พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขวัญใจผมคนนึงครับ

    มีความพยายาม หมั่นฝึกซ้อม สมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Od8FOEcpikA&feature=related"]Ji Sung Park wins MVP! vs MLS All Stars July 27, 2011 박지성 - YouTube[/ame]

    -http://www.youtube.com/watch?v=Od8FOEcpikA&feature=related-

    .

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=kgB1AgywmI0&feature=related"]Park Ji Sungs great goal - YouTube[/ame]

    -http://www.youtube.com/watch?v=kgB1AgywmI0&feature=related-


    .


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=1f_u7jlCw6o&feature=related"]Park Ji Sung Top 10 goals ??? 10?? ? - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=1f_u7jlCw6o&feature=related-


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2011
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    Roy Keane


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=8Tf6mrA0-tA&feature=related"]Roy Keane - The Real Captain Fantastic - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=8Tf6mrA0-tA&feature=related-


    .


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=d7tWUhbvWl4&feature=related"]Roy Keane Testimonial - YouTube[/ame]



    -http://www.youtube.com/watch?v=d7tWUhbvWl4&feature=related-


    .


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=4F_tpnLbicE&feature=related"]The Best of Roy Keane - YouTube[/ame]



    -http://www.youtube.com/watch?v=4F_tpnLbicE&feature=related-


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2011
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1sbWL5dAAz8&feature=related]zidane vs cantona - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=1sbWL5dAAz8&feature=related-


    .


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=as0RV5yd4V4&feature=related]Eric Cantona - The Worlds Greatest - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=as0RV5yd4V4&feature=related-


    .


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ZJLHVGo8Bwo&feature=related]eric cantona the king!! - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=ZJLHVGo8Bwo&feature=related-


    .


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TahYGnUuLvw&feature=related]Eric Cantona Top 10 Goals - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=TahYGnUuLvw&feature=related-


    .


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=FfF3gzRUZ-s&feature=related]Eric Cantona ||| Skills,Tricks and Goals by StonyUnited - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=FfF3gzRUZ-s&feature=related-


    .
     
  5. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    อยากทราบครับขอด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table id="post5418337" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> เมื่อวานนี้, 11:54 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #[​IMG]
    มาทายกันครับว่า หลวงปู่องค์ไหน อธิษฐานจิต

    [​IMG]

    ส่วนรูปจริง ไว้ผมส่งให้ทาง pm สำหรับสมาชิกชมรมพระัวังหน้าท่านใดที่อยากเห็นครับ



    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    อยากทราบครับขอด้วยครับ ขอบคุณครับ
    </td></tr></tbody></table>

    ---------------------------------------

    ผมส่งให้แล้วครับ


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    ลองดูกันเองครับ

    กระทู้ -->> ตีแผ่ -->> สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

    PaLungJit.com > พลังจิต > พระเครื่อง วัตถุมงคล> วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง


    ----------------------------

    <table id="post5413062" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">04-12-2011, 12:50 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #166 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> pmorn3339
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 146
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5413062" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">
    หลังจากตีว่า สมเด็จวัดพระแก้ว หลัง ร.5 น่าจะ

    ปลอม

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    ปลอม

    นักปลอมพระ เปลี่ยนแผนใหม่ ส่ง สมเด็จวัดพระแก้ว หลัง ร.4 เข้าประกวดแทน

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    แท้ หรือ ปลอม

    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    ลองดูกันเองครับ

    กระทู้ -->> ตีแผ่ -->> สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

    PaLungJit.com > พลังจิต > พระเครื่อง วัตถุมงคล> วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง


    ----------------------------


    <table id="post5413552" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">[​IMG] 04-12-2011, 04:44 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #168 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> pmorn3339
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 146
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5413552" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">
    หมิ่นพระบรมเดชานุภาพในหลวง
    อย่างร้ายแรง
    ---------------------------------------
    Dr.N......................................
    หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง
    ------------------------------
    จาก


    155. พระสมเด็จจิตรดา(พิมพ์พิเศษ)
    พระสมเด็จสามเหลี่ยมที่เรียกกัน
    "สมเด็จจิตรดา" ที่สร้างโดย ร.9 นั้น
    เป็นพระ...ที่ได้ เรียนแบบพิมพ์ ของพระเครื่องที่แตกกรุออกมาจากวัดพระแก้ว
    (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งบูรณะเตรียมฉลองฯ 200 ปี)
    พระสมเด็จพิมพ์จิตรดา องค์นี้เป็นพระเนื้อผงบุทองคำ ด้านหลังประทับตาพระครุฑ เป็นสัญลักษณะของวังหลวง ​

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    หากเป็นพระแท้บุทองคำพบเห็นที่ใดราคาไม่สูงมากนัก ผู้เขียนแนะนำให้เก็บไว้บูชา ความแรงของพุทธคุณ 150 X (เท่า)
    อธิษฐานโดยสมเด็จฯโต (วัดระฆัง) พระ...พิมพ์นี้มีหลากหลายเนื้อด้วยกันและมีการปลอมเรียนแบบในตลาดค่อนข้างมาก​

    เขียนโดย Dr.N........................................

    --------------------------------------------​

    เราจะจัดการกับ ด๊อกเตอร์...ก.ม.ล...อย่างไรดีครับ
    (สำหรับผม ส่งเมลไปแล้ว)
    ------------------------------------------​

    Dr.N..............................................
    หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง

    <dl class="profile-datablock"><dt class="profile-data">
    ------------------------------
    </dt><dd class="profile-textblock">

    </dd></dl>
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pmorn3339 : เมื่อวานนี้ เมื่อ 04:44 PM
    </td></tr></tbody></table>

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    ลองดูกันเองครับ

    กระทู้ -->> ตีแผ่ -->> สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

    PaLungJit.com > พลังจิต > พระเครื่อง วัตถุมงคล> วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง


    ----------------------------

    <table id="post5416822" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> เมื่อวานนี้, 04:31 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #172 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> pmorn3339
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 146
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5416822" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">
    หลังจากที่ผมส่ง mail ไปยัง ท่าน ดร.ณ...
    ขณะนี้ท่านได้ "แก้ไข" ข้อความในบทความของท่านแล้ว​

    ผมขอนำ บทความที่ ดร.ณ..ได้ทำการแก้ไขแล้ว
    มาให้ได้อ่านเปรียบเทียบกัน
    ---------------------------
    ดร.ณ.......ได้แก้ไขบทความ จาก คห.#168
    เป็นดังนี้
    จาก พระกริ่งปวเรศ พระเครื่อง สมเด็จโต พ.ศ.2382 - พ.ศ.2434

    ---------------------------

    พระ สมเด็จสามเหลี่ยมที่เรียกกัน "สมเด็จจิตรดา" ที่สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดชฯ พระเจ้าอยู่หัว (ร.9) ทรงออกแบบพระสมเด็จจิตรลดาด้วยพระองค์เอง โดยศาสตราจารย์ ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการบำนาญกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร แห่ง มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้เป็นข้าฯใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในงานด้านประติมากรรมเป็นผู้แกะแม่พิมพ์ถวาย ดังที่ทราบกันตามข้อมูลต่างๆที่เราๆ ท่านๆทราบ ทั้งจากหนังสือและเว็ปฯต่างๆที่เกี่ยวข้อง
    ลิงก์ (1)....(คลิก)
    ลิงก์...(2)....(คลิก)
    พระ เครื่องที่แตกกรุออกมาจากวัดพระแก้ว(วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งบูรณะเตรียมฉลองฯ 200 ปี) มีพระเครื่อง...หลายๆองค์มีพิมพ์ทรงแต่เนื้อหาขององค์พระคล้ายกับ พระ "สมเด็จจิตรดา" มาก
    เมื่อประมาณเกือบ 30 ปีที่ผ่านมาผู้เขียนยังไม่ทราบลึกซึ่งทำให้เข้าใจว่าวงการตลาดพระเครื่องทั้งหมดปลอมเรียนแบบ พระ "สมเด็จจิตรดา"


    ใน ภายหลัึง ผู้เขียนได้ศึกษาพระพิมพ์ "สมเด็จจิตรดา" ที่เข้าใจในครั้งก่อนเป็นของปลอมอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ทราบว่า มีพระเรียนแบบพระพิมพ์ของ "สมเด็จจิตรดา" ที่เรียนแบบทั้งพิมพ์ทรง และมวลสารพระให้คล้ายหรือใกล้เคียงมีมากมายจริงๆ ที่สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดชฯ พระเจ้าอยู่หัว (ร.9) ทรงออกแบบพระสมเด็จจิตรลดาด้วยพระองค์เอง

    ผู้ ที่ได้รับพระราชทาน พระ "สมเด็จจิตรดา" จะมีใบพระราชทาน (ใบกำกับพระพิมพ์) บุคคลทั่วๆไปจะทราบเพียงว่ามีใบกำกับพระพิมพ์ ซึ่งจะระบุ ลำดับ วัน เดือน ปี ที่ได้รับ ขนาดกว้างประมาณ 12.7 ซม. ยาว 15.8 ซม. เป็นเอกสารส่วนพระองค์ เอกสารสำคัญฉบับนี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังจะแจ้งให้มารับภายหลังจากวันที่ได้รับพระราชทาน องค์พระ โดยไม่มีหมายกำหนดที่แน่นอน ผู้เขียนก็ยังดันไปทราบมาอีกว่าใบกำกับพระพิมพ์ก็มีของปลอมเช่นกัน

