นิสัยของพระโพธิสัตว์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 6 พฤศจิกายน 2012.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    [​IMG]


    พระพุทธเจ้าเป็นนักใคร่ครวญที่สุด พระสาวกอรหันต์เป็นนักใคร่ครวญที่สุด นักพิจารณาละเอียดลออที่สุด ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่าน ถ้าพูดถึงเรื่องความละเอียดลออแห่งจิตใจ เพราะใจนั้นใจบริสุทธิ์ นี่เราเป็นลูกศิษย์ตถาคต ถึงจะไม่ได้อย่างนั้นก็ตาม ขอให้ใช้ความพินิจพิจารณาเสียก่อน อยากจะทำอะไรอยากจะไปจะมา อยากจะเตร็ดเตร่เร่ร่อนไปไหนบ้างเป็นธรรมดาของคนมีหัวใจก็มีบ้าง แต่อย่าให้เป็นจนกระทั่งถึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเสียผู้เสียคนไปหมด ศักดิ์ศรีของมนุษย์จะไม่มีเหลือเลยให้กิเลสเอาไปกินหมด เปิดดูภายในตับไม่มีปอดไม่มีอะไรเหลือ ไส้พุงก็ไม่มี กินข้าวแล้วไม่ทราบไส้พุงมันหายไปไหน กิเลสเอาไปกินหมด
     
  2. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ไม่รู้ว่า น้อง ที่คุณบุญทรงพูดถึงนี่หมายถึงผมหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย (แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้มั่ว เพราะผมอ้างอิงจากพระพุทธพจน์เป็นหลัก สามารถตรวจสอบหลักฐานอ้างอิงที่มาที่ไปของแหล่งข้อมูลได้ )

    จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีอคติอะไรกับคุณบุญทรงหรอกครับ ผมช่วยเสริมในประเด็นที่คุณบุญทรงบอกไว้ว่า "ถ้าผิดขออภัย" ในความเห็นที่ 2

    คือเรื่องที่บอกว่า "นับถึงล้านแล้วไปโกฏิ" ตรงนี้ไม่ผิดหรอกครับ แล้วเขานับกันต่อจากโกฏิ อีกด้วย เป็น ปโกฏิ .... ไปเรื่อยๆ จนถึง มหากถาน และก็ อสงไขย

    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้นิยามว่า หนึ่งอสงไขยเท่ากับหนึ่งโกฏิยกกำลัง 20 ซึ่งคำนวณได้เท่ากับ 10000000....00000 (มีเลข 0 ทั้งหมด 140 ตัว)

    เรื่อง ภัทรกัป นั้น เป็นการพูดถึงประเภทของ มหากัป ครับ
    ภัทรกัป มาจาก ภัทร + กัป
    ภัทร แปลว่าเจริญ
    กัป หมายถึง มหากัป หรือ ช่วงอายุขัยของจักรวาล

    ภัทรกัป หมายถึง จักรวาลที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นช่วงแห่งความเจริญ เพราะตลอดอายุขัยของจักรวาลที่เป็นภัทรกัปนั้น มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ถึง 5 พระองค์ (ส่วนใหญ่จักรวาลเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ยากมากที่จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ส่วนใหญ่ไม่มีเลยเรียกว่า สุญญกัป บางครั้ง จักรวาลเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็มี พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 1 พระองค์บ้าง 2,3,4 พระองค์บ้าง แต่ภัทรกัป นี่ มากถึง 5 พระองค์)

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน พุทธปกิรณกกัณฑ์ว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าดังนี้

    ในภัทรกัปนี้ มีพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ คือ พระกุกกุสันธะ พระโกนาคมนะ และพระกัสสปะ บัดนี้เรา (พระโคดมพุทธเจ้า) เป็นพระสัมพุทธเจ้าและจักมีพระเมตไตรย์สัมพุทธเจ้า แม้พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์นี้ ก็เป็นนักปราชญ์ อนุเคราะห์โลก บรรดาพระพุทธเจ้า ผู้เป็นธรรมราชาเหล่านี้ พระเมตไตรย์สัมพุทธเจ้าจักตรัสบอกมรรคา นั้นแก่ผู้อื่นหลายโกฏิ แล้วจักเสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก ฉะนี้แล.

