ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556
    เกิดหิมะถล่มในเทือกเขาแอลป์ นักปีนเขาอิตาเลียนดับ 2 ศพขณะพยายามพิชิตยอด “มงต์ บลองก์”
    [​IMG]

    หิมะถล่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งบริเวณเทือกเขาแอลป์
    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ -นักปีนเขาชาวอิตาเลียนเสียชีวิต 2 รายในวันอังคาร (13) หลังจากทั้งคู่เผชิญกับหิมะถล่ม ขณะพยายามพิชิตยอดเขา “มงต์ บลองก์” ในเทือกเขาแอลป์ ส่วนที่อยู่ในเขตแดนของฝรั่งเศส

    รายงานข่าวระบุว่านักปีนเขาจำนวน 6 รายต้องเผชิญกับเหตุหิมะถล่มขณะที่พวกเขาพยายามพิชิตยอดเขามงต์ บลองก์ ดู ตากุล ที่ระดับความสูง 4,200 เมตร หรือราว 13,780 ฟุตในเขตอัปเปอร์ ซาวัวของฝรั่งเศส

    โดยนักปีนเขาจำนวน 3 คนจากกลุ่มนี้ถูกฝังอยู่ภายใต้กองหิมะขนาดใหญ่ ซึ่งในเวลาต่อมาทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือนักปีนเขารายหนึ่งออกมาได้ แต่ทว่านักปีนเขา 2 รายจากอิตาลีเสียชีวิตและถูกพบศพในเวลาต่อมา

    อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ ทางการท้องถิ่นของเขตอัปเปอร์ ซาวัว ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวตนของเหยื่อหิมะถล่มในครั้งนี้

    ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจำนวนหลายพันคนต่างหลั่งไหลมายังเทือกเขาแอลป์ส่วนที่อยู่ในฝรั่งเศสกันเป็นประจำทุกปีทั้งเพื่อเล่นสกีและปีนเขา แต่น่าเศร้าที่ในแต่ละปีจะต้องมีผู้ที่เสียชีวิตระหว่างการเล่นกีฬาฤดูหนาวในพื้นที่แถบนี้

    ขณะเดียวกันมีข้อมูลว่าในทุกฤดูร้อน นักปีนเขาราว 20,000 คนจากทั่วโลกจะพยายามพิชิตยอดเขามงต์ บลองก์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตกโดยเคยมีสถิติว่าในบางวันอาจมีนักปีนเขาพยายามพิชิตยอดเขาแห่งนี้พร้อมๆกันถึง 500 ชีวิต

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วนักปีนเขาชาวเยอรมัน 3 คน ,ชาวอังกฤษ 3 คน,ชาวสเปน 2 คน และนักปีนเขาจากสวิตเซอร์แลนด์อีกรายหนึ่ง ต้องเสียชีวิตจากเหตุหิมะถล่มขณะพยายามพิชิตยอดเขามงต์ บลองก์นี้เช่นกัน ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดกับนักปีนเขาที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี

    [​IMG]
    ยอดเขามงต์ บลองก์ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก


    [​IMG]

    [​IMG]
    แผนที่แสดงที่ตั้งของยอดมงต์ บลองก์

    [​IMG]
    ภาพถ่ายสุดท้ายของกลุ่มนักปีนเขา 6 ราย ก่อนที่ 2 รายในจำนวนนี้จะเสียชีวิตเพราะเหตุหิมะถล่ม

    เขียนโดย narater ที่ 00:45 Schau-Thai: เกิดหิมะถล่มในเทือกเขาแอลป์ นักปีนเขาอิตาเลียนดับ 2 ศพขณะพยายามพิชิตยอด “มงต์ บลองก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76 KB
      เปิดดู:
      2,576
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      1,681
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.2 KB
      เปิดดู:
      1,709
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      1,736
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.4 KB
      เปิดดู:
      1,698
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์กลางข่าวสารแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น โดย สนญ. และ สนทญ. ได้แชร์ลิงก์
    3 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok
    ชาวญี่ปุ่นเกือบ 40,000 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากอากาศร้อนจัดแล้วหน้าร้อนนี้

    Nearly 40,000 hospitalized for heatstroke so far this summer
    NATIONAL AUG. 14, 2013 - 01:30PM JST ( 21 )
    TOKYO —
    The Fire and Disaster Management Agency said Tuesday that 39,944 people have been taken to hospital nationwide to be treated for heatstroke since May 27. The agency also said that 78 deaths had been attributed to heatstroke up to Monday.
    The number of people being treated for heatstroke is 30% more than for the same period last year, Fuji TV reported. Of the total, more than 50% were aged 65 and older, the agency said.
    The number jumped dramatically since the current heatwave hit last week with 9,815 hospitalized as of Monday, the agency said.
    According to the Japan Meteorological Agency, the heatwave is expected to continue until at least the end of next week.
    The agency has issued heat warnings for 38 of Japan’s 47 prefectures, telling people to keep drink water regularly and keep air conditioners turned on.
    Hokkaido has been spared the heatwave, with Kushiro consistently being the coolest place to be in summer, with temperatures not exceeding 25 degrees.
    Japan Today

    Nearly 40,000 hospitalized for heatstroke so far this summer ‹ Japan Today: Japan News and Discussion
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาจารย์ปิยะชีพได้บอกถึงการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก ผมเชื่อแค่ 50% ครับ แต่ไม่กล้าปฎิเสธ เพราะตอนนี้สนามพลังแม่เหล็กโลกแปลกๆ และยิ่งใกล้การสลับขั้วของสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ และจากการทดลองฝรั่งในการจำลองการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของขั้วแม่เหล็กเหนือใต้เลยสักนิด ผมบอกได้แค่ตอนนี้ใครบอกอะไรก็รับฟัง และรอดูต่อไปว่าอะไรจะเกิดบ้าง เพราะตอนนี้เริ่มมีสายฟ้าฟาดลงมาบ้างแล้วเช่นที่ญี่ปุ่นสายฟ้าฟาดรถไฟฟ้า คลื่นความร้อน ไฟป่า ผมพูดตรงๆว่าคลื่นความร้อน ไฟป่าลึกๆ ผมว่ามาจากใต้ดินส่วนหนึ่งน่ะครับ และไฟป่าทำไมมันไหม้เยอะจัง มีลูกไฟผุดจากรอยแยกของดินมาติดไม้หรือเปล่า เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มแปลกขึ้นทุกที

    Piyacheep S.Vatcharobol ได้แชร์ ลิงก์
    4 ชั่วโมงที่แล้ว ใกล้กับ Bangkok ·
    ลองดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้นเทคนิคยังไม่เนียบมาก
    แต่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แม้นยังเป็นพายุอ่อนๆอยู่
    เครื่องบิน เรือ รถไฟ การสื่อสาร อิเลคโทนิค จะโดนรบกวนหมด
    ความแรงของพายุสนามแม่เหล็กจะเริ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ในช่วงการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก
    โลกเราจะไม่มีสนามแม่เหล็กเป็นเกราะป้องกันโลกชั่วขณะ
    กัมมันภาพรังสี แน่นอน เปนความร้อนด้วย ก็จะเข้าโลกได้

    นี่คือที่มาของการต้องมี ต้องมี ต้องมี ที่หลบภัยใต้ดิน
    เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดเป็นรูปธรรมใหญ่ปลายปีนี้นะครับ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=LFru-gZ0zG8]Polar Storm ~ PART 1 of 9 - YouTube[/ame]
    Polar Storm ~ PART 1 of 9
    YouTube
    56 คนที่ถูกใจ·5 ความคิดเห็น
    ถูกใจ
    แสดงความคิดเห็น
    แชร์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หน้า หนังสือ ชัยสิทธิ์
    6 ชั่วโมงที่แล้ว ใกล้กับ Bangkok
    ว่าจะร่ายยาวซักหน่อย คิดไปคิดมาเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวถูกตรวจสอบ ช่วงนี้ข้อความต่างๆกำลังถูกเพ่งเล็งและตรวจสอบจากรัฐอยู่ด้วย เอาเป็นว่า ผมบังเอิญเจอกับตัวเลข 666 โดยบังเอิญ จริงไม่จริงอย่างไรถ้าสนใจให้ลองเช็คข้อมูลดูนะครับ เอาปี 2013 - 666 = ??? แล้วลองไปหาข้อมูลดูว่าเกิดเหตุการณ์ใดที่สำคัญขึ้นบ้าง และที่สำคัญปลายปีนี้ถ้าหากเป็นไปตามที่ NASA คาดการณ์เอาไว้ อาจเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันเกิดขึ้นเช่นกัน และผลที่ตามมาคือ ผมไบ้ให้ละกันคือ black death ครับ เริ่มเข้าใจแล้วหรือยังครับว่าทำไม FEMA ต้องเตรียมการตลอดหลายปีที่ผ่านมาไว้มากมายขนาดนั้น ลองขุดลึกลงไปอีกช่วงนี้ยิ่งเตรียมการหนักเข้าไปอีกอย่างที่หลายท่านได้รายงานในที่นี้กันไปแล้ว ถ้าถามผม ผมว่า 50 50 ให้ลองติดตามดูอย่างใกล้ชิดไม่ประมาทแล้วกันครับ เพราะขนาด NASA ยังบอกเลยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงก็ "PRAY!" อย่างเดียว
     
