ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

*** มนุษย์ มิจฉาทิฐิ ****

มนุษย์ มิจฉาทิฐิ
นำความคิด ความเห็นมาสอน...ที่ขัดกับ "หลักสัจจะธรรม"....ความจริง<O</O
ไร้ความเมตตา คิดและทำลายธรรม...ทำลายชีวิตมนุษย์ด้วยกัน<O</O
จำเป็นต้องลงโทษ...สถานหนัก<O</O
เขาตาย... เขาไม่ได้สูญสลาย สูญหาย<O</O
แต่เขาจะถูกลงโทษ จองจำ ในสังขารที่ไม่ปรารถนาอีกยาวนานมาก<O</O
กว่าจะเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง<O</O
การตายของมนุษย์มิจฉาทิฐิ...จึงเป็นการลงโทษ<O</O
เหมือนครูที่รักนักเรียน
จึงลงโทษนักเรียนที่ทำผิดฝ่าฝืนคำสั่งแกล้งเพื่อน...ให้จดจำ ให้สำนึก
นี่คือ ความเมตตา มิใช่ความโหดร้าย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<O</O

 

*** ภัยจากคน นำพิบัติสู่ไทย ****

ราชบุรี กาญจนบุรี
สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
ชลบุรี จันทบุรี ตราด เกาะต่างๆในทะเล
นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว
เชียงราย เชียงแสน เชียงใหม่ ดอยปุยใกล้และรอบตำหนัก
จะประสบภัยพิบัติ....อย่างหนัก
เพราะ มีกลุ่มคนจำนวนมาก หลงผิดนอกศาสนา ที่จ้องทำลายธรรม...
พยายามทำลายศาสนาพุทธ แฝงตัว กระจายกำลังอยู่ทั่ว
แอบ แฝง แทรก ซ่อน ทำลาย คอยก่อสิ่งร้าย รุนแรงให้เกิดไปทั่ว
กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ชาวพุทธ และ มุสลิมที่ดี
ดินฟ้าอากาศ...จะลงโทษ
กวาดล้างให้เหลือ เฉพาะผู้ที่เชื่อ และ ปฏิบัติตนด้วย... "สัจจะ"

นักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ
ครูอาจารย์ นักวิชาการ สื่อมวลชน พ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ...ที่ทรยศสัตย์ปฏิญาณ
ขายชาติ ทำลายชาติบ้านเมือง สนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาแบ่งแยกดินแดน
โค่นล้มรัฐบาล รับเงินทุจริต ทำสิ่งผิดๆ
คอยยุยงให้คนไทยทะเลาะ แตกแยกกัน
ชีวิตของท่านจะวิบัติ จาก...ผลการกระทำของตนเอง !!!!!!!

- “ หนุมาน ผู้นำสาร ”

 

*** หลักสัจจะธรรม ****

เราทุกคนอยู่บน "หลักสัจจะธรรม"
คือ ...ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

ทุกการกระทำ ทุกวินาทีของเรา
ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ...จะเจตนา หรือไม่เจตนา....ก็ตาม
เราก็จะต้องรับผลในสิ่งที่เราทำเอาไว้....ต่อไป
นี่แหละ...คือ สัจจะธรรม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** กำหนด ที่ไม่มีใครล่วงรู้ ****

ในส่วนเหตุการณ์ กำหนดภัยพิบัติ
ไม่มีใครสามารถกำหนดได้....เพราะ ขึ้นอยู่กับ “การปฏิบัติสัจจะ” ของมวลมนุษย์
หาก...ไม่มีผู้ใดรับใน “สัจจะ” หนทางปฏิบัติที่องค์โลกุตตระธรรม มอบประทานให้
ภัยพิบัติก็จะเกิดเร็วขึ้น และรุนแรง

แต่หากว่า....มีประชาชนเชื่อ และร่วมกันปฏิบัติสัจจะ ทุกวันเป็นประจำ
ปฏิหาริย์ ก็จะเกิดขึ้นกับประชาชน ...คนที่เชื่อและปฏิบัติตนด้วยสัจจะ

ช่วงเวลาตั้งแต่วันนี้ จนถึง “วันเข้าพรรษา” ของปีนี้
คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
คือ ช่วงเวลาที่เราทุกคนควร รีบทบทวนใน “หลักสัจจะธรรม”

เพื่อให้เกิดการปฏิบัติสัจจะ ร่วมกันของคนไทย
ในวันเข้าพรรษาปีนี้
------- ถวายสัจจะ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำในสิ่งที่ดี ไม่ทำในสิ่งไม่ดี มีกำหนดระยะเวลาถึง วันออกพรรษาของปีนี้ -------

ทั้งหมดนี้ คือ ความตั้งใจจริงที่จะเผยแพร่ “หลักสัจจะธรรม”
และการปฏิบัติด้วยสัจจะเป็นประจำ

อย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาท ใช้ชีวิตไม่เที่ยง ไม่มีการกระทำจากสัจจะ
เวลาหมดลงเรื่อยๆ !!!!!!!

