ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชวนรู้(วิทยา)ศาสตร์ ก่อน “สาดน้ำ” ในวันสงกรานต์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 เมษายน 2552 10:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

ประเพณีไทยที่สืบสานกันมาแต่โบราณสามารถอธิบายนำวิทยาศาสตร์ เข้าไปให้ความรู้ได้ในกิจกรรมต่างๆ​

“เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเรียกว่าเป็นเทศกาลแห่งครอบครัว ที่ญาติพี่น้องจะได้กลับมารวมกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาสนุกสนาน ที่หลายคนจะได้ “สาดน้ำ” เพื่อคลายร้อนในช่วงเวลาที่ “ร้อนสุดๆ” แห่งปี ควบคู่ไปกับประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ แต่หลายคนอาจไม่เคยนึกมาก่อนว่า ประเพณีที่สืบสานกันมายาวนานนี้ยังมีความรู้ “วิทยาศาสตร์” ที่แฝงอยู่ด้วย

ตามข้อมูลของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ชี้ให้เห็นว่า เราสามารถนำวิทยาศาสตร์มาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ได้ โดยกิจกรรมต่างๆ ที่เราปฏิบัติกันในช่วงนี้ สามารถนำหัวข้อวิทยาศาสตร์อย่าง การถ่ายโอนความร้อน การไหลของของไหล ความดันอากาศ แรงเสียดทาน และความตึงของผิวน้ำมาอธิบายได้

ลองมาดูว่าในประเพณีที่สืบทอดกันมานานนั้น วิทยาศาสตร์จะอธิบายอะไรได้บ้าง

เริ่มจากการถ่ายโอนความร้อน หลักการมีอยู่ว่า ถ้าบริเวณที่สัมผัส มีอุณหภูมิของต่างกัน จะเกิดการถ่ายโอนความร้อนให้แก่กันขนอุณหภูมิเข้าสู่สมดุลหรือได้อุณหภูมิเท่ากัน อีกทั้งความร้อนยังถ่ายโอนจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า

แน่นอนว่าเทศกาลหนีไม่พ้นเรื่อง"สาดน้ำ" ซึ่งวิทยาศาสตร์อธิบายได้ โดยอาจารย์รังสรรค์ ศรีสาคร นักวิชาการสาขาฟิสิกส์จาก สสวท. อธิบายว่า “น้ำ” กับ “ผิวหนัง” นั้นมีอุณหภูมิต่างกัน เมื่อน้ำสัมผัสผิวหนัง น้ำที่เย็นกว่าจะดูดความร้อนจากผิวหนังไปทันที และเมื่อเกิดการถ่ายโอนความร้อนดังกล่าว ร่างกายจะเย็นลง หากเปลี่ยนจากน้ำมาเป็น “แป้ง” หรือ “ดินสอพอง” ผสมน้ำ จะได้การถ่ายโอนความร้อนที่ดีกว่า

นอกจากนี้ เรื่องความตึงผิวของน้ำยังเป็นหลักการที่สาวๆ ควรรู้ไว้ ก่อนแต่งตัวออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ โดยอาจารย์รังสรรค์ได้เตือนว่า หากใส่เสื้อผ้าบางๆ แล้วอาจทำให้ “โป๊” อย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากความตึงผิวของน้ำทำให้เนื้อผ้าแนบตัวเราได้

แม้จะมีคำเตือน และข้อห้ามเกี่ยวกับการใช้ “ปืนฉีดน้ำ” แต่สงกรานต์ของหลายๆ คนคงกร่อยไม่น้อยหากขาดอาวุธคู่กายนี้ แต่ก่อนหยิบขึ้นมาทำ “สงครามน้ำ” กับใครๆ ลองไปทำความรู้จักกับกลไกในของเล่น ที่ดูแสนจะธรรมดานี้ว่า มีวิทยาศาสตร์อะไรบ้างที่แอบซ่อนอยู่

ตามคำอธิบายของอาจารย์ราม ติวารี นักวิชาการสาขาฟิสิกส์อีกท่านจาก สสวท. บอกว่า กลไกสำคัญของของปืนฉีดน้ำคือ การทำให้ภายในปืนฉีดน้ำนั้นเป็น “สุญญากาศ” ก่อน

