-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย pmorn3339, 29 กันยายน 2011.

  1. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ปลอม


    เมื่อ สิ่งนี้ ปลอม

    [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG]

    สิ่งนี้ เลย(น่าจะ) ปลอม ตาม

    [​IMG][​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG]

    (น่าจะ) ปลอม


     
  2. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ขอแย้งครับ


    มันไม่ "น่าจะ"ปลอม

    แต่มัน"ปลอม" กันเลยทีเดียว

    ปลอมซ๊ำปลอมซาก ปลอมแล้วปลอมอีก
    ปลอมแล้วยังแต่งนิยายขายให้ดูดี
    ปลอมเร็ว ปลอมแรง ปลอมรวด ปลอมล้นฟ้า ......
    ...
    ...
    ...
    ภาษาการเมืองเรียกว่า
    ...
    ....
    .....ปลอมดอง....



    บาปกรรม ตู่พระสมเด็จ ตู่นิยาย ตู่สมเด็จโต

    หนักนะนี่

    .....

    ผมเคยมี หลังตราโล่ห์ ....กะเอาไว้โชว์ .... เนื้อมันเก่าดี .... ปลอมเก่า แฮะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2011
  3. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    [​IMG]
    .

    [​IMG]

    ถ้าหากจะสืบหาความจริงจากประวัติศาสตร์ก็ควรสืบหาจากประวัติการสร้างพระทั้งสองแบบนี้ด้วย

    ๑.การสร้างพระพุทธชิราชอินโดจีน ปี ๒๔๘๕
    ๒.พระรูปของพระเจ้าตากสิน สร้างโดยเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์

    เพราะทั้งสองอย่างนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๙ แน่นอนเป็นไปไม่ได้ว่า
    สมเด็จโตจะสร้างมาก่อน แล้วรุ่นหลังมาลอกเลียนพิมพ์

    อีกอย่างพระบรมราชานุเสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินที่เป็นต้นแบบนั้น
    ก็ไม่เคยมีปรากฏในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในช่วงอายุของสมเด็จโตด้วย
    พระบรมราชานุเสาวรีย์ที่แรกมีก็คือ พระบรมรูปทรงม้าของรัชกาลที่ ๕
    ในช่วงที่พระองค์เสด็จเยือนยุโรป ไปเห็นแบบอย่างของต่างประเทศ
    จึงมีพระราชดำริจัดสร้าง ในครั้งนั้นพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่หลายพระองค์
    ทรงทักท้วงเพราะถือเอาตามความเชื่อเดิมว่า จะทำให้บั่นทอนพระชนมายุ

    คงต้องตามสืบจากประวัติการสร้างพระบรมราชานุเสาวรีย์พระเจ้าตากสินที่วงเวียนใหญ่ด้วย
    ว่า ใครเป็นคนออกแบบ สร้างโดยใคร ปีไหน

    และอีกอย่างในช่วงรัชกาลที่ ๕ ยังไม่มีการยกย่องพระเจ้าตากสิน เพราะเหตุที่
    บรรพชนต้นกรุงรัตนโกสินทร์เปลี่ยนแผ่นดินโดยการปราบดาภิเษก
    ปลดพระเจ้าตากสำเร็จโทษ คาดว่าคนในยุคคาบเกี่ยวไม่มีใครกล้าที่จะ
    สร้างพระรูปพระเจ้าตากสิน เพราะโทษกบฏนั้นหนักมาก ตายยกโคตรเลยทีเดีย

    การยกย่องวีรกรรมบรรพชนทั้งหลายคงต้องตามสืบจาก ขุนวิจิตรมาตรา
    สมัยรัฐบาลจอมพล ป. ที่สร้างละครปลุกใจคนไทย เพื่อต่อต้านต่างชาติ
    ให้สำนึกรักและภูมิใจในความเป็นชาติ เพราะพึ่งเปลี่ยนชื่อประเทศ
    จาก สยาม มาเป็น ไทย หมาด ๆ