  5. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    เคารพศรัทธาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ให้มากๆแล้วจะปลอดภัย ครับ
     
  6. pcgclub

    pcgclub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +31
    คืนนี้พระจันดวงโตกว่าปกติเปล่าครับ มีสีขาวออกเหลืองๆ ผมเห็นไม่นานเท่าไร เพราะเมฆเริ่มบัง อยู่ทางทิศตะวันตก ใครสังเกตุบ้างครับ หรือว่าผมคิดไปเองว่าใหญ่ผิดปกติ ผมเพิ่งเห็นดวงมีสีออกเหลืองๆ ดูตอน 23.30 ครับ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ้างอิง
    หน้า หนังสือ ชัยสิทธิ์
    ว่าจะร่ายยาวซักหน่อย คิดไปคิดมาเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวถูกตรวจสอบ ช่วงนี้ข้อความต่างๆกำลังถูกเพ่งเล็งและตรวจสอบจากรัฐอยู่ด้วย เอาเป็นว่า ผมบังเอิญเจอกับตัวเลข 666 โดยบังเอิญ จริงไม่จริงอย่างไรถ้าสนใจให้ลองเช็คข้อมูลดูนะครับ เอาปี 2013 - 666 = ??? แล้วลองไปหาข้อมูลดูว่าเกิดเหตุการณ์ใดที่สำคัญขึ้นบ้าง และที่สำคัญปลายปีนี้ถ้าหากเป็นไปตามที่ NASA คาดการณ์เอาไว้ อาจเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันเกิดขึ้นเช่นกัน และผลที่ตามมาคือ ผมไบ้ให้ละกันคือ black death ครับ เริ่มเข้าใจแล้วหรือยังครับว่าทำไม FEMA ต้องเตรียมการตลอดหลายปีที่ผ่านมาไว้มากมายขนาดนั้น ลองขุดลึกลงไปอีกช่วงนี้ยิ่งเตรียมการหนักเข้าไปอีกอย่างที่หลายท่านได้รายงานในที่นี้กันไปแล้ว ถ้าถามผม ผมว่า 50 50 ให้ลองติดตามดูอย่างใกล้ชิดไม่ประมาทแล้วกันครับ เพราะขนาด NASA ยังบอกเลยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงก็ "PRAY!" อย่างเดียว


    เพิ่มเติม
    หน้า หนังสือ ชัยสิทธิ์ เอาเป็นว่าผมเตือนตามที่สัญญาไว้แล้วละกันนะครับ ที่เหลือก็ตามๆดูเหตุการณ์กันไป กว่าจะถึงบางอ้อก็อาจกินเวลาอีก 7 ปี เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หรือถูกบันทึกเอาไว้
    15 ชั่วโมงที่แล้ว • ถูกใจ • 3


    หน้า หนังสือ ชัยสิทธิ์ เอกสารไม่มีครับ ผมตั้งใจอยากให้คนที่สนใจลองค้นหาดูข้อมูลเอง วิกิ หรือในเว็บของนาซาก็ดี และเว็บเปิดที่รวบรวมเหล่าดาราศาสตร์สมัครเล่นเอาไว้เพื่อติดตามบางสิ่งก็ดี แต่ที่แปลกของรัฐเองกลับปิดตัวลง และรวมไปถึงสถานที่ทำการ HAARP ก็ปิดตัวด้วยเช่นกัน อาจเพื่อป้องกันข้อมูลที่แท้จริงรั่วไหล และปล่อยให้มือสมัครเล่นรับหน้าเสื่อไป ไบ้เพิ่มอีกนิดละกัน ก่อนเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่เมื่อปี 1347 ปรากฏดาวหางขนาดใหญ่พาดผ่านพากฟ้าปรากฏให้เห็นแม้แต่ตอนกลางวัน และหลังจากนั้นก็เกิดโรคระบาดใหญ่ตามมาและคร่าชีวิตประชากรโลกไปประมาณ 450ล้านคน และที่สำคัญคือสาเหตุของการตายจริงๆก็ไม่เป็นที่แน่ชัด มีเพียงแค่การตรวจสอบจากดีเอ็นเอของคนที่คาดว่าเสียชีวิตในช่วงเวลานั้นเท่านั้นว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย(จากไหน?)
    6 ชั่วโมงที่แล้ว ผ่าน มือถือ • เลิกถูกใจ • 1

    แบล็กเดท (อังกฤษ: Black Death) เป็นโรคระบาดทั่วครั้งที่ก่อความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตประเมินไว้ราว 75 ถึง 200 ล้านคน และทวีความรุนแรงที่สุดในทวีปยุโรประหว่างปี 1348–50[1][2][3] การวิเคราะห์ดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปตอนเหนือและใต้บ่งชี้ว่า จุลชีพก่อโรคอันเป็นสาเหตุของโรค คือ แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งอาจก่อกาฬโรคได้หลายแบบ[4][5]
    คาดว่าแบล็กเดทเริ่มต้นในจีนหรือเอเชียกลาง[6] จากนั้นแพร่มาตามเส้นทางสายไหมและถึงไครเมียในปี 1346 และหมัดหนูตะวันออก (Xenopsylla cheopis) ซึ่งอาศัยอยู่ในหนูดำอันอยู่บนเรือพาณิชย์ทั่วไป น่าจะเป็นตัวนำโรคจากไครเมีย กาฬโรคได้แพร่ไปทั่วเมดิเตอร์เรเนียนและทวีปยุโรป ประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตเป็น 30–60% ของประชากรทั้งทวีปยุโรป[7] กาฬโรคลดประชากรโลกจากที่ประเมินไว้ 450 ล้านคน ลงเหลือ 350–375 ล้านคนในคริสต์ศตวรรษที่ 14
    กาฬโรคมีผลต่อเส้นทางประวัติศาสตร์ยุโรป ก่อให้เกิดทั้งกลียุคทางศาสนา สังคมและเศรษฐกิจ ประชากรยุโรปกว่าจะกลับคืนจำนวนก็ใช้เวลา 150 ปี กาฬโรคอุบัติซ้ำเป็นครั้งคราวในทวีปยุโรปกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 19

    การแพร่ระบาดของโรคร้าย และปัจจัยเสริมความรุนแรง[แก้]


    [​IMG]

    ภาพวาดนักบุญ ที่เยี่ยมเยียนผู้ป่วย จากเหตุการณ์ เดอะ แบล็กเด็ธ ในขณะที่ไม่มีหมอคนไหน ยอมมาช่วยรักษาหรือเยียวยาให้
    กาฬโรค มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย เยอซิเนีย แพสทิซ (Yersinia pestis) ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในสัตว์จำพวกหนูในแถบตอนกลางของเอเชีย แต่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเป็นที่ใด ที่เริ่มมีการระบาดร้ายแรงในช่วงศตวรรษที่ 14 ทฤษฎีหนึ่งที่น่าเชื่อถือ กล่าวไว้ว่า ในทุ่งกว้างแถบเอเชีย ประมาณช่วงตอนบนของประเทศจีน จากที่นั่นเดินทางมาจากทั้งทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตกทาง ไปตามเส้นทางสายไหม ซึ่งพวกกองทัพและพ่อค้ามองโกล สามารถใช้เส้นทางการค้านี้ได้ฟรี จากบารมีของราชอาณาจักรมองโกล ภายใต้สนธิสัญญาแพค มองโกลลิกา (Pax Mongolica) ที่จะรับรองความปลอดภัย ซึ่งมีคำเปรียบเปรยไว้ว่า "แม้หญิงใดเดินเปลือยกายผ่านเส้นทางนี้ก็จะปลอดภัย แม้ชายใดถือทองคำ ใส่กระจาดทูนไว้บนหัวก็จะไม่ถูกปล้น"

    มีรายงานการพบครั้งแรกที่ยุโรป ความว่า
    ที่เมืองศูนย์กลางการค้า แคฟฟา (Feodosiya) ในประเทศ คริเมีย (Crimea) ในปี 1347 ภายหลังจากการโอบล้อมโจมตี ของกองทัพมองโกล ภายใต้การนำของ จานิ แบ็ค (Jani Beg) ทางฝ่ายกองทัพมองโกลต้องเผชิญกับกาฬโรค พวกเขาจึงได้ใช้ยุทธวิธี ยิงศพที่ติดเชื้อกาฬโรค เป็นกระสุนปืนใหญ่ข้ามกำแพงเมืองไป เพื่อทำให้โรคระบาดแพร่กระจายเข้าไปยังชาวเมืองที่อยู่ในตัวเมือง พวกพ่อค้าชาว จีนัว (Republic of Genoa)ต่างพากันหลบหนี และได้นำเอากาฬโรคไปด้วย ผ่านทางเรือเดินสมุทร ไปที่ซิซิลี และตอนใต้ของยุโรป ซึ่งเป็นที่ๆ พบการแพร่ระบาด

