เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ขอบคุณครับที่ถามมา ผมก็แค่เห็นคนเฒ่าคนแก่ทำ ส่วนแม่บ้านผมก็เห็นหรือเคยช่วยย่าเขาทำ จะให้ดีแบบมืออาชีพ เปิด Google ดูได้เลย

ครับ พิมพ์เข้าไปตรงๆ เลยว่าวิธีการหุงสีผึ้ง มีรายละเอียดและภาษาที่ใช้มากกว่าที่ผมเคยรับรู้มาอีก เช่นคำว่านวด และบางอย่างที่ผมเคยทำแต่

ไม่เคยคิดว่าถูกต้อง ก็มีข้อมูลให้อ่าน เช่น การที่เราเอานิ้วแตะสีผึ้งแล้วเอามานวดด้วยนิ้วของเราจะทำให้สีผึ้งนุ่มนวล ตัวอย่างคือ เราเอานิ้ว

กลางแตะหรือควักสีผึ้งออกมาจากตลับแล้ว เอามาบี้หรือขยี้กับนิ้วหัวแม่มือก่อนเอาไปสีปาก สีผึ้งจะอ่อนตัวนุ่มน่าสีปากมากขึ้นเพราะความร้อนที่

เกิดจากการใช้นิ้วขยี้หรือบี้ก่อนใช้ บางอย่างเราทำแล้วรู้แล้วแต่ให้คำจำกัดความไม่ได้ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

 

ขอจองน้ำมัน 9 ทัพ จำนวน 1 หลอด

 

พรุ่งนี้ท่านที่อยู่กรุงเทพฯ น่าจะได้รับพัสดุ
สายๆ ผมจะอัพรหัสพัสดุ 10 ท่านแรกที่บรรจุเส้นผมลงในกริช และ 4ท่านที่ชำระเฉพาะค่าสีผึ้งนะครับ

โปรดรอ

 

ลำดับที่11 เดิมจองสีผึ้ง 6ขวด ขอลดเหลือ3 ขวดครับ โอนเงินแล้วจำนวน960.33บาท วันนี้เวลา11:18น. sms แจ้งโอนแล้ว ขอบคุณครับ

 

EMS.
บานชื่น EK441939439TH
อาณัติ EK441939442TH
werawos EK441939456TH
Kaan EK441939460TH
Funfun27 EK441939473TH
jatukarm EK441939487TH
ปัญจ EK441939495TH
เมฆดำ EK441939500TH
nu_wa EK441939513TH
BEE15 EK441939527TH
spharm EK441939535TH
totto99 EK441939544TH
ธรรมจักร EK441939558TH
อนันตภพ EK441939561TH

 

พี่ทิพย์ครับ แจ้งโอนเงินค่าสีผึ้งและน้ำมัน 9 ทัพ วันที่ 25/12/13 เวลา12.10 น
จำนวน 900.50 บาท ขอบคุณครับ

 

เรื่องเล่า : เล่าเรื่องภาษาเก่าๆ แบบพื้นบ้านที่พวกเราเริ่มเลือน/แต่เด็กๆ ไม่ค่อยรู้ฯ

ตอน : ภาษาพาชวนหัวฯ

ผมก็จำๆ เขามาหรือว่าบางทีก็อ่านมาและสังเกตเอาจากเวลาที่คนอื่นๆ พูดแล้วดูขำดี อย่างที่เขาเขียนกันขำๆ ตามท้ายรถสิบล้อ หรือว่าตามรถ

สองแถว ผมเริ่มชอบอ่านเรื่องขำๆ ก็จากการที่ได้อ่านข้อเขียนของท่านผู้ว่าฯ อนันต์ แจ้งกลีบ หลังจากที่ท่านกลับจากการไปเรียนเมืองนอก

เมืองนามาแล้วเขียนเรื่องเชิงวิชาการ ปรากฏว่า ไม่ค่อยมีคนชอบขายไม่ออก ท่านก็เลยเปลี่ยนแนวมาเขียนเรื่องขำๆ ได้รับการตอบรับดี

เช่น"เรื่องพูดจาให้เห็นขัน"ผมจำได้บางส่วนเพราะมันเกิน 30 ปีมาแล้ว เช่นในการสัมนาครู ครั้งหนึ่ง ท่านเอามาพูดตอนเริ่มต้นว่า ก่อนที่ท่านจะ