    ใบ กำกับพระพิมพ์อีกแบบหนึ่งที่เขียนโดย "ลายพระหัตถ์" (ลายมือ) ของ ร.9 ใช้กระดาษชนิดพิเศษที่ไม่มีขายในเมืองไทย โรงพิมพ์หรือคนสามัญทั่วๆไปไม่สามารถหาซื้อกระดาษชนิดนี้ได้ง่ายๆ ปากกาที่ใช้เขียนเป็นปากกาคอแร้ง ถึงแม้นจะมีอายุของหมึกผ่านมาประมาณ 50 ปี ยังมองได้ว่าน้ำหมึกก็ไม่ธรรมดา แรงกดในการเขียนตัวหนังสือทะลุเป็นเส้นสายไปตามลายพระหัตถ์ ไม่เห็นมีเซี้ยนและเซียนตำรา หรือ ร้านขายพระ "สมเด็จจิตรดา" โชร์ให้เห็นกันบ้างเลย เพื่อเป็นบุญตาสักกะรายเดียว

    ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้เขียนได้พบพระพิมพ์ "สมเด็จจิตรดา" จากผู้ที่ได้ครอบครองได้รับมากับมือตนเองเบื้องต้น 3 องค์ และภายหลังยังพบในตระกูลอื่นๆอีก ทำให้ทราบว่าของจริงที่ตำราเขาว่ายังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกพอสมควรที่ เซี้ยนและเซียนตำราเขา(ไม่รู้) หรือ อาจจะไม่ต้องการให้คนวงนอกรู้ก็เป็นไปได้

    ภาย หลังผู้เขียนได้ศึกษาพบ พระพิมพ์คล้ายกับ พระพิมพ์ "สมเด็จจิตรดา" ที่สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดชฯ พระเจ้าอยู่หัว (ร.9) ทรงออกแบบพระสมเด็จจิตรลดาด้วยพระองค์เอง ทำให้ทราบว่าพระพิมพ์นี้มีมาแต่เก่าก่อนตั้งแต่สมัย ร.4 ที่เซี้ยนและเซียนตำราในวงการพระเมืองไทยไม่ยอมรับว่าเป็นพระเรียนแบบของ ร.9

    พระ สายวังเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ก็ยังมีของปลอมทำเรียนแบบอีกมากมายหลากหลายพิมพ์ ผู้เขียนขอกล่าว สรุป สั้นๆว่า ถ้าไม่มีพระของวังที่เป็นของจริงเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา และมีพุทธานุภาพดีจริง ที่สร้างเพื่อบูชาพระรัตนไตรเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ใครจะมาปลอมเรียนแบบทรงพิมพ์ทั้งเนื้อหามวลสารเหมือนกันกับพระของวัง

    ผู้ เขียนมั่นใจว่า พระ "สมเด็จจิตรดา" ที่สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดชฯ พระเจ้าอยู่หัว (ร.9) สร้างก่อนพระเครื่องที่อยู่ในวัดพระแก้ว...จะแตกกรุออกมา จะต้องมีพระเครื่องเมื่อ 100 กว่าปีอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์(ในวัง) จำนวนมากมายชนิดที่เซี้ยนและเซียนไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิต

    พระ เครื่ององค์นี้เป็นพระเครื่องที่สร้างโดยฝีมือช่างสิบหมู่เมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนคล้ายกับพระสมเด็จพิมพ์จิตรดา องค์นี้เป็นพระเนื้อผงบุทองคำ ด้านหลังประทับตาพระครุฑ เป็นสัญลักษณะของวังหลวงในสมัยรัชกาลที่ 4 ใน พ.ศ. 2401
    หากเป็นพระแท้บุทองคำพบเห็นที่ใดราคาไม่สูงมากนัก ผู้เขียนแนะนำให้เก็บไว้บูชา

    ความ แรงของพุทธคุณ 150 X (เท่า) อธิษฐานโดยสมเด็จฯโต (วัดระฆัง) พระ...พิมพ์นี้มีหลากหลายเนื้อด้วยกันและมีการปลอมเรียนแบบในตลาดค่อนข้าง มาก
    เขียนโดย Dr.Natachai Lerdrattanapol ที่ 22:11:00


    --------------------------------------------------------

    ผู้หลงผิด ยอมรับและแก้ไข แล้ว


    การให้อภัย เป็นการให้ที่สูงส่ง



    --------------------------------------------------------

    ผมยินดี ลบชื่อของท่านออก แต่ ข้อความ ผมขอคงไว้ เพื่อไม่ให้คนอื่น นำมาลงอีก


    --------------------------------------------------------






    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pmorn3339 : เมื่อวานนี้ เมื่อ 11:26 PM
    </td></tr></tbody></table>

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ลองดูกันเองครับ

    กระทู้ -->> ตีแผ่ -->> สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

    PaLungJit.com > พลังจิต > พระเครื่อง วัตถุมงคล> วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง


    ----------------------------

    <table id="post5418267" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> เมื่อวานนี้, 11:30 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #175 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> pmorn3339
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 146
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5418267" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กำธร นครปฐม [​IMG]
    เรื่อง ของ ดร.ณ. นี้เป็นหนังเรื่องยาวกับหัวหน้าแก๊งพระเก๊มือผีกรุวังหน้า ตอนหลังน่าจะตกลงกันได้เรื่องก็เลยเงียบหายไปตามลิ๊งค์นี้เลยครับ
    http://palungjit.org/threads/มาดูคนกินส่วนต่างของพระที่ซื้อมาหลอกกองทุนฯกันครับ.269798/
    </td> </tr> </tbody></table>

    ขอบคุณท่านกำธร ที่กรุณานำข้อมูลมาเสริมให้ พสมช. ได้อ่านและพิจารณากัน

    ผมก็มัวพะวงแต่กับเรื่องนี้ เลยไม่มีเวลาตามหาข้อมูล ที่จั๋วหัวไว้ใน คห.#166 ต่อเลย

    เอาไว้พรุ่งนี้จะมาต่อ ครับ

    ขอบคุณอีกครั้งครับ
    </td></tr></tbody></table>


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ลองดูกันเองครับ

    กระทู้ -->> ตีแผ่ -->> สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

    PaLungJit.com > พลังจิต > พระเครื่อง วัตถุมงคล> วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง


    ----------------------------


    <table id="post5413895" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> 04-12-2011, 06:56 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #170 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> pmorn3339
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 146
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5413895" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ pmorn3339 [​IMG]

    Dr.N.................................
    หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง


    พระสมเด็จสามเหลี่ยมที่เรียกกัน
    "สมเด็จจิตรดา" ที่สร้างโดย ร.9 นั้น
    เป็นพระ...ที่ได้ เรียนแบบพิมพ์ ของพระเครื่องที่แตกกรุออกมาจากวัดพระแก้ว
    (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งบูรณะเตรียมฉลองฯ 200 ปี)​


    </td> </tr> </tbody></table>


    คนเรา เพียงเพื่อจะขายพระปลอม เพื่อเงินอย่างเดียว
    กระทำได้แม้แต่ การหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    การศึกษาสูงๆ ไม่ได้ช่วยให้จิดใจสูงขึ้นได้เลย



    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pmorn3339 : เมื่อวานนี้ เมื่อ 04:40 PM
    </td></tr></tbody></table>

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ภาพพระบูชาวังหน้า วังหลวง ที่เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัดภู่ค่าว
    โดยคุณ:::เพชร:::
    15-05-2008, 12:52 PM
    http://palungjit.org/threads/พம.22445.826/

    หน้าที่ 826 และหน้า 1507


    http://palungjit.org/threads/เ�...ml#post2038667



    ภาพพระบูชาวังหน้า วังหลวง ที่เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัดภู่ค่าว
    โดยคุณ:::เพชร:::
    15-05-2008, 12:52 PM
    http://palungjit.org/threads/พம.22445.826/
    หน้าที่ 826

    บ่ายวันนี้หากมีเวลา ผมจะนำภาพพระบูชาวังหน้า วังหลวง ที่เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัดภู่ค่าว มาให้ชมกัน ขอเวลาหาหน่อย ส่วนพระพิมพ์สมเด็จมากมายที่ติดบนเพดาน ฝ้าหลังคาทั้งศาลาที่พระอาจารย์ณรงค์ท่านจำวัดอยู่นั้น ท่านไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดถ่ายภาพ จึงขออภัยด้วยครับ

    หมายเหตุ ผมตัดสินใจเปิดเผยความให้ทราบกันเพื่อให้ท่านผู้ไม่เห็นด้วยว่าพระวังหน้ามี จริง(มีจริงก็มี มีเก๊ก็มี ไม่มีจริงจะมีเก๊ได้อย่างไร?)ได้ทราบ และมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลเหมือนผมกันบ้าง แทนที่จะเก็บเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว และหากได้กล่าววาจา(วจีกรรม) post ข้อความ(กายกรรม) มโนกรรมนั้นเกิดแต่แรกไปแล้ว ความใดๆที่เป็นการเบี่ยงเบนให้ผู้คนไขว้เขวจากความถูกต้องทั้งปวง ล้วนเป็นบาป เป็นกรรมทั้งสิ้น ....


    http://palungjit.org/threads/พம.22445.827/
    ตามสัญญาครับ มาชมกันเลยดีกว่า ผมขอเรียนให้ทราบว่า..

    ๑) ถ่ายจากสถานที่จริง ในพิพิธภัณฑ์ของวัดภู่ค่าว ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙


    ๒) ภาพถ่ายบางภาพไม่ชัดเจน เนื่องจากพระบูชาทั้งหมดจัดเก็บในห้องกระจกซึ่งด้านตรงข้ามคือประตู พิพิธภัณฑ์ แสงว่างสะท้อนตรงกระจก อีกทั้งเป็นสถานที่ที่มีแสงไฟในห้องน้อยมาก การ Focus ให้ถูกต้องจึงยากมาก

    ๓) สามารถ เดินทางไปชมของจริงกันที่วัดภูค่าวกันได้ ไปกราบพระอาจารย์ณรงค์ และอย่าได้เอ่ยเรื่องขอพระเครื่องสมเด็จจากท่าน อย่าได้ไปเพราะอยากได้ แต่ไปเพราะอยากให้...