    ไม่ว่าข้อสันนิษฐานนี้จะถูกต้องหรือไม่ แต่เป็นที่แแน่ชัดแล้วว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นหลายอย่าง อย่างเช่น สงคราม ความอดอยาก สภาพอากาศที่เลวร้าย มีส่วนช่วยให้เหตุการณ์ เดอะ แบล็กเด็ธ ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งกรณีเช่นนี้ คล้ายกับสงครามที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน ระหว่างกองทัพของจีน กับกองทัพมองโกลที่มารุกราน ในช่วงปี 1205-1353 สงครามนี้ขัดขวางการทำเกษตรกรรมและการค้าขาย ทำให้เกิดภาวะอดอยากไปทั่วทุกสารทิศ และยังมีเหตุการณ์ยุคน้ำแข็งน้อย ที่กล่าวถึงสภาวะอากาศที่เลวร้ายอย่างมาก ในช่วงต้นถึงช่วงกลางของศตวรรษที่ 14 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก
    ในช่วงปี 1205-1322 เกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารไปทั่วทั้งยุโรปตอนบน (Great Famine of 1315–1317) ซึ่งทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอจะยังชีพ และราคาอาหารที่สูงมากจนเกินกว่าจะรับได้ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวยุโรปมาร่วม 100 ปี ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของกาฬโรค ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต หญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ และสินค้าจากปศุสัตว์ล้วนแล้วแต่ขาดแคลนทั้งสิ้น ภาวะเช่นนี้ ส่งผลต่อความหิวโหย และขาดสารอาหาร ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังสุขภาพร่างกาย และภูมิคุ้มกันของมนุษย์ที่ด้อยประสิทธิภาพลง เศรษฐกิจของยุโรป ตกอยู่ในวงจรอุบาทของความหิวโหยเป็นเวลานาน แม้โรคภัยธรรมดายังส่งผลกกระทบ ต่อชนชั้นผู้ใช้แแรงงาน ทำให้อ่อนแอลง กำลังการผลิตลดลง ทำให้การส่งออกมีปัญหา ส่งผลให้ราคาสินค้ายิ่งถีบตัวสูงขึ้น
    ไข้ไทฟอยด์ที่มาจากน้ำที่ไม่สะอาดระบาดมาก่อน ทำให้ชนพื้นเมืองนับพันล้มตายลง บางครั้งโรคแอนแทร็กซ์ ก็จู่โจมสัตว์เลี้ยงในยุโรป โดยโรคแอนแทร็กซ์นี้จะมุ่งเป้าโจมตีไปที่ แกะ และพวกปศุสัตว์ ทำให้ปริมาณอาหาร และรายได้ของเกษตรกรยิ่งลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย และส่งผลกระทบในวงกว้างไปทั่วทั้งยุโรป เพราะว่าเมื่อแกะจำนวนมากล้มตายลง ประเทศที่ส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอ และแปรรูปจากขนแกะอย่างอังกฤษก็ต้องล้มตามไปด้วย ภาวะว่างงานของแรงงาน ยังไปเพิ่มอาชญากรรม และความยากจน ให้เป็นปัจจัยเสริม ความรุนแรงของเหตุการณ์ เดอะ แบล็กเด็ท อีกด้วย

    การแพร่ระบาดในเอเชีย[แก้]
    จากประวัติศาสตร์ การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้นที่ประเทศจีนในช่วงปี ค.ศ. 1330 กาฬโรคเริ่มระบาดในแถบหูเป่ย ในปี ค.ศ. 1334 และเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักในระหว่างปี ค.ศ. 1353-1354 จากบันทึกเก่าแก่ของจีน บันทึกไว้ว่า การแพร่ระบาดได้กระจายไปใน 8 พิ้นที่ของจีน ได้แก่ หูเป่ย เจียงซี ซานซี หูหนาน กวางตง กวางซี เหอหนาน และซุยยวน เพียงแต่ว่าข้อมูลนี้ได้มาจากผู้ที่รอดชีวิตจากยุคนั้น และยังไม่มีการศึกษาเพิ่มเติมในเบื้องลึก ซึ่งคาดว่ากองคาราวานพ่อค้าชาวมองโกล จะเป็นผู้นำเอากาฬโรคที่ระบาดที่เอเชียตอนกลาง มายังยุโรป

    การแพร่ระบาดในยุโรป[แก้]
    [​IMG]

    การแพร่ของแบล็กเดทในทวีปยุโรป
    ในเดือนตุลาคม ปี 1347 กองเรือสินค้าที่อพยพมาจากเมือง เคฟฟา (Caffa) มาที่ท่าเรือ เมซซิน่า (Messina) ประเทศอิตาลี่ ในเวลาที่เรือเทียบท่า ลูกเรือทุกคนติดเชื้อหรือเสียชีวิตแล้ว จึงสัณนิษฐานได้ว่า เรือได้นำเอาหนูติดเชื้อที่เป็นพาหะนำโรคมาด้วย เรือบางลำยังไม่เทียบท่า แต่กลายเป็นเรือร้างลอยลำอยู่กลางน้ำ เพราะว่าทุกคนเสียชีวิตหมด พวกโจรสลัดที่เข้าไปปล้นเรือ ก็ได้ช่วยให้กาฬโรคแพร่ระบาดอีกทางหนึ่ง การระบาดได้กระจายจาก จีนัว (Genoa) และ เวนิช (Venice) ในช่วงปี 1347-1348
    จากประเทศอิตาลี แพร่ระบาดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ข้ามยุโรป จู่โจมฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส และอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคมปี 1348 หลังจากนั้น ก็แพร่ไปกระจายไปทาง ทิศตะวันออกไปยังประเทศเยอรมนี และแถบสแกนดิเนเวีย(Scandinavia) ในช่วงปี 1348-1350 มีการพบการระบาด ที่นอร์เวย์ในปี 1349 และในที่สุดก็ระบาดลุกลามไปยังแถบตะวันตกเฉียงเหนือ ของรัสเซียในปี 1351 แต่อย่างไรก็ตามการระบาดก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว ไม่ว่าจะที่ยุโรป โปแลนด์ เบลแยี่ยม หรือแม้กระทั่งเนเธอร์แลนด์
    การแพร่ระบาดในตะวันออกกลาง[แก้]
    กาฬโรคแพร่กระจายไปในหลายประเทศ ในแถบตะวันออกกลาง ส่งผลให้เกิดการลดจำนวนลงของประชากรอย่างยิ่งยวด และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และสังคมไปตลอดนับจากนั้น โดยการแพร่ระบาดมาจากทางตอนใต้ของรัสเซีย ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1347 การแพร่ระบาดได้เข้าไปถึงเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ บางทีอาจผ่านทางเมืองท่า จากการค้าขายกับ คอนสแตนติโนเปิล และเมืองท่าแถบทะเลดำ ในช่วงปี 1348 การระบาดได้ลุกลามไปทางตะวันออกถึงกาซาและไปทางเหนือ ตลอดชายฝั่งทางตะวันออกของ เลบานอน ซีเรีย ปาเลสไตน์ รวมไปทั้งแอชเคลอน อาช เยรูซาเล็ม ซิดอน ดามัสคัส ฮอมส์ อเลปโป และในปี 1348-1349 โรคระบาดก็ได้เข้าไปถึง แอนทิออช ซึ่งชาวเมืองได้พากันอพยพหนีไปทางทิศเหนือ และส่วนมากจะเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง
    นครเมกกะ กลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดในปี 1349 ซึ่งในปีเดียวกันนี้เอง จากบันทึกได้แสดงให้เห็นถึง เมืองโมซุลที่ตกอยู่ภายใต้ภาวะโรคระบาดร้ายแรง และนครแบกแดดต้องพบกับการแพร่ระบาดรอบสองในปี 1351 เยเมนก็ประสบปัญหาเดียวกัน อันเนื่องมาจากกษัตริย์ มูจาฮิด ของเยเมน ถูกจองจำที่กรุงไคโร ประเทศอิยิปต์ โดยคณะผู้ติดตามของกษัตริย์ มูจาฮิด ได้ติดเชิ้อกาฬโรคจากประเทศอิยิปต์ และอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปยังที่อื่นๆ