    จะเห็นได้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้เองว่า ในภัทรกัปนี้ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    ( http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=33&A=8563&Z=8606 )

    และจุดที่ผิดที่ผมต้องการจะบอกคือ เรื่องความยาวนานของกัป ครับ (ในที่นี้หมายถึงมหากัป หรือ อายุจักรวาล)

    ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการบอกเล่าต่อๆกันไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความยาวนานของกัป” ว่าการกระทำดังกล่าวข้างต้น เป็น 1 กัป

    แต่หลักฐานดั้งเดิมคือพระพุทธพจน์จากพระไตรปิฏก สรุปได้ว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นยังไม่ถึง 1 กัปเลยและ 1 กัปยาวนานกว่านั้นมาก จนไม่อาจคำนวณเป็นตัวเลขอย่างชัดเจนได้

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสประมาณเกี่ยวกับความยาวนานของกัปไว้ดังนี้

    1. ปัพพตสูตร (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๓๑๔ หน้า ๒๑๖ บาลีฉบับสยามรัฐ)

    ( http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=16&A=4812&Z=4831 )

    ดูกรภิกษุ! กัปหนึ่งนั้น เป็นเวลายาวนานนักหนา จะนับเป็นว่า เท่านี้ปี เท่านี้ร้อยปี เท่านี้พันปี เท่านี้แสนปี ดังนี้ไม่ได้เลย

    ดูกรภิกษุ! เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง เหมือนอย่างว่า ภูเขาศิลาลูกใหญ่ ยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ ยังมีบุรุษผู้หนึ่งนำเอาผ้าขาวบางเยื่อไม้มาแต่แคว้นกาสี แล้วเอาผ้านั้นปัดถูภูเขา ๑๐๐ ปีต่อครั้งหนึ่งดังนี้ การที่ภูเขาศิลาใหญ่นั้น จะพึงถึงความหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้นยังเร็วกว่า แต่เวลาที่เรียกว่า กัปหนึ่ง นั้น ยังไม่ถึงความหมดไป สิ้นไปเลย กัปหนึ่งนั้น นานอย่างนี้ ก็บรรดากัปที่นานอย่างนี้แหละ พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑๐๐ กัป มิใช่ ๑,๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุใด? เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเขาไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย


    และอีกที่หนึ่งใน
    2. สาสปสูตร (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๔๑๓ หน้า ๒๑๖ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    ( http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=16&A=4832&Z=4849 )
    ดูกรภิกษุ! เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง เหมือนอย่างว่า พระนครที่ทำด้วยเหล็ก มีความยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ซึ่งเป็นพระนครที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ยังมีบุรุษผู้หนึ่งพึงหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากพระนครนั้น โดยกาลล่วงไป ๑๐๐ ปี ต่อเมล็ดหนึ่ง การที่เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น จะพึงถึงความหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้นยังเร็วกว่า แต่เวลาที่เรียกว่า กัปหนึ่ง นั้น ยังไม่ถึงความหมดไป สิ้นไปเลย กัปหนึ่งนั้น นานอย่างนี้ ก็บรรดากัปที่นานอย่างนี้แหละ พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑๐๐ กัป มิใช่ ๑,๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุใด? เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเขาไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย

    ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ควรฟังพระพุทธเจ้าเป็นหลักใช่ไหมครับ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ใน อปริหานิยธรรม 7 ประการ ( http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=290 )

    ตอนหนึ่งที่ว่า

    ไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงบัญญัติ ไม่ล้มล้างสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้

    คือผมยึดธรรมเป็นใหญ่ครับ ผิดก็บอกตรงๆว่าผิด ถือว่าช่วยกันแก้ไข จะได้เป็นการช่วยรักษา พุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองไปอีกนานๆ

    การมีครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่อย่าลืม "บรมครู" หรือ พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ว่าท่านตรัสไว้อย่างไรในพระไตรปิฎก อย่ายึดติดกับครูบาอาจารย์อื่นๆ จนลืมพระพุทธเจ้านะครับ

    ส่วนหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้น ผมเองก็นับถือท่านในแง่ที่ ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามท่านก็เป็นสาวกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าท่านจะเทศน์อย่างไรก็ตาม ก็ต้องถือเอาคำสอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก จะเอาคำสอนของสาวกมาค้านกับคำสอนของพระศาสดาไม่ได้ ซึ่งคำสอนของสาวกหรือศิษย์ของตถาคตไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต้องยึดพระพุทธพจน์เป็นเกณฑ์ตรวจสอบความถูกต้องเสมอ ซึ่งหลักเกณฑ์ตรวจสอบนี้เรียกว่า “มหาปเทส ๔” (หรือเรียกว่า มหาประเทศก็ได้) ปรากฏใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
    ( http://84000.org/tipitaka/read/?10/113-116/144 )

    โดยสรุปคือ ไม่ว่าจะได้ฟังได้ยินคำสอนของใครก็ตาม

    อย่าพึ่งชื่นชม อย่าพึ่งคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้นนั้น ให้ศึกษาแล้วสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัยเสียก่อน
    - ถ้าไม่สอดคล้องกับ พระสูตร หรือ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่านี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ ภิกษุนี้/ภิกษุสงฆ์นี้/พระเถระเหล่านั้น/พระเถระนั้น จำมาผิดแล้ว ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย
    - ถ้าสอดคล้องกับ พระสูตร หรือ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้เป็นคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ ภิกษุนี้/ภิกษุสงฆ์นี้/พระเถระเหล่านั้น/พระเถระนั้น จำมาถูกต้องแล้ว


