พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดอกเบี้ยบอนด์ขึ้นล่วงหน้า รับข่าวกนง.ขยับอาร์/พี0.25%</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 กรกฎาคม 2553 21:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=175 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=175>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อาสา อินทรวิชัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ตลาดตราสารหนี้รับข่าวขึ้นดอกเบี้ย ขยับรอล่วงหน้าแล้ว 0.2-0.3 % เช่นเดียวกับกองทุน ทยอบปรับพอร์ตลดดูเรชั่น ก่อนรอ กนง. ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยรอบต่อไป มองเศรษฐกิจไทยมีโมเมนตัม ต่างชาติจ่อลงทุนขยายกำลังผลิตเพิ่ม

    นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (กรุงศรีฟันด์) เปิดเผยถึงบรรยากาศการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ทุกช่วงอายุปรับขึ้นล่วงหน้าไปแล้วประมาณ 0.2-0.3 % หลังจากตลาดคาดการณ์แล้วว่า การประชุมดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% จาก 1.25% เป็น 1.50%

    อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า อาจมีความเป็นไปได้ของการไม่ขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากขณะนี้มีตัวแปรเรื่องของความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายในช่วงของการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

    นายอาสา กล่าวว่า ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ภายใต้การบริหารของเราเอง มีการปรับลดอายุเฉลี่ยของตราสาร (ดูเรชั่น) ที่กองทุนเข้าไปลงทุนลงประมาณ 0.2-0.5 ปี ซึ่งหากในวันที่ 14 นี้ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง พร้อมๆ กับการส่งสัญญาณต่อว่า การพิจารณาดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะไปในทิศทางไหน เราคงต้องกลับมาดูพอร์ตของเราอีกครั้งว่าจะต้องปรับพอร์ตอย่างไรบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของดอกเบี้ย

    ขณะเดียวกัน หากในรอบนี้มีการขึ้นดอกเบี้ยจริง ก็มองว่าทั้งปี อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะมีการปรับขึ้น 3 ครั้ง หรือปรับขึ้นทั้งหมด 0.75% ทำให้สิ้นปีอัตราดอกเบี้ยไทยจะขยับไปอยู่ 2.00% แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยูกับตัวเลขเศรษฐกิจประกอบด้วยว่าจะออกมาในทิศทางใด

    "จริงๆแล้วดอกเบี้ยบ้านเรา น่าจะขยับไปตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวอย่างร้อนแรงถึง 12% แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ประกอบกับเงินเฟ้อยังไม่ขึ้นแรง ทำให้ต้องคงดอกเบี้ยเอาไว้ก่อน"นายอาสากล่าว

    เขากล่าวต่อว่า ขณะนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ยังมีโมเมนตัมในการขยายตัวต่อไปได้ โดยเฉพาะภาคการผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งขยายตัวค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้เอง มีการคาดการณ์ว่าจะเห็นเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์หนัก หรือลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต เช่น การขยายโรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆ

    ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานถึงความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ในช่วงท้ายสัปดาห์อัตราดอกเบี้ยได้เริ่มสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดที่ชัดเจนมากขึ้นถึงโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 14 ก.ค. ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) หนาแน่นทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1.12% ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (Bilateral Repo) ระยะ 1, 7 และ 14 วัน ปรับตัวอยู่ในกรอบ 1.25-1.263% เทียบกับระดับ 1.25% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

    สำหรับนโยบายการเงินในต่างประเทศที่สำคัญนั้น ธนาคารกลางอินโดนีเซียตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 6.50% ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มี มติคงดอกเบี้ยเช่นกันที่ 1.00% และ 0.50% ตามลำดับ ขณะที่ธนาคารกลางมาเลเซียและธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาที่ 2.75% และ 2.25% ตามลำดับ

    ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยประเภทอายุ 5 ปี (TH5YY) ปิดที่ระดับ 3.18% ในวันศุกร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 2.97% ในวันศุกร์ก่อนหน้า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยทุกประเภท อายุปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-25 จุดจากปลายสัปดาห์ก่อน โดยเป็นการปรับตัวรับการคาดการณ์ว่า กนง.มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันพุธที่ 14 ก.ค. อีกทั้งยังเป็นการปรับตัวตามการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    นำมาฝากจากแมนเนเจอร์ออนไลน์ครับ ก็เคยแจ้งไว้ล่วงหน้าหลายครั้งแล้วครับ หุ หุ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อารมณ์ "เหวี่ยง" หน้าคอมฯ ภัยเงียบวัยทำงาน
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 กรกฎาคม 2553 11:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"นพ. ศิริไชย หงษ์สงวนศรี"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พบเห็นกันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเหล่าคุณพ่อคุณแม่วัยทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งในออฟฟิศและที่บ้าน รวมถึงการหาความบันเทิง ไม่ว่าจะเล่นเกม ฟังเพลง ติดตามข้อมูลข่าวสาร หลายคนเคยประสบกับปัญหาที่เข้ามารบกวนการทำงานและการหาความสุขจากโลกไซเบอร์ นั่นคือ "เจ้าไวรัส มารผจญในเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเต่าล้านปี" และหากสองอย่างนี้มาพร้อมๆ กัน ขณะที่ต้องส่งงานให้เจ้านายอย่างเร่งด่วน คนทำงานคงจะหัวหมุนเป็นแน่ ที่สำคัญ ความเครียดถามหาขึ้นมาทันที