เข้าห้องประชุม ท่านได้อ่านชื่อและนามสกุลของครูผู้หญิงท่านหนึ่งมีนามสกุลว่า"จานใบเล็ก" ท่านชอบเพราะเป็นนามสกุลที่มีความหมาย

สมบูรณ์แบบ คือบอกชัดว่าเป็นจาน และบอกขนาดด้วยว่า"ใบเล็ก"ไม่ใช่ใบใหญ่ หรือท่านพูดว่า สำนวนไทยๆ บางทีก็ไม่มีความเป็นธรรมให้กับ

ท่าน ท่านบอกว่าตัวท่านเองไม่เคยทำอะไรให้ใครได้รับความเดือดร้อน หรือทำร้ายใครเลยแต่ก็มักจะได้ยินบ่อยๆ ว่า "ที่ไหนมีคุณอนันต์ ที่นั่นมี

โทษมหันต์" ผมอ่านแล้วก็ชอบ บางครั้งความไม่รู้ก็ทำให้ขำ ผมลืมบอกไปว่าเด็กบางคนไม่เข้าใจคำว่า"ชวนหัว"ที่มีความหมายว่า ทำให้ขำ

...คราวที่แล้วผมทิ้งค้างไว้กับคำว่า"เบา" และคำว่าพระจำวัด เรื่องจริงๆ เดี๋ยวนี้เด็กส่วนมากไม่เข้าใจคำว่าพระจำวัดหมายถึงการที่พระนอนหลับ

พักผ่อนฯหรือคำว่า"จังหัน" พวกผู้ใหญ่ไปวัดเพื่อจะขอยืมของวัดไปจัดงานทำบุญบ้าน พอไปถึงวัดเห็นพระกำลังฉันเพลอยู่ ก็บอกพวกเด็กๆ ที่

เอามาช่วยขนของว่า พักรออยู่ศาลาหน้าวัดนี้ก่อน รอให้พระฉันจังหันเสร็จเรียบร้อยก่อน เด็กไม่เข้าใจก็คิดว่าจังหันมันกินได้หรือ เพราะภาพที่

เขาคิดเป็นจิ้งหัน(เด็กแถวบ้านผมเรียกอย่างนี้)หรือกังหันที่มันหมุนได้เป็นต้น สมัยผมเริ่มทำมาหากินกับภาคใต้ใหม่ๆ มีผู้ใหญ่ที่บ้านดอนท่าน

หนึ่งแนะนำให้ผมพูดคำว่า"มุ้งมิ้ง"หรือออกเสียงว่า"มุ้งมิ๊ง"อะไรทำนองนั้น แกบอกว่าถ้ากัปตันพูดคำนี้ได้คนเขาจะเข้าใจว่ากัปตันเข้าใจภาษา

ใต้ดี เพราะคำๆนี้ ทางภาคกลางหมายถึงเวลาพลบค่ำ ซึ่งมันก็จริง พอผมมีโอกาสพูดคำนี้กับคนใต้เขาจะหันมามองและยิ้มให้...

หลานผมเขาอยากให้เล่าเรื่องผีให้ฟัง...พอผมบอกว่าจะเล่าเรื่องที่ครอบครัวของป้าผมถูกผีหลอกโดยมาทำเสียงร้องไห้อยู่ที่โคนเสา

ของกระท่อมที่ปลูกอยู่ริมหนองน้ำกลางทุ่งนา ที่ผมเคยเขียนเล่าไปแล้ว หลานก็บอกว่าดีๆ ผมเริ่มต้นว่า...ตอนโพล้เพล้ของวันหนึ่ง...เดี๋ยวๆๆๆๆ

โพล้เพล้คืออะไร,รูปร่างมันเป็นยังไง??? เอ้าเปลี่ยนใหม่ ตอนเข้าไต้เข้าไฟของเย็นวันหนึ่ง...เดี๋ยวๆๆๆ เข้าไต้เข้าไฟน่ะ...เป็นยังไง/ไม่เคยได้

ยิน??? เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตอนพลบค่ำของวันหนึ่ง คือช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน หรือเวลาระหว่างกลางวันจะหมดไปและเวลากลาง