    ดังนั้นจะละทิ้งพระไตรปิฎกไม่ได้เป็นอันขาด เพราะพระไตรปิฎกเป็นแหล่งรวมพระสูตรและพระวินัยซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว และถึงกับทรงยกย่องให้เป็น ศาสดาแทนพระองค์ท่านเลยทีเดียวหลังจากที่พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤศจิกายน 2012
  3. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    คุณบุญทรงเข้าใจผิดแล้วหละครับ ผมไม่ได้พูดถึง เรื่อง วันเดือนปีระหว่าง โลกมนุษย์กับสวรรค์นะครับ (เหมือนที่คุณ J47 บอกว่า อ้างถึงเรื่อง ข้าวผัด แต่ตอบเรื่อง ส้มตำ)

    ผมบอกว่า กัป นี่มีได้หลายความหมาย

    - ถ้าพูดถึง อายุขัยของจักรวาล เรียกว่า มหากัป
    - ถ้าพูดถึงอายุขัยของมนุษย์ เรียกว่า อายุกัป

    (http://abhidhamonline.org/boss_files/sangaha/93.htm
    http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%A1%D1%C5%BB%EC )

    ซึ่ง อายุกัป ในความหมายของ อายุขัยของมนุษย์ นี่ ไม่แน่นอน ครับ
    บางสมัยก็ 100,000 ปี บางสมัยก็ 20,000 ปี
    แต่ในพุทธกาลของพระโคดมพุทธเจ้า อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์คือ 100 ปี นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อครับ

    และที่คุณบุญทรง กล่าวมานั้น มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยตรงที่ว่า

    ตรงนี้สลับกันครับ ที่ถูกคือ "๒๐๐ ปี มนุษย์ เท่ากับ ๑ วัน (กับ ๑ คืน) ของสวรรค์ชั้นยามาฯ และ ๔๐๐ ปี มนุษย์ เท่ากับ ๑ วัน (กับ ๑ คืน) ของสวรรค์ชั้นดุสิต"

    อ้างอิงจาก วิตถตสูตร
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=5233&Z=5325
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤศจิกายน 2012
  4. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    400 เส้นเป็น 1 โยชน์ หรือ 16 km ครับ

    เมืองที่มีกำแพงเหล็ก กว่าง ยาว สูง อย่างละ 16 km นี่ไม่ธรรมดา ใหญ่มากๆ ขนาดเครื่องบิน ทั่วไป บินสูงๆระดับเพดานบินยังแค่ 10-12 km เลย กล่องใหญ่ขนาดนี้เต็มไป เมล็ดผักกาด แล้ว 100 ปี เอาออกเมล็ดนึง จะนานขนาดไหน นานขนาดนี้ยังไม่สิ้นกัปเลยนะ กัปนึงนานกว่านี้อีก (มีคนเคยคำนวณเล่นๆว่าต้องใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 3 ล้านล้านล้านล้าน ปี หรือ 30000000...000 ปี โดยมีเลข 0 ทั้งหมด 24 ตัว จึงจะเอาเมล็ดผักกาดออกจนหมดได้ แสดงว่า กัปนึงนี่นานกว่านี้มาก)

    ส่วนพระเทวทัต ได้จองเวรกับพระพุทธเจ้า เมื่อ 5 กัปที่แล้วครับ

    มีพระที่ระลึกชาติได้ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า แค่ภัทรกัปนี้ (กัปปัจจุบัน) ขนาดยังไม่หมดกัป ท่านเทียบให้ฟังว่า ในอดีตชาติที่ท่านเกิดมาถ้าเอากระดูกมากองเรียงกันจะสูงประมาณ ตึกสูง 5 ชั้น (ความกว้างกับความยาวก็คงพอๆกับความสูงตึก) เกิดแต่ละครั้งก็ทุกข์แน่นอนไม่ว่าจะ พลัดพลาดจากสิ่งที่รักหรือไม่ก็เจ็บป่วย นี่คงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านหาทางออกจากการเวียนว่ายตายเกิดกันเสียที

    ที่เขียนมานี่ไม่ได้จะจับผิดอะไรหรอกครับ แค่เล่าๆสู่กันฟังเฉยๆ
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068


    ?!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤศจิกายน 2012
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    อย่าว่าผู้อื่น…จงดูตัวเอง