    สงสัยพวกที่ปลอมพระกรุนี้ ตกประวัติศาสตร์จริง แต่ ท็อปประวัติศาสตร์ปลอม

    เมื่อประวัติศาสตร์การสร้างเขายังปลอม แล้วจะมีของจริงได้อย่างไร
     
  4. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    [​IMG]

    ทางที่ดีตามสืบจากการใช้ตัวอักษรย่อคำว่า รัชกาล ย่อเป็น ร. ด้วยว่ามีใช้ในช่วง พ.ศ.
    ที่เท่าไหร่เป็นครั้งแรก เพราะคำ ร. นี้เป็นคำที่นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่คิดขึ้นใช้รับรองว่า
    ไม่เก่าจนถึงยุค ร.๕ หรือถ้าเก่าถึงก็คงจะปลายรัชกาลแล้ว ในเอกสารประวัติศาสตร์เก่า ๆ
    เวลากล่าวถึงรัชกาลพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนไม่มีใช้ ร. แน่ มีแต่ใช้คำเต็มว่า รัชกาล
    พวกที่ใช้ตัวย่อว่า ร. โดยมากเป็นนักวิชาการสมัยใหม่ทั้งสิ้น
    และเป็นการใช้แบบไม่เป็นทางการด้วย

    คนสมัยก่อนกลัวเกรงในพระราชอำนาจของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีใครกล้าออกพระนามโดยตรง มักจะเลี่ยง ๆ ไปทั้งสิ้น เช่น เรียกรัชกาลที่ ๑ ว่า พระองค์ท่านแผ่นดินต้น เรียกรัชกาลที่ ๒ ว่า พระองค์ท่านแผ่นดินกลาง จนรัชกาลที่ ๓ มีพระปริวิตกว่าชาวบ้านทั่ว ๆ ไปจะเรียกขานยุคสมัยของพระองค์ท่านว่า แผ่นดินปลาย เท่ากับเป็นการสิ้นสุดพระราชวงค์แต่เพียงเท่านี้จึงมีประกาศห้าม และให้เรียกขานพระนามเป็นอย่างอื่นแทน
    และคาดว่าคำว่า ร.๕ นี้ สมเด็จโตไม่ใช้คำนี้แน่นอน

    [​IMG]

    ที่นี้ก็มาดู ลูกปัด ในเนื้อพระบ้าง โดยมากเป็นลูกปัดแก้วสมัยใหม่ทั้งสิ้น
    ดีไม่ดีบางองค์เป็นลูกปัดพลาสติกเสียด้วยซ้ำ มองอย่างไรก็ไม่น่าจะเก่าถึงยุคสมเด็จโต
    ผมว่าอย่างน้อยลูกปัดแบบนี้คงอยู่ในราวปี ๒๕๐๐ หรือเก่าอย่างมากก็ ๒๔๘๐ เท่านั้น

    เนื่องจากมีอยู่ช่วงหนึ่งลูกปัดทวารวดีแตกกรุใหม่ ๆ จึงเห่อลูกปัดทวารวดีกัน
    พวกสร้างพระเลยเอาลูกปัดจากสำเพ็งมาโรยสร้างพระ จึงเกิดพิมพ์นี้ขึ้นมา
    แต่กลัวว่าไม่เป็นที่นิยม ขายไม่ได้ เลยบอกว่าเป็นของพระธาตุนมแตกกรุ

    คงต้องตามสืบจาก วิวัฒนาการของลูกปัด และการนำเข้าลูกปัด ของพ่อค้าในสำเพ็ง
    และวงการเย็บปักผ้า ว่ามีรูปแบบเป็นอย่างไร ชนิดไหน มากน้อยเท่าใด
    ซึ่งลูกปัดเก่า ๆ ในสมัยสมเด็จโตยังมีชีวิตคงไม่เป็นเม็ดแบบที่ใช้เครื่องจักรโรงงานทำ
    และเป็นเนื้อพลาสติก ที่นำมาโรยสร้างพระกระมัง
     