คืนจะเริ่มเข้ามา ที่เขาเรียกเข้าไต้เข้าไฟก็เพราะคนโบราณเขาใช้ไต้ใช้ตะเกียงจุดไฟตอนเวลาค่ำมืดเพื่อให้แสงสว่าง ทำไมถึงเรียกโพล้เพล้ก็

ไม่รู้...มันเป็นคำนามหมายถึงเวลาจวนค่ำ...พอ...เลิกไม่เล่าแล้ว หันไปมองทางลูกสาว...มันไม่รู้หรอกพ่อ...พจนานุกรมก็ซื้อให้ตั้งหลายเล่ม

สำนวนไทยก็มีหลายเล่ม แต่ไม่อ่าน มันเรียน EP / English program ผมเลยถามลูกกับแม่บ้านผมพร้อมๆกันว่า ผีตากผ้าอ้อมเป็นยังไงเคย

เห็นไหม? เห็นตอนไหน?


ลูกสาวตอบเห็นตอนเช้า แม่บ้านบอกเห็นตอนเย็น รูปร่างเป็นยังไง? ตอบคล้ายๆกัน คือมีทั้งสีเหลือง,สีแสด,สีแดง ก็ต้องอธิบายต่อว่า มันจะเกิด

ตอนเช้าก็ได้ ตอนเย็นก็ได้ แต่ไม่เกิดกลางวัน และไม่เกิดทุกวัน มันเป็นเรื่องของแสงมันถูกหักเหจนเรียกว่าเป็นการกระเจิงของแสง และดวง

อาทิตย์ที่เราเห็นตอนเช้านั้น เป็นดวงอาทิตย์ที่เกิดจากการหักเหของแสง ดวงจริงยังอยู่ต่ำกว่าขอบฟ้า และที่โบราณเขาห้ามนอนในช่วงที่เรียก

ว่า"ผีตากผ้าอ้อม" ก็เพราะถ้าใครยังมัวนอนไม่ตื่น ก็แสดงว่าขี้เกียจ สว่างจนผีตากผ้าอ้อมหรือเย็นลงจนผีตากผ้าอ้อม ยังไม่รีบลุกมาทำงานเช้า

หรือเก็บเข้าของในตอนเย็น จึงมีคำขู่ว่าอย่านอนตอนผีตากผ้าอ้อมเดี๋ยวผีจะอำ/เดี๋ยวผีจะหลอก "ผี" นี่มันขลังไปทุกเรื่อง ก็แล้วแต่พื้นเพของ

แต่ละภาคว่าจะมีอุบายอะไรมาสอนคนให้รีบทำงานให้เสร็จเสียแต่เช้าหรือว่าก่อนจะพลบค่ำ...รู้จักธรณีประตูไหม? หลานส่ายหน้า แต่ยายกับ

แม่รู้จัก ทำไมเข้าห้ามยืนคล่อมหรือคาธรณีประตู ? เขาห้ามเพราะจะทำให้ออกลูกยาก หรือลูกไม่ออก เป็นคำตอบที่มาจากคำบอกเล่าของคน

โบราณ ก็ดีเป็นการป้องกันไม่ให้คนผลีผลามสดุดธรณีประตูล้มลงขณะที่ตั้งท้อง...

ถามว่าทำไมคนโบราณเขาไม่ให้นั่งคาบันได,กินข้าวตอนพลบค่ำ หรือยืนคาธรณีประตู ลูกก็ตอบว่า พ่อเคยเล่าว่ามียักษ์ตนหนึ่งได้รับพรจากพระ

พรหมว่า ขอให้ถูกฆ่าไม่ตายทั้ง มนุษย์,สัตว์,เทวดา และทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งอาวุธหรือมือเปล่า และทั้งนอกเรือนหรือในเรือน...ผมก็ต่อ

ให้ว่า นั่นเป็นเรื่องของ หิรัณยกศิปุอสูร แต่ก็มาถูกปราบโดยนรสิงห์ ตายคาประตูหรือที่ธรณีประตูคือทั้งไม่ใช่ในเรือนและไม่ใช่นอกเรือน โดนฆ่า

ตอนโพล้เพล้ คือไม่ใช่กลางวันและไม่ใช่กลางคืน โดนเล็บนรสิงห๋คือไม่ใช่มือและไม่ใช่อาวุธ ขนาดได้พรจากพระพรหมยังตาย คนธรรมดาที่ถือ

