บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เรื่องเล่าจากผู้มีญาณท่านหนึ่งค่ะ อ่านเล่นเป็นนิทานนะคะ

    สุคัณฑราปักษา ณ ป่าหิมพานต์

    สุคัณฑราปักษา ปฏิบัติเหมือนฤาษีในป่า ชอบช่วยเหลือคนและสัตว์

    มีสองร่าง แบ่งภาคได้ บางครั้งก็มีสามพันมือ เป็นโพธิสัตย์บำเพ็ญเพียร

    บางครั้งก็บินได้ เดินได้เหนือผิวน้ำ เหาะได้ นิสัยส่วนตัวคือ ยอมอดเพื่อให้สิงสาราสัตว์อิ่ม
    มีนางเงือกเป็นบริวาร มีวานรเป็นเพื่อน ไม่ชอบสุงสิงกับมนุษย์ ชอบปิดวาจา แต่ใช้ใจในการบำเพ็ญเพียร ภาวนา
    มุดดินได้เป็นหลายร้อยเมตรในแต่ละนาที มีหน้าที่กำจัดเทวมาร

    เวลาที่เหาะได้ ลำตัวจะยาวเหมือนพญานาค พญานาคจะชอบเอาลูกแก้วและเพชรนิลจินดามาให้ทุกวันโกน และ วันพระ

    เป็นผู้มีบารมี ณ ตอนนี้แยกร่างได้ คอยคุ้มครองโลก เป็น บรมโพธิสัตย์ คอยคุ้มครองคนดีและสิงสาราสัตว์

    ........จบค่ะ........ (เรื่องย่อ)
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีคนอยากรู้หรือไม่อยากรู้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ว่าเราอยากเล่า อิอิ

    เมื่อเช้าเพื่อนถามว่า เรายังมีอิตถีภาวะ ปุริสภาวะอยู่หรือเปล่า?
    เราตอบไปว่าเราไม่มีภาวะวิถีแล้ว ตอบไปโดยไม่คิดเลยค่ะ เป็นอัตโนมัติจริงๆ
    ตอนนั้นในจิตบอกว่าในเมื่อไม่มีรูปนาม แล้วจะมีอิตถีภาวะ ปุริสภาวะได้ไง
    แล้วเราก็พูดต่อไปว่า รูปนามไม่มีอยู่จริง มีแต่ของปลอม
    พอพูดถึงรูปนามว่าไม่มีอยู่จริงปุ๊บ ก็ผุดคำว่า"นิสสรณะ"ขึ้นมาในจิตเลยค่ะ
    อ้าวๆ แล้วนิสสรณะหมายถึงอะไรล่ะ?
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คืนนี้คงจะต้องพิจารณากันยาวเลยค่ะ เพราะแค่มองผ่านๆ คำว่า นิสสรณะ มีความหมายว่า ทางออก ทางรอด ภาวะหลุดรอดปลอดพ้น

    เป็นเรื่องของการโยนิโสมนสิการ 10 แบบ

    อืม...ท่านคงมายืนยันว่าสิ่งที่เรากล่าวออกไปนั้น เป็นวิธีหนึ่งของการโยนิโสมนสิการแบบคุณโทษและทางออก คำว่า "นิสสรณะ" จึงผุดขึ้นมา
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ว่าจะตัดตอนมาก็อาจจะโดนตำหนิว่าตัดต่อธรรม ดังนั้นขอยกมาทั้งหมดเลยแล้วกันนะคะ

    นิทเทศแห่งมัคคอริยสัจ

    นิเทศ ๑๔ ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ
    (มี ๗๗ เรื่อง)
    หมวด ง. ว่าด้วย หลักการปฏิบัติ ของสัมมาทิฏฐิิ
    อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของเวทนา
    (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของเวทนา : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ)

    ภิกษุ ท ! อะไร เป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ?

