พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    สวัสดีวันตรุษจีน...เฮง เฮง ทุกท่านครับ
    ขอทุกท่านเจริญในธรรม
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    วันนี้ ตอนเช้า หลังจากไหว้พระ และ ไหว้เจ้า ที่บ้านแล้ว

    ผมได้ไปร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ที่โรงพยาบาลสงฆ์ และได้มอบเงินให้พี่ใหญ่ (ไว้ทำบุญหรืออื่นๆแล้วแต่พี่ใหญ่)

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    วันนี้ ตอนเช้า หลังจากไหว้พระ และ ไหว้เจ้า ที่บ้านแล้ว

    ผมได้ไปร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ที่โรงพยาบาลสงฆ์ และได้มอบเงินให้พี่ใหญ่ (ไว้ทำบุญหรืออื่นๆแล้วแต่พี่ใหญ่)

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ

    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    มีโอกาสได้พบกับคุณอนัตตัง โดยมิได้นัดหมาย

    มาบอกผมว่า จำผมได้ ตอนที่ผมไปทำบุญที่ สนส.บ่อเงินบ่อทอง

    ยินดีที่ได้พบครับ

    .
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ยินดีที่ได้พบ กับคุณ sithiphong เช่นกันครับ โดยมิได้นัดหมาย ผม เคยอ่านข้อมูลในเวบ สนส.บ่อเงินบ่อทอง เคยเห็นรูปในเวบ ได้พบตัวจริง จึงเข้าไปทักทาย ได้นั่งสนทนากันได้รับความรู้เยอะมากเลยครับ ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับสิ่งดีๆ ที่แนะนำให้
     
  5. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    โมทนา...สาธุ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    招财进宝 (เจาไฉจิ้นเป่า) ... เงินทองไหลมาเทมา ทรัพย์สมบัติไหลเข้าบ้าน

    金玉满堂 (จินอวี้หม่านถัง) ... ร่ำรวยเงินทอง ทองหยกเต็มบ้าน

    年年有余 (เหนียนเหนียนโหย่วอวี๋) ... เหลือกินเหลือใช้ทุกปี

    龙马精神 (หลงหม่าจินเสิน) ... สุขภาพแข็งแรง

    事事顺利 (ซื่อซื่อซุ่นลี่) ... ราบรื่นในทุก ๆ เรื่อง

    幸福如意 (ซิ่งฝูหรูอี้) ... มีความสุขสมปรารถนา

    好运年年 (ห่าวยวิ่นเหนียนเหนียน) ...โชคดีตลอดไป












    -http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1025377-
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผีย้ำแค้นปืน 2-1 จี้เรือ 3 แต้ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 มกราคม 2555 00:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แรมซีย์ (ซ้าย) เบียดบอลไปกับฟิล โจนส์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>อาร์วีพี ยิงนกตกปลาไปเยอะในเกมนี้</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>วาเลนเซีย โขกเบิกร่องให้แมนยูฯนำก่อน 1-0</TD></TR></TBODY></TABLE>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>"ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการย้ำแค้นเอาชนะ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม ไปได้ 2-1 จากประตูชัยของแดเนียล เวลเบ็ค ในช่วงครึ่งหลังของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมทำแต้มไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี จ่าฝูงของตารางเหลือเพียง 3 แต้ม

    ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    อาร์เซนอล 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    บิ๊กแมตซ์อีกคู่คืนวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2555 "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล อันดับ 5 ของตาราง เปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดียม ต้อนรับ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองฝูงพรีเมียร์ชิปในเวลานี้ โดยเกมนี้เจ้าบ้านไม่มีชื่อของ เธียร์รี อองรี ตำนานดาวยิง และ มิเกล อาร์เตตา ที่ยังไม่หายเจ็บกล้ามเนื้อน่อง แต่ยังมีโรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ และ ธีโอ วัลคอตต์ คอยป่วนแนวรับทีมเยือน ส่วนผีแดงวันนี้ส่ง แดนนี เวลเบ็ค และเวนย์ รูนีย์ ล่าตาข่าย โดยมี พอล สโคลส์ แข้งตัวเก๋าที่คัมแบ็คกลับมาช่วยทีมอีกครั้งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง โดยเกมนัดแรกที่เจอกัน ปรากฏว่า "ผีแดง" เปิดบ้านถล่มปืนโตไปแบบขาดลอย 8-2 ด้วยกัน