  5. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ขอบคุณทุกความคิดเห็นและคำแนะนำครับ

    เดี๋ยวจะลองค้นคว้าดูในสิ่งที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามคำแนะนำนะครับ

    ส่วนเรื่อง "ลูกปัด" เคยค้นแล้ว ปรากฏว่า สมัย ทวารวดี มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์น้อยมาก ส่วนมากจะเป็นำนานเสียมากกว่า
    อีกอย่าง ผมไม่เคยเห็นของจริง มองความเก่าความใหม่ไม่เป็น ได้แต่อาศัย การค้นคว้าทาง "ประวัติศาสตร์" อย่างเดียว
    เมื่อไม่ชัดเจนก็ไม่อยากเอานำมาลง(แต่ก็มีอยู่)
    ส่วนเรื่องอื่นๆ จะลองหาดูเพิ่มเติมครับ

    ขอบคุณมากครับที่ให้คำแนะนำ เพื่อจะได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
    นักปลอมพระขาย จะได้หาข้อนำมาโต้แย้งไม่ได้
     
  6. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    สรุปว่าปลอมหมด ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้อีกครั้งครับ แต่ว่าพวกพระเก๊มือผีพวกนี้ ต้องพัฒนาฝีมือ และลงทุนไปแต่งนิยายเพิ่มขึ้นอีกแน่ ๆ ครับ
     
  7. willy0089

    willy0089 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +239
    THE Killer And Devil

    โอ้ ผีปลอมนี่น่ากลัวกว่าผีจริงเสียอีก ทำกันไปได้ นรกไม่มีวันเต็มสำหรับคน...:boo:
     
  8. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ขอโทษครับ เงียบไปหนึ่งวัน
    พอดีไปเจอ ข้อเขียนของท่าน สมคิด สิงสง กรณีที่ "สยามเสียแผ่นดิน" ว่า ประวัติศาสตร์ลาว เขามองประเทศไทยว่ายังไง

    เลยนั่งประมวล ประวัติศาสตร์ไทย+ประวัติสาสตร์ลาว+ประวัติศาสตร์เขมร+ประวัติศาสตร์เวียดนาม+ฝรั่งเศส(ฝรั่งเศสเข้ายึดเวียดนามและเขมร ซึ่งก่อนหน้านี้อังกฤษเข้ายึดอินเดียและพม่า ---> ทำให้หลังจากรัชกาลที่ 3 พม่าไม่ได้มาตีกรุงรัตนโกสินทร์อีกเลย) ในช่วงของรัชกาลที่ 4-5 (ช่วงก่อนและช่วงเสียดินแดน) ว่า จริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นยังไง

    จากทั้งหมดนี้ ทำให้รู้ว่า แต่ก่อน "อาณาจักรล้านช้าง" มีขอบเขต(เมืองขึ้น) ถึงเทือกเขาดงพญาไฟ(โคราช) นั่นคือ ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของลำน้ำโขง คือ "ขอบเขต" ของล้านช้าง ซึ่ง "เมืองธาตุพนม" ก็อยู่ในส่วนนี้และต้องส่งส่วยให้ ล้านช้างเวียงจันทน์ (ต่อมาไปขึ้นกับล้านช้างจำปาศักดิ์)
    (อาณาจักรล้านช้าง แต่ก่อนมีเป็นอาณาจักรเดียว แต่ภายหลังแยกการปกครองออกเป็น 3 ล้านช้าง คือ ล้านช้างหลวงพระบาง ล้านช้างเวียงจันทน์ และ ล้านช้างจำปาศักดิ์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ฝรั่งเศสพยายามจะเข้ามามีอิทธิพลอีก ล้านช้างทั้ง 3 จึงได้รวมตัวกันต่อสู้เพื่อปลดแอกจากการเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส เมื่อรบชนะฝรั่งเศส จึงประกาศอิสระภาพรวมกันตั้งเป็นประเทศลาว)

    เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรี ตีได้ทั้ง 3 ล้านช้าง ล้านช้างเวียงจันทน์ก็ต้องส่ง "เครื่องราชบรรณาการ" ให้สยาม 3 ปี 1 ครั้ง แต่ "เมืองนครพนม" ก็ยังส่งส่วย(พวกภาษีรายได้ต่างๆ) ให้ล้านช้างเวียงจันทน์ (และล้านช้างจำปาศักดิ์) นั่นคือ เมืองนครพนมไม่ได้ "ส่งส่วย" ให้แก่สยามโดยตรง

    จนกระทั่งรัชกาลที่ 5 ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองใหม่ตั้งเป็น มณฑลเทศาภิบาล ในปี พ.ศ.2434 และส่งข้าราชการจากส่วนกลางไปดูแล แต่สุดท้ายก็ต้อง "สญเสียเขตอิทธิพลบางส่วน(ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด)" ให้แก่ฝรั่งเศส

    ดังนั้น ก่อนปี พ.ศ. 2433 จึงเป็นไปไม่ได้ที่ รัชกาลที่ 4 จะส่ง สมเด็จโต (หรือไม่ว่าจะเป็นใคร) ไปบูรณะองค์พระธาตุพนม
    เพราะ "เมืองธาตุพนม" ขึ้นตรงต่อ ล้านช้างเวียงจันทน์ (และล้านช้างจำปาศักดิ์) ไม่ได้ขึ้นตรงต่อสยาม

    (การเดินทางในสมัยก่อน ต้องเดินเรือทวนน้ำขึ้นไปตามแม่น้ำโขง ฝรั่งเศสเป็นชาติแรกที่ทำการ "เดินสำรวจ" เพื่อทำแผนที่ กำหนดเขตอาณานิคม)

    h t t p ://www.oknation.net/blog/kongsongfang/2010/08/25/entry-1
    h t t p ://haab.catholic.or.th/article/articleart/art33.html
    h t t p://www.thaigoodview.com/node/18406
    h t t p://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711184&Ntype=15
    h t t p://haab.catholic.or.th/article/articleart/art31.html
    h t t p://haab.catholic.or.th/article/articleart/art21.html

    ลองอ่านดูครับ ผมอ่านอยู่ 2 วันกะ 2 คืน ก็ไม่จบ แล้วจะรู้ว่า ต่างชาติเขามอง สยาม เป็นยังไง


    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2011
  9. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ผมมีรูปพระอีกเยอะ แต่หากนำลงไปมาก เดี๋ยวจะกระทบกระเทือนกับ "นักขายพระปลอม" จนเกินไป​

    จากประวัติศาสตร์ ทั้งหมด น่าจะประมวลได้ว่า

    ก่อนปี พ.ศ.2433 ประเทศสยาม ไม่ได้ เข้าไปทำการบูรณะองค์พระธาตุพนม

    มีแต่ เจ้าผู้ครองล้านช้างเวียงจันทน์ รวมทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านแถวๆ ใกล้เคียง ร่วมกันบูรณะ​

    นั่นคือ "พระสมเด็จกรุธาตุพนม" ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ทรงใดๆ ไม่ทัน "สมเด็จโต" แน่นอน

    หากบอกว่า "พระสมเด็จกรุธาตุพนม" แตกกรุจาก "พระธาตุพนม" และมี "สมเด็จโต" ร่วมสร้างและปลุกเสก
    คือ พระปลอม

    (ต่อไปเอานิยายเรื่องที่ 1 มาคุยกัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2011
  10. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    แบบว่า ต้องไปเขียนนิยายเรื่องใหม่ เลยอะครับ
     
