เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ทันเวลา นัดวันแล้วโทรมานะครับ

 

ได้รับพระแล้ว รูปเหมือนหลวงพ่อทองหยิบอุดเกศา+ของแถม
รูปเหมือนหลวงพ่อทองหยิบ เป็นเนื้ออะไรครับ เหมือนไม่ใช่ทองแดง
สีผิวเหมือนทองแดงอมดำ

 

ถามงง ครับ
จริงๆแล้วเป็นเนื้ออมดำ


เหรียญสมัยปัจจุบัน คุณภาพเหรียญจะสู้สมัยก่อนไม่ได้
สมัยก่อนใช้ทองแดงเถื่อน คุณภาพจะดีกว่า แต่ต้นทุนแพงกว่า

ตอนนี้ผมยุพี่นิ่ม ให้ใช้ทองแดงเถื่อนทำเนื้อโลหะ
จะได้ของคุณภาพดี สีสวย และไม่ให้อม
เพราะถ้าอม เกิดอมไม่ดี จะดำไม่สวย
ใครไม่รู้ จะไม่คิดว่าเป็นเนื้อทองแดง เพราะจะเหมือนทองแดง อม

 

ผมว่างวันเสาร์ครึ่งวัน อาทิตย์เต็มวัน
เพื่อนสมาชิกท่านใด สนใจจะมารับที่เซ็นทรัลบางนา ก็ขอให้นัดมาให้พร้อมกัน

เพื่อนสมาชิกทุกท่านจะได้มีโอกาสเลี้ยงน้ำชาผม (เลิกกาแฟแล้ว ใจมันสั่น)

แต่พรุ่งนี้ช่วงเช้า ผมไม่ว่าง พี่นิ่มโทรฯตามตัวไปรับพระฯ แกว่า
"หนุ่มทิพย์... พรุ่งนี้เอาปืนมาด้วย พี่จะให้พระฯ ถ้ารับพระฯจากมือพี่แล้วยิงออก ไม่ต้องมานับถือกัน ให้รีบมาเอาไป ได้ไปแล้วจะเอาไปให้ใครลองต่อก็ได้"

ผมมีแต่หนังสติก เลยต้องวานให้มือปืนติดรถไปด้วย ใครอยากได้ฟรี ก็มาด้วยกัน มาเป็นพยาน

 

พี่หนุ่มอย่าลืมผ้ายันต์ที่จะแถมกะหลวงปู่ทวดนะครับ
ผมขอทวงกลัวพี่ลืม

 

เกือบทุกครั้ง ที่ไปดูว่าพ่อตายังดำรงชีวิตอยู่หรือไม่ จะต้องผ่านศาลเสด็จกรมหลวงชุมพร ที่นครสวรรค์ และผมถือเป็นจุดที่ต้องหยุด เพื่อทำการถวายการสักการะ หรือหากเร่งด่วน ก็จะถวายเสียแตรรถยนต์แทน
ทุกวันที่ 19 ของเดือนธันวาคม จะเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระองค์เจ้าอาภากร

เห็นเป็นโอกาส จึงขอรำลึกถึงพระองค์ท่านฯ
ด้วยว่าตัว ก็เคยวิ่งเล่นในฐานทัพเรือสัตหีบ กินข้าวหลวงนอนบ้านราชฯ และรักดอกประดู่

....เอาเรื่องเล่าก่อนแล้วกัน ถ้าว่างกว่านี้ จะทยอยค้นมาให้อ่านกัน ....

