนที่แข็งแรง ก็สามารถเข้าไป ปล่อยสินเชื่อภายใต้ความเสี่ยงมากขึ้น

    อย่างไรก็ตามการเข้าไปปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มที่มีภาระหนี้ต่อรายได้ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีโอกาสเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ทุกราย แต่ยอมรับว่า มีโอกาสความเสี่ยงมากขึ้น

    "ธปท.รู้สึกว่า การคิดหนี้ต่อรายได้ ของแต่ละแบงก์ไม่ตรงกัน ก็พยายามคุยกับทุกแบงก์ ชมรมสินเชื่อ ว่าควรหาแนวทางช่วย แต่คงขีดเส้นไม่ได้ว่าควรเป็นเท่าไหร่ เพียงแต่อาจกำหนดมาตรฐาน การเรียก คำจำกัดความของภาระหนี้ต่อรายได้ ว่าเวลาคิดหนี้ กับรายได้ เศษส่วนเหล่านี้ควรคิดอย่างไร เพราะวันนี้เกณฑ์การคิด ก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเมื่อมีการจำกัดความที่เป็นมาตรฐานออกมาแล้ว แบงก์ก็จะได้นำไปใช้ได้ จะทำให้แบงก์พิจารณาความเสี่ยงได้ดีมากขึ้น แต่เหล่านี้ก็อยู่ที่แบงก์มองความเสี่ยงด้วย เพราะหากช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ แบงก์อาจปล่อยกู้เยอะถึง 50%หรือ เกินกว่าได้ แต่หากช่วงที่ภาระเศรษฐกิจชะลอ มีความเสี่ยงมากขึ้น แบงก์ก็เข้ม โดยหันไปปล่อยกู้กับกลุ่มที่มีภาระหนี้ ต่อรายได้ไม่มากก็ได้"นายปรีดีกล่าว

    นายปรีดียังกล่าวอีกว่า ปี 2562 นี้ แบงก์ ส่วนใหญ่ เริ่มมีการกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยหันไปขยับสัดส่วนลูกค้าบุคคล รีเทล และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน มากขึ้น เนื่องจากสินเชื่อประเภทนี้ มีผลตอบแทนสูงขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่ง ในการ เพิ่มรายได้ของแบงก์ ในช่วงที่รายได้ลดลง จากค่าธรรมเนียมที่หายไป เนื่องจากหากดู การปล่อยกู้ให้กับสินเชื่อรายใหญ่ ถือว่าได้ยิลด์ต่ำ เพราะดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ หากเทียบกับรายย่อย เพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่า

    "กลยุทธ์แบงก์หลังๆ เปลี่ยนไป จากเดิม โดยเฉพาะการมุ่งมาเล่นรายย่อย มากขึ้น ทั้งบนดิจิทัลต่างๆ เพราะเป็นช่องทางที่ แบงก์ต้องได้รายได้เพิ่ม พวกนี้ยิลด์สูง แม้ความเสี่ยงสูง หากเทียบสินเชื่อประเภท ต่างๆ แต่ผลตอบแทนที่ดี นี่ก็คือการ สร้างรายได้ให้แบงก์ จากรายได้ที่หาย ไปได้จากค่าธรรมเนียม แบงก์ก็ต้องหา แนวทางในการสร้างรายได้ใหม่ๆ มากขึ้น" นายปรีดี กล่าว

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Jan 28) Exclusive interview : ชมคลิปการสัมภาษณ์พิเศษ ผว.ธปท.กับคุณสุทธิชัย หยุ่น ผ่านรายการ “ตั้งวงคุยกับสุทธิชัย” และลงวารสารพระสยาม ในเรื่อง
    1 แนะนำศูนย์เรียนรู้ ธปท.
    2. ภาวะเศรษฐกิจโลก (นาทีที่ 19) กับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่
    - การเจรจาสงครามการค้า
    - Brexit : แม้ผลต่อไทยจะไม่มากแต่จะมีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุน
    - ภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน : แม้เศรษฐกิจจีนจะโต 6% แต่ลดลงจากประวัติศาสตร์ที่มี
    - ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ : ไม่มีใครคาดคิดว่าปัญหาประท้วงในประเทศฝรั่งเศสจะยืดเยื้อและลากยาว รวมถึงปัญหาในตะวันออกกลาง รัสเซีย ล้วนมีผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุน

    ติดตามตอนต่อไป (ตอนที่ 2) ในวันพรุ่งนี้ทางช่อง ThaiPBS เวลา 07.00 น.
    1. ผลกระทบเศรษฐกิจโลกจะกระทบประเทศไทยอย่างไร
    2. แนะนำพิพิธภัณฑ์การเงิน สถานที่เก็บธนบัตรเดิม ห้องมั่นคง
    3. การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบกับประชาชนอย่างไร

    ชม Clip ตอนแรก
    https://www.youtube.com/watch?v=h8C_hzRSK3s

    Source: BOTSS
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ic.seattletimes.com%2Fwp-content%2Fuploads%2F2019%2F01%2F01252019_Howard-Schultz_095939-1200x630.jpg
    (Jan 28) อดีตซีอีโอสตาร์บัคส์เตรียมลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปีหน้า: นายโฮเวิร์ด ชูลท์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทสตาร์บัคส์ ประกาศว่า เขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในฐานะผู้สมัครอิสระในปี 2563

    นายชูลท์กล่าวว่า ที่ผ่านมา เขาได้สนับสนุนพรรคเดโมแครต แต่เขาก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ระบบการเมืองของสหรัฐที่ถูกครอบงำโดยพรรคใหญ่เพียง 2 พรรค คือพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต และขณะนี้ทั้งสองพรรคก็กำลังเผชิญความขัดแย้งมากกว่าที่เคยพบมาในอดีต

    "ให้เรามาหารือกันว่าเราจะสามารถสร้างโอกาสให้กับคนต่างๆมากขึ้นได้อย่างไร" นายชูลท์ระบุ

    source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    https://www.seattletimes.com/seattl...JT3FO5MdyFB3H0qOngP3GDcA-EoQouHW3S7JjnccqnD9Y
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    iles%2Fstyles%2Fx_large%2Fpublic%2Farticles%2F2019%2F01%2F26%2FST_20190126_BIZSHIPPING26_4579459.jpg
    (Jan 28) เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวรุนแรง อัตราค่าระวางเรือปรับตัวลงช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา - มีสัญญาณล่าสุดว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวลงมาก อัตราค่าระวางสินค้าของเรือเทกองและเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ปรับตัวลงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันมีผลสำรวจชี้ว่า การเติบโตของยูโรโซนอาจต่ำกว่าที่คาด และธนาคารกลางยุโรปอาจเลื่อนเวลาที่จะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก

    ดัชนีเรือเทกอง (The Baltic Dry Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดต้นทุนในการขนส่งทางเรือของสินค้าอย่างเช่น แร่เหล็ก และถ่านหิน ได้ลดลงประมาณ 47% นับตั้งแต่กลางปี 2561 เมื่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐส่งผลให้สองเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกเก็บภาษีนำเข้าซึ่งกันและกัน

    โภคภัณฑ์เรือเทกองถือเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะภาคอุตสาหกรรมหลัก ๆ อย่างเช่น อุตสาหกรรมเหล็กและไฟฟ้านิยมใช้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่สินค้าเหล่านี้มีกิจกรรมลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง

    บทวิเคราะห์ของเอเอ็นแซดเมื่อวันศุกร์ระบุว่า สัญญาณที่จีนและสหรัฐยังคงไม่สามารถเจรจาการค้าได้จะมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดโภคภัณฑ์ต่อไป โดยความเห็นของเอเอ็นแซดมีขึ้นหลังจากที่วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐและจีนยังไม่ใกล้ที่จะคลี่คลายปัญหาการค้า

    เจฟฟรีย์ แลนด์สเบิร์ก กรรมการผู้จัดการบริษัทคอมโมดอร์ รีเสิร์ช กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกและตลาดเรือเทกองกำลังชี้สัญญาณลำบากอย่างแท้จริง ในขณะที่อัตราค่าระวางของเรือเทกองมักเผชิญกับแรงกดดันน้อยในช่วงต้นปี แต่มีการมองว่าขนาดของกิจกรรมที่ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น

    ดัชนีเรือเทกองมีมูลค่าลดลงหนึ่งในสี่นับตั้งแต่ต้นปี แต่มันไม่ใช่ดัชนีเรือเดินสมุทรเพียงตัวเดียวที่ได้รับแรงกดดัน ดัชนี Harpex Shipping ซึ่งเป็นดัชนีวัดอัตราค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ก็ได้ปรับตัวลงประมาณ 30% นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561