จากนั้นความดันอากาศจะดันน้ำให้เข้าไปในกระบอกปืน เมื่อถึงจังหวะที่เราออกแรงบีบเพื่อดันน้ำออกไปแล้วปล่อยมือจากก้านบีบ จะเกิดภาวะสุญญากาศขึ้น และทำให้ลูกสูบดูดน้ำเข้าไปอีก เมื่อเราฉีดน้ำออกไปก็จะเกิดกลไกหลักนี้วนต่อไปเรื่อยๆ

หลักการของปืนฉีดน้ำนั้น คล้ายกับการใช้หลอดดูดน้ำ หรือเมื่อเราใช้หลอดหยดยา โดยเมื่อเราดูดที่ปลายหลอดจะทำให้ความดันอากาศในหลอดลดลง และทำให้ความดันอากาศภายนอกดันน้ำให้ขึ้นไปตามหลอดดูดนั่นเอง

“ขนาดท่อของปืนฉีดน้ำ ก็มีผลต่อความแรงของน้ำที่ฉีดออกไป หากท่อของ ปืนฉีดน้ำมีขนาดใหญ่แต่มาบีบที่ปลายปากท่อให้เล็กลง ทำให้ปากท่อเล็กกว่าตัวท่อ ความเร็วของน้ำที่ฉีดออกไปก็จะมากขึ้น เหมือนสายยางรดน้ำ ซึ่งเมื่อเราบีบปลายสายยางไว้ น้ำก็จะฉีดแรงขึ้น ตรงกับหลักการที่ว่าเราสามารถเพิ่มความเร็วโดยการทำให้พื้นที่หน้าตัดเล็กลง” อาจารย์รามอธิบาย

อย่างไรก็ดี แม้กระสุนจากปืนฉีดน้ำจะไม่ใช่ลูกตะกั่วที่ทำอันตรายถึงชีวิต แต่ทาง สสวท.ก็ได้เตือนว่า ปืนฉีดน้ำนั้นทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ทั้งนี้หากปืนฉีดน้ำมีแรงดันสูงๆ ก็กระแทกนัยน์ตาแล้วทำให้ตาบอดได้

อันตรายที่ยังตามมาได้อีกจากสงกรานต์ อธิบายได้ด้วยหลักการ “แรงเสียดทาน” โดยช่วงเทศกาลนี้บางแห่งเล่นสาดน้ำกันจนถนนไม่แห้ง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการลื่นล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ทั้งนี้เพราะเวลาที่เราเดินหรือขับรถนั้นจะเกิดแรงเสียดทาน หากเกิดแรงเสียดทานไม่มากพอจะทำให้ลื่นได้ และน้ำกับแป้งที่เราเล่นในช่วงสงกรานต์นั้น เมื่อไปกองอยู่ที่พื้นจะทำให้พื้นมีแรงเสียดทานลดลง

ได้ความรู้กันไปเต็มๆ แล้ว สงกรานต์นี้หวังว่าหลายคนคงจะ “สาดน้ำ” ได้สนุกสนานและปลอดภัยมากขึ้น

ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000040819

 

จะปีใหม่แล้ว ขอข้อมูลข่าวที่เป็นประโยชน์ ไม่เคลือบแฝงด้วยการเมืองเข้าข้างโน้นข้างนี้มองดูให้ชวนคิดฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูกมีแต่ได้ คู่ สูญเสีย เสนอแง่คิดอย่างคนมีสติ มีความเมตตาต่อบุคคลอื่น จะไม่มีใครผิดเลยปล่อยวางๆ ปะแป้งๆ รดน้ำๆ

ขอความพิพัฒน์สมบูรณ์พูลผลจงมีแด่ชาวพุทธ ทุกท่านตลอดกาลละนานเทอญ..
*-*ยังรักทุกท่านเสมออุสส่าทำกันมาอย่าขัดคอกันเลยชาตินี้ มาเจอกันทั้งที*-*

 

นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล​

​

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. - นายกฯ ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไขให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลจะหลีกเลี่ยงความสูญเสียหรือเป็นเงื่อนไขที่จะให้เกิดความลุกลาม

