-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย pmorn3339, 29 กันยายน 2011.

  1. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ผมไปอ่านดูนิยายน้ำเน่าพระกรุวังหน้า ผมแปลกใจมากว่าทำไมคนพวกนี้จึงเจาะจงเอาเฉพาะประวัติการสร้างพระกริ่งปวเรศเท่านั้น ไปดูตามเวปทุกๆเวปที่พวกนี้ทำขึ้นมาเพื่อหลอกขายพระก็จะเน้นเฉพาะพระกริ่งปวเรศเท่านั้น มีตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นสุดท้าย รุ่นแรกสร้างปีใหนใครสร้างใครปลุกเสก ซึ่งก็ไม่พ้นต้องยัดเยียดมัดมือให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้ปลุกเสก รุ่นสุดท้ายใครสร้างใครปลุกเสกมีบอกไว้หมด คือกลมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ถ้าให้เดาก็คงเพราะประวัติการสร้างพระกริ่งปวเรศมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน หาข้อยุติเป็นที่ยอมรับร่วมกันไม่ได้ มันจึงกลายเป็นช่องโหว่ช่องว่างให้พวกมือผีฝีมือทำเก๊ทำปลอมเอาไปทำมาหากิน ด้วยการหลอกลวงผู้ที่ไม่ได้ศึกษาประวัติการสร้างอย่างแท้จริง ในวงการทุกวันนี้มีพระกริ่งปวเรศอยู่ในการครอบครองของเจ้าสัวระดับร้อยล้านขึ้นไปต่างก็อ้างว่าพระกริ่งฯที่ตนครอบครองอยู่เป็นพระกริ่งปวเรศแท้ทุกคน นับรวมกันแล้วมีมากถึงเกินหนึ่งร้อยองค์ ทั้งๆที่ตามประวัติการสร้างจริงๆน่าจะมีไม่ถึงห้าสิบองค์ ถ้าเทียบกับพระชัยวัฒน์มงคลวราภรณ์ ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่๕ โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อทรงพระราชทานให้พระบรมวงศ์ ก็โปรดให้หล่อสร้างเพียง๘๑ องค์ สร้างครั้งแรก พ.ศ ๒๔๒๘ สร้าง ๕๕ องค์ เป็นพิธีสร้างที่ใหญ่ใหญ่โตมาก มีวัดไชโยมาเกี่ยวข้องด้วย มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กลมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สร้างครั้งที่สองไม่มีบันทึกรายละเอียดบอกแจ้งไว้ แต่รู้จำนวนสร้างเพียง ๒๖ องค์ มีพระนามเจ้านายที่ได้รับพระราชทาน ๔๘ พระนาม พระกริ่งปวเรศ เจตนาคือสร้างเพื่อแจกให้เจ้านายและบุคคลที่ทรงเห็นสมควรเหมาะสมประทานให้ จึงไม่น่าจะสร้างเกินร้อยองค์อย่างแน่นอน ปี พ.ศ ที่สร้างก็สันนิฐานเอาประมาณ พ.ศ ๒๔๓๐ ถึง ๒๔๓๔ รูปทรงพระกริ่งปวเรศ ถอดแบบพิมพ์มาจากพระกริ่งจีน ซึ่งจะแตกต่างจากพระกริ่งพระชัยวัฒน์ที่นิยมสร้างในราชสำนักไทยมาแต่ก่อน ถ้าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ร่วมพิธีปลุกเสกหลายครั้งหลายวาระจริงอย่างที่พวกแกงค์พระกรุวังหน้าแต่งนิยายขึ้นมา ผมก็สงสัยอีกว่าทำไมท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯจึงไม่มาสร้างพระกริ่งปวเรศ รูปหล่อลอยองค์ท่านเองบรรจุไว้ในเจดีย์ใหญ่วัดบางขุนพรหมบางน่ะ ตอนขโมยเข้าไปขนพระพิมพ์ออกมาจากเจดีย์ใหญ่ก็ไม่รู้ว่ามันเจอพระกริ่งอะไรซักองค์มั้ย ในนิยายก็บอกว่าสร้างปี ๒๔๑๑ แล้วที่แปลกอีกอย่างหนึ่งคือ เจ้านายวังหน้าไม่มีพระองค์ใหนมาช่วยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างวัดสร้างพระพิมพ์วัดบางขุนพรหมเลยซักพระองค์เลยเหรอ ทั้งๆที่อ้างว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯไปช่วยสร้างช่วยปลุกเสกพระให้วังหน้าตาหลอด ผมว่ามันสุดแสนจาแปลกมากๆเลยน่ะครับ555555555555555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  2. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ประวัติสมเด็จพุฒาจารย์(โต) บางตอน

