พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ดูที่มุมล่างขวานะครับ จะขึ้นช่องให้พิมพ์ข้อความ

ตอนนี้มีรายการ กรรมลิขิตครับ

 

หุ..หุ..ผมว่าในเมื่อนอนแล้วปวดมีปัญหาอย่างนี้อดนอนมั่งก็ดีนะ..

 

คุณเพชร ไปที่gmailด้วยค่ะ

 

นอนแค่วันละ 5อย่างมาก6ชั่วโมงเองครับ พี่มันยังมาเทสท์เลยว่าระวังอายุสั้นหรอก...

 

เห็นภาพนี้แล้ว อดคิดถึงช่วงหน้าฝนปีก่อนไม่ได้ คืนนั้นฝนกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว พายุเข้า ผมขับรถมาทางเส้นถนนเอกมัยรามอินทรา ข้ามสะพานมุ่งหน้าเอกมัย จากไฟหน้าที่สาดไปข้างหน้า รถในเลนอื่นต่างก็ขับด้วยความเร็วสูง แสงไฟจากหน้ารถปะทะกับสายฝน ในระยะ15-20 เมตรตรงกลางถนนผมก็เห็นวัตถุสีขาวพลิกไปพลิกมาคล้ายหนังสือพิมพ์ พอรถเคลื่อนเข้าไปในระยะ 5-10 เมตรก็เห็นชัดว่าเป็นสุนัขที่สงสัยจะมาวิ่งเล่นบนสะพานรถข้ามอาจจะเกิดตกใจที่ฝนตกกระทันหัน และหนักมาก เลยไม่รู้ว่าจะหลบไปทางไหน รถสิบล้อ รถเก๋งนานาชนิดวิ่งเฉี่ยวไปมา ทับโดนมั่ง ไม่โดนมั่ง เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆครับ ไม่มีใครลงไปช่วย ก็ทั้งรถ และฝนมากพอกัน..

 

ไปพักผ่อนแล้วนะครับ พรุ่งนี้มีงานอีกเยอะเลยครับ ต้องไปเยี่ยมรุ่นพี่ที่เกษียณอายุ ที่ป่วยเป็นโรคไตด้วย ราตรีสวัสดิ์ทุกๆท่านครับ

 

ไปนอนบ้างดีกว่า

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, ancient bead, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
<!-- popup menu contents -->หวาดดีพี่ทุกท่านครับ เดี๋ยวแป็บจาไปเปิดใหม่ที่เพชรบุรีครับ หุ หุ

 

ท่านใดอยากไปนอนโรงแรมนี้บ้างครับ
ผมขอบาย ผมไม่ชอบอากาศเย็นครับ

.
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"โรงแรมน้ำแข็ง" เปิดบริการอีกครั้งแล้ว
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000145601
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 ธันวาคม 2551 18:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เดลิเมล์ - เตียงนอนทุกเตียงสร้างจากน้ำแข็ง ที่นี่ไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากธรรมชาติ ขณะที่อุณหภูมิในห้องพักไม่เคยสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส

แต่เมื่อโรงแรมน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดบนดินแดนแลปแลนด์แห่งนี้ เปิดให้บริการวันนี้ (10) บรรดาแขกผู้เข้าพักสูงสุดจำนวน 60 คน ต่างยินดีควักเงินจ่าย เพื่อแลกกับโอกาสพิเศษที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ที่จะการเอนกายลงนอนห้องพักอันเย็นยะเยือก

ห้องพักแต่ละห้องที่สร้างตามสไตล์ "อิกลู" (บ้านสร้างด้วยน้ำแข็งและมีรูปร่างคล้ายโดมของชาวเอสกิโม) จะถูกตระเตรียมด้วยอุปกรณ์ถุงนอน, ชุดขนสัตว์ และแม้แต่คำแนะนำสำหรับการ "พักค้างคืน"

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ช่วงเช้าน้ำเบอร์รีอุ่น ๆ จะช่วยคลายความหนาวให้กับแขกผู้เข้าพัก ซึ่งไม่ได้หลบไปนอนใน "ห้องอบอุ่น" 2 ห้อง ที่จัดเตรียมสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทนนอนในห้องที่อุณภูมิต่ำกว่า 0 องศาเช่นนี้ได้

ช่างแกะสลักน้ำแข็ง 15 คนต่อทีม จะใช้เวลาทีมละ 3 อาทิตย์ เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเนรมิตโรงแรมน้ำแข็งจากหิมะจำนวนเป็นพัน ๆ คันรถ

