ติดตามสถานะการณ์

ผู้เชี่ยวชาญเตือนมลพิษ ทำทะเลฮ่องกงเรืองแสง
โดย ทีมข่าวต่างประเทศ 24 ม.ค. 2558 05:01



เมื่อ 22 ม.ค. นางซาแมนธา จอย นักสมุทรศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยจอร์เจียของสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพทะเลฮ่องกงยามค่ำซึ่งเกิดแสงเรืองสีฟ้าเป็นแนวยาวบริเวณชายฝั่ง และระบุว่าทะเลเรืองแสงอาจดูสวยงาม แต่แท้จริงแล้วถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะสาเหตุที่ทะเลเรืองแสงในยามค่ำเกิดจากสาหร่ายเซลล์เดียว “น็อคติลูกา ซินทัลลันส์” หรือ “ซี สปาร์คเกิล” เติบโตเป็นจำนวนมาก และเป็นตัวบ่งชี้ว่าน้ำทะเลในบริเวณดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบจากมลพิษที่ใช้ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในละแวกใกล้เคียง ทั้งยังเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและพืชในทะเล วันเดียวกัน รัฐบาลบราซิลประกาศระงับการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำจากเขื่อน 3 แห่งในรัฐริโอเดจาเนโร หลังอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วรัฐสูงถึง 40 องศาเซลเซียสติดต่อกันหลายสัปดาห์ทำให้เกิดภัยแล้ง และระดับน้ำในแม่น้ำปาไรบา โด ซูล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเขื่อนทั้ง 3 แห่งของรัฐริโอฯ ลดต่ำจนไม่เพียงพอต่อการผลิตกระแสไฟ และกระทบต่อประชาชนราว 16 ล้านคน.

ผู้เชี่ยวชาญเตือนมลพิษ ทำทะเลฮ่องกงเรืองแสง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

มาอีกแล้ว!!! ดาวเคราะห์น้อยเข้าใกล้โลก 1.2 ล้านกิโลเมตร สดร.ยันไม่พุ่งชนโลก
โดย ทีมข่าวภูมิภาค 23 ม.ค. 2558 14:30



นักดาราศาสตร์ ระดมกล้องโทรทรรศน์ เฝ้าจับตา 'ดาวเคราะห์น้อย 2004 BL86' ดาวหางคาบสั้น มีคาบการโคจรประมาณ 200 ปี ที่กำลังเคลื่อนใกล้โลกมากที่สุด 1.2 ล้านกิโลเมตร ในวันที่ 26 ม.ค.นี้ สดร.ยันไม่พุ่งชนโลกแน่นอน...

วันที่ 23 ม.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รอง ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมกับเครือข่ายหอดูดาวในต่างประเทศ เฝ้าจับตาเตรียมระดมกล้องโทรทรรศน์ประสิทธิภาพสูงในหลายพื้นที่ ร่วมสังเกตการณ์เก็บข้อมูล หลังจากได้รับการร้องขอจากหอดูดาวในประเทศญี่ปุ่นและเครือข่ายเฝ้าระวังวัตถุที่อาจทำอันตรายต่อโลกในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออก เข้าร่วมสังเกตการณ์ "ดาวเคราะห์น้อย 2004 BL86" ในช่วงที่โคจรเข้าใกล้โลกประมาณวันที่ 25-27 ม.ค. 58

โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ทางไกลอัตโนมัติซีกฟ้าใต้ (PROMPT8) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.6 เมตร ในความดูแลของสถาบันฯ ตั้งอยู่ ณ หอดูดาว Cerro Tololo Inter-American Observatory (CTIO) สาธารณรัฐชิลี กล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.4 เมตร และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 เมตร ของหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ตั้งอยู่ ณ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ฯลฯ ร่วมกันติดตามการโคจรของดาวเคราะห์น้อยในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อหาตำแหน่งและวงโคจรที่แน่นอน และเก็บเป็นข้อมูลนำมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในอนาคต ว่าจะมีโอกาสเกิดอันตรายต่อโลกหรือไม่

ดร.ศรัณย์ กล่าวอีกว่า "ดาวเคราะห์น้อย 2004 BL86" ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ 30 ม.ค. 2004 ด้วยกล้องโทรทรรศน์ของ Lincoln Near-Earth Asteroid Research (LINEAR) ในนิวเม็กซิโก ซึ่งมีพันธกิจอย่างหนึ่งคือการสังเกตการณ์วัตถุขนาดเล็กใกล้โลก ขณะที่ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้เคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลกมากที่สุดนั้น นักดาราศาสตร์จะถ่ายภาพด้วยเรดาร์ ซึ่งเป็นวิธีการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูง ด้วยวิธีการยิงคลื่นวิทยุที่มีการเข้ารหัสอย่างอย่างสลับซับซ้อน ไปยังดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ นอกจากนั้น มีตัวรับสัญญาณเรดาร์ที่ถูกสะท้อนกลับมาจากดาวเคราะห์น้อย ปริมาณของสัญญาณที่สะท้อนกลับ จะถูกนำมาวิเคราะห์และแปลความหมาย เพื่อสร้างเป็นภาพถ่ายความละเอียดสูงด้วยคอมพิวเตอร์ นักดาราศาสตร์จะได้ทราบข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อย เช่น คาบวงโคจรที่แน่นอนของดาวเคราะห์น้อย ลักษณะพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อย ปริมาณและขนาดของหลุมที่อยู่บนดาวเคราะห์น้อย ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้อายุของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้

สำหรับดาวเคราะห์น้อย 2004 BL86 นี้ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 0.5 กิโลเมตร เป็นดาวหางคาบสั้นมีคาบการโคจรประมาณ 200 ปี จะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในวันที่ 26 ม.ค. 58 ที่ระยะห่างจากโลก ประมาณ 1.2 ล้านกิโลเมตร ซึ่งอยู่เลยวงโคจรของดวงจันทร์ออกไป เป็นระยะที่โลกปลอดภัยไม่ถูกพุ่งชนแน่นอน แต่เป็นระยะที่ใกล้มากพอที่จะทำให้นักดาราศาสตร์ศึกษารายละเอียดของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้มากพอเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลดาวเคราะห์น้อยต่อไป.

มาอีกแล้ว!!! ดาวเคราะห์น้อยเข้าใกล้โลก 1.2 ล้านกิโลเมตร สดร.ยันไม่พุ่งชนโลก - ข่าวไทยรัฐออนไ

 

นกไซบีเรียนหนีหนาวลงบึงละหาน คร.เตือนห้ามล่ากิน หวั่นติดโรค
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 ม.ค. 2558 19:10



นกเป็ดน้ำและนกปากห่างไซบีเรียน อพยพหนีอากาศหนาวเข้าอาศัยบึงไทยใน จ.ชัยภูมิ จังหวัดคว้าโอกาสเตรียมผลักดันเป็นแห่งท่องเที่ยว ด้านชาวบ้านล่าจับกิน ด้าน กรมควบคุมโรคสกัด ระบุ อาจติดเชื้อโรคร้าย

วันที่ 24 ม.ค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ที่บึงหนองบัวใหญ่ และบึงละหาน ซึ่งมีพื้นที่ติดกันและมีเนื้อที่รวมกว่า 25,000 ไร่ ใน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ มีนกเป็ดนํ้าและนกปากห่างหลายหมื่นตัว อพยพหนีอากาศหนาวมาหากินในบึงดังกล่าวนานกว่า 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ มีชาวบ้านบางส่วนออกล่านกอพยพเพื่อนำมาประกอบอาหาร และขายในตลาดหนองบัวใหญ่ และตลาดบ้านกอก ให้กลุ่มที่นิยมดื่มแอลกอฮอล์นำไปเป็นกับแกล้ม