ของขลังก็ควรจะหลีกเลี่ยง เห็นแม่บ้านทำท่าจะตอบก็เลยให้ตอบต่อ...แม่บ้านตอบว่า.... พ่อใหญ่(พ่อตาผม)บอกว่าคนเวลากินข้าวหรือเข้า

ส้วม ทวารมันเปิด มีของดีก็คลุ้มครองไม่ได้ หนังก็ไม่เหนียว ปืนผาหน้าไม้ก็ยิงออก เขาจึงหลีกเลี่ยงไม่กินข้าวตอนพลบค่ำ ถ้ามีคนมาปองร้าย

จะมองไม่เห็น ก็เป็นการถือแบบถิ่นใครถิ่นมัน ไม่มีใครผิดถูกทุกฝ่าย ทางใครก็ทางมัน แต่ผมว่าเขาคงจะให้รีบกินกันแต่หัววันจะได้มองเห็น

และไม่เปลืองไต้เปลืองน้ำมันตะเกียง ผมหาที่ลงไม่ได้ ความเชื่อหรือเชื่อถือก็คงต้องเคารพกัน ผมเคยแหย่หนุ่มทิพย์ฯไปแล้วว่า ดาวพลูโต ถูก

ถอดออกจากการเป็นนพเคราะห์แล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้เหลือแค่เป็นดาวเคราะห์น้อยหรือดาวเคราะห์แคระ หนุ่มทิพย์ตอบว่าใช่ แล้วขึ้นรถหนีไป

เลยไม่ได้ถามว่า แล้วตำแหน่งที่เป็นเทวะองค์ที่ 9 ในเหล่าบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์ถูกถอดด้วยหรือเปล่า เพราะวุฒิไม่ถึงฯ คงเดาคำถามผม

ได้ถึงได้รีบหนีไป....ผมยังหาทางลงอยู่ขืนไม่รีบลงเดี๋ยวยาว...........

แม่บ้านผมร้องเพลงเก่าๆ เก่งมาก เพราะกลัวผมจะไปฟังเพลงนอกบ้าน มีเพลงของศรีสอางค์ ตรีเนตร ชื่อ หัวอกแม่หม้าย เป็นเพลงที่เพราะ

มาก มีอยู่ท่อนหนึ่งรำพันว่า ทั้งหมูเห็ดเป็ดไก่ใส่ตู้โชว์......ไม่โอ้เอ้...ผมแซวว่าเก็บไว้ตั้งแต่ผัวตายป่านนี้ไม่เน่าแล้วเรอะ....แม่บ้านผมแกจบ

ชั้นประถม แกก็ตอบมาว่า...นั่นน่ะซิ่...ผมเลยต้องบอกแกว่า คำว่าหมูเห็ดเป็ดไก่ ในเนื้อเพลงน่ะมันหมายถึงเครื่องยาสมุนไพร หมู = หญ้า

แห้วหมู เห็ด = ใบชุมเห็ด เป็ด = รากต้นตีนเป็ด ไก่ = ต้นประคำไก่....

สมัยประชาธิปไตยเบ่งบาน และประชาธิปไตยมีปัญหา คำว่าประชาธิปไตยก็เป็นที่มาของภาษาชวนหัวเหมือนกัน แจ้งข่าวดีล่วงหน้าเสียตั้งแต่

ตรงนี้คือผมหาทางลงได้แล้ว เคยเห็นเขาสัมภาษณ์คนที่มาชุมนุมว่าคุณป้ามาทำไมคะ...ป้ามาเรียกร้องประชาธิปไตย...ประชาธิปไตยคืออะไร

คะ...นายกต้องลาออกไปค่ะ...อีกหลายๆคำตอบก็ชวนให้ขำ เพราะที่เราเรียนมามันไม่ตรงกับของพ่อแม่พี่ป้าน้าอาที่มาชุมนุม ผมสัมผัสการ

เมืองการเลือกตั้งตั้งแต่เป็นเด็กไม่รู้ประสา ได้เก็บโต๊ะเรียนเพื่อให้ศาลาวัดนางชำเป็นที่เลือกตั้ง สมัยนั้นคนที่เป็น สส. จ.อ่างทองคือ พล.ต.