อย่างไรก็ตาม สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดนี้ จะละลายในที่สุด เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ฮีนี ผู้ออกแบบโรงแรม "สโนว์สวิลเลจ" แห่งนี้ กล่าวว่า "หากฤดูใบไม้ร่วงอากาศหนาวมาก ๆ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะอุ่นขึ้น นั่นหมายความว่า โรงแรมดังกล่าวจะละลายเร็วขึ้น

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "แต่ในปีนี้ ฤดูใบไม้ร่วงของเราอบอุ่นมาก ดังนั้นฤดูใบไม้ผลิน่าจะหนาวขึ้น เราจึงหวังว่า น่าจะสามารถให้บริการแขกผู้เข้าพักจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า"

ภายในโรงแรม ห้องพักทุกห้องตกแต่งด้วยผลงานแกะสลักสุดหรูหรา, มีแสงสว่างจากดวงไฟหลากสีสัน ส่วนบาร์,ห้องอาหาร,ทางเดิน หรือแม้แต่ล็อบบี้น้ำแข็ง ก็พร้อมบริการเฉกเช่นโรงแรมทั่วไป

ส่วนภายนอกของโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองคิตติลา ประเทศฟินแลนด์ นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมกีฬาต่าง ๆ พร้อมทั้งตกตะลึงกับผลงานประติมากรรมน้ำแข็งจำนวนมากมาย

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> โรงแรมน้ำแข็งแห่งนี้ สร้างขึ้นบนพื้นที่ 7,500 ตารางเมตร ในทุก ๆ หน้าหนาว ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

ในเว็บไซด์ของโรงแรมสโนว์วิลเลจแห่งนี้ คิดราคาค่าที่พักเป็นรายบุคคล โดยเตียงคู่ผู้ใหญ่คนละ 120,000 ยูโร (ราว 5,462,400) เด็กคนละ 70,000 ยูโร (ราว 3,186,400) ส่วนห้องพักเตียงเดี่ยวคนละ 180,000 ยูโร (ราว 8,193,600 บาท)

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมกำลังนำบทสวดมนต์ ที่ผมรวบรวมไว้ใช้เอง นำไปลงในชมรมพระวังหน้า ซึ่งผมเคยนำไปลงไว้ที่เว็บอกาลิโก

<TABLE class="tborder discussion_list" id=discussion_list cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=gdiscussion12980 title="บทสวดมนต์ รวบรวมโดย sithiphong" width="100%">

by sithiphong

​

บทสวดมนต์ รวบรวมโดย sithiphong เมื่อปี พ.ศ.2542 ผมได้รวบรวมบทสวดมนต์ต่างๆ นำมาพิมพ์เพื่อใช้สวดมนต์เอง...

</TD><TD class=alt2 align=middle>9</TD><TD class="alt1 smallfont" noWrap align=middle>

วันนี้ 10:12 PM
by sithiphong ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ผมกำลังลงบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกอยู่
มาเล่าให้ฟังนิดนึง ตอนที่ผมกำลังทำหนังสือสวดมนต์(ส่วนตัว) บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ผมให้เพื่อนรุ่นน้องคนนึงช่วยพิมพ์ ปรากฎว่า เมื่อน้องคนนี้พิมพ์ให้ผมเรียบร้อย วันก่อนหวยออก ฝัน แต่ผมจำไม่ได้ว่า ฝันอะไร รู้แต่ว่า น้องคนนี้ไม่ชอบซื้อหวย แต่ก็ไปซื้อหวยไว้ 1 คู่ ปรากฎว่า ถูกรางวัลที่ 3 ครับ

มาเล่าสู่กันฟังครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, ancient bead, Sunny+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีครับทั้ง 4 ท่าน คุณsunny,คุณancient bead สบายดีนะครับ
คุณเพชรครับ ไว้วันนัดพบกัน จะนำไปโชว์ครับ แต่โชว์อะไรนั้น ต้องไปเจอกันอย่างเดียว หุหุหุ

.