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดปรานพระภิกษุโตเป็นอย่างยิ่ง ในปี พ.ศ. 2395 พระองค์จึงได้พระราชทานสมณศักดิ์ถวายพระภิกษุโตเป็นครั้งแรก โดยมีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ราชทินนาม "พระธรรมกิติ" และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ขณะนั้นท่านอายุ 65 ปี โดยปกติแล้วพระภิกษุโตมักพยายามหลีกเลี่ยงการรับพระราชทานสมณศักดิ์ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้ท่านต้องยอมรับพระราชทานสมณศักดิ์ในที่สุด อีก 2 ปีต่อมา (พ.ศ. 2397) ท่านจึงได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ ในราชทินนาม "พระเทพกวี" หลังจากนั้นอีก 10 ปี (พ.ศ. 2407) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ในราชทินนาม "สมเด็จพระพุฒาจารย์" มีนามจารึกตามสุพรรณบัฏว่า
    “สมเด็จพระพุฒาจารย์ เอนกปรีชา วิสุทธศีลจรรยาสมบัติ นิพัทธุตคุณ สิริสุนทร พรตจาริก อรัญญิกคนฤศร สมณนิกรมหาปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลศีลขันธ์ ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระอารามหลวงฯ”

    สมณศักดิ์ดังกล่าวนี้นับเป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดและเป็นชั้นสุดท้ายที่ท่านได้รับตราบจนกระทั่งถึงวันมรณภาพ คนทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "สมเด็จโต" หรือ "สมเด็จวัดระฆัง"

    ปัจฉิมวัย

    ราวปี พ.ศ. 2410 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้มาเป็นประธานก่อสร้างปูชนียวัตถุครั้งสุดท้ายที่สำคัญของท่าน คือ พระพุทธรูปหลวงพ่อโต (พระศรีอริยเมตไตรย) ที่วัดอินทรวิหาร (ในสมัยนั้นเรียกว่า วัดบางขุนพรหมใน) ทว่าการก่อสร้างก็ยังไม่ทันสำเร็จ โดยขณะนั้นก่อองค์พระได้ถึงเพียงระดับพระนาภี (สะดือ) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ก็ได้มรณภาพบนศาลาเก่าวัดบางขุนพรหมใน ณ วันเสาร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีวอก ตรงกับวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2415 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สิริรวมอายุได้ 84 ปี อยู่ในสมณเพศ 64 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสครองวัดระฆังโฆสิตารามได้ 20 ปี

    ..........................................

    ประวัติสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระโอรสพระองค์ที่ 18 ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาน้อยเล็ก เมื่อวันที่14 กันยายน พ.ศ. 2352 เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ได้ผนวชเป็นสามเณร ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์ และผนวชเป็นพระภิกษุเมื่อมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระองค์ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สำนักวัดมหาธาตุ ทรงแตกฉานในภาษาบาลี พระนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในภาษาบาลี คือ พระนิพนธ์เรื่อง สุคตวิทัตถิวิธาน ซึ่งทรงนิพนธ์เป็นภาษาบาลี นอกจากนี้ ยังได้ทรงนิพนธ์เรื่องเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ เป็นภาษาบาลีอีกหลายเรื่อง นับว่าพระองค์ทรงเป็นปราชญ์ทางภาษาบาลีที่สำคัญพระองค์หนึ่ง

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงสมณศักดิ์ที่พระราชาคณะ โดยมีสมณศักดิ์เสมอพระราชาคณะสามัญ ต่อมา ในปี พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามว่า พระเจ้าบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฤกษ์ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เป็นเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย นับว่าทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุติพระองค์แรก เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสสิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชอีกตลอดรัชกาลรวมเป็นระยะเวลา 15 ปี ในระหว่างนั้น พระองค์ทรงดำรงสมณฐานันดรเป็นที่สอง รองจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระมหาสังฆปรินายก คือ สมเด็จพระสังฆราช