    เนื่องจากเป็นการวัดดีมานด์เพื่อขนส่งสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ยังมีการมองว่าอัตราค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์เป็นตัววัดเศรษฐกิจที่สำคัญตัวหนึ่ง การปรับตัวลงของมันย้ำให้เห็นถึงข้อมูลในภาคผลิตที่ซบเซาลงตั้งแต่ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ

    ฮุสเซน เซย์เอ็ด หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของบริษัท เอฟเอ็กซ์ทีเอ็ม กล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ความขัดแย้งทางการค้าที่ยังไม่คลี่คลายระหว่างจีนและสหรัฐ การชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐ และ ดราม่า Brexit ล้วนเป็นต้นตอของความไม่แน่นอนที่ฉุดความเชื่อมั่น

    ญี่ปุ่นซึ่งเป็นมหาอำนาจอุตสาหกรรมของเอเชียก็เปิดเผยข้อมูลในภาคผลิตที่ซบเซาลงเช่นกันเมื่อดูจากผลสำรวจของญี่ปุ่นเองในสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ในประเทศจีน คณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติ (เอ็นดีอาร์ซี) ได้เตือนในสัปดาห์นี้ว่า แรงกดดันในด้านลบต่อเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อตลาดงานของประเทศ เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลงของโรงงานชี้ว่ากิจกรรมในเดือนที่จะมาถึงลดลง

    ส่วนสหรัฐ แม้ว่าจนถึงขณะนี้มีการเติบโตดีกว่าเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ดัชนีชี้วัดในภาคผลิตได้สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐซบเซานับตั้งแต่ปลายปี 2561

    ในยูโรโซน ผลการสำรวจที่ได้มีการเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีชี้ว่า การเติบโตของธุรกิจเกือบจะหยุดชะงักตั้งแต่ต้นปี 2562 เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าและปัญหาการเมืองหมายถึงว่างานใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี

    ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของนักประมาณการอาชีพของธนาคารกลางยุโรปได้ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า การเติบโตในยูโรโซนอาจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจนี้เป็นการตอกย้ำสัญญาณที่ธนาคารกลางยุโรปชี้ว่าจะชะลอเวลาในการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

    มาริโอ ดรากี้ ประธานธนาคารกลางยุโรปได้เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การเติบโตของสมาชิกในยูโรโซน 19 ชาติ อาจลดลงมากขึ้นอีกและอาจนานกว่าที่ได้ประมาณการในก่อนหน้านี้ ความเห็นของดรากี้ทำให้มองกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสัญญาณในการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางยุโรป

    ผลสำรวจรายไตรมาสของอีซีบี มองว่าจีดีพีของยูโรโซนจะโต 1.5% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 1.8% ขณะเดียวกัน มองว่าเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 1.5% จากเดิมคาดไว้ 1.7% ประมาณการเงินเฟ้อใหม่นี้แตกต่างกันมากกับเป้าหมายของธนาคารกลางที่ตั้งไว้เกือบ 2%

    อีซีบียังมองว่าการเติบโตของยูโรโซนในปีหน้าจะอยู่ที่ 1.5% จากที่คาดการณ์ไว้ 1.6% และมองว่าเงินเฟ้อในปีหน้าจะอยู่ที่ 1.6% เทียบกับที่มองว่าจะอยู่ที่ 1.7% เมื่อสามเดือนก่อน นอกจากนี้ยังได้ลดเป้าการเติบโตในระยะยาวจาก 1.6% เหลือ 1.5% เช่นกัน

    ในการแถลงข่าวหลังการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี ดรากี้ กล่าวว่า แนวโน้มของยูโรโซนเริ่มมืดมนมากขึ้น ข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่คาดและมีความเสี่ยงต่อการเติบโตเพิ่มขึ้น

    คำพูดของดรากี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าธนาคารกลางยุโรปจะใช้เวลานานกว่าที่ได้กล่าวไว้ก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ย โดยได้อ้างปัจจัยระหว่างประเทศที่บั่นทอนแนวโน้ม เช่น การชะลอตัวในจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลดมาตรการลดภาษี นอกจากนี้ยังได้พูดถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ในเยอรมนีที่ได้รับผลกระทบจากมาตรฐานใหม่ในการกำหนดค่าก๊าซไอเสีย

    Source: ข่าวหุ้น

    - Shipping rates slump in sign of global slowdown
    https://www.straitstimes.com/busine...B8Lf0J1Ac8X24ZwEb1jfTwCxsS5khk67JuJYE0H7DhXiI
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F01%2F23%2F105696126-1548282767691rts2bxfm.1910x1000.jpg
    (Jan 28) ทรัมป์คาดเกิดชัตดาวน์อีกครั้ง ขณะไม่เชื่อมั่นคองเกรสบรรลุข้อตกลงสร้างกำแพง : หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่เชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่เขาต้องการ

    ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า เขาคิดว่ามีโอกาสน้อยกว่า 50% ที่สภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก่อนที่งบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.พ.

    นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะไม่รับข้อเสนอของสภาคองเกรสหากมีการจัดสรรงบประมาณต่ำกว่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามที่เขาเรียกร้อง และเขาจะไม่ให้สัญชาติอเมริกันให้แก่ "ดรีมเมอร์" หรือผู้อพยพที่เข้ามาอยู่อาศัยในสหรัฐตั้งแต่เด็กโดยไม่มีการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย เพื่อแลกกับการได้งบประมาณสร้างกำแพง

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้บรรลุข้อตกลงกับผู้นำในสภาคองเกรสเพื่อยุติปัญหาชัตดาวน์ โดยเขาได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงาน และมีงบประมาณในการบริหารงานจนถึงวันที่ 15 ก.พ.

    ในช่วงเวลา 3 สัปดาห์หลังจากนี้ แกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาเพื่อจัดทำร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณสำหรับความมั่นคงมาตุภูมิ ซึ่งปธน.ทรัมป์หวังว่าจะมีการบรรจุงบประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามข้อเรียกร้องของเขา

    อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์พูดอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันประสบความล้มเหลว รัฐบาลก็จะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. หรือปธน.ทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    -
    https://www.cnbc.com/2019/01/28/tru...WPNr3DMKK9RcCMQ2iPv5-HL__2wtxuFOKaAciiIgQUNzA
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2016%2F12%2F07%2F104153138-GettyImages-622165258.1910x1000.jpg
    (Jan 28) ทรัมป์เย้ยอดีตซีอีโอสตาร์บัคส์ไม่กล้าลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปีหน้า : ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาไม่เชื่อว่านายโฮเวิร์ด ชูลท์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทสตาร์บัคส์ จะกล้าลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

    "โฮเวิร์ด ชูลท์ไม่มีความกล้าที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ผมได้ดูเขาออกรายการ 60Minutes เมื่อคืนนี้ ซึ่งผมเห็นด้วยกับเขาที่ว่า เขาไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดที่สุด ผมหวังแค่ว่าสตาร์บัคส์จะยังคงจ่ายค่าเช่าที่ทรัมป์ทาวเวอร์ให้ผม" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

    ทั้งนี้ นายชูลท์ประกาศว่า เขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในฐานะผู้สมัครอิสระในปี 2563

    นายชูลท์กล่าวว่า ที่ผ่านมา เขาได้สนับสนุนพรรคเดโมแครต แต่นายชูลท์ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ระบบการเมืองของสหรัฐที่ถูกครอบงำโดยพรรคใหญ่เพียง 2 พรรค คือพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต และขณะนี้ทั้งสองพรรคก็กำลังเผชิญความขัดแย้งมากกว่าที่เคยพบมาในอดีต

    "ให้เรามาหารือกันว่าเราจะสามารถสร้างโอกาสให้กับคนต่างๆมากขึ้นได้อย่างไร" นายชูลท์ระบุ

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Trump: Former Starbucks CEO Howard Schultz ‘doesn’t have the guts’ to run for president :
    https://www.cnbc.com/2019/01/28/tru...ErUKCmVlkqrNplynRgWUi6HDw9m6Ud2q0wQ6vntUg5foY
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    s%3A%2F%2Fcdn.japantimes.2xx.jp%2Fwp-content%2Fuploads%2F2019%2F01%2Ff-huawei-a-20190129-870x578.jpg
    (Jan 28) 'หัวเว่ย เทคโนโลยี' เผือกร้อนวงการทูตแคนาดา : "หัวเว่ย" เทคโนโลยี ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของจีน ยังคงมีประเด็นให้พูดถึง โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐ กำลังเดินเรื่องเพื่อขอให้มีการส่ง เมิ่ง หว่านโจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ)จากรัฐบาลแคนาดาเพื่อไปดำเนินคดีบนแผ่นดินอเมริกัน

    ล่าสุด วานนี้ (27ม.ค.) จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา สั่งปลด จอห์น แม็คคัลลัม เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำจีน หลังจากท่านทูตรายนี้ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยบอกว่าจะเป็นประโยชน์กับแคนาดามากหากสหรัฐยุติการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกรณีนางเมิ่ง