<TABLE height=1155 width="91%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="69%">ประไพศรี เลิศบรรณพงษ์

​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="69%">

ดิฉัน นางประไพศรี เลิศบรรณพงษ์ ปัจจุบันเป็น กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ที.เอฟ.เอนเตอร์ไพรส์จำกัด ตั้งอยู่ เลขที่ ๑๒/๖ ซอยพร้อมมิตร สุขุมวิท ๓๙ กรุงเทพฯ

ขอถ่ายทอดประสบการณ์ ครั้งหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่ ดิฉันได้ รับบารมีของ ของพลเรือเอก พระเจ้า บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า อาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวง ชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ซึ่งดิฉัน ขออนุญาต เรียกตาม ความ นับถือ ของดิฉันว่า "เสด็จพ่อ กรมหลวงชุมพร ฯ" โดยขอ ลำดับเรื่องดังนี้


​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=870>

เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๑ ขณะที่น้องป้อ ลูกชายของดิฉัน อายุ ๘ ขวบ ศึกษาอยู่ ชั้นประถมปีที่ ๓ โรงเรียนอัญสัมชัญ กรุงเทพฯ เกิดป่วย ตามร่างกาย จึงพาไปรักษา ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แพทย์ แจ้งว่าเป็นโรค เกี่ยวกับเลือด กล่าวคือจำนวนเกล็ดเลือด จะทดแทน เกล็ดเลือด ที่สูญเสียไป น้องป้อรักษาอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ อยู่ ระยะหนึ่ง แต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้งสุดท้ายเกล็ดเลือดเหลือเพียง ๖,๐๐๐Cell/Cumm.


ดิฉัน จึงตัดสินใจพาไปรักษาที่โรงพยาบาล รามาธิบดี โดยมีแพทย์หญิง พงศ์จันทร์ หัตถีรัตน์ เป็นคุณหมอ เจ้าของไข้ หลังจากทำการตรวจ อย่าง ละเอียด คุณหมอฯ แจ้งให้ ดิฉันทราบว่า น้องป๋อ เป็นโรค ไขกระดูกฝ่อ (APLASTIC ANEMLA) โดยอธิบายให้ดิฉันเข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่าเป็นโรค ที่ไขกระดูกไม่ผลิต เลือดมาเลี้ยง ร่างกาย นอกจากนั้น คุณหมอฯ ยังได้ อธิบายและ แนะนำดิฉันถึงวิธีการดูแล ลูกชายอย่าง ละเอียด เพราะโรคนี้ ต้องมีวิธี การดูแลเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อป้องกัน โรคแทรกซ้อน ตัวอย่างเช่น อาหารและเครื่องดื่ม ต้องปรุงอย่างปลอดเชื้อ ฯลฯ นอกจากนี้ คุณหมอฯ ยังได้กำชับให้ดิแันพาลูกมาตรวจรักษา อย่างต่อเนื่องตาม ขั้นตอน กล่าวคือ ต้องมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ทุกสัปดาห์ และ รับการเปลี่ยน ถ่ายเลือด ซึ่งเรื่องเลือดก็เป็นปัญหาใหญ่ สำหรับ น้องป้อ เพราะน้องป้อ มีเลือด เป็น กรุ๊ป B Rh+ ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่ ค่อนข้างหายาก ทาง โรงพยาบาลก็ได้ขอไปตาม หน่วยราชการต่างๆ ดิฉันก็ไปขอที่โรงเรียน อัญสัมชัญ กรุงเทพฯ ก็พอที่จะช่วยรักษา น้องป๋อในช่วงเวลานั้นได้