    เมื่อปี พ.ศ. 2416 พระองค์เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในปีเดียวกันนี้ ทรงได้รับการโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ การที่เลื่อนพระอิศริยยศครั้งนี้ แม้ว่าพระองค์จะไม่ทรงรับถวายมหาสมณุตมาภิเษกในที่สมเด็จพระสังฆราช แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ถวายพระเกียรติยศในทางสมณศักดิ์สูงสุด เท่ากับทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ ก็ยังมิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดเป็นสมเด็จพระสังฆราชเป็นระยะเวลาถึง 23 ปี จึงได้ทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช

    ในปี พ.ศ. 2434พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงเจริญพระชนมายุไม่มีพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดในพระบรมราชตระกูลอันนี้ ที่ล่วงลับไปแล้วก็ดี ยังดำรงอยู่ก็ดีที่จะมีพระชนมายุเทียมถึง รวมทั้ง ยังเป็นที่นับถือของคนทั่วไปทั้งฝ่ายคฤหัสถ์และฝ่ายบรรพชิต พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตามาภิเษกเลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ (สมเด็จกรมพระยา ในปัจจุบัน) มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
    "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ บวรรังษีสุริยพันธุ์ ปิยพรหมจรรย์ธรรมวรยุต ปฏิบัติสุทธคณนายก ธรรมนิติสาธกปวรัยยะบรรพชิต สรรพธรรมิกกิจโกศล สุวิมลปรีชา ปัญญาอรรคมหาสมณุดม บรมพงษาธิบดี จักรกรีบรมนารถ มหาเสนานุรักษ์อนุราชวรางกูร ปรมินทรบดินทรสูรย์หิโตปัธยาจารย์ มโหฬารเมตยาภิธยาไศรย ไตรปิฎกโหรกลาโกศล เบญจปดลเสวตรฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาสมณุตมาภิเศกาภิสิต ปรมุกฤษฐสมณศักดิธำรง มหาสงฆปรินายก พุทธสาสนดิลกโลกุตมมหาบัณฑิตย์ สุนทรวิจิตรปฏิภาณ ไวยัตติยญาณมหากระวี พุทธาทิศรีรัตนไตรคุณารักษ์ เอกอรรคมหาอนาคารินรัตน สยามาขิโลกยปฏิพัทธพุทธปริสัษยเนตร สมณคณินทราธิเบศรสกลพุทธจักโรปการกิจ สฤษดิศุภการ มหาปาดมกษประธานวโรดม บรมนารถบพิตร"

    ภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า การเรียกพระนามพระบรมราชวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลแต่เดิมนั้นเรียกตามพระอิสริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดิ์ของพระประมุขแห่งสังฆมณฑล คือ "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" หรือที่เรียกอย่างย่อว่า "สมเด็จพระสังฆราช" พระองค์จึงเปลี่ยนคำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า" เพื่อให้ปรากฏพระนามในส่วนสมณศักดิ์ด้วย ดังนั้น จึงเปลี่ยนคำนำพระนามเป็น "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์"

    พระองค์ทรงพระประชวรด้วยพระโรคชราและสิ้นพระชนมเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2435 พระชนมายุได้ 83 พรรษา 13 วัน ผนวชเป็นพระภิกษุได้ 64 พรรษา
    ............................................

    เห็นอะไรไหม สมเด็จโต มรณะภาพ ปี 2415 ก่อนที่พระองค์ท่านจะได้รับพระราชทานเลื่อนพระอิสริยยศในปี 2416 เสียอีก แล้วมามโนเอาว่าสมเด็จโตเสกพระกริ่งปวเรศได้อย่างไร

    กว่าจะทำพิธีพระราชพิธีมหาสมณุตามาภิเษกเลื่อนพระอิสริยยศก็ปี 2434 แล้ว และคาดว่าคงจะมีการสร้างพระกริ่งปวเรศในปีนี้นี่เอง เพราะเป็นพิธีหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  3. Powfull

    Powfull เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +640
    ตามนั้นเลยครับ ท่าน จั่วน้อย (good)

    แพทเทริน การโต้เถียงของพวก "แถลวงโลก..จนถลอกก็ยังจะแถ"

    มันตะเภาเดียวกันหมดครับ 1,2,3,4 อย่างกับท่องอาขยาน

    เหมือนคุย กับพวกพิการทางสมอง แยกแยะไม่ออก ดูไม่เป็น ในสมองมีแต่

    ข้อมูล ซ้ำฯ ที่เด็ดไปกว่านั้น พวกนี้ มักจะบอกว่า ตัวเองมีเบญจภาคี

    เชื่อไหมครับ..แทบจะทุกตัว มีเบญจภาคีทุกคน

    โหย...เทพแห่งการแถ ชัดฯ !!! (eek)
     
  4. Powfull

    Powfull เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +640
    เจ๊ง..ครับ ..!! เจ๊ง..เจ้าโล่ !!