- “ หนุมาน ผู้นำสาร “

 

*** หาก ไม่เชื่อคำเตือน เรื่องภัยแม่น้ำโขง ****

นับเป็นกรรมอย่างยิ่งของชาวไทย...ที่จะต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
แต่หาก....เชื่อ จัดการระเบิดทางน้ำ ...ให้ไหลคล่องและสะดวก
ภัยน้ำจากแม่น้ำโขงครั้งนี้ จะกลายเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศไทยต่อไป...
น้ำจะชะล้างสิ่งสกปรกสะสมต่างๆ จนหมดสิ้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ภัยหนักทางน้ำ ของประเทศไทย จากแม่น้ำโขง ****

ในต่างประเทศ...เขาตื่นตัวเตรียมเรื่อง ป้องกัน หาทางหนีภัย จากระดับน้ำท่วมกันแล้ว
มีหลากหลายองค์กรที่ช่วยกัน ทั้งทางศาสนา วิทยาศาสตร์ และศาสตร์ต่างๆ
เขาเตรียมการวัดระดับน้ำ ที่จะสูงขึ้นทั่วโลกแล้ว
ลำน้ำโขง ภาคเหนือของไทยจาก เชียงแสน ถึง เชียงของ...อเมริกาศึกษาถ่ายภาพไว้หมดแล้ว
แต่คนไทยยังไม่เชื่อ...หาคนเชื่อได้น้อยมาก
ถ้าไม่หาทางป้องกัน...ภาคเหนือ ภาคกลาง จะถูกกระแสน้ำพัดกวาดราบเรียบ

ถ้าจะป้องกัน...
ต้องเตรียมสร้าง ระเบิดทางน้ำใหม่...ให้เป็นทางตรง... จากเชียงแสน ถึงเชียงของ
และสร้างเขื่อน ๒ ข้างทางกัน กระแสน้ำที่พุ่งมาแรงมาก

เวลาปลอดภัย ยังพอมีเหลือ...ให้ทำเสร็จทัน
หากช้า....จะไม่ทัน เพราะสิ่งนี้ คือ กรรม ที่ต้องเผชิญ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ทบทวนคำเตือน ****

*** ภัยประเทศ พ.ศ.๒๕๕๐ กับ การเตรียมแผนรองรับ ****

ปีนี้...ไม่ต้องกลัวขาดน้ำ
การตัดสินใจ...ลดน้ำในเขื่อน...คือ เดินถูกทาง
สถิติน้ำฝน...ล่าสุดจะใกล้เคียง
อย่าเชื่อข้อมูลเก่าๆ....จะทำตัดสินใจผิดพลาด
ความเสียหายจะใหญ่หลวง
เพราะ...ภัยจากเขื่อน = ปริมาณน้ำที่เก็บ + แผ่นดินไหว
หากเชื่อ...และแก้ไขถูกทาง
ภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต....จากหนักมาก...จะเหลือเป็น หนักธรรมดา

เรื่องชายฝั่งทะเล
ระดับน้ำทะเลมีแต่จะสูงขึ้นเรื่อย...ในอัตราที่เพิ่มขึ้น
การทุ่มงบประมาณ ทุ่มทุน...สู้ภัยน้ำทะเล....มีแต่สูญเปล่า ไปกับคลื่นทะเล
เราควรที่จะนำเงินไปพัฒนา...ปรับเตรียมพื้นที่ เพื่อโยกย้ายสูงขึ้น....
จึงต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด....จากภัยหลายรูปแบบ ...ต้องคิดให้รอบคอบ !!!!!!!

เมืองหลวงกรุงเทพ...และพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก
เคยเป็นทะเล...มีทั้งโคลนที่อ่อนนุ่ม
ระดับน้ำทะเล จะสูงขึ้น ...จึงต้องมีแผนโยกย้าย
และ เริ่มเตือน...ให้ประชาชนรู้ถึง....ภัยในอนาคตอันใกล้ !!!!!!!