 

นำมาเล่าอีกรอบ


เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 ผมเคยนำเรื่องของสาเหตุการตั้งกระทู้พระวังหน้า มาเล่าสู่กันฟังแล้ว ขอเล่าให้ฟังอีกครั้งนะครับ

เหตุที่ผมต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้น เนื่องจากเมื่อสักประมาณ 13 ปีที่แล้ว ผมได้เห็นลูกค้าของพี่ท่านนึงในออฟฟิตผม นำรูปพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งลูกค้าของพี่ท่านนึงนำมาให้พี่ท่านนี้ และบอกว่า เป็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ผมเห็นรุปปั๊บ สะดุดใจทันที่ เกิดความศรัทธาในองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร รูปนี้เป็นรูปพระภิกษุนั่งเอียงคอ (ซึ่งต่อมาอีกเป็น 10 ปี ผมจึงได้รู้ว่า เป็นรูปของสามเณรคำต้น องค์นี้เท่าที่ผมทราบมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว(ผมทราบเรื่องนี้ในปี 2549 แต่เหตุเกิดก่อนหน้านั้นหลายปี ปราชิกเนื่องจากเสพเมถุน) ผมเกิดความอยากได้มาก ในตอนนั้น ผมชอบถ่ายรูปมาก ผมจึงได้ขอรูปจากพี่ท่านนี้ มาถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้บูชา แต่ในขณะนั้น ฟ้าครึ้มมาก เหมือนฝนกำลังจะตก ผมเดินออกไปข้างนอก พนมมืออธิษฐานว่า หากหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมีจริง ขอให้ฟ้าเปิด ผมจะขอถ่ายรูป เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วฟ้าเปิดทันที ผมจึงนำรูปนี้ขึ้นไปถ่ายบนดาดฟ้าที่ออฟฟิต ผมถ่ายรุปจนเสร็จ เมื่อผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง (จากอาคาร 3 ชั้น) ฝนได้ตกลงมาทันที หลังจากนั้น ผมใช้ระยะเวลา 10 ปี ตามหาหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ว่าหลวงปู่ท่านเป็นใคร หนังสือกี่เล่มผมก็ซื้อ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านมา 10 ปี ผมได้มาพบกับท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ซึ่งผมเองเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์ผมคนนึง ท่านได้สอนผมในหลายๆเรื่อง หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ได้อ่านหนังสือที่ท่านได้เขียนขึ้น มานั่งวิเคราะห์ตามบทความที่ท่านอาจารย์ประถมท่านเขียนขึ้น และท่านอาจารย์ประถม ท่านเองก็สอนให้รู้จักการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เมื่อผมได้รู้จักกับเรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร รู้ว่าหน้าตาของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์เป็นอย่างไร รู้ว่าหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์มายังสุวรรณภูมิเพื่ออะไร อีกทั้งได้เรียนรู้เรื่องของประวัติศาสตร์ของชาติไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 ,รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เหตุใดจึงต้องสร้างพระพิมพ์(หรือพระเครื่อง) ,พระบูชา ,วัตถุมงคลต่างๆอีกมากมายมหาศาล ,ศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ เพราะเหตุในการช่วยกันดูแลและรักษาพระพุทธศาสนา ให้ดำรงคงอยู่ตราบเท่าพุทธดำรัสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม คือ 5,000 ปี และอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การช่วยกันดูแลและปกป้องประเทศไทยของเราทุกคนไว้ ให้อยู่ยั้งยืนยงตลอดไปเพื่อลูกหลานของคนไทยในอนาคต

เรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรไม่ว่าจะเป็นประวัติขององค์หลวงปู่ ,พระพิมพ์(หรือพระเครื่อง)และวัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิต เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยเป็นกำลังใจของบุคคลที่เคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,เคารพในองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เพื่อเป็นกำลังให้กับพุทธบริษัท 4 ในการดูแล ,รักษา และปกป้องพระพุทธศาสนาและประเทศไทย

ดังนั้น การที่เราจะช่วยทั้งชาติไทย และพระศาสนาได้นั้น มิใช่แต่เพียงว่า จะมุ่งแต่ปฏิบัติตนเองให้พ้นทุกข์เพื่อพระนิพพานเท่านั้น แต่ต้องร่วมด้วยช่วยกันทั้งการดูแล ,รักษา และปกป้อง ชาติไทย และศาสนาพุทธ ให้ยืนยงกันต่อไปในทุกๆด้าน หากมีแต่คนที่มุ่งปฏิบัติตนเองให้พ้นทุกเพื่อพระนิพพานเพียงอย่างเดียว ศาสนาพุทธและประเทศไทย จะอยู่รอดได้หรือ และจะมีคนสักกี่คนที่ทำได้เช่นนั้น อีกประการที่จะให้ลองไปคิด ไปวิเคราะห์กันก็คือ เหตุใดตั้งแต่ในสมัยโบราณนับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชหรือก่อนหน้านั้น จึงต้องสร้างศาสนวัตถุและศาสนสถานไว้อย่างมากมาย

