บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พอคุยเรื่องยันต์เกราะเพชร ก็นึกได้เลยว่าที่บ้านก็มียันต์เกราะเพชรอยู่ในห้องพระเหมือนกันค่ะ:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คิดถึงวัดค่ะ...การทำงานคือการปฏิบัติธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ป่า1.jpg
      ป่า1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.4 KB
      เปิดดู:
      35
    • ป่า2.jpg
      ป่า2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.1 KB
      เปิดดู:
      31
    • ป่า8.jpg
      ป่า8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      31
    • ป่า7.jpg
      ป่า7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.9 KB
      เปิดดู:
      34
    • ป่า3.jpg
      ป่า3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.9 KB
      เปิดดู:
      39
    • ป่า4.jpg
      ป่า4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.4 KB
      เปิดดู:
      35
    • ป่า5.jpg
      ป่า5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85 KB
      เปิดดู:
      37
    • ป่า6.jpg
      ป่า6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.6 KB
      เปิดดู:
      34
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อใดที่เราทิ้งกาย ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติของมันเองและจิตเป็นเพียงผู้เฝ้าดู เราจะได้เห็นการทำงานของขันธ์ห้าอย่างปกติ คือร่างกายจะทำงานไปเอง ที่ผ่านมาเรามองไม่เห็นเพราะเรามีอุปาทานไปยึดว่าร่างกายขันธ์ห้าเป็นเรา เป็นของเรา เข้าไปยึดรูป ยึดสังขาร ยึดสัญญา ยึดวิญญาณ ยึดเวทนา แล้วก็จมอยู่กับความทุกข์ที่เกิดจากขันธ์ห้าที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากตัณหาสาม

    หลายๆ ครั้งที่เรานอนแล้วปล่อยวางกาย ไม่สนใจใยดีมัน คือไม่เข้าไปแทรกแซงปรุงแต่ง แต่คอยมองมันอย่างเดียว เราจึงได้เห็นกลไกของมัน พอเห็นแล้วก็ขำ เออ...มันเป็นเช่นนั้นเองเนาะ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายก็ทำงานไปตามธรรมชาติ ตามหน้าที่ๆ ธรรมชาติสร้างมา นั่นคือธรรมชาติที่มีธาตุต่างๆ มาหล่อเลี้ยงให้ร่างกายนี้มีชีวิต ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้...........
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อนิจจัง ไม่เที่ยงจริงๆ นะ

    ระยะนี้อยู่ในสภาวะเบื่อนะ มองไปทางไหนก็เบื่อ มันเป็นสภาวธรรม พยายามปรุงให้ตัวเองสนุกสนาน ร่าเริงทุกวัน จิตเป็นปกติดีแต่รู้สึกว่าเบื่อ กระทบแล้วเบื่อ เบื่อโลก 555 เบื่อเรื่องโลก จิตไม่เอาโลก ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง แต่รู้ว่าเบื่อนี้คือ นิพพาทาญาณ

    เบื่อ มองไปทางไหนก็เบื่อ เห็นแต่กาม เห็นแต่ราคะ เห็นแต่กิเลส เหมือนถูกบีบสภาวะให้เข้าสู่ธรรมละเอียด

    นิพพิทาญาณเป็นไฉน? (อ่านเจอมาค่ะ)
    นิพพิทาญาณ คือ ญาณเบื่อโลก คือ ปัญญาที่หยั่งรู้เท่าถึงความไม่จีรัง ความมายา ความทุกข์ ความหลงมัวเมาที่เต็มอยู่ในโลก ความรู้สึกที่เบื่อหน่ายเรื่องทางโลกีย์อย่างยิ่ง เบื่อหน่ายเรื่องราวทางโลกอย่างยิ่ง จนละทิ้งบ้านเรือนออกแสวงหาสัจธรรม นี่คือ อาการของนิพพิทาญาณ ซึ่งจะเกิดเมื่อ จิตผู้หนึ่งมีความสงบสุขสงัดทางธรรมมากๆ แล้วหันกลับไปมองทางโลกก็รู้สึกแตกต่างจากความสุขทางธรรมได้แจ้งชัด ชัดเจน จึงหันหลังให้ทางโลก
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ภาษาสละสลวย.......
    ฉาบด้วยกามคุณห้า......
    ยินดีหนักหนาคราได้เสพลอง
    ติดข้องสัญญา ติดบ่วงตัณหา วิญญาระทม
    เรื่องเล่า เรื่องขาน เผาผลาญจนจม
    ผุดโผล่ไม่พ้นจมเข้ามายา
    อุปาทานพันลึกนึกไปใจชอบ
    ราคะล้อมกรอบชื่นชอบผูกพัน