ทั้งนี้ มีคำสั่งให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน.-สำนักข่าวไทย

2009-04-12 14:44:21

ที่มา http://news.mcot.net

นายกฯอภิสิทธิ์ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพ และในอีก 5 จังหวัด ตั้ง "สุเทพ" รับผิดชอบ คุมม็อบเสื้อแดง

ในวันนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.35 น. ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้แถลงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล อันได้แก่ อ.เมือง อ.บางพลี อ.บางบ่อ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ อ.ธัญญบุรี อ.สามโคก อ.คลองหลวง อ.ลำลูกกา อ.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดบัวหลวง จ.ปทุมธานี อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม อ.วังน้อย อ.บางปะอิน อ.บางไทร จ.อยุธยา

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่มีการชุมนุม รัฐบาลได้พยายามเลี่ยงการเผชิญหน้าและการใช้ความรุนแรง แต่กลับพัฒนาการไปในทางที่ไม่สอดคล้องกับการใช้สิทธิและเสรีภาพทางรัฐธรรมนูญมีการกระทำผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ที่ผ่านรัฐบาลมาพยายามรักษาบรรยากาศบ้านเมือง แต่วันนี้จำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ก่อนที่จะรุนแรงมากไปกว่านี้ ด้วยเหตุนี้จึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง

"ผมได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้กำกับสถานการณ์ โดยให้ท่านรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบสถานการณ์และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ท่านรองสุเทพรับผิดชอบในทุกท้องที่" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ในการประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงและข้อกำหนดต่างๆ เพื่อนำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทาง ที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายที่ลุกลามต่อไป ขอให้ประชาชนสนับสนุนและเข้าใจถึงความจำเป็นในการประกาศในเรื่องนี้ และจะได้มีการแก้ไขปัญหาต่อไป

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

 

ช่วยกันสวดมนต์ให้ประเทศชาติปลอดภัยจากมิจฉาทิฐิโดยเร็ววันนะคะ ขอให้ประเทศกลับสู่ความสงบสุขโดยเร็ววันด้วยเถิด

 

หรือว่าจะถึงวาระของมันซะแล้ว ...
ขอนแก่นอุดรวุ่นวายน่าดู ดีนะที่วางแผนไว้แต่ต้นแล้ว
ว่าจะไม่ออกไปไหน แต่ญาติ อยู่แค่อุดร ยังมาหากันไม่ได้เลย

ยังงัยก็ตามเราว่านายกเป็นคนดี
จะจบยังงัยก็ตาม แต่ขอให้คนดีทั้งหลายปลอดภัย
ขอให้คนเห็นผิด กลับตัวกลับใจ ... ขอให้ในหลวงทรงพระเจริญ

 

*** สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ****

ความศักดิ์สิทธิ์...คือความจริง คือตัวที่เราทำได้จริง
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า.... ศักดิ์สิทธิ์
เพราะ... พระพุทธเจ้าให้สัจจะแล้วทำจริง ทำได้จริงตามสัจจะ
สิ่งที่ทำได้ ไม่สูญสลาย...พระพุทธเจ้าเรียกว่า "ตัวกระทำ"
ตัวกระทำที่ทำได้ ตัดได้ ลดได้ ตามที่กล่าวไว้....คือ ความศักดิ์สิทธิ์

กฎหมาย ไม่ศักด์สิทธิ์...เพราะ บางคนทำไม่ได้
เมื่อทำไม่ได้.... ใครมีอำนาจสามารถเปลี่ยนได้ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ไม่จบสิ้น
กฎหมายจะเปลี่ยนไปกี่ครั้ง ก็ไม่มีวันศักดิ์สิทธิ์...ถ้าประชาชนขาดสัจจะในชีวิต

สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในโลก...คือ หลักสัจจะธรรม
"ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะสถิตคงอยู่กับบ้านเมือง .... เมื่อ ประชาชนมีสัจจะ ปฏิบัติตนด้วยสัจจะ
ถ้า ประชาชนไม่มีสัจจะ...คำพูด ใจ กาย ก็ไปคนละทาง คือทำความจริงให้กับตนเองไม่ได้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยสถิตกับบ้านเมือง.... ก็จะถอนตัว ออกจะบ้านเมืองนั้นไปได้
สรรพภัยทั้งปวง...ก็จะโหมเข้ามาหา กระหน่ำ ทำลาย ล้าง เรียกว่า หมดยุค
คือกรรม ที่ทำตัวขวางกับ หลักสัจจะธรรม...โลกจึงไม่เอาไว้ เพื่อเข้ายุคใหม่
ยุคใหม่....คือ ยุคของผู้ทำได้ จะมาร่วมกันปฏิบัติตน ด้วยหลักโลกุตตระธรรม
โลกุตตระธรรม...นำพาสัตว์โลกพ้นทุกข์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

 

*** การแก้ไขปัญหาก่อนบ้านเมืองจะล่มสลาย ****

* หนึ่ง นำสัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้าประกาศสู่ประชาชน
เพื่อยุติการแตกความสามัคคี
คือ... สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด....
** สอง ค้นหา แก้ไขเรื่องสัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ตรงความจริง
*** สาม แก้กฎหมายให้สอดคล้องกับ หลักสัจจะธรรม

ผู้ใดมีอำนาจ ก็ขอให้รีบทำ
- " หนุมาน ผู้นำสาร "
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

 

คุณหนุมาน คุณเกษม ยังมีขั้นตอนของการล้มล้างระบบอยู่ไหมครับ

ถ้ามีอยู่ขอด้วยนะครับ (หาไม่เจอจริงๆ) เอาไปบอกใครเค้าว่าอย่าฝักใฝ่ฝ่ายใด

เค้าก็บอกว่าคิดเป็นการ์ตูนมากไปป่าว แกเป็นพระเจ้าหรอ? - -*

 

จะว่าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็คงไม่ถูกซะทีเดียวมั้งคะ
แต่จะว่าให้ฝักใฝ่ฝ่ายไหน ก็คงจะไม่ถูกทั้งหมดเช่นกัน

คำว่าอุเบกขา ไม่ได้แปลว่า หลับหูหลับตา ไม่รู้สึกรู้สา
แต่กรุณาเฝ้ามอง ด้วยใจเป็นกลาง
เมื่อฉุกเฉิน จำเป็นต้องช่วย ก็ให้ช่วย
ให้ธรรมมะช่วยชี้นำเถอะค่ะ จะได้ไปถูกทาง
แต่อย่าหลับหูหลับตา อย่าดูถูกดูแคลนฝ่ายไหนเลย

 

ลองดูนี่เลยค่ะ .....

จะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อดี

................

..... คุณคิดว่าอย่างไร ....

เขาพูด..เพ้อเจ้อ หรือ ทั้งหมด มันคือ ....

"เรื่องจริง"​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=wZQWWqTxuNU"]YouTube - tsunami toranong[/ame]

 

ความขัดแย้งในบ้านเมืองไม่มีใครผิดทั้งหมดและไม่มีใครถูกทั้งหมด ตอนนี้ไม่มีใครยอมฟังใคร ทุกคนคิดว่าที่ตัวเองคิดนั้นถูกเสมอ แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร

 

สยาม จะรอมชอม เมื่อศึกนอกมาประจัน

 

ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหนแต่ขออยู่ใต้พระบารมีในหลวงองค์นี้
ใครเป็นศัตรูท่านก็เหมือนเป็นศัตรูของเรา
เราไม่แดงไม่เหลือง
แต่เคืองพวกที่กำลังก่อความวุ่นวายอยู่ในตอนนี้
ประชาธิปไตยแบบเงินซื้อได้ทุกอย่างนี่รับไม่ได้จริงๆ

 

;ปรบมือ ใช่ครับ ตอนนี้ยุคบัวเหล่าที่5 บัวเต่าถุย เกลื่อนเมือง

ต้องขอโทษพี่คณานันท์เจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ สุดจะทนแล้ววววววววววคร้าบ

 

http://palungjit.org/threads/ประเทศ...ำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-720#post1843039

​

 

ศึกนี้ จะลามสู่ศูนย์สำคัญ ด้วยโมหะจริต บดบังสติ

 