    ความเสียหายในยุโรป[แก้]
    มีการประมาณผู้เสียชีวิตจากเหตุการ เดอะ แบล็กเด็ธ ที่เป็นชาวยุโรปอย่างน้อย 1/4 ถึง 2/3 ของประชากรชาวยุโรปทั้งหมด ในระหว่างช่วงปี 1348-1350 หมู่บ้านเล็กๆ ตามชนบทมีประชากรลดลง ผู้รอดชีวิตส่วนมากจะพากันอพยพเข้าตัวเมืองที่ใหญ่กว่า แล้วทิ้งหมู่บ้านไป จนเป็นหมู่บ้านร้าง เดอะ แบล็กเด็ธ จู่โจมไปถึงวัฒนธรรมอย่างรุนแรง หมู่บ้านที่เคยมีคนอาศัยอยู่มากได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีคนอาศัยอยู่เบาบางและโดดเดี่ยว อย่างโปร์แลนด์ (Poland) กับลิธูเนีย(Lithuania) ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ส่วนพื้นที่อื่นอย่าง ฮังการี่ (Hungary) เบลเยี่ยม เขอาณาจักรดยุคแห่งบราบองต์ ไฮย์เนาว์ (County of Hainaut) ลิมเบิร์ก (Limbourg) ซานติเอโก ดิ คอมพอสเทลา(Santiago de Compostela) กลับไม่ได้รับผลกระทบโดยไม่ทราบสาเหตุ นักประวัติศาสตร์ได้พยายามหาเหตุผลมาอธิบายไว้ว่า มีกลุ่มผู้ที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของกาฬโรคได้
    อย่างไรก็ตามพื้นที่เหล่านี้ก็ถูกเล่นงาน ในการแพร่ระบาดใหญ่รอบที่ 2 ในปี 1360-1363 ซึ่งเริ่มมีกลุ่มที่มีความรู้ความสามารถ ในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาด ของกาฬโรคขึ้นมาหลายกลุ่มแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นที่เป็นที่อพยพหนีกาฬโรคจะเป็น เขตพิ้นที่ภูเขาโดดเดี่ยว เพราะว่าเขตตัวเมืองที่มีขนาดใหญ่ มีความหนาแน่นของประชากรสูง จะมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อกาฬโรคได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะเมืองในเขตที่สกปรก เต็มไปด้วยแมลงปรสิตอย่าง เห็บ หมัด หนู รวมไปถึงสภาาพความอดอยากและ ไม่มีสุขอนามัยที่ดีพอ
    ในประเทสอิตาลี เมือง ฟลอเรนซ์ (Florence) ในช่วงปี 1338 มีประชากรอยู่ประมาณ 110000-120000 คน ถูกกาฬโรคเล่นงานจนเหลือประชากรเพียง 50000 คนในปี 1351 ที่ ฮัมบูร์ก (Hamburg) กับ เบรเมน(Bremen) ประชากรเสียชีวิตจากกาฬโรคไปราวๆ 60%-70% ของประชากรทั้งหมด ในพื้นที่อื่นๆ บางพื้นที่ ประชากร 2/3 ตายเรียบ ที่อังกฤษมีผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคราว 70% ซึ่งทำให้ประชากรลดลงจาก 7 ล้านคน เหลือเพียง 2 ล้านคนในปี 1400
    กาฬโรคมีผลต่อประชากรทุกระดับชั้นโดยไม่ไว้หน้า ไม่ว่าจะเป็นคนระดับล่างที่อยู่ในที่สกปรก หรือชนชั้นสูง พระเจ้าอัลฟองโซที่ 11 แห่งคาสตีล (Alfonso XI of Castile) เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่เสด็จสวรรคตจากกาฬโรค ปีเตอร์ ออฟ อารากอน (Peter IV of Aragon) สูญเสียภรรยา ลูกสาว และหลานสาวใน 6 เดือน จักรพรรดิไบเซนไทน์ สูญเสียลูกชาย ในขณะที่อยู่ในราชอาณาจักรฝรั่งเศส (Ancien Régime in France) โจน ออฟ นาวาร์ (Joan II of Navarre) ก็เป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียง ที่เสียชีวิตจากกาฬโรคเช่นกัน


    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสังคม[แก้]
    รัฐบาลของยุโรปไม่มีนโยบายที่แน่ชัด ในการรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อกาฬโรค เพราะว่าไม่มีใครรู้สาเหตุของการแพร่ระบาด พวกผู้มีอำนาจปกครองส่วนใหญ่ จึงใช้วิธีห้ามการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค กวาดล้างตลาดมืด ควบคุมราคาธัญพืช และการหาปลาบริเวณกว้างแบบผิดกฎหมาย ความพยายามต่างๆ นาๆนี้ส่งผลกระทบไปถึง ประเทศที่เป็นหมู่เกาะ อย่างเช่น อังกฤษไม่สามารถนำเข้าธัญพืชจากฝรั่งเศสได้ เพราะฝรั่งเศสระงับการส่งออก อีกทั้งยังผู้ผลิตส่วนมากไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้เต็มที่ เพราะว่าขาดแคลนแรงงาน ซ้ำร้ายผลผลิตที่เตรียมส่งออกแต่ถูกระงับ ก็ถูกปล้นสะดมโดยพวกโจรสลัด และหัวขโมยที่จะเอาไปขายต่อในตลาดมืด ในขณะเดียวกัน ประเทศที่ค่อนข้างใหญ่อย่างอังกฤษ และสก็อตแลนด์ก็ตกอยู่ในช่วงภาวะสงคราม และต้องใช้งบประมาณจำนวนมากไปกับการรับมือ ปัญหาสินค้าราคาสูง
    ในปี 1337 อังกฤษและฝรั่งเศสอยู่ในช่วงสงครามที่รู้จักกันในชื่อ สงครามร้อยปี จากงบประมาณที่ร่อยหรอ ผู้คนล้มตายจำนวนมาก บ้านเมืองถูกทำลายจากภาวะสงคราม ความอดอยากหิวโหย โรคระบาด และเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ภาวะช่วงกลางของศตวรรษที่ 14 นี้ของยุโรป เหมือนตกอยู่ในฝันร้าย
    กาฬโรคไม่เพียงแต่ทำให้ประชากรล้มตายราวใบไม้ร่วง จนกระทั่งจำนวนประชากรโดยเฉลี่ย ลดลงเท่านั้น แต่มันยังส่งผลทางโครงสร้างเศรษฐกิจที่ผิดคาดอีกด้วย นักประวัติศาสตร์-เศรษฐศาสตร์ เฟอร์นัล บรูเดล(Fernand Braudel) ได้ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ เดอะ แบล็กเด็ธ ไว้อย่างน่าสนใจว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ระหว่างภายหลังศตวรรษที่ 14 กับช่วงศตวรรษที่ 15 ศาสนจักรเสื่อมอำนาจลง ผู้ดำรงตำแหน่งทางสังคมเปลี่ยนจากพวกศาสนจักร เป็นสามัญชน และทำให้เกิดการประท้วงของชนชั้นสามัญไปทั่วทั้งยุโรป

    ยุโรปก่อนหน้านี้เคยประสบปัญหาภาวะประชากรล้นเมือง มีความเห็นว่าจากเหตุการณ์ เดอะ แบล็กเด็ธ ทำให้ประชากรลดลงราว 30%-50% ส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น มีที่ดินและอาหารเพียงพอจัดสรรให้ชนชั้นสามัญ แต่ว่า ความเห็นนี้ยังเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันอยู่ เพราะว่าประชากรชาวยุโรป เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1420 จนกระทั่งเริ่มเพิ่มขึ้นอีกทีในปี 1470 ดังนั้นเหตุการณ์ เดอะ แบล็กเด็ธ จึงยังไม่มีเหตุผลสนับสนุนที่มีน้ำหนักพอ กับประเด็นที่ว่ามีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจพัฒนาขึ้นหรือไม่
    การสูญเสียประชากรอย่างมาก ทำให้เกิดการแข่งขันแย่งชิงแรงงานระหว่างเจ้าของที่ดิน (landlords) โดยการเพิ่มค่าแรง และสวัสดิการแรงงานเพื่อดึงดูดใจแรงงานที่มีอยู่อย่างจำกัด จากภาวะขาดแคลนแรงงานนี้เอง ทำให้ชนชั้นสามัญมีโอกาสเรียกร้องสิทธิที่มากขึ้น และเป็นเวลากว่า 120 ปี ประชากรชาวยุโรปจึงจะเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

    ดูเพิ่ม[แก้]
    • โรคระบาดทั่ว
    • โรคระบาดจัสติเนียน
    อ้างอิง[แก้]
    1. ↑ ABC/Reuters (Tuesday, 29 January 2008). "Black death 'discriminated' between victims (ABC News in Science)". Abc.net.au. สืบค้นเมื่อ 2008-11-03.
    2. ↑ "Health. De-coding the Black Death". News.bbc.co.uk. Wednesday, 3 October 2001, 21:51 GMT 22:51 UK. สืบค้นเมื่อ 2008-11-03.
    3. ↑ "Black Death's Gene Code Cracked". Wired.com. 2001-10-03. สืบค้นเมื่อ 2008-11-03.
    4. ↑ Haensch S, Bianucci R, Signoli M, et al. (2010). "Distinct clones of Yersinia pestis caused the black death". PLoS Pathog. 6 (10): e1001134. doi:10.1371/journal.ppat.1001134. PMC 2951374.PMID 20949072.
    5. ↑ Bos, Kirsten I.; Schuenemann, V. J., Golding, G. B., Burbano, H. A., Waglechner, N., Coombes, B. K., McPhee, J. B., DeWitte, S. N., Meyer, M., Schmedes, S., Wood, J,. Earn, D. J. D., Herring, A., Bauer, P., Poinar, H. N., Krause, J., (12 October 2011). "A draft genome of Yersinia pestis from victims of the Black Death". Nature. doi:10.1038/nature10549.
    6. ↑ "BBC – History – Black Death". bbc.co.uk. 2011-02-17.
    7. ↑ Austin Alchon, Suzanne (2003). A pest in the land: new world epidemics in a global perspective. University of New Mexico Press. p. 21. ISBN 0-8263-2871-7.