    แต่มีประเด็นที่น่าสงสัยคือ การปลด ท่านทูตแม็คคัลลัมของทรูโดครั้งนี้ ไม่ได้ระบุ ถึงเหตุผล บอกแต่ว่ามีผลบังคับใช้ทันที และจิม นิกเกิล ผู้ช่วยของแม็คคัลลัม จะเข้ารับตำแหน่งอุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตประจำจีนไปก่อน

    แม็คคัลลัม ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งระดับรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง รวมถึง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีกระทรวงทหารผ่านศึก และรัฐมนตรี คนเข้าเมืองของแคนาดาถูกปลดหลังจาก ให้ความเห็นผ่านสื่อเมื่อไม่กี่วันก่อน เกี่ยวกับคดีเมิ่ง บุตรสาวผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย โดยบอกว่า จะเป็นการดีสำหรับแคนาดาหากว่าสหรัฐสามารถยุติการขอตัวเมิ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อส่งตัวเธอกลับไปดำเนินคดีในสหรัฐ

    พร้อมกันนั้น แม็คคัลลัม ได้รายงานสรุป ต่อสมาชิกรัฐสภาแคนาดา เกี่ยวกับชะตากรรม ของพลเมืองแคนาดา 2 คนที่ยังคงถูกกักตัวอยู่ในจีน และพลเมืองคนที่ 3 อยู่ในสถานะขั้นรับโทษขั้นประหารชีวิต ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่า รัฐบาลปักกิ่งพยายามบีบบังคับแคนาดาในคดี บุตรสาวผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย

    ต่อมาแม็คคัลลัม ได้ให้สัมภาษณ์ สื่อจีนในออนทาริโอ โดยบอกว่า เขาเชื่อว่า คำขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนของสหรัฐมีช่องโหว่อยู่มาก พร้อมทั้งพาดพิงถึงปัญหาทางการเมือง ของสหรัฐที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญอยู่ รวมถึงการที่ทางแคนาดาไม่ได้ ร่วมลงนามในการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ

    แน่นอนว่า การให้สัมภาษณ์ของท่านทูต รายนี้ สร้างความไม่พอใจแก่นักการเมือง ฝ่ายค้านของแคนาดาและคนอื่นๆ ที่เห็นว่า มุมมองของเขาทำให้จุดยืนของรัฐบาลแคนาดาที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในกระบวนการ ทางยุติธรรมถูกสั่นคลอนอย่างแรง

    ที่ผ่านมา เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย และเป็นบิดาของเมิ่ง ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยการ ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทของเขาช่วยรัฐบาลจีนจารกรรมข้อมูล โดยยืนยันว่าบริษัทของเขาแทบไม่ได้ติดต่อกับรัฐบาล และหากได้รับคำขอจากรัฐบาลจีนให้สอดแนมต่างชาติ เขาก็จะปฏิเสธคำขอ เพราะ บริษัทจะคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

    ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ยืนยันด้วยว่า เขาเป็นคนจีน รักประเทศชาติ สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ แต่จะไม่ทำอะไรที่เป็นผลร้าย ต่อชาวโลก

    ปัจจุบัน เหรินมีอายุ 74 ปี แม้ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในหัวเว่ยมาตั้งแต่ปี 2554 แต่ยังมีตำแหน่งอยู่ในบอร์ดบริหารของบริษัท โดยให้สัมภาษณ์สื่อครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2558 และเพิ่งมาปรากฏตัวอีกครั้งในปี 2562

    ซีอีโอ และผู้ก่อตั้งหัวเว่ย มั่นใจว่าประเทศตะวันตกจะต้องซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปใช้อย่างแน่นอน และเมื่อ ถูกถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร กับการที่บางประเทศดำเนินนโยบายจำกัด หรือไม่ก็ คว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย จากปัญหา เรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์ เหริน บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการแข่งขัน ขึ้นอยู่ กับว่าคุณทำได้ดีหรือไม่ เมื่อคุณมี ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ก็ไม่มีอะไรที่ ต้องกังวล ซึ่งตัวเขาเองไม่เคยกังวล เกี่ยวกับเรื่องนี้

    เหริน บอกด้วยว่า หัวเว่ย ดีที่สุด ในเรื่องเทคโนโลยี 5จี และเป็นผู้ผลิต รายเดียวของโลกที่มีศักยภาพในการติดตั้งสถานีฐานระบบ 5จี พร้อมด้วยเทคโนโลยีไมโครเวฟที่ทันสมัย ซึ่งเหมาะกับประเทศตะวันตก