    อย่าว่าผู้อื่น…จงดูตัวเอง
    ไปไหนก็มีแต่กิเลสมันขวางหน้าเสีย

    ไปวัดนั้นว่าเป็นอย่างนั้น
    ไปวัดนี้ว่าเป็นอย่างนี้
    ไปดูพระองค์นั้นเป็นอย่างนั้น
    พระองค์นี้เป็นอย่างนี้

    ตัวเองเป็นอย่างไรไม่คิดบ้างเลย

    มันได้ประโยชน์อะไร
    ไปหาดูแต่นอกๆ ไปสนใจดูตัวเอง
    เท้าสะดุดรากไม้หัวตออยู่ตลอดเวลา
    จนล้มลุกคลุกคลานไม่ดูเท้าที่สะดุด
    ดูแต่ต้นไม้ภูเขา ดินฟ้าอากาศโน่น อวกาศโน่น

    แต่หัวตอที่จะให้โดนสะดุดหัวแม่เท้าอยู่ไม่สนใจดู
    ความผิดมันอยู่กับเจ้าของ
    ไม่ได้อยู่ที่รากไม้หัวตอ

    จึงควรดูเจ้าของมากกว่าดูสิ่งอื่นใด....

    (ศาสนธรรมปลุกคนให้ติ่น, หน้า ๔๘๗)

    (ที่มา : หลักของใจ : รวบรวมลำดับเรื่องจากเทศน์ของ ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน )






    [​IMG]
     
  7. Dacky14K

    Dacky14K Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +70
    อนุโมทนาสาธุ

    ท่านอาวุโสทั้งหลายธรรมใดก็ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสใว้ดีแล้ว เป็นประโยชน์อเหลือคณา แต่หากปราถนาพระนิพพานในชาตินี้ ในที่สุดแล้วก็ต้องละความรู้ทั้งหลายนี้ทิ้งเสียให้หมด ไม่ยึดถือว่าเรารู้ เธอไม่รู้ เธอรู้ เราไม่รู้ ลดอัตราตัวตนลงเสีย เพราะไม่ว่าจะรู้จากคนอื่น หรือตรัสรู้ได้โดยพระองค์เอง พระพุทธองค์ทรงละหมดสิ้น เมื่อใดเหล่าท่านอาวุโสทั้งหลายละวางได้ การปฏิบัตินั้น จึงจะเรียกได้ว่าใกล้ฝั่งธรรมแท้แล้ว
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ๕๐ ปี ในเมืองมนุษย์ เท่ากับ ๑ วันบนสวรรค์ ชั้น ต่ำสุด จาตุมหาราชิกา ท้าวมหาราชทั้งสี่ เป็นใหญ่ สี่ทิศ ๑๐๐ปี มนุษย์ เท่ากับ ๑ วันบนสวรรค์ชั้นดาวดึง สเทวโลก ๒๐๐ ปี มนุษย์ เท่ากับ ๑ วันชั้นดุสิต ๔๐๐ ปี มนุษย์ เท่ากับ ๑ วัน สวรรค์ ชั้นยามา ๘๐๐ ปี มนุษย์ เท่ากับ สวรรค์ ชั้น นิมมานรดี ๑,๖๐๐ ปี มนุษย์เท่ากับ ๑ วันบนสวรรค์ชั้น ปรมิตตสาวัตตี สวรรค์มี ๖ ชั้น พรหม มี ๑๖ ชั้น อรูปพรหม มี ๔ ชั้น เลยไปก็คือ พระนิพพาน เอาแค่นี้แหละครับ ขี้เกียจบรรยายมาก ไร้สาระไปแล้ว ไม่เกิดประโยชน์


    ผมขอยกตัวอย่าง สวรรค์ชั้น ต่ำสุด ชั้น ท้าวมหาราช ชั้นจาตุม มหาราชิกา กล่าวถึงอายุ ท่านดังนี้ ๕๐ ปีของเรา เท่ากับ ๑ วันของสวรรค์ชั้นนี้ครับ วัน เดือน ปี มีเหมือนกัน ๑ เดือนมี ๓๐ วัน ๑๒ เดือน เป็น ๑ ปี ก็คูณไปสิครับ ว่าใช้เวลา กี่หมื่นปี ของมนุษย์ เท่ากับ ๑ ปีของสวรรค์ชั้นนี้ สวรรค์ ชั้นนี้ มีอายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ครับ

    สวรรค์ชั้นดาวดึงค์ อายุของคน ๑๐๐ ปีของเรา เท่ากับ ๑ วันของท่านครับ แล้ว วัน เดือน ปี ก็เหมือนเรา คือนับคล้ายกันว่างั้นเถอะ เดือนมี ๓๐ วัน ปีหนึ่งมี ๑๒เดือน คุณก็คูณ เข้าไป ว่า ถึง ๑ ล้านปีมนุษย์ หรือเปล่า เท่ากับ ๑ ปีของท่าน อายุสวรรค์ ชั้นดาวดึง มีอายุขัย ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ครับ