พายุฝนถล่มเชียงใหม่ ต้นไม้ใหญ่โค่นทับรถยนต์​

​

เชียงใหม่ 12 เม.ย.-เชียงใหม่พายุฝนพัดถล่ม ทำให้ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับรถยนต์ได้รับความเสียหาย

เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักในตัวเมืองเชียงใหม่ช่วงค่ำที่ผ่านมา ทำให้รถยนต์ที่วิ่งสัญจรไปมาต้องจอดอยู่กับที่นานนับ 10 นาที เนื่องจากมองไม่เห็นเส้นทาง นอกจากนั้นยังมีลมกระโชกแรงจนป้ายโฆษณาโค่นล้ม นอกจากนั้นต้นไม้ใหญ่บริเวณร้านอาหารท่าน้ำในตัวเมืองเชียงใหม่ โค่นล้มทับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อทะเบียน ณ น 581 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย ขณะเข้าไปจอดรับประทานอาหาร มีผู้ติดอยู่ภายในรถคันดังกล่าวจำนวน 8 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนใหญ่มีอาการตกใจสุดขีด นอกจากนั้นยังส่งผลกระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง.-สำนักข่าวไทย

2009-04-12 02:09:37

พายุกระหน่ำพัดบ้านเรือนประชาชนเสียหายเกือบ 40 หลังที่ราชบุรี ​

​

ราชบุรี 12 เม.ย. - ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดราชบุรี ว่าวันนี้ (12 เม.ย.) ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้บ้านเรือนประชาชนในหมู่ที่ 4 หมู่ 5 หมู่ 6 หมู่ 14 และหมู่ 15 ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านไซโลและหมู่บ้านโฉลกแดง หมู่ที่ 14 ถูกแรงพายุพัดพังเสียหายเกือบ 40 หลังคาเรือน

แรงลมพัดต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่น บางต้นทับบ้านเรือนประชาชน และศาลพระภูมิแตกหักล้มระเนระนาด สังกะสีปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ อีกทั้งมะม่วงที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวถูกลมพัดต้นหัก ผลร่วงเสียหายจำนวนมาก ขณะที่นายรังสรรค์ ตันเจริญ นายอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายกฤษณะ พลายชุม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทุ่งหลวง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเบื้องต้นแล้ว. - สำนักข่าวไทย

2009-04-12 18:34:50

กลุ่มพันธมิตรฯ - คนเสื้อแดงต่างจังหวัดเริ่มเคลื่อนไหว​

​

ภูมิภาค 12 เม.ย.- เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มคนเสื้อแดงต่างจังหวัดเริ่มเคลื่อนไหว หลังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยจากกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมเคลื่อนไหวของจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ทั้งการปิดถนนในกรุงเทพฯ เพื่อให้จราจรเป็นอัมพาต และการบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา

ขณะเดียวกัน ที่สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ กลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดอุตรดิตถ์ได้รวมตัวกันเพื่อร่วมกดดันรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เร่งปล่อยตัว นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ส่วนที่จังหวัดปทุมธานี หลังจากตำรวจตระเวนชายแดนนำตัว นายอริสมันต์ ออกจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ภาค 1 ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ไปยังกองบัญชาการ ตชด.ค่ายนเรศวร ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ชุมนุมที่หน้า ตชด.ภาค 1 ได้สลายตัวไปรวมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

ส่วนที่จังหวัดอุดรธานี กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 2,500 คน ที่ชุมนุมอยู่หน้าศาลากลางจังหวัด ได้เดินเท้าออกไปปิดถนนมิตรภาพ บริเวณสี่แยกบายพาส อุดร-ขอนแก่น ตำบลบ้านจั่น อำเภอเมือง ทำให้ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 100 นาย มาอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ใช้รถที่ผ่านมายังสี่แยก ไปใช้เส้นทางอื่นซึ่งมี 3 เส้นทาง

