บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

วั น สุ ด ท้ า ย ปี 2018

ให้อภัยคนที่ทำร้ายฉัน
ขออภัยคนที่ฉันทำร้าย
ขอบคุณคนที่รักฉัน
ขออวยพรให้คนที่ฉันรัก
ขอบคุณคนรอบข้างฉัน
คนที่คิดถึงฉันจงคิดถึงฉันต่อไป
ใจเหนื่อยล้าก็ปล่อยวาง
กายอ่อนล้าก็พักผ่อน
หลุดลอยไปแล้วไม่กลับมา
ให้ทนุถนอมสิ่งที่กลับคืนมา

ใ น ปี 2019

จงมาแต่สิ่งดีๆ สิ่งร้ายๆจงห่างไป
สุขภาพยังคงแข็งแรง
โรคภัยจงอย่าแผ้วพาน
การงานสำเร็จ ไม่ขัดข้อง
ขออวยพรให้ร่มเย็น
มีความสุขทั้งกายและใจ
ร่ำรวยเงินทอง ไม่ขัดสน

ทุกคนคือของขวัญและมิตรภาพที่พิเศษในทุกๆปี
"ใครจะอยู่ก็ถนอมและขอบใจ ใครจะไปก็ขอบคุณ"
รัก

 

สวดมนต์ข้ามปีที่บ้านคนเดียว
เริ่ม 22.00 น. - 00.40 น.
อิติปิโสฯ หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโอภาสี สมเด็จพระปิยมหาราช ธรรมจักรฯ กะระณียะเมตตะสุตตะกัง (14 จบ) พระปริตร ถวายพรพระ พาหุงฯ มหาการุณิโก วันทามิ

นั่งกรรมฐาน 15 นาที

ฝันดีอรุณสวัสดิ์ค่ะ

เจอกันที่วัดชนะสงคราม

 

จิตตื่น ไม่ได้นอนทั้งคืนยันรุ่ง ไปทำบุญปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง วัดชนะสงครามค่ะ พร้อมนั่งกรรมฐานในพระอุโบสถ

สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระประธานในพระอุโบสถ ได้รับพลังงานดีๆ ต้อนรับปีใหม่

น้อมนำบุญกุศลทั้งปวง มาฝากกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยนะคะ ขอให้โชคดีมีชัย ชัยโย ชัยยะ ชัยชนะ ชนะสงคราม ตลอดปี 2562 และตลอดไปตราบเท่าเข้าสู่นิพพาน...^__^

 

หัวใจไม่มีรัก
ไร้หลักพักราตศาสนา
ประคับประคองอุรา
แค่รอมรณามาเยือน

 

เมื่อวานไปวัดชนะสงคราม ปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง นั่งกรรมฐานหน้าพระประธานในพระอุโบสถ วัดชนะสงคราม รับพลังงานดีๆ

เทวดามาอำนวยพร ให้มีชัยชนะและประสบความก้าวหน้าในทุกด้าน ความชั่วอย่าทำซะเลยดีกว่า

คืนข้ามปีนั่งกรรมฐานที่บ้านได้นิมิตพระสมเด็จจักรพรรดิ์ ทรงเครื่องเทวดา เช้าไปวัดชนะสงครามก็ได้พบพระสมเด็จทรงเครื่องจริงๆ ที่รอยพระพุทธบาทจำลอง

มงคลทั้งหลายเกิดแก่ผู้มีมงคลทั้งกายวาจาใจ

 

พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหธิศักดิ์ ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ หรือเรียกกันว่า หลวงพ่อปู่ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร

เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตัก 2.5 เมตร สูง 3.5 เมตร ภายในองค์พระมีฉลองพระองค์ของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูป 16 องค์อยู่รายล้อมพระประธาน อันหมายถึง พุทธคุณชนะศัตรู

พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหทธิศักดิ์ ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ เป็นพระพุทธรูป สมัยรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย วัสดุปูนปั้นบุดีบุก ลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก ๒.๕ เมตร สูง ๓.๕ เมตร