    มันสูงขึ้นไปเรื่อยๆครับสวรรค์แต่ละชั้นนั้นน่ะ ผมจะอนุมาน ให้คุณ ๔๗ เข้าใจว่า มันมีอายุสูงไปเรื่อยๆ จนจะอธิบายไปให้ถึงกับ แต่ผมมิอาจมาแสดงได้หมด เหมือนที่เขามาแย้ง ผมไงครับ มันใช้เวลามาก แล้ว ต้นตอ ของเจ้าของกระทู้ มันจะไปเข้ากันคุณ ๔๗ พอจะเข้าใจแล้วยังครับ


    ขออภัยมันแค่สลับชั้น ผิดพาดไปนิดหน่อย ผมพยายามสื่อ ให้น้องเขาเข้าใจครับ มันก็ถูกของคุณ ที่ว่ามา ผมก็ยังอธิบายไม่หมดเพราะมันยาวครับ
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    ขอบคุณครับ ผมก็บอกไปในตัวเสร็จแล้ว ถ้าผิดก็ขออภัย บางตัวพิมผิด บางอย่างสลับกันก้มี คำอุปมา อุปมัย มันไม่ต่างกันหรอกครับ
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    แต่ขอเอ่ยหน่อยครับ พระพุทธเจ้า บอกว่าบุคคล ที่ควรเชื่อถือ ได้ ตั้งแต่ พระโสดาบันขึ้นไป เท่านั้น ผมไม่ได้อ่านพระไตร ปิฎก อ่านตำราของหลวงพ่อ ฤาษี ผลเกิดจากการปฏิบัติของท่าน และผล ท่านจะทวนตรวจสอบจากพระไตร ปิฎก และท่านก็จบ ประโยค ๔ ท่านไม่ได้อ้างตำราอย่างเดียว ผมก็เอามาส่วนหนึ่ง เท่านั้นครับ ท่านก็ยังบอก อีกว่า ในกัป นี้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ถึง ๑๐ พระองค์ แม้หลวงปู่บุญเหลือ ซึ่ง เป็นฆราวาส ได้ปั้นรูปพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ ในอนาคต ทุกพระองค์ อายุเท่าไหร่ บอกหมด ตรงกับ ของหลวงพ่อ ฤาษี วัดท่าซุง

    ท่านพูด ถึงพระไตร ปิฎก ที่ไม่คลาดเคลื่อน พระไตรปิฎก ในสมัย รัชกาลที่หนึ่ง สมบูรณ์แบบ ครับ ตั้งแต่นั้นมา มีการคลาดเคลื่อน ไปพอสมควร และในสมัยอยุธยา สมัยของสมเด็จ พระพุทธโฆศาจารย์ สมบูรณ์แบบ และการสอนของท่าน ผมไม่ได้ยกย่อง จนเกินเหตุ แต่มันเป็นความจริงที่ว่า หลวงพ่อฤาษี ในยุคนี้ สมัยนี้ ท่านได้นำคำสอน ของพระพุทธเจ้า มาสอน ในทุกรูปแบบ ที่พระพุทธเจ้าท่านสอน และสอนแบบง่ายที่สุดแล้ว และท่านก็ไม่ให้ดูถูก ดูแคลน ในสายต่างๆ เพราะครูบาอาจารย์ บางองค์ มีความรู้แค่ไหน เขาจะสอนแค่นั้น

    และหลวงพ่อได้เอ่ย ถึง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกะพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรมของพระพุทธองค์ทุกๆพระองค์ ทรงสอนเหมือนกันหมด พระอริยสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอารย์ ทั้งหมด แม้ สมเด็จองค์ปฐม เป็นต้น ปฐมวงค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกของโลก ปรกติ พระพุทธเจ้าไม่ไหว้ ใคร ยกมือให้ใคร เวลาสมเด็จองค์ปฐม เสด็จมา พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ประณมมือ ๒ แถว เมื่อองค์สมเด็จ องค์ปฐม เสด็จมาถึง พระพุทธองค์ทุกๆพระองค์ ทำความเคารพ แล้วท่านว่า ไม่มีที่นั่ง ขอนั่ง บนศรีษะ หลวงพ่อนี่แหละ แล้วสั่งให้สร้าง พระองค์ท่าน ขึ้น ตามที่ท่านสั่ง จนคนทั้งหลาย ทั้งพระและฆราวาส นำไปสร้างกันทั่ว โลกแล้ว ร่างกายท่านก็ไม่เน่าเปื่อย แม้ ลูกศิษย์ ก็หลายองค์ ร่างกายไม่เน่า ที่เอาศพไว้ ไม่ว่าสายไหนก็ตาม เมื่อเข้าถึงธรรมแล้ว ท่านจะยอมรับ เสมอด้วยธรรมครับ
     