  11. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
  12. kyukim

    kyukim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +460
    อ่านแล้ว วิเคราะห์ตาม เห็นจริงด้วยครับ แย่เลยเนอะคนเราเอาความเชื่อความศรัทธามาหากิน ผมคนนึงล่ะ ไม่ไปเช่าบูชาพระ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะดูไม่เป็น 555 ขอบคุณมากนะครับ เอาบทความดีๆมาลง พาลให้นึกถึงพระตัวเองที่มีมงกุฏอยู่ด้านหลัง 555
     
  13. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    เรื่องรูปภาพ
    คือผมเอามาจากเวบทีประกาศขาย ซึ่งบางองค์ประกาศขายกัน 10-30 ล้านบาท
    คิดดูครับ "พระปลอม" แต่เอามาประกาศตั้งราคาขาย 10-30 ล้านบาท
    ผมเกรงว่า มันจะไปขัด "ผลประโยชน์" เขามากไป ซึ่งอาจจะมากกว่าที่เขาจะยอมรับได้ว่าเป็นพระปลอม(เพราะอาจจะซื้อมาในราคาแพง)

    ในนิยาย เล่าว่า พอสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่เสร็จ มีการจัดงานสมโภชน์ 7 วัน 7 คืน มีรัชกาลที่ 4 และเจ้านายชั้นสูง เสด็จไปร่วมและบรรจุพระสมเด็จลงกรุ

    สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นไปได้อย่างไรที่ จะเสด็จไปเพื่อฉลองสมโภชน์ องค์พระธาตุพนม เหตุผล คือ
    1. องค์พระธาตุพนม เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และต่อมาอยู่ในอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ ซึ่งอาณาจักรสยามปกครองแบบ ประเทศราช
    2. ในเวลานั้น การเดินทางไป "เมืองธาตุพนม" ต้องเดินทางโดยทางเรือ แต่สยามยังไม่มีเรื่อกลไฟแม้แต่ลำเดียว (ในสมัยรัชกาลที่ 5 กองทัพเดินทางไปปราบฮ่อ ต้องเดินทางโดยทางเรือไปตามลำน้ำเจ้าพระยา-แม่น้ำน่าน เข้าเมืองพิชัย และเดินทางทางบกจากเมืองพิชัยไปเมืองหนองคาย ใช้เวลารวม 3 เดือน) และช่วงนั้นสยามกำลังมีข้อพิพาทกับฝรั่งเศสและอังกฤษ

    สรุปคือ เป็น นิยายขายพระปลอม

    สมัยรัชกาลที่ 4 มีสร้างเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว คือ เจดีย์นครปฐม(สร้าง พ.ศ.2403 ซึ่งมาสร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5) และเจดีย์ภูเขาทอง(สร้าง 2406 สร้างต่อจากรัชกาลที่ 3 หลังจากเกิดการทรุดตัว และสร้างเสร็จสมัยรัชกาลที่ 5) และในช่วงต้นปี 2408 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ด้วย ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2011
  14. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    :z8

    เรื่อยๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2011
  15. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ขอบคุณที่เข้ามาช่วยอ่านและอัพให้ครับ

    อ่านประวัติศาสตร์ ต้องวิเคราะห์ ครับ และต้องอ่านจากหลายๆ แหล่ง รวมทั้งของประเทศรอบๆข้าง และประวัติศาสตร์สากลด้วย แล้วนำมาวิเคราะห์ให้เข้าสถาณการณ์ในอดีต ครับ

    อ่านแล้ว จึงจะทำให้ทราบว่า คำว่า "ประเทศสยาม" พึ่งมามีแนวเขตแดนเป็น "ประเทศ" เมื่อ อังกฤษและฝรั่งเศส ตกลงทำสัญญาต่อกันให้มี "ประเทศสยาม" เพื่อเป็น "รัฐกันชน" ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส โดยสยามไม่ได้มีส่วนร่วมหรือไปมีสิทธิ์ออกเสียงในสนธิสัญญาดังกล่าวเลย