ต่อมาอาการของน้องป้อกลับแย่ลงไปอีก เนื่องจากน้องป้อ ติดเชื้อบิด ถ่ายเป็น มูกเลือดตลอดเวลา มีไข้สูงมาก ต้องลดไข้ด้วย การนอน บนเตียง น้ำแข็ง ณ ขณะนั้น ตัวดิฉันเองก็มีสภาพแย่มาก เนื่องจากต้องดูแลพยาบาล น้องป้อตลอดวัน ตลอดคืน โดยเฉพาะ สภาพจิตใจ ดิฉันจึงได้อาราธนา เหรียญเสด็จ พ่อกรมหลวง ชุมพรฯ ที่ได้รับจาก พันเอก แสง จุลจารึก ซึ่งเป็นเหรียญทรงรูปไข่ ด้านหนึ่ง เป็นพระบรมรูป ของ พระบามสมเด็จ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ อีกด้านหนึ่ง เป็นพระรูป ของ เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ ดิฉันได้ตั้งจิต อธิษฐาน แล้วนำ เหรียญมา บูชาไว้ ใต้หมอนที่น้องป๋อ นอนรักษาตัวอยู่ คุณหมอยังคงรักษา ด้วย การถ่ายเลือด และ รักษา โรคบิดไปพร้อม ๆ กัน แต่อาการน้องป้อ ก็ยังไม่ดีขึ้น จนคุณหมอ เห็นว่า อาการน่าเป็นห่วง จึงให้ น้องป๋อเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู ซึ่งในขณะ เปลี่ยนเตียง ตัวดิฉันเอง ซึ่งขณะนั้น อ่อนเพลียและ เป็นกังวล ในอาการของน้องป้อ มาก ก็เลยไม่ได้ สนใจ ช่วงที่ พยาบาล เปลี่ยน เตียงเปลี่ยนหมอน เมื่อน้องป้อไป อยู่ที่ห้อง ไอ.ซี.ยู แล้วจึงนึก ได้ว่า ลืมเหรียญของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ ที่อยู่ใต้หมอน ดิฉันจึงรีบ กลับ ไปดูที่เตียงลูกเดิม ปรากฏไม่พบ ดิฉันจึงขออนุญาต คุณหมอ ไปดูที่เตียง ที่ห้อง ไอ.ซี.ยู ปรากฏว่าอยู่ที่ใต้หมอนใหม่ที่พยาบาล เปลี่ยนให้ก็อุ่นใจ

ต่อมาขณะที่ดิฉันและลูกสาวคนโตนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไอ.ซี.ยู ก็ได้ยิน เสียงดนตรีไทยลอยตามลมมา ดิฉันคิดว่าดิฉันจะหูฝาดไป แต่ลูกสาวที่นั่ง อยู่ข้าง ๆ กลับถามดิฉันว่า คุณแม่ได้ยินเสียงดนตรีไทยหรือเปล่า ดิฉันจึง มั่นใจว่าดิฉันไม่ได้ หูฝาด และตอบลูกสาวว่าแม่ก็ได้ยินเหมือนกัน ขณะ เดียวกันน้องป้อ ซึ่งอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู ก็เพ้อ ซึ่งดิฉันได้ยินว่า "คุณแม่ เครื่องสาย ดนตรีไทยมารับน้องป๋อแล้ว น้องป๋อจะไปแล้ว คุณแม่มานั่ง ทับน้องป๋อทำไม" ซึ่งดิฉันทั้งตกใจและแปลกใจ เพราะน้องป้อเรียนอยู่ชั้น ประถม ๓ และดิฉัน ก็ไม่เคยได้ยินน้องป๋อพูดเรื่องเครื่อง สายดนตรีไทย มาก่อน จึงไม่น่า จะเป็นไปได้ ที่น้องป้อจะรู้จักจนนำมาเพ้อได้ ลูกสาวของ ดิฉันเมื่อได้ยินเสียงน้องป้อเพ้อ จึงตกใจมาก และร้องขอให้ดิฉันขอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอน้องป้อไว้ อย่าให้น้องป้อไป ซึ่งดิฉันก็นึกถึงบารมีของ เสด็จพ่อ กรมหลวงชุมพร ฯ ขอพระองค์ทรงคุ้มครอง น้องป้อด้วย