ส่วนเรื่องของใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะปรามาสพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้ว ก็แล้วแต่เขา หนทางการดำรงชีวิต หนทางเพื่ออนาคต มีหลายๆทาง มีทั้งไปเป็นเทวดาบนสวรรค์ ,ไปเป็นพรหมในพรหมโลก ,ไปเป็นสัตว์นรกในนรก ,ไปเป็นสัตว์เดรัชฉาน ,เปรต ,สัมภเวสีหรือโอปาติกะบนโลกมนุษย์ ,กลับมาเป็นมนุษย์บนโลกมนุษย์อีก หรือไปพระนิพพาน เพราะเหตุของการปรามาสพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้ว ปรามาสองค์ผู้อธิษฐานจิต( เช่นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์(พระอุตรเถระเจ้า,พระโสณเถระเจ้า,พระมูนียะเถระเจ้า,พระฌาณียะเถระเจ้าและพระภูริยะเถระเจ้า)หรือองค์ใดองค์หนึ่ง ,หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่แสง(เป็นพระอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ,หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ,หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ,หลวงปู่สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ,หลวงปู่สมเด็จกรมพระยาปวเรศ ,ท่านเจ้ามา ฯลฯ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , เทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า ,ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าและวังหลวง ,ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกมาก ,ช่างชาวบ้านอีกมาก ฯลฯ ลองคิดดูกันเล่นๆก็พอ ไม่ต้องไปคิดจริงจัง ว่าอยากจะเดินไปทางไหน

แต่เมื่อมีของจริง ย่อมมีของปลอมมาเป็นธรรมดา เพราะเหตุของผลประโยชน์จากหลายๆกลุ่ม หลายๆพวก หลายๆสาเหตุและปัจจัย คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ดี ให้ถ่องแท้ และควรจะมีผู้ที่รู้เรื่องของพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้วเป็นผู้ที่แนะนำได้ เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อาจมีคำถามมาถามแน่ว่า ผมคงจะตั้งตัวเป็นผู้รู้ในเรื่องพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้วแน่นอน ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มานั้น เพียงแค่ผมเรียนรู้จากท่านอาจารย์ประถมมา ผมเรียนรู้มายังไม่ถึง 1 % เลยครับ และท่านอาจารย์ประถม ท่านบอกว่า เรื่องของพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้ว ต้องเรียนรู้กันไปทั้งชีวิต เรียนกันไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นผมคงเป็นผู้รู้ไม่ได้แน่ แต่ผมต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกับคณะของผมครับ

มาย้อนเรื่องราวที่กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้กันสักหน่อย สำหรับบางท่านที่อาจจะเพิ่งเริ่มเข้ามาดูในกระทู้พระวังหน้าฯ ซึ่งบางครั้งที่ผมนำสิ่งที่เป็นมหามงคลและเป็นมงคลมาเล่าสู่กันฟังและมีการมอบให้กับหลายๆท่าน ซึ่งบางท่านที่เพิ่มเริ่มเข้ามาดู อาจจะขี้เกียจเข้าไปอ่านในกระทู้ซึ่งมีความยาว 700 กว่าหน้า แต่ใน 700 กว่าหน้านั้น ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความทุกข์ ผ่านความสุข ผ่านความผิดหวัง ผ่านความสมหวัง ผ่านเรื่องราวต่างๆมาอย่างมากมาย ซึ่งเป็นทั้งองค์ความรู้ เป็นทั้งประสบการณ์และบทเรียน ให้กับผมและพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่าน นับตั้งแต่น้องlittlelucky ,คุณพุทธันดร ,โต้ง(นักเดินทาง) ,คุณโต (สนส.บ่อเงินบ่อทอง) ,พี่ตุ่น(พิมพาภรณ์) ,คุณkwok ,คุณkaicp ,คุณเพชร จนมาถึงคุณnongnoooและท่านอื่นๆที่ผมไม่ได้เอ่ยนาม ทำให้รู้ว่า สังคมไทยเรายังมีคนดี คนที่จริงใจต่อกันอยู่ และผมตั้งใจว่า จะมีความดี ความจริงใจให้กันจนวันสุดท้ายของลมหายใจ เพื่อที่จะได้ช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนาและช่วยเหลือชาติบ้านเมืองของคนไทยทุกๆคน