วัดชนะสงคราม เป็นวัดโบราณอีกวัดหนึ่งที่มีอยู่ก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชื่อวัดกลางนา ครั้นเมื่อสถาปนากรุงเทพมหานคร แล้ว วัดนี้ได้รับการบูรณะ ปฏิสังขรณ์โดยสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทและเป็นวัดที่มีเจ้าอาวาสเป็นพระสงฆ์รามัญจึงมี นามวัด อีกนามหนึ่งว่าวัดตองปุตามแบบอย่างวัดตองปุที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดรามัญนิกายต่อมาภายหลังวัดตองปุได้รับพระราชทานนามว่า วัดชนะสงครามก็เนื่องด้วยสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ ผู้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ทรงเป็นแม่ทัพคนสำคัญในรัชกาลที่ ๑ และทรงนำทัพ หน้าชนะศึกในการสงครามครั้งสำคัญหลายต่อหลายครั้ง

 

พระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถวัดชนะสงคราม มีลักษณะพิเศษน่าสนใจอยู่หลายประการ กล่าวกันว่า ภายในพระพุทธรูปมีฉลอง พระองค์ลายยันต์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และเสื้อผ้ายันต์ของเหล่านายทัพนายกองทหารของพระองค์เมื่อคราวมีชัย ในการสงคราม ซึ่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท โปรดเกล้าฯ ให้ช่างปั้นพระเอาปูนพอกไว้ด้วย ก่อนการบุดีบุกการนี้ทำให้ พระประธานองค์นี้มีขนาดใหญ่โตกว่าเดิมก่อนการปฏิสังขรณ์

นอกจากนี้ รอบๆ พระประธานยังมีพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัยอีก ๑๕ องค์ ซึ่งสันนิษฐานกันว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิง หนาทจะทรงนำแบบอย่างมาจากวัดชุมพลนิกายรามที่ บางปะอิน ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์ ที่ปรากฏนามอยู่ในบทสวดมนต์ อาฎานา ฏิยปริตร พระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์นี้ ตามคติโบราณนับถือกันว่า ทรงพระพุทธคุณในการประสิทธิ์ประสาทชัยชนะเหนือศัตรู และมีผู้บัญญัต ิอักขระย่อแทนพระนาม ผูกเป็นยันต์พระเจ้า ๑๖ พระองค์ เพื่อเป็รการสักการบูชา

ดังนั้นพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ จึงเป็นพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งในกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีผู้มาเคารพสักการะกันมากเป็นพิเศษด้วยความเชื่อประการที่กล่าวมาซึ่ง รับกับประวัติการสร้างและนามแห่งวัดชนะสงครามนี้

ข้อมูลจากวิกิพีเดีย

 

ความจริงเราทุกคนอยู่ห่างกันหลายร้อยกิโลเลยนะ ไม่ใกล้กันเลยสักคน ทำไมจึงไปรู้ ไปเห็น ว่าจริงเท็จของแต่ละคนเป็นอย่างไร หยุดวิจารณ์แล้วมองแต่ตนดีกว่าเป็นไหนๆ อย่าหาเลยบนโลกออนไลน์

วันนี้มีคนพิมพ์ส่งประโยคดีๆ ให้อ่านแล้วชื่นใจ ก็หลงไปว่าคนนี้ต้องดี พอตกบ่ายคนนี้พิมพ์ส่งประโยคที่ไม่ถูกใจ ก็หลงไปอีกว่าเลว สรุปว่า...อุปาทานตนเองทั้งนั้น

สำรวมอุปาทานตนน่าจะเหมาะสม อย่าปล่อยอุปาทานออกมานอกคอก เก็บๆ ต้อนไว้ให้อยู่แค่คิด ถ้ายังไม่มีวิธีกำจัดอุปาทาน

เสียเวลาคุยว่าฝึกฝน ของปลอมสีตก เชื่อดิ ของปลอมมักกลับกลอกไปมา เชื่อดิ

คนที่มองไม่ออกว่าอะไรคือสัมมา อะไรคือมิจฉา เพราะตกอยู่ในอำนาจความครอบงำของโมหะ รู้จักป่าว..โมหะ เห็นโมหะป่าว ไม่อยู่ในฐานะเป็นเพื่อนเล่นของใคร