หลวงวิสิษฐ์ยุทธศาสตร์ แล้วก็มีการรัฐประหาร(อย่าเรียกปฏิวัติเพราะประเทศไทยมีการปฏิวัติครั้งเดียว24 มิ.ย.2475 โดย คณะราษฎร์) และ

จอมพลสฤษด์ ธนรัชต์ ยึดอำนาจในเวลาต่อมาฯ แล้วก็มาเลือกตั้งใหม่ ปี 2512 จนประชาธิปไตยมาเบ่งบานสุดๆ หลัง 14 ต.ค. 16 คำ

ถามมากมายที่ว่าประชาธิปไตยคืออะไร? วันหนึ่งผมได้ไปเข้าห้องน้ำของสถาบันแห่งหนึ่ง ผมปวดปัสสวะมาก จึงเข้าไปที่สำหรับปัสสวะของ

ผู้ชาย ขณะที่ผมกำลังปัสสวะนั้นผมเงยหน้าขึ้นไปพบข้อความที่เขียนด้วยลายมือบรรจงอย่างสวยงามว่า "ประชาธิปไตยอยู่ในมือของท่าน...ไม่

เชื่อลองก้มดูซี" ผมปฏิบัติตาม...ค่อยๆ ก้มลงดูช้าๆ และใคร่ครวญ ได้พบและได้เห็น ผมสุดจะดีใจ ประชาธิปไตยอยู่ในมือผมจริงๆ ผมพบแล้ว

และพบในขณะที่ผมหมดทุกข์เหลือแต่ความสุขเท่านั้น....ขอขอบคุณมากครับ....สวัสดีครับ

 

ที่ถูกถอดคือดาวพลูโตครับ เค้านับเป็นดาวเคราะแคระในปัจจุบัน
แต่ในทางโหราศาสตร์ เป็นระบบใหม่ของอาจารย์พลูหลวง ที่ใช้ดาวพลูโต ดาวเนปจูน และดาวเบงคัส ร่วมในการพยากรณ์ แต่ก็ไม่มีใครที่ใช้ระบบนี้ถอดออกจากการใช้งาน

ส่วนดาวราหู คือเงาของโลก เป็นจุดมืดครับ และไม่นับเป็นดาวในดาราศาสตร์แน่นอนอยู่แล้ว

ถ้าทางโหราศาสตร์ นับเงาของโลกเป็นดาว ต้องให้ความสำคัญแตกต่างจากดาราศาสตร์ครับ

ดาวราหูตามตำนาน กำเนิดจากผีโขมด จึงต้องเซ่นไหว้ เรื่องตำนานของดาว มีส่วนช่วยในการพยากรณ์ ทำให้ผู้เรียนจดจำได้ง่าย เรื่องเทวานพเคราะห์ จึงเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อเหตุผลดังกล่าวด้วยประการหนึ่งครับ

 

ขอโทษครับกำลังหาทางลง(จบ)เลยพลาด ถูกต้องครับ ดาวพลูโต ถูกถอดมาตั้งนานแล้ว(ค้นพบเมื่อ พ.ศ.2473) เดี๋ยวนี้เหลือดาวเคราะห์แค่

8 ดวง ขอโทษอีกครั้ง เพราะตอนนั้นกำลังคิดถึงส่วนที่ถูกตัดออกส่วนล่างของราหู ที่เป็นพระเกตุอยู่ ที่โหรไทยเพิ่งรู้หรือว่ารู้ช้าว่า ดาวพลูโต ถูก

ถอดออกนานแล้ว เพราะประเทศไทยเพิ่งเป็นสมาชิกเมื่อปี 2548 การเปลี่ยนแปลงของดาวพลูโต/พระยม/หรือยมฑูต จากดาวเคราะห์มาเป็น

ดาวเคราะห์น้อย หรือจาก Planet เป็น Asteriod มีผู้รู้บางท่านแสดงความเห็นไว้ว่าไม่(น่า)จะมีผลกับโหราศาสตร์ เพราะมันก็เป็นของมัน

(อย่างนี้)มานานแล้ว เป็นแต่เราที่เกิดที่หลังมันนับเป็นล้านๆ ปี ไปทึกทักเอาเอง

ขอแถมให้สมาชิกทราบอีกนิด ตามที่คุณหนุ่มทิพย์เคยสงสัยว่า ทำไมโหรสมัยก่อนดูแม่นมาก เช่นท่านโหราธิบดี ไม่เอาอะไรเลย เอาแค่จับยาม