การบอกเตือนประชาชนด้วยความจริง
แม้ว่า...จะเสียหายเรื่องการลงทุน....แต่ก็เป็นไม่นานนัก
เพราะ พื้นที่ที่จะโยกย้ายไปใหม่...ย่อมปลอดภัยสูงกว่า...มั่นคงและน่าลงทุน มากกว่า
ชาวต่างชาติจะสนใจมาลงทุนจำนวนมาก !!!!!!!

เรื่องพายุขนาดใหญ่
แบบ แคทเทอรีน่า ที่อเมริกา
จะเกิดขึ้นบริเวณอ่าวไทยได้ง่าย...จะขึ้นฝั่งที่เมืองหลวงกรุงเทพ
พายุจะหอบน้ำทะเล...ให้ยกตัวระดับสูง น้ำจะเข้าท่วมไปทั่ว
สภาพจะเหมือนที่อเมริกาโดนถล่ม
จึงต้องมีแผนเตรียมการอพยพรองรับ
แบ่งประชาชนเป็นเขตเป็นโซน
การอพยพ...ต้องไม่ไปในทางเดียวกัน

 

บทกลอนที่ฝากถึง

*** โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต ****

ค่อยๆ ปรากฏทีละบรรทัด
หากจะข้ามไปบรรทัดหลังๆ ที่ดี...มีทางเดียว คือ...พึ่งโลกุตตระ และสัจจะ
จึงจะรอดพ้นกรรมใหญ่ครั้งนี้ได้
ที่สุดของปฏิหาริย์ โคตรของปฏิหาริย์...อยู่ที่ "สัจจะ"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

มีภัยพิบัติเกิดขึ้นที่พัทยาครับวานนี้ เพื่อนๆที่อยู่ในเขตชายทะเลให้เริ่มระมัดระวังพายุฝนโหมกระหน่ำเอาไว้บ้าง หากมีพายุให้รีบหาที่ปลอดภัยหลบลมเอาไว้ก่อนครับ

<TABLE class=tborder id=post612676 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>tanawat<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_612676", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:46 AM
วันที่สมัคร: Apr 2006
ข้อความ: 136 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 394 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 379 ครั้ง ใน 57 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 66


</TD><TD class=alt1 id=td_post_612676 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พายุฝนกระหน่ำพัทยากลายเป็นเมืองบาดาลในพริบตา
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุฝนกระหน่ำพัทยากลายเป็นเมืองบาดาลในพริบตา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 กรกฎาคม 2550 23:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวศรีราชา-พายุฝนกระหน่ำเมืองพัทยาน้ำท่วมครึ่งเมืองรถติดเป็นอัมพาต ขณะที่เกิดเหตุดินทรุดกำแพงห้างดังถล่ม ส่วนชายหาดนักท่องเที่ยวแตกตื่นหลังพายุพัดกระหน่ำต้นไม้ใหญ่หักโค่นตลอดแนว

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ปรากฏว่ามีลมพายุ และฝนฟ้าคะนองตกมาอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ทำให้ถนนทุกสายโดยเฉพาะบนถนนสุขุมวิท ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกจากเมืองพัทยา รวมถึงถนนสายหลักในเมือง มีปริมาณน้ำท่วมขังเป็นจำนวนมากระดับความสูงกว่า 30 ซม. ส่งผลให้ยานยนต์ที่สัญจรไปมาติดขัดเป็นทางยาวโดยไม่มีทีท่าว่าฝนจะเบาบางลงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ด้วยปริมาณน้ำท่วมขังที่มีจำนวนมากทำให้ผนังกำแพงปูนของโครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าภายในซอย 9 พัทยากลาง ระดับความสูงกว่า 2 เมตร เป็นแนวยาวกว่า 150 เมตร ถูกน้ำกัดเซาะใต้ฐานทำให้พังถล่มลงมาทับรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย

ส่วนตามแนวพื้นที่ชายหาดพัทยาไปจนถึงจอมเทียน ปรากฏว่าต้นไม้ขนาดใหญ่ ประเภท ก้ามปู ต้นไม้ ถูกพายุพัดหักโค่นลงมาขวางตามแนวชายหาดและถนน จนทำให้การสัญจรไปมาติดขัด รวมไปถึงระบบไฟฟ้าหลักของเมืองพัทยา ซึ่งพบว่าเกิดปัญหาขัดข้องกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจนดับไปกว่า 30 % ของพื้นที่ โดยกรณีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่เมืองพัทยาได้ร่วมกับกลุ่มอาสาสมัคร และหน่วยกู้ภัย เตรียมระดมพลกว่า 100 นาย เพื่อลงพื้นที่คลี่คลายสภาพปัญหา โดยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