แข่งขันกันเพื่อไปสู่ความตาย

อย่าปล่อยให้ความไร้สาระมาพรากวันเวลาแห่งความเพียรไป ปุถุชนเสพนันทิราคะ เสพสิ่งหนึ่งเพื่อสิ่งหนึ่ง ปรุงสิ่งหนึ่งเพื่อสิ่งหนึ่ง

ไม่อ่านข้อความอันเป็นปฏิปักษ์ต่อความเพียร

บัณฑิตมีปัญญา มีวิจารณญานในการแยกแยะ

 

เก็บไว้ไม่ได้ ต้องส่งมาให้

" น้องมีภาวะพลังกับเลือดลมภายในไหลวนไปมาเหมือนก้นหอยแล้วรู้สึกว่าจะเป็นไข้ค่ะ เลยเอาขึ้นไปไว้บนหิ้งพระเพราะเอาไว้ข้างล่างไม่ได้ พออยู่บนหิ้งพระอาการก็หายค่ะ จนวันที่เอาลงมาก็เป็นอีกค่ะ จึงสรุปว่าตนเองไม่มีบารมีครอบครอง แต่ตั้งใจจะถวายแล้วเลยส่งให้ "

เป็นคำบอกเล่าของผู้ส่งค่ะ

หยกสีขาว มีความหมายว่า เป็นสิ่งที่เอาความโชคดีมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งเน้นลงไปถึงพลังจิตใจที่ใสสะอาดเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังนำมาสู่ ความอายุยืนอีกด้วย

เอ...แล้วทีนี้ ลูกแก้วหยกขาวนี้เหมาะที่จะนำไปทำเป็นอะไรดีน้า...รอนิมิตแล้วกัน

 

เช้านี้ที่บ้านฉัน

 

ปรากฏการณ์การรวมตัว
ทะยอยกันเข้ามา
หินสีเหลือง สีม่วง ใสขึ้น มีประกายสดใส

 

บันทึกวันที่ 3/1/62

ทำใจสบายๆ แล้วน้อมนึกลงไปว่า..."นิพพานัง ปัจจโย โหตุ" เราทำไว้ในใจแบบนี้ตอนทำบุญ มันสั้นดีๆ
นึกยาวๆ ไม่ได้ จิตฟุ้ง

ถ้านึกยาวๆ จะเห็นโลภะตัวโตๆ จิตไม่บริสุทธิ์แล้ว
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ ประโยคนี้ไม่ใช่เล็กน้อย
จิตเกาะนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้านึกยาวมันจะไปเรื่องโชคลาภเงินทองคู่ครองคนรักหน้าที่การงาน เรื่องโลกนั่นแหละ

เรื่องธรรมอ่ะสั้นนิดเดียวก็รู้เรื่องนะ สุดท้ายปลายทางแห่งธรรมคือนิพพาน แต่สุดท้ายปลายทางของโลกไม่มี

โลกมันต่อกันไปเรื่อยตามกิเลส กิเลสไม่มีคำว่าพอ มีแต่เอาอีก เอาอีก เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เห็นปลายทางของโลก บ่นกันว่าเหนื่อยทั้งนั้น แต่ไม่ยอมวางมือ วางมือแล้วกลัวอดตาย กลัวตาย ลูกตถาคตไม่กลัวตาย

ใช่ นั่นคือธรรมดาโลก โลกจึงไม่มีสุดท้ายปลายทาง ดังนี้

 

ภาพพระอุโบสถ วัดภูเพียง จังหวัดน่าน ปี พ.ศ.2485

 

เหนียวไก่ กำลังกินเหนียวไก่ ความจริงของอายตนะกับผัสสะ กระทบแล้วเกิดอารมณ์อันก่อเป็นเวทนาให้จิตเสพ จิตเสพแล้วชอบ ไม่ชอบ ไปตามสัญญา เวทนาทั้งหลายเป็นเหตุให้ก่อกรรม มันก็ต้องเห็นจากตนนี่แหละ จะไปเห็นจากคนอื่นได้ไง อยู่กับตนแท้ๆ