    10 นาทีแรก เป็นทางอาร์เซนอล ที่เริ่มต้นได้ดีกว่าแต่ยังไม่มีประตู ส่วนนาที 15 ผีแดง ต้องเปลี่ยนตัวเอาราฟาเอล ดา ซิลวา ลงสนามแทนที่ของ ฟิล โจนส์ แบ็คขวาของทีมที่มีปัญหาบาดเจ็บ นาที 18 แมนยูฯ ได้ลุ้นครั้งแรก กิ๊กส์ วางบอลโด่งจากขวาเข้าเขตโทษแต่มาเตซัคเกอร์ ยังโหม่งเคลียร์ทิ้งออกไปได้

    นาที 24 อาร์เซนอลได้ลุ้นบ้าง แชมเบอร์เลนด์ รับบอลจากริมฝั่งขวา ล็อกหลบกองหลังแมนยูฯ หนึ่งจังหวะก่อนป้ายให้วัลคอตต์ ซัดเต็มข้อแต่ไม่ใกล้เคียงแม้แต่น้อย จากนั้นนาที 26 เป็นทีของทีมเยือน วาเลนเซีย กระดกบอลไปข้างหน้าให้เวลเบ็ค วิ่งควบไปข้างหน้า แต่จับบอลไม่ดีโดนกอสเซียลนี สกัดทิ้งไปก่อน

    ผ่านไปครึ่งชั่วโมง แมนยูฯ เริ่มทำเกมบุกต่อเนื่อง และเกือบได้จุดโทษนาที 37 กิ๊กส์ กระดกบอลให้รูนีย์ในเขตโทษ ก่อนโดนอเล็กซ์ ซง ดึงล้ม แต่ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินในเกมนี้ปล่อยให้เล่นต่อโดยไม่เป็นจุดโทษ แต่ก่อนจบครึ่งแรก กิ๊กส์ วิ่งมาเปิดบอลจากกราบซ้ายให้วาเลนเซีย เทกตัวโหม่งบอลซุกตาข่ายเข้าไปให้ทีมเยือนนำ 1-0 และจบไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

    ครึ่งหลังนาที 51 อาร์เซนอล ได้โอกาสยิงประตูตีเสมอ โรซิคกี อาศัยความผิดพลาดในแนวรับทีมเยือน ลากบอลเข้าหาลินเดการ์ด ก่อนป้ายออกข้างให้ฟาน เพอร์ซีย์ แต่งบอลเข้าข้างถนัดและซัดระยะไม่เกิน 8 หลา แต่บอลพุ่งออกเสาแรกแบบเหลือเชื่อ จากนั้นนาที 54 แชมเบอร์เลน ออกบอลไปทางขวาให้แรมซีย์ เลี้ยงตัดเข้ามากดเต็มข้อแต่บอลโค้งหนีประตูออกไป

    เจ้าบ้านทำเกมบุกได้มากขึ้นแต่ยังตีไข่แตกไม่ได้ ส่วน "ผีแดง" หวุดหวิดได้ประตูหนีห่าง เวลเบ็ค สลัดหนีมาเตซัคเกอร์ วิ่งไปดวลกับเซสนีย์ แตะหลบหนึ่งจังหวะก่อนแปบอลเข้าไป แต่มาเตซัคเกอร์ สปีดวิ่งไล่มาเคลียร์ทันเวลา และในที่สุดก็ได้ประตูตีเสมอจังหวะสวนกลับ โรซิคกี วางข้ามให้แชมเบอร์เลน แทงออกข้างให้ฟาน เพอร์ซีย์ แปหักข้อลอดขาอีแวนส์เข้าไปเป็น 1-1 แต่หลังจากนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของทีมกลับเปลี่ยน อังเดร อาร์ชาวิน ลงมาแทนแชมเบอร์เลน ที่เล่นได้ดีในวันนี้ เล่นเอาแฟนบอลโห่กันทั้งสนาม

    เกมเข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย แมนยูฯ ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง อาร์ชาวิน ทำบอลพลาดให้วาเลนเซีย วิ่งมาฉกและต่อบอลให้เวลเบ็ค ซัดโล่งๆเป็น 2-1 ซึ่งหลังจากนี้ไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ จบเกม อาร์เซนอล ถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ำแค้นเอาชนะไปอีกครั้ง 2-1 ผลดังกล่าวทำให้ "ปืนโต" ยังอยู่ที่อันดับ 5 มี 36 แต้มเท่าเดิม ส่วนแมนยูฯ บวกเพิ่มเป็น 51 แต้ม ไล่จี้จ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี เหลือ 3 แต้มเท่านั้น

    รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    อาร์เซนอล : วอจเซียค เซสนีย์,โลร็องต์ กอสเซียลนี,เพอร์ มาเตซัคเกอร์,โธมัส แฟร์มาเลน,โยฮัน ฌูรู,โทมัส โรซิคกี,อเล็กซ์ ซง,อเล็กซ์ อ๊อกเล็ดจ์-แชมเบอร์เลน,ธีโอ วัลคอตต์,โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์,อารอน แรมซีย์
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด,จอห์นนี อีแวนส์,คริส สมอลลิง,ปาทริซ เอฟรา,ฟิล โจนส์,ไรอัน กิ๊กส์,ไมเคิล คาร์ริค,นานี,อันโตนิโอ วาเลนเซีย,แดนนี เวลเบ็ค,เวนย์ รูนีย์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000009784-

    .
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]
    ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ


    “ทุกคนขอความร่ำรวย แล้วทุกคนรวยมั้ย
    จริงๆแล้ว การไหว้ไฉ่ซิงเอี้ยไม่ได้อยู่ที่การขอ แต่อยู่ที่การให้ เมื่อรู้จักการให้ เราก็จะได้รับ
    จะขออะไรเราต้องคิดถึงหลักความจริงว่า ทำอย่างไรมันถึงจะได้”
    อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ บอกกับ Metro Life


    หลักความจริง - ขอในสิ่งที่สมเหตุผล ต้องรู้จักทำและเรียนรู้ที่จะให้ เพื่อผลตอบรับ​


    ทำไมต้องไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย - ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ “เงิน”เป็นคือองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิต ​





    [http://www.fengshuitown.com/fengshui/fengshui-tip-clash-destiny.htm]<!-- google_ad_section_end -->


    การแก้ดวง “ชง – ปะทะ”


    [​IMG]
    1. พกกำเช่า (ชะเอม) 5 ก้านติดตัว อาจมัดด้วยด้ายแดง แต่ห้ามอัดกรอบ
    2. ให้นั่งสมาธิ ไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร​


    หมายเหตุ ทำไมต้องกำเช่า – สมัยก่อน การผสมตัวยาที่แรงๆเข้าหากัน จะใช้ชะเอมเป็นตัวช่วย
    ชะเอม จึงทำหน้าที่ เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร จำนวน 5 ก้าน หมายถึง ครบ 5 ธาตุ (ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ) ​

    สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาจีนทั่วๆไป ลักษณะเป็นแท่งๆสีน้ำตาล มักขายเป็นขีด
    เมื่อแบ่งนำออกมาใช้ ส่วนที่เหลือสามารถเก็บไว้ใช้คราวต่อไปได้