    กับวัยทำงานที่ยากจะหลีกหนีปัญหากวนใจนี้ได้ "นพ. ศิริไชย หงษ์สงวนศรี" กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่สมัยนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น สามารถช่วยให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคขึ้นมาก็อาจทำให้เกิดความเครียดได้ และอาการหงุดหงิดในแต่ละวันนั้นอาจพอกพูนจนกลายเป็นความเครียดสะสมที่ส่งผลร้ายต่อชีวิตของตนเองและคนใกล้เคียง

    "ปกติมนุษย์มีความเครียดเท่าๆ กัน แต่การจัดการกับความเครียดของแต่ละคนทำได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ด้าน ความเครียดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เพราะหากใครไม่มีความเครียดคนๆ นั้น จะไม่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แต่การทำงานที่มีความเครียดเข้ามาปะปนมันจะมาบั่นทอนประสิทธิภาพของงาน เนื่องจากเราไม่ใได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่มีความเครียดจะอ่านหนังสือก็จะอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจในเนื้อหา ในวัยผู้ใหญ่ก็ไม่แตกต่างกัน" นพ. ศิริไชยอธิบาย

    "ฉะนั้น เราจะต้องเตรียมความพร้อมรับมืออยู่เสมอ เพราะการใช้อินเทอร์เน็ตมีจำนวนคนใช้บริการที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก อาจจะเกิดปัญหาได้ทุกเวลา โดยมีการป้องกันไว้ก่อน เช่น การทำงานจะต้องมีการเผื่อเวลา อย่าให้มันกระชั้นชิด หากเป็นงานที่พอจะมีเวลาทำต่อไปได้ เราก็ควรหางานอื่นมาทำทดแทนก่อน อ่านหนังสือหรือค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ฆ่าเวลาไปก่อน ซึ่งเป็นวิธีจัดการกับความเครียดที่ง่ายและดีที่สุด"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์รายนี้ แนะนำว่า ควรมีการจัดการที่ตัวปัญหา หรือที่เรียกว่า Coping mechanism บางปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นจากที่ตัวเราเอง แต่เป็นปัญหาที่คนอื่นสร้างขึ้นมา แต่สำหรับปัญหาที่พูดถึงกันนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากการขัดข้องทางเทคนิคของเทคโนโลยี แต่เราเก็บเอามาเครียดกับตัวเอง มันก็คงไม่สามารถช่วยให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม การที่เราเครียดกับตัวเองจะส่งผลเสียทั้งทางร่างกายและจิตใจ เวลาที่เครียดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายจะตึงและเกิดอาการเกร็ง ปวดขมับ ปวดหัว ปวดตา ปวดไล่ และปวดตามตัว นอกจากนั้นยังส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลงและทำให้ป่วยได้ง่ายอีกด้วย

    "เมื่อเกิดอาการเครียดร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol หรือเรียกง่ายๆ ว่า สารความเครียด ที่จะเข้าไปทำลายเซลล์สมองที่ควบคุมด้านอารมณ์ จนทำให้มีความเครียดที่รุนแรง หากปล่อยให้อารมณ์เหวี่ยงจากการใช้คอมฯ สร้างความเครียดสะสมก็จะส่งผลให้เกิดโรคทางจิตเวชได้ เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า ที่เกิดจากการทำงานของสมองที่มีความชำนาญในการเครียด อย่างที่ทราบกันดีว่า การที่เราจะเก่งหรือชำนาญการสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะต้องมาจากการฝึกฝนของสมองและทำอยู่สม่ำเสมอ เช่นเดียวกับอาการเครียดที่เราเคยชินทุกๆ วันในขณะที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่เราไม่เคยสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเองเลย"

    นอกจากนั้น ยังมีอีกโรคที่สามารถมาพร้อมกับความเครียดได้คือ ภาวะกรดในร่างกาย ที่ส่งผลให้เกิดโรคกรดไหลย้อน โดยเฉพาะคนที่ต้องกลับมาทำงานหลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันทันที ก็จะทำให้อาหารไม่ย่อย เพราะถ้าเกิดกรดในกระเพาะอาหาร กรดไหลขึ้นไปถึงหูรูดของกระเพาะอาหาร ทำให้มีอาการปวดแสบกลางอก เรอ ท้องอืด และอาเจียนได้ ทั้งนี้หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์

    "ความเครียดเป็นสาเหตุที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงตามมา ดังนั้นการออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่มีการผ่อนคลายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีเวลาน้อย อาจจะมีการบีบกล้ามเนื้อ ยืดเส้น พักสายตา ทุกครั้งที่รู้สึกว่ากำลังเครียดหรือหงุดหงิด ทั้งนี้วัยทำงานที่เป็นพ่อแม่แล้วต้องคอยระวังเรื่องการพกความเครียดกลับไปให้ลูกที่บ้านด้วย ซึ่งตรงนี้เราควรจัดการกับความเครียดให้หมดสิ้นตั้งแต่ตอนอยู่ที่ทำงาน พอถึงเวลากลับบ้านจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่าไม่ใช่เวลาของการทำงาน ให้สมองได้พักผ่อน ใช้เวลาเล่นกับลูกบ้าง และอย่าปล่อยให้ความเครียดมาคุกคามความสุขของคนในบ้านได้" นพ.ศิริไชยทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583