  11. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สาธุ ครับ สำหรับข้อธรรมของหลวงตามหาบัว
    ขออนุโมทนาเจ้าของกระทู้ และเจ้าของทุกข้อความคิดเห็น

    กระผมทราบและเข้าใจถึงช่วงระยะเวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญสร้างพระบารมี
    จนเกินความเคยชินในการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ในภพภูมิน้อยใหญ่ทั้งหลาย แม้แต่นรกภูมิก็ตาม

    เมื่อตั้งใจแล้วอย่าว่าแต่ 16 อสงไขยเลย ต่อให้ 108 อสงไขย ก็ไม่สามารถล้มเลิกเจตนาไปได้

    จนสหธรรมิก ญาติธรรมทั้งหลาย ที่เคยรู้จักเคารพนับถือกันมา รวมทั้งเพื่อนพุทธภูมิบางท่าน ได้บรรลุธรรมตามขั้นตามวาสนา ตามเหตุปัจจัยแห่งบุญวาสนาบารมี

    จนบางครั้งรู้สึกว่าตนเองโดดเดี่ยว แต่ไม่เลย ยังสามารถสัมผัสกับท่านทั้งหลายได้

    ยิ่งกว่านั้น เมื่อมองลงไปเบื้องหลัง พบว่ามีสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ที่กำลังสร้างบารมี ยกระดับบุญบารมีเพื่อให้มีภพภูมิที่สามารถบรรลุธรรม โดยรออาศัยพึ่งพาบุญบารมีความเมตตาของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ในการช่วยเหลือโปรดสงเคราะห์ให้บรรลุธรรม เพื่อมุ่งหวังเข้าสู่นิพพาน
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    อ่านแล้ว ขนลุกครับ อนุโมทนา สาธุครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมธามิ
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เคยมองใจตัวเอง หรือเปล่า เคยทำหรือเปล่า ผมไม่ได้โมษณา แต่พูดถึงหลัก ของความเป็นจริง โลกไปถึงไหนแล้ว จงหันกลับมามองตัวเองบ้าง แล้วจะรู้เอง
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool:ผมขอพูด คำของพระพุทธองค์ คนที่จะเชื่อถือได้จริงๆ ต้องเป็นพระโสดาบัน ไม่ใช่คำพูดของผม ผมเอาคำของท่านมา ใช้ แต่ก็พอจะรู้คุณธรรมของพระโสดาบัน แต่ผมยังทำไม่ได้ครับ คุณธรรมของท่านมีดังนี้ รักษาศิล ยิ่งกว่าชีวิต มีพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง นึกถึงความตายเป็นอารมย์ และต้องการหวังพระนิพพาน เป็นที่ไป ทุกคนทำถึงได้ทุกคน คนที่ปฏิบัติธรรม แต่จะทรงอารมย์ ไว้ได้ตลอดชีวิตไหมเท่านั้นเอง


    ผมยอมรับว่ายังมีกิเลสครบครับ พระหรือฆราวาส องค์ไหน ถ้าได้สัมผัสกับท่านจริงๆ ก็จะรู้ได้ด้วย คุณธรรมของท่าน ๆ ได้แค่ไหน จะแสดง ธรรมแค่นั้นครับ ผมก็ไม่ได้อวด แต่ผม ก็พอจะรู้ได้บ้าง ด้วยการที่ท่านสงเคราะครับ ตั้งแต่ พระโพธิสัตว์ จนถึงพระอรหันค์ แต่ในชาตินี้ ที่ได้ทำมาแล้ว ขอเอ่ยสัก ๒-๓ อย่าง แต่ไม่ได้มาอวด จะบอกให้รู้ไว้ว่า ไม่ได้ พูดอย่างเดียว หรือเรียนอย่างเดียว มันต้องทำด้วย จะได้หรือไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร


    ขอให้ได้ทำ เมื่อวานผมไปเอาของเข้า ในครัว ๔ ไร่ครับ คณะปลาร้า มะพร้าว มะนาว ฟัก พริก ฟักทองมะละกอนิดหน่อย บวชพระธุดงค์ บวชผ้าขาว วัดท่าซุง กฐินปีนี้ ทำมาเกือบ ๓๐๐ วัดครับ ทำมาเกือบ สิบปีแล้ว ๖ ปีกว่าๆมานี่ วันไหนที่ไม่ได้ใส่บารตนั้น แทบจะไม่มีเลย และเกือบ ๒๐ ปี ใส่มาตลอด นอกจากไม่อยู่บ้านเท่านั้นเอง และได้นำผักผลไม้ ในงานธุดงค์ ปีหนึ่ง ๒-๓ คันรถ ตั้งแต่ปี ๓๘ ถึง ปี ๔๘ ไปปลูก ใช้แรงงานด้วยตัวเอง อย่างไหนไม่มีซื้อมาผสมครับ