นายสรกฤช ชื่นจิตต์ นายอำเภอจัตุรัส ให้สัมภาษณ์หลังจากทราบเรื่องว่า ได้สั่งห้ามชาวบ้านล่าโดยเด็ดขาด โดยมอบให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านที่อยู่รอบบึงดังกล่าว ประกาศให้ชาวบ้านรู้ทางหอกระจายข่าวหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว

นายสรกฤช กล่าวต่อด้วยว่า ฝูงนกดังกล่าวคงหนีหนาวมาจากไซบีเรีย ปกติจะอพยพมาหากินอยู่ที่สองบึงนี้ทุกปี ปีละประมาณ 2-3 เดือน แล้วก็บินอพยพกลับ ทางอำเภอเลยมีความคิดว่าจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต เพราะบึงหนองบัวใหญ่และบึงละหานนอกจากจะมีนกแล้ว ยังมีทัศนียภาพที่สวยงามและมีปลาตามธรรมชาติอยู่ไม่น้อย

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า ฝากเตือนประชาชนที่ล่าสัตว์ป่ามาทำเป็นอาหาร โดยเฉพาะนกอพยพย้ายถิ่นจากนอกประเทศ เพราะอาจมีเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอันตรายได้ ทั้งนี้จากสถิติการป่วยเป็นโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ กว่า 40-50% เกิดจากการบริโภคสัตว์ป่าทั้งสิ้น เช่น กรณีโรคอีโบล่า ก็เกิดจากการบริโภคหรือสัมผัสสัตว์ป่า

นพ.โสภณ​ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังไม่มีรายงานจากกรมปศุสัตว์ ว่าสัตว์ปีกในประเทศไทยป่วยเป็นไข้นก จากเชื้อไข้หวัดใหญ่ H5N1 แต่ในส่วนของสัตว์ป่าหรือสัตว์อพยพต้องเช็กกับทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อีกรอบ แต่อยากให้ประชาชนระวังการนำสัตว์ป่ามารับประทาน เพราะจะติดเชื้อโรคได้ตั้งแต่ขั้นตอนการล่าจากผิวหนังและสารคัดหลั่ง หรือเลือดเวลาชำแหละ ที่ร่างกายไปสัมผัสโดน

"หากเป็นนกที่ตายแล้ว และยิ่งเป็นนกที่ตายเป็นหมู่มาก ประชาชนไม่ควรจับ สัมผัส หรือนำมาประกอบอาหารรับประทานโดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวย้ำ

นกไซบีเรียนหนีหนาวลงบึงละหาน คร.เตือนห้ามล่ากิน หวั่นติดโรค - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปากีสถานไฟฟ้าดับทั่วเมือง



ปากีสถานไฟฟ้าดับทั่วเมือง ร้อยละ 80 ของประเทศ เป็นผลมาจากการโจมตีเสาไฟฟ้าแรงสูงของกลุ่มหัวรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ก็กู้มาได้แล้วเป็นบางส่วน

วันอาทิตย์ 25 มกราคม 2558 เวลา 14:30 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัดประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่25 ม.ค.ว่าเกิดเหตุไฟฟ้าดับทั่วปากีสถานเมื่อเช้าวันอาทิตย์ส่งผลให้ประชาชนร้อยละ 80ของประเทศ อยู่กันโดยไม่มีไฟฟ้าใช้ขณะที่ เจ้าหน้าที่เร่งกู้กันอยู่โดยในช่วงสายของวันอาทิตย์เจ้าหน้าที่กล่าวว่าไฟฟ้ากู้คืนมาได้แล้วประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศที่มีประชากร180 ล้านคนนายซาฟาร์ยับ ค่านโฆษกกระทรวงน้ำและพลังงานกล่าวว่าการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรงต่อเสาไฟฟ้าแรงสูงในจังหวัดบาลูชีสถานทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับครั้งนี้ เขาประเมินว่า คงต้องใช้เวลาประมาณ6-8 ชั่วโมงในการกู้ระบบไฟในพื้นที่ส่วนที่เหลือทั้งนี้ไฟฟ้าดับตอกย้ำให้เห็นถึงความเสื่อมสภาพของสายไฟฟ้าปากีสถานซึ่งเป็นประเทศที่มักเกิดเหตุไฟฟ้าดับนานหลายชั่วโมงและขาดแคลนก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเรื้อรัง


ปากีสถานไฟฟ้าดับทั่วเมือง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ว่างงาน-เศรษฐกิจโตต่ำ ทำลายพื้นฐานอียู



บิ๊กอีซีบี เตือนอัตราการว่างงานและการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับต่ำนั้น กำลังบ่อนทำลายพื้นฐานอียู

วันอาทิตย์ 25 มกราคม 2558 เวลา 13:46 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครแฟรงค์เฟิร์ตประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่25 ม.ค.ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี เตือนว่าอัตราการว่างงานและการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับต่ำกำลังบ่อนทำลายพื้นฐานสหภาพยุโรปหรืออียู โดยนายเบนอยต์โคเออร์ สมาชิกของคณะกรรมการอีซีบีกล่าวต่อที่ประชุมเศรษฐกิจโลกหรือเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่มในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอีซีบี ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า1.1 ล้านล้านยูโรนายโคเออร์ กล่าวว่าพวกเราทำในส่วนของเราเมื่อวันพฤหัสบดีส่วนคนอื่น ๆ ก็ต้องทำในส่วนของพวกเขาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้นไม่ได้ส่งส่งเสริมเศรษฐกิจ19 ประเทศยูโรโซน

เพราะะฉะนั้นอีซีบี จึงมีแผนการซื้อพันธบัตรในแต่ละเดือนจากธนาคารจำนวน60,000 ล้านยูโรจนกว่าจะสิ้นสุดเดือนก.ย.2559หรือยาวกว่านั้นในสิ่งที่เรียกว่าการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอี

ว่างงาน-เศรษฐกิจโตต่ำ ทำลายพื้นฐานอียู | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ยูเครนเรียกประชุมหลังโดนถล่มเมืองมาริอูโปล



ประธานาธิบดียูเครนเรียกประชุมฉุกเฉินเจ้าหน้าที่กองทัพ เพื่อรับมือกับสถานการณ์การสู้รบ หลังเมืองท่ายุทธศาสตร์สำคัญ ถูกโจมตีด้วยจรวด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ

วันอาทิตย์ 25 มกราคม 2558 เวลา 04:10 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟประเทศยูเครน เมื่อวันที่25ม.ค.ว่าทำเนียบประธานาธิบดีแห่งยูเครนแถลงว่า ประธานาธิบดีเปโตรโปโรเชนโก แห่งยูเครนมีกำหนดเดินทางกลับมาจากซาอุดีอาระเบียหลังเดินทางไปร่วมแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดีอาระเบียพร้อมกับเรียกประชุมฉุกเฉินเจ้าหน้าที่กองทัพเพื่อรับมือกับสถานการณ์สู้รบหลังมีรายงานการยิงยิงถล่มด้วยจรวดในเมืองมาริอูโปลเมืองท่าสำคัญทางยุทธศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนเพราะผู้นำฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนประกาศโจมตีรุกเข้าไปในเมืองมาริอูโปลทั้งนี้เพราะฝ่ายกบฏได้ปฏิเสธการเจรจาสันติภาพทุกกรณี

ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปลแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย30ศพและบาดเจ็บอีก97คนจากการระดมยิงด้วยจรวดวิถีไกลถล่มเข้าไปในย่านอยู่ที่อาศัยเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาและอีกครั้งในช่วงบ่ายทำให้ประชาชนตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ยูเครนเรียกประชุมหลังโดนถล่มเมืองมาริอูโปล | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

โอบามาเริ่มภารกิจเยือนอินเดีย 3 วัน



บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เริ่มภารกิจเยือนอินเดีย 3 วัน ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

วันอาทิตย์ 25 มกราคม 2558 เวลา 13:01 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย เมื่อวันที่25 ม.ค.ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาผู้นำสหรัฐเดินทางถึงอินเดียแล้วในการเยือนเป็นเวลา3 วันซึ่งเขาจะได้รับการคุ้มกันด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงหลายพันนายกระจายกำลังอยู่ตามจุดต่างๆ ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงอินเดียพร้อมกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอีก15,000 ตัว,ปิดถนนหลายสายและตั้งกำแพงกระสอบทรายอย่างแข็งแรงประธานาธิบดีโอบามาจะได้รับเกียรติไปร่วมงานฉลองวันชาติอินเดียวันจันทร์ที่ 26ม.ค.นี้ด้วย

สำหรับภารกิจในช่วงบ่ายวันอาทิตย์เขาจะเปิดการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีนเรนทราโมดี ผู้นำอินเดียและพบปะกับบรรดาผู้นำด้านธุรกิจโดยนายโมดีถึงกับยอมละเมิดระเบียบการเพื่อมาต้อนรับประธานาธิบดีโอมาบาด้วยตัวเองที่สนามบินกรุงนิวเดลีนอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐจะร่วมกับนายโมดีกล่าวปราศรัยผ่านทางรายการวิทยุประจำเดือนของนายโมดีเพื่อสื่อสารถุงชาวอินเดียหลายล้านคนที่ยังไม่มีโทรทัศน์ใช้

ในกรุงนิวเดลีมาตรการรักษาความปลอดภัยในงานวันชาติที่จะมีการเดินสวนสนามด้วยเป็นไปอย่างเข้มข้น แต่ในปีนี้การเยือนของผู้นำคนสำคัญทำให้มีการเตรียมการในระดับใหม่อย่างไรก็ตามการเดินทางเยือนอินเดียของประธานาธิบดีโอบามาต้องลดเวลาให้สั้นลงเนื่องจากเขาต้องเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเพื่อเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์อับดุลลาห์ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่ได้เดินทางไปชมความงามของทัชมาฮาล

โอบามาเริ่มภารกิจเยือนอินเดีย 3 วัน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

กรีซเปิดหีบเลือกตั้ง ชี้อนาคต “ยูโรโซน” หลังโพลชี้ “พรรคซ้ายจัด” มาแรง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มกราคม 2558 12:21 น.

ชาวกรีกร่วมเขียนข้อความลงบน "กำแพงหัวใจ" ที่องค์กรเคลื่อนไหว Avazz นำมาตั้งไว้ที่กรุงเอเธนส์ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ประชาชนลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างตรงกับใจของตนเอง (24 ม.ค.)

เอเอฟพี - วันนี้ (25 ม.ค.) กรีซกำลังเดินหน้าจัดการเลือกตั้งทั่วไป ที่อาจนำชัยชนะมาสู่พรรคซ้ายจัด “ซีริซา” และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะกลายเป็นความท้าท้ายร้ายแรงที่สุดต่อนโยบายรัดเข็มขัดในกลุ่มประเทศยูโรโซน ที่กำลังดิ้นรนรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ


---
@อเล็กซิส ซีปราส หัวหน้าพรรคซ้ายจัด "ซีริซา"
---
อเล็กซิส ซีปราส หัวหน้าพรรควัย 40 ปี และผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของซีริซา จะกลายเป็นตัวแทนของการหุนหันกระโจนลงสู่เส้นทางที่ยังไม่รู้ว่าหมู่หรือจ่า แต่ก็มีแววว่า ชาวกรีกจำนวนมากพร้อมจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง หลังต้องทนทุกข์เพราะพิษเศรษฐกิจมานานหลายปี

ซีปราส ต้องการเจรจาต่อรองเงื่อนไขในการชำระหนี้มหาศาลมูลค่า 3.18 แสนล้านยูโรของกรีซใหม่อีกครั้ง และยุติการปรับลดค่าแรง การตัดค่าใช้จ่ายภาครัฐ รวมทั้งระงับการแผนการปลดเจ้าหน้าที่รัฐ และแผนแปรรูปวิสาหกิจทรัพย์สินของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เจ้าหนี้นานาชาติเรียกร้องต้องการจากกรีซ

การที่มีความเป็นไปได้ว่า พรรคซีริซาจะสามารถคว้าชัยชนะในศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้จุดชนวนให้เกิดความหวั่นวิตกว่า กรีซจะไม่ยอมชำระหนี้ รวมทั้งละทิ้งสถานะชาติสมาชิก “ยูโรโซน” อันประกอบด้วย 19 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกขนานนามว่า “Grexit”

พรรคซีริซา ได้รับคะแนนสูงกว่า พรรครัฐบาลอนุรักษนิยม “นิวเดโมเครติก” ของนายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส อย่างน้อย 4 จุด ทั้งนี้ ตามการประมาณการครั้งล่าสุด

หน่วยเลือกตั้งในกรีซเปิดทำการในเวลา 05.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 12.00 น. ในเมืองไทย) และจะปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 0.00 น. ในเมืองไทย) โดยคาดหมายว่า จะมีการเปิดเผยผลเอ็กซิทโพลทันที หลังการลงคะแนนเสียงสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ กรีซมีประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงราว 9.8 ล้านคน

ซีปราซ ได้ให้คำมั่นว่าจะทวงคืน “ศักดิ์ศรี” ให้แก่กรีซ และจะเผชิญหน้ากับกลุ่มเจ้าหนี้ “ทรอยกา” อันประกอบด้วย สหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขต่างๆ ให้กรีซปฏิบัติตาม เพื่อแลกกับการอนุมัติเงินกู้ 2.4 แสนล้านยูโร

ผู้นำพรรคซีริซาชี้ว่า กรีซกำลังตกอยู่ในสถานะที่ “ไม่ยั่งยืน” เนื่องจากถูกบีบให้ชำระหนี้ที่กำลังบานปลาย ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังหดตัว

ในขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้ออกมากล่าวเตือนกรีซว่า ไม่ชำระหนี้จะก่อให้เกิด “ผลกระทบตามมา”

ทางด้าน นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งแยอรมนี ซึ่งถูกมองว่าเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้อียูใช้นโยบายรัดเข็มขัดกล่าวว่า เธอหวังว่า กรีซจะยังคงเป็นสมาชิกยูโรโซนต่อไป

เธอกล่าวเมื่อวันศุกร์ (23) ว่า “ถึงแม้จะประสบความยากลำบาก แต่ดิฉันก็ยังต้องการให้กรีซ” อยู่ร่วมกับเราต่อไป

กรีซ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเมื่อปี 2004 ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรวดเร็ว นับแต่วิกฤตยูโรโซนเปิดฉากขึ้น จนกระตุ้นให้ตัวเลขการว่างงานพุ่งทะลุ 25 เปอร์เซ็นต์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009419

 

สหรัฐฯ เผย “โรคหัด” ระบาดลามจากดิสนีย์แลนด์สู่ 6 รัฐ-พบผู้ป่วยแล้ว 51 ราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2558 11:05 น.