    คุณพรเจริญติดภารกิจ ส่วนผมติดปัญหาส่วนตัว ซึ่งเกิดจากผมเอง
    ตอนนี้เคลียร์แล้วใกล้จะเสร็จ ( คนที่บ้านช่วยจัดการ )
    ต้องขออภัยที่ช่วงนี้ต้องเก็บตัวสักพักนะครับ แต่อย่างน้อย
    คุณหนุ่มก็ยังอยู่ในใจผมตลอด รวมทั้งคุณแหน่ง / สมบัติ และ ทุกคน
    อีกสักพักค่อยเจอกันนะครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จี้ชางเสียว์เซ่อ : จี้ชางเรียนยิงธนู[​IMG]
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    14 กรกฎาคม 2553 07:09 น.[​IMG]


    《纪昌学射》



    纪昌(jìchāng) อ่านว่า จี้ชาง ในที่นี้เป็นชื่อคน
    学(xué) อ่านว่า เสียว์ แปลว่า เรียน
    射(shè) อ่านว่า เซ่อ แปลว่า ยิงธนู



    [​IMG]

    www.zxxjs.net[​IMG]

    ในสมัยโบราณ "กานอิ๋ง" เป็นบุคคลผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความสามารถในการยิงธนูเป็นอย่างยิ่ง ธนูของเขาเพียงดอกเดียว สามารถทำให้สัตว์ป่าล้มลงดิน ปักษาร่วงหล่นจากฟ้า เขามีศิษย์ผู้หนึ่ง นามว่า "เฟยเว่ย" ซึ่งต่อมาทักษะการยิงธนูของเฟยเว่ยนั้นยังเด่นล้ำกว่าผู้เป็นอาจารย์คือกานอิ๋งไปอีกขั้นหนึ่ง

    ต่อมามีคนผู้หนึ่ง นามว่า "จี้ชาง" เดินทางมาคารวะเฟยเว่ยเพื่อขอศึกษาทักษะการยิงธนู ซึ่งเฟยเว่ยกล่าวกับเขาว่า "เริ่มแรกเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะมองดูสิ่งต่างๆ โดยไม่กระพริบตาก่อน จากนั้นค่อยมาคุยเรื่องยิงธนูทีหลัง"

    จี้ชางเดินทางกลับถึงบ้าน ล้มตัวลงไปนอนอยู่ใต้กี่ทอผ้าของภรรยา ทั้งยังแหงนหน้ามองกระสวยทอผ้าวิ่งกลับไปกลับมา ทำเช่นนั้นอยู่ 2 ปีเต็ม ขนาดที่ว่าหากมีของมีคมทิ่มมาถึงเปลือกตาของเขา เขายังไม่กระพริบตา จี้ชางจึงเดินทางไปพบเฟยเว่ยอีกครั้ง

    ครั้นได้พบหน้า เฟยเว่ยกลับกล่าวกับจี้ชางว่า "นี่ยังไม่เพียงพอ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะมองวัตถุที่เล็กมากๆ ให้เห็นอย่างแจ่มชัดคล้ายดั่งกำลังมองวัตถุมหึมา มองวัตถุเล็กละเอียดให้ง่ายดายเหมือนมองวัตถุกว้างหนา เช่นนั้นแล้วค่อยกลับมาหาข้าใหม่"

    เมื่อกลับถึงบ้าน จี้ชางนำเห็บเหาที่เกาะอยู่บนขนโคกระบือ มาแขวนไว้บริเวณบานหน้าต่าง แล้วเพ่งมอง สิบวันผ่านไป เห็บเหามองเห็นได้ชัดเจนประดุจตัวโตใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สามปีถัดจากนั้น เห็บเหาในสายตาจี้ชางกลับใหญ่โตราวกับล้อเกวียน เมื่อหันมองไปยังวัตถุอื่นล้วนใหญ่โตราวกับขุนเขามิปาน เมื่อถึงตอนนั้นจี้ชางจึงนำกระบอกที่ทำจากเขาโค บรรจุลูกธนู ทั้งยังประดิษฐ์คันธนูจากไม้ไผ่ขึ้นชื่อทางภาคเหนือ ลองเล็งยิงไปที่เห็บโคตัวหนึ่งซึ่งเกาะอยู่บนขนโคที่เขาแขวนไว้บนหน้าต่าง มิคาดความแม่นยำถึงกับแทงทะลุหัวใจเห็บตัวนั้น แต่ไม่ทำให้ขนโคขาดร่วง จี้ชางจึงเดินทางไปพบเฟยเว่ย ทั้งยังเล่าเรื่องที่ตนศึกษาการยิงธนูให้เฟยเว่ยทราบ

    เฟยเว่ยได้ฟัง ก็ยินดียิ่งนัก เพียงกล่าวกับจี้ชางสั้นๆ ว่า "นับว่าเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับการยิงธนูอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว"

    สำนวน "จี้ชางเรียนยิงธนู" มีความหมายว่า คนเราต้องมีความเพียรพยายาม อดทนต่อความยากลำบาก จึงจะประสบความสำเร็จ หรือมีความหมายอีกอย่างว่า ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ มักจะเริ่มจากการฝึกฝนในสิ่งเล็กๆ

    ที่มา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คิดถึงเช่นกันครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มณฑา ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>[​IMG]

    มณฑา ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์

    “มณฑา” หรือ “มณฑารพ” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “Talauma candollei Bl.” อยู่ในวงศ์ Magnoliaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับพวกจำปา จำปี และยี่หุบ เป็นไม้พุ่มสูงราว 3-10 เมตร เปลือกสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ มีขนาดใหญ่ รูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนา มักเป็นคลื่นหรือเป็นลอน ดอกมีขนาดใหญ่ เป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ หรือส่วนยอดของลำต้น มีสีเหลืองนวล

    มีกลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน 3 กลีบ กลีบดอก 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกค่อนข้างหนา แข็ง ดอกมีกลิ่นหอมและส่งกลิ่นไปไกล โดยเฉพาะในตอนเช้าตรู่ จะส่งกลิ่นหอมแรงมาก และออกดอกตลอดปี ส่วนผลรูปรี ออกเป็นกลุ่ม และเนื่องจากมณฑามีดอกสวยและกลิ่นหอมจึงนิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ

    ดอกไม้ทิพย์แห่งเมืองสวรรค์ที่ชื่อ มณฑา หรือ มณฑารพ นั้น ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จปรินิพพาน ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า

    [​IMG]

    “ดูกรอานนท์ ไม้สาละทั้งคู่ เผล็ดดอกบานสะพรั่งนอกฤดูกาล ร่วงหล่นโปรยปราย ลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่า ก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาตถาคต แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาตถาคต

    ดูกรอานนท์ ตถาคตจะชื่อว่าอันบริษัทสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ด้วยเครื่องสักการะประมาณเท่านี้หามิได้ ผู้ใดแลจะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกาก็ตาม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรมอยู่ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพ นับถือ บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอย่างยอด เพราะเหตุนั้นแหละอานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่ดังนี้ฯ”

    ในเวลาที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว ทุกหนแห่งในเมืองกุสินาราเต็มไปด้วยดอกมณฑารพ

    “...สมัยนั้น เมืองกุสินาราเดียรดาษไปด้วยดอกมณฑารพโดยถ่องแถวประมาณแค่เข่า จนตลอดที่ต่อแห่งเรือน บ่อของโสโครกและกองหยากเยื่อ ครั้งนั้นพวกเทวดาและพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา สักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมมาลัยและของหอม ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์...”

    [​IMG]

    หลังจากพระพุทธองค์เสด็จสวรรคตแล้ว พระมหากัสสปะเถระ ซึ่งอยู่ที่เมืองปาวา ได้ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับที่เมืองกุสินาราหลายวันแล้ว จึงตั้งใจจะไปเฝ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์บริวาร 500 รูป ขณะที่กำลังเดินทางไปเมืองกุสินาราอยู่นั้น ได้หยุดพักหลบแสงแดดอยู่ใต้ร่มไม้ข้างทาง ได้เห็นนักบวชนอกศาสนาคนหนึ่งซึ่งมาจากเมืองกุสินารา ถือดอกมณฑารพเดินสวนทางมา พระมหากัสสปะซึ่งเวลานั้น ยังไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็นึกสังหรณ์ใจ เพราะดอกมณฑารพเป็นดอกไม้ทิพย์ ที่ไม่มีในโลกมนุษย์

    และจะปรากฏเฉพาะตอนที่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับพระพุทธเจ้า เช่น ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน วันจาตุรงคสันนิบาต วันที่ทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร เป็นต้น ซึ่งเทพเทวดาจะบันดาลให้ดอกมณฑารพตกลงมาจากเทวโลก พระมหากัสสปะจึงได้สอบถามข่าวคราวของพระพุทธองค์จากนักบวชผู้นั้น ซึ่งได้รับคำตอบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จสู่ปรินิพพานมา 7 วันแล้ว และดอกมณฑารพนี้ก็ได้มาจากสถานที่ที่พระองค์ปรินิพพานนั่นเอง เมื่อได้ยิน ดังนั้นพระมหากัสสปะจึงรีบเร่งนำพระภิกษุสงฆ์ออกเดินทางไปยังเมืองกุสินารา

    นอกจากนี้ มณฑายังเป็นดอกไม้ของนางสงกรานต์ประจำวันพฤหัสบดีที่มีนามว่า กิริณีเทวี

    [​IMG]


    ......................................................

    จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 78 พ.ค. 50 โดย เรณุกา
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2550 14:50 น.

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา :: Œ??Ã?ѡà:: :: ͨҹ - ??Ҡ?͡䁩?Ծ¬የ?ʇÃ?즬t;/a>

    .

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12425
    .

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ดอกมณฑาตก

    เวลานั้น พระมหากัสสปเถระเจ้า พาพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ เดินทางจากเมืองปาวา ไปเมืองกุสินารา เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน แสงแดดกล้า พระเถระเจ้าจึงพาพระภิกษุสงฆ์เข้าหยุดพักร่มไม้ริมทาง ด้วยดำริว่าต่อเพลาตะวันเย็น จึงจะเดินทางต่อไป
    ครั้นพระเถระเจ้าพักพอหายเหนื่อย ก็เห็นอาชีวกผู้หนึ่ง เดินถือดอกมณฑากั้นศีรษะมาตามทาง ก็นึกฉงนใจ ด้วยดอกมณฑานี้ หามีในมนุษย์โลกไม่ เป็นของทิพย์ในสุราลัยเทวโลก จะตกลงมาเฉพาะในเวลาสำคัญ ๆ คือ เวลาพระบรมโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์ เวลาประสูติ เวลาเสด็จออกสู่มหาภิเนกษกรม เวลาพระสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ เวลาแสดงธรรมจักร เวลาทรงทำยมกปาฏิหาริย์ เวลาเสด็จลงจากเทวโลก เวลาปลงอายุสังขาร และเวลาพระสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน เท่านั้น ไฉนกาลบัดนี้ จึงเกิดมีดอกมณฑาอีกเล่า ทำให้ปริวิตกถึงพระบรมศาสดา หรือพระบรมศาสดาจักเสด็จปรินิพพานแล้ว นึกสงสัย จึงได้ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้อาชีวกผู้นั้น แล้วถามว่า "ดูกรอาชีวก ท่านมาแต่ที่ใด"