    (ก) ภิกษุ ท ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและสงัดจาก อกุศลธรรม
    ทั้งหลาย ย่อมบรรลุ ฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดแต่วิเวกแล้วแล
    อยู่. ภิกษุ ท ! ในสมัยใด ภิกษุ เพราะ เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรม
    ทั้งหลาย ย่อมบรรลุ ฌานที่หนึ่ง.....นั้นแล้วแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอย่อมไม่คิดแม้
    ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่จะให้เกิดความ
    เดือดร้อนแก่ผู้อื่น, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่จะให้เกิดความเดือดร้อนตนเองและผู้อื่น
    ทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย.
    ภิกษุ ท ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความ
    เดือดร้อนแกผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    (ข) ภิกษุ ท ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌาน
    ที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ ไม่มี
    วิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท ! ในสมัยใด ภิกษุ,
    เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุ ฌานที่สอง.....นั้นแล้วแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอ
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่
    จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่จะให้เกิดความเดือดร้อน
    ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความ
    เดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย
    ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแกผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    (ค) ภิกษุ ท ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่ง ปีติ เป็นผู้อยู่
    อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม อันเป็นฌานที่
    พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า "ผู้ได้บรรลุฌานฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็น
    ปกติสุข" ดังนี้แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท ! ในสมัยใดภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ
    เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม....นั้น
    แล้วแลอยู่. .ในสมัยนั้น เธอย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง,
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่
    จะให้เกิดความเดือดร้อนตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวย
    เวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย)
    ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแกผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    (ง) ภิกษุ ท ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขเสียได้ และเพราะ ละทุกข์เสีย
    ได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน ย่อมบรรลุฌานสี่ อัน
    ไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่. ภิกษุ ท ! ใน
    สมัยใดภิกษุ เพราะละสุขเสียได้และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่ง
    โสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน ย่อมบรรลุฌานที่สี่ นั้นแล้วแลอยู่.ในสมัยนั้นเธอ
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่
    จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่ที่จะให้เกิดความเดือดร้อน
    ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความ
    เดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนา
    ทั้งหลายว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ภิกษุ ท ! อะไรเป็นอาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของเวทนา ทั้งหลาย ภิกษุ ท !
    เวทนาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาอันใด,อันนั้น เป็นอาทีนวะข
    องเวทนาทั้งหลาย.

    ภิกษุ ท ! อะไรเป็นนิสสรณะ (อุบายเครื่องออก) จากเวทนาทั้ง หลาย ภิกษุ ท !
    การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ การละเสียได้ถึงฉันทราคะ ในเวทนาทั้งหลาย อันใด,
    อันนั้น เป็นนิสสรณะจากเวทนาทั้งหลาย.

    ภิกษุ ท ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่ง
    เวทนาทั้งหลายโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย
    ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่ ; สมณะหรือ
    พราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรอบรู้ซึ่งเวทนาทั้งหลายด้วยตนเอง หรือว่าจักชวน
    ผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งเวทนาทั้งหลายเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะ
    ที่มีได้.
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ภิกษุ ท ! ส่วน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่งอัส สาทะ
    แห่งเวทนาทั้งหลายโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะ
    ด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่ ; สมณะหรือ
    พราหมณ์เหล่านั้นน่ะแหละ จักรอบรู้ซึ่งเวทนาทั้งหลายด้วยตนเอง หรือว่าจักชวน
    ผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งเวทนาทั้งหลายเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่
    มีได้.

    _________________________

    -มู. ม. ๑๒/๑๗๖ - ๑๗๗/๒๐๕ - ๒๐๘.
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ...ปลาในกระชัง...

    เปรียบเสมือนคนมากๆ ที่มาจากถิ่นต่างๆ แล้วมาอยู่รวมกัน พื้นเพต่างกัน ต่างจิตต่างใจ แต่มีกรรมเก่าที่เหมือนกันชักลากจูงให้มาอยู่รวมกัน มาก่อกรรมที่ชอบเหมือนกันอีก...กลายเป็นกรรมใหม่ ผลของวิบากกรรมใหม่ก็แตกต่างกันที่น้ำหนักกรรม ก่อกรรมร่วมกันแต่มีเจตนาที่ต่างกัน น้ำหนักของวิบากกรรมจึงส่งผลต่างกันไป 555 พิมพ์เอง...งงเอง
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่ว่าจะก่อกรรมอย่างไร วิบากจะส่งผลเป็นอย่างไร ปลาในกระชังนั้นก็ไม่มีโอกาสรอดไปสักตัว...ตายเรียบ

    ปาฏิหาริย์อาจจะเกิดขึ้นกับปลาบางตัวให้รอดตายได้ นั่นคือมีผู้ใจบุญมาขอซื้อเพื่อไถ่ชีวิตแล้วนำไปปล่อย วิบากกรรมตรงนี้ถือว่าเป็นวิบากกรรมดีส่งผลได้ทันท่วงที จนแล้วจนรอดเมื่อสิ้นอายุขัยก็ต้องตายอยู่ดี หรืออาจจะรอดได้ด้วยปัญญาเมื่อมีผู้มาเปิดกระชัง แล้วฮึดด้วยกำลังความสามารถกระโดดออกจากกระชังลงน้ำไปเอง