    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/sj3Jw1DLGpA?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    Black Death (2011) - Official Trailer [HD]
    horrornymphs•258 วิดีโอ
    สมัครรับข้อมูล159,128
    2,529,496
    2,980 169
    ชอบ
    เกี่ยวกับ แบ่งปัน เพิ่มลงใน
    อัปโหลดเมื่อ 3 ก.พ. 2011
    horror fans - more trailers here: http://bit.ly/horrortrailers
    Commercial thriller/horror centered around the time of the first outbreak of bubonic plague in England. A young monk is taske

    หน้า หนังสือ ชัยสิทธิ์ Black Death - Wikipedia, the free encyclopedia

    [​IMG]

    Black Death - Wikipedia, the free encyclopedia
    en.wikipedia.org
    The Black Death was one of the most devastating pandemics in human history, killing an estimated 75 to 200 million people and peaking in Europe in the years 1348–50 CE.[1][2][3] Although there were several competing theories as to the etiology of the Black Death, recent analysis of DNA from victims…
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.5 KB
      เปิดดู:
      1,432
    • 2.png
      2.png
      ขนาดไฟล์:
      85.9 KB
      เปิดดู:
      1,341
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.4 KB
      เปิดดู:
      2,102
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Data is valid for August 14, 2013
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.1 KB
      เปิดดู:
      1,383
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      1,362
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Updated 08/14/2013 @ 21:30 UTC
    Filament Eruption
    At long last, a large filament transiting the southern hemisphere for over a week erupted. Attached is a brand new image by SDO capturing the eruption in progress. Because of the location, any associated Coronal Mass Ejection (CME) should be directed mostly towards the southwest. I will provide further updates about a possible CME when more data is available.

    [​IMG]


    CME Update: A coronal mass ejection is now visible in the latest Lasco C2 imagery. More updates to come.
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      172.8 KB
      เปิดดู:
      1,414
    • 2.gif
      2.gif
      ขนาดไฟล์:
      187.6 KB
      เปิดดู:
      1,379
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การแสดงความคิดเห็น
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      1,312
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.7 KB
      เปิดดู:
      1,332
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.4 KB
      เปิดดู:
      1,299
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      1,280
  11. มณีจำปา

    มณีจำปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,423
    ค่าพลัง:
    +9,369
    พอได้อ่านเรื่อง Black Death หรือ กาฬโรค ที่เกิดจาก แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งมีหนูหรือหมัดหนูเป็นพาหะ [​IMG] ที่ คุณสุกิจSukit ได้นำมาแบ่งปันให้ทราบกันนั้น ดิฉันพบว่ามีบทความที่น่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับเพื่อนๆ สมาชิกในเรื่องนี้ จึงขอนำมาเพิ่มเติมไว้ด้วยค่ะ

    [​IMG]
    [​IMG]

    ตามบทความนี้ กาฬโรคปอด รักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะค่ะ เช่น สเตรปโตมัยซิน (streptomycin), เตตระซัยคลิน (tetracycline), คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) เป็นเวลา 7 วัน แต่ทั้งนี้ ก็คงต้องอยู่ในการวินิจฉัยและการรักษาดูแลของแพทย์นะคะ ซึ่งเราก็ยังคงพอเบาใจได้ในระดับหนึ่งที่ยังมีทางรักษา ไม่เหมือนกับสมัยในอดีตค่ะ

    ขอขอบคุณ คุณสุกิจSukit ที่ได้นำเรื่องนี้มาให้เราคอยเฝ้าระวัง [​IMG] และต้องขอขอบคุณ กองการพยาบาล โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ที่ได้นำเสนอบทความนี้ไว้ ซึ่งเป็นความรู้และเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างมากค่ะ [​IMG] ที่มาข้อมูล: กาฬโรคปอด [​IMG] หากท่านใดต้องการเก็บไฟล์บทความเรื่องกาฬโรคนี้ไว้เพื่อเป็นความรู้เปิดอ่านได้ง่าย ตาม pdf ไฟล์ที่แนบมานี้เลยนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2013
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    56 นาทีที่แล้ว
    ควบคุมสภาพอากาศ: สารคดีว่าด้วยการควบคุมสภาพอากาศเป็นอาวุธ เผยแพร่ใหม่ 18 ก.ค. 2013
    Weather Control : Documentary on Weather Control as a Weapon - YouTube

    Weather Warfare/สงครามสภาพอากาศ Haarp/Chemtrail/Geoengineering

    การควบคุมสภาพอากาศเป็นอาวุธ ฉบับพากษ์ไทย (เท่าที่พบในยูทูป)
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=L91PMigwuMM]haarp พากย์ไทย 1/4 - YouTube[/ame]

    หลักฐานเพิ่มเติมนักวิทยาศาสตร์สามารถควบคุมสภาพอากาศ!
    : MORE CONCRETE PROOF THAT SCIENTISTS CAN CONTROL WEATHER!
    คำบรรยายของผู้โพส : เราได้ค้นพบสิทธิบัตรอื่น ๆ อีกมากมายสำหรับการควบคุมสภาพอากาศรวมทั้งเว็บไซต์ URL ทหารที่ brags เกี่ยวกับความสามารถในการใช้อากาศเป็นอาวุธ!
    [​IMG]

    Weather Control
    ความจริงก็ทหารเปรียบเป็นพระเจ้าเข้าไปทุกวัน แปลกยิ่งกว่านิยาย!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.2 KB
      เปิดดู:
      1,326
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ermany and Around the World
    เครื่องบินขนส่งสินค้า UPS ประสบอุบ้ตเหตุใกล้สนามบิน ระเบิดไฟลุกท่วม
    เอเอฟพี – เครื่องบินขนส่งสินค้าประสบอุบัติเหตุตกสู่บริเวณทุ่งหน้ารอบนอกสนามบินแห่งหนึ่งในมลรัฐแอละแบมา ของสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(14) แรงกระแทกทำเครื่องแตกเป็นเสี่ยงๆและไฟลุกท่วม คร่าชีวิตลูกเรือทั้งสองคน

    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/k_wD4it39Jw?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เครื่องบินแอร์บัส เอ300 ของบริษัทขนส่งสินค้ายูพีเอส กำลังเดินทางจากลุยส์วิลล์ ในมลรัฐเคนทักกีและประสบอุบัติเหตุขณะกำลังลงจอดที่ท่าอากาศยานเบอร์มิงแฮม ห่างจากรันเวย์ทางเหนือแค่ครึ่งไมล์(ราว 800 เมตร) แคทลีน เบอร์เกน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ(เอฟเอเอ)ระบุ


    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ของเอฟเอเอรายนี้เผยยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่นายวิลเลียม เบลล์ นายกเทศมนตรีเมืองเบอร์มิงแฮม บอกว่านักบินและผู้ช่วยนักบินเสียชีวิตในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตอนรุ่งสางของวันพุธ(14) ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมยันยันว่าไม่มีประชาชนที่อยู่ภาคพื้นได้รับบาดเจ็บ ส่วนโบสถ์และที่อยู่อาศัยของชาวบ้านก็อยู่ห่างจากจุดตกมากกว่า 450 เมตร

    เอ็ดดี สมิธ ผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งพักอาศัยอยู่ใกล้ๆสนามบินเล่าว่าได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว “บ้านของผมสั่นไหว ผมจึงสะดุ้งตื่น จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตูมดังตามมา” เขากล่าว ขณะที่วิดีโอที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ al.com เผยให้เห็นว่าจุดตกนั้นเป็นบริเวณทุ่งหญ้าและมีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


    [​IMG]
    นอกจากนี้ภาพถ่ายที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ดังกล่าว ยังเผยให้เห็นเครื่องบินแตกออกเป็นเสี่ยง ด้วยส่วนจมูกเครื่องและบางส่วนของลำตัวแยกออกจากส่วนท้ายโดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกันก็มีรถดับเพลิงหลายลำจอดอยู่ที่เกิดเหตุ

    เว็บไซต์ al.com อ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องบินไม่ได้แจ้งเหตุฉุกเฉินก่อนดิ่งสู่พื้น ขณะที่ทางแอร์บัส ระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาถึงต้นตอของอุบัติเหตุคราวนี้ ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ ก็รุดส่งทีมไปยังเบอร์มิงแฮม เพื่อดูแลการสอบสวนหาสาเหตุ

    [​IMG]

    ด้านบริษัทยูพีเอส ระบุในถ้อยแถลงสั้นๆว่าจะเปิดเผยข้อมูลเมื่อได้รับแจ้งรายละเอียดแล้ว แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ยืนยันว่ามีคนอยู่บนเครื่องจำนวนเท่าไหร่ “ขณะที่เรากำลังทำงานฟันฝ่าสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราขอให้ทุกฝ่ายอดทน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      1,257
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.6 KB
      เปิดดู:
      1,302
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      1,219
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Piyacheep S.Vatcharobol ได้แชร์ลิงก์
    32 นาทีที่แล้ว บริเวณ Bangkok
    อีก ๒ คลิปที่ต้องดูแม้นไม่รู้ภาษาอังกฤษ ว่าอะไรจะเกิดกับโลกเรา
    นอกเหนือจากการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก
    นอกเหนือจากการสลับขั้วทางธรณีวิทยาที่นับว่ารุนแรงมากอยู่แล้ว