    "เมืองกุสินารา พระผู้เป็นเจ้า"
    "ท่านยังได้ทราบข่าวคราวพระบรมครูของเราบ้างหรือ อาชีวก" พระเถระเจ้าถามสืบไป
    "พระสมณโคดม ครูของท่านนิพพานเสียแล้วได้ ๗ วัน ถึงวันนี้" อาชีวกกล่าว "ดอกมณฑานี้ เราก็ได้มาแต่เมืองกุสินารา เนื่องในการนิพพานของพระมหาสมณะโคดมพระองค์นั้น"


    เมื่อภิกษุทั้งหลาย ที่เป็นปุถุชน ได้ฟังถ้อยคำของอาชีวกบอกเช่นนั้น ก็ตกใจมีหฤทัยหวั่นไหวด้วยกำลังแห่งโทมนัส เศร้าโศก ปริเทวนาการ ร่ำไรถึงพระบรมศาสดา ฝ่ายพระสงฆ์ที่เป็นพระขีณาสพก็เกิดธรรมสังเวชสลดจิต

    เวลานั้น มีภิกษุรูปหนึ่ง บวชเมื่อภายแก่ ชื่อ สุภัททะ เป็นวุฑฒะบรรพชิตมีจิตดื้อด้าน ด้วยสันดาลพาลชน เป็นอลัชชีมืดมนย่อหย่อนในธรรมวินัย ลุกขึ้นกล่าวห้ามภิกษุทั้งหลายว่า "ท่านทั้งปวง อย่าร้องไห้ร่ำไรไปเลย บัดนี้ เราพ้นอำนาจพระมหาสมณะแล้ว เมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ย่อมจู้จี้ เบียดเบียนบังคับบัญชาห้ามปรามเราต่าง ๆ นานา ว่าสิ่งนี้ควร สิ่งนี้ไม่ควร บัดนี้ พระองค์ปรินิพพานแล้ว เราปรารถนาจะทำสิ่งใด ก็จะทำได้ตามใจชอบ ไม่มีใครบังคับบัญชา ห้ามปรามแล้ว"

    พระมหากัสสปเถระเจ้า ได้ฟังคำของพระสุภัททะกล่าวคำจ้วงจาบพระบรมศาสดาเช่นนั้น ก็สลดใจยิ่งขึ้น ดำริว่า "ดูเถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานไปเพียง ๗ วัน เท่านั้น ก็ยังเกิดมีอลัชชี มิจฉาจิต คิดลามก เป็นได้ถึงเช่นนี้ ต่อไปเมื่อหน้า จะหาผู้คารวะในพระธรรมวินัยไม่ได้ หากไม่คิดหาอุบายแก้ไขป้องกันให้ทันท่วงทีเสียแต่แรก เราจะพยายามทำสังคายนา ยกพระธรรมวินัยขึ้นไว้เป็นที่เคารพแทนองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าให้จงได้" พระเถระเจ้าทำไว้ในใจเช่นนั้นแล้ว ก็กล่าวธรรมกถาเล้าโลมภิกษุสงฆ์ทั้งหลายให้ระงับดับความโศกแล้ว รีบพาพระสงฆ์บริวารเดินทางไปยังนครกุสินารา ตรงไปยังมกุฏพันธนะเจดีย์
    ครั้นถึงยังพระจิตรกาธาร ที่ประดิษฐานพระพุทธสรีระศพ พระบรมศาสดาแล้ว ก็ทำจีวรเฉวียงบ่า ประคองอัญชลี กระทำปทักษิณเวียนพระจิตรกาธารสามรอบแล้ว เข้าสู่ทิศเบื้องพระยุคลบาท น้อมถวายอภิวาทแล้วตั้งอธิษฐานจิตว่า "ขอให้พระบรมบาททั้งคู่ของสมเด็จพระบรมครู ผู้ทรงพระเมตตาเสด็จไปประทานอุปสมบทแก่ข้าพระพุทธเจ้าผู้มีนามว่ากัสสปะ ณ ร่มไม้พหุปุตตนิโครธ ทั้งยังทรงพระมหากรุณาโปรดประทานมหาบังสุกุลจีวรส่วนพระองค์ ให้ข้าพระองค์ได้ร่วมพระพุทธบริโภคโดยเฉพาะ จงออกจากหีบทอง รับอภิวาทแห่งข้าพระพุทธเจ้ากัสสปะ ซึ่งตั้งใจมาน้อมถวายคารวะ ณ กาลบัดนี้เถิด"

    http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/parinipan/28.html
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาแจ้งครับ

    หากคณะพี่ชนิดาและผม ไม่สามารถเข้าไปกราบพระภิกษุ(ที่ต้องล้างไตทุกอาทิตย์ๆละ 2 ครั้ง)ได้ ผมอาจจะฝากเงินไว้กับลูกศิษย์

    และว่าจะไปกราบพระภิกษุอีกองค์ ซึ่งท่านอาพาธเช่นกัน

    เงินที่ทุกๆท่านร่วมทำบุญมานั้น ขอให้เปิดกว้างสำหรับงานบุญในวันอาทิตย์นี้ แล้วแต่ผมจะทำที่ไหนอย่างไรนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  9. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรียนพี่หนุ่ม

    เมื่อสักครู่...ผมโอนเงินร่วมทำบุญเข้า บ/ช ส่วนตัว 500 บาท เพื่อร่วมทำบุญด้วย ตามแต่จะกระจายไปที่ไหนนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เยี่ยมมากครับ

    วันนี้ ก็ได้จัดเตรียมพระสมเด็จ (เจ้าคุณกรมท่า) ไว้จำนวน 600 องค์ ตั้งใจถวายในนามกองทุนหาพระถวายวัด ถวายพระภิกษุ 3 องค์

    และทางพี่ชนิดา จะได้ไปเช็ด(ทำความสะอาดองค์พระสมเด็จ) พร้อมทั้งใส่ซองพลาสติก พร้อมที่จะถวายพระภิกษุได้

    มาโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดและคณะพี่ชนิดากันครับ

    .
     