กำลังอาหย่อย ข้าวเหนียวร้อนๆ นุ่มๆ พอเคี้ยวแล้วออกรสหวานนิดๆ ละมุนลิ้นเมื่อรวมเข้ากับไก่ทอดเค็มๆ กรอบ มัน แซ่บเว่อ มันตัดรสกันในปากได้ดีจิงๆ การผสมผสานรสชาดในปาก เคี้ยวนานๆ ก็สัมผสรสนั้นได้นานๆ พอกลืนลงคอรสนั้นก็ดับไป ความติดใจทำให้อยากอีก คราวนี้คว้าข้าวเหนียวไก่ย่างปั้นคำโตๆ เลย โลภะก็โลภะเหอะ ก็ชอบก็อยาก เปลี่ยนทุกขเวทนาเพราะหิว เป็นทุกขเวทนาเพราะอยากแทน เวทนาเกิดปรากฏตลอดเวลา

ยังกินเหนียวไก่ไม่หมดเลย 555

 

น้ำพุร้อนให้คุณอย่างหนึ่ง
น้ำพุเย็นให้คุณอย่างหนึ่ง

น้ำพุร้อนช่วยให้เลือดลมไหลเวียนคล่องตัว และต้มไข่ให้สุกได้

น้ำพุเย็นสัมผัสแล้วกายสบายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

ทั้งร้อนและเย็นล้วนมีคุณ หากมองเห็น
หยิบจับมาใช้สอยให้ถูกที่ถูกทาง
ยังอยู่กับโลกคู่ก็ต้องดูให้เป็น
ทุกข์ไม่ไปไหนเสีย อยู่ตรงนี้เหมือนเดิม 555

 

ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ >_< ^__^

 

งานต่อไปค่ะ ชิ้นนี้รออารมณ์ศิลปินนานหน่อย
ขนาดสูง 1 ฟุต

 

สนทนาธรรม 6/1/62

อวิชชาเหมือนหมอกมัว อวิชชาเป็นตัวแม่ของกิเลส 3 กอง เรียกว่าตัวสปาร์คก็ได้

สัตว์นรกก็มีอยู่ในจิตขณะเสวยอารมณ์กิเลสในระดับต่างๆ เราเห็นที่ตัวเองนะ สัตว์นรกตอนที่มันดิ้นรนเพราะความหิวกระหายที่จะเสพในสิ่งที่ต้องการ พอเห็นแล้วตกใจเลย เฮ้ยนี่คือเรารึนี่ มันคือภูมิจิตที่เคลื่อนไปตามภพขณะที่จิตเสพอารมณ์ ตั้งแต่นั้นกลัวมาก ต้องระวังรักษาจิตไม่เข้าไปเสวยอารมณ์อันมีเหตุจากตัณหา เห็นในขณะที่ดูวงจรปฏิจจฯ เห็นตอนที่ตัณหาดับเพราะไม่ได้รับการสนองตอบ แต่วงจรยังเคลื่อนไป
ขันธ์ห้าทำกิจจนจบวงจร ดูด้วยฌานและวิปัสสนา
ชัดมาก ตัณหาดับเกิดปิติที่ไม่เหมือนทุกครั้ง สุขเกินพรรณา จิตพลิกทันที จิตพลิกนี่เป็นภาษาของเราเองนะ ไม่ต้องไปค้นหาว่าคืออะไร

ลองอยู่นิ่งๆ แล้วตามดูมันเมื่อผัสสะแล้ว จะเห็นทั้งเหตุและผลของกระบวนการทั้งหมด

จิตคือจิต ขันธ์ห้าคือขันธ์ห้า ในกระบวนการนั้นส่งต่อสืบเนื่องไปเป็นสันตติโดยมีตัวเชื่อมโยง แม้ไร้ซึ่งอุปาทานขันธ์ เมื่อผัสสะแล้วขันธ์ห้าย่อมทำกิจโดยธรรมชาติ แต่ไม่ก่อภพชาติ ครบวงจรแล้วมันดับไปเอง