    555 ขำตัวเองค่ะ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ครั้งหนึ่งนานประมาณสองปีกว่า ได้รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติผู้หนึ่งทางออนไลน์ค่ะ แรกๆ ก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่เค้าขอร้องให้พูดไทยโดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทน เค้าส่งสื่อรูปภาพมาให้ดู เป็นเรื่องราวตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยาไปจนถึงพุทธศาสนาในอนาคตหลังจากพ้น 5000 ปีไปแล้ว

    ทุกวันนี้ก็ยังพยายามทำความเข้าใจอยู่ เจตนาของเค้าคือมาเร่งให้เราปฏิบัติ เค้าบอกว่าเหลืออีกแค่นิดเดียว ให้เราเร่งอย่าทำเป็นเล่น ให้ปฏิบัติแบบจริงจัง ซึ่งตอนนั้นเรายังอยู่ที่วัด เค้าบอกว่าภัยพิบัติใกล้เข้ามาแล้ว มีเราที่สามารถช่วยได้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นเรา แล้วเราจะไปช่วยได้ยังไง โดยวิธีไหน

    ทุกเรื่องราวของเรา ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการกระทำ เค้าล่วงรู้ทั้งหมดเลย จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เค้าก็เอ่ยปากบอกว่าเราอยากรู้มั้ยว่าเค้าเป็นใคร ให้เราเพ่งมองเค้าซิ แต่โดยลักษณะนิสัยที่ไม่สนใจใครอยู่แล้วว่าจะเป็นใครมาจากไหน ก็เลยบอกไปว่าเรารู้ว่าเค้าคือใคร แต่ขอไม่พูดนะ

    แล้วคืนหนึ่งขณะที่นั่งกรรมฐานในห้องมืดๆ ก็ปรากฏนิมิตเทวทูต ไม่มีหน้ามีตามีผ้าคลุมสีดำปกคลุมทั่วร่างนั้น จิตบอกว่าเป็นเทวทูต รู้ขึ้นในทันทีว่าคือเค้านั่นเอง

    วันถัดมา เค้าก็มาทักและถามว่าได้เห็นเค้าแล้วใช่มั้ย เหมือนเราจะสามารถสื่อกันทางจิตได้เลย แล้วเค้าก็บอกว่าเค้ามาลา เพราะหลังจากนี้ไปเค้าคงไม่ว่างแล้วต้องไปทำหน้าที่ หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

    มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เค้าบอกให้เราทำให้ได้นั่นคือ รวมจิตให้เป็นหนึ่งและไม่ให้เอาทุกเรื่องมาใส่ใจ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรม

    เทวทูต หมายถึง ทูตของเทพ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้ระลึกถึงธรรมดาของชีวิต จนเกิดความสังเวชแล้วเร่งทำความดี

    ใน "ทูตสูตร" พระโคตมพุทธเจ้าตรัสว่าเทวทูตมี 3 จำพวก ได้แก่

    คนชรา....ผู้ป่วย...ศพ เมื่อรวม "บรรพชิต" ด้วย เรียกว่า นิมิต 4 พระพุทธเจ้าตรัสว่าเพราะได้ทอดพระเนตรนิมิตทั้ง 4 นี้ จึงตัดสินพระทัยออกผนวชในเวลาต่อมา

    นอกจากนี้ใน "เทวทูตสูตร" พระพุทธเจ้ายังตรัสถึงเทวทูต 5 ซึ่งหมายถึงทูตของพระยม ได้แก่

    ทารก...คนชรา...คนป่วย...นักโทษ...ศพ

    พระยมจะสอบถามสัตว์นรกว่าเคยพบเห็นเทวทูตเหล่านี้หรือไม่ เพื่อให้สัตว์นรกนั้นได้ระลึกถึงกุศลกรรมที่ตนเคยทำมา หากสัตว์นรกจำได้ก็จะพ้นจากนรก หากจำไม่ได้ยมบาลก็จะนำตัวสัตว์นรกนั้นไปลงโทษตามบาปกรรมที่ได้ทำมา

    [​IMG]
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ว่าโดยสาระสำคัญ หลักสติปัฏฐาน 4 บอกให้ทราบว่า ชีวิตของเรานี้มีจุดที่ควรใช้สติคอยกำกับดูแลทั้งหมดเพียง 4 แห่งเท่านั้น คือ