    หลังจากนั้น เอามาบ้างไม่เอามาบ้าง เพราะไปทำบุญอย่างอื่นๆ หรือหนักในด้านอื่นๆ แทน เพราะ เริ่มมีอายุ ในปี ๓๕ ผมบวชผ้าขาว ผมต้องลงมาหาบของที่ หมู่บ้านกล้วย เพื่อนำไปให้พระและชีที่จำพรรษา อยู่บน หมู่บ้านตะเพินคี่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้ขบฉัน มีอยู่คราวหนึ่ง ผมหาบมะพร้าว ปอกเปลือกแล้ว ๒๐ กว่าลูก ของอื่นนิดหน่อย เดินท้าว ทางอ้อม ๑๓ โลกว่าๆ ผมเดินทางลัด ระยะทาง ๙ กิโลกว่าๆ เกือบ ๑๐ กิโล โดยพักครั้งเดียวที่น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ มันจะเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆครับ แค่ตัวเปล่าๆก็จะเดินไม่ค่อยไหวแล้ว แต่ผมทำมาแล้ว ซึ่งใครๆ ก็ทำได้ยาก :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2012
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมทำมาแบบนี้ทั้งพรรษา และยังเคย ไปซื้อปลา ที่ปลายเขื่อนเจ้าเณร หรือเขื่อนศรี นครินทร์ หมู่บ้านไกรเกียง เกียงไกร ผ่านอนุรักษ์ กรึงไกร อ.ศรีสวัสเมืองกาญจนบุรี ติดต่อห้วยขาแข้ง ของอุทัยธานี อ.บ้านไร่ครับ ทำปลาใส่เกลือ น้ำหนักตก ๒๐ กิโล ที่ตายแล้ว ซื้อชาวบ้าน ต้องหาบ ผ่านหมู่บ้านที่กล่าวมา เข้าไปทางลัด ป่าดงดิบ ระหว่างห้วยขาแข้ง กับอุทยานแห่งชาติ ไม่แน่ใจว่าของพุเตยหรือเปล่า เขตมันติดต่อกัน


    ระหว่างเดินทางแดดร้อนจัด มากๆเลย เมื่อโดนแดดมากการเดินทางมันเพลีย ต้องหยุดพักในป่าพักหนึ่ง แล้วออกเดินทาง ไปได้ไม่ไกลนัก ทางไม่มี ทางตัน ไม่มีทางออก เดินวกไปวนมา หลงป่ากัน พระ ๑ ฆราวาส ๒ ไทยกระเหรี่ยง เขาใช้ หัว โง ความหนักพอๆกัน แต่ผมหาบ จึงหยุดพัก สักพักหนึ่ง ทันใดนั้น อยู่ๆเกิด มีขี้เมฆ มาบดบัง ดำทมึน ป่าเกือบมึด ฝนตกหนักลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เมื่อฝนเริ่มหยุด ตกปอยๆ จึงออกเดินทางต่อ ไปไม่ถึง ร้อยเมตร ลอยใหม่เอี่ยมอ่อง ของการที่ช้างป่า มาทำทางให้ รอยยังอุ่นอยู่เลย มาทำตอนที่ฝนตก ยังกะรู้ว่าพวกเราหลงป่ายังงั้นแหละ ทายกที่มาด้วย บอกว่า ช้างเชือก ที่ทำทางให้พวกเรานี้ เป็นช้างสีดอ มีงาแค่คืบเดียว พวกเราเลย ตัดสินใจ พากัน เดินตามรอย ช้างไปเรื่อยๆหลายชั่วโมง ไปๆรอยใหม่หาย ไปกลายเป็นรอยเก่า เหมือนจะรู้ล่วงหน้างั้นแหละและทำทางยาวไปเรื่อยๆ จนถึง ทางของชาวบ้านที่มาทำไร่กระวานในป่าดงดิบ