    พวกลวงโลกพลาดอย่างเเรงครับ ที่ให้ นักแถจนถลอก ผู้อ่อนเกลือ

    เป็นตัวเปิดตลาด..เห็นว่า นอนเอาเบื้องล่างก่ายหน้าผากกันเป็นแถวครับ

    เวรกรรมมีจริง .....สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ผมก็มั่นใจว่าพระกริ่งปวเรศต้องสร้างในปี พ.ศ ๒๔๓๔ วาระเดียวเท่านั้นครับ ไม่มีการสร้างมาก่อนหน้านี้ และไม่มีการสร้างต่ออีกเลย...
     
  6. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี รับเอาวัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ไว้ในอุปถัมภ์ เพราะชาวลาวบางขุนพรหมมีความเคารพนับถือศรัทธาในท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯมาก จนถึงปี พ.ศ ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔ สวรรคต ตรงกับวันพฤหัสบดีที่๑ ตุลาคม ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯจึงร่วมกับชาวลาวชาวสยามชาวมอญและชาวจีน สร้างวัดบางขุนพรหมขึ้นมาใหม่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จึงต้องเรียกวัดอินทรวิหารเป็น วัดบางขุนพรหมนอก เรียกวัดที่สร้างขึ้นใหม่ว่า วัดบางขุนพรหมใน ทุกวันนี้เรียกว่า วัดใหม่อมตรส เป็นความคิดเห็นส่วนตัวถ้าผิดพลาดต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  7. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ที่สำคัญที่สุดท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯท่านไม่ชอบไม่นิยมสร้างพระพิมพ์พระเครื่องอะไรเลยทั้งสิ้น นอกจากพระพิมพ์เนื้อผงสองกรุสองวัดเท่านั้น คือที่กรุวัดบางขุนพรหม และที่กรุวัดระฆังโฆสิตาราม ที่อื่นวัดอื่นแอบอ้างยัดเยียดทั้งสิ้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นพระในอุปถัมภ์ของเจ้านายฝ่ายพระบรมมหาราชวังฯคือวังหลวง ไม่ใช่เป็นพระในอุปถัมภ์ของเจ้านายฝ่ายพระบวรราชวังฯ คือวังหน้า จะไปนิมนต์พระของวังหลวงมาใช้ให้ทำโน่นทำนี่ ปลุกเสกเลขยันต์ตามอำเภอใจมันไม่ได้หรอกครับ มีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่ อย่ามามะโนโอ้อวดเอาเองอย่างนี้
     
  8. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    พระกริ่งที่สร้างในราชสำนัก ที่นิยมเป็นอันดับหนึ่งคือแช่ทำน้ำมนต์ในบาตรครอบ เอาไว้แจกจ่ายให้กับประชาชน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯก็เชี่ยวชาญการทำน้ำมนต์ไม่เป็นสองรองใคร น้ำมนต์ที่ท่านทำมีความศักดิ์สิทธิ์มากเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ ท่านทำด้วยอะไรท่านเอาพระกริ่งอะไรรุ่นใหนใครสร้างมาแช่ทำน้ำมนต์ของท่าน เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้รับน้ำพระพุทธมนต์จากในพิธิหลวงทำขึ้น ที่เชิญพระชัยประจำรัชกาลมาแช่ทำน้ำมนต์ อันนี้ผมอยากรู้จริงๆครับ....
     
  9. thitinoo

    thitinoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +330
    นี่มันพระหรือ โรลม้วนผม
     