ต่อมาในช่วงเย็น คุณหมอพงศ์จันทร์ ฯ และคณะแพทย์ ๔-๕ คน ก็มาดู อาการของน้องป้อและบอกดิฉันว่า แพทย์ทุกคนพยายามอย่างดี ที่สุดแล้ว แต่อาการของน้องป้อแย่มาก น้องป้อไม่มีภูมิต้านทานโรคเลย ร่างกายไม่มี ปฏิกิริยากับการรักษา ภายในช่องท้องของน้องป้อเมื่อกดลงไป ก็มีแต่เลือดเต็ม ไปหมด (เลือดไม่เกาะตัว) คุณหมอขอให้ดิฉันทำใจและแนะนำให้พักผ่อน โดยให้ รับประทานยานอนหลับ ขณะนั้นดิฉันไม่ทราบว่าจะทำอะไร อย่างไร นึกขึ้นได้ว่าที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี มีศาชของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรฯ อยู่ศาลหนึ่ง ดิฉัน จึงวิ่งลงไปที่ศาลของพระองค์ท่าน ดิฉันไปกราบสักการะท่าน และอธิษฐาน โดยพูดคนเดียวว่า "เสด็จพ่อ ฯ ลูกสื่อความหมายกับคนที่จะมารับลูกชายของลูก ไม่ได้ ลูกขอให้เสด็จพ่อ ฯ ช่วยบอกเค้าด้วยว่า ลูกไม่ให้เค้าเอาลูกชายไป ลูกจะ ทำทุกอย่างที่เค้าต้องการ ลูกจะบวชชีให้ และลูกจะเป็นคนดีจะอบรมให้ลูกชาย เป็นคนดี ลูกชายยังเล็กอยู่ ถ้าลูกชายหายแล้ว พออายุ ๒๐ ปี ลูกจะให้ลูกชายบวช ให้เจ้ากรมนายเวร และทำบุญทำกุศลตลอดไป" เมื่ออธิษฐานเสร็จ ดิฉันก็หันไป เจอตุ่มน้ำเล็ก ๆ ข้างศาล ดิฉันก็อธิษฐานว่า "น้ำในตุ่มขอให้เป็นน้ำมนต์ของ เสด็จพ่อ ฯ ลูกจะนำไปไล่คนที่จะมาเอาตัวลูกชายของลูกไป" ดิฉันตักน้ำไป ๑ แก้ว แล้วกลับมาที่ห้อง ไอ.ซี.ยู ขออนุญาตคุณหมอและพยาบาลที่เฝ้าอยู่ก่อน นำน้ำมนต์แก้วนั้นสาดไปที่ประตูหน้าต่าง ปากก็พูดไล่ให้ออกไปให้หมด ไม่ให้เอา ลูกชายของดิฉันไป โดยคุณหมอและพยาบาล ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคงเห็นใจ ดิฉัน

เหมือนปาฏิหาริย์ เช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีนายสิบทหารบกท่านหนึ่ง ชื่อ พีรยุทธ์ บุญเกษม (แจ้งว่า สังกัด กรมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ โรงพยาบาลเคยขอเลือดกรุ๊ป B Rh+ ไป แต่ทหารท่านนี้ ดิฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน) มาขอพบดิฉัน บอกว่ามาจากนครนายก จะมาให้เลือดลูกชายดิฉัน เพราะมีเลือด กรุ๊ปเดียวกัน ดิฉันสงสัยว่าคุณพีรยุทธ์ ฯ ทราบได้อย่างไร ทำไมถึงมาให้ เลือดวันนี้ จึงถามคุณพีรยุทธ์ ฯ ซึ่งได้รับคำตอบเพียงว่า มีคนบอกให้มา เขาต้องมา

สำหรับการให้เลือดครั้งนี้ คุณหมอบอกว่าจะให้เลือดแบบปกติไม่ได้ ต้องให้ พลาสมา คือให้เกล็ดเลือด วิธีการก็คือ ต้องดูดเลือดจากแขนข้างหนึ่ง แล้วเอาแต่ เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดขาวแล้วคืนเม็ดเลือดแดงเข้าแขนอีกข้างหนึ่ง ซึ่งคุณพีรยุทธ์ ฯ ก็ยินดีที่จะให้ และเป็นโชคดีของน้องป้อที่คุณพีรยุทธ์ ฯ สามารถให้ เลือดโดยวิธีดังกล่าวได้ เพราะวิธีการนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคน ที่มีความประสงค์จะให้เลือดจะ สามารถทำได้