เอเอฟพี - การระบาดของโรคหัดซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่รอบๆ สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ลุกลามสู่อีก 6 รัฐ รวมถึงเม็กซิโก โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเป็นตัวการแพร่เชื้อ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (23 ม.ค.)

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) แถลงว่า ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมทางศูนย์ได้รับแจ้งผู้ป่วยโรคหัดที่ได้ยืนยันแล้ว 51 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวแคลิฟอร์เนีย แต่ก็พบผู้ป่วยในรัฐที่ห่างไกลออกไปอย่างวอชิงตัน และเนแบรสกาด้วย

ซีดีซีเปิดเผยว่า ผู้ที่ล้มป่วยมีอายุตั้งแต่ 10 เดือนไปจนถึง 57 ปี และมีอยู่ไม่กี่รายที่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด เนื่องจากไม่กี่ปีมานี้เริ่มมีกระแสต่อต้านการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ

กลุ่มพลเมืองที่ต่อต้านวัคซีน MMR (วัคซีนป้องกันโรคหัด, คางทูม และหัดเยอรมัน) เชื่อว่า วัคซีนชนิดนี้อาจทำให้เด็กป่วยเป็นออทิสติก แม้ผลวิจัยจากหลายสำนักจะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกันก็ตาม

โรคหัดถูกประกาศให้หมดสิ้นไปจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2000 แม้ว่าจะยังพบผู้ป่วยในบางภูมิภาคของยุโรป, แอฟริกา และเอเชีย

“นอกจากผู้ป่วยในสหรัฐฯ แล้ว ยังมีรายงานว่าเด็กชาวเม็กซิโกคนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเกิดอาการป่วย หลังจากมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์เมื่อวันที่ 17 และ 20 ธันวาคม ปี 2014” ซีดีซีแถลง

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังไม่สามารถระบุที่มาของเชื้อได้ “แต่มีความเป็นได้ว่า นักท่องเที่ยวสักรายหนึ่ง (หรืออาจจะมากกว่าหนึ่ง) ที่ติดโรคหัดมาจากต่างประเทศ ได้มาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ในช่วงที่เป็นระยะแพร่เชื้อ” ซีดีซีระบุ

ผู้ป่วย 42 รายจากทั้งหมด 51 รายอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ยังพบผู้ติดเชื้อในรัฐยูทาห์อีก 3 ราย, รัฐวอชิงตัน 2 ราย และที่รัฐออริกอน, โคโลราโด, เนแบรสกา และแอริโซนา อีกแห่งละ 1 ราย

โรคหัดเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายผ่านทางลมหายใจ แม้จะไม่ได้สัมผัสร่างกายผู้ติดเชื้อก็ตาม โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และเกิดผื่นทั่วตัว กรณีรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอด สูญเสียการได้ยิน ปอดบวม และเสียชีวิตในที่สุด

อัตราการเสียชีวิตของเด็กที่ติดเชื้อโรคหัดอยู่ที่ราว 1-2 คนต่อ 1,000 คน ตามข้อมูลจากซีดีซี

การประกาศขจัดโรคหมายความว่า โรคหัดไม่ใช่โรคพื้นถิ่นของสหรัฐฯ อีกต่อไป แต่เมื่อปีที่แล้วก็พบผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 644 ราย ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากสถิติ 173 รายในปี 2013

หนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิส ไทม์ส เผยผลการวิเคราะห์เมื่อปีที่แล้วว่า 9.5% ของเด็กอนุบาลในเขตการศึกษาหนึ่งของเทศมณฑลออเรนจ์ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด เนื่องจากความเชื่อผิดๆ ของพ่อแม่

 

เพนตากอนยอมรับ! สหรัฐฯ ถล่มไอเอส “5 เดือน” ยึดพื้นที่คืนได้แค่ 1%
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2558 09:54 น.



พล.ร.ต. จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
เอเอฟพี - ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ตลอดช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) สูญเสียพื้นที่ที่พวกเขายึดครองในอิรักเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (23 ม.ค.)

พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกเพนตากอน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า กองกำลังเปชเมอร์กาของชาวเคิร์ดและทหารรัฐบาลอิรักสามารถยึดคืนพื้นที่ประมาณ 700 ตารางกิโลเมตร ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางตอนเหนือ ในขณะที่กลุ่มไอเอสยังคงควบคุมดินแดนไว้ราว 50,000 ตารางกิโลเมตร หรือเท่ากับว่ามีพื้นที่ที่ถูก “เปลี่ยนมือ” เพียงราวๆ 1 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่สหรัฐฯเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ปีที่แล้ว

เคอร์บีย์ยอมรับว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถยึดคืนดินแดนได้มากนักก็จริง แต่การโจมตีทางอากาศก็ช่วยสกัดการรุกคืบของไอเอส และช่วยซื้อเวลาในการฝึกฝนกองกำลังอิรัก

“ผมคิดว่าเราทุกฝ่ายตระหนักดีว่ามันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากในเวลานี้ แต่อย่าลืมว่า เราก็เพิ่งจะเริ่มลงมือจริงจังเพียง 6-7 เดือนเท่านั้น” โฆษกเพนตากอนระบุ พร้อมชี้ว่ากองทัพอเมริกันเคยประกาศชัดเจนว่า ปฏิบัติการต่อต้านไอเอส “จะต้องใช้เวลาเพื่อขุดรากถอนโคนและกำจัดคนเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง”

เพนตากอนเปิดเผยตัวเลข 1 เปอร์เซ็นต์ หลังจากแถลงเมื่อไม่นานนี้ว่า กองกำลังเคิร์ดและทหารอิรักยึดคืนพื้นที่ได้ 700 ตารางกิโลเมตร โดยไม่ได้อธิบายว่าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าใดของดินแดนทั้งหมดที่ถูกไอเอสยึดไป

เคอร์บีย์กล่าวเพิ่มเติมว่า เวลานี้รัฐบาลอิรักมีอำนาจควบคุมดินแดนในประเทศราว 77,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนกองกำลังเคิร์ดมีอยู่ 56,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งตัวเลขนี้นับเฉพาะ “พื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัย” เท่านั้น

เหล่าผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพอิรักจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปและติดอาวุธ ก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติการต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อยึดคืนดินแดนที่ถูกไอเอสแย่งชิงไป

พล.อ.ลอยด์ ออสติน หัวหน้ากองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (Central Command) ซึ่งควบคุมปฏิบัติการโจมตีไอเอส ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ วอลล์สตรีท เจอร์เนิล เมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่า ทหารอิรักจะพร้อมบุกเข้าไปยึดคืนเมืองโมซุลทางตอนเหนือของประเทศ ภายในฤดูร้อนปีนี้

แหล่งข่าวกลาโหม ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมปีที่แล้ว พันธมิตรนานาชาติได้ส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตีฐานที่มั่นไอเอสในอิรักและซีเรียรวมเกือบ 2,000 ครั้ง โดยเป็นภารกิจของเครื่องบินรบอเมริกันมากกว่า 1,600 ครั้ง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009150

 

WHOงบหมด!ขอรับบริจาคเพิ่ม เตือนหน้าฝนชี้ชะตาสู้อีโบลา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2558 01:33 น.