สำหรับการที่ผมจะมอบสิ่งที่เป็นมหามงคลและเป็นมงคล ผมเองไม่ใช่ว่าจะมอบกันง่ายๆ สำหรับท่านที่ผมได้มอบให้นั้น ทุกๆท่านเป็นผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาแล้วทั้งนั้น บางท่านร่วมทำบุญมามาก ,ได้เข้ามาพูดคุยกันในกระทู้นี้และได้ร่วมกิจกรรม(การพบปะสังสรรค์)กันอยุ่เป็นประจำเท่านั้น บางท่านผมกว่าจะขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อที่ผมจะโทร.ไปหานั้น ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน บางท่าน 4-5 เดือน บางท่าน 8 เดือน บางท่านก็เป็นปี ซึ่งก็แล้วแต่ความรู้สึกของผมในขณะนั้น ว่าจะมีอะไรแว๊บๆเข้ามาหรือเปล่า

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมและคุณเพชรได้ย้ำกันมาตลอดก็คือ การที่ได้เข้าไปอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯ เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าได้เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวท่านเอง มิใช่อื่นใคร

กว่าที่ผมจะรู้จักหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร กว่าที่ผมจะรู้จักพระวังหน้าและพระวังหลวง กว่าผมจะรู้จักกับหลายๆท่านที่มีองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยม กว่าผมจะรู้จักกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่านในคณะผม นับตั้งแต่วันที่ผมรู้จักชื่อ “หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร” ผมใช้ระยะเวลาจนถึงวันนี้(29 กุมภาพันธ์ 2551) ไม่ต่ำกว่า 13 ปี พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่านก็ใช้ระยะเวลาที่ไม่น้อยไปกว่าผม

ดังนั้น การที่ผมจะมอบสิ่งที่เป็นมหามงคลและเป็นมงคลนั้น ต้องเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในคณะแล้ว และการที่จะเข้ามาอยู่ในคณะ ต้องเป็นผู้ที่มีความอดทน มีความเพียรพอสมควร ปัจจุบันผมเองไม่ง้อในการที่จะมีใครเข้ามาในคณะอีกหรือไม่ หากเป็นบุคคลที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรท่านให้เข้ามาช่วยงาน ผมจะมีความรู้สึกในเรื่องนี้เอง และคงต้องนำไปพิจารณากันในคณะอีก เมื่อเข้ามาในคณะแล้ว เมื่อตนเองมีวาสนาบารมี และได้รับโอกาสนั้นๆ ก็จะได้รับเอง ซึ่งมีอยู่หลายๆครั้ง ผมนำสิ่งที่เป็นมหามงคลและเป็นมงคลมอบให้หลายๆท่านในคณะครับ

การที่เราจะหาข้อมูล ศึกษาค้นคว้านั้น หนังสือต่างๆมีอยู่มากมาย แต่จะถูกต้องหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง ส่วนใหญ่ร้อยละ 99.99 % มักจะเป็นผู้ที่อ่านเยอะ แล้วนำสิ่งที่ตนเองได้อ่านมา นำมาเขียนเป็นหนังสือ โดยไม่เคยทดลองและปฏิบัติจริงสักราย ดังนั้น ก็เลือกที่จะศึกษากันเองครับ

ผมคงเล่าให้ฟังเท่านี้ครับ โมทนาสาธุครับ

 

วันที่ 9 ธันวาคม 2551 ผมมีกิจกรรมมาให้สมาชิกชาววังหน้าและชมรมพระวังหน้า ได้ร่วมกิจกรรมกันอีกแล้ว

โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีดังนี้

1.ให้ท่านที่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมกิจกรรม นำเรื่องของตนเองที่ตั้งใจทำความดีไปตลอดชีวิต 1 เรื่อง(หรือมากกว่า 1 เรื่องก็ได้) นำมาอธิบายว่า จะทำความดีอย่างไร และให้สัญญาประชาคมกับท่านผู้อ่านว่า

"ข้าพเจ้า ....(ชื่อในเว็บพลังจิต).... ขอให้สัญญาว่า ข้าพเจ้าตั้งใจทำความดีในเรื่อง ..(ที่ลงตามข้อ 1).... ไปตลอดชีวิต"