ดิฉันพยายามจะหาทางตอบแทนบุญคุณของคุณพีรยุทธ์ ฯ ที่มีต่อลูกชายดิฉัน โดยขอร้องให้คุณพีรยุทธ์ฯ รับเงินเป็นค่าตอบแทนบ้าง แต่คุณพีรยุทธ์ ฯ ไม่ขอรับสิ่ง ตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ค่ารถ เพื่อใช้ ในการเดินทาง บอกว่าขอให้เก็บไว้ทำบุญ หลังจากให้เลือดเสร็จ คุณพีรยุทธ์ ฯ ก็พูดกับดิฉันว่าขอไปดูเด็กมีบุญคนนี้หน่อย หลังจากได้ไปดูลูกชายดิฉันแล้ว คุณพีรยุทธ์ ฯ ก็เดินทางกลับ และหลังจากนั้นดิฉัน ก็ไม่ได้พบกับคุณพีรยุทธ์ ฯ อีกเลย จนเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒ จึงได้พบกันอีก)

หลังจากได้รับเกล็ดเลือดจากคุณพีรยุทธ์ ฯ แล้ว คณะแพทย์ ฯ ก็สามารถรักษา น้องป้อจนหายดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งนายแพทย์ จิตติวัฒน์ (ไม่ทราบ นามสกุล) หนึ่งในคณะแพทย์ที่ทำการรักษาน้องป้อ ยังพูดกับดิฉัน (เมื่อพบคุณหมอ ในระหว่างที่ดิฉันไปถวายสักการะ เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ เพื่อกราบสำนึกในพระ กรุณาของพระองค์ท่านที่ศาล) ว่า "ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะขนาดคนธรรมดา ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเลือด แต่เป็นบิดยังรักษายาก นี่เป็นโรคเลือดไม่มีภูมิต้านทานยัง รักษาให้หายได้" ซึ่งคุณหมอท่านนี้ขณะนี้ยังประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี หลังจากนั้นดิฉันและน้องป้อก็ได้ปฏิบัติตามที่ได้อธิษฐานถวายเสด็จพ่อกรมหลวง ชุมพรฯ ไว้อย่างเคร่งครัด โดยดิฉันได้บวชชีรักษาศีล ๘ ที่วัดรามโกมุท บางแสน จังหวัดชลบุรี ส่วนลูกชาย เมื่อจบปริญญาตรีแล้ว ก็ได้บวชที่วัดยาง ซอยอ่อนนุช พระโขนง กรุงเทพฯ และปฏิบัติตนเป็นคนดีมาโดยตลอด

สำหรับคุณพีรยุทธ์ ฯ นั้นหลังจากที่ได้มาให้เลือดเมื่อคราวนั้นแล้ว ดิฉันไม่ได้ พบกับเขาอีกเลย จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๒ ดิฉันรู้จักกับนายทหารบก ท่านหนึ่งที่เป็น ผู้บังคับหน่วยของ ปตอ. สืบเนื่องมาจากที่ดิฉันได้สำนึก ในบุญคุณของทหารหน่วยนี้ ที่ได้มีส่วนช่วยให้เลือดแก่ลูกชายดิฉัน จึงได้มอบทุน การศึกษาให้กับลูกหลานของ ข้าราชการหน่วยนี้ทุกปี นายทหารบกท่านนั้น ได้ช่วยดิฉันสืบหาคุณพีรยุทธ์ฯ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการพบในครั้งนี้ ดิฉันก็ได้พยายาม สอบถามถึงเรื่องที่ดิฉันยังสงสัย อยู่ว่าทำไมคุณพีรยุทธ์ ฯ ถึงมาให้เลือดกับ น้องป้อในวันนั้น แต่คุณพีรยุทธ์ ฯ ยังคง ให้คำตอบเช่นเดิม คือ "มีคนบอกให้มา ผมต้องมา" และบอกต่อ ว่าเขายังไม่หมด หน้าที่ที่ยังต้องมาหาดิฉันอีก หลังจากนั้นใน พ.ศ.๒๕๔๓ ขณะที่น้องป้อ อายุได้ ๒๐ ปี คุณพีรยุทธ์ ฯ ได้มาพบดิฉันอีกครั้ง โดยนำ เหรียญของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ มามอบให้ดิฉัน โดยบอกว่า เป็นเหรียญเก่าแก่ที่ญาติผู้ใหญ่มอบไว้ให้ เขาแบ่งมาให้ ดิฉัน ๑ เหรียญ ไว้บูชา เขานับถือพระองค์ท่านมาก และบอกอีกว่า เขาหมดหน้าที่ แล้ว เมื่อดิฉัน นำเหรียญมาดูพบว่าเป็นเหรียญ รุ่น พ.ศ.๒๔๖๖ ที่แจกในงานพระราชทาน เพลิงศพ พระองค์ท่านที่ท้องสนามหลวง