    ๔) การ นำภาพถ่ายมาให้ชมนี้ ครั้งหนึ่งผมเคยคิดจะเก็บไว้ทราบคนเดียว เวลานี้มีความจำเป็นต้องเปิดเผยให้ผู้ไม่ทราบเรื่องพระวังหน้า วังหลวงให้ทราบกัน เนื่องจากการการเผยแพร่ข้อมูลของบุคคลบางกลุ่ม จึงต้องนำหลักฐานมายืนยันกันว่า มีวัดใดประดิษฐานในพิพิธภัณฑ์กันบ้าง เท่าที่ผมมีโอกาสได้พบ ได้เห็น แล้วมาลองพิจารณาว่า พระอาจารย์ หลวงพ่อ หลวงพี่ท่านจะประดิษฐานของเก๊ให้สาธุชนทั่วไปที่เดินทางไกลหลายๆร้อย กิโลเมตรมากราบไหว้ได้หัวเราะเยาะกันหรือไม่ ...

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    ภาพพระบูชาวังหน้า วังหลวง ที่เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัดภู่ค่าว
    โดยคุณ:::เพชร:::
    http://palungjit.org/threads/พம.22445.827/
    หน้าที่ 827

    ภาพนี้คือศาลาที่จำวัด และรับแขกของพระอาจารย์ณรงค์ ท่านจะรับแขกด้วยน้ำแฮ่ม สมุนไทยที่แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ผมลองดื่มไป ๓ แก้ว

    ท่านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพของท่าน และสิ่งของใดๆภายในกุฎิ
    เมื่อเราเดินเข้าศาลานี้ จะได้กลิ่นผงมวลสารสร้างพระว่านชนิดต่างๆ อบอวลไปทั้งศาลา ศาลานี้ตั้งในทิศเหนือลม
    [​IMG]



    ภาพ ชุดสุดท้ายนี้เป็นภาพพระวังหน้า วังหลวงบูชาที่ประดิษฐานอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ของทางวัด ซึ่งล้อมรอบด้วยกระจกใสรอบด้าน ทั้งนี้ยังไม่นับรวมไปถึงพระสมเด็จที่มุงเพดาน รอบห้อง

    เป็นการถ่ายไว้ในราวปีพ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งเวลานั้นผมกับคุณสิทธิพงศ์ยังไม่ได้รู้จักพบเห็นกันมาก่อนเลย ดังนั้นประเด็นเรื่องเชียร์แขก หน้าม้า ตัดออกจากประเด็นไปได้เลย


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    วัดพุทธนิมิตร (อุโบสถไม้ วัดภูค่าว)
    โดยคุณ:::เพชร:::

    ชื่ออุโบสถวัดพุทธนิมิตร (อุโบสถไม้ วัดภูค่าว)ภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดกาฬสินธุ์


    สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่บน ภูค่าว บ้านนาสีนวล ต. นาสีนวล อ. สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ อยู่บนเนินเขาเข้าสู่วัดภูค่าว ระยะทางห่างจากอำเภอสหัสขันธ์ ๘ กิโลเมตร

    สิ่งดึงดูดใจ
    ๑. อุโบสถวัดพุทธนิมิตร เป็นอุโบสถที่ก่อสร้างแบบภาคเหนือและภาคกลางผสมผสานให้กลมกลืนกัน เป็นอุโบสถเปิดโล่งไม่มีฝาผนังปิดกั้น
    ๒. ระเบียงปูด้วยศิลาแลงโดยรอบตัวอุโบสถทั้งหมดก่อสร้างด้วยไม้แกะสลักลวดลาย ไทยเป็นภาพ ๓ มิติ ที่มีความอ่อนช้อยงดงามวิจิตรด้วยฝีมือคณะช่างที่เชี่ยวชาญชำนาญการในศิลปะ การแกะสลักจากตระกูลช่างเมืองเหนือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อ.สันป่าตอง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และจ.ลำปาง
    ๓. ภาพหลักที่ปรากฏให้เห็นจะเป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติประกอบด้วยลายไทยเครือ เถา ทิวทัศน์ป่า สรรพสัตว์นานา หน้าบรรณของอุโบสถหน้าหลัง และหลังคาด้านในจะเป็นภาพพระพุทธองค์ในปางต่าง ๆ ด้วยลีลาพระอิริยาบถต่าง ๆสายพระเนตรประดุจเพ่งตรงไปยังชาวโลก ด้วยพระเมตตาห่วงใยให้พ้นทุกข์บางภาพจะเกิดจากแนวคิดของพระอาจารย์ จากการบรรยายพุทธประวัติซึ่งยังไม่เคยปรากฏมีการแกะสลักหรือภาพวาดในที่ใด ๆ มาก่อน อุโบสถด้านหน้าทางทิศตะวันออกจะมีบานไม้แกะสลักหน้าหลังเป็นภาพมหาชาติ เวสสันดรชาดก กัณฑ์ต่าง ๆ ๑๖ ภาพ ด้านทิศเหนือ และทิศใต้จะเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ทศชาติชาดก เป็นการบำเพ็ญเพียรบารมีของพระพุทธองค์ทั้ง ๑๐ ชาติ สลับกับแนวไม้แกะสลักเกี่ยวกระหวัดพันเป็นลายดอกไม้โดยรอบอุโบสถ์ด้านหลังมี ซุ้มประตู ๑๔ บาน ๑๑ ช่อง แกะสลักภาพต่อเนื่องทั้งบานร่องลึก , เชิงซ้อนหน้าหลัง เสาประตูแกะสลักเป็นลายไทยโบราณต่าง ๆ ส่วนยอดซุ้มประตูทุกบานแกะสลักเป็นพระราหูกับพญานาค ซึ่งมีความสวยงามประดุจชีวิตจริง
    ๔. บันไดทางขึ้นอุโบสถหน้าหลังนอกจากจะปูด้วยศิลาแลงแล้ว ที่หัวบันไดแกะสลักเป็นเทพเจ้า ประจำทิศทั้ง ๘ ทิศ แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ว่าเป็นแหล่งชุมนุมเทวดาเพื่อปก ปักษ์รักษาชาวโลกและฟังธรรมอันวิเศษ
    ๕. พื้นที่รอบอุโบสถเป็นสวนไม้ไทย ๆ ปลูกไม้ยืนต้นไว้เป็นจำนวนมาก เช่น สารภี ไม้กฤษณา โศก ลำดวน บุนนาค พันชาติ ลูกจันทน์ ฯลฯ เพื่อให้ร่มเงาแก่พุทธศาสนิกชนในการถือศีลภาวนาตามวาระโอกาสต่าง ๆ แนวรั้วรอบอุโบสถ จะมีซุ้มเรือนแก้ว ๔ ทิศ และไม้ทั้งต้นวางตามแนวของรั้วโดยตลอด

    สิ่งอำนวยความสะดวก
    อุโบสถ เปิดกว้าง สำหรับทุกคน ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้จำนวนมาก ได้ศึกษาทั้งธรรมชาติและความสงบ มีบริเวณกว้างขวาง และสามารถเดินทางไปสักการะพระพุทธไสยาสน์ ถ้ำวัดภูค่าวได้ และเยี่ยมชมโบสถ์พระได้หลายอย่าง

    เส้นทางเข้าสู่อุโบสถไม้วัดภูค่าว
    เส้นทาง ลาดยางสะดวก จากจังหวัดกาฬสินธุ์เดินตามเส้นทางได้ ๒ สาย
    ๑. สายอำเภอเมือง-อำเภอสมเด็จ จากอำเภอสมเด็จ เลี้ยวซ้ายไปตามสายสมเด็จ-อ.สหัสขันธ์
    ๒. สายอำเภอเมือง-อำเภอสหัสขันธ์ เลี้ยวขวาไปตามทางสาย อ.สหัสขันธ์-อ.คำม่วง

    http://ecurriculum.mv.ac.th/library2...sp-id=0594.htm


    ทึ่งวิหารอันซีน ติดพระเครื่อง กว่า 2 แสนองค์


    ทึ่ง วิหารไทยประดับพระพุทธรูปและพระพิมพ์กว่า 2 แสนองค์ เป็นศูนย์รวมพระดังที่หายากจากทั่วประเทศ อาทิ พระสมเด็จรุ่นที่ 1 พระรอด พระหลวงพ่อโต ซ้ำเจ้าอาวาสยังจำวัดในโลงศพ