  11. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยทุกประการครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไว้วันเสาร์พบกันครับ

    อย่าลืมพวงมาลัย(ดอกมะลิ หรือ ดอกกุหลาบ) มาอัญเชิญไม้ครูกลับบ้านด้วยนะครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    มีเผื่อผมปล่าวครับ หุ หุ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เนื่องจากพระภิกษุที่ทางผมและคณะพี่ชนิดา จะไปกราบทั้ง 3 องค์ซึ่งอาพาธทั้ง 3 องค์ ผมและครอบครัวก็ปรึกษากันว่า จะอัญเชิญพระกริ่งปวเรศ(เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์) จำนวน 3 องค์ ไปถวายพระภิกษุทั้ง 3 องค์

    และเมื่อวันพุธ(14 กรกฎาคม 2553)ที่ผ่านมา ผมได้ไปหาพี่ใหญ่ ผมลองสอบถามว่า หากผมจะนำธนบัตร 10 บาท นำไปขอความเมตตาจากพระภิกษุ 2 องค์ ให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตให้ จะได้หรือไม่ พี่ใหญ่บอกว่า น่าจะได้ ลองขอความเมตตาจากท่านดู

    ผมเองมีธนบัตร 10 บาท อยู่จำนวนประมาณ 90 ใบ ซึ่งอยู่ในสภาพใหม่ หรือ ค่อนข้างใหม่ ในวันอาทิตย์(18 กรกฎาคม 2553) ผมจะนำไปขอความเมตตาจากพระภิกษุ 2 องค์ ให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตให้ แล้วผมจะนำมามอบให้สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญกับ กองทุนหาพระถวายวัด และ/หรือ การสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ

    [​IMG]
    <O:p</O:p
    ด้วยสำนักสงฆ์ผาผึ้ง ร่วมกันพุทธบริษัท ได้ดำเนินโครงการจัดสร้าง “พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และบูชาผู้มีพระคุณทั้งหลายที่มีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่ชาติต้นจนถึงปัจจุบัน โดยจะจัดสร้าง พระเจดีย์ ณ ผลาญหินบนเนินสูงสุดของสำนักสงฆ์ ซึ่งมีหลักฐานบางประการปรากฏอยู่ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นพระเจดีย์เก่า ซึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายใต้ และจากปรากฏการณ์ซึ่งมีดวงแก้วสุขสกาวสว่างไสว เสด็จขึ้นเหนือสถานที่นี้เป็นอัศจรรย์ คณะพุทธบริษัทจึงเห็นสมควรให้มีการก่อสร้างพระเจดีย์ขึ้น ครอบไว้ตรงจุดที่ดวงแก้วเสด็จขึ้นมา เพื่อทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้รับความเคารพสักการบูชาอย่างถูกต้องสืบไป

    จึงได้บอกข่าวบุญนี้มายังผู้มีจิตใจอันประเสริฐ ปรารถนาความดีทุกคน เพื่อร่วมกันสร้างพระเจดีย์ให้สำเร็จ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และบูชาผู้มีพระคุณทั้งหลายที่มีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ชาติต้นจนถึงปัจจุบัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขออำนาจอันศักดิ์สิทธิ์แห่งคุณพระศรีรัตนตรัยอันมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ,พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ ,พระอรหันต์เจ้าทุกๆพระองค์และครูบางอาจารย์ผู้ทรงพระคุณทั้งหลาย รวมทั้งอานิสงส์ผลบุญที่ท่านได้ร่วมในบุญอันประเสริฐครั้งนี้ ขอเป็นพลปัจจัยส่งผลให้ท่านถึงพร้อมด้วยความเจริญรุ่งเรือง สมบูรณ์พลูผลในมนุษย์สมบัติทุกๆด้าน และสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนาไว้ทุกประการ จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตอันใกล้นี้เทอญ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ประธานอุปถัมภ์ หลวงพ่อประสงค์ จันทสุวรรโน<O:p</O:p
    ประธานฝ่ายสงฆ์ พระธวัชชัย ชาครธัมโม (พระอาจารย์นิล)<O:p</O:p
    ประธานฝ่ายฆราวาส คุณวิชชัย ธรรมประดิษฐ์

    การบริจาค
    สำหรับหมายเลขบัญชีที่จะใช้ในการโอนเงินเพื่อร่วมทำบุญ<O:p</O:p
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 <O:p</O:p
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 <O:p</O:p
    ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปรีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ


    ผมมีพระพิมพ์มามอบให้ผู้ร่วมบริจาคทำบุญ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความเมตตาที่ท่านได้ช่วยกันร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งกันครับ

    เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งพระพิมพ์หรือวัตถุมงคลให้ครับ

    [​IMG]