การเสด็จมาของพระคริสต์
กับสงครามอารมาเกดโดน
(วิวรณ์บทที่ 19:11 - 20:3)



​

ภาพที่ยอห์นได้เห็นต่อมาคือ สวรรค์เปิดออก พระคริสต์ผู้ทรงม้าขาว พร้อมด้วยพลโยธาในสวรรค์ได้ลงมายังโลกนี้ นี่เป็นการเสด็จมาครั้งที่ 2 ตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ซึ่งต่างจากการเสด็จมาปรากฎบนฟ้าอากาศรับคริสตจักรขึ้นไป (1 เธสะโลนิกา 4:16-17) วอร์เรน ดับเบิลยู ไวส์บี พูดไว้ดีมากว่า

การเสด็จมาครั้งนี้ของพระคริสต์ ไม่ใช่มารับคนของพระองค์กลับบ้าน แต่เสด็จมายังโลกนี้พร้อมด้วยคนของพระองค์ เพื่อปราบศัตรูและตั้งพระราชอาณาจักรของพระองค์ (He is not coming in the air to take his people home, but to the earth with his people to conquer His enemies and establish His kingdom)

การเสด็จมาครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 ของพระคริสต์แตกต่างกันมากเปรียบเทียบได้ดังนี้

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=7 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top>

การเสด็จมาครั้งแรก ​

</TD><TD vAlign=top>

การเสด็จมาครั้งที่ 2 ​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top>1. เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ โดยผ่านครรภ์ของหญิงพรหมจารีย์ มารีย์ (มัทธิว 1:23)
</TD><TD vAlign=top>1. เสด็จมาจากสวรรค์ในลักษณะ จอมกษัตริย์ และจอมเจ้านาย (วิวรณ์ 19:11,16) เหล่าพลโยธาตามเสด็จมาด้วย (วิวรณ์ 19:14)
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>2. ทรงประทับอยู่ที่รางหญ้า (ลูกา 2:7)
</TD><TD vAlign=top>2. ทรงประทับบนพระบัลลังก์ (วิวรณ์ 20:4)
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>3. ทรงเป็นพระเมษโปดกที่ถวายพระองค์ เองเป็นเครื่องบูชา อันปราศจากตำหนิ (ฮีบรู 9:28)
</TD><TD vAlign=top>3. ทรงเป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย ตามการกระทำของมนุษย์ที่ได้กระทำ (20:11-13) ยกเว้น ผู้ที่มีชื่อในหนังสือแห่งชีวิต ของพระเมษปโดก (20:15, 21:27)
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>4. สำเร็จแล้ว (ยอห์น 19:30) แผนการทรงไถ่มนุษยชาติให้รอด สำเร็จแล้วที่กางเขน
</TD><TD vAlign=top>4. เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน (วิวรณ์ 22:20) เพื่อปกครองโลกนี้ ตามที่ได้สำแดงนิมิตไว้ (วิวรณ์ 20:4)
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>5. ผู้ที่เชื่อวางใจจะได้ชีวิตนิรันดร์ไม่พินาศ (ยอห์น 3:16)
</TD><TD vAlign=top>5. ผู้ที่เชื่อวางใจ ได้ดำรงชีวิตนิรันดร์กับพระองค์ (วิวรณ์ 22:4-5)
</TD></TR></TBODY></TABLE>

พระธรรมตอนนี้ยังได้พูดถึงพระนามของพระคริสต์หลายพระนามด้วยกัน และแต่ละพระนามก็มีความหมายและเหตุผลเฉพาะ

1. พระนามว่า สัตย์ซื่อสัตย์จริง (19:11) คำนี้ยืนยันให้เห็นถึงความสัตย์จริงต่อพระสัญญาของพระองค์ ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับสัตว์ร้ายที่อสัตย์อธรรม ตามการอธิบายของทัศนะก่อนพันปี (Premillennial) ว่าสัตว์ร้ายได้ทำสัญญากับชนชาติอิสราเอลที่จะอยู่อย่างสันติร่วมกันสามปีครึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ทำลายสัญญา มันใช้วิถีทางล่อลวงให้ประชาชาติมาต่อสู้กับธรรมมิกชน และต่อต้านการเสด็จมาปกครองยังโลกของพระเยซูคริสต์

2. พระนามที่จารึกไว้บนมงกุฎซึ่ง ไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์ (19:12) นี่เป็นพระนามใหม่ที่เราไม่รู้จัก ซึ่งอาจเป็นพระนามที่พระองค์สัญญาให้กับคริสตจักรที่มีมงกุฎแห่งชัยชนะ (3:12) ด้วยเหตุที่ไม่มีผู้ใดรู้จักเลย จึงไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็ให้ความรู้สึกว่ามีสิ่งใหม่อีกมากที่ต้องเรียนรู้ในสวรรค์

3. พระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ พระวาทะของพระเจ้า (19:13) ในพระธรรมยอห์น บทที่ 1:1-14 ได้บ่งบอกว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระวาทะ พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สำเร็จแผนการณ์แห่งความรอดของพระเจ้า และจะทรงพิพากษามนุษย์ด้วยพระวาทะ (ยอห์น 5:22)

4. จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย (King of Kings and Lord of Lords (19:16) เป็นพระนามที่บ่งบอกความเป็นเอกและเป็นจอมกษัตริย์ของพระเยซูคริสต์ (1 ทิโมธี 6:14-16) ซึ่งสำเร็จตามคำพยากรณ์ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ พระองค์เท่านั้นที่มีสิทธิอำนาจในการมาปกครองในโลกนี้ 1,000 ปี

พระคริสต์ได้ใช้พระแสงจากพระโอษฐ์ทำลายบรรดาประชาชาติที่มาทำสงครามกับพระองค์ โดยการนำของสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ (16:14-16) ผลของสงครามอารมาเกดโดน สัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ถูกจับทิ้งลงไปในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน ส่วนเหล่าทหารนั้นถูกฆ่าด้วยพระแสง ที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และมีทูตองค์หนึ่งถือกุญแจบาดาลและโซ่ใหญ่ ออกมาจับพญามารมัดไว้ และทิ้งลงในบาดาลลั่นกุญแจ ประทับตราไม่ให้มันล่อลวงประชาชนได้อีกต่อไปเป็นเวลา 1,000 ปี

ที่มา http://www.geocities.com/janejira_jc/Rev/Rev_11.htm
​

 

เรื่องของพระเมสิอาร์ กับ พระศรีอริยเมตไตรย์



ตอนที่พระพุทธเจ้าเทศนาธรรมนั้น ได้ทรงตรัสแก่พุทธบริษัทว่า จะมีพระศรีอริยเมตไตรย์ลงมากำเนิดในยุคปลาย โปรดสัตว์โลกทั่งไปครั้งยิ่งใหญ่จัดการเรื่องธรรมกิจเสร็จสมบูรณ์ที่สุด พอพระพุทธเจ้าตรัสเสร็จ มหาชนและพุทธบริษัทจึงคุกเข่ากราบพระพุทธบาทพร้อมทั้งตั้งมหาปณิธานว่า ในอนาคตจะพร้อมใจอุทิศร่างกายช่วยพระศรีอริยเมตไตรย์และประกอบธรรมให้บรรลุผลสมบูรณ์ในธรรมกิจ อาจมีหลายๆท่านที่เคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย ไม่มีใครทราบได้

"พระเยซู"ท่านก็ตรัสว่า ท่านจะมาพิพากษาพิจารณาตัดสินโลกมนุษย์ในยุคปลาย หลังจากนั้นก็จะเกิดฟ้าดินใหม่ อีกพระนามหนึ่งของพระเยซูคือก็คือ"เมสิอาร์"(Messiha) ในเหตุการณ์ช่วงนั้นพระเยซูสอนธรรมได้เพียง 3 ปีเท่านั้นจึงต้องใช้อิทฤทธิ์เพื่อให้เกิดความศรัทธากับเหล่าสาวกให้เร็วที่สุด พระส่วนพระพุทธเจ้าของเราโชคดีตรงที่ท่านมาเกิดในช่วงที่แผ่นดินมีความสงบสุข จึงมีเวลาสอนธรรมยาวนานกว่าถึง 40 ปี จึงลึกซึ้งต่างกันไปเป็นธรรมดา ทั้งๆก็คือแก่นธรรมเดียวกันทั้งหมด

ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า ทางพุทธศาสนากล่าวว่า จะมีพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งมาบังเกิดนามว่า "เมตไตร์" (Maitreya) ท่านจะมาจัดการพิจารณาตัดสิน ให้โลกกลายเป็นโลกแห่งอริยะ พูดได้ว่าพระเยซูจะมาใหม่อีก ก็คือท่านพระศรีอารยเมตไตรย์ พระเยซูท่านก็คือร่างจุติของพระศรีฯ (แบ่งพระภาคเพื่อมรรคา-ปูหนทางเอาไว้)