    วิหารสังฆนิมิตร วิหารประดับพระพิมพ์และพระพุทธรูป ตั้งอยู่ภายในวัดพุทธนิมิต หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดภูค่าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นวิหารที่ประดับด้วยพระพุทธรูปและพระพิมพ์ทั้งหลังที่มีมากกว่า 2 แสนองค์ สร้างโดยพระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เจ้าอาวาส ที่อดีตเคยธุดงค์ผ่านมายังวัดเมื่อ 16 ปีก่อน พบว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้าง จึงได้เข้ามาปรับปรุงบูรณะปฏิสังขรณ์ จนกลายเป็นวัดที่มีความสวยงามร่มรื่น
    นอก จากนั้นยังได้ก่อสร้างวิหารสังฆนิมิตร วิหารที่ประดับประดาด้วยพระพุทธรูปและพระพิมพ์หายาก ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุของการสร้างวิหารพระสังฆนิมิตรนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เล่าให้ฟังว่าไม่ได้ต้องการให้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงหรือแปลกแต่อย่างใด แต่พระอาจารย์ณรงค์มีความชอบสะสมพระเครื่องและพระพุทธรูป รวมทั้งมีบุคคลที่ทราบว่าท่านชอบพระจึงนำมาถวาย
    "ถ้าไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ก็จะสูญเปล่าและสูญหายไปในที่สุด สิ่งที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้ก็ควรค่าแก่การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ จึงได้นำพระที่เก็บไว้มาประดับวิหารแห่งนี้ ดีกว่าเก็บไว้ในกล่องในลัง เอามาสร้างให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ศึกษา
    พระพุทธรูปและพระพิมพ์ที่นำมาประดับประดาภายในวิหารแห่งนี้นั้น มีพระชื่อดังและพระที่หายากมากมาย อาทิ พระสมเด็จรุ่นที่ 1, พระหลวงพ่อโต, พระสมเด็จรัชกาลที่ 5, พระกริ่ง, พระรอด เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเจ้าอาวาส และการบริจาคของผู้ที่ศรัทธา ส่วนทางด้านงบประมาณในการสร้าง เพียงแค่ด้านนอกของโบสถ์ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนบาท แต่ในส่วนของพระพิมพ์และพระพุทธรูปที่นำมาประดับนั้นยากที่จะประเมินค่า สังเกตจากความดังและความหายากของพระที่นำมาประดับ
    ผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมภายในวิหารแห่งนี้ บางรายก็เป็นนักสะสมพระ โดยจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อที่จะดูพระพิมพ์หรือพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวิหาร หรือผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องพระเท่าไหร่ ก็จะเดินทางมาชมความประหลาดของวิหารแห่งนี้มากมาย โดยเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ มีผู้ที่เดินทางมาชมวิหารแห่งนี้ถึงวันละ 1,000 คน
    ภายในวิหารไม่เพียงมีแค่พระพุทธรูปและพระพิมพ์ ยังมีพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ และรูปถ่ายของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล บอกว่าได้มาจากผู้ใจบุญในประเทศอินเดียที่มามอบให้พระอาจารย์ประดับไว้ให้ ผู้ที่มาเยี่ยมชมอีกด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานความน่าอัศจรรย์ของวัดแห่งนี้อีกว่า พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เจ้าอาวาสยังมีวิธีการจำวัดที่แตกต่างไปจากพระรูปอื่นทั่วๆ ไป คือจำวัดในโลงศพ ซึ่งท่านได้ให้เล่าถึงสาเหตุที่จำวัดใน โลงศพว่า คนเราเกิดมาทุกคน จะยากดีมีจนมาจากไหน สุดท้ายก็ต้องลงไปนอนในที่แห่งนั้นทุกคน มิหนำซ้ำด้านหน้าของโลงศพ ซึ่งเป็นสถานที่จำวัดยังมีโลงแก้วที่บรรจุโครงกระดูกเอาไว้ เมื่อเวลาเราดูแล้วจะได้เกิดอาการปลงสังขาร ว่าสุดท้ายทุกคนต้องลงไปนอนในที่แห่งนี้ ทั้งนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล ปฏิบัติตนด้วยการจำวัดในโลงศพเช่นนี้มาตลอด 16 พรรษา ที่วัดพุทธนิมิตแห่งนี้.


     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    gsv qqqqqqqq


    ให้พวกเสี้ยน ไปเถียงกับ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เจ้าอาวาส
    วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) เองว่า พระวังหน้า หรือ พระวังหลวง มีจริงหรือไม่จริง


    vb vb


    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    .


    ว่าแต่ว่า มีคนอีกจำนวนมาก ไม่ทราบข้อมูลของพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง ที่แท้จริง นำข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง นำไปเผยแพร่ข้อมูล เพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตนเอง ผมว่านี่เป็นความเสื่อมศรัทธาของพระวังหน้าอีกประการหนึ่ง

    เรื่องพระวังหน้า ต้องให้เป็นไปตามวาสนา และ บารมี ส่วนคนที่กระสันต้องการก่อกรรมชั่ว โดยการปรามาสพระวังหน้า ต้องปล่อยให้คนเหล่านี้ทำไป กรรมใคร กรรมมัน แล้วจะรู้เอง เมื่อถึงเวลา หากเวลานั้นมาถึง จะมาร้องโอดโอย ขอขมา ก็ไม่ทัีนการแล้ว ก้มหน้ารับกรรมที่ตนเองได้ก่อไว้เอง คนเหล่านี้ ผมไม่อุทิศบุญให้ด้วย เพราะว่า เวลาที่เกิดเป็นคนแล้ว หากไม่รู้อะไรจริงแล้ว นำมาด่า นำมาโจมตี เพื่อประโยชน์ของกลุ่นตนเอง คนพวกนี้ ต้องให้ได้รับรู้ว่า กรรมที่ตัวเองทำไว้ ผลที่ไ้ด้รับ ต้องได้รับอย่างไร เพราะเวลาที่จะมาเกิดใหม่(คงต้องใช้เวลาที่นานแสนนาน) จะได้นำมาเป็นบทเรียนให้ตัวเองไม่ประพฤติชั่วอีก

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table class="tborder" style="margin:10px 0" cellpadding="6" cellspacing="1"> <thead> <tr> <td class="tcat" colspan="2" style="text-align:center">
    <table class="tborder" style="margin:10px 0" cellpadding="6" cellspacing="1"> <thead> <tr> <td class="tcat" colspan="2" style="text-align:center"> [ame="http://www.youtube.com/watch?v=p6u9bPXxFtk"]ผู้ปิดทองหลังพระ - คาราบาว - YouTube[/ame] </td> </tr> </thead> <tbody> <tr> <td class="panelsurround" align="center">
    </td> </tr> </tbody> </table>​

    </td> </tr> </thead> <tbody> <tr> <td class="panelsurround" align="center">
    </td> </tr> </tbody> </table>​




    -http://www.youtube.com/watch?v=p6u9bPXxFtk-








    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ไม่น่าเลยครับ

    ไม่น่าวิ่งไปจับเลย












































    แบบนี้ต้องใช้ .38 ตามไปที่หัวครับ

    ----------------------------------------------------

    เตรียมยกย่องตำรวจใจเด็ด ไล่จับขโมยจนโดนฟันเหวอะ



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม



    ดาบตำรวจใจเด็ด! ไล่จับแก๊งชิงทรัพย์ โดนฟันเหวอะ เตรียมชูเป็นตำรวจตัวอย่าง

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจรับบาดเจ็บ ได้ผู้ต้องหารวม 4 คน

    ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ น.ส.ลัดดา สาดแก้ว ผู้เสียหาย ระบุว่า ขณะเกิดเหตุกำลังนั่งรับประทานอาหาร อยู่ริมทางเท้าปากซอยอุดมสุข 45 และได้มีคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวกระเป๋าทรัพย์สินของผู้เสียหายแล้วนั่งซ้อน ท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ขณะเกิดเหตุ ด.ต.สาคร โพธิพันธ์ ผบ.หมู่ (ป.) สน.บางนา ปฏิบิตหน้าที่ชุดจู่โจมอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามคนร้ายไป จนรถจักรยานยนต์คนร้ายจอดที่ปากซอยศรีนครินทร์ 46/1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ด.ต.สาคร ได้เข้าไปพร้อมแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม

    ระหว่าง นั้น ด.ต.สาคร กลับโดนคนร้ายชกต่อยใบหน้า และใช้มีดฟันถูกที่บริเวณหน้าผาก ศีรษะ และลำตัว ก่อนคนร้ายทั้งหมดพากันหลบหนีไป โดยทิ้งรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ฬพว 956 กทม.พร้อมกระเป๋าใส่เงินและทรัพย์สินอื่น ๆ ของผู้เสียหายไว้

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจม สน.บางนาได้ทำการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายเกียรติคุณ หรือ นาย กุ้ง กันภูมิ อายุ 16 ปี นายณัฐชานนท์ หรือ บอล สวรรณยาตระกูล อายุ 20 ปี, นายภานิกรณ์ หรือโต้ง แสงประจักษ์ อายุ 26 ปี และนายสุธาวุธิ หรือ น๊อต ใจดีจริง อายุ 18 ปี พร้อมของกลาง ทั้งนี้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันโดยสลับกันทำงานมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ได้ทรัพย์สินมาแบ่งกันและซื้อยาเสพติด

    อย่าง ไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายงานอีกด้วยว่า ด.ต.สาคร ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน ทั้งนี้ เขาเป็นคนตั้งใจทำงานเอาจริงเอาจัง โดยเมื่อ 4 ปีก่อนเคยถูกคนร้าย 4 คนปล้นปั๊มน้ำมันย่านบางนายิงด้วยอาวุธปืน กระสุนถูกเข้าที่หน้าท้องบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว รักษาตัวจนหายดี จนมาประสบเหตุครั้งนี้อีกครั้งหนึ่งในชีวิตราชการ ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดี และจะทำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาความดีความชอบเป็นพิเศษและยกย่องให้ ตำรวจตัวอย่างต่อไป



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/65358-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ตามรอยพระราชา พระผู้ไม่เคยหยุดทรงงานเพื่อราษฎร


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TVIgKfItIk4&feature=player_embedded][MV] "ตามรอยพระราชา" / ธงไชย แมคอินไตย์ - YouTube[/ame]


    -http://www.youtube.com/watch?v=TVIgKfItIk4&feature=player_embedded-

    [​IMG]



    บทเพลง ตามรอยพระราชา โดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก รายการที่นี่หมอชิต

    เชื่อเลยค่ะว่า ... เมื่อชาวไทยทุกคนได้ฟังบทเพลง "ตามรอยพระราชา" ก็จะต้องรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตัน และปลื้มปิติอย่างมาก ถึง..ในหลวง เพราะบทเพลงนี้ได้ถักทอร้อยเรียงถ้อยคำที่สะท้อนถึงความรักของ "ในหลวง" ที่มีต่อพวกเราชาวไทยทุกคนมาตลอด 65 ปีแห่งการครองราชย์ และ เมื่อค่ำคืนของวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม ทางรายการ "ที่นี่หมอชิต" ได้พาผู้ที่ถ่ายทอดบทเพลงดังกล่าวนี้ มาเล่าถึงความรู้สึกถึงการได้รับเกียรติให้ได้ร้องเพลงเพื่อเป็นตัวแทนชาว ไทยในการถวายความจงรักภักดีต่อในหลวงของเรา...