รอยเตอร์ - องค์การอนามัยโลก(WHO)เตือนเมื่อวันศุกร์(23ม.ค.) ว่าความพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนด้านเงินทุนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก่อนการมาเยือนของฤดูฝนในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ไม่อย่างนั้นอาจต้องใช้เวลาอีกนานถึง 1 ปี

คำเตือนดังกล่าวมีออกมาหลังจากองค์การอนามัยโลกยอมรับว่าเงินทุนกำลังหมดลงในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญต่อความพยายามระงับการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชิดนี้ "มันคือโครงการที่สามารถหยุดการแพร่เชื้อหากว่าเรามีเงินและบุคลากรเพียงพอ แต่เราไม่มีทั้งสองอย่าง" นายแพทย์บรูซ อัลวาร์ด รองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ซึ่งรับหน้าที่ตอบสนองวิกฤตอีโบลา แถลงกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนการประชุมวาระพิเศษของบอร์ดบริหารอนามัยโลกในวันอาทิตย์(25ม.ค.)

รองผู้อำนวยการอนามัยโลกกล่าวหลังจากเดินทางตรวจเยี่ยมภารภิจต่อสู้อีโบลาในแอฟริกาตะวันตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้เมื่อเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ถือว่าลดลงต่อเนื่องมา 4 สัปดาห์ติดแล้ว ทั้งในกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน 3 ชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด

อย่างไรก็ตามนายแพย์อัลวาร์ด ยอมรับว่า "เงินเราจะหมดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสจะหยุดลงตามข้อสันนิษฐานในกรณีที่ดีที่สุดถึง 4 หรือ 5 เดือน ดังนั้นตอนนี้เราจำเป็นต้องรีบแล้ว"

อัลวาร์ด เผยว่าหน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติแห่งนี้ยังต้องการแรงสนับสนุนทางการเงินอีก 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากงบประมาณต่อสู้กับอีโบลา 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และตอนนี้กำลังแสวงหาเงินเพิ่มเติมจากเหล่าประเทศผู้บริจาคทั้งหลาย โดยเป้าหมายหลักคือทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กลายเป็นศูนย์

"คุณต้องมองไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า มันขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าที่จะสามารถทำได้ระหว่างตอนนี้จนถึงฤดูฝน เพราะเมื่อเข้าสู่หน้าฝนแล้ว คุณคงต้องเจอช่วงเวลายากลำบากอีกปีในการจัดการกับโรคร้ายนี้" อัลวาร์ดกล่าว ขณะที่อนามัยโลกชี้ว่าฝนอาจก่อความเสียหายแก่ท้องถนน สร้างความยุ่งยากในการส่งมอบความช่วยเหลือและการเคลื่อนกำลังพลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

โดยรวมแล้วมีรายงานผู้ติดเชื้ออีโบลา 21,724 คน ใน 9 ประเทศเมื่อปีที่แล้ว นับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้นในกินี ในนั้นมีผู้เสียชีวิต 8,641 คน องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(22ม.ค.)

ปัจจุบันมีการกระจายผู้เชี่ยวชาญ 700 คนในพื้นที่ต่างๆที่เผชิญการแพร่ระบาดของอีโบลา แต่อัลวาร์ด บอกว่ายังต้องการบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมอีก 300 คน เพื่อระบุกรณีผู้ติดเชื้อและติมตามกลุ่มคนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009089

 

Weekend Focus:โอบามากับนโยบายต่างประเทศแบบ “ไร้ทิศทาง” หลังยุทธศาสตร์ “ปักหมุดในเอเชีย” เหลวไม่เป็นท่า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 มกราคม 2558 01:31 น.



หากลองมองย้อนหลังกลับไปเมื่อช่วงกลางปี 2012 ปฏิเสธไม่ได้ว่า การประกาศแนวนโยบายต่างประเทศใหม่ของสหรัฐฯ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นการ “ปักหมุดในเอเชีย” หรือ “Pivot to Asia” ในช่วงปลายสมัยแรกของการบริหารประเทศของบารัค โอบามานั้น ถือเป็นหนึ่งในประเด็นข่าวการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองระหว่างประเทศที่ถูกจับจ้องและได้รับความสนใจมากที่สุดจากผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ทวีปที่ถือเป็นบ้านของประชากรราวร้อยละ 60 ของโลก และยังมีพื้นที่คิดเป็นสัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั่วทั้งโลก

ย้อนกลับไปในคราวนั้น หลายต่อหลายคนพากันตื่นเต้นไปกับการประกาศ “ปักหมุด” ของรัฐบาลวอชิงตันในเอเชียหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ “หันหลัง” ให้กับเอเชียไปนานนับทศวรรษ เพื่อไปขลุกอยู่กับความเป็นไปและผลประโยชน์ที่ยั่วน้ำลายมากกว่า ทั้งในยุโรปและภูมิภาคตะวันออกกลาง

การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ในนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯในยุคบารัค โอบามา ด้วยการ “เปลี่ยนจุดโฟกัส” จากยุโรปและตะวันออกกลาง มาสู่เอเชียและแปซิฟิก จึงถือเป็นการเปลี่ยน-ปรับเชิงนโยบายครั้งใหญ่ท่ามกลางภาวะแวดล้อมด้านการเมืองระหว่างประเทศที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์และบรรดาผู้สันทัดกรณีด้านการเมืองระหว่างประเทศระบุว่า การเปลี่ยนยุทธศาสตร์เชิงนโยบายแบบหน้ามือเป็นหลังมือในคราวนั้นของรัฐบาลบารัค โอบามา มีแรงจูงใจหลักๆอยู่ด้วยกัน 2 ประการ

ประการแรกคือ ความต้องการของอเมริกาในการสกัดกั้น-ปิดล้อมสาธารณรัฐประชาชนจีนดินแดนคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวันออกที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลของตนเข้าสู่เอเชีย-แปซิฟิก เพิ่มขึ้นอย่างสำคัญตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยอเมริกาเพิ่งตระหนักได้ในภายหลัง (รู้ตัวช้า)ว่า อิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่ “น่าเป็นห่วง” และเป็นการเพิ่มขึ้นของอิทธิพลจีนในจังหวะเวลาที่อเมริกามัวแต่ “หันหลังให้เอเชีย” ในช่วงก่อนหน้านี้

ส่วนแรงจูงใจประการที่สอง ที่นำไปสู่การเบนเข็มหันหัวเรือนโยบายของสหรัฐฯ สู่การปักหมุดในเอเชียนั้นคือการที่เอเชีย-แปซิฟิกมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ ทั้งในแง่ของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตของจีดีพีที่พุ่งพรวด จนถูกขนานนามว่าเป็น “ศูนย์กลางแห่งใหม่ของเศรษฐกิจโลก” ซึ่งแน่นอนว่า สหรัฐอเมริกาที่กำลังมีปัญหาเศรษฐกิจภายในแบบเรื้อรังย่อมไม่ปรารถนาที่จะ “ตกขบวน” รถไฟสู่เอเชีย และนำไปสู่การประกาศหันหน้ามายังเอเชียในที่สุด

อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านมาเพียงไม่กี่ปี หลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการกำหนดนโยบายต่างประเทศในสหรัฐฯ เริ่มตระหนักถึงความจริงที่ว่า นโยบายและการปรับยุทธศาสตร์เพื่อปักหมุดในเอเชียของสหรัฐฯนั้น มีอันต้องประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เนื่องจาก สหรัฐฯนั้นได้หันหลังและละเลยเอเชียมานานเกินไป จนปล่อยให้จีนที่ค่อยๆแทรกซึมแผ่ขยายอิทธิพลของตนอย่างช้าๆเป็นฝ่ายที่สามารถ “ซื้อใจ” ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ไปได้แบบเต็มๆ โดยเฉพาะในทางการเมืองและเศรษฐกิจ

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงสมัยที่สองของการบริหารประเทศของบารัค โอบามานั้น กลับปรากฏกว่าตัวแสดงหลักที่มีบทบาทต่อนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯโดยตรงอย่างจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ ที่ก้าวเข้ามารับหน้าที่แทนนางฮิลลารี คลินตัน กลับเลือกที่จะโฟกัสให้ความสำคัญกับภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างออกนอกหน้า แทนที่จะสานต่อภารกิจปักหมุดในเอเชียที่นางคลินตันมีบทบาทริเริ่มไว้

ความไม่แน่ใจของชาติในเอเชียถึงบทบาทที่ “ผลุบๆโผล่ๆ” ของสหรัฐฯในเอเชียนี้เอง จึงทำให้หลายชาติคลายความตื่นเต้นต่อนโยบายปักหมุดนี้ และค่อยๆทยอยถอยห่างจากสหรัฐฯทีละก้าวเช่นกัน ยกเว้นในกรณีของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน ที่ยังคงเป็นพันธมิตรแนบแน่นของสหรัฐฯ และหวั่นเกรงภัยคุกคามจากจีน

เมื่อนโยบายปักหมุดในเอเชียมีอันต้องล้มเหลว และไม่ต่างจากความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญที่สหรัฐฯพลาดท่าเสียทีให้กับจีน บรรดาผู้มีส่วนกำหนดนโยบายในวอชิงตันจึงเริ่มดำเนินนโยบายแบบ “ไร้ทิศทาง” ในช่วงหลายปีมานี้ทั้งการกลับเข้าไปมีเอี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางอีกครั้ง ในกรณีสงครามกลางเมืองซีเรีย และการรับมือกับ “ศัตรูหน้าใหม่” อย่างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) รวมถึงการหันไป “หาเรื่องชวนทะเลาะ” กับรัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกสหรัฐฯกล่าวหาว่า ทำตัวเป็น “ภัยคุกคามสันติภาพโลก” จากกรณีวิกฤตการเมืองในยูเครน

ยิ่งไปกว่านั้น การดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบไร้ทิศทางของโอบามายังดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในกรณีที่วอชิงตันหันไปผูกไมตรีฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ “อดีตศัตรูตัวฉกาจ” อย่างคิวบา ที่ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรมานานเกินครึ่งศตวรรษ รวมถึง ความพยายามในการผ่อนปรนให้กับอิหร่านในเรื่องโครงการพัฒนา “นิวเคลียร์” จนพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯในตะวันออกกลางอย่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบียประกาศว่า ถูกอเมริกาหักหลัง

ดังนั้น จึงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า หลังจากปี 2012 เป็นต้นมา นโยบายต่างประเทศสหรัฐฯภายใต้รัฐบาลโอบามาได้ก้าวเข้าสู่ภาวะไร้ทิศทาง ไม่ต่างจาก “เรือที่ไร้หางเสือ” และถูกเปรียบเปรยว่าเป็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบเหวี่ยงแห หลังจากที่ความพยายามในการ “ปักหมุดยูเอสเอ”ในเอเชียมีอันต้องล้มคว่ำไม่เป็นท่าและคงไม่ผิดนัก หากจะทิ้งท้ายว่า นอกจากสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถปักหมุดในเอเชียได้อย่างที่ตั้งใจแล้วยังดูเหมือนสหรัฐฯจะพลาดท่าปักเข็มหมุดนั้นใส่มือตัวเองเสียอีกต่างหาก และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯมิใช่น้อย


Weekend Focus:

 

น้ำมันปิดผสมผสานหลังกษัตริย์ซาอุฯ สวรรคต หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำลง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2558 05:41 น.



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - น้ำมันปิดผสมผสานเมื่อวันศุกร์ (23 ม.ค.) หลังการสวรรคตของกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ชาติสมาชิกรายใหญ่ของโอเปก ก่อความกังวลต่อนโยบายของทางกลุ่ม ส่วนวอลล์สตรีทขยับลงแรงจากรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทต่างๆ เช่นเดียวกับทองคำที่ถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 72 เซ็นต์ ปิดที่ 45.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 27 เซ็นต์ ปิดที่ 48.79 ดอลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ระบุว่า กษัตริย์อับดุลเลาะห์ พระชนมายุ 90 พรรษา เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 01.00 น.ในวันศุกร์ (23 ม.ค.) และราชวงศ์ก็เคลื่อนไหวแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างทางอำนาจและการเมืองของประเทศทันที

เจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมารคือผู้สืบทอดราชสมบัติ สถาปนาขึ้นเป็นเกษัตริย์องค์ใหม่ ขณะที่พระองค์ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ตรัสว่าจะนำพาประเทศอยู่บนเส้นทางแห่งความมั่นคงต่อไปและเรียกร้องความรักความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม

ในฐานะชาติผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโอเปก ซาอุดีอาระเบียอยู่เบื้องหลังคอยผลักดันให้ทางกลุ่มปฏิเสธปรับลดกำลังผลิตเพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน แม้ว่าราคาน้ำมันดำดิ่งอย่างฉับพลัน โดยน้ำมันดิบขยับลงจากราคาเมื่อเดือนมิถุนายนมาแล้วราวๆร้อยละ 60

ท่ามกลางการจับตาทิศทางในอนาคตของซาอุดีอาระเบีย ทิม อีแวนส์ จากซิตี ฟิวเจอร์ส ตั้งข้อสังเกตว่า กษัตริย์ซัลมานคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานและต่างประเทศ เนื่องจาก อาลี อัล-ไนมี ยังคงได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีพลังงานตามเดิม

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (23 ม.ค.) ปิดผสมผสาน หลังรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทต่างๆ กัดเซาะแนวโน้มในทางบวกจากกรณีธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรและกระตุ้นการเติบโตของยูโรโซน

ดาวโจนส์ ลดลง 141.38 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,672.60 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.33 จุด (0.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,051.82 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 7.48 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,757.88 จุด

ยูพีเอส บริษัทขนส่งสินค้าและไปรษณีย์เอกชนใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ คือตัวที่ฉุดเอสแอน์พี 500 หนักหนักที่สุด หลังให้แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาดหมาย อ้างถึงผลดำเนินงานด้านการขนส่งทางบกภายในสหรัฐฯ ที่น่าผิดหวัง โดยหุ้นของบริษัทร่วงลงถึงร้อยละ 9.5 ปิดที่ 103.36 ดอลลาร์่ต่อหุ้น ส่วนเฟดเอ็กซ์คอร์ป ก็ปิดลบร้อยละ 2.1 ปิดที่ 177.61 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ขณะที่ 2 สมาชิกของดัชนีดาวโจนส์อย่าง แมคโดนัลด์ และ เจนเนอรัล อิเล็คทริก (จีอี) ก็มีรายงานที่น่าผิดหวัง โดยแม็คโดนัลด์ คอร์ป มียอดขายในช่วงไตรมาส 4 ลดลงอย่างมาก ส่วนจีอี ก็มียอดจำหน่ายลดลงในฝ่ายน้ำมันและก๊าซ แม้โดยรวมแล้วจะมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ตาม

ตัวเลขดังกล่าวกลบความหวังที่ลุกโชติช่วงของนักลงทุน หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เคลื่อนไหวออกมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรมากกว่าที่คาดหมายไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาของภูมิภาคและต่อสู้กับภาวะเงินฝืด

ส่วนราคาทองคำในวันศุกร์ (23 ม.ค.) ขยับลงพอสมควร จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และตลาดทบทวนผลลัพธ์ที่จะเป็นไปได้ของมาตรการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของอีบีซี โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,292.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ปรับท่าที!รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯชี้พวกหัวรุนแรงไม่ใช่อิสลาม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2558 03:13 น.