แตเชื่อว่าหลายท่านต้องสงสัยว่าทำไม ? ท่านมาเร็วไปหรือเปล่า พุทธศาสนายังไม่ทันครบ 5,000 ปีเลย เก็บความสงสัยไว้ก่อนครับ...เหมือนผมก็เคยสงสัย บางทีข้างบนท่านอาจจัดสรรบางอย่างใหม่เพื่อให้โลกพร้อมดำเนินต่อไปได้อย่างสงบสุขก็เป็นได้ เรื่องของฟ้า-ดินกำหนด ไว้รอการประจักษ์แจ้งกันภายหลัง หากเราได้มีโอกาสรอดข้ามยุคนี้ไปได้ เป็นยุคทองของฆราวาสโดยแท้ และนักบวชห่มผ้าเหลืองก็มีอยู่เช่นเดิมครับ โลกจะสงบสุขต่อไปอีกหลายพันปี ท่านจะครองธรรมกาลไปจนครบรอบ 10,800 ปี เพื่อเก็บเกี่ยวจิตญาณครั้งใหญ๋ ถือเป็นช่วงเก็บงานครั้งสุดท้ายบนโลกใบนี้ หลังจากนั้นจะเก็บฟ้า เก็บดิน ซ่อมแซมโลกครั้งใหญ๋ เป็นยุคถดถอยลงของมนุษย์โลกอีกครั้ง (รอบมหายุค=126,900 ปี ตอนนี้ล่วงมากว่า60,000 ปีแล้ว)

ข้อมูลนี้มีความน่าสนใจอยู่ นำมาจากหนังสือสายอนุตรธรรมที่บันทึกไว้ เลยนำมาขยายความให้พี่เกษมครับ..พิจารณาตามอัทยาศัยครับเพราะเป็นเรื่องของอนาคต รู้ไว้และอยู่กับปัจจุบันดีที่สุดครับ

 

การมาของ ​

 

*** เลข ๗ ****

*** วันดี ****

เลข ๗ ...คือ สัญญาลักษณ์ชอง โลกุตตระ
พรุ่งนี้...วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๐....จะเป็นวันที่ดี
สัจจะ...การกระทำจะปรากฏ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE style="WIDTH: 424px; HEIGHT: 213px" cellSpacing=1 cellPadding=2 width=424 align=center border=0><TBODY><TR><TD>มหันต์เอย</TD><TD>มหันตภัย</TD><TD>อะไรเล่า</TD></TR><TR><TD>ซึ่งแผดเผา
</TD><TD>โลกร้อน</TD><TD>มิผ่อนผัน</TD></TR><TR><TD>มหันต์เอย</TD><TD>มหันตภัย</TD><TD>อะไรกัน</TD></TR><TR><TD>คำตอบคือ</TD><TD>มนุษย์นั้น</TD><TD>มหันตภัย</TD></TR><TR><TD> มวลมนุษย์</TD><TD>มุ่งหมาย</TD><TD>เป็นนายโลก</TD></TR><TR><TD>อุปโลกน์</TD><TD>สิ่งเสริม</TD><TD>ซ้ำเติมใส่</TD></TR><TR><TD>จนโลกนี้</TD><TD>บอบช้ำ</TD><TD>ระกำใจ</TD></TR><TR><TD>น้ำตาไหล</TD><TD>เศร้าโศก</TD><TD>หนอโลกเอย
</TD></TR></TBODY></TABLE>
จากหนังสือ " เจ็บ...แต่ก็...โอเค "

(f)

 

7777 เขียนคล้ายๆ 11 :11 Binary
วันนี้จัดอันดับ7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
จัดคอนเสริทลดภาวะโลกร้อน 7 ทวีป
Falkman โทรมาบอกข่าวตอน 7 โมงเช้า ขณะกำลังรอดู Dragon Ball 7ลูกพอดี
เด็กที่มาเกิดในแท็กซี่ทะเบียน 7777 คงไม่บังเอิญแน่ เด็กยุคพลังงานใหม่จากฟ้าสีคราม++

 

รัตนะทั้ง ๗ ของพระเจ้าจักรพรรดิ์​

​

ตามข้อความที่มีกล่าวในพระไตรปิฏก การบังเกิดขึ้นของพระเจ้าจักรพรรดิ์ในโลกมนุษย์ จะมีสิ่งที่เรียก แก้วรัตนะ ๗ ประการ บังเกิดขึ้นดังนี้