    สัญญิงสัญญานำมาปิดกั้น
    กายชิดจิตพันปิดกั้นปัญญา
    โลกสวยรวยรักหยุดพักมองหา
    อนิจจสัญญา อนัตตาตัวตน
    หลงไปใจชื่นหมื่นพันแสนหน
    อนาถหนอใจคนทุกข์ทนต่อไป
    หยุดเสพหยุดใช้กายใจไปอื่น
    ธรรมะแช่มชื่นตื่นพ้นสมปอง


    555 สังขารติดๆ ดับๆ กลอนก็เลยกะตุกกะตัก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ...ไฟสิ้นเชื้อ...

    ความรักเปรียบเหมือนดั่งไฟ เผลอเป็นไหม้ทุกที ทำยังไงจะไม่เผลอ ก็คืออย่าไปเล่นกับไฟ และเมื่อไฟมันมอดดับไปแล้วแม้ว่ายังระอุอยู่ ก็อย่าไปเติมเชื้อไฟ แต่ให้ใช้น้ำเข้าไปดับไฟนั้นเสีย

    เชื้อไฟก็คือกิเลส ตัณหา ที่มีอยู่ในใจนี่เอง ส่วนน้ำ ก็คือ พระสัทธรรม

    เมื่อใดที่มีตัวตนก็จะมีอวิชชา กิเลส ตัณหา ตามมาเป็นขบวน ดังนั้น การมีตัวมีตนคือเหตุทั้งหมด สักกายทิฏฐิ ความเป็นเรา เป็นเขา เป็นของเรา เป็นของเขา ฯลฯ แต่เจ้าตัวที่ชักใยอยู่เบื้องหลังของการมีตัวมีตนจริงๆ ก็คือ อวิชชาค่ะ

    การดับไฟเสียแต่ต้นลม จึงควรพิจารณาเรื่องตัวตนเป็นสำคัญ อัตตาและสักกายทิฏฐิ ใช้ธรรมข้อใดยกขึ้นมาเป็นอุบายดีล่ะ กรรมฐาน 40 กอง เลือกใช้ได้เลยค่ะ

    ที่เราใช้อยู่มี 3 กอง กายคตานุสสติกรรมฐาน อสุภะกรรมฐานและมรณานุสสติกรรมฐาน สลับกันไปมาตามสภาวะของกิเลส สติสำคัญมาก ต้องมีสติตั้งมั่นก่อน

    พิจารณารายละเอียดของกายทั้งหมด องค์ประกอบต่างๆ ของกายทั้งภายในและภายนอก จนเห็นเป็นอสุภะ ไม่สวยไม่งาม มีแต่สิ่งปฏิกูล ไม่น่ารักน่าใคร่ มีแต่เสื่อมไปจนในที่สุดก็พัง จบที่มรณานุสสติ คือต้องตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง จิตก็จะคลายออกจากอารมณ์รักใคร่ และได้เห็นความจริงว่าทั้งเขาและเราก็ไม่ได้มีอยู่จริง สิ่งที่เราเห็นว่ามีเพราะอวิชชามันหลอกตา หลอกใจเรา