    ผมเป็นไข้ เพราะฤทธิ โดนฝน ร้อน จนมืดค่ำ ตก ๑ ทุ่ม พระถามผมว่าจะกลับหรือค้างคืน ในป่า ถามอีกว่า ทนไหวไหม ผมบอกไหว ถ้าไม่กลับพวกชาวบ้าน กับพระแม่ชีต้องออกติดตามแน่ เพราะออกจากหมู่บ้ามา ๓ วันแล้ว ผมเป็นไข้ไม่พอ ยังโดนต้นช้างร้องอีก ทั้งมันทั้งคัน ทั้งแสบ ทั้งเจ็บปวด ทรมารสิ้นดี จิตมันจับแต่เวทนา ถ้าตายตอนนั้นผมคงลงนรกแน่ครับ เดินกลางคืน หัวไปชนต้นไม้อีก ข้างล่าง ขาไปเตะ ไม้ที่ล้ม ไหนจะหนักเพราะของ จะโยนทิ้ง ก็เสียดาย และเสียสัจจะ ไหนเป็ไข้ พวกท่านลองนึกภาพดูเอาเถิด ว่ามันทรมารขนาดไหน หนาวสั่นเทื้อมทั้งตัว แต่ก็ไม่ย่อท้อ ถึงมันจะขนาดไหนเมื่อเดินมาแล้ว ต้องกลับให้ถึงในคืนนี้ ทนทรมาร ผลที่สุด ของจุดหมายปลายทาง ก็ทำสำเร็จ ถึงหมู่บ้านถ้ำตะเพินคี่ เกือบเที่ยงคืน คณะชีตกใจตื่น แค่นี้แหละครับอาบน้ำกินยาเข้านอน พวกที่ไม่เคยสำผัส และรู้จักกับคำว่าลำบาก เข้าใจยากครับ ทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกันจบครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2012
  16. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ได้ยินว่า หลวงปู่มั่น กับหลวงตามหาบัวท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน แต่ท่านเห็นภัยในวัฏสังสาร เลยขอลาพุทธภูมิ มาสู่สาวกภูมิ บารมีที่ท่านเหล่านั้นเคยบำเพ็ญมาก่อน จึงมาประมวลแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในบุญบารมีที่ท่านสั่งสมไว้ในอดีต ในชาติสุดท้ายของท่าน

    อีกอย่างในสมัยก่อนก็เคยมีเรื่องคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน คือมีผู้ปรารถนาสร้างเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ยังขาดปัจจัย ก็มีพระอรหันต์องค์หนึ่ง เป็นตัวตัั้งตัวตี รวบรวมทองและเงิน จากชาวเมืองมาสร้างเจดีย์จนเสร็จมาแล้ว
     
  17. shane9

    shane9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +258
    จิบชาร้อนๆกันสักแก้วมั๊ยครับ
    ลุงบุญทรงนี่ทำบุญสุดยอดเลยครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ขอบคุณทุกท่านที่พิมข้อความดีๆมาให้อ่านกันครับ
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    เสียใจด้วยนะ การกระทำบุญนั้น ถ้าบุคคลรู้จริงมันจะไม่พูดเช่นนี้เป็นเด็จขาด ถ้าทำแล้ว แม้สัตว์ขึ้นชื่อว่าช้าง ยังเห็นคุณค่าของเรากระทำมาแล้ว หรือเจ้าตัดได้แล้วสินะจึงได้กว่าวเช่นนี้ ที่เรากว่ามาเพราะมีบุคคล พูดไม่เข้าใจจึงเอ่ยให้ฟัง ไอ้ที่เอ่ยมามันก็แค่หนึ่งในเสี้ยวไม่ถึงพันที่ทำมาแล้ว จึงได้ให้ท่านฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2012
  19. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    เพราะความไม่เข้าใจของเจ้า กายบอดไม่พอ ใจยังบอดอีก เฉพาะ องค์สมเด็จเกิดเป็นพระฤาษีมาจนนับชาติ ไม่ถ้วน เจ้าสำคัญผิดแล้ว นั่นเป็นต้นเหตุ ของพระพุทธองค์ จนที่สุด กว่าคนธรรมดาในโลก ระหว่างเกิดเป็นคนและสัตว์ จนนับชาติไม่ถ้วน เหตุไฉน เจ้าจึงมาตู่ ว่าพระพุทธเจ้า บำเพ็ญมาแค่นั้น กว่าท่านจะเกิดมาเป็นกษัตย์ ต้องเกิดเท่าไหร่ แล้วชาติสุดท้าย ต้องบริจาคลูกเมียให้เป็นทาน ถ้าไม่ทำตรงนี้ หมดสิทธฺที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทะเจ้า ถ้ายังรู้ไม่จริง ก็อย่าพูดแบบนี้อีกนะ
     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    ขอบคุณครับ ผมอ่านในเว็บนี้ คนไม่ดีมีมากกว่าคนดี คนใช้ความรู้ มาเหยียบย่ำ คนที่มีความรู้น้อย ผมจึงเข้ามา อ่านและใช้หลักความจริงมาพูด ถ้าพูดโดยธรรม มันจะมีอะไร ผิดก็ขอโทษ ผิดแล้วยังดือดึง จริงไหมครับน้อง คนเรามีปัญญาทุกคนจะเอามันออกมาใช้ไหม สิ่งที่คุณรู้ แต่ผมไม่รู้ สิ่งใดผมรู้ คุณไม่รู้จริงไหม ขอบคุณอีกครั้งที่คุณเข้าใจครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...