1. จักรแก้ว ขึ้นมาจากมหาสมุทร แล้วเหาะมาหาพระองค์ มีอิทธิฤทธิ์มาก
2. ช้างแก้ว ช้างฉัททันต์ เหาะมาจากป่าหิมพานต์ เมื่อพระองค์ระลึกถึง
3. ม้าแก้ว ม้าพลาหกอัศวราช ม้าคู่บุญของพระเจ้าจักรพรรดิ์ เหาะมาเมื่อพระองค์ระลึกถึง
4. แก้วมณี เหาะมาทางอากาศ บังเกิดขึ้น เมื่อพระองค์ระลึกถึง
5. นางแก้ว พระมเหสีคู่บารมีพระองค์ มีความงดงามกว่าหญิงใดๆ ในเมื่อง มนุษย์
6. ขุนคลังแก้ว ขุนคลังที่มีตาทิพย์ หูทิพย์ ได้ด้วยบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์
7. ปริณายกแก้ว ขุนนางคู่พระบารมี ค่อยจัดการงานราชการต่างแทนพระองค์เป็น บุคคลที่มีปัญญามาก

นับได้ว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์อย่างสิ่ง ที่จะมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น เพราะโลกของเรานี้เป็นเมืองมนุษย์ อีกอย่างรัตนแก้วทั้ง ๗ เป็นสมบัติของพระองค์ จะมีได้ก็ด้วย การที่พระเจ้าจักรพรรดิราชยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ หากพระทรงเสด็จสรรคตไป แก้วรัตนะ ๗ ประการก็จะหายไป

อานุภาพแห่งจักรแก้ว
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->การเคลื่อนไหวของจักรแก้ว ในคัมภีร์นั้นกล่าวว่า

" เมื่อจักรแก้วปาฏิหาริย์ไปทั่วโลกนั้น คนทั้งหลายจะโต้เถียงกันไม่รู้สิ้นสุด บ้างก็ว่าแสงประหลาด บ้างก็ว่านิมิตร้ายและดีของโลก บ้างก็ว่าพระเจ้าบันดาล บ้างก็ว่าดาวบิน บ้างก็ว่าวิทยาศาสตร์บันดาล บ้างก็ว่าจิตศาสตร์บันดาล " เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบไม่นาน จานผีหรือจานบินก็ลอยอยู่เหนือประเทศต่างๆ เกือบทั่วโลก ชาวอเมริกันพากันยืนยันว่า " จานผีมีรูปร่างคล้ายจักรหรือจานมหึมา ครางหึ่งๆ ไปบนอากาศมีรัศมีสีสันอย่างน่ากลัว และมีจ่าฝูงคล้ายเครื่องบินผีควบคุมไปด้วยมีความเร็วชั่วโมงละ 1,200 ไมล์ จะเป็นอำนาจวิทยาศาสตร์หรือจิตศาสตร์ก็ยังไม่มีใครเข้าใจตลอด จานผีจึงลึกลับอยู่ "

ผู้เขียนเข้าใจว่า " จานผี " หรือ " จานบิน " หรือ " ยู.เอฟ.โอ " นั้นไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากจิตศาสตร์ของพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์บันดาลให้เกิด เพื่อเป็นลางนิมิตให้ชาวมนุษย์เตรียมตัวคอยพบจักรแก้วแห่งศรีอาริยยุคในอนาคตอันใกล้นี้โดยเฉพาะเท่านั้น หรือใครจะเห็นอย่างไรก็มีเสรีภาพ

จักรแก้วนั้น ตามธรรมดาย่อมจมอยู่ในมหาสมุทรเป็นจักรพรรดิของแก้วแหวนเงินทอง ใต้ท้องมหาสมุทร จึงได้นามอีกอย่างหนึ่งว่า " อะเนกะระตะโน " แปลว่า " มากไปด้วยแก้ว " ในคัมภีร์กล่าวว่า ในท้องมหาสมุทรที่ลึกที่สุดนั่น มีแก้วมุกดาน้อยใหญ่ มีขนาดกลมยาวต่างๆกัน แก้วมณีสีแดงและสีเขียว แก้วไพฑูรย์มีสีสองสถาน คือมีสีดังทองและดอกซึก แก้วบางอย่างมีสีสันเป็นสังข์ต่างๆ เช่น สังข์ทักขิณาวัฏและสังข์ทองขนาน และสังข์เป่า เป็นต้น แก้วศิลาสีดำ และสีขาวดั่งสีมุก เป็นต้น แก้วลายมีสีดั่งทองก็มีมาก ด้วยเหตุว่าสะดือทะเลส่วนลึกที่สุดนั้น ย่อมเต็มไปด้วยแก้วและมากไปด้วยแก้วสีต่างๆ สุดที่จะรำพัน