เมื่อดิฉันได้ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ดิฉันมั่นใจว่า ที่น้องป้อ ลูกชายของดิฉัน หายป่วยในครั้งนี้ เป็นปาฏิหาริย์ของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ ที่ประทานชีวิต น้องป้อกลับมาให้ดิฉัน ดังคำที่ดิฉันได้อธิษฐานขอ นี่คือเรื่องจริง และดิฉันได้ ประสบมาด้วยตัวดิฉันเอง ถ้าไม่ได้เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ แสดงอภินิหารและ ปาฏิหาริย์ ช่วยแล้ว จะเรียกว่าอะไร ดิฉันและลูกชาย จะขอเทิดทูนพระคุณของ พระองค์​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

.......................................

ทั่วพระวรกายของพระองค์เจ้าฯ มีรอยสักอยู่ทั่วไปหมด พระเจ้าแผ่นดิน(ร.๕) ทรงตรัสถามว่า "เหลือแต่ลูกตา ทำไมไม่สักเล่า"
พระองค์เจ้าฯ ทูลตอบว่า "หากสักแล้วตาไม่บอด ก็จะสัก"

หนุมาน, ลิงลม(บริเวณพระชงฆ์ เพื่อเดินเร็ว), มังกร (เลื่อยพันบริเวณแขน), อักขระ(บริเวณข้อนิ้ว เพื่อชกต่อยหนัก)

แต่ที่พระอุระ พระองค์ท่านมิได้สักเพื่อเวทย์ แต่สักเพื่อระฤกถึงเหตุการณ์บ้านเมืองเสียดินแดน “ร.ศ. 112 ตราด” ในเหตุการณ์ ที่ฝรั่งเศส ส่งเรือรบมาปิดปากอ่าวไทย

หนุ่มทิพย์/numthip ขอเทิดทูลพระองค์ท่านฯ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=DE9ZfolpDtw"]เดินหน้า - ทหารเรือ - YouTube[/ame]
เนื้อร้อง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ *

 

ผมได้รับพระแล้วครับพี่


ขอบคุญครับ

 

คุณ ammlap พัสดุตีกลับครับ
ส่งที่อยู่มาใหม่

.................

พี่ศิริวิทย์ ออนไลน์อยู่
รบกวนส่งที่อยู่ช่างมีดให้ผมด้วยครับ

...............