เท่านั้น ทายได้แม้กระทั่งหนูที่อยู่ในที่ครอบมิดชิดได้ถูกต้องว่ามีกี่ตัว คุณหนุ่มทิพย์ฯเคยถามผม แต่ผมไม่ได้ตอบไป เพราะยังหาคำตอบแบบ

สมัยใหม่ตอบให้ไม่ได้ ผมเคยอ่านข้อความของคุณ BEE 15 ถ้าจำไม่ผิด เธอพูดทำนองว่า คุณหนุ่มทิพย์ดูได้แม่นยำ และเหมือนกับว่าเธอเชื่อ

ถือว่าไม่เหมือนหมอดูคนอื่น ผมก็เลยตามดูคุณหนุ่มทิพย์ฯเรื่อยมา จนเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้บอกกับคุณ วินัยฯไปว่า ถ้าคุณหนุ่ม

ทิพย์ฯ ยังทำนายทายทักโดยยึดหลักคุณธรรม สร้างความสบายใจให้กับคนที่ต้องการดู และไม่โลภเห็นกับลาภ และอามิส จะดูได้แม่นยำตลอด

ไป และถ้าทำด้วยกุศลจิตต์ เป็นสะพานบุญ ก็จะแม่นยำตลอดไป ใครลอง PM ไปถามคุณวินัยฯ ดูก็จะรู้ว่าผมพูดจริง ส่วนที่คุณหนุ่มทิพย์ฯ

สงสัยความแม่นยำของโหรสมัยก่อน จะตอบแบบผมที่เป็นคนชอบกีฬามวย ประมาณปี 2522 ผมได้ดูมวยคู่หยุดโลกคู่แรก คือ การชกระหว่าง

ซูกาเรย์ เลียวนาร์ด กับ โรเบอร์โต้ ดูรัน ขวัญใจของผม ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรก หลังการชกสิ้นสุดลง ดูรัน ประกาศลั่นว่า "นี่แหละคือมือ

อาชีพ" เพราะก่อนหน้าการชก ทุกสำนักใช้ข้อมูลเพียบ ทำนายว่า เลียวนาร์ด ชนะทั้งหมดทุกสำนัก แต่เลียวนาร์ด ณ วันนั้นเป็นแค่โหรใน

ตำรา หรือยังกอดตำราแบบมวยสมัครเล่น แต่ว่า ดูรัน เป็นมืออาชีพ ขอขอบคุณที่ท้วงมา ไม่อย่างนั้นจะพลาดอีกนาน พลาดแบบไม่รู้ตัวด้วย

ทั้งๆ ที่ผมก็เพิ่งเขียนถึงพระราหูไปเมื่อไม่นานมานี้ว่า ราหูคือพระราหู ไม่ใช่ดาวราหู แต่แทนดาวมฤตยูได้ หรือเป็นตัวแทนของความมืดหรือ

เงามืด ก่อนจะเขียนเรื่องการดูดวงจันทร์นี่เอง ไม่รู้ว่าเกิดเป็นแบบเดียวกับสวดมนต์ขาดสมาธิหรือเปล่า ขอขอบคุณมาก...สวัสดีครับ

ปล.บางอย่างผมก็ตามน้ำไปเรื่อยๆ เรื่องของโหรา ผมมีข้อสังเกตเป็นส่วนตัว(เพราะผมไม่มีความรู้พอ)อย่างเช่น ท่านโหราธิบดี ที่เราเรียกกัน

จากตำราบางที่ว่า"ตำราโหราทายหนู" อ่านในบางที่จะพบคำว่า พระยาโหราธิบดี ก็ผูกดวงชะตา แล้วจับยาม คำนวน คือไม่ใช่จับยามอย่าง

เดียว และจากการที่ท่านทำนายว่า จะเกิดไฟไหม้พระราชวัง ขอให้เตรียมการอพยพ ผมชอบวิธีแก้ไขของท่านคืออพยพ ไม่แนะนำให้ตัด

เวรแก้กรรมหรือทำบุญใหญ่ ผิดกับผู้หยั่งรู้ในปัจจุบัน มีวิธีแก้สารพัด สำหรับท่านโหราธิบดี ท่านใชวิธีแบบที่ผมเขียนหรือพูดบ่อยๆ ว่า รู้แล้ว

ทำอะไรได้ เมื่อรู้ว่าจะมีเกณฑ์ที่จะเกิดกับเจ้าของดวงชะตา อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด เพราะคำศัพท์ที่ใช้มันแปลว่าอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่

เราจะต้องมาตั้งหลักรับกับสิ่งที่จะเกิดอย่างมีสติและรอบคอบ อย่างที่ท่านโหราถวายคำแนะนำกับพระเจ้าปราสาททองฯ

 

สายข่าวรายงานว่า.....ตามรูป...