    ฝนอุกาบาต ที่เริ่มลงสู่โลกในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว
    ก็ข่าวเก่ามาเล่าใหม่แบบละเอียดขึ้น คือดาวหาง ISON
    โคจรตัดผ่านระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
    ไอซอนไม่ชนโลกหรือดวงอาทิตย์
    แต่ไอซอนจะมีผลต่อสนามแม่เหล็กโลก และปฏิกิริยาดวงอาทิตย์
    ทำให่เกิดมหาพิบัติภัยแต่โลกและสิ่งมีชีวิต

    อีกข้อหนึ่งที่ต้องไม่ลืมว่า ดาวหาง ย่อมมีหาง
    หางของดาวหางคืออุกาบาตขนาดเล็ก น้ำแข็ง หิน สารพัด
    นับแสน นับล้านๆชิ้น ที่วิ่งตามดาวหางก้อนแม่

    โลกเราต้องโคจรผ่านหาง ดางหางไอซอน
    หรือ หางของดาวหางไอซอน จะผ่านโลกเรา

    ฝนอุกาบาตจากหางของดาวหางไอซอน พุ่งลงพื้นดินแน่นอน
    จำนวนเท่าใด??????? นับไม่ถ้วน
    ตกลงที่ไหนบ้าง????? ทั่วทุกทวีปและมหาสมุทรบนโลก

    ย้ำนะครับ คำว่า ฝน
    ดร.ก้องภพใช้คำว่าฝนอุกาบาตมานานมากก่อนนาซ่าจะเอย

    ผลของฝนอุกาบาตที่เฉพาะจากส่วนหางของดาวหางไอซอน
    ก็มีผลทำให้เหมือนโลกโดนทิ้งระเบิดแบบปูพรหม
    ลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ระเบิดแบบกระจายไปทั่วบ้าง
    ระเบิดแบบนาปาล์มเป็นเปลวไฟเผาไหม้ไปทั่วบ้าง
    และมีโอกาสระเบิดแบบนิวเครียร์ที่ถล่มฮิโรชิมา
    และนางาซากิได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับขนาดของหิน
    ที่จะเหลือรอดจากการเผาไหม้และตกกระทบสู่โลก
    ด้วยความเร็วขั้นต่ำ ๓๐ เมตร ต่อ วินาที หรือ
    ๑๐๘,๐๐๐ กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง

    เตรียมพร้อมกันนะครับท่านทั้งหลายผู้ดำรงไว้ซึ่งความไม่ประมาท

    คลิปที่หนึ่ง บรรยายภาพรวม หยุดภาพเปิดดิกชินารี่แปลได้
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jv-vlIGyom0&feature=youtube_gdata_player]ALERT! Black Death and Comet ISON 333 Year Havoc Cycle Part 1 - YouTube[/ame]

    คลิปที่สอง จากหน่วยงานของนาซ่าโดยตรง ที่ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่เกิด แต่ยังวางแผนแก้ไขด้วย ๓ แนวทาง ที่ความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะอุกาบาตมีมากกว่าอุปกรณ์
    NASA Maps Dangerous Asteroids That May Threaten Earth

    NASA Maps Dangerous Asteroids That May Threaten Earth (Photos)
    news.yahoo.com

    If you've seen films like "Armageddon," you know the potential threat asteroids can be for Earth. To meet that threat, NASA has built a map like no other: a plot of every dangerous asteroid that could potentially endanger our planet … at least the ones we know about.

    NASA released the new map of "potentially hazardous asteroids" on Aug. 2 in a post to its online Planetary Photojournal overseen by the agency's Jet Propulsion Laboratory in Pasadena, Calif. The map shows the orbital paths of more than 1,400 asteroids known creep too close to Earth for comfort. None of the asteroids mapped pose an impact threat to Earth within the next 100 years, agency officials said.

    "These are the asteroids considered hazardous because they are fairly large (at least 460 feet or 140 meters in size), and because they follow orbits that pass close to the Earth's orbit (within 4.7 million miles or 7.5 million kilometers)," NASA officials explained in the image description. [See photos of potentially dangerous asteroids seen by NASA]

    The asteroid map shows a dizzying swarm of overlapping blue ellipses (the asteroid orbits) surrounding the sun. The orbits of Earth, Venus, Mercury, Mars and Jupiter are also visible to put the asteroid orbits in perspective on a solar system-wide scale.

    If you're worried about a rogue asteroid or comet obliterating life as we know it this week, don't panic just yet. Just because the asteroids in the new NASA map are classified as "potentially hazardous" — scientists call them PHAs in NASA-speak — that doesn't mean they are an imminent threat to the Earth, NASA said.

    According to NASA, "being classified as a PHA does not mean that an asteroid will impact the Earth: None of these PHAs is a worrisome threat over the next 100 years. By continuing to observe and track these asteroids, their orbits can be refined and more precise predictions made of their future close approaches and impact probabilities."

    NASA scientists and astronomers around the world are constantly searching for asteroids that may pose an impact threat to Earth. NASA has said that roughly 95 percent of the largest asteroids that could endanger Earth — space rocks at least 0.6 miles (1 km) wide — have been identified through these surveys.

    At the Jet Propulsion Laboratory, NASA's Asteroid Watch project scientists work to share the latest asteroid discoveries and potential threats with the public. The Asteroid Watch is part of NASA's Near-Earth Object Program that studies asteroids and comets, as well as their potential impact threats to the Earth and other planets.

    Email Tariq Malik at tmalik@space.com or follow him @tariqjmalik and Google+. Follow us @Spacedotcom, Facebook and Google+. Original article on SPACE.com.

    Asteroid Basics: A Space Rock Quiz
    The 7 Strangest Asteroids in the Solar System
    Will Nuclear Megaton Shockwave Avert Earth-Bound Asteroid?
    Copyright 2013 SPACE.com, a TechMediaNetwork company. All rights reserved. This material may not be published, broadcast, rewritten or redistributed.

    1ถูกใจ · · แชร์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    18 นาทีที่แล้ว
    มะกันจะปิดระบบเฝ้าระวังวัตถุนอกโลก 1 ตุลาคม 13 นี้
    Air Force shuts down ‘Space Fence’ surveillance system — RT USA

    [​IMG]

    มันจะไม่สามารถติดตามวัตถุหรือเศษเล็กเศษน้อยที่เข้ามาในวงโคจรของโลกหรือให้ข้อมูลในการทำนายการชนกัน!

    แปลก! ทั้งที่ข่าวว่าวัตถุจากอวกาศกำลังเพิ่มมากขึ้น ข่าวว่า FEMA และกรมความมั่นคงของรัฐฯ ได้มีการเตรียมการหลายอย่างในประเทศ ข้าวปลา อาหารแห้ง และอื่นๆ ให้เสร็จสิ้นทันก่อน 1 ตุลาคม 13 นี้ https://www.facebook.com/photo.php?...05722.448042111925451&type=1&relevant_count=1

    ที่ผ่านมาเราจะได้ยินข่าว อาวุธแท่งเแตนเลส ที่ยิงจากนอกโลกเข้ามาเลียนแบบอุกบาติ และข่าวนายทหารระดับสูงรัสเซียเชื่อว่า สิ่งที่ตกบนรัสเซียไม่ใช่อุกบาติ แต่เป็นการทดลองของสหรัฐ!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.6 KB
      เปิดดู:
      2,951
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หน้า หนังสือ ชัยสิทธิ์ Mighty Comet ISON: Space & Earth Telescopes Eye 'Comet of the Century' | Space.com
    Mighty Comet ISON: Space and Earth Telescopes to Track 'Comet of the Century'
    by Clara Moskowitz, Assistant Managing Editor | August 06, 2013 05:30pm ET
    LAUREL, Md. — All eyes on the sky that can do so will be pointing toward Comet ISON soon, as a massive international observing campaign gets underway to watch what could become the "comet of the century," scientists say.
    Comet ISON was discovered in September 2012, and is due to swoop in close to the sun in November. When it does, it may become as bright as the full moon, visible to the naked eye even in daylight. Or, it may not.
    What will happen to Comet ISON is
    an open question to scientists, who hope to learn more about what causes certain comets to flare brightlyand others to fizzle out and evaporate under the sun's radiation. [Photos of Comet ISON: A Potentially Great Comet] Photos of Comet ISON: A Potentially Great Comet | Space.com