    ร่างกายและพฤติกรรมของร่างกาย 1
    เวทนาหรือความรู้สึกสุขทุกข์ต่าง ๆ 1
    ภาวะจิตที่เป็นไปต่าง ๆ 1
    ความคิดนึกไตร่ตรอง 1

    ถ้าดำเนินชีวิตโดยมีสติคุ้มครอง ณ จุดที่นี้แล้ว ก็จะช่วยให้มีความเป็นไปอย่างปลอดภัย ไร้ทุกข์ มีความสุขผ่องใส และเป็นปฏิปทา นำไปสู่ความรู้แจ้งอริยสัจธรรมในที่สุด

    ความตอนท้ายของทุกหมวดที่กล่าวถึงในมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ มีข้อที่น่าสังเกตอยู่ 3 ลำดับ กล่าวเป็นข้อความลักษณะอย่างเดียวกันว่า

    “ภิกษุเฝ้าตามดูกายในกายภายในอยู่บ้าง เฝ้าตามดูกายในกายภายนอกอยู่บ้าง เฝ้าตามดูกายทั้งกายในและภายนอกอยู่บ้าง ด้วยประการฉะนี้
    “ภิกษุเฝ้าตามดูสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นในกายอยู่บ้าง เฝ้าตามดูสิ่งที่ทำให้ดับไปในกายอยู่บ้าง เฝ้าตามดูสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นและสิ่งที่ทำให้ดับไปในกายอยู่บ้าง”
    “อนึ่ง ภิกษุนั้นเข้าไปตั้งสติไว้ว่า “กายมีอยู่ดังนี้” เพียงเพื่อรู้ไว้เท่านั้น เพียงเพื่อระลึกไว้เท่านั้น เธอเป็นผู้ไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่ด้วย ทั้งไม่ยึดถืออะไร ๆ ในโลกด้วย”

    คำว่า กาย เปลี่ยนเป็น เวทนา จิต และธรรม ตามแต่กรณีนั้นๆ
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เช้านี้คุณตื่นมาด้วยกุศลหรืออกุศล
    จิตมันนอนนิ่งอยู่ในเรือนพัก
    มีเพียงขันธ์ห้าที่โลดแล่นไปตามแรงแห่งผัสสะ
    แยกออกเป็นสามกอง เห็นจะจะ ร่างกาย1 ขันธ์ห้า1 จิต1
    ทำหน้าที่กันไปคนละอย่าง
    ช่องว่างระหว่างขันธ์ มีสฬายตนะเป็นตัวเชื่อมโยง
    การทำงานของขันธ์ห้า จึงเหมือนการวิ่งผลัด 5x100
    วันหนึ่งๆ วิ่งกันเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนรอบ
    ความจริงทางโลกียะล้วนมีความเปลี่ยนแปลง
    อย่าเพียรเฝ้าถามหาความจริงจากโลก
    จริง จริงแท้ จริงที่สุด จริงโดยสัจจะ
    จริงทางโลก วันนี้ก็จริงอย่างนึง พรุ่งนี้ก็จริงอย่างนึง
    จริงของอดีต จริงของปัจจุบัน จริงของอนาคต
    จริงที่ยังมีอยู่ทั้งสามลักษณะ ไม่ใช่จริงที่มีอยู่ลักษณะเดียว
    จริงที่มีอยู่ลักษณะเดียวเป็นอย่างไร?
    จริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้มีอยู่หรือไม่?
    หาในแชทคงไม่มี
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ หุหุ

    สาธุ สาธุ สาธุ ตอนที่เห็นภาพหลวงปู่ครั้งแรก ไม่ใช่ภาพนี้นะ เป็นภาพยืน ท่านยิ้มให้ ตอนนั้นยังไม่รู้จักเรื่องราวของหลวงปู่เลย ไม่รู้เรื่องการสวดบทจักรพรรดิ์ ไม่รู้เรื่องการสวดสัพเพฯ แต่เราแผ่เมตตาหลังจากสวดมนต์เป็นปกติทุกคืนอยู่แล้ว

    เห็นภาพของท่านในเน็ตนี่แหละ พอท่านยิ้มให้ก็สะดุดเพ่งมองภาพท่าน แล้วคิดถึงแม่ที่ตายไปแล้ว 555 รูปหน้า แก้มตอบๆ เหมือนกัน แก่ชราเหมือนกัน ผอมเหมือนกัน รอยยิ้มของท่านช่างเหมือนแม่จริงๆ ในเวลานั้นนะ เป็นรอยยิ้มของผู้มีจิตใจดี มีเมตตา เกิดความรู้สึกรักและผูกพันขึ้นในใจ