 

ขอโทษครับ พอดีเพิ่งได้เข้ากรุงเทพ วัตถุมงคลที่ผมจองไว้ คือ

ปิดตาทรงเมตตา สีเทา 5 องค์ ปิดทอง 3 องค์
แก้วเพชรหลีก สีเทา 5 องค์
<Oมงคลมหาอุจ สีเทา 2 องค์<O
เหรียญคุ้มภัย 2 เหรียญ<O

วันนี้ได้โอนแล้วตามที่โพสนี้ครับ

พอดีเห็นมีเนื้อชานหมาก จึงขอเพิ่ม
มงคลมหาอุจ ชานหมาก 2 องค์ครับ
โอนเมื่อครู่ ตามที่โพสนี้ครับ

ที่อยู่ตามPM ครับ

 

ส่งรูปไม่ได้ครับขอส่งใหม่

 

ส่งไม่ไปขอลองอีกครั้งครับ

ไม่มีรูปไปอีก.... ขอแจ้งรายละเอียดแทนนะครับ
โอนวันนี้ เวลา 12.52 น จำนวน 4,000 บาท เพื่อชำระที่จองไว้เดิม
และโอนวันนี้อีก 600 บาท เวลา 15.54 น. สำหรับพระมงคลมหาอุจ เนื้อชานหมาก 2 องค์ครับ

 

ภาพไม่ขึ้นแต่เมื่อวานแล้วครับ
เป็นที่ระบบ

หากต้องการโชว์ภาพ ต้องไปฝากรูปเวปอื่น แล้วก๊อปมา
แต่จริงๆแล้ว แค่ให้รายละเอียดก็พอครับ ผมตรวจสอบได้

ขอบคุณครับ

 

พี่ทิพย์ครับ

เหนื่อยหน่อย ปวดหัวหน่อย ยุ่งยากหน่อย แต่ขอให้สู้เพื่องานบุญครับ อนุโมทนาสาธุครับ

ผมได้รับพระแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

 

เป็นคนของประชาชน ลูกบ้านเชิญไปงานเลี้ยง
ไว้ดึกๆ จะเข้ามาเล่า.....

 

สวัสดีครับพี่ทิพย์ เดี๋ยววันที่28 ผมเข้าไปรับพระน่ะครับพี่ส่งข่าวบอกพี่ก่อนครับเดี๋ยวผมโทรหาพี่อีกที่ครับ

 

ผ้ายันต์ 1ผืน ทุกท่าน
เช็คพัสดุก่อนปิดผนึกทุกกล่อง ทุกซอง


1.wishmaker ทรงเมตตา 2 แก้วเพชรหลีก 1
rf999142491th

2.เส้นขอบฟ้า ทรงเมตตา 10
rf999142559th

3.วิชาญ ทรงเมตตา 6
นัดรับเซ็นทรัล



4.bee15 ทรงเมตตา 3 แก้วเพชรหลีก 2
rf999142531th

5.pakatu ทรงเมตตา 5
rf999142531th

6.นว ทรงเมตตา 3 แก้วเพชรหลีก 2
rf999142528th

7.หัสดา (นิสิตพันธุ์) ทรงเมตตา 1 แก้วเพชรหลีก 1 มงคลมหาอุจจ์ 1
rf99914248th

8.Ton_PB ทรงเมตตา 1
rf999142505th

9.logono ทรงเมตตา 1
rf999142514th

.......................................

 

หนังสือ “พระประวัติพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พลเรือเอกกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” เขียนโดย ชัยมงคล อุดมทรัพย์ มีใจความว่า

คราเมื่อกรมหลวงชุมพรฯ ได้กลับจากการเรียนวิชากับหลวงปู่ศุขมาใหม่ ๆ ได้มีบัญชาให้หม่อมทุกคน (ที่เคยมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า กับเสด็จในกรมจำนวน 8 คน ดังปรากฏรายนามตามลายเซ็นในสมุดเยี่ยมของขุนเธียรแพทย์) มารวมกันแล้วให้หาขวดโหลใส่น้ำสะอาดมาใบหนึ่ง ครั้นแล้วสั่งให้หม่อมทุกคนหลับตาและกลั้นลมหายใจจนเต็มกลั้น แล้วจึงลืมตาขึ้นมาใหม่ หม่อมทุกคนจึงได้เห็นต่อหน้าต่อตาว่า พระองค์ประทับทรงพระสรวลอยู่ภายในขวดโหลนั้นอย่างสำราญพระอารมณ์