    ทุกข์ที่บีบใจอันเกิดจากความรักที่ไม่สมหวังนี้ มันมีเหตุเกิดมาจากอะไรล่ะ ก็เกิดมาจากเอาใจเข้าไปร้อยรัด ไปยึดไว้ ยึดตัวยึดตนนั่นแหละ ยึดอุปาทานที่จิตปรุงแต่งขึ้นมาว่ารัก ว่าชอบ ว่ามีความสุข หลงไปในอดีต หลงไปในอนาคต แล้วพอมันไม่เป็นไปตามความคิด ก็รู้สึกผิดหวัง ไม่ยอมรับความจริง ดิ้นรนเพื่อจะให้ตนสมหวังกับอุปาทานที่ปรุงแต่งขึ้นมา เห็นกิเลสที่เกิดผ่านมาหรือไม่ มันเกิดต่อๆ กันเป็นลูกโซ่เลยนะ วิธีแก้เบื้องต้น แค่ยอมรับความจริงว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้ววางลงเสีย ให้อภัยกับใจตนที่หลงผิด

    บอกกับตัวเองว่าการเกิดนี่เป็นทุกข์ ร่างกายมีแต่ทุกข์ ร่างกายนี้ขันธ์ห้านี้เรายังไม่ต้องการ แล้วเราจะไปต้องการขันธ์ห้าของผู้อื่นทำไม ท่องไว้เหมือนพระเลยเนอะ 555 เราไม่เอาภพชาติ (ได้หรือไม่ได้ยังไม่ต้องไปคิด) แต่ให้ระลึกไว้ว่าเราไม่เอาภพชาติ เมื่อไม่ต้องการภพชาติ ก็ต้องมาสร้างเหตุปัจจัยกัน มีเหตุปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ไม่มีภพชาติอีก ก็ไปหาศึกษาได้จากหลายๆ แหล่งข้อมูลนะคะ เลือกอ่านในพระไตรปิฎกหรืออ่านจากครูบาอาจารย์ที่ท่านสำเร็จแล้ว เรื่องเหตุปัจจัยเนี่ยมีเยอะแยะมากมาย แต่หลักๆ เลย ก็คือทำกุศลและละออกจากอกุศล ทั้งสามทางนะ คือ กาย วาจา และใจ ธรรมทุกธรรมที่เกื้อกูลกัน จะเกิดสืบเนื่องกันไปเอง ถ้าเราน้อมพิจารณาถูกจุด ตรงกับสภาวะนั้นๆ

    วันนี้ขอเพ้อแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ ดึกมากแล้ว ฝันดีราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่ะ:cool:
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นจากเรา เพราะฉะนั้น การที่จะดับอารมณ์ต่างๆ อุปาทานต่างๆ ความคิดต่างๆ เวทนาต่างๆ ก็ต้องดับที่เรา ไม่ใช่ไปดับที่ผู้อื่น

    วิธีที่จะดับที่เรา ก็ต้องรู้เท่ากิเลสและตัณหาที่ปะทุขึ้นมา ก่อให้เกิดทุกข์ การที่จะรู้เท่าก็มีเพียงสติสัมปชัญญะเท่านั้น ทำอย่างไรจึงจะทรงสติสัมปชัญญะได้ตลอดเวลาเหมือนลมหายใจเข้าออก???? ก็ต้องฝึก ฝึกไปๆ อย่างสม่ำเสมอ เผลอก็รู้ ไม่เผลอก็รู้ ไม่ส่งจิตออกนอกไปตามความคิดปรุงแต่ง พิจารณาเท่าความคิดนึกนั้นๆ ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล สิ่งใดเพียรละ สิ่งใดเพียรทำให้เกิดขึ้น ทำให้มีขึ้น ต้องตระหนักรู้:cool:
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้
    Kae 16:35
    สิ่งที่พี่เคยพูดเป็นเช่นนั้นจริง สวัสดีค่ะพี่
    N 16:36
    เรื่อง
    Kae 16:36
    บุญและกรรมที่ติดตามตัวมา ตั้งแต่ตอนที่ถามเรื่องการฝึกสมาธิกับพี่ค่ะ ทุกอย่างพี่พูดไม่ผิด
    N 16:37
    จำไม่ได้ค่ะ พี่ขี้ลืม แล้วอะไร ยังไง
    Kae 16:38
    พี่บอกว่าถึงน้องไม่ทำบุญในชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด ของเก่ามีมามาก
    N 16:38
    อืม
    Kae 16:38
    ประมาณนี้ค่ะ
    N 16:38
    ค่ะ
    Kae 16:38
    เพียงไม่เอาสิ่งต่างมายึดติด
    N 16:39
    ค่ะ
    Kae 16:39
    หรือเป็นข้ออ้างให้จิตถูกปรุงแต่ง
    N 16:39
    ค่ะ
    Kae 16:39
    แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดเจน
    N 16:40
    ค่ะ สาธุ
    Kae 16:40
    พอมีสิ่งใดมากระทบน้องจะพิจารณาด้วยสติ
    N 16:40
    ค่ะ
    Kae 16:40
    เพียงเวลาไม่นานที่เราคุยกัน ทุกอย่างที่ควรจะเป็นก็เริ่มเดินหน้ามาตลอด
    N 16:41
    ค่ะ สาธุ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    Kae 16:41
    พี่อธิบายคำนึงให้น้องฟังได้มั้ยคะ
    N 16:41
    ว่า
    Kae 16:41
    คำว่า บาทจาริกา
    N 16:42
    อืม เป็นบริวารค่ะ
    Kae 16:42
    น้องรู้ไม่ทั้งหมด
    N 16:42
    บริวารของเทพหรือพระโพธิสัตว์
    Kae 16:42
    บาทจาริกาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    N 16:43
    ค่ะ ไปได้ยินมาจากไหน พี่เห็นมีคนมาคุยให้พี่ฟังสองคนแล้ว รวมทั้งน้องด้วย
    Kae 16:43
    มีคนบอกค่ะ
    N 16:43
    แปลว่าบริวารค่ะ ผู้รับคำสั่ง
    Kae 16:43
    และน้องเป็นและเห็นมาตั้งแต่เกิดค่ะ
    N 16:44
    อย่าไปคิดในเรื่องกามราคะ
    Kae 16:45
    น้องรู้สึกตั้งแต่เด็กว่าเคยใช้มวยผมเช็ดพระบาทขององค์พระศาสดาจนโต
    N 16:45
    ค่ะ เป็นผู้รับใช้นั่นแหละค่ะ
    Kae 16:45
    ทุกครั้งที่ระลึกถึงพระองค์ ก่อนสวดมนต์ค่ะ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    N 16:47
    แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา ก็จะหมายถึงผู้ที่ถวายตัวเป็นข้ารับใช้ให้กับกษัตริย์ เป็นข้าทาสบริวาร
    เป็นคนของกษัตริย์
    Kae 16:48
    อ่อค่ะ แล้วใครอีกคนที่ถามเค้าถามแบบน้องหรอคะ
    N 16:49
    เค้าไม่ได้ถามค่ะ แต่เค้าบอกว่าเค้าเป็นบาทจาริกาของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน มีเยอะแยะมากมายนะ ถ้าเป็นบริวาร แต่พี่ได้เจอมาสองคน
    Kae 16:49
    รวมน้องด้วย
    Nou 16:50
    ผู้ที่ตั้งความปรารถนาไว้ในอดีต และเคยได้รับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ที่พระพุทธองค์ยังไม่ได้ทรงตรัสรู้ หรือเคยเป็นบาทจาริกามาเมื่อครั้งที่อยู่บนสวรรค์
    Kae 16:51
    สาธุค่ะ
    N 16:51
    พระพุทธเจ้ามีมากมายหลายพระองค์ พระโพธิสัตว์ก็มีมากมายหลายพระองค์ บนสวรรค์
    Kae 16:51
    ค่ะ
    N 16:52
    แต่ละพระองค์ก็มีบริวารของท่านที่ทรงคัดเลือกเองเยอะแยะมากมาย รวมถึงผู้ที่ศรัทธาและตั้งความปรารถนาไว้
    Kae 16:53
    น้องคงจะเป็นสองอย่าง อย่างแรกศรัทธาแรงกล้า
    Nou 16:53
    เราทุกคนล้วนตายเกิดและสร้างบารมีกันมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน
    Kae 16:53
    ค่ะ
    N 16:54
    เมื่อชัดเจนในหนทางแล้วก็อย่าให้เสียเวลา
    Kae 16:54
    สาธุค่ะ
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    N 16:54
    ปลดตัวเองออกจากห่วงร้อยรัดของกิเลสตัณหาและอุปาทาน
    Kae 16:55
    ค่ะ
    N 16:56
    อันใดไม่เกิดประโยชน์ในทางธรรมก็ละออกเสีย อยู่กับโลกแต่ไม่ยึดโลก ใช้โลกเป็นเครื่องมือในการศึกษาธรรม
    Kae 16:56
    ค่ะ
    N 16:57
    อนุโมทนาด้วยนะคะ สาธุ
    Kae 16:57
    สาธุค่ะพี่
    N 17:07
    อย่างที่พี่บอกนั่นแหละ คนเราถ้ามีบารมีพร้อม เดินอีกแค่นิดเดียวก็สำเร็จ
    Kae 17:08
    สาธุค่ะพี่
    N 17:09
    สติเป็นแม่ทัพใหญ่ ขาดสติไม่ได้เลย
    Kae 17:09
    ขอบคุณค่ะพี่
    N 17:10
    ยินดีจ้ะ บัวปริ่มน้ำ พูดแค่นิดเดียวก็เข้าใจ
    Kae 17:13
    สาธุค่ะ
    N 17:15
    เดินทางมาไกลแล้ว อย่าให้เสียเที่ยว พยายามละออกจากความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ นะ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    กระดูก เลือดเนื้อและน้ำตา ในแต่ละชาติของการเกิดตาย คือผืนแผ่นดินที่เราเหยียบย่ำกันอยู่นี่แหละ ไม่ใช่อื่นเลย

    อย่ายึดมั่นถือมั่นในร่างกายตน ร่างกายผู้อื่น ทรัพย์สิ่งของที่ตนสร้างทำขึ้นมา เพราะในที่สุดแล้วก็ไม่ได้เป็นของใครสักคน

    รูปไม่เที่ยง นามไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ภาพครูบาอาจารย์ ท่านฝากยายมาให้ค่ะ หลังจากกลับมาจากการบวชชีพราหมณ์ตอน 10 ขวบ เป็นเวลา 7 วัน

    ทั้งหมดคือครูบาอาจารย์ที่ให้กรรมฐาน และสอนอานาปานสติ จนจบสมถะสมาธิ (รูปฌาน 4) มีท่านพระอาจารย์วิริยังค์ พระอาจารย์จันทร์ เขมปฺปตฺโต พระอาจารย์บัว (วัดป่าหนองแซง) พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ พระอาจารย์ทองสา พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์ขาว อนาลโย พระอาจารย์อ่อน สิริ และพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    ตอนที่ได้รับมาก็นำมาวางไว้ในห้องพระ ไม่เคยดูชื่อครูบาอาจารย์ค่ะ เด็กสิบขวบจะไปสนใจอะไร จนมาถึงวันนี้จะถ่ายรูปภาพของครูบาอาจารย์มาให้น้องๆ ในเฟสดู จึงได้เห็นรายนามของพระอาจารย์ด้านล่าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 558_n.jpg
      558_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.4 KB
      เปิดดู:
      55
    • 229_n.jpg
      229_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.2 KB
      เปิดดู:
      53
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2016
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    น้องเอาไปอัดกรอบแล้วเอามาอวดค่ะ เราก็เลยเอามาอวดต่อ สวยดี ชอบๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 974_n.jpg
      974_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.4 KB
      เปิดดู:
      48
    • 720_n.jpg
      720_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.3 KB
      เปิดดู:
      48
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อันใดฤาทำให้หลงยึดรูป อันใดฤาทำให้หลงยึดนาม ก็อวิชชาน่ะซิ อวิชชาเกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    ความสุขอยู่ที่ใจไม่ใช่ที่อื่น ใจเป็นสุขเพราะคิดดี ทำดี พูดดี ก็คือกุศลนั่นเอง ใจไม่เกาะเกี่ยวกับเรื่องราวภายนอก รู้แล้ววาง รักษาใจให้อยู่ในกุศล ไม่เผลอใจไปในอกุศลวิตกต่างๆ ทำตามหน้าที่อย่างเดียว ไม่หวังผล การไม่หวังผล จึงทำให้ใจไม่ผูกติด ยึดติดในสิ่งที่ทำไปแล้ว จิตจึงอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลา มองเห็นทุกข์ แต่ไม่ทุกข์

    ทุกข์เป็นของโลก สุขเป็นของโลก ร่างกายเป็นของโลก ทรัพย์สิ่งของก็เป็นของโลก เพราะสรรพสิ่งเป็นเพียงธาตุ ธาตุที่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย แต่ก็ยังคงวนเวียนเปลี่ยนถ่ายกันอยู่กับโลกทั้งสาม ไม่ไปไหน เราจะยึดไว้เหรอ หากยึดไว้ เราเองก็ต้องวนเวียนตายเกิดอยู่กับโลกทั้งสามต่อไปไม่สิ้นสุด
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หญิงเป็นชาย ชายเป็นหญิง

    แต่ละคนก็แต่ละทาง เลือกทางกันเอาเอง แต่สุดท้ายปลายทางก็ที่เดียวกัน ไม่หนีมรรคแปดไปได้สักทาง

    สิ่งปรุงแต่งต่างๆ อาจจะไม่เหมือนกัน บางคนปรุงมาแล้วตรงกับความชอบของเรา บางคนปรุงแล้วเราไม่ชอบ เราก็ไม่เอา ไม่เลือก
    นั่นเพราะไปติดอยู่กับอุปาทานในจิตตน จึงมองไม่เห็นธรรมที่ผู้สื่อต้องการสื่อ

    ความจริงก็มีแต่ธรรมอ่ะนะ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย หากเรามีเครื่องกรองที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เราก็สามารถหยิบยกธรรมนั้นๆ
    มาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน

    แต่ความจริงอีกนั่นแหละ ความจริงที่หนีไม่พ้น ความจริงอันเป็นสัจจะ ธรรมนั้นมีอยู่แล้วที่เราเองทั้งสิ้น (กายและจิต) ไม่ได้มีอยู่ในที่อื่นๆ เลย

    สิ่งภายนอกเป็นเพียงเครื่องมือกระตุ้นกิเลส กระตุ้นธรรมที่มีอยู่ในกายในจิตเรา ให้แสดงออกมาให้เราได้รู้แค่นั้นเอง

    พอได้เห็น ได้ยิน แล้วอยากรู้ นี่ตัณหาแสดงออกมาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัว ตัณหาแสดงความอยากออกมา กิเลสคือความโลภ
    อยากรู้เยอะๆ การไปรู้นอกตัวจะมีประโยชน์ เมื่อโยนิโสมนสิการ

    เมื่อโยนิโสมนสิการ จึงทำให้ได้เห็นกิเลส เห็นธรรม ในกาย ในจิตตน

    ประโยชน์ที่แท้จริง ของการศึกษาเรียนรู้ธรรมก็เพื่อความพ้นทุกข์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไปคิดเห็นเป็นอย่างอื่น นั่นคือกิเลส
    เพราะมันไม่หายทุกข์ จะอยากไปเรื่อย อยากรู้ อยากเห็น พอไม่ได้สมใจอยาก ทุกข์ก็เกิด

    แค่คำว่า "เพื่อความพ้นทุกข์" พุทธศาสนิกชนก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าความพ้นทุกข์นั้น ต้องทำอย่างไรบ้าง คงไม่ต้องบรรยายว่าต้องเอาไปปฏิบัตินะ
    แล้วก็คงไม่ต้องบอกอีกว่าปฏิบัตินั้นมีอะไรบ้าง ใครทำใครได้ ใครกินใครอิ่ม เรื่องนี้ธรรมดา
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นิทานพญานาค ภาคคุณ nouk
    บันทึกไว้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2013

    องค์สุวรรณีนาคีเป็นน้องพี่nouk น่ะ
    ก็ท่านเป็นพระเจ้าอาขององค์สุมนา หรอ ป๊าดดดด เล่าๆ เป็นน้องสมัยไหนรึ
    วันที่นางไปสวรรค์วันที่เทวดามารับ สุวรรณีนาคีมาร้องเรียกตาม
    นางนี้มีนามว่าอะไร
    ที่เขาเคยเห็นมาส่งน่ะ องค์นั้นเลย อูยปวดหัวมากกกกกกกกกกกกก
    แล้วนางมีนามว่าอะไรล่ะ นางเสียสละขึ้นไปสวรรค์เพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่งงานกับเทวดา เพื่อให้เทวดามาคุ้มครองเมือง อ้าวจบแล้วรึกำลังเพลินเลย
    รอหน่อยหายปวดหัวก่อน
    ค่ะ
    ชอบห้องนิทานพี่nouk อ่ะ
    หรอ หนุกมะ
    ยังอ่านไม่จบเลยต้องไล่อ่าน หนุกมากเรื่องจริงแต่สนุก ไม่ไหวพอเรื่ององค์สุมนาก่อน ลมจะจับ
    เชรๆ ก็อยากรู้เรื่องนางที่ขึ้นสวรรค์อ่ะ นางมีนามว่าอะไร
    ไม่รู้อ่ะ
    อ้าว ซะงั้น
    ถามเทวดาที่พานางไปดีไหม ก้อเป็นคนให้นามนางนี่
    อ้าว ซะงั้น
    เหมือนองค์พระสุพรรณกัลยา ยังมีนามพม่า ว่าอะเมี้ยวโย่ เลย นามก่อนหน้านั่นล่ะ องค์ มณีมุกดาไง เป็นขอม ไปอยู่ลาวก้อได้นามใหม่
    55555 คนละคนกันเด้อ อีกแระ หน่อยจะทำให้พี่วนกลับไปที่เทพธิดาชุดสีทองอีกแล้วนะ อ้าวนามเดิมไม่ใช่สุมนาเหรอ
    จารู้ไหมเนี่ย
    จริงรึ งงอ่ะ ไหนองค์ปู่บอกว่านางบำเพ็ญจนตายยังไง แล้วนางไปกับเทวดาตอนไหน ใช่หรือ
    ก็ท่านบอกอย่างนั้นนิ มิใช่บำเพ็ญจนตายหลังลงมาจากสวรรค์หรือ อูย พอแหละ เลิกๆๆๆ
    น่าจะใช่หนอ เพราะว่าท่านเว้นวรรคไกลอยู่ 555 แล้วพญานาคสีขาวกับสีเขียว ที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งนางเป็นใคร
    เขาพูดเรื่องนี้แล้วหายใจไม่ออก แล้วเหมือนใครขี่หลังน่ะ
    555555555 ใครขี่ว้าาาา
    นั่นดิ หลังแอ่นเบย
    55555 มีคนมาแอบดูหรือเปล่า
    ไม่รู้อ่ะ มันจุกตรงหลอดลม เหมือนใครมาบีบ
    เทวดาแปลงเป็นพญานาคสีขาวรึ
    เอาอีกแล้ววววววววววววววววววววววว พอออออออออออ ก่อนนนนนนนนนนนน
    ส่วนพญานาคสีเขียวคือพระคู่หมั้นแม่นบ่
    .....................................


    555 แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบค่ะ เพราะเรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับสวรรค์:'(
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    "....ความรักเหมือนกับบทเพลงที่บรรเลงกันอยู่เรื่อยมา มีทั้งความหวานชื่นระรื่นอุราและเศร้าหนักหนา....ซึ้งสะเทือนใจ...."

    ความรัก...ไม่ว่าจะรักสิ่งใด รักใคร ล้วนคือเหตุแห่งทุกข์

    เมื่อวางใจให้เป็นกลางแล้วพิจารณาว่า องค์ประกอบของความรักมีอะไรบ้าง...เราก็จะได้เห็น

    ความรักเกิดขึ้นเพราะมีอัตตา ตัวตน สักกายทิฏฐิ มีเขา มีเรา มีความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ มีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของ (อุปาทาน)

    ความรักเกิดขึ้นเพราะมีเสน่หา คือกามคุณห้า ราคะ
    เพราะรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก่อให้เกิดความยินดี พอใจ ผูกย้อมใจไว้ว่ารื่นรมย์

    ความรักเกิดขึ้นเพราะมีโมหะ ความหลง หลงว่าดี หลงว่าถูก หลงว่าควร

    เมื่อความรักเกิดขึ้นแล้วก็มี ตัณหา และโลภะ อยากได้มาไว้ในครอบครอง อยากให้เค้ารักเรามากๆ รักเราแต่เพียงผู้เดียว

    เมื่อมีความรักก็มีความคิดถึง ความคิดถึงนี่เป็นการส่งจิตออกนอก จิตไม่อยู่กับปัจจุบัน อุปาทาน ฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ

    เมื่อความรักสมหวังก็เกิด นันทิราคะ เพลิดเพลินไปในอารมณ์รัก

    เมื่อความรักไม่สมหวังก็เกิด อิสสา โกธะ โทสะ และตามมาด้วยพยาปาทะ

    ทั้งหมด นั่นคือ "ความรัก" เป็นเหตุแห่งทุกข์ที่พึงต้องละออก

    ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้สั้นๆ ว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"

    ตัณหาสาม กิเลสสาม อุปาทานขันธ์ห้า กิเลสสังโยชน์รวมอยู่ในความรัก ความรักจึงไม่ใช่ความสงบ เพราะความรักคือความร้อนรน ทุรนทุราย มีความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เห็นจริงตามนั้นค่ะ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถ้อยสำนวนชวนฟัง...ถลำลึก
    มิตรองตรึก...ยึดมั่น...พลันหวั่นไหว
    เห็นกิเลส...อาเพท...เหตุอันใด
    ตัวเป็นใหญ่...ใครห้าม...ถามความจริง
    นี่ก็ใช่...นั่นก็แน่...แถๆ เถือก
    อยากจะเสือก...อยากจะสน...จนใจหาย
    มิติดข้อง...บ่วงกรรม...จำของใคร
    เหตุไฉน...ใจพาล...ระรานรอน
    เมื่อทำดี...ดีทำ...ก็จำจิต
    เมื่อทำผิด...ผิดธรรม...กระทำหยาม
    คนทั้งดีและเลว...ล้วนพยายาม
    พ้นสงสาร...พ้นกรรม...ที่ย่ำยี
    เขาพลาดไป...เราใยย่ำ...ให้ต่ำลึก
    ด้วยสำนึก...ดีชั่ว...พามัวหมอง
    ชั่วที่เรา...ดีที่เขา...เราเพียงมอง
    ประคับครองใจมั่น...พลันเปลี่ยนแปลง
    โลกอิจฉา...ริษยา...หาทางเกิด
    โลกกำเนิดภพชาติ...ไม่เอาหนอ
    โลกอันใดทุกข์ภัย...อย่าได้รอ
    โลกเหนือโลก...นั่นแหละหนอ...ขอพบเจอ
    ด้วยลิขิตจิตโปรด....พ้นโศกเศร้า
    อยู่กับเงา...อยู่กับโลก...มิโศกศรี
    บำเพ็ญญาณ...สร้างทานบารมี
    ทิ้งทั้งดีและชั่ว....ทิ้งตัวตน
    อยู่กับคนหมู่มาก....กำหราบสิ้น
    มิยลยินอกุศล...ผลทั้งหลาย
    ตา...หู...จมูก...ลิ้น...ใจ...กาย
    สำรวมไว้...ใจสุข...ไม่ทุกข์ทน
    อย่าให้โลกเบ่งบาน...ผลาญดวงจิต
    อย่าลิขิตกายตน...เพราะคนเขลา
    กายและใจนั้นไม่ใช่...เป็นของเรา
    ไม่ได้เป็นของเขา...หรือของใคร
    ธรรมชาติสร้างทำ...กรรมกำเนิด
    ล้วนแต่เกิดจากธาตุ...ชาติทั้งหลาย
    เมื่อธาตุปรวนธาตุเปลี่ยน...เพียรเข้าใจ
    คืนสู่ธาตุทั้งหลาย....ตายสิ้นเอย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...