2.ให้นำธรรมะที่เกี่ยวข้องมาอธิบาย แต่การอธิบายนั้น ต้องเป็นธรรมะที่เกี่ยวเนื่องกับความดีที่ตั้งใจทำ และสามารถนำธรรมะมากกว่า 1 เรื่องมาอธิบายได้ การอธิบายจะอธิบายอย่างไรก็สุดแล้วแต่ท่าน

สำหรับการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ผมไม่มีพระพิมพ์และหรือวัตถุมงคลมอบให้นะครับ

การให้คะแนน

1.ผมขอให้สมาชิกชาววังหน้า ,สมาชิกชมรมพระวังหน้าและผม โหวตโพสของท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม
(โดยให้โหวตเพียง 2 ท่าน หากโหวตท่านใดเป็นอันดับ 1 ให้ลงเป็นชื่อแรก และหากโหวตท่านใดเป็นอันดับ 2 ให้ลงเป็นชื่อที่ 2 เช่น
1.คุณเพชร (อันดับ 1)
2.คุณnongnooo (อันดับ 2)
แต่สำหรับการโหวตครั้งนี้ ผมไม่มีพระพิมพ์และหรือวัตถุมงคลมอบให้นะครับ)

ระยะเวลา (ใช้เวลาในเว็บพลังจิตเป็นมาตฐาน)

เริ่มต้นของกิจกรรมนี้ตั้งแต่วันนี้(9 ธค.51) เวลาประมาณ 15.15 น.
สิ้นสุด วันที่ 15 ธันวาคม 2551 เวลา 18.00 น.

การโหวต

ขอให้เริ่มต้นการโหวตตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 เวลา 18.01 น.
สิ้นสุดการโหวต วันที่ 17 ธันวาคม 2551 เวลา 18.00 น.

การโพสทั้งการอธิบายความคิดเห็นและความรู้สึก และการโหวต สามารถโพสได้ในกระทู้ใด กระทู้หนึ่งก็ได้ หรือทั้งสามกระทู้ก็ได้
( กระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... จากเว็บพลังจิต หมวดพระเครื่องและวัตถุมงคล
กระทู้ "พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้....." จากเว็บอกาลิโก หมวด 108 โทรโข่ง
และชมรม พระวังหน้า )

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม ขอให้โชคดีทุกๆท่านครับ
อย่าลืม อ่านให้ละเอียดนะครับ

โมทนาสาธุครับ

 

ที่เคยเล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่วัดกุโสดอ วันนี้เอารูปให้ดูนะคะว่าชัดเจนขนาดไหน ถ่ายจากกล้องปัญญาอ่อนค่ะ

ภาพแรก สังเกตแสงที่ดูเหมือนดาวบนฟ้านะคะ




ภาพที่2 เห็นดาวเคลื่อนเหมือนพุ่ง ทางซ้ยมือของภาพปรากฏกลุ่มแสงระยิบระยับเหมือนกลุ่มดาว อันนี้เห็นด้วยตาเปล่าเลยค่ะ กลุ่มนี้อยู่เหนือหัวเรานิดเดียว



ภาพที่ 3 บนท้องฟ้า จะเห็นว่าดาวที่เคลื่อนที่พุ่งหายไป ปรากฏวงชัดเจนมากๆ ไม่ใช่ฝุ่นผงหรือไอน้ำแน่นอน เพราะถ่ายที่เดิม รายละเอียดภายในก็ชัดค่ะ


ภาพสุดท้าย ดาวที่พุ่งจากฟ้ามาปรากฏตรงหน้าเด็กพม่าคนนี้ค่ะ ดูเอาเองนะคะ




สาธุ อนุโมทามิ เป็นบุญของพวกเราอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้

 

โชว์อะไรหรือ แต่อย่า"โชว์ห่วย"ก็แล้วกัง 555555

 

ต้องตามดูเอง หุหุหุ

.

 

เมื่อวานนี้ เพื่อนผมโทร.มาเล่าประสบการณ์ของไม้ครู ,พระขรรค์ และกฤช ของวังหน้าให้ผมฟัง ไว้วันที่นัดพบกัน จะให้เพื่อนผมเล่าให้ฟังอีกครั้งนะครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

"บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"..!

"ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่ว ย
มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมี
ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้
บารมี ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..
แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"...!

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้....
ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..
จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

นี่คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรมรังษี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไป แล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

วันเหงาๆตาลุงข้างบ้านฝากมาอีกแล้วครับ พระปิดตายันต์ยุ่งของหลวงปู่ทิม ครับ หุ หุ