ตัวที่เข้าไปรู้นี้คือปัญญาญาน เหนือขึ้นไปอีกนะ
เดิมๆ รู้จากสัญญาบ้าง สติบ้าง พอแระ พูดมากผิดมาก นิโรธมีอานิสงส์มาก

เหมือนแก่นของต้นไม้นั่นแหละ แก่นในแก่นไปจนสุดของแก่น ธรรมทั้งปวงล้วนเป็นอนัตตา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ยึดเมื่อไหร่ก็ไม่ถึงสุดธรรม

เมื่อยังครองขันธ์อยู่ ขันธ์ย่อมดำเนินไป ขันธ์ดำเนินตามวงล้อเป็นปกติเมื่อผัสสะ เหมือนใบของต้นไมยราบ ย่อมสั่นไหวเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก และกลับคืนสู่ความปกติเมื่อแรงสั่นไหวนั้นจบลง

 

"ญานสังวร" คำนี้ผุดขึ้นมาขณะคิดตรึกถึงเรื่องกระแสพลังงานที่จะถามในห้องสนทนาธรรม จะถามหรือไม่ถามดี "ญานสังวร" ก็ผุดขึ้นมาในจิต

หาคำแปลได้ดังนี้ค่ะ คัดลอกมาจากเฟสบุค ข้อธรรม คำสอนพระไพศาล วิสาโส เพียงใจความสำคัญค่ะ

"เราตถาคตกล่าวสติว่าเป็นเครื่องระวังกระแสตัณหา กิเลสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบุคคลละด้วยปัญญานี้ เรียกว่าญานสังวร" _/\_ _/\_ _/\_

 

เพิ่มเติมค่ะ

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

[243] สังวร 5 (ความสำรวม, ความระวังปิดกั้นบาปอกุศล — restraint)

สังวรศีล (ศีลสังวร, ความสำรวมเป็นศีล — virtue as restraint) ได้แก่ สังวร 5 อย่าง คือ

1. ปาฏิโมกขสังวร (สำรวมในปาฏิโมกข์ คือ รักษาสิกขาบทเคร่งครัดตามที่ทรงบัญญัติไว้ในพระปาติโมกข์ — restraint by the monastic code of discipline)

2. สติสังวร (สำรวมด้วยสติ คือ สำรวมอินทรีย์มีจักษุเป็นต้น ระวังรักษามิให้บาปอกุศลเข้าครอบงำ เมื่อเห็นรูป เป็นต้น — restraint by mind—fulness) = อินทรียสังวร

3. ญาณสังวร (สำรวมด้วยญาณ คือ ตัดกระแสกิเลสมีตัณหาเป็นต้นเสียได้ ด้วยใช้ปัญญาพิจารณา มิให้เข้ามาครอบงำจิต ตลอดถึงรู้จักพิจารณาเสพปัจจัยสี่ — restraint by knowledge) = ปัจจัยปัจจเวกขณ์

4. ขันติสังวร (สำรวมด้วยขันติ คือ อดทนต่อหนาว ร้อน หิว กระหาย ถ้อยคำแรงร้าย และทุกขเวทนาต่างๆ ได้ ไม่แสดงความวิการ — restraint by patience)

5. วิริยสังวร (สำรวมด้วยความเพียร คือ พยายามขับไล่ บรรเทา กำจัดอกุศลวิตกที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไปเป็นต้น ตลอดจนละมิจฉาชีพ เพียรแสวงหาปัจจัยสี่เลี้ยงชีวิตด้วยสัมมาชีพ ที่เรียกว่าอาชีวปาริสุทธิ — restraint by energy) = อาชีวปาริสุทธิ.


ในคัมภีร์บางแห่งที่อธิบายคำว่าวินัย แบ่งวินัยเป็น 2 คือ สังวรวินัย กับ ปหานวินัย และจำแนกสังวรวินัยเป็น 5 มีแปลกจากนี้เฉพาะข้อที่ 1 เป็น สีลสังวร. (ดู สุตฺต.อ. 1/9; สงฺคณี.อ. 505; SnA.8; DhsA.351)

Vism.7;
PsA.14,447;
VbhA.330. วิสุทฺธิ. 1/8;
ปฏิสํ.อ. 16;
วิภงฺค.อ. 429