    หลังจากนั้นถัดมาก็ได้ไปเห็นกระทู้ที่แจกพระผงจักรพรรดิ์ฟรี มีการเล่าเรื่องราวความมหัศจรรย์ต่างๆ ก็เลยอยากทดลองว่าจริงหรือเปล่า ขอรับพระด้วยเลย ไม่เสียหายเพราะว่าฟรี 555

    [​IMG]
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อได้รับพระมาแล้วก็นำมากำสวดมนต์และนั่งสมาธิ คืนแรกสัมผัสว่าพระในกำมือดิ้นได้และมีกระแสเย็นๆ เหมือนแอร์อยู่ในอุ้งมือ เมื่อแผ่สัพเพฯ ออกไป มีกระแสเย็นๆ ไหลออกเป็นควันสีขาวๆ แหมมันเย็นชื่นใจดีเนาะ แปลกอ่ะ เพราะในกระทู้เค้าบอกมาว่าพลังของพระพุทธคุณจะอุ่นๆ หรือร้อน ทำไมของเรามันจึงเย็นซาบซ่าน พระปลอมหรือเปล่า (555) กลับไปเล่าเรื่องราวที่ประสบมาแล้วถามไป ได้คำตอบว่าอาจจะเกิดจากเมตตาของเราเองที่มีกระแสเย็น
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลังจากที่สวดบทจักรพรรดิ์อยู่เป็นปีๆ เช้ามืดวันหนึ่งก่อนตื่นนอน เห็นนิมิตประตูห้องนอนเปิดออก แสงสว่างภายนอกลอดเข้ามาในห้อง ทำให้ได้เห็นว่าเช้าแล้ว แล้วก็มีพระภิกษุชราร่างเล็กๆ ยืนอยู่ที่หน้าประตู พูดขึ้นมาว่า "โลกุตรจิต" แค่นั้นก็ตกใจลืมตาขึ้น พอลืมตาขึ้นมาก็พิจารณาทบทวน ภิกษุนั้นเหมือนเคยเห็น เป็นใครกันนะ ทบทวนไปมาหลายรอบ จึงอ๋อขึ้นมาในใจ หลวงปู่ดู่นั่นเอง ท่านมาบอกธรรมที่เราค้างคาใจอยู่ว่าจะเดินต่อไปทางไหนดี เวลานั้นพิจารณาได้เองว่า "โลกุตรจิต" คือจิตเหนือโลก พ้นจากโลก เข้าสู่ความเป็นอริยะ เอาล่ะซิ ข้อสอบยากจัง การที่จิตจะเข้าถึงความเหนือโลกต้องปฏิบัติอย่างไรกันล่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ความมหัศจรรย์ของจิต คืนต่อมานิมิตเรื่องสัมโพชฌงค์ 7 และโพธิปักขิยธรรม 37 ไปหาอ่านรายละเอียดและน้อมตรวจสอบตนเองว่ายังขาดอะไรอยู่บ้าง

    วิธีการปฏิบัติของตนก็ยังคงเหมือนเช่นเดิมในทุกๆ วัน คือสวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิ จะพิจารณาธรรมในเวลาหลับ 555 ได้สนทนาธรรมกับผู้ที่มาหาทุกคืน ไม่รู้ด้วยว่าท่านเหล่านั้นเป็นใคร แต่ทุกวันนี้ระลึกว่าท่านเหล่านั้นคือครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชชาให้ค่ะ
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ฟังคนอื่นเล่ามาค่ะ เล่าแบบย่อๆ แค่พอรู้ความ คริคริ

    เคยเป็นนักรบสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นแม่ทัพนายกอง
    คอยลำเลียงเสบียงให้ทหารและช้างพลาย
    สมัยนั้นชื่อว่า ท่านขุนด่านหน้า ด่านที่ 7 เฝส 4 5 6 และ 7
    มุงหญ้าคาให้ชาวบ้าน อาบน้ำให้พลายศึก
    อาบน้ำให้พลายศึก 12 เชือก คอยเก็บดาบแต่ละชนิด
    เวลาออกรบจะอยู่หลังพระเจ้าทรงธรรมหรือไม่ก็ซ้ายขวา

    เคยเป็นนักรบสมัยพระเจ้าตาก แต่เป็นหญิง
    และนักรบสมัยนั้นก็คือคนๆ เดียวกันกับนักรบที่รบให้โคราช
     

แชร์หน้านี้

Loading...