    ในสมัยโบราณก่อนที่อังกฤษกับฝรั่งเศส จะเข้ามาหาอาณานิคม คือ ช่วงตอนต้นของรัชกาลที่ 5 (ก่อน พ.ศ.2433) ระบบการปกครองของสยามเป็นแบบ "หัวเมือง"

    ด้วยพระปรีชาสามารถของรัชกาลที่ 4-5 ด้วยเกรงว่า "สยาม" จะตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสหรืออังกฤษ จึงทรงเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่เปลี่ยนจาก "ระบบหัวเมือง" เป็น "ระบบเทศาภิบาล(เป็นมณฑล)" และเสด็จออกประพาส ยุโรป(ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี) รัสเซีย รวมทั้งมีแผนจะประพาสสหรัฐอเมริกา(แต่ประธานาธิบดีถูกลอบสังหารเสียก่อน) เพื่อหาพันธมิตรมาถ่วงดุลยอำนาจของฝรั่งเศสและอังกฤษ

    ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง "หัวเมืองประเทศราชต่างๆ" ที่เคยเป็น ประเทศราช(เมืองขึ้น)กับสยาม แล้วตกไปเป็นอาณานิคมของอังกฤษกับฝรั่งเศส จึงได้ทำการต่อสู้และประกาศเอกราช ตั้งเป็นประเทศต่างๆ ขึ้นมา ตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
    (สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดจาก ประเทศที่มีความเจริญด้านอุสาหกรรม พากันแย่งชิงอาณานิคม เพื่อหาแหล่งวัตถุดิบไปป้อนโรงงาน และหาตลาดเพื่อปล่อยสินค้า กระทั่งต้องทำสงครามกัน)

    ปล.รวบรวมมาจากหลายๆ แหล่งนะครับ
    ท่านใดมีอะไรเพิ่มเติม ด้วยความยินดีครับ
     
  16. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ปราบฮ่อ พ.ศ.2428 (ครั้งที่ 2)

    [​IMG]

    แผนที่ สยาม ค.ศ.1885(พ.ศ.2428)

    [​IMG]

    ที่หน้าเมืองพิชัย และลำน้ำ (น่าน) เรือกองทัพ ได้พักจอดจัดการ ซึ่งจะได้ยกกองทัพขึ้นไปเมืองหลวงพระบาง

    [​IMG]

    ตั้งพักอยู่ที่เมืองพิชัย แม่ทัพและนายทหาร๔๔นาย ได้นำ ธงชัยเฉลิมพล มาตั้งที่หน้าทำเนียบ

    [​IMG]

    ช้างบรรทุกปืนใหญ่ (เจ้าเมือน่านจัดการให้)
    ซึ่งแม่ทัพคิดขึ้นใหม่ จะได้เดินกระบวนเข้ากองทัพไปทางเมืองน่านถึงเมืองหลวงพระบาง<O:p</O:p

    [​IMG]

    ช้างธงชัย ช้างปืนใหญ่ และช้างเลื่อนบรรทุกของ กำลังจัดการจะเดินกองทัพยกจากเมืองพิชัย<O:p</O:p
    จัดเป็นกองหน้า และกองหลัง ตามแบบคำสั่งแม่ทัพ ที่เมืองพิชัย<O:p</O:p

    [​IMG]

    ใช้ธงตราอาร์มแผ่นดิน (ยังไม่ได้ใช้ตราพระครุฑพ่า)
    เรียกว่า ธงชัยเฉลิมพล ธงชัยอันวิเศษสำคัญ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นธงจุฑาธุชธิปไตย)

    ปราบฮ่อ พ.ศ.2430 (ครั้งที่3)

    [​IMG]

    ธงช้างเผือก ใช้ในคราวการปราบฮ่อครั้งที่ 3

     
  17. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ปลอม
    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    ปลอม
     