  10. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  11. thitinoo

    thitinoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +330
    นี่ครับพระวังหน้าที่แท้จริงพระกรุชนะสงคราม
    ศาสนา-พระเครื่อง : คอลัมน์เด็ด
    วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2555
    พระวังหน้ากรุวัดชนะสงคราม
    1
    photo
    พระวังหน้ากรุวัดชนะสงคราม
    พระวังหน้ากรุวัดชนะสงคราม : พระองค์ครู โดยไตรเทพ ไกรงู
    การขุดพบพระเนื้อดินดิบ กรุวัดชนะสงคราม กทม. นั้น เหตุที่พบพระกรุนี้ พระมหาเฉลิมชัย วัดชนะสงคราม ได้บันทึกคำบอกเล่าของพระวิมลกิจจารักษ์ (ศิริ อตฺตาราโม) ไว้ว่า เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามในขณะนั้น คือ พระธรรมทัศนาธร (ทองสุก สุทสฺโส) ได้สั่งให้ไปดูสถานที่บริเวณหมู่เจดีย์น้อยใหญ่ ใกล้ศาลาชี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ร.ร.วัดชนะสงคราม) เพราะมีผู้มาแจ้งว่า มีคนร้ายลักขุดและพังทำลายพระเจดีย์ ท่านเจ้าอาวาสสั่งว่า หากพบว่ามีรอยขุดค้นจำพระเจดีย์เสียหาย พอที่จะขุดเอาได้ ก็ให้จัดการไปตามที่เห็นสมควร

    พระวิมลกิจจารักษ์ ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นพระครูพิศิษฐ์วิหารการ จึงพร้อมด้วยพระสงฆ์สามเณรได้ไปตรวจดูสถานที่ พบว่าพระเจดีย์ถูกทุบขุดคุ้ยพังทำลายหลายแห่ง พวงมิจฉาชีพลักล้วงเอาของมีค่าที่บรรจุไว้ไปเกือบหมดสิ้น พระที่พวกเหล่าร้ายทิ้งหลงเหลืออยู่บ้าง มีพระกรุแบบวัดตะไกรหน้าครุฑ พระโคนสมอแบบอยุธยา พระทรงเทริด (พระงั่ง) ฯลฯ ยังมีพระเจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานในที่นั้นยังไม่ถูกคนร้ายขุดคุ้ยทำลาย แต่เจดีย์องค์นี้ยอดหักแตกร้าวตลอดจากยอดลงมาถึงคอระฆัง บริเวณฐานก็ผุกกร่อนหลายแห่ง พิจารณาแล้วหากปล่อยไว้คนร้ายคงขุดทำลายเสียหายได้โดยง่าย ของมีค่าหากบรรจุไว้อาจถูกคนร้ายเอาไปเป็นสมบัติของมัน จึงพร้อมใจกันขุด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชนะสงครามซึ่งได้รับแจ้งให้มาดูสถานที่คอยอำนวยความสะดวก กันไม่ให้คนภายนอกมาวุ่นวายกับการขุดพระเจดีย์

    ผลปรากฏว่าขุดโดยไม่ต้องออกแรงมากมายนัก องค์พระเจดีย์ผุปูนหมดอายุร่วนหมดแล้ว ภายในองค์เจดีย์สร้างเป็นโพรงกลางองค์ถึงคอระฆัง ในนั้นบรรจุพระเครื่องดังปรากฏในภาพเป็นจำนวนมากเก็บลงใส่ปี๊บประมาณ ๘ ปี๊บ พบหลักฐานการสร้างและการบรรจุพระเครื่องชุดนี้คือ ไม้แกะสลักเป็นรูปพระสงฆ์ห่มดองคาดประคตอก นั่งสมาธิ ลงรัก ปิดทอง ใต้ฐานรูปแกะสลักนี้บรรจุพระธาตุพระอัครสาวกโมคคัลลาน์ ใบลานจารึกอักษาขอมเลอะเลือนผุกร่อนอ่านได้ไม่ชัดเจน พระทองคำแบบพระวัดตะไกรหน้าครุฑบ้างเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรผู้ถูกเชิญมาดู ว่าเป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑

    หนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นลงข่าวเกรียวกราวติดต่อกันอยู่หลายวันและสันนิษฐานว่ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดให้สร้างแล้วบรรจุไว้ ผู้เขียนได้พยายามสืบเสาะถามจากพระเถระและท่านผู้รู้อีกหลายท่านประกอบกับรูปทรงองค์พระเจดีย์ ตลอดกระทั่งหมู่เจดีย์ในบริเวณนั้น เห็นว่าเจดีย์ต่างๆ เป็นทรงแบบสมัยอยุธยา ความเก่าแก่ของวัสดุที่ใช้ก่อสร้างก็อยู่ในยุคเดียวกัน ทั้งวัดนี้เดิมก็เป็นวัดเล็กๆ ซึ่งเรียกกันว่า วัดกลางนา สร้างมาก่อนการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ฉะนั้นพระกรุวัดชนะสงครามชุดนี้ต้องสร้างและบรรจุไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๑ อย่างแน่นอน