    เขียนโดย admin เมื่อ อ, 12/23/2008 - 21:43
    ผู้อ่านจะช็อกไหม ? ชะเอมเทศ เป็นสมุนไพรนำเข้ามาจากประเทศจีน ! บางครั้งจึงเรียกว่า ชะเอมจีน ระยะเดือนสองเดือนมานี้สินค้าจากจีนทำเอาผู้บริโภคและพลเมืองไทยหวาดหวั่นใน ชีวิตและทรัพย์สินมาก วัตถุดิบสมุนไพรที่นำเข้าจากจีนเป็นอย่างไรบ้างหนอ ? เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าสมุนไพรที่ปลูกในประเทศจีนมากมาย เช่น อบเชยจีน และบรรดาพืชตระกูลโกฐ โกฐจุฬาลัมพา โกฐเขมา โกฐเชียง ฯลฯ และก็ ชะเอมเทศ
    มี ข้อมูลซึ่งศึกษาใหม่สุดแต่ก็ราว ๒-๓ ปีที่ผ่านมา นำมาเล่าสู่กันฟัง ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหลายหน่วยงานไทยและทางการจีน ทำโครงการในการส่งเสริมการปลูกสมุนไพรที่นำเข้าจากจีน เพื่อลดภาระและช่วยกระตุ้นให้วงการปลูกสมุนไพรชนิดที่คนไทยใช้กันจำนวนมาก นำมาปลูกในประเทศไทย ซึ่งชะเอมเทศจึงเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ทำการสำรวจและประเมินคุณภาพ โดยออกเก็บตัวอย่างชะเอมเทศในท้องตลาด ๑๐ ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์คุณภาพ
    เนื่องจาก ชะเอมเทศเป็นพืชเชิงพาณิชย์ มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมลูกอม ใช้แต่งรสหวานและกลิ่นต่างๆ วงการอุตสาหกรรมจึงแบ่งเกรดตามขนาดรากชะเอมเทศ ดูจากเส้นผ่าศูนย์กลางของราก ถ้าใหญ่กว่า ๑.๙ ซม.ได้เกรดเอ และลดหลั่นลงจนขนาดเล็กกว่า ๐.๖ ซม. เป็นเกรดอีบ๊วยสุด แต่การศึกษาที่ทำกันไม่ได้ดูเฉพาะรากอวบใหญ่หรือแห้งเป็นไม้จิ้มฟันเท่านั้น เขาดูลักษณะทางเคมีและสาระสำคัญในรากชะเอมเทศด้วย โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของเภสัชตำรับประเทศอังกฤษ( British Pharmacopoeia) และเภสัชตำรับของประเทศจีน ( Pharmacopoeia of the People's Republic of China ) ปรากฏว่า ชะเอมเทศที่ขายในตลาดเมืองไทย เป็นประเภท "กลางๆ ” คือ ไม่มีอวบใหญ่เกรดเอ แต่ก็ไม่มีแห้งหดเกรดอี
    แต่ ผู้อ่านควรรู้ความรู้เบื้องต้นด้วยว่า ส่วนของสมุนไพรที่นำมาใช้อาจปนเปื้อนสารเคมีอันตรายได้ ดังเช่น ชะเอมเทศซึ่งใช้ราก เป็นตัวยาสำคัญ ดังนั้นรากก็จะดูดซับสารต่างๆไว้ด้วย หากดินพื้นที่ใดมีสารพิษก็พลอยดูดอมพิษมาสู่ตัวยาได้ด้วย ในการศึกษาจาก ๑๐ ตัวอย่างนั้น ผู้บริโภคไทยสบายใจได้ว่า ไม่พบสารตะกัวทั้ง ๑๐ ตัวอย่าง สำหรับสารหนู ฟังชื่อก็ตกใจกันแล้ว พบว่าทั้ง ๑๐ ตัวอย่างมีสารหนูด้วย แต่ยังดีที่พบในปริมาณ ๐.๐๓ – ๐.๓๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ที่ ๐.๔๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เรียกว่ารอดมาอย่างหวุดหวิด
    แต่สำหรับแคดเมี่ยม พบว่า มี ๕ ตัวอย่างไม่พบเลย แต่ อีก ๕ ตัวอย่าง พบว่ามีปริมาณ ๐.๖๗ – ๐.๙๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานตั้งไว้เพียง ๐.๓๐ เท่านั้น ดังนั้น ๑๐ ตัวอย่างที่นำมาศึกษา พบว่าครึ่งต่อครึ่งปลอดภัย แต่อีกครึ่งมีสารแคดเมี่ยมอยู่ในเกณฑ์ไม่ปลอดภัย ดีที่ยังไม่สูงปรี๊ด และการใช้ชะเอมเทศเป็นยาเป็นการกินเป็นครั้งคราว มิใช่อาหารที่กินอย่างต่อเนื่อง
    จากการสำรวจนี้ คณะผู้วิจัยได้สำรวจพื้นที่ที่ปลูกชะเอมจีนในดินแดนขวานทองของไทยด้วยขณะนี้ ปลูกโตบ้างแล้ว ที่จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และอุดรธานี ซึ่งทุกพื้นที่ได้วิเคราะห์ดินไม่ให้มีการปนเปื้อน ตะกั่ว สารหนูและแคดเมี่ยมแต่อย่างใด หากอนาคตเราสามารถปลูกชะเอมจีนสัญชาติไทยได้ น่าจะป็นการลดการนำเข้า และทำให้วัตถุดิบยาไทยมีคุณภาพยิ่งขึ้น
    ชะเอมเทศใช้ในตำรับยาไทยมากมาย ตั้งแต่ ตำรับยาหอม ยาอำมฤควาที ตำรับยาไทยแก้หวัด ที่มี ชะเอมเทศเป็นตัวยา หรือพิกัดยาที่มีของ ๔ สิ่งหรือสมุนไพร ๔ ชนิด พิกัดจตุทิพยคันธา แปลได้ว่า ยาที่มีกลิ่นหอมดังกลิ่นทิพย์ ๔ อย่าง คือ รากมะกล่ำเครือ รากชะเอมเทศ ดอกพิกุล เหง้าขิงแครง ตำรับยานี้มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ แก้เสมหะ แก้ลมปั่นป่วน
    ถ้าดู สรรพคุณชะเอมเทศอย่างเดียว สรรพคุณตามตำราจีน กล่าวว่า ชะเอมเทศมีรสอมหวาน สุขุม และคุณสมบัติค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ช่วยระบายความร้อน ขับพิษ ป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร แก้ไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ แก้อาการใจสั่น แก้ลมชัก หมอจีนทั่วไปมักใช้ชะเอมเทศเข้าในตำรับยาแก้อาการไอมีเสมหะมาก คอบวมอักเสบ พิษจากฝีแผล หรือพิษจากยาและอาหาร โดยสามารถช่วยระบายความร้อนและขับพิษได้
    ถ้าดูสรรพคุณตำรายาไทย กล่าวไว้คล้ายกันว่า ชะเอมเทศมีรสหวาน ชุ่มคอ แก้ไอ ขับเสมหะ ขับเลือดเน่าเสีย บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น แก้กำเดาให้เป็นปกติ ใช้สำหรับปรุงแต่งรสยาให้กินง่าย และเป็นยาระบายอ่อนๆ
    แต่ ในตำรับยาจีนมีการใช้ที่น่าสนใจอยู่วิธีหนึ่งคือ ชะเอมเทศผัดน้ำผึ้ง คือ นำรากชะเอมล้างน้ำและหั่นเป็นแว่นๆ ตากให้แห้ง นำน้ำผึ้งแท้มาเจือจางด้วยน้ำต้มสุกสะอาด นำรากชะเอมที่ได้มาคลุกเคล้าแล้วหมักไว้สักครู่ ให้น้ำผึ้งซึมเข้าตัวยา แล้วนำไปผัดในกระทะโดยใช้ไฟปานกลาง ผัดจนมีสีเหลืองเข้ม ไม่เหนียวติดมือ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น ชะเอมเทศผัดน้ำผึ้งนี้ หมอซินแสชาวจีนถือว่ามีรสอมหวาน อุ่น มีสรรพคุณบำรุงม้ามและกระเพาะ ช่วยเสริมชี่ หรือพลังในร่างกาย ช่วยให้การเต้นของชีพจรมีแรงและกลับคืนปกติ โดยทั่วไปใช้ในตำรับยารักษาอาการม้ามและกระเพาะอ่อนเพลีย ชี่ของหัวใจพร่อง ปวดท้อง เส้นเอ็นและชีพจรแข็งตึง ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ
    ชะเอม เทศเป็นสมุนไพรที่คนไทยใช้กันมาก ถ้าเราหาทางปลูกในประเทศไทยได้ และพัฒนาคุณภาพ นอกจากช่วยสร้างเศรษฐกิจด้านการเกษตรแล้ว ตำรับยาชะเอมเทศยังน่าสนใจมากๆ ส่งท้าย การศึกษาของประเทศจีนพบว่า เมื่อเปรียบเทียบฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันของชะเอมเทศปกติกับชะเอมเทศผัดน้ำ ผึ้ง พบว่าชะเอมเทศผัดน้ำผึ้งมีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันมากกว่ามาก หมอชาวจีนจึงใช้ในการบำรุงชี่ที่ดีจ๊ะ...
    http://www.thaihof.org/articlematichon/