  18. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    r

    นิยาย เรื่องที่ 1

    http://www.meeboard.com/view.asp?user=saravutrasameepen&groupid=46&rid=369&qid=2

    สมเด็จกรุธาตุพนม แตกกรุ ออกมาจาก พระธาตุพนม(จำลอง) วัดพระแก้ววังหน้า

    1. กลุ่มแรก แตกกรุ ออกมาจาก พระธาตุพนม(จำลอง) จากหน้าพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) จำนวน 2 ครั้ง ​
    ครั้งแรก พ.ศ.2411 และครั้งที่ 2 แตกกรุพร้อมกับสมเด็จวัดพระแก้ว เมื่อคราวบูรณพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้วมรกต) ปี พ.ศ.2519-2524 (เพื่อเตรียมงานฉลองกรุงฯ 200 ปี ในปี พ.ศ.2525)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2011
  19. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    วัดบวรสถานสุทธาวาศ(วัดพระแก้ววังหน้า)

    วัดบวรสถานสุทธาวาศ(วัดพระแก้ววังหน้า)เป็นวัดที่สร้างโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ สร้างขึ้นไว้ภายในเขตพระราชวังบวรสถานมงคล (สมัยรัชกาลที่ 3) เป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา สร้างไว้เพื่อให้ เจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล(ทุกพระองค์) ไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ​


    " สิ่งสำคัญที่กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงสร้างขึ้นใหม่ในพระราชวังบวรฯมีอีกสิ่งหนึ่ง คือ วัดบวรสถานสุทธาวาส เรียกกันเป็นสามัญแต่ก่อนว่า "วัดพระแก้ววังหน้า" เพราะอยู่ในวังเหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระราชวังหลวง ทรงอุทิศที่สวนกระต่ายเดิมสร้างวัดถวายเป็นพุทธบูชา แต่เดิมจะทรงสร้างเป็นยอดปราสาท จนปรุงตัวไม้แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบ มีรับสั่งให้ไปห้ามว่า ในพระราชวังบวรไม่มีธรรมเนียมที่จะมีปราสาท กล่าวกันว่าเป็นเหตุให้กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพน้อยพระทัยมาก จึงโปรดให้แก้เป็นหลังคาจตุรมุขอย่างเช่นปรากฏอยู่ทุกวันนี้

    มีสิ่งต่างๆที่ทรงสร้างในวัดบวรสุทธาวาสโดยปราณีตบรรจงหลายอย่าง แล้วเสาะหาพระพุทธรูปที่เป็นของงามของแปลก และเครื่องศิลาโบราณต่างๆมาตกแต่ง พระเจดีย์ก็ถ่ายแบบอย่างพระเจดีย์สำคัญ เช่น พระธาตุพนม เป็นต้น มาสร้างขึ้นหลายองค์ แต่การสร้างวัดบวรสุทธาวาสไม่ทันแล้วเสร็จ พระองค์เสด็จทิวงคตเสียก่อน การก่อสร้างวัดพระแก้ววังหน้า จึงมาก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานนามว่า วัดบวรสถานสุทธาวาส




    [​IMG]

    รูป พระเจดีย์ "คล้าย" องค์พระธาตุพนม
    ที่ "นักขายพระปลอม" ใช้เป็นต้นแบบ
    จาก http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=11143

    [​IMG]

    รูป พระธาตุพนม(จำลอง) ของปลอม
    ที่นักแต่งนิยาย "ขายพระปลอม" ใช้ คอมพิวเตอร์ แต่งรูป
    โดย ใส่องค์พระธาตุพนม เพิ่มเติมเข้าไป

    http://www.meeboard.com/view.asp?user=saravutrasameepen&groupid=46&rid=369&qid=2
    -----------------------------------------------
    เพื่อให้ "นิยายน้ำเน่า" สมจริงสมจัง
    นักสร้างพระปลอม ลงทุน ตกแต่งเปลี่ยนแปลงสภาพบริเวณ อุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส
    บิดเบือนรูปภาพทางประวัติศาสตร์ กันเลยทีเดียว