    สำหรับบทเพลงดังกล่าวได้ถ่ายทอดโดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย นักร้องชื่อดัง โดยเบิร์ด ธงไชย ได้เล่าให้ฟังว่า... ตนรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง ตนเชื่อว่าเพลงนี้ จะตรงกับความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อตนเปล่งเสียงร้องออกมาทุกถ้อยคำมันรู้ถึกถึงคำว่า "ภูมิใจ" ที่ได้เกิดเป็นพสกนิกรของท่าน ตนไม่สามารถอธิบายคำไหนออกมาได้ นอกจากคำว่า สุขใจ และอิ่มเอมหัวใจทุกครั้ง เมื่อได้นึกถึงท่าน ทั้งนี้เวลาตนเดินทางไปพบเพื่อนชาวต่างชาติ เพื่อน ๆ ก็จะถามเสียงเดียวกันเลยว่า จริงหรือที่คนไทยทุกคนรักและเทิดทูนในหลวงเหมือนพ่อแท้ ๆ ซึ่งตนก็กล่าวออกไปอย่างภาคภูมิใจว่า ในหลวงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพ่อหลวงที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก 65 ล้านคน มาตลอด 65 ปี ทรงมีพระกรุณาธิคุณหลายด้าน ตนคิดว่า ถ้าแต่งเพลงให้พระองค์ แสนล้านเพลงก็คงไม่พอ

    บทเพลง "ตามรอยพระราชา" เพลงนี้ เป็นเพลงที่จะสื่อให้เด็ก ๆ เยาวชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงการทรงงานหนักของพระองค์ เพราะเด็ก ๆ ในยุคนี้ คงไม่ได้มีโอกาส ได้เห็นในหลวงท่านขณะทรงงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาก่อน แต่ทั้งนี้ในบทเพลงก็มีคำถามมากมาย ที่หลาย ๆ คนคงเคยตั้งคำถามอยู่ในใจว่า "ทำไมชาวไทยทุกคนถึงรักในหลวง" ซึ่งตนเชื่อว่า เมื่อโตขึ้นเขาจะซึมซับถึงเรื่องราวของพระองค์ และจะทราบคำตอบว่า เพราะอะไรชาวไทยทุกคนถึงรักในหลวงอย่างสุดหัวใจ ...

    [​IMG]

    [​IMG]

    เบิร์ด ธงไชย ยังกล่าวต่อว่า คำว่าพระราชา ความหมายของเด็ก ๆ อาจจะเป็นชายที่นั่งอยู่บนบังลังก์ อาศัยอยู่ที่พระราชวังที่ใหญ่โต แต่ความเป็นจริงของชาวไทย พระราชาของทุกคนนั้น ทรงงานอย่างหนัก เดินเข้าไปในป่า ถือแผนที่ตลอด พร้อมพระราชดำริโครงการต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ เพื่อให้เราทุกคนสุขสบาย ... บทเพลงนี้จึงเป็นบทเพลงที่สื่อความหมาย เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจ ถึงสิ่งที่พระองค์ทำ และตนเชื่อว่า เพลงเพื่อพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ว่าใครร้องก็ไพเราะทุกคน ... และสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวไทยเท่านั้นจะรู้สึกได้นั่นก็คือ ... เวลานึกถึงในหลวงขึ้นมาเมื่อไร น้ำในตาพานจะไหลออกมาอยู่ทุกที

    [​IMG][​IMG] "แผ่นดินทุกอณู ก้าวทุกก้าวที่เราเดิน ที่ทุกแห่งที่มีราษฎร ในหลวงท่านทรงเคยก้าวเดินมาหมดแล้ว ถึงแม้ว่าวันนี้เด็ก ๆ จะไม่ได้รับรู้ถึงการทรงงานของท่าน แต่เชื่อว่า เมื่อพวกเขาโต พวกเขาก็จะรับรู้เอง อย่างเช่นตอนที่ พี่เบิร์ดเด็ก ๆ ยังอยู่ในสลัมบางแค มีอยู่วันหนึ่งคุณแม่เรียกให้ไปรับเสด็จ ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่า การรับเสด็จคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าเมื่อไปถึง แม่บอกให้นั่งอย่ายืน แล้วก็มีทหารยืนคุมเต็มไปหมด เมื่อรถพระที่นั่งผ่านมา แม่ก็ให้ก้มหัวลงกราบ ตอนนั้นพี่เบิร์ดก็อยากรู้ว่า ใครอยู่ในรถจึงเงยหน้ามองไป แล้วพบพระพักตร์ของพระองค์ ในขณะที่กำลังโบกพระหัตถ์ พอรถผ่านพระที่นั่งผ่านไป ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ตนยังไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้นแม้สักวินาทีเดียว" เบิร์ด ธงไชยกล่าวด้วยความปลื้มปิติ

    ความรู้สึกตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนเด็ก แต่ตนก็จดจำเรื่องราวได้อย่างแม่นยำมาจนปัจจุบัน เมื่อรถพระที่นั่งผ่านไป ตนก็หันหลังไปมองชาวบ้าน ทุกคนหน้าตาเหมือนกันหมด คือมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าทุกคน ถ้าถามตนว่า เราจะปลูกฝังความจงรักภักดีในหลวงให้แก่เด็ก ๆ อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเรื่องของในหลวงนั้น เด็ก ๆ สามารถพบเจอได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นธนบัตร ที่มีรูปในหลวง ถ้าไม่มีในหลวงเราก็ไม่มีเงินใช้ หรือพื้นที่ที่เรายืนอยู่นั้น เจ้าของโฉนดที่ดินที่แท้จริง ไม่ใช่พ่อแม่ หรือบรรพบุรุษเรา แต่ทุกตารางวาของประเทศเป็นของในหลวงทั้งหมด ทุกวันนี้ที่เรามีกิน มีบ้านอยู่อย่างร่มเย็นนั้น เกิดขึ้นเพราะในหลวง "พระเจ้าแผ่นดินของเรา" นั่นเอง

    "สมมติว่าบ้านของเรามีพื้นที่ 3 ไร่ เรายังดูไม่ทั่วกันเลย แต่พระองค์ท่านดูแลหมดทั้งแผ่นดิน ดูแลลูก ๆ ของท่านกว่า 60 ล้านคน ในทุกพื้นที่ ถึงแม้ว่าในตอนนี้ท่านจะทรงประชวร แต่ในพระหัตถ์ของท่านก็ยังมีแผนที่อยู่เสมอ ท่านทำงานตลอดเวลา เพื่อความสุขสบายของลูก ๆ ท่านทุกคน"

    เบิร์ด ธงไชยกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกเป็นบุญอย่างยิ่ง ที่ตนได้เคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ซึ่งท่านก็ถามสารทุกข์สุกดิบของตน "บ้านตนปลูกข้าวอะไรบ้าง ปลูกพืช และผลไม้อะไร ได้ผลดีหรือไม่" เหมือนพ่อถามไถ่ความเป็นอยู่ของลูก ทำให้ตนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และตื้นตันใจเป็นอย่างมา ตนได้นำพระราชดำริของพระองค์เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต บ้านที่เชียงรายของตนปลูกข้าว ปลูกพืชผักผลไม้ เพื่อให้ชาวบ้านในละแวกนั้นมีงานทำ มีข้าวกิน และเวลาตนกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อไร มันทำให้ตนสุขใจอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกดีมาก ๆ และรู้สึกถึงคำว่า "พอเพียง" จริง ๆ และเข้าใจแล้วว่า ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ตรงนี้นี่เอง

    [​IMG]

    [​IMG]


    "พ่อ จะมีความสุขมาก ในวันที่ลูก ๆ ทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครทะเลาะกัน ร่วมวงกินข้าวถามไถ่เรื่องราวของกันและกัน เพียงเท่านี้ พ่อของเราก็มีความสุขแล้ว เช่น กัน ตนคิดว่าถ้าเราหันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือกัน ไม่ทะเลาะซึ่งกันแหละกัน นี่แหละจะเป็นเรื่องที่ทำให้พ่อหลวงของเรามีความสุข และสบายใจ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้อาการป่วยของพระองค์ เราจะไม่สามารถดูแลได้ แต่เรื่องหัวใจของพระองค์นั้น เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันดูแล...

    นอกจากเราจะได้ฟังเรื่องราวของ เบิร์ด ธงไชย เกี่ยวกับความประทับใจ และจงรักภักดีต่อในหลวงแล้ว วันนี้ทางรายการยังได้รับเกียรติอย่างใหญ่หลวงจาก ฯพณฯ นายสวัสดิ์ วัฒนายากร องคมนตรี ผู้ที่ทรงงานร่วมกับพระองค์อย่างใกล้ชิด มาบอกเล่าความประทับใจอันหาที่สุดมิได้

    ฯพณฯ นายสวัสดิ์ ได้เล่าถึงวินาทีแห่งความประทับใจที่ได้รับเลือกให้เป็นองคมนตรี ซึ่งตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ต้องได้รับการวินิจฉัยจากพระเจ้าอยู่หัวด้วยพระองค์เอง ว่า ตนจำวินาทีนั้นอย่างไม่มีวันลืม ... วันนั้น วันที่ 10 มกราคม 2545 เวลา 22.15 น. ราชเลขา ซึ่งเป็นเพื่อนของตนที่เรียนมาด้วยกัน โทรมาหาตน บอกว่า เพิ่งออกจากการเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่หัวหิน พร้อมบอกว่า ตนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เมื่อฟังดังนั้นแล้ว ตนก็งง และคิดว่าเพื่อนล้อเล่น กล่าวกลับไปว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เอามาล้อเล่นกัน แต่เมื่อตนได้สติ จึงโทรกลับไปหาเพื่อน เพื่อฟังอีกครั้งว่า ตนได้เป็นองคมนตรีจริง ๆ ไม่ได้ฝันไป