คือ จากแยกบายพาสสกลนคร จากแยกบายพาสหนองบัวลำภู และเส้นทางออกจากตัวเมืองอุดรธานี ด้าน นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า มีการประเมินสถานการณ์ก่อนหน้า จึงเตรียมแผนเส้นทางสำรองไว้เพื่อระบายรถออกตามจุดต่าง ๆ ทำให้รถสามารถเลี่ยงเส้นทางหลักได้ โดยส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำก่อนหน้าแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ดำเนินการใดๆ กับจุดปิดกั้น นอกเหนือจากการเจรจาไปก่อน เพราะยังระบายรถได้อยู่ แต่หากถูกปิดกั้นเส้นทางสำรอง ก็จะต้องพิจารณาอีกครั้ง

นายสุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวถึงปัญหาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรงเทพฯ และปริมณฑล ว่าภาคเอกชนรู้สึกหนักใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากถือเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งภาคเอกชนรู้สึกเป็นห่วงและไม่อยากให้เกิดสถานการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจังหวัดสงขลายังไม่เกิดผลกระทบ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ก็ยังท่องเที่ยวอยู่ในอำเภอหาดใหญ่ เนื่องจากเข้าใจสถานการณ์ประกอบกับไม่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่.- สำนักข่าวไทย

2009-04-12 16:46:30

กลุ่มเสื้อแดงอีสานล่างกดดันหน่วยงานรัฐ ​

​

ภูมิภาค 12 เม.ย.- กลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดอุบลราชธานีบุกค่ายตำรวจตระเวนชายแดน ประท้วงการควบคุมตัวแกนนำในกรุงเทพฯ สุดท้ายยอมสลายไปปักหลักที่หน้าศาลากลางจังหวัด ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงศรีสะเกษรวมตัวประท้วงที่ศาลากลาง แต่ก็มีประชาชนอีกกลุ่มยื่นหนังสือถึงรัฐบาลให้ใช้กฎหมายรักษาความสงบอย่างจริงจัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (12 เม.ย.) กลุ่มเสรีชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางด้วยรถยนต์กระบะประมาณ 10 คัน มุ่งหน้าไปที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 22 ค่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ถนนชยางกูร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประท้วงที่ ตชด. ควบคุมตัว นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำที่นำคนเสื้อแดงบุกเข้าไปยึดโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ทำให้ต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา วานนี้ (11 เม.ย.)

ทั้งนี้ เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงอุบลราชธานีเดินทางไปถึง เจ้าหน้าที่ ตชด. ที่รักษาการณ์อยู่บริเวณทางเข้าประมาณ 5-6 คน นำน้ำดื่มและผ้าเย็นแจกจ่ายให้ผู้มาชุมนุมประท้วง ทำให้ม็อบคนเสื้อแดงมีท่าทีอ่อนลง ส่งผลให้แกนนำคนเสื้อแดงต้องปรับท่าที โดยกล่าวว่า เข้าใจถึงหัวอกของตำรวจชั้นผู้น้อย แต่ต้องการมารับคำยืนยันว่า ตชด. จะยืนเคียงข้างคนเสื้อแดงใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รักษาการณ์อยู่ด้านหน้าระบุว่า เจ้าหน้าที่ ตชด. เป็นตำรวจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอยู่เคียงข้างประชาชนทุกคน ไม่ได้เลือกสีใดเป็นพิเศษ จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้ชุมนุมปราศรัยอยู่หน้าค่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประมาณ 15 นาที ก็ได้เคลื่อนขบวนกลับไปชุมนุมต่อที่หน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามการชุมนุมของ นปช. ที่กรุงเทพฯ ต่อไป

ส่วนที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน ไปชุมนุมที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์ดูความเคลื่อนไหวของการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ พร้อมกับขึ้นเวทีกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางด้าน จวนผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) ได้นำแกนนำสมาชิกกลุ่ม คปศ. ประมาณ 100 คน ไปพบกับ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างจริงจัง ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อให้เกิดความสามัคคีในประเทศชาติ.- สำนักข่าวไทย