    Uncertain fate
    "We don't have anything to directly compare to ISON," astronomer Matthew Knight of the Lowell Observatory in Flagstaff, Ariz., said Thursday (Aug. 1) here at the Johns Hopkins University Applied Physics Laboratory during a two-day workshop on observing ISON. Based on historical records, he said, very large comets tend to survive their encounters with the sun, while smaller ones evaporate or break into pieces under the harsh solar radiation. Comet ISON is a mid-sized comet, and its fate is very uncertain.
    ISON is thought to originate in the Oort cloud, a large spherical cloud of small planetary fragments that is thought to surround the sun and extend up to a light-year out. The comet was first discovered in September of 2012, and belongs to a class of bodies called sungrazing comets that skim in close to the sun's atmosphere.
    Under the banner of a coordinated observing program called the NASA Comet ISON Observing Campaign, dozens of observatories on the ground, in space, and even on sounding rockets and high-altitude balloons, will watch the comet's progress toward the sun this fall.
    Starting at Mars
    One of the first major series of observations will be taken from orbit around Mars, which will have a view of ISON as it moves toward the inner solar system. NASA's Mars Reconnaissance Orbiter (MRO), plans to snap photos of ISON on Aug. 20, when the comet makes its closest approach to the Red Planet.
    "The Aug. 20 observations might give you all an early indication of just how bright the comet has become, at least at this time and place," said Richard Zurek, chief scientist of the Mars Program Office at NASA's Jet Propulsion Laboratory in Pasadena, Calif. [Comet ISON: Evolution of a Potentially Great Comet (A Timeline)]
    In addition to MRO, NASA's Mars rovers Curiosity and Opportunity will try to take photos of Comet ISON as it appears in the Martian sky overhead.
    After ISON zooms by Mars, it will soon approach Mercury, the innermost planet in the solar system. There, NASA's Messenger probe orbiting the tiny planet will make observations of the comet.
    And finally, as it nears the sun, three solar observatories will switch into high gear mode to watch ISON rendezvous with our star, where it will make its closest approach on Nov. 28. NASA's SOHO (Solar & Heliospheric Observatory), STEREO (Solar TErrestrial RElations Observatory) and SDO (Solar Dynamics Observatory) spacecraft will all turn their sights on the possible "comet of the century."
    Observing throughout the spectrum
    Space telescopes that specialize in observing through certain wavelengths of light will each have their special roles to play in the campaign. NASA's Swift satellite will photograph ISON in gamma-ray light, while the Spitzer Space Telescope will observe in infrared light and the Chandra Observatory will look in X-rays.
    Not to be outdone, dozens of telescopes on the ground will also contribute to observations of Comet ISON, including the Lowell Observatory, the Arecibo radio dish in Puerto Rico, and the Submillimeter Array in Hawaii, just to name a few.
    This coordinated effort will help scientists catch ISON in action, as its transformation during its close encounter with the sun could be rapid.
    "ISON isn't up for very long in any one area — not enough to characterize it," Knight said. "We'd like to combine observations from around the world — as many longitudes as we can get — and collect them all. You get roughly 24-hour coverage. From that we may be able to piece together what's going on."
    Dedicated missions
    While many observatories will be diverting from normal work to observe ISON, some missions have been designed for this comet specifically.
    One project is a small sounding rocket mission dubbed FORTIS (Far-ultraviolet Off Rowland-Circle for Imaging and Spectroscopy) that will measure ultraviolet light from Comet ISON during a short 5-6 minute observing window while the rocket flies up to the edge of space and back.
    Another mission dedicated to ISON is the BRRISON (Balloon Rapid Response for ISON) mission, which will loft a telescope on a high-altitude balloon designed to travel 120,000 feet (37,000 meters) up to Earth's stratosphere, where it can observe in infrared and near ultraviolet/visible wavelengths
    "I don't need to tell this audience why ISON is such an unusual opportunity," said BRRISON's principal investigator, Andrew Cheng of the Applied Physics Laboratory. "It's a sungrazer, unusually bright, it's also an Oort cloud comet, probably on its first visit to the inner solar system, preserving icy material that was formed in the very early days of our solar system."
    Follow Clara Moskowitz on Twitter and Google+. Follow us @Spacedotcom, Facebook and Google+. Original article onSPACE.com.
    EDITOR'S RECOMMENDATIONS
    • Amazing Comet Photos of 2013 by Stargazers
    • Comet ISON’s Perilous Journey Around the Sun Explained | Video
    • Best Close Encounters of the Comet Kind

    [​IMG]

    These images from NASA's Spitzer Space Telescope of Comet ISON were taken on June 13, 2013, when ISON was 312 million miles (502 million kilometers) from the sun. The lefthand image shows a tail of fine rocky dust issuing from the comet, blown back by the pressure of sunlight. The image at right shows a neutral gas atmosphere surrounding ISON, likely created by carbon dioxide fizzing off the comet at a rate of 2.2 million pounds per day.
    Credit: NASA/JPL-Caltech/JHUAPL/UCF


    ข้อมูลคุณ Vyt Alivety ตระหนักได้นะคะเพื่อการเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง

    @Piyacheep S.Vatcharobol

    อีก ๒ คลิปที่ต้องดูแม้นไม่รู้ภาษาอังกฤษ ว่าอะไรจะเกิดกับโลกเรา
    นอกเหนือจากการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก
    นอกเหนือจากการสลับขั้วทางธรณีวิทยาที่นับว่ารุนแรงมากอยู่แล้ว

    ฝนอุกาบาต ที่เริ่มลงสู่โลกในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว
    ก็ข่าวเก่ามาเล่าใหม่แบบละเอียดขึ้น คือดาวหาง ISON
    โคจรตัดผ่านระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
    ไอซอนไม่ชนโลกหรือดวงอาทิตย์
    แต่ไอซอนจะมีผลต่อสนามแม่เหล็กโลก และปฏิกิริยาดวงอาทิตย์
    ทำให่เกิดมหาพิบัติภัยแต่โลกและสิ่งมีชีวิต

    อีกข้อหนึ่งที่ต้องไม่ลืมว่า ดาวหาง ย่อมมีหาง
    หางของดาวหางคืออุกาบาตขนาดเล็ก น้ำแข็ง หิน สารพัด
    นับแสน นับล้านๆชิ้น ที่วิ่งตามดาวหางก้อนแม่

    โลกเราต้องโคจรผ่านหาง ดางหางไอซอน
    หรือ หางของดาวหางไอซอน จะผ่านโลกเรา

    ฝนอุกาบาตจากหางของดาวหางไอซอน พุ่งลงพื้นดินแน่นอน
    จำนวนเท่าใด??????? นับไม่ถ้วน
    ตกลงที่ไหนบ้าง????? ทั่วทุกทวีปและมหาสมุทรบนโลก

    ย้ำนะครับ คำว่า ฝน
    ดร.ก้องภพใช้คำว่าฝนอุกาบาตมานานมากก่อนนาซ่าจะเอย

    ผลของฝนอุกาบาตที่เฉพาะจากส่วนหางของดาวหางไอซอน
    ก็มีผลทำให้เหมือนโลกโดนทิ้งระเบิดแบบปูพรหม
    ลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ระเบิดแบบกระจายไปทั่วบ้าง
    ระเบิดแบบนาปาล์มเป็นเปลวไฟเผาไหม้ไปทั่วบ้าง
    และมีโอกาสระเบิดแบบนิวเครียร์ที่ถล่มฮิโรชิมา
    และนางาซากิได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับขนาดของหิน
    ที่จะเหลือรอดจากการเผาไหม้และตกกระทบสู่โลก
    ด้วยความเร็วขั้นต่ำ ๓๐ เมตร ต่อ วินาที หรือ
    ๑๐๘,๐๐๐ กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง

    เตรียมพร้อมกันนะครับท่านทั้งหลายผู้ดำรงไว้ซึ่งความไม่ประมาท

    คลิปที่หนึ่ง บรรยายภาพรวม หยุดภาพเปิดดิกชินารี่แปลได้
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jv-vlIGyom0&feature=youtube_gdata_player]ALERT! Black Death and Comet ISON 333 Year Havoc Cycle Part 1 - YouTube[/ame]

    คลิปที่สอง จากหน่วยงานของนาซ่าโดยตรง ที่ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่เกิด แต่ยังวางแผนแก้ไขด้วย ๓ แนวทาง ที่ความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะอุกาบาตมีมากกว่าอุปกรณ์
    NASA Maps Dangerous Asteroids That May Threaten Earth
    26 นาทีที่แล้ว • ถูกใจ • 1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      477.8 KB
      เปิดดู:
      1,164
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่วงนี้สนามแม่เหล็กโลกไม่ค่อยปรกติอยู่น่ะครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.2 KB
      เปิดดู:
      1,036
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บอกตรงๆ น่ะครับตอนนี้ผมเริ่มงง สรุปแล้ววัฎจักรสุริยะที่ 24 นี้อันตรายหรือไม่อันตราย สนามแม่เหล็กโลกจะกลับขั้วจริงไหม โลกจะชนหางของ ISON จริงไหม แต่จากข้อมูลของพี่ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล 666 นี่มันเลขของซาตานไม่ใช่หรือ เลยชักกลัวๆ ison.ลูกนี้ เพราะเราอย่าลืมว่าคุณพี่ ison ถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งถ้าน้ำแข็งละลายไม่หมดก่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เราน่าจะรู้น่ะครับถ้าลาดน้ำไปบนกองไฟแรงๆ จะเป็นยังไง.และนี่ก็ช่วงสิงหาแล้วไหนมีข่าวว่าพอน้ำแข็งละลายจะวิเคราะห์โครงสร้างของ ison อย่างไปเข้าใจว่า ison. จะถูกความร้อนละลายน้ำแข็งและจะหายไปหมดเท่าที่ทราบมันมีแก่นเป็นของแข็งที่ถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง แต่นี่ข่าวเงียบเลย ผมเลยสงสัยว่าโครงสร้าง ison ที่อยู่ใต้น้ำแข็งเป็นอะไรกันแน่ มันบังเอิญหรือจงใจที่มาเจอ 666