    ท่านองคมนตรีกล่าวต่อว่า ตนติดตามเสด็จในหลวงตั้งแต่ตอนสมัยเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย แต่ได้ร่วมงานกับท่านเมื่อปี พ.ศ.2535 ท่านเป็นผุ้ที่วิริยะอุตสาหะ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ข้าราชบริพารเสมอ และทุกพื้นที่ที่ท่านจะเสด็จไป มักจะเป็นพื้นที่ที่ทุรกันดารห่างไกลเสมอ โดยในที่นั้นจะมีราษฎรที่ยากจน ลำบาก อาศัยอยู่

    ฯพณฯ นายสวัสดิ์ ได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้เสด็จไปยัง พรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส ในพื้นที่ดังกล่าวนั้น เป็นพื้นที่ที่ไม่อุดมสมบูรณ์ น้ำเป็นกรด ดินเปรี้ยว และเมื่อท่านถามไถ่ชาวบ้าน ซึ่งส่วนมากเป็นชาวมุสลิม ก็ได้คำตอบว่า ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ยากจนมาก ทำนาได้ข้าว 5 ถังต่อไร่ ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น วัวควายสัตว์เลี้ยงก็ป่วย ผักก็ไม่มีกิน ต้องเดินทางไปซื้อในเมือง เมื่อ ท่านได้ยินดังนั้นแล้ว พระพักตร์ของท่านก็หม่นหมอง และท่านก็ได้รับสั่ง ให้นำน้ำจืดส่งมายังคลองดังกล่าว เพื่อดันน้ำเปรี้ยวทิ้งลงทะเล และปรับปรุงโดยการขุดลอกคูคลอง เมื่อมีน้ำท่วมมาก็ระบายน้ำ ถ้าปีไหนแล้งก็กั้นน้ำไว้ ทางการก็ได้ทำตามที่ท่านรับสั่ง และเมื่อปี พ.ศ.2536 ท่านกลับมาอีกครั้ง ท่านเห็นนาข้าวที่เขียวชอุ่ม และรับสั่งถามประชาชนด้วยพระพักตร์แจ่มใสเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านก็ได้ตอบว่า ตั้งแต่มีโครงการของพ่อหลวงมาช่วยนั้น ก็ทำให้ชาวบ้านสบายขึ้น จากข้าวที่มีเพียง 5 ถังต่อไร่ ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 50-60 ถัง ต้นไม้ก็ได้ผลดี สัตว์ต่าง ๆ ก็ไม่ป่วย ทางอำเภอในเมืองก็ต้องมาซื้อผักกับชาวบ้านในพื้นที่ที่นั้นแทน

    "วันนั้นท่านประทับนั่งหน้าชาวบ้าน และภาพที่ติดตาผมจนถึงทุกวันนี้คือ พอท่านถามเสร็จแล้วก็ทรงยืนขึ้น และสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไรนัก คือท่านแย้มพระสรวล พร้อมกล่าวว่า "ฉันดีใจมาก" ตอนนั้นผมนึกอยู่ในใจว่า ความทุกข์ของราษฎรคือความทุกข์ของท่าน เมื่อราษฎรมีความสุข ประสบความสำเร็จท่านก็จะมีความสุข" ท่านองคมนตรีกล่าว

    ฯพณฯ นายสวัสดิ์ ยังได้เล่าอีกว่า ท่านจะเสด็จไปทั่วทุกภาค ไปที่ที่ห่างไกล ตีนภูเขา ลงไปลำห้วย ที่เต็มไปด้วยปลิง แมลงต่าง ๆ ท่านก็ไม่เคยย่อท้อเลย ถึงแม้ว่าฝนจะกระหนำ ท่านก็ไม่เคยหยุด ทั้งนี้เวลาที่ท่านจะเสด็จไปไหนแต่ละแห่ง พวกเราไม่อาจทราบได้ ทำได้แค่รอคำสั่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เตรียมรับเสด็จ เตรียมงานอย่างมากก็ได้แค่วันเดียวเท่านั้น บางวันท่านเดินมาเปิดแผนที่รับสั่งว่า

    "ฉันจะไปที่นี่ ตรงนี้มีคลองน้ำจืด" ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมืดแล้ว ทางผู้ใหญ่บ้านและกำนันก็บอกว่าไม่มีถนน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ขรุขระ แต่ท่านก็สำรวจแผนที่อีกครั้ง และกล่าวว่า "ฉันไปได้" ทุกคนก็ตกลง จบเรื่องและต้องไป และถึงแม้ว่า ถนนจะขรุขระตลอดเส้น แต่ท่านก็ไม่ย้อท้อ ขับรถด้วยพระองค์เอง เพื่อไปยังจุดหมายดังกล่าว

    ทั้งนี้เมื่อไปถึง ท่านได้เจอชาวบ้านเป็นชาวไทยมุสลิม ชื่อ "วาเด็ง " ท่านก็ถามทางไปปากคลองน้ำจืด พอไปถึงยังที่หมาย ท่านก็เดินสำรวจ และวางโครงการทันที โดยสั่งให้ชลประทานทำประตูน้ำจืด และเมื่อถึงเวลากลับต้องผ่านบ้านลุงวาเด็ง อีกครั้ง ลุงวาเด็ง ก็พาครอบครัวมายืนรับเสด็จ พร้อมกล่าวว่า เป็นบุญของลุงเหลือเกินที่พระเจ้าแผ่นดินมายังสวนของตน ที่บ้านของตนนั้นมีผลไม้หลายอย่าง แต่เพิ่งขายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ปั๊มน้ำที่เพิ่งซื้อมา... ข้าราชบริพารก็ได้แหย่ลุงวาเด็ง โดยบอกว่า ให้แกถวายปั๊มน้ำ ซึ่งลุงก็บอกว่า ถอดเลย ถอดไปได้เลยนะ ให้ท่านไปเลย ... พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระสรวลบอกว่าไม่รับ แต่ลุงวาเด็ง ไม่รู้ว่า ข้าราชบริพารเหล่านั้นแหย่เล่น ก็พยายามบอกให้เจ้าหน้าที่ ถอดเครื่องปั๊มน้ำให้พระเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้นเรื่องราวของลุงวาเด็งก็กลายเป็นเรื่องเล่าที่น่าจดจำ และจากนั้นทุก ๆ ปี ลุงวาแดงก็จะนำผลไม้มาถวายตลอด และพระเจ้าอยู่หัวทรงได้ทรงเล่าเรื่องลุงวาเด็ง ให้สมเด็จพระเทพฟัง ว่า "พระสหายที่พยายามจะถวายปั๊มน้ำ"

    สิ่งที่อยู่ติดพระหัตถ์ของท่านมาตลอดก็คือแผนที่ และกล้องถ่ายรูป ซึ่งแผนที่นั้น เป็นแผนที่ทางอากาศชนิด 1 ต่อ 5 หมื่น ซึ่งชาวอเมริกันทำไว้ทั่วโลก กำหนดระยะ 2 เซนติเมตรเท่ากับ 1 กิโลเมตร และแผนที่ดังกล่าวใหญ่มาก ถ้าต้องการกางแผนที่ก็คงต้องคลี่เต็มห้อง และใช้หลายคนจับ แต่ท่านมีวิธีจับเพียงมือเดียว และมีวิธีพับในแบบของท่านคือ ถ้าต้องการหาคลองน้ำจืด ท่านจะพลิกปุ๊บ แล้วเจอเลย อีกครั้งยังได้ทำเครื่องหมายบอกพิกัดไว้อีกด้วย ซึ่งท่านก็เคยสอนให้เจ้าหน้าที่ชลประทานพับ แต่ก็ไม่มีใครพับได้เหมือนท่านเลย

    ท่านองคมนตรี ยังได้เล่าเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเสด็จพร้อมพระราชินี ด้วยเฮลิคอปเตอร์ แต่เมื่อถึงเวลารับเสด็จ กลับพบแค่พระราชินีเพียงพระองค์เดียว และท่านก็เสด็จไปยังอำเภอเพื่อไปทำพระราชกรณียกิจ พวกตนก็รอด้วยใจมุ่งมั่น แต่ตนคิดในใจแล้วว่า ท่านต้องไปพบเจออะไรที่น่าสนใจแน่ ๆ และก็เป็นจริงดังที่ตนนึกไว้ในใจ เมื่อท่านเสด็จมาถึง ท่านก็บอกว่า "ฉัน บินดูเห็นหน้าผา ลึกพอประมาณ เราไปทำประตูน้ำได้ 4-5 ล้านลูกบาศ์กเมตร โดยไม่ต้องซื้อที่ดิน เดี๋ยวฉันจะไปดูตรงนี้ มีใครรู้แผนที่การเดินทางบ้างไหม"

    จากนั้นชาวบ้านก็นำทางไปยังที่ดังกล่าว แต่หลงทาง และเมื่อสอบถามกับชาวบ้านแถวนั้น ก็บอกว่า จะต้องเดินทางลัดซึ่งต้องผ่านท้องนา ซึ่งท่านก็ลงเดินทันที พอใกล้จะถึงที่แล้ว ต้องผ่านรั้วลวดหนามที่เป็นที่เลี้ยงสัตว์ของชาวบ้าน ทางทหารก็จะจัดลวดให้ท่าน แต่ท่านรับสั่งว่า "ไม่ต้อง อย่าไปตัดของเขา" แล้วทหารก็ยกลวดให้สูง ท่านจึงลอดมุดลวดหนามเข้าไป ตนมองภาพนั้นและนึกในใจว่า "จะมีพระเจ้าแผ่นดินที่ไหนที่ดั้นด้น ตรากตรำลำบาก ถึงขั้นมุดรั้ว เพื่อไปหาน้ำมาให้ราษฎรของท่านได้ใช้และกินดีอยู่ดี" และทันใดนั้น เมื่อท่านลอดเสร็จก็หันมารับสั่งตนว่า "อย่าลืมซ่อมรั้วให้เขาด้วยนะ" คำคำนั้นแสดงให้เห็นว่า ท่านไม่อยากเป็นภาระชาวบ้าน จึงสั่งให้ตนไปซ่อม และนับว่าเป็นบุญของคนไทยอย่างยิ่งที่มีพระเจ้าแผ่นดินที่รักพวกเราอย่างนี้