    อานิสงส์การสร้างพระเจดีย์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.ย่อมเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ไม่เป็นผู้มัวเมาในชีวิต<O:p</O:p
    2.ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย<O:p</O:p
    3.เมื่อใกล้ดับขันธ์ ย่อมไม่หลงลืม<O:p</O:p
    4.ย่อมได้เกิดในประเทศที่เหมาะสม สำหรับการสร้างบารมีในพระพุทธศาสนา<O:p</O:p
    5.ย่อมไปบังเกิดในสวรรค์ เมื่อยังไม่หมดกิเลส<O:p</O:p
    6.ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผล นิพพานได้โดยง่าย<O:p</O:p


    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ<O:p</O:p


    [​IMG]





    รูปคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตร)





    1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า
    3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า (หลวงปู่อิเกสาโร)
    4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า (หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี)
    5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า (หลวงปู่หน้าปาน หรือหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด วัดโอภาสี กรุงเทพฯ)





    หมายเหตุ จากรูปนั้น ชื่อองค์แรกคือพระภูริยะเถระเจ้า แต่ที่ถูกต้องคือพระฌาณียะเถระเจ้า ส่วนองค์สุดท้ายคือพระฌาณียะเถระเจ้า ที่ถูกต้องคือพระภูริยะเถระเจ้า





    โดยปกติที่เห็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรกันทั่วๆไปนั้น จะเป็นรูปของหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)ครับ
    [​IMG]
    <O:pหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)</O:p





    วิธีบูชาพระบรมครูพระเทพโลกอุดร<O:p</O:p

    จะเป็นภาพถ่ายหรือรูปหล่อของหลวงปู่ท่าน หรือพระพิมพ์ที่หลวงปู่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้ย่อมใช้ได้ทั้งสิ้น หลวงปู่ท่านโปรดผู้ประพฤติอยู่ในศีลธรรม ชอบอาหารมังสะวิรัติ ชอบฟังคำสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ชอบบูชาด้วยดอกมะลิสด น้ำฝน 1 แก้ว เทียนหนักหนึ่งบาท 1 คู่ ธูปหอม 5 ดอก (คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าหรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปานหรือหลวงพ่อโอภาสี วัดโอภาสี บางมด) ) การปฏิบัติธรรมสังวรณ์ในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ประกอบด้วยศีล 5 เป็นอย่างน้อย ย่อมเป็นสิ่งพึงพอใจของหลวงปู่และทั้งยังให้ความสุชความเจริญทั้งคดีโลกและคดีธรรมแก่ผู้ปฏิบัติ

    สำหรับพิมพ์อรหันต์ พิมพ์ปิดตา และพิมพ์มหากัจจายนะซึ่งเป็นองค์เดียวกันแต่ปางต่างกันหากจะอาราธนาอย่างพิศดารก็ย่อมกระทำได้ กล่าวคือพิมพ์อรหันต์ใหญ่ พิมพ์อรหันต์กลางและพิมพ์อรหันต์น้อย อยู่ในหมวดพระมหากัจจายนะรูปงามซึ่งเป็นรูปเดิมก่อนการอธิษฐานวรกายให้ต่อท้ายด้วยคาถาดังนี้

    พิมพ์อรหันต์
    อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ รูปะวะระเชยยะสิทธิเม
    (เชยยะ อ่านว่า ไชยะ ; รูปะวะระ แปลว่า รูปงาม)
    *** โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ รูปะวะระเชยยะสิทธิเม ***

    สำหรับสำหรับพิมพ์พระปิดตาซึ่งเป็นปางอธิษฐานวรกายให้สวดพระคาถา โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา แล้วต่อท้ายด้วยพระคาถาต่อไปนี้
    พิมพ์พระภควัมปติ(ปิดตา)
    ควัมปติ จะ มหาเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม
    *** โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา ควัมปติ จะ มหาเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม ***

    สำหรับพิมพ์พุงพลุ้ยที่นิยมเรียกกันว่า พระสังกัจจายน์ คำนี้ไม่มีศัพท์นี้ในภาษาบาลี ที่ถูกต้องคือ พระมหากัจจายนะ เถระเจ้าอัน
    เป็นปางหลังจากที่นิมิตวรกายแล้ว ให้สวดพระคาถา โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา แล้วต่อท้ายด้วย พระคาถาต่อไปนี้
    อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม
    ***โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม ***
    จะเห็นว่าตัดเอาคำว่า รูปะวะระออกไปเพราะสิ้นความงดงามแล้ว

    พระพิมพ์ของคณะพระเทพโลกอุดรนั้นทุกรูปแบบทุกพิมพ์ทรงมีอานุภาพครอบจักรวาล อาราธนาทำน้ำมนต์ประสิทธิ์ยิ่งนัก โดยให้นำเอาพระแช่ในภาชนะที่บรรจุน้ำเรียบร้อยแล้ว บูชาด้วยดอกไม้ จุดธูปเทียน แล้วอธิษฐานตามความมุ่งหมาย เสร็จแล้วให้รีบนำพระขึ้นเช็ดน้ำด้วยสำลีหรือผ้าสะอาด ผึ่งลมให้แห้งก่อนนำไปบรรจุตลับ องค์พระจะไม่ละลายลบเลือนและไม่ควรแช่ในน้ำนานเกินควร จงทะนุถนอมให้จงดี เพราะหาไม่ได้อีกแล้ว