2009-04-12 17:58:31

ทหารไทย-กัมพูชายังตรึงกำลังเข้มรอบเขาพระวิหาร​

​

ศรีสะเกษ 12 เม.ย.- ทหารไทยและกัมพูชายังตรึงกำลังเข้มรอบเขาพระวิหาร ขณะที่ฝั่งไทยยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร แต่ฝั่งกัมพูชา นักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่ขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหารคับคั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษว่า สถานการณ์รอบเขาพระวิหาร ทหารไทยกับทหารกัมพูชายังตรึงกำลังอย่างเข้มข้น แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งนายทหารที่คุมกำลังทหารของไทยและฝ่ายทหารกัมพูชาได้มีการพบปะพูดคุยกันอยู่เสมอ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เนื่องจากมีการสั่งปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา เพราะเกรงว่านักท่องเที่ยวจะไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม บริเวณปราสาทพระวิหาร อำเภอจอมกระสาน จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา ปรากฏว่าได้มีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจากกรุงพนมเปญและจากจังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ประมาณ 300 คน พากันเดินทางโดยรถปิกอัพและรถตู้ขึ้นมาตามถนนทางด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ขึ้นไปเที่ยวชมความสวยงามของปราสาทพระวิหารกันอย่างคึกคัก.-สำนักข่าวไทย

2009-04-12 15:19:06

กำลังผสมรือเสาะบุกทลายค่ายพักโจรใต้​

นราธิวาส 12 เม.ย.- กองกำลังผสมบุกทลายค่ายพักย่อยของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ขณะที่กลุ่มคนร้ายก็ยิงต่อสู้ ก่อนหลบหนีไปได้ แต่ก็มีบางคนได้รับบาดเจ็บ

วันนี้ (12 เม.ย.) พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ส.อ.เสรินทร์ พวงกุล หัวหน้าชุดร้อย ร.1114 ฉก.นราธิวาส 30 และ นายสันติ ชูดวง ปลัดอำเภอรือเสาะ ได้ร่วมสนธิกำลัง จำนวน 70 นาย เข้าพิสูจน์ทราบสวนยางพาราหลังหมู่บ้านบือเจาะบองอ หมู่ 7 ตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ หลังสืบทราบว่า เป็นค่ายพักย่อยของ นายรุสรัน เลาะมะ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงและพวก จำนวน 4 คน ได้มารวมตัวกันประชุมวางแผนเพื่อลอบก่อเหตุร้ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ เมื่อถึงใกล้บริเวณเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันเดินโอบล้อมขึ้นไปยังเป้าหมาย ซึ่งห่างจากหลังหมู่บ้านบือเจาะบองอ ประมาณ 1 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่จะถึงค่ายพักย่อย ประมาณ 100 เมตร ถูกกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ทำหน้าที่เป็นคนดูต้นทาง ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ จนทั้ง 2 ฝ่าย ได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอก นานกว่า 10 นาที ต่อมา นายรุสรัน หัวหน้ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธเห็นจวนตัว จึงได้สั่งกำลังแยกออกเป็น 2 ชุด ล่าถอยพลางยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยตัว นายรุสรัน และพวกอีก 1 คน มุ่งหน้าหลบหนีไปยังทุ่งนาหลังหมู่บ้าน และได้ชิงเอารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีขาว ของ นายอับดุลการิม ตะมอ ซึ่งเป็นลูกชายของโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านบือเจาะบองอ หลบหนี โดยมุ่งหน้าไปยังเส้นทางหมู่บ้านเขตรอยต่อ ส่วนคนร้ายกลุ่มที่ 2 อีก 2 คน ได้อาศัยความชำนาญพื้นที่แยกย้ายหลบหนีเข้าไปในสวนยางพาราที่รกทึบ โดยมุ่งหน้าขึ้นไปบนเทือกเขาหลังหมู่บ้าน แต่กว่าที่จะหลบหนีไปได้นั้น 1 ใน 2 คนร้าย ได้ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พบรอยเลือดที่ตกอยู่ตามทางและกิ่งไม้บนทางเดินที่ไปสู่เทือกเขา