ใครอยู่ใกล้ร้านหนังสือ ก็ลองเปิดดู
ถ้าชอบก็ซื้อ....

แต่ผมไม่รู้เรื่องที่เค้าเอาไปลงขายนะครับ...

 

ดูหน้าปกให้ชัดกันกับเล่มที่ว่า

 

ไม่ทราบว่าพอศึกษาได้จากที่ไหนบ้างครับ อยากทราบนามเต็มๆ ท่าน
และหนังสือด้วยครับ..

 

อ.สถาพร มงคลวัจน์ ครับ ลองค้นหาบนกูเกิ้ลนะครับ หนังสือเล่มนั้นจำชื่อไม่ได้อีกต่างหาก
น้องที่เป็นลูกศิษย์ของท่านให้มา ตั้งแต่ช่วงปี 254xกว่า เป็นหนังสือบันทึกเล่าเรื่อง
และก็เขียนถึงการปฏิบัติธรรมของท่านด้วย(จะบอกว่าอ่านมันส์มากแต่หาหนังสือไม่เจอสักที)
น่าจะไม่มีพิมพ์จำหน่าย คงแจกกันอ่านในหมู่ลูกศิษย์ ปัจจุบันท่านบวชเป็นพระแล้ว

 

คุณทิพย์ผมได้รับของแล้ว ไม่ทราบว่าสีผึ้งและน้ำมันมีข้อห้ามอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ

 

1. น้ำมันฯ ถ้ายังอยู่ในหลอด ไม่เป็นไร แต่ถ้าเอาออกมาใช้งาน เช่นผสมหมึก-งา สักติดตัว ห้าม กินน้ำเต้า มะเฟือง ฝัก ฯลฯ และห้ามข้องกับหญิงมีประจำเดือน

2. สีผึ้งฯ เก็บไว้กับสถานที่จะปลอดภัย เปิดเมื่อใช้ ใช้เมื่อเปิด สีปากกันแตก
ทาแล้วอย่าไปด่าใคร อย่าไปแช่งใคร อย่าไปเหน็บแนม อย่าไปเพ้อเจ้อ อย่าไปหยาบคาย อย่าไปหลอกลวง
ชุดเก่าของหลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ ท่านฯห้ามนำตลับสีผึ้งเข้าห้องน้ำ
แต่พี่นิ่มเว้นไว้ว่า หากเผลอไม่เป็นไร หากไม่เผลอก็อย่าเอาเข้าไป

ถ้าจะติดต่อการงาน จีบสาว เข้าพจญ ก็น่าจะมีวิธีใช้อยู่ เช่นตอนเลือกนิ้วถูปากให้ถูกการณ์ แต่ผมใช้สีผึ้งไม่เก่ง ใช้เป็นแต่จีบสาว

เวลาใช้สีผึ้งจีบสาว ให้เอานิ้วนางป้ายสีผึ้งมาทาที่ปาก เสร็จแล้วเอาปากที่เปื้อนสีผึ้งไปทาที่ริมฝีปากสาว แค่นั้น

 

ได้รับแล้วครับ มีของแถมเพิ่มมาด้วย
ขอบคุณครับ

 

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ..

 

สวัสดีครับ พี่หนุ่มทิพย์

ขอแจ้งการโอนเงิน ค่าสีผึ้งครับผม..
ยอดโอน 301 บาท วันที่ 23/12/56 เวลา 10.57 น. ครับ..

 

แจ้งโอนครับ ลำดับที่ 73 ที่จองสีผึ้งเพิ่ม 2 ตลับ
26/12/56 เวลา 17.04 น. โอนจำนวน 600.05 บาท ทางตู้ไทยพาณิชย์ ครับ

 

ได้รับของแล้วครบถ้วนสมบูรณ์ ขอบคุณค่ะ