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    เพิ่มเติม
    - Chinese state media has salty words for Canada over 'political interference' in Huawei case
    https://www.japantimes.co.jp/news/2...UWDtsHs9_FjKYzkTaESYNiAhEeq59trY#.XE7lG1UzaUk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F12%2F06%2F105610010-1544099966247rts294u0.1910x1000.jpg

    (Jan 28) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐตั้งข้อหาหัวเว่ย 2 ข้อ : Departments of Justice, Commerce และ Homeland Security ตั้งข้อหาบริษัทสัญชาติจีน Huawei Technologies Co. ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ โดยระบุว่าบริษัท Huawei ละเมิดข้อตกลงมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศอิหร่าน รวมถึงการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐฯ ที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ อาทิ กรณีการขโมยเทคโนโลยี phone-testing robot ที่มีชื่อเรียกว่า “Tappy” ของบริษัท T-Mobile เพื่อใช้ในการทดสอบ smartphone

    นอกจากนี้ อัยการยังระบุว่าบริษัท Huawei มีการเสนอค่าตอบแทนพิเศษให้กับพนักงานที่ประสบความสำเร็จในการขโมยข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทอื่นๆ อีกด้วย

    ทั้งนี้ บริษัท Huawei ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากรัฐบาลสหรัฐฯ มาโดยตลอด ขณะที่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็มีการเร่งดำเนินมาตรการขัดขวางการทำสัญญาเทคโนโลยี 5G ระหว่างบริษัท Huawei กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก

    Source:BOTSS

    - US files criminal charges in two Huawei cases, seeks extradition of CFO Meng Wanzhou: https://www.cnbc.com/2019/01/28/us-...zChNY5OjRmImYZoxheGngfFUbvyqbBmOCXJX5hWwBca-M

    - “หัวเว่ย” ผลักดันไทยเป็นสนามทดสอบ 5G แห่งแรกในอาเซียน: https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9620000009613

    *****************
    ยุติธรรมสหรัฐ ตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี หัวเว่ย – เมิ่ง ว่านโจว

    ยุติธรรมสหรัฐ – บีบีซี รายงานวันที่ 29 ม.ค. ว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาตั้งข้อกล่าวหาอาญาหลายข้อหากับ หัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน และ นางเมิ่ง ว่านโจว รองประธานบริหารฝ่ายการเงิน หรือ ซีเอฟโอ ของหัวเว่ยแล้ว หลังจากถูกจับกุมที่แคนาดาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ปีที่แล้ว ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐ

    ในจำนวนข้อกล่าวหาที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกายื่นฟ้องต่อหัวเว่ยและนางเมิ่งมีทั้งฉ้อโกงธนาคารและเงินผ่านระบบธนาคาร ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และขโมยเทคโนโลยีจาก ที-โมบิล บริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมของสหรัฐ

    ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทางการแคนาดามีคำสั่งปลด นายจอห์น แม็กคอลลัม จากตำแหน่งเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศจีน เพียง 1 วันหลังจากนายแม็คคอลลัมให้สัมภาษณ์สื่อแคนาดาว่า จะเป็นผลดีกับแคนาดาหากทางการสหรัฐอเมริกาจะยกเลิกคำสั่งขอส่งตัวซีเอฟโอของหัวเว่ย

    Source: ข่าวสดออนไลน์
    https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2147977
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQDnzJVKhcrXex4P&w=476&h=249&url=https%3A%2F%2Fs1.reutersmedia.jpg
    (Jan 29) นาย Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจที่คงอยู่ยาวนานกว่าที่คาดการณ์ : นาย Mario Draghi ประธาน ECB กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ว่าความไม่แน่นอนต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่แน่นอนจากปัญหาด้าน geopolitics และความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า ที่เป็นประเด็นอยู่อย่างยาวนานในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบให้ Economic Sentiment โดยรวมปรับแย่ลง

    ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างรายงานออกมาอ่อนแอกว่าที่ประมาณการไว้ โดยมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่อ่อนแอลง ประกอบกับปัจจัยลบเฉพาะในบางประเทศและในบางภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม Financial Condition ที่ยังคงผ่อนคลาย พัฒนาการที่ดีในตลาดแรงงาน รวมถึงการปรับสูงขึ้นของค่าจ้างแรงงาน ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงสามารถขยายตัวและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้ปรับสูงขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

    การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพียงพออย่างมีนัยสำคัญยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสนับสนุนให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อภายในประเทศ และทำให้พัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางเป็นไปตามที่ต้องการ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน ECB พร้อมจะปรับเปลี่ยนเครื่องมือด้านนโยบายการเงินให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ต้องการอย่างยั่งยืน

    Source: BOTSs

    - ECB's Draghi warns that uncertainty is weighing on sentiment: https://uk.reuters.com/article/us-e...76W-ob0rEb8W2gw9TIEwKR7SzzRd0mlbqkM_8-fQwfj50

    - ECB can restart QE if needed but unlikely this year: Draghi:
    https://www.reuters.com/article/ecb...9XVdWhKCaFV1OZRDd8ADWX0IaY5gWKyC1Jfn-OeQI7yYk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fimages.wsj.jpg
    (Jan 29) ความเสี่ยงที่มีต่อพรรค Democrat หลังบรรลุข้อตกลง ยุติภาวะ Shutdown : สำนักพิมพ์ The Wall Street Journal เผยแพร่บทความเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีต่อพรรค Democrat ภายหลังจากการบรรลุข้อตกลงในการผ่านร่าง stop gap bill และยุติ partial government shutdown เป็นการชั่วคราว โดยบทความระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาสร้างปัญหาให้กับพรรค Democrat 3 ประการ ดังนี้

    1. ในช่วงเริ่มต้นของการครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร พรรค Democrat จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องผู้อพยพ ซึ่งเป็นหนึ่งใน top priority ของประธานาธิบดี Trump แทนที่จะเป็นประเด็นด้าน Health Care ที่พรรค Democrat ให้ความสำคัญมากกว่า

    2. เหตุการณ์ government shutdown เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารประเทศที่ไม่มีประสิทธิผลของ ส.ส. พรรค Democrat ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในสภาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

    3. เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลต่อความนิยมของพรรค Democrat โดยผลสำรวจจาก Wall Street Journal/NBC News ชี้ให้เห็นถึงสัดส่วนผู้มีมุมมองเชิงบวกต่อพรรค Democrat ที่ปรับลดลงจากร้อยละ 39 ในเดือน ธ.ค. สู่ร้อยละ 35 ในเดือนนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับพรรค Republican ที่ร้อยละ 34

    นอกจากนี้ บทความได้ระบุถึงคำกล่าวของนาย John Delaney อดีต ส.ส. พรรค Democrat และเป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในปี 2020 ว่าถึงพรรค Democrat จะสามารถเอาชนะในประเด็น shutdown แต่ในสายตาของชาวอเมริกันส่วนใหญ่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี รวมถึงเป็นแสดงให้เห็นถึงปัญหาในระบบการเมืองสหรัฐฯ โดยประชาชนต้องการผู้นำที่ยอมประนีประนอม เพื่อให้ได้ผลลัพท์ออกมา มิใช่ผู้นำที่เอาแต่ยึดติดกับอุดมการณ์

    Source: BOTSS

    -
    https://www.wsj.com/articles/for-de...rEV6WX3qcg3TwlFXSIfiYPpDZfoBVWSUrpBXVQ6aGW4M4
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    yt.com%2Fimages%2F2019%2F01%2F29%2Fus%2Fpolitics%2F29dc-diplo-sub%2F29dc-diplo-sub-facebookJumbo.jpg
    (Jan 29) สหรัฐคว่ำบาตรบ.น้ำมันแห่งชาติเวเนฯ : สหรัฐประกาศคว่ำบาตรพีดีวีเอสเอ บริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเซุเอลา หวังสกัดประธานาธิบดีมารูโดใช้ประโยชน์รายได้จากน้ำมัน จนกว่าอำนาจการเมืองในเวเนฯจะเปลี่ยนไปอยู่ในมือฮวน กุยโด รักษาการประธานาธิบดีที่สหรัฐให้การหนุนหลัง

    เมื่อวันจันทร์(28ม.ค.) ขณะที่นายฮวน กุยโด แกนนำฝ่ายค้านที่อ้างว่าเป็นประธานาธิบดีรักษาการ และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ประกาศว่ากำลังเข้าควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศของเวเนซุเอลา นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรพีดีวีเอสเอ บริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเซุเอลา แต่ซิตโกบริษัทลูกของพีดีวีเอสเอ ซึ่งมีสำนักงานในสหรัฐยังคงดำเนินธุรกิจได้ต่อไป ตราบใดที่รายได้ของบริษัทยังคงถูกโอนเข้าไว้ในบัญชีที่ถูกปิดกั้นในสหรัฐ

    ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ให้การรับรองนายกุยโด ทันทีที่เขาประกาศตัวเป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา

    นายมนูชิน ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรล่าสุดต่อบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลาจะช่วยป้องกันไม่ให้ประธานาธิบดีมาดูโร นำทรัพย์สินของเวเนซุเอลาไปใช้ และสงวนทรัพย์สินเหล่านั้นไว้เพื่อประชาชนชาวเวเนซุเอลาเอง

    “การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพีดีวีเอสเอจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการถ่ายโอนอำนาจการควบคุมสู่ประธานาธิบดีรักษาการ หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ” รัฐมนตรีคลังสหรัฐระบุ

    นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังเวเนซุเอลา ยังระบุว่า สหรัฐจะออกใบอนุญาตชั่วคราวเพื่อรับประกันว่าโรงกลั่นต่างๆของสหรัฐ แคริบเบียนและยุโรป ที่พึ่งพาน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา จะสามารถซื้อน้ำมันจากพีดีวีเอสเอต่อไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ในระยะยาวประเทศเหล่านี้ควรหันไปพึ่งพาน้ำมันจากแหล่งอื่น

    ในส่วนของนายกุยโด ได้นัดชุมนุมในวันพุธ(30ม.ค.) นี้เพื่อเรียกร้องกองทัพให้อยู่ข้างปะชาชน จากนั้นจะมีการชุมนุมใหญ่ทั้งภายในและภายนอกประเทศในวันเสาร์(2ก.พ.) เพื่อขอบคุณเสียงสนับสนุนจากหลายชาติในุยุโรป ที่ต่างพากันขีดเส้นตายให้ประธานาธิบดีมาดูโร จัดการเลือกตั้งใหม่ ขณะที่การชุมนุมประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิต35 คน

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    -U.S. Announces Tough Oil Sanctions on Venezuela During Crisis of Power
    https://www.nytimes.com/2019/01/28/...5Lndo56uTBwdUKtTTkRLNAmwefBTpLugPn14OVRE3yDig
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    =https%3A%2F%2Fbrandinside.asia%2Fwp-content%2Fuploads%2F2019%2F01%2Fshutterstock-767288479-rydh.jpg
    (Jan 29) ซาอุฯ ประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 13 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030 : ซาอุดิอาระเบียเตรียมที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 13 ล้านล้านบาทภายในปี 2030 คาดว่าจะพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่ความทันสมัยและรวมไปถึงลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันอย่างเดียวได้ด้วย

    เจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน เตรียมประกาศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศซาอุดิอาระเบียมูลค่ากว่า 13 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 425,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเหมืองแร่ พลังงาน อุตสาหกรรมการผลิต รวมไปถึงการขนส่ง คาดว่าการลงทุนดังกล่าวนี้จะพาประเทศให้ก้าวสู่ประเทศที่ทันสมัย

    ความคาดหวังจากการลงทุนของซาอุดิอาระเบียครั้งนี้คือ ลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันลง และเน้นไปที่การเจริญเติบโตของภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งซาอุดิอาระเบียประสบปัญหาเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงอย่างมาก และยิ่งน่ากังวลหลังจากนักข่าวชาวซาอุฯ อย่าง จามาล คาชูจกิ ถูกสังหารที่สถานกงศุลซาอุฯ ที่ประเทศตุรกี

    โครงการลงทุนที่น่าสนใจภายใต้แผนการนี้เช่น การสร้างทางรถไฟยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร การปรับปรุงสนามบินนานาชาติคิงคาเลด นอกจากนี้คาดว่าจะมีการสร้างสนามบินเพิ่มเติมอีก 5 สนามบิน

    Khalid Al-Falih รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า การเปิดตัวโครงการจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 มกราคมนี้ และตั้งเป้าที่จะระดมทุนโครงการนี้ทั้งในประเทศรวมไปถึงจากต่างประเทศอีกด้วย แต่สำหรับเม็ดเงินแหล่งสำคัญจะมาจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย (PIF) เป็นหลัก

    โดย Wattanapong Jaiwat

    Source: Brandinside.asia
    https://brandinside.asia/prince-moh...3NvCNbWwgQhJh7KMEiUxOFb1JOykKRH5pu1HINw8C3Hco
     

แชร์หน้านี้

Loading...