เมื่อพระบรมจักรมาปรากฎแก่โลกแล้ว จิตตานุภาพแห่งบุญฤทธิ์จะดึงดูดเอาจักรวิเศษนั้นมาก่อน และจักรวิเศษก็จะดึงดูดเอาแก้วต่างๆ ขึ้นมาภายหลัง เราจะทราบข้อเท็จและจริงกันในยุคนั้นแน่ๆ มิฉะนั้น ตำรับตำราเหล่านี้ก็จะต้องถูกเผาไฟทิ้งหมด ศาสนาพุทธก็จะทรุดโทรมกันเพียงนี้เอง เป็นเรื่องโกหกตอแหลกันมานับพันๆ ปี และจะงมงายสืบต่อกันไปอีก อนึ่ง จักรรัตนะ แปลกันว่า " โคตรเพชร "

ในจักรวัตติสูตรแห่งคัมภีร์อังคุตตรนิกายท่านพรรณนาคุณวิเศษของจักรแก้วไว้ว่า

" จักรแก้วนั้นมีลักษณะเหมือนกงรถหรือกงเกวียนประกอบขึ้นด้วยดุมหรือกงหรือกำ ซี่กำแห่งจักรแก้วนั้นมีถึง ๑,๐๐๐ ซี่ และมีรัศมีต่างๆ เมื่อผัดผันไปในอากาศ จะมีเสียงครางกระหึ่มประกอบด้วยความไพเราะเหมือนดนตรีทิพย์ องค์บรมจักรจะดำรัสสั่งให้ทำอะไรก็ได้ เช่น คำว่า " ปะวัตตะตุ ภะวัง จักกะระตะนัง " แปลว่า " จักรแก้ว ท่านจงยังอานุภาพให้เป็นไปในกาลบัดนี้ " เมื่อจักรแก้วแสดงอานุภาพ เช่น หอบองค์บรมจักรเหาะลอยไปในอากาศนั้น น้ำในแม่น้ำและทะเลทั่วไปจะตีฟองกระฉอกขึ้นเป็นฝอยจนถึงกงจักร แก้วแหวนเงินทองก็จะลอยขึ้นจากท้องน้ำท้องทะเลตกไปอยู่บนแผ่นดิน ประชาชนพลโลกก็จะเพลิดเพลินด้วยการเก็บเอาสมบัติอันมีค่าเหล่านั้นด้วยความพอใจ อนึ่งจักรแก้วนี้ มีความเร็วอย่างที่สุด เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่ พระเจ้าบรมจักรย่อมจะไปตรวจจักรภพต่างๆ ด้วยกำลังของจักรแก้ว แล้วกลับมาเสวยพระกระยาหารเช้าทันทุกวัน

อนึ่ง จักรแก้วกับมณีแก้ว ทั้งสองอย่างนี้ ในคัมภีร์กล่าวไว้ว่าเป็นรัตนอันศักดิ์สิทธิ์ มีมหิทธาศักดานุภาพล้ำเลิศ อาจนำเอาฝูงมนุษย์เหาะลอยไปในอากาศเป็นจำนวนหมื่น แสน โกฏิ ได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์กลไกใดๆ ไว้ที่ก้นของผู้เหาะดังเช่นการเหาะของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ (ปรากฏข้อความในคัมภีร์พุทธวงศ์และจักกวัตติสูตร) พระเจ้านันทราชบรมจักร ในศาสนาพระพุทธเจ้ามังคละ แม้อีก ๗ วันพระองค์จะเสด็จออกทรงบรรพชา และจักรแก้วกำลังจะอันตรธานอยู่แล้ว ถึงกระนั้นก็ยังพาบริวารประมาณหลายสิบล้านเหาะลอยไปบวชในสำนักพระพุทธมังคละสิ้นด้วยกัน

ทั้งนี้ก็เนื่องจากจักรแก้วนี้มีอานุภาพมากมายเหลือหลาย อันเราจะได้ประสบพบข้อเท็จและจริงในอนาคตอันใกล้นี้
<!-- / message --><!-- sig -->
ข้อมูลจากหนังสือ " พระศรีอาริย์เจ้าโลก " รวบรวมโดยรหัสยญาณ ผู้จัดพิมพ์ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป โทร. 8640434-5 แฟกซ์ 4123087

 

มหัศจรรย์เล็กๆของ Toutou

พอดีเหลือบไปเห็นเลยจับภาพมาฝากคะ

 

มหัศจรรย์มากครับ คุณตู่..
ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก อากาศวิปริตแปรปรวนไปทั่วโลกเลยคับ ^-^
เรื่องดีๆก็มีเยอะ ถือเป็นวันพิเศษอีกวันนึงครับ