    ท่านองคมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนถวายงานอย่างใกล้ชิดเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แค่ 3 ปี เท่านั้น แต่เป็นที่รู้กันว่าท่านทรงงานทุกวันตลอดทั้งปีไม่มีวันหยุด ทั้งเดินทางไปยังที่ทุรกันดาร มีแต่ฝุ่นละออง รุงรัง คละคลุ้ง ซึ่งจากกรณีอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านประชวร แต่ท่านก็ยอมทำเพื่อช่วยราษฎรของท่าน แต่ทั้งนี้ท่านเคยได้รับสั่งกันตนว่า "ที่ เขาต้องมาทำอยู่ในที่ที่ทุรกันดาร ดินก็ไม่ดี ฝนก็แล้ง ปัญหาสารพัด ไม่ใช่เพราะเขาอยากอยู่ แต่เขาไม่มีที่ไป ฉันมาช่วยเขานะ แต่ฉันไม่ได้ช่วยตลอดไป ฉันมาช่วยเขาเพื่อให้เขาช่วยตัวเองได้"

    "ท่านแบกความทุกข์ของราษฎรทุกคนไว้ที่ตัวท่านเอง แต่ยิ่งท่านทรงงานหนัก เห็นราษฎรยิ้มแย้ม ท่านก็ทรงพระสำราญมาก" ท่านองมนตรีกล่าว

    ความรักของพ่อหลวงที่มีให้แก่ประชาชนนั้น อยู่ในใจของพระองค์มาตลอดระยะเวลา 65 ปี ทุกวินาทีของพระองค์คิดถึงแต่ความสุขสบายของราษฎร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ชาวไทยทุกคนจะรักในหลวงของปวงชนอย่างสุดหัวใจเช่นนี้ ...

    -http://hilight.kapook.com/view/65381-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ไหว้พระขอพร 9 พระอารามหลวง

    -http://travel.kapook.com/view8373.html-



    ไหว้พระขอพร 9 พระอารามหลวง (ททท.)

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    "การเริ่มต้นที่ดี คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ" จากคติดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้จัดทำกิจกรรม "ไหว้พระขอพร 9 พระอารามหลวง" ขึ้น เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจได้เดินทางท่องเที่ยวสักการะสถานที่ อันเป็นมงคล เพื่อการเริ่มต้นอย่างมีความสุขสงบทางใจ ตามคติความเชื่อของไทย อีกทั้งยังเป็นการเรียนรู้ถึงคุณค่าของโบราณสถานที่สำคัญของเกาะ รัตนโกสินทร์และบริเวณโดยรอบอีกด้วย

    สำหรับ 9 พระอารามหลวง ได้แก่...


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 1. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

    คติ : เดินทางปลอดภัยดี มีมิตรไมตรีที่ดี
    เครื่องสักการะ : ธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่ ดอกไม้พวงมาลัย

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศที่ดิน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเดิมเรียกว่า "หมู่บ้านกุฎีจีน" วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2368 ในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้ถวายเป็นพระอารามหลวง ได้รับพระราชทานนามว่า "วัดกัลยาณมิตร" พร้อมกับทรงสร้างพระวิหารหลวงเพื่อเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธไตรรัตนนายก" (หลวงพ่อโต) ซึ่งเป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 4 หรือเรียกตามแบบจีนว่า (ชำปอฮุดกง หรือ ชำปอกง)

    วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่มีองค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ โดยประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ นอกจากนี้ ยังมีหอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ เป็นที่เก็บพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ต่าง ๆ ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2408

    การเดินทาง

    วัด กัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ตั้งอยู่แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี มีโดยรถประจำทาง สาย 40, 57, 149 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 177 หรือจะไปทางเรือก็ต้องข้ามเรือข้ามฟากที่ท่าเรือปากคลองตลาดมาท่าเรือวัด กัลยาฯ


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 2. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร

    คติ : มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง
    เครื่องสักการะสำหรับพระประธานในโบสถ์ : ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก
    เครื่องสักการะสำหรับรูปเคารพสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท : ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สร้างสมัยก่อนกรุงรัตรโกสินทร์ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายราชสามัญ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ทหารรามัญในกองทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุ รสิงหนาท ต่อมาเมื่อมีชัยชนะต่อกองทหารข้าศึกถึง 3 ครั้ง จึงพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดชนะสงคราม"

    วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร มีพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย เป็นพระประธาน มีพระนามว่า "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดา อนาวรญาณ" ประดิษฐาน ณ พระอุโบสถ

    การเดินทาง

    วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่บนถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร สามารถเดินทางโดยรถประจำทาง สาย 33, 64, 65 หรือรถปรับอากาศ สาย ปอ. 3, 32, 33, 64, 65


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

    คติ : ร่มเย็นเป็นสุข
    เครื่องสักการะ : ธูป 9 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 11 แผ่น

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันในนาม "วัดโพธิ์" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เดิมชื่อ "วัดโพธาราม" พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงบูรณะและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างประเจดีย์เพื่อบรรจุพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งอัญเชิญมาจากกรุงศรีอยุธยา ต่อมาใน พ.ศ. 2377 รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระเจดีย์ แล้วพระราชทานนามว่า "พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ" และทรงสร้าง "พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกนิธาน" เพื่ออุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 และทรงมีพระราชประสงค์ให้วัดโพธิ์เป็น "มหาวิทยาลัยสำหรับประชาชน" จึงโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้มาจารึกบนแผ่นศิลาติดไว้บริเวณพระอุโบสถ เพื่อให้ประชาชนมาศึกษาหาความรู้

    ที่วัดโพธิ์มี "พระพุทธเทวปฏิมากร" ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ ใต้ฐานชุกชี บรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 1 มีพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ที่สวยงามที่สุด และองค์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนพื้นพระบาทประดับมุก เป็นภาพมงคล 108 ประการ นอกจากนั้น วัดโพธิ์ยังมีเจดีย์ทั้งสิ้น 99 องค์ ถือว่าเป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย และมีพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล คือ รัชการที่ 1- 4 แห่งกรุงรัตรโกสินทร์

    ในปัจจุบันวัดโพธิ์เปิดอบรมเผยแพร่วิชาการแพทย์แผนโบราณ โดยผู้ผ่านการอบรมจะได้รับใบประกอบโรคศิลป์จากกระทรวงสาธารณสุข

    การเดินทาง

    วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ด้านหลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร สามารถโดยรถประจำทาง สาย 12, 44, 82, 91 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 12, 32, 44, 91, 51


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

    คติ : เพื่อจิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย
    เครื่องสักการะ : ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกไม้

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นพระอารามที่อยู่ในบริเวณพระบรมมหาราชวัง รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2326 เพื่อความสะดวกเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลตามราช ประเพณี และเพื่อเป็นที่บรรจุพระอัฐิอายุของพระเจ้าแผ่นดินเจ้านายในราชสกุล ภายในวัดพระแก้วมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระอุโบสถอันเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร" (พระแก้วมรกต) ที่พระระเบียงมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่วิจิตรสวยงามและยาวที่ สุดในโลก มีปราสาทพระเทพบิดร ซึ่งเป็นปราสาทยอดปรางค์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1- 8

    มีพระศรีรัตนเจดีย์ประดับกระเบื้องสีทองทั้งองค์เป็นที่ประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุมีหอพระราชพงศานุสรณ์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลของ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีหอระฆังที่มีระฆังซึ่งตีมีเสียงดังกังวานดี มีพระบรมราชานุสาวรีย์ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์และยัง มีรูปยักษ์ 6 คู่ เป็นรูปยักษ์ตัวสำคัญจากเรื่องรามเกียรติ์ เป็นปูนปั้นทาสี ประดับกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ สูงประมาณ 6 เมตร ตั้งประจำที่ช่องประตูพระระเบียง

    การเดินทาง

    วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร สามารถโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 25, 32, 33, 59, 60, 70, 82, 91, 201, 203 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 2, 3, 6, 25, 32, 59, 60, 70, 82, 91, 201, 203, 512


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 5. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

    คติ : ชื่อเสียงโด่งดัง คนนิยมชมชอบ
    เครื่องสักการะ : ธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม วัดระฆัง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เดิมชื่อว่า “วัดบางว้าใหญ่” เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 1 มีลายหน้าบันเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงเรียกว่า "พระประธานยิ้มรับฟ้า" นอกจากนี้ ยังมีหอไตรเป็นรูปเรือนสามหลังแฝด ภายในมีภาพจิตรกรรมที่สำคัญหลายแห่งทั้งบานประตู และฝาผนังรวมทั้งตู้พระไตรปิฏกสมัยกรุงศรีอยุธยา

    วัดระฆังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นพระเถระผู้ทรงเกียรติคุณ วิทยาคุณโด่งดังมากแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน การไปสักการะสมเด็จพุฒาจารย์ เพื่อขอพรโดยการสวดคาถาชินบัญชรเมื่อสวดจบแล้ว ปักธูปที่กระถางและปิดทองที่รูปปั้น แล้วอย่าลืมพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

    การเดินทาง

    วัดระฆังโฆสิตารามมรมหาวิหาร ตั้งอยู่บนถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย สามารถโดยรถประจำทาง สาย 19, 57 ส่วนทางเรือ โดยเรือด่วนเจ้าพระยาแล้วลงที่ท่ารถไฟ หรือท่าวังหลัง หรือข้ามฝากที่ท่าช้างแล้วขึ้นที่ท่าเรือวัดระฆัง