เมื่อหม่อมทั้ง 8 ได้อึดใจอีกครั้งหนึ่งและหลับตาลงพร้อมกันอีกครั้ง ต่างก็ได้เห็นเสด็จในกรมทรงออกมายืนอยู่ข้างโต๊ะที่วางขวดโหลเป็นร่างปกติพร้อมกันนั้นตรัสว่า “เป็นวิชาที่เรียนมาจากหลวงพ่อศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า"

พระอาจารย์ที่เสด็จฯ เดินทางไปกราบฝากตัวนั้น มีหลายองค์ ดังเช่น หลวงปู่ดำ ภูเก็ต, หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ, หลวงปู่ศุข วัดอู่ทอง อยู่ที่ปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน, หลวงพ่อจร วัดดอนรวบ, หลวงพ่อเจียม ชลบุรี, หลวงพ่อพุ่มวัดบางโคล่นอก,หลวงพ่อเขียว วัดเครือวัลย์, หลวงปู่ขัน วัดนกกระจาบ ฯลฯ
แต่เฉพาะที่หลวงปู่ศุขแนะนำ ให้ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติม จำได้ว่ามีเพียง 2 รูป คือหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ซึ่ง ทั้งสามรูปหลังนี้ มีความผูกพันกันมาก แม้แต่หม่อมของพระองค์ท่านฯ ก็ยังส่งไปบวชเณรอยู่กับหลวงพ่อพริ้ง ถึง 3 พระองค์ <O</O

 

เมื่อเช้า พี่นิ่มโทรมาคุยด้วย ผมก็ขออนุญาตเอาพระฯที่พี่นิ่มให้มา(เนื้อชานหมาก) ออกจำหน่าย ว่าจะหาทุนให้เป็นค่าน้ำมันรถให้พี่นิ่ม แกก็ร้องเฮ้ย! บอกไม่ได้ ประเดี๋ยวเสียคน "ให้หนุ่มทิพย์ขายหาทุนไปเถอะ พี่ไม่เอา"

ผมก็ว่า งั้นผมเอาเอง แต่เวลาพี่เดินทางไปไหน ผมเติมน้ำมันให้นะ ขอสร้างบารมีร่วมกัน
ได้เป็นทีแล้ว ก็ถามว่า พี่มีเนื้อนี้กี่องค์ แกก็ว่าขอนึกก่อน แล้วก็ไล่ไปไล่มา บอกว่าไม่ถึงพัน ประมาณ 800 องค์ แล้วก็แจก แจก เหลือติดตัว 300 องค์ ผมก็ว่าดีแล้ว

ถามว่ามีแค่ชานหมากหลวงปู่ผาด เท่านั้นหรือ
พี่นิ่มว่า พระทุกรูปที่ฉันหมาก พี่แกเอามาได้หมด มีตั้งแต่ยาเส้นหลวงพ่อคูณ สมัยที่ไปกินไปนอนอยู่กับท่าน (2530-2532) วัดบ้านไร่ มีกฎิหลังเดียว สมัยที่ผู้ใหญ่แดงยังตัวเล็กๆ (ตอนนี้ให้ไปดูใหม่)

ชานหมากญาท่านสวน, หลวงปู่คร่ำ, หลวงปู่นิล, หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา ฯลฯ

ผมว่าเนื้อสวยนะ แต่ตะกรุดที่บรรจุด้านหลัง ไม่มีข้อมูล พี่นิ่มก็ไม่รู้ เพราะหลวงปู่ผาด ท่านหยิบให้มา

 

เล่าเรื่องที่ได้ลูกอมหลวงพ่อพริ้งมา ว่าถ้าเพื่อนสมาชิกไม่ศึกษามาดี ก็จะให้พี่นิ่ม เอาไปทำพระฯ

 

รอร่วมบุญด้วยครับพี่ทิพย์