เอพี - จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างปรเทศสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันศุกร์(23ม.ค.) ว่าพวกหัวรุนแรงที่เข่นฆ่าเด็กๆและผู้คนในอิรัก ซีเรีย ไนจีเรียและพื้นที่อื่นๆของโลกมักอ้างศาสนาอิสลามเพื่อความชอบธรรม แต่เตือนตะวันตกควรระมัดระวังต่อการเรียกคนเหล่านั้นว่า "อิสลามหัวรุนแรง"

ในการกล่าวสุนทรพจน์เรียกร้องโลกพยายามต่อต้านแนวคิดหัวรุนแรง ณ เวทีเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายเคร์รี บอกว่ามันจะเป็นความผิดพลาดที่โยงอิสลามกับรากเหง้าแห่งการก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นความบาดหมาง ความขัดสน แสวงหาความตื่นเต้นและปัจจัยอื่นๆ

"เราจำเป็นต้องเชิดหน้าเข้าไว้" เคร์รีกล่าว "ความผิดพลาดใหญ่หลวงที่เราอาจก่อขึ้นก็คือ การกล่าวโทษมุสลิมต่ออาชญากรรมเหล่านั้น ปฏิเสธศรัทธาอันแรงกล้าของพวกเขา แน่นอนว่าเรามิอาจเอาชนะศัตรูผ่านการใส่ความกล่าวร้ายผู้ที่จะมาเป็นคู่หู และบางทีสิ่งนั้นอาจยิ่งโหมกระพือเปลวไฟที่เราต้องการดับมัน"

ความเห็นของเคร์รี แสดงให้เห็นถึงการเลือกใช้ถ้อยคำที่แตกต่างระหว่างสหรัฐฯกับเหล่าพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด หลังประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ บอกกับเวทีการประชุมเดียวกันก่อนหน้านี้ในวันศุกร์(23ม.ค.) ว่าพวกอิสลามหัวรุนแรงจำต้องถูกต่อต้าน ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี(22ม.ค.) นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เรียกร้องนานาชาติเอาชนะสิ่งที่เขาเรียกว่า "หายนะจากความรุนแรงของพวกอิสลามหัวรุนแรง"

รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่สู้เต็มใจแยกความแตกต่างระหว่างอิสลามหัวรุนแรงกับความรุนแรงของพวกสุดโต่งรูปแบบอื่นๆ โดยก่อนหน้านี้นายทูลซี แกบบาร์ด สมาชิกพรรคโดโมแครตจากฮาวายและอดีตนายทหารผ่านศึกสงครามอิรัก บอกว่าทั้งสองพรรคใหญ่ในสภาคองเกรสมีความกังวลที่โอบามาและผู้ช่วยระดับสูงของเขาไม่ใช้คำว่า "อิสลามหัวรุนแรง"