    สำหรับท่านที่มีพระอันเป็นทิพยสมบัติอันทรงคุณค่า โดยได้รับสืบทอดมาจากบรรพชนหรือได้รับจากทางใดทางหนึ่งก็ตาม เสมือนมีแก้วสารพัดนึกอยู่กับตัว ไม่จำเป็นต้องขวนขวายในอิทธิวัตถุอื่นอีก<O:p</O:p

    วิธีบูชาพระบรมครูพระเทพโลกอุดร

    คำบูชาบรมครูพระโลกอุดร
    นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯลฯ ( 3 จบ )<O:p</O:p
    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร ปฎิสัมภิทัปปัตโต เตวิชโช พุทธะสาวะโก พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรา นุสาสะโก โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต อิฐะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะ เทสสะติ ปะระมะสาริกะธาตุ วะชิรัญจา ปิวานิตัง โส โลเก จะ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโร อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง เวเรนะ สุภาสิตัง โลกุตตะโร จะ มหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา มะหาเถรา นุภาเวนะ สุขัง โสตถี ภะวันตุ เม

    บทสวด แบบย่อหรืออาราธนาพระพิมพ์ (ได้ทุกทรงพิมพ์)<O:p</O:p
    โลกุตตะโร ปัญจะ มะหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    หรือภาวนา ๓ จบ , ๗ จบ , ๙ จบ (เช้า-เย็น ตื่นนอนและก่อนนอน)<O:p</O:p
    โลกุตตะโร ปัญจะ มะหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ

    หมายเหตุ : บทความที่นำมาเสนอนี้ได้รับการอนุญาตในการคัดลอกและเรียบเรียงเพื่อเผยแพรเป็นวิทยาทานจากท่าน อาจารย์ ประถม อาจสาครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นพระคุณและความกรุณาอย่างยิ่ง<O:p</O:p

    ผมขอเสริมนะครับ ท่านสามารถอาราธนาเป็นภาษาไทย ได้นะครับ ถ้ายังจำบทสวดของท่านไม่ได้ครับ

    ท่านที่ห้อยพระหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่ท่านเมตตาเสกให้นั้น หากมีความจำเป็นที่ต้องไปในสถานที่อโคจรทั้งหลาย ผมมีบทสวดที่ใช้ในการนี้มาฝากทุกท่านครับ

    ก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่อโคจรให้สวด อิติภะคะโว
    กลับออกมาจากสถานที่อโคจรให้สวด โสภะคะวา

    หรือก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่อโคจรให้สวด อะระหัง
    กลับออกมาจากสถานที่อโคจรให้สวด หังระอะ

    บทแผ่เมตตาโบราณ<O:p</O:p
    นะเมตตา โมเมตตา ปะวาเสนตัง อะหังโหมิ สุจิตตาปะมาทาตุ สุจิตโตปะโมทาตุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บทแผ่เมตตาอันยิ่งใหญ่<O:p</O:p
    มหาโคตะโมปาทะเกอิ จะอะปาทะเกอิ เมเมตตังเมตตัง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่ได้บูชาพระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตไว้ให้นั้น ผมขอเรียนชี้แจงให้ทราบกันนะครับว่า การวางพระพิมพ์หรือวัตถุมงคลต่างๆ ต้องวางไว้ในที่เหมาะสม ควรใช้พวงมาลัยไว้พระพิมพ์ (เป็นการไหว้หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และเทวดาผู้ที่รักษาพระพิมพ์) พวงมาลัยที่ใช้ไหว้นั้น ต้องเป็นพวงมาลัยที่มีดอกรัก ,ดอกมะลิ ,ดอกกุหลาบ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่ห้ามใช้พวงมาลัยที่เป็นดอกดาวเรืองโดยเด็ดขาด ส่วนการวางพวงมาลัย ควรหาพานมาเพื่อใช้ในการวางพวงมาลัยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หากท่านใดที่ได้ทำบุญไม่ว่าจะเป็นการทำบุญเรื่องอะไรก็ตาม ควรที่จะกรวดน้ำให้กับผู้เสก,ผู้สร้าง และเทวดาประจำองค์พระพิมพ์ด้วยทุกๆครั้งนะครับ<O:p</O:p


    **************************************************

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมขอมอบพระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ ที่สร้างขึ้นที่ทวีปยุโรป จำนวน 3 องค์ สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ


    ผมให้ร่วมทำบุญองค์ละ 20,000 บาท ( พระกริ่งปวเรศ 1 องค์ ให้ร่วมทำบุญ 20,000 บาท)


    เริ่มต้นการจองและโอนเงินร่วมทำบุญตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2553
    สิ้นสุดการโอนเงินร่วมทำบุญวันที่ 31 สิงหาคม 2553



    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระกริ่งปวเรศลงในเว็บพลังจิตครับ

    หมายเหตุ พระกริ่งปวเรศที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระกริ่งปวเรศที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วงการซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระกริ่งปวเรศ(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่พระกริ่งปวเรศที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระกริ่งปวเรศ ที่สร้างขึ้นที่ทวีปยุโรปโดยคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ให้สร้างขึ้น โดยช่างชาวยุโรป ใช้มวลสารหลักก็คือ สเตอร์ริง ซิลเวอร์( เนื้อเงิน ของยุโรป) และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดศรีรัตนศาสดาราม ในปีพ.ศ.2434 โดยหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ท่านอธิษฐานจิตเดี่ยว

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ,กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เป็นอย่างไร ต้องไปหาอ่านในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง) ได้ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ผมจะเตรียมฯไปอัญเชิญพระธาตุกับพระยามัจจุราชด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...