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 6. วัดสุทัศเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

    คติ : วิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่คนทั่วไป
    เครื่องสักการะ : ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดสุทัศเทพวรารามวรมหาวิหาร เป็นพระอามามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชื่อ "วัดมหาสุทธาวาส" วันนี้เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2350 เสร็จสมบูรณ์ พ.ศ. 2390 ในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดสุทัศเทพวราราม"

    ที่พระวิหารมี "พระศรีศากยมุนี" เป็นพระประธานซึ่งอัญเชิญมาจากสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วย สำริดถอดแบบมาจากพระวิหารพระมงคลบพิตร กรุงศรีอยุธยา บานประตูใหญ่ของพระวิหารสลักไม้สวยงามรอบพระวิหารมีถะ หรือเจดีย์ศิลาแบบจีนตั้งอยู่บนฐานทักษิณ เป็นถะ 6 ชั้น จำนวน 28 องค์ มีพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธตรีโลกเชฏฐ์ เป็นพระประธานปางมารวิชัย ใหญ่กว่าพระที่หล่อในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ องค์อื่น ๆ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นฝีมือช่างชั้นครูในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่งดงามมาก พระอุโบสถนี้นับว่ายาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีศาลาการเปรียญที่มีพระพุทธเสรฏฐมุนี เป็นพระประธานที่หล่อด้วยกลักฝิ่นเมื่อ พ.ศ. 2382 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เช่นกัน

    การเดินทาง

    วัดสุทัศเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร สามารถโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 42 รถปรับอากาส สาย ปอ. 10, 12, 42


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 7. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

    คติ : ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน
    เครื่องสักการะ : ธูป 3 ดอก เทียนคู่

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมะกอก เมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พระเจ้ากรุงธนบุรี) เสด็จทางชลมารคจากกรุงศรีอยุธยามารุ่งเช้าที่หน้าวัดมะกอก จึงโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วัดแจ้ง" ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอรุณราชวราราม"

    ในสมัยกรุงธนบุรีวัดอรุณราชวรารามเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต ก่อนที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้ว นอกจากนั้นยังมียักษ์ปูนปั้นขนาดใหญ่ 2 ตน ตั้งอยู่หน้าประตูซุ้มยอดพระมงกุฏ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนาม "ยักษ์วัดแจ้ง"

    ภายในวัดอรุณราชวรารามนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ มีพระปรางค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสูง 33 วาเศษ ประดับด้วยชิ้นกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ ยอดพระปรางค์เป็นนภศูล ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีปรางค์ทิศทั้ง 4 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประสูติ เทศน์พระธัมมจักร ตรัสรู้ นิพพาน การเดินเวียนทักษิณาวัดรอบพระปรางค์ 3 รอบ โดยเดินเวียนขวา (ตามเข็มนาฬิกา) เพื่อความเป็นสิริมงคล มีพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" ซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงปั้นหุ่นและพระพักตร์ด้วยฝีพระหัตถ์พระองค์เอง และยังมีพระวิหารที่มีพระบรมสารีริกธาติที่เกศพระพุทธชมภูนุชฯ มีพระอรุณหรือพระแจ้ง ที่รัชกาลที่ 4 ทรงอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

    การเดินทาง

    วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ สามารถโดยรถประจำทาง สาย 19, 57 หรือนั่งเรือโดยสารข้ามฟากจากท่าเตียน มาขึ้นที่วัดอรุณ


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 8. วัดบวรนิเวศวิหาร

    คติ : พบแต่สิ่งดีงามในชีวิต
    เครื่องสักการะ : ธูป 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 3 ดอก

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชชวรวิหาร สมเด็จพระบวรราชเจ้ากรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นใหม่ระหว่าง พ.ศ. 2367 - 2375 เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดใหม่ ได้รับพระราชทานชื่อใหม่ เมื่อรัชกาลที่ 3 ทรงอาราธนาสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎเสด็จมาประทับเมื่อปี พ .ศ. 2375 นอกจากนี้ ยังเป็นวัดที่รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลปัจจุบันทรงผนวช เป็นวัดของคณะ สงฆ์ฝ่ายคามวาสีของธรรมยุติกนิกาย

    สิ่งสำคัญภายในวัดบวรนิเวศวิหาร ได้แก่ พระอุโบสถ เป็นอาคารแบบตรีมุข หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางมีตรามหามงกุฎ พระประธานในพระอุโบสถและพระพุทธชินสีห์ วิหารพระศาสดา พระเจดีย์ใหญ่ และพระตำหนักปั้นหยา สถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์และเจ้าฟ้าที่ทรงผนวช

    การเดินทาง

    วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ แขวงนิเวศ เขตพระนคร สามารถโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 56, 68


    [​IMG]

    ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ

    [​IMG] 9. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

    คติ : เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล
    เครื่องสักการะ : ธูป 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 3 ดอก

    ประวัติ/ความเป็นมา

    วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดสำคัญคู่มากับการสร้างกรุงเทพมหานคร เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสระแรัชกาลที่ 1 ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่โปรดให้ขุดคลองรอบพระอารามและพรราชทานนามว่า วัดสระเกศ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอารามและสร้างสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น พระบรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง

    สิ่งสำคัญภายในวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้แก่ พระบรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง ซึ่งสร้างเป็นพระปรางค์ในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่เกิดทรุดทังลง รัชกาลที่ 4 โปรดให้ซ่อมแซม โดยแปลงเป็นภูเขาและก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างแล้วเสร็จในสมับรัชกาลที่ 5 นอกจากนี้ ภายในพระอุโบสถที่ภายในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝีมือช่าง สมัยรัชกาลที่ 3 และหอไตร ศิลปะสมัยอยุธยาบานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ

    การเดินทาง

    วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่บริเวณปากคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    -http://www.9wat.net/-
    [​IMG]



    -http://travel.kapook.com/view8373.html-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.7 KB
      เปิดดู:
      83
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.3 KB
      เปิดดู:
      69
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      715
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28 KB
      เปิดดู:
      645
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.2 KB
      เปิดดู:
      620
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.9 KB
      เปิดดู:
      605
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.8 KB
      เปิดดู:
      602
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.4 KB
      เปิดดู:
      599
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.6 KB
      เปิดดู:
      606
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.8 KB
      เปิดดู:
      693
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.8 KB
      เปิดดู:
      609
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33 KB
      เปิดดู:
      618
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ช็คสภาพ 'ยาสามัญประจำบ้าน' หลังน้ำลด

    วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.


    -http://beta.dailynews.co.th/article/822/1895-


    [​IMG]



    เผยวิธีสังเกตคุณภาพของยาประเภทต่างๆ ที่มีใช้กันโดยทั่วไปในแต่ละบ้าน



    เช็คสภาพ 'ยาสามัญประจำบ้าน' หลังน้ำลด

    วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.
    [​IMG]



    เผยวิธีสังเกตคุณภาพของยาประเภทต่างๆ ที่มีใช้กันโดยทั่วไปในแต่ละบ้าน

    การกลับเข้าบ้าน หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย จำเป็นต้องตรวจสอบคุณภาพยาสามัญประจำบ้านด้วย เพราะการนำยาที่เสื่อมสภาพ เสีย หรือหมดอายุไปใช้หรือรับประทาน อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
    ทั้งนี้ ระหว่างการเสวนา เข้าบ้านหลังน้ำลดอย่างไร...ให้ปลอดภัย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้เผยวิธีสังเกตคุณภาพของยาประเภทต่างๆ ที่มีใช้กันโดยทั่วไปในแต่ละบ้าน เริ่มจาก "ยาเม็ดหรือยาแคปซูลแบ่งบรรจุ" ต้องไม่มีสีและลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่น รอยด่าง เม็ดยาบวม แคปซูลไม่ติดกัน กลิ่นไม่แปลกไปจากเดิม ซึ่งโดยทั่วไปยาเม็ดแบ่งบรรจุจะมีอายุประมาณ 6 เดือน นับจากวันที่ได้รับยาแบ่งบรรจุ
    ด้าน "ยาเม็ดหรือยาแคปซูลในแผงบรรจุสำเร็จรูป" ลักษณะบรรจุภัณฑ์ แผงยาต้องไม่มีรอยฉีกขาด ยังอยู่ในสภาพที่ดี และยายังไม่หมดอายุ
    สำหรับ "ยาน้ำ" ลักษณะของสี กลิ่น รส ปกติ ไม่มีลักษณะขุ่น ไม่มีตะกอน หรือสิ่งแปลกปลอมในยา รวมทั้งบริเวณฝาขวด-ปากขวด และภายในบรรจุภัณฑ์ต้องไม่มีตะกอนหรือผลึกน้ำตาลเกาะอยู่
    ขณะที่ "ยาแขวนตะกอน" จะต้องไม่เกิดก้อนแข็ง สามารถเขย่าแล้วกลับมาแขวนลอยได้อีก รวมถึงสี กลิ่น รส ต้องไม่เปลี่ยนแปลง ส่วน "ยาครีม" ลักษณะของครีมต้องคงเดิม ทั้งความข้นหนืด สี กลิ่น
    สุดท้าย "ยาขี้ผึ้ง" ต้องไม่มีของเหลวแยกออกมาจากยาขี้ผึ้ง ความข้นหนืดคงเดิม ไม่มีเม็ดหยาบในยาขี้ผึ้งที่แสดงถึงการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
    ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ที่โดยปกติจะต้องรับประทานยาเป็นประจำ แต่ขาดยาในช่วงน้ำท่วม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหลังน้ำลดและสามารถเดินทางได้ เนื่องจากแพทย์อาจต้องปรับยาให้เหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วย และเพื่อควบคุมอาการของโรค จะเป็นการดีกว่าที่ตัวผู้ป่วยจะหาซื้อยาเดิมมารับประทานเองหลังการขาดยาไป.
    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com



    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...