    นายปัญญา พนาสิน หรืออาร์ต เมืองน่าน กรรมการตัดสินพระชุดเนื้อดิน ของสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า พระวังหน้า กรุวัดชนะสงคราม เนื้อชินตะกั่วที่ยกมาเป็นภาพองค์ครู เคยติดรางวัลที่ ๑ ในการประกวดพระที่สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทยให้การสนับสนุนและรับรองไม่ตำกว่า ๒๐ โล่ เท่าที่พบในวงการทั้งที่เป็นรูปภาพและองค์จริง ไม่เกิน ๕ องค์ ด้วยเหตุที่มีน้อยมากจึงมีการตีราคาไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท ที่สำคัญคือ มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ครอบครอง
     
  12. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ขนาดเอาประวัติศาสตร์มาโต้แย้ง
    พวกแถ....ยังจะแถ...ไปเรื่อยๆเลย
     
  13. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ถ้านับเอาตามนิยายตามท้องเรื่องของพวกแกงค์มือผีทำปลอมทำเก๊ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯวันๆไม่ต้องทำอะไรครับ รับนิมนต์ไปนั่งปลุกเสกเขกเป่าให้กรุโน่นกรุนี้ เอาแค่กรุวังหน้าก็ปาเข้าไปตั้งสองล้านอันแล้ว ทยอยสร้างด้วยโอ้แม่เจ้า.55555555555 ใหนจะกรุวัดกัลยาฯ วัดสตือ วัดไชโชฯ อีกล่ะ โอ้ยไม่อยากคิด....55555555
     
  14. Powfull

    Powfull เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +640
    555555 นั่นสิครับ ท่าน จัวน้อย 555555

    ถ้า ยังแยกของ เก๊ลวงโลกไม่ออก อย่ามาโม้ว่า มี ชุดเบญจภาคี

    อีกนะ.. แบบว่า มันน่าอายอะ เหมือนลิเกหลงโรง พอจะไปอีกที่ ก็ยังหลง

    อีก สรุปคือ หลงซะจนหาฝั่งไม่เจอ เวลาคุย มันถึง คุยไม่รู้เรื่องไงครับ


    ไม่ต้องเอามาโชว์นะครับ และ เลิกโม้แบบนี้ซะด้วย

    เพราะถึงเอามาอวด ก็คงดูไม่จืด ทีเดียวเทียว (อายแทน)555555
     
  15. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    แต่ผมอยากเห็นจังครับ

    .
     
  16. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    รายละเอียดพิธีการสร้างพระชัยวัฒน์มงคลวรภรณ์ พ.ศ ๒๔๒๘ ภาพไม่ชัดต้องขออภัยด้วยครับ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  17. ขุนส่อง

    ขุนส่อง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +149
    สรุปว่า นอกเหนือจากกรุที่ว่านี้คือ กรุวัดบางขุนพรหม และที่กรุวัดระฆังโฆสิตาราม ตามที่ท่านจัวน้อยบอก กรุทั้งหมดที่ออกมาทั้งหลายนั้นเป็นพระผียัดกรุ ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับท่าน
     
  18. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับท่านขุนส่อง เอาเท่าที่เห็นพิมพ์ทรงและเนื้อนวลมวลสารธรรมชาติของพระกรุต่างๆที่เอามาอ้างว่าเป็นพระที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างครับ ยังไม่มีกรุใหนที่เนื้อหามวลสารธรรมชาติและพิมพ์ทรงใกล้เคียงกับพระสองกรุสองวัดเลยครับ ถ้าบอกว่าเป็นลูกศิษย์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯศิษย์สายตรงของวัดระฆังฯเป็นผู้สร้างอันนี้น่าจะเป็นข้อเท็จจริงอยู่บ้างครับ.....
     
  19. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    ตัวตายตัวแทน ก็ยังมีออกมาเรื่อย ๆ ไม่หมดครับ
     
  20. สุเขฐ

    สุเขฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2,189
    ค่าพลัง:
    +12,013
    ขอขอบคุณ ทุกความห่วงใยและปารถนาดี จากพี่ และ อาจารย์ทุกท่านครับ

    กลับมาไวกว่าที่คิดแฮะ ดีใจจัง คิดถึงทุกท่านครับ (deejai)
     

แชร์หน้านี้

Loading...