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 25 ม.ค.58 กองทัพเรือรัสเซียในทะเลดำ เคลื่อนไหวผิดปกติ
กองทัพเรือรัสเซียในทะเลดำ มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ อ้างว่าซ้อมรบและใช้ต่อสู้ ภายใน 24 ชั่วโมง จะดำเนินการบินเดี่ยว ฝึกซ้อมทิ้งระเบิด และยิงจรวด ที่เป้าหมายพื้นดิน โดยมีเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำร่วมซ้อมรบครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ทหารที่เตรียมบนเรือรบในทะเล ได้ "ออกกำลัง" กันบ้าง เพราะซ้อมมานานแล้วเมื่อย
ที่นี้ได้ใส่จรวดของจริงจากเรือรบ ใส่เป้าหมายภาคพื้นดินบ้าง การเคลื่อนไหวกองทัพเรือรัสเซียครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับผู้นำยูเครน สั่งกองทัพเรือเขาเช่นกัน กองทัพบกแพ้มาแล้วทุกสนามรบ ครานี้ประลองกำลังกัรด้วยกองทัพเรือบ้าง
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 25 ม.ค.58 เมื่อประเทศเข้าสู่สงครามผู้นำพลเรือน ก็สับสนอลหม่านไปหมด
ตอนนี้เกิดความสับสนอลหม่านอย่างหนัก ผู้นำขายลูกกวาด ของรัฐบาลยูเครน เรียกประชุม ครม.ฉุกเฉิน เพื่อประกาศ "กฎอัยการศึก " ตามแรงบีบคันจากมะกัน และชาติตะวันตก ประชาชนจะถูกเกณฑ์เข้าสู่สงครามที่ไม่วันชนะในไม่นานต่อจากนี้ และทุกสมรภูมิที่สู้รบ ทหารยูเครนแพ้ทั้งหมด
ล่าสุดที่เมืองท่าสำคัญอย่าง Mariupol ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ก็ถูกนักรบนิยมรัสเซียยึดไปได้เรียบร้อยแล้ว และเขาผลักดันทหารกองทัพยูเครน ออกจากแนวเขตแดนเขตปกครองตนเองโดเนส์ต ทั้งหมดแล้ว
ผู้นำนักรบนินิยมรัสเซีย ประกาศกร้าวว่า "พวกเขาไม่ใช่สัตว์" ที่จะรอให้กองทัพยูเครนมาล้อมฆ่า ดังนั้นพวกเขามีแผนจะบุกโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน จาก 3 ทิศทาง ด้วยกองกำลังมหาศาลของพวกเขาเอง ทหารยูเครนแปรพักตร์ และนักรบอาสาของรัสเซีย พร้อมอาวุธหนักนานาชนิด แบบไม่อั้นจากซานตาครอส
รอเพียงคำสั่ง "ไอ้เสือเอาวา" จากหมีขาวปูตินเท่านั้น จะได้เห็นกรุงเคียฟ เป็นสนามก็อฟล์ 10,000 หลุม สนามแรก แม้อเมริกาจะส่งกำลังทหารของตนเองเข้าไปถึงยูเครนแล้ว แต่ก็มีกำลังน้อยนิดเมื่อเทียบกับกำลังของกองทัพนักรบนิยมรัสเซียตอนนี้
เมื่อไรยูเครนประกาศกฎอัยการศึก เมื่อนั้น กองทัพนักรบกองกำลังผสม จะยาตราทัพไปบุกเมืองหลวงยูเครนทันที การทิ้งระเบิดทางอากาศจะเกิดขึ้น จะได้เห็นกันว่าเครื่องบินชาติตะวันตก จะโดนขีปนาวุธ S-400 สอยร่วงกี่ลำ และจะเห็นกองทัพนักรบ บุกทะลุไปถึงโปแลนด์ได้ภายในไม่กี่วันนี้..
ตอนนี้ทหารยูเครนก็พร้อมแล้วเช่นกัน...แต่พร้อมที่จะวางอาวุธและแปรพักตร์มาเข้ากับกองทัพรัสเซีย !!
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 25 ม.ค.58 มันละทีนี้..ทหารยูเครนพ่ายแพ้ แตกทัพเข้าสวาภักดิ์รัสเซียแล้ว
ที่เมืองท่า Mariupol กองทัพยูเครน ได้พ่ายแพ้แก่กองกำลังนักรบนิยมรัสเซียอีกสนามรบแล้ว แพ้แบบหมดทางสู้จริง โดนจรวดจนล้มตายเป็นเบือ บาดเจ็บ ถูกจับอีกนับไม่ถ้วน ไฟฟ้า ประปาถูกตัดขาดทั้งเมือง จนทหารยูเครนเสียขวัญมาก เกิดการแตกทัพ ไปสวามิภักดิ์ ขับรถถังข้ามพรมแดนไปรัสเซียแล้ว
กองทัพรัสเซีย ได้ต้อนรับทหารยูเครนแตกทัพอย่างดี จัดหาอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ให้อย่างดี โดยไม่จับตัวเป็นเชลย พร้อมรับพวกเขาประจำการในนามกองทัพรัสเซียทันที โดยพี่หมีขาวปูตินลงนาม รับรองสถานะพวกเขาอย่างถูกกฎหมายด้วย
ตอนนี้มีประชาชนยูเครน เชื้อสายรัสเซีย อพยพหนีตายข้ามแดนเพิ่มไปรัสเซียแล้วกว่า 1.5 ล้านคน ( จากเดิม 8 แสนคน ) เพราะขืนอาศัยอยู่ฝั่งยูเครน พอทหารยูเครนทำอะไรกับนักรบนิยมรัสเซียไม่ได้ ก็จะถูกคำสั่งจากเมืองหลวงให้ยิงปืนครก และปืนใหญใส่ชุมชน แหล่งอาศัยประชาชน เพื่อแก้แค้น
ทำให้ทหารยูเครนแนวหน้า ที่แตกทัพรู้สึกว่าประเทศของเขา สั่งพวกเขาทำร้ายประชาชนตนเอง พวกเขาจึงทนแรงบีบคั้นไม่ไหว จึงทะยอยแตกทัพ ขนยุทธโธปกรณ์ทางทหาร เข้าสวามิภักดิ์กองทัพรัสเซีย เพื่อกลับมาต่อสู้กับทหารยูเครนพวกเดียวกัน
แต่เขามาในสถานะใหม่ คือ " กองกำลังอาสาสู้รบ" เพื่อทำการปกป้องประชาชนยูเครน ที่กำลังขาดที่พึ่งจากรัฐบาลของตน..มันล่ะทีนี้
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 25 ม.ค.58 ปืนกลแห่งนักรบอนาคต Kalashnikov ทนทาน "บักอึด" สะเทินน้ำสะเทินบก
ปืนเล็กยาวจู่โจม Kalashnikov ของรัสเซีย มีประสิทธิภาพสูง ที่แตกต่างจากปืนชาติตะวันตกคือ ราคาถูก เน้นไปที่ความใช้งานง่าย ทนทาน ยิงได้ดีแม้ขาดการบำรุงรักษา จมทรายก็เอามาใช้ได้เลย จมน้ำเอาขึ้นมาก็ยังเอามายิงได้ทันที เรียกเป็นภาษาบ้านๆ ว่า "บักอึด" ซึ่งของอเมริกาทำแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้มีการนำมาให้นักรบนิยมรัสเซียในเมืองโดเนสต์ ของยูเครน
จุดที่มีการปะทะกับปืนกลจากอเมริกาแล้ว ตอนนี้ทหารยูเครนและนักรบรับจ้าง NATO ถูกนักรบรัสเซียยิงตายไปกว่า 550 รายแล้ว (แต่ยูเครนปิดข่าว) และพ่ายแพ้ทุกสนามรบ และจะนำมาใช้เป็นอาวุธประจำกาย ในการรบสงครามที่มาถึงนี้ การข่าวมาว่าปืนชนิดนี้ได้ระบาดเข้าไปในกลุ่มหัวรุนแรง ฝรั่งเศสแล้ว คงจะให้ฤทธิ์ของมันในไม่นานนี้
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 24 ม.ค.58 ตูม..ภูเขาไฟ ซากุราจิมา ญี่ปุ่น ระเบิดสนั่น
เกิดเหตุภูเขาไฟ ซากุราจิมา ของญี่ปุ่น ที่ระเบิดตูมขึ้นมา ปล่อยลาวาไหลออกมาจำนวนมาก นี่ก็อีกหลักฐานหนึ่งของแรงอัด จากแรงปะทะของรังสีความร้อน จากดวงอาทิตย์ มาปะทะชั้นบรรยาโลก จนสนามแม่เหล็ก ที่ปกป้องหุ้มโลกอยู่ เกิดแรงอัดสูงกดลงไปบนผิวโลก
ตรงไหนมีรอยแยก หรือภูเขาไฟ ช่วงนี้ก็พร้อมจะแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เช่น วันนี้แผ่นดินไหวที่ เยลโลสโตน อเมริกา ถึง 5.3 ริกเตอร์ มีการคำนวนว่าถ้า เยลโลสโตน ที่เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระเบิดใหญ่จากเหตุแผ่นไหวขนาด 10 ริกเตอร์ อาจทำให้ทั้งโลกเกิดภัยพิบัติไปทั่ว
เถ้าถ่านมหาศาลของมันจะปกคลุมชั้นบรรยากาศ เป็นเวลานานจนแสงอาทิตย์ผ่านเข้ามาได้น้อยมาก โลกจะหนาวเย็นลงเฉียบพลัน พืชผัก ต้นไม้ ที่เป็นแหล่งอาหารมนุษย์ และสัตว์ จะขาดการสังเคราะห์แสง เหี่ยวเฉาตายไป ทะเลจะกลายเป็นกรดจากกรดกำมะถันจากเถ้าภูเขาไฟ ปลาใต้ทะเลต้องขึ้นมาตายลอยไปทั่ว เมื่อห่วงโซ่อาหารมนุษย์ขาดตอนหลายเดือน ก็จะมีมนุษย์รอดตายไปได้ไม่มากเท่าใดนัก
ในไทยนับแต่นี้ไป จะเกิดไฟไหม้ป่า ขึ้นหลายจุด ยาวไปถึง มี.ค.เลย ให้ผู้เกี่ยวข้อเตรียมการรับมือได้เลย และขอความร่วมมือประชาชน อย่าจุดไฟเผาวัชพืชในพื้นที่การเกษตรเด็ดขาด เพราะมันจะลุกลามรุนแรง เกิดมลพิษ และเกิดฝนกรดเสียหายต่อพืชของเกษตรเอง
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 24 ม.ค.58 ฝนตก น้ำท่วม รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย อ่วมหนัก
เกิดเหตุอากาศแปรปรวนฝนตกหนักติดต่อกันมาสองวันแล้ว ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นรอบที่ 2 ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องรับสายขอความช่วยเหลือ และส่ง หน่วยฉุกเฉินออกปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ จากสายน้ำที่เชี่ยวกราก

@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup