บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

วันนี้น้องคนที่เพิ่งมารับงานไปบูชา ส่งข่าวมาค่ะ ว่ามีข่าวดี มีคนติดต่อให้ปั้นพระศรีอริยเมตไตร และบัลลังค์ท่านนาคพันธ์

 

ใช้มือค่ะ ฮา

กระดาษค่ะคุณ Fallenz

 

คิดคำนวนบูชายังใงคับ อันนี้ถามตรง และตั้งกลางที่โล่ง

ทนแดดทนฝนใหม? ประมาน สูง 30 เซน กว้างยาว ก็ตามเหมาะสม ฮ่าๆ

เชิงพานิชย์ไปเสียแล้ว...

 

จะปั้นอะไรเอ่ย?
งานที่ปั้นไปส่วนใหญ่ ผู้สั่งจะนำไปบูชาที่ห้องพระ ไม่ตากแดดตากฝน เราไม่แน่ใจนะว่าถ้าตากแดดตากฝนแล้วจะพังรึป่าว

ราคาปั้นไม่มีกำหนดราคาแน่นอนตายตัว แล้วแต่ความยากง่าย และปริมาณของวัสดุที่ใช้

เราใช้วัสดุเกรดเอทั้งหมด ราคาค่อนข้างแพง สีอะคริลิคและทำการเคลือบสีกันน้ำ กันฝุ่นด้วย

เท่าที่ปั้นมาแล้วทั้งหมด บางงานก็ปั้นให้ฟรี เช่นพระพุทธรูป ถ้าผู้สั่งต้องการนำไปบูชาเอง หรือถวายวัดก็ปั้นให้ฟรี ถือว่าร่วมทำบุญด้วยค่ะ

คนที่เวปพลังจิตเคยสั่งปั้นพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ พอเราปั้นเสร็จ หายไปเลย ติดต่อไม่ได้ เราก็เลยแถมให้ไปกัยผู้ที่มาขอบูชาพระสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกขนาดสูง 68 เซน ไป

 

อ่อ คับ พอเข้าใจละคับ

 

อื้ม... เห็นรึยัง พอสัมผัสได้ยังคับ ?

มีความสนใจ แต่ไม่ทราบ ว่า เอาไปตั้งใหนเช่นกัน

 

ปางนี้เคยคิดจะปั้นเหมือนกันค่ะ ปรากฏขึ้นที่จิตแต่ลังเลว่ากายท่านเป็นกายแก้ว ก็เลยโฮลไว้ก่อน

 

แค่รูป นึงจ้า ไม่เกี่ยวกับสมเด็จท่านหรอกจ้า

 

เมื่อเจ็ดปีก่อนตอนที่ยังทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ คืนหนึ่งฝันว่าผู้ชายมาหามาพูดคุยด้วย มาหาถึงสองครั้งด้วยกัน แต่เรื่องราวที่พูดคุยกันนั้น พอตื่นมาก็ลืม จำได้เพียงนามของท่านผู้มาเยือน ว่าคือ "พญาสิงหน" หรือ "พระยาสิงหน" ไม่แน่ใจนะ แต่ชื่อ สิงหน แน่นอน

(ตอนที่อยู่เชียงใหม่ มีผู้มาเยือนหลายรูปแบบ มีทั้งฤาษี ทั้งเทวดา เทพนาคาและนาคี แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันซะด้วย)

ไปสอบถามกับใครก็ไม่มีใครรู้จักหรือเล่าเรื่องราวของท่านผู้มาเยือนนี้ได้เลยสักคน ในตอนนั้นมีความสงสัยว่าท่านผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรา จึงมาหาเราและพูดคุยกัน แล้วทำไมต้องทำให้เราลืมเรื่องที่คุยกัน 555

ช่วงเวลานั้นเราก็มั่วๆ อยู่กับเรื่องพญานาค แนวๆ อยากรู้อยากเห็น จึงพาลคิดไปเองว่าน่าจะเป็น นาคราชนามว่า "สิงหนนาคราช" หาดูในเน็ตก็ไม่ปรากฏนามของนาคราชท่านนี้ หรือว่าไม่ใช่พญานาค 555 เดาไปทั่ว ที่จริงเรื่องนี้ลืมไปแล้วนะ พอดีกลับไปอ่านเรื่องที่เคยบันทึกไว้เก่าๆ ก็เลยเก็บขึ้นมาสงสัยอีก....

ล้อเล่น...ไม่ได้สงสัยหรอก แต่เห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยนำมาเล่า

ไปเจอเรื่องของพระยาสิงหนาทราชา ผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอนในอดีต

 

ประวัติ พระยาสิงหนาทราชา

เมื่อปี พ.ศ. 2374 พระเจ้ามโหตรประเทศ ผู้ครองนครเชียงใหม่ ให้ เจ้าแก้วเมืองมา เป็นแม่กอง นำไพร่พลช้างต่อและหมอควาญ ออกไปจับช้างป่ามาใช้งาน เจ้าแก้วเมืองมา ยกไพร่พลช้าง ช้างป่ามาใช้งาน เจ้าแก้วเมืองมา ยกไพร่พลข้ามภูเขา มาทางตะวันตกของเชียงใหม่ ซึ่งมีช้างป่าชุกชุม โดยมอบหน้าที่ให้ พะกาหม่อง เป็นผู้ควบคุมดูแล เมื่อคล้องช้างได้เป็นจำนวนเพียงพอแล้ว จึงพากันเดินทางต่อไปถึงชุมชนบ้านป่าแห่งหนึ่ง มีทำเลดีมีร่องธารน้ำและที่ราบ เหมาะแก่การฝึกช้างป่า จึงหยุดไพร่พลตั้งบ้านเรือนขึ้นที่นี่ และตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “แม่ร่องสอน” หมายถึงที่มีร่องน้ำฝึกช้าง ต่อมา ได้เพี้ยนเป็น “แม่ฮ่องสอน”

ครั้นถึงปี พ.ศ. 2399 มีชาวไทยใหญ่ อพยพมาหลบภัยสงครามอยู่ที่แม่ร่องสอนเป็นจำนวนมาก โดยมี เจ้าฟ้าโกหล่าน และชานกะเล เป็นหัวหน้า เมื่อมาอยู่ที่นี่ ชานกะเล ได้ช่วยหน่วยงานต่างๆ จนเป็นที่โปรดปรานของพะกาหม่องถึงกับยกลูกสาวชื่อนางไส ให้เป็นภรรยา ต่อมาชานกะเล อพยพครอบครัวลงใต้มาอยู่ที่เมืองกุ๋นลม หรือขุนยวมในปัจจุบัน ได้เป็นเข้าเมืองกุ๋นลมคนแรก ต่อมานางไสถึงแก่กรรม เจ้าฟ้าโกหล่าน ยกหลานสาวชื่อเจ้านางเมี๊ยะให้เป็นภรรยา ชานกะเลปกครองเมืองกุ๋นลม เจริญมั่งคั่งส่งส่วยตอไม้ให้ได้มากมาย จนถึง พ.ศ. 2417 เจ้าอินทวิชยานนท์ จึงแต่งตั้งชานกะเลเป็น พญาสิงหนาถราชา แล้วสถาปนาเป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงถือเอาต้นกำเนิดเมือง คือ ร่องน้ำสอนช้าง และช้างตัวเดียวเล่นน้ำ เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด

จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นที่รวมของชนเผ่าไทยและชาวไทยภูเขาหลายเผ่า มาแต่โบราณ ผู้คนเหล่านี้ยังคงดำเนินชีวิตเรียบง่าย รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้ เฉกเช่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ประกอบด้วย ไทยใหญ่ ม้ง มูเซอ ลัวะ ลีซอ จีนฮ่อ และกะเหรี่ยง

 

ตอนนี้ท่านมาปรากฏแฝงอยู่กับน้องสาวที่นับถือกัน แต่ท่านบอกกับน้องสาวว่า ท่านคือสิงหราข

ก่อนการปรากฏกายของท่านนั้น จะมีหมอกควันสีขาวปรากฏขึ้นก่อน พอหมอกสีขาวนั้นจางลง ก็เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง สีผิวเข้ม ขนาบด้วยนางเทพธิดาอรชรอ่อนแอ้น ข้างละหนึ่งองค์ .นี่คือที่เราจำได้ ท่านบอกนามเหมือนแนะนำตัว และเล่าเรื่องราวต่างๆ ก่อนลืมตาตื่นเราท่องแต่นามเพราะกลัวว่าจะลืม "พญาสิงหล"

พอเล่าให้น้องสาวฟัง น้องบอกว่าใช่ ลักษณะตรงกันกับที่ท่านมาหาน้อง มีนางเทพธิดาขนาบข้างอยู่สององค์เหมือนกัน ท่านทรงศีลทรงธรรม ไม่ค่อยพูดบอกอะไรกับน้องสาว แต่น้องเรียกท่านว่า "ปู่สิงหราช" ก็แปลกดี

 

จริงๆ ค่ะคุณFallenz ถ้าเราต้องการจดจำ เราต้องบอกตัวเองให้จำนะ ไม่งั้นลืมหมด ตั้งระบบลบแบบออโต้ไว้

 

ทีนี้ก็ขอแวะมหายานหน่อยนะ เรามีความชอบตามแนวมหายาน ชอบเรื่องราวของพุทธเกษตร และเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ในดินแดนพุทธเกษตร

อาจจะเหมือนค้านกันกับพุทธศาสนาในประเทศไทย ที่ยึดแนวเถรวาท

ก็พุทธเหมือนกันนะ พุทธ พุทธะ ที่แปลว่า ตื่นรู้ คำสอนที่เป็นไปเพื่อปัญญานำพาให้พ้นทุกข์

 

พระอักโษภยพุทธะ

พระอักโษภยะพุทธะ เป็นพระธยานิพุทธะ 1 ใน 5 องค์ พระนามหมายถึง "ไม่หวั่นไหว" ประทับทางทิศตะวันออกของพุทธมณฑล พระกายสีน้ำเงิน รัศมีสีขาว เป็นต้นตระกูลของพระโพธิสัตว์ตระกูลวัชระ เป็นสัญญลักษณ์แทนโพธิจิตในสรรพสัตว์ ถือดอกบัวที่เป็นสัญญลักษณ์แห่งความกรุณา และระฆังที่หมายถึงอิตถีภาวะแห่งเมตตาและขันติ ทรงช้างคู่สีน้ำเงิน อันเป็นสัญญลักษณ์แห่งพลังมหาศาล พระโพธิสัตว์ตระกูลวัชระที่รู้จักกันดีคือพระวัชรปาณีโพธิสัตว์และพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

พระองค์เป็นตัวแทนของปัญญาญาณดังกระจก คือส่องให้เห็นหมดทุกด้าน โดยไม่ปิดบังอำพราง ประจำอยู่ทิศตะวันออกในพุทธมณฑล มีลักษณะใกล้เคียงกับพระไวโรจนพุทธะ โดยอาจสลับตำแหน่งในพุทธมณฑลกันได้ ความเชื่อในคัมภีร์มรณะของทิเบต พระอักโษภยะจะปรากฏในวันที่ 2 พร้อมด้วยพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ตัวแทนแห่งความสมบูรณ์และความงอกงามและพระเมตไตรยโพธิสัตว์

ท่าทางประจำพระองค์คือภูมิสปรศมุทรา ซึ่งเป็นการวางพระหัตถ์ซ้ายในรูปแบบการทำสมาธิ พระหัตถ์ขวาเหยียดออก นิ้วชี้ชี้ลงสัมผัสพื้นดินเพื่อแสดงการมีชัยเหนือมาร เสียงประจำพระองค์คือเสียง "ฮัม" ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจากศูนย์ลมที่หัวใจ แสดงถึงการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เป็นร่างแหอยู่ภายในยานเดียวกัน

สัญลักษณ์ประจำพระองค์คือคทาเพชร ซึ่งสื่อถึงความมั่นคง ไม่คลอนแคลนของธรรมะ และความไม่หวั่นไหวของผู้บรรลุธรรม

พาหนะของพระองค์คือช้าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ในทิเบตถือว่าช้างเป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญา

นั้นก็เป็นตำนานนะคะ

 

ที่สนใจเพราะเราเคยได้นิมิตของพระธยานิ พระจีนสามองค์ที่นั่งล้อมวงเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วก็ดวงดาวสีน้ำเงินรัศมีสีขาวที่พุ่งลงมาสู่กามภพ

 

ทำไมขำเราล่ะ

 

สัญลักษณ์สามเหลี่ยมนั้น หมายถึง สามแดนโลกธาตุ

 

ขำบ่อยๆ ขำง่าย มันเป็นไปเองคับ ไม่มีเจตนาแกล้ง

 

พระจีนหนึ่งในนั้นคือเรา อีกสองเป็นสหายกัน
นิมิตเรา...ยึดไว้ก่อน...ฮาๆๆๆ

 

ยึดไว้ให้มั่น เดียวคนอื่นจะแย่งไป