    -----------------------------------------------

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2011
  20. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    วัดพระแก้ววังหน้า

    สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ใน ร.๓ แรกสร้าง เรียกกันว่า ‘วัดพระแก้ววังหน้า’ จนถึงรัชกาลที่ ๔ จึงได้พระราชทานชื่อว่า ‘วัดบวรสถานสุทธาวาส’

    ตรงที่สร้างวัดนี้ สมัยวังหน้ารัชกาลที่ ๑ เคยเป็นสวน (อุทยาน) เสด็จประพาส ครั้งเมื่อนักองเองเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในรัชกาลที่ ๑ มีพระพี่นางเข้ามาด้วยสามองค์ คือนักองเม็ง นักองเภา และนักองอี นักองทั้งสามนี้ สมเด็จพระบวรราชมหาสุรสิงหนาททรงรับเป็นเจ้าจอม ทว่านักองเม็งประชวรสิ้นชีพ จึงเหลือแต่นักองเภา และนักองอี

    นักองเภามีพระองค์เจ้าหญิง ๒ พระองค์

    นักองอี มีพระองค์เจ้าหญิง ๒ พระองค์เช่นกัน ว่ากันว่านักองอีนั้น สมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ โปรดปรานมาก

    นักองอี มีมารดา บวชเป็นชี กับบริษัท บริวารชีด้วยกันมาอยู่ด้วย สมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ จึงพระราชทานที่อุทยานให้เป็นสำนักของนักนางแม้นและบริษัทบริวารผู้คนจึงเรียกกันว่า ‘วัดหลวงชี’

    ถึงรัชกาลที่ ๒ ไม่มีวัดหลวงชีแล้ว สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ จึงโปรดให้เป็นสวนเลี้ยงกระต่ายและอุทยานเสด็จประพาสตามเดิม

    ถึงรัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาศักดิพลเสพ จึงทรงสร้างวัดพระแก้ววังหน้า หรือวัดบวรสถานสุทธาวาส ปรากฏอยู่ทุกวันนี้

    อันพระองค์เจ้าหญิงกำพุชฉัตร พระราชธิดาในเจ้าจอมมารดานักองอีนั้น ท่านเป็นกวี ทรงนิพนธ์เรื่อง ‘นิพพานวังหน้า’ เมื่อสมเด็จพระชนกนาถเสด็จสวรรคต ไว้อย่างไพเราะจับใจ เช่นรำพันตอนเคยเสด็จประพาสสวนที่มีพระที่นั่งพิมานดุสิดา (หรือ รังสรรค์จุฬาโลก) อยู่กลางเกาะ ตอนหนึ่งว่า

    <TABLE border=0 width="51%" align=center><TBODY><TR><TD>“เสาวคนธ์ระคนกลิ่นบุหงา จำปาแขเมื่อแขกมาถวายถม
    มณฑาหอมหวนหอมยิ่งตรอมตรม จะจากชมชวนชมระบมทรวง
    ยี่หุบหุ้มกลีบหุ้มขยายแย้ม ลำเจียกแหลมกลิ่นแหลมล้วนของหลวง
    ลำดวนเย็นหอมเย็นดูเด่นดวง พิกุลร่วงดอกร่วงลงดาดดิน
    เสาวรสทรงรสตลบฟุ้ง ดังจันทร์ปรุงประปรุงระคนกลิ่น
    การะเกดแก้วเกดอินทนิล บุหรงบินรีบบินไปจากรัง
    ให้หนักจิตจิตหวนรัญจวนโหย ฤดีโดยโดยดิ้นถวิลหวัง
    เหมือนอกเราเราจะร้างนิราศวัง จึงโศกสั่งสั่งสวนอยุธยาฯ”



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...