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบค่ายพักย่อยที่ถูกสร้างขึ้นเป็นแคร่ไม้ไผ่ พร้อมด้วยของกลาง เป้สนาม อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบระเบิด สีโป๊ว รวมทั้งเศษชิ้นส่วนเหล็กเส้น ที่ใช้ทำสะเก็ดระเบิด เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางไว้ตรวจสอบ ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.นันทเดช รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้สั่งการไปยังผู้กำกับการ สภ.ศรีสาคร ระแงะ และ สภ.จะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัดและส่งเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ตามสถานพยาบาล เพราะเกรงกลุ่มคนร้ายจะแฝงตัวหลบหนีเข้าทำการรักษา.- สำนักข่าวไทย

2009-04-12 15:07:18

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

7 เม.ย. 52

วิหคเหล็กเหิรฟ้า พาดิ่งพสุธา

8 เม.ย. 52 ฮอ. ร่วงที่ฟิลิปปินส์
10 เม.ย. 52 ฮอ. ร่วงที่อินโดนีเซีย

นอกจากแมลงปอแล้ว ยังมีนกอินทรีย์หรือนกแล้งอีก

25 มี.ค. 52

ศรคีรี ศรีประจวบ กลับมาร้องเพลงน้ำท่วมอีก

10 เม.ย. 52 น้ำท่วมพัทลุง

 

18 มี.ค.52

ท่านพระพายทำตัวเป็นลูกข่างยักษ์สีดำ ขว้างมาหลายลูก

11 เม.ย.52 ทอร์นาโดถล่มสหรัฐ

นับว่าประเทศเราโชคดี หลังจากวันที่ 18 มี.ค.52 มีพายุเข้ามาหลายลูก แต่ก็ทำความเสียหายให้ไม่มาก

 

บางระจันวันเพ็ญ
...บางระจัน คืนพระจันทร์ งามเด่น ฝนพร่างพรำ ฉ่ำเย็น เยี่ยมยุทธภูมิ สงคราม
มีนายจัน หนวดเขี้ยว ระบือนาม ชวนพวกขึ้น ทวงถาม หาความ เป็นไท
นิมนต์ พระอาจารย์ ธรรมโชติ สละละ ทิ้งโบสถ์ เป็นมิ่งขวัญ กำลังใจ
หวังต่อกร ทัพพม่า ทั้งน้อยใหญ่ ที่ข่มเหง น้ำใจ ปล้นฆ่า เด็กผู้หญิง

...บางระจัน เขารวมกัน เป็นหนึ่ง มีตนเป็น ที่พึ่ง ยอดนักสู้ เมืองสิงห์
ทั้งเจ็ดครั้ง รบพม่า จนล้มกลิ้ง บางระจัน เก่งจริง จึงต้องยิง ด้วยปืน
เอาปืนใหญ่ ยิงใส่ กันตูมตาม ปืนไทยแตก เหลือแต่ด้าม เพราะเพิ่งหล่อ เมื่อวานซืน
ก็กรุงศรี มิให้เขา หยิบยืมปืน จึงมิอาจ หยัดยืน รักษาค่าย บางระจัน

...บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง
บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง
(บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง
บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง)

เพื่อผองเพื่อน กูจะสู้ หลังชนฝา เพื่อลูกเมีย กูจะสู้ สุดใจกล้า

เพื่อพี่น้อง กูจะสู้ สุดแรงล้า

เพื่อบ้านเมือง กูจะสู้จนสิ้นเลือด หยดสุดท้าย

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เป็นปีจอ คืนเดือนเจ็ด เผด็จศึก
ในหัวใจ ส่วนลึก ถึงต้องตาย ไม่เสียใจ
เกิดมาสู้ สมศักดิ์ศรี ลูกผู้ชาย
แม้รักษา ไว้ไม่ได้ แผ่นดินไทย หนนี้

อีกแปดเดือน ต่อมา ยิ่งน่าเศร้า
พอหมดสิ้น ลมหนาว ไทยต้องเสีย กรุงศรี
อยุธยา อันเป็นราชธานี ในการศึก ครั้งนี้
มีอุทาหรณ์ สอนใจ

...บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง
บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง
(บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวันเพ็ญเดือน สิบสอง
บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืน อยู่ถึงวัน เพ็ญเดือน สิบสอง)

[music]http://palungjit.org/attachment.php?attachmentid[/music]