    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    ISON มีการเชื่อมโยงเข้ากับวันวันโลกาวินาศ ที่สิ้นสุดของโลก 2013 เรื่องคำทำนาย? (รายงานวิดีโอ)
    [​IMG]

    เผยแพร่เมื่อ10 มิ.ย. 2013
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=0lJ90hEP1oY]Why is Comet ISON Linked to Doomsday, End of the World 2013 Prophecy Talks? - YouTube[/ame]

    ด้วยวิธีการของดาวหาง ISON มันยังถูกพูดคุยเรื่องของการลงโทษ บาปของมนุษย์ ไม่เพียงแต่คนในอเมริกา แต่ทั่วโลกได้นำมุมมองนี้ไปพูดคุย? มันอาจจะไม่มีอะไรเลย หรือจะทำอย่างไรกับความเชื่อโบราณที่ว่าดาวหางเป็น "สาเหตุของวันโลกาวินาศ" หรือ "DOOM"

    ดาวหางเป็นแรงผลักให้เกิดความกลัว ความหวาดกลัวในวัฒนธรรมที่แตกต่างและสังคมทั่วโลกและตลอดเวลาดาวหางยังถูกตราหน้าว่า เป็น "ผู้นำแห่งกรรม" และ "อันตรายของจักรวาล." มันถูกขนานนามว่าเป็นลางบอกเหตุของภัยพิบัติและสารของพระเจ้า ทำไมมันจึงถูกมองว่าเป็นดาวหาง? มันคือบางส่วนของวัตถุที่กลัวมากที่สุดและน่ายำเกรงในท้องฟ้ายามค่ำคืน? ทำไมหลายวัฒนธรรมต่างประจบประแจงเมื่อเห็นดาวหาง?

    ถึงแม้นาซ่าจะอยู่ในการครอบงำ แต่ข้อมูลจำนวนมากของนาซ่าทำให้เรามีข้อมูลที่พร้อมเพรียงของการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ตลอดเวลาและประวัติศาสตร์ของดาวหางได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการพยากรณ์ภัยพิบัติกำลังจะมาถึง!

    อื่น ๆ คิดว่าดาวหางที่ยาวเหมือนดาบที่ลุกเป็นไฟสว่างทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน มันจะเป็นในแบบสัญญาณแบบดั้งเดิมของสงครามและความตาย ข้อความดังกล่าวจากพระเจ้าเท่านั้นที่อาจหมายความว่าการลงโทษของพวกเขาจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ "มันจะปลดปล่อยพลังงานมืดสู่ประชาชนแห่งแผ่นดิน" ความคิดดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดความกลัวในบรรดาผู้ที่เห็นดาวหางพุ่งข้ามท้องฟ้า

    นอกจากนี้ ในตำนานวัฒนธรรมโบราณ คำทำนายของโรมัน "ออราเคิล Sibylline" พูดถึง "ความโกลาหลยิ่งใหญ่จากฟากฟ้าลงสู่พื้นดิน"
    ในขณะที่ตำนานที่รู้จักกันที่เก่าแก่ที่สุด "บาบิโลน" มหากาพย์ของ Gilgamesh ตามที่อธิบาย "ไฟกำมะถันและน้ำท่วมกับการมาถึง ของดาวหาง"

    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล ทดลองรายงาน
    รูปภาพบนไทม์ไลน์ · 8 ชั่วโมงที่แล้ว ·
    ดูภาพขนาดเต็ม · รายงานรูปภาพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      252.8 KB
      เปิดดู:
      959
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พี่ความจริงหลังกึ่งพุทธกาลได้ขอขมากรรมที่นำข้อมูลมาเผยแพร่และอาจสร้างความตื่นตระหนก แต่พี่เขามีความปราถนาดีกับเราทุกคนก็ขอให้เราร่วมกันอโหสิกรรมให้พี่เขา และอย่าลืมอโหสิกรรมให้ผมด้วยน่ะครับ

    [​IMG]
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    ขอขมากรรมจากการให้ข่าวที่อาจสร้างความตื่นตกใจกลัว!

    กราบขอขมากรรมในช่วงที่ยังติดต่อสื่อสารกันได้ .. กรณีข้อความต่างๆที่นี่ ไม่ได้มีเจตนาจะให้เกิดทุกข์ขึ้นกับทุกดวงจิตวิญญาณ แต่ประสงค์เพื่อความรู้เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโลก และข่าวสารสิ่งต่างร่วมกันของเหตุการณ์ปัจจุบัน อนาคตเราไม่รู้ได้เลยจะมีสิ่งใดๆเกิดขึ้น มีโอกาศจึงขอขมากรรมกันตรงนี้.

    หากทุกข้อความต่างๆที่ปรากฏเป็นการทำให้ท่านทั้งหลายเกิดทุกข์ ข้าพเจ้าขอขมากรรมนั้น โปรดอโหสิกรรม.

    อโหสิกรรมให้ต่อกันโปรดกดถูกใจครับ.

    ............................................

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    (ท่อง 3 จบ)

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต.

    กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ประมาท ได้พลาดพลั้ง ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่เจตนาและมิได้เจตนา อันล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ อริยสงฆ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ทั้งต่อบิดา มารดา ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรในทุกภพ ทุกชาติ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งทั้งหลาย
    หากแม้นว่ามีผู้ใดเคยสร้างกรรมก่อเวรต่อข้าพเจ้า ไม่ว่าจะในภพใดชาติใดก็ตามบัดนี้ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตขอถอนความอาฆาต พยาบาท และคำสาปแช่งในทุกภพทุกชาตินั้น ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมแก่ทุกรูปทุกนาม ให้หมดสิ้น จากนี้ไปข้าพเจ้าจะดำรงตนอยู่ในทางอันถูกต้อง ดีงาม ขออำนาจบุญบารมีที่ได้สร้างสมมาในอดีตกาลนับชาติไม่ถ้วนจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารทั้งปวง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ สติ ปัญญา ปณิธาน ธนสารสมบัติ อุปสรรค อันตราย โรคภัยใดๆ จงมลายสูญสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างกระจ่างแจ้ง ทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จวบจนกระทั่งได้บรรลุสู่นิพพาน(สู่ความสำเร็จ) อันเป็นที่สุด ด้วยเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.2 KB
      เปิดดู:
      1,845
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Piyacheep S.Vatcharobol
    23 นาทีที่แล้ว ·
    จากที่ถามผมมาเรื่องอุกาบาตตกลงมาแบบฝน จะมีอันตรายไหม
    เส้นขอบรอบรูปสีแดง คือจุดสมมุติ ที่อุกาบาตจะตกนะครับ
    [​IMG]
    หากอุกาบาตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน ๒๐๐ เมตร
    จะเกิดสึนามิสูงประมาณ ๑๐๐-๒๐๐เมตรณจุดตก มาถึงบางกอกก็จะลดเหลือประมาณ ๑๐-๒๐ เมตร

    หากอุกาบาตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน ๔๐๐ เมตร
    จะเกิิดสึนามิสูงประมาณ ๓๐๐-๕๐๐เมตร มาถึงบางกอกก็จะลดเหลือประมาณ ๑๐-๕๐ เมตร

    หากอุกาบาตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐ กิโลเมตร
    จะเกิดสึนามิสูงประมาณ ๕ กิโลเมตร มาถึงบางกอกก็จะลดลงเหลือประมาณ ๕๐๐ เมตร

    นี่เป็นการประมาณการขั้นสูงสุด หากอุกาบาตที่จะตกใส่โลกผ่านจรวดนิวเครียร์ที่มาซ่าติดตั้งในดาวเทียมแล้วยิงออกไปถล่มในอวกาศนอกรัศมีโลกแล้ว จรวดหมด

    หางของไอซอน จะมีอุกาบาตขนาดใหญ่แค่ไหนบ้าง??
    นาซ่าเองก็ฟันธงเป็นหลักฐานทางการ
    แต่นักดาราศาสจตร์ก็ส่องตรวจดูก็ประมาณการณ์ว่า
    มีตั้องแต่ขนาด ลูกมะนาว ถึงขนาดเล็กกว่าโลกกึ่งหนึ่ง

    ถามว่าจะมีโอกาสชนโลก ตกใส่โลกไหม???
    นาซ่าบอกว่าแน่นอน ๑๐๐ % แต่ขนาดเล็ก-ใหญ่ก็เท่านั้น

    ข้อมูลทางวิชาการที่ถามมานะครับ
    ไม่ได้สร้างข่าวให้ตระหนกตกใจ
    รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม

    Piyacheep S.Vatcharobol
    หากตกลงดินลูกไม่เกิน ๒๐๐ ้มตร นาซ่าว่าจะมีคนตาย ๒ แสน ถึง ๑๐๐ ล้านคน
    หากใหญ่ไม่เกิน ๔๐๐ เมตร นาซ่าว่าจะมีคนตาย ๒ ล้าน ถึง ๑ พันล้านคน
    หากใหญ่ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร นาซ่าว่าจะมีคนตาย ELE แค่นั้นเองครับ เพิ่มให้ สูญพันธ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      216.9 KB
      เปิดดู:
      1,841

แชร์หน้านี้

Loading...