    การซื้อชะเอมเทศก็ราคาถูกมากครับ เสมหะมาก ก็ใช้ทานละลายเสมหะได้ครับ


    <!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    <TABLE border=0 width=650><TBODY><TR><TD bgColor=#ffff99>
    [​IMG]
    ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    “ทุกคนขอความร่ำรวย แล้วทุกคนรวยมั้ย
    จริงๆแล้ว การไหว้ไฉ่ซิงเอี้ยไม่ได้อยู่ที่การขอ แต่อยู่ที่การให้ เมื่อรู้จักการให้ เราก็จะได้รับ
    จะขออะไรเราต้องคิดถึงหลักความจริงว่า ทำอย่างไรมันถึงจะได้”
    อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ บอกกับ Metro Life

    หลักความจริง - ขอในสิ่งที่สมเหตุผล ต้องรู้จักทำและเรียนรู้ที่จะให้ เพื่อผลตอบรับ

    ทำไมต้องไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย - ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ “เงิน”เป็นคือองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิต ​



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ราคาทองคำปิดพุ่ง 9.5 ดอลล์ จากความหวังเจรจาหนี้กรีซบรรลุผล


    ที่มา : อินโฟเควสท์
    วันที่ : 21 มกราคม 2555


    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า กรีซจะบรรลุข้อตกลงกับบรรดาผู้ถือครองพันธบัตรภาคเอกชนในเร็วๆนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เงินยูโรก็จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดทองคำ เพราะจะทำให้ราคาทองซึ่งซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น และกระตุ้นให้นักลงทุนสนใจเข้าซื้อทองคำกันมากขึ้น

    สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่ง 9.5 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,664 ดอลลาร์/ออนซ์

    สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ทะยาน 1.66 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 31.675 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 5.55 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 3.7450 ดอลลาร์/ปอนด์

    สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 14.3 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,532.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 675.70 ดอลลาร์/ออนซ์

    เทรดเดอร์กล่าวว่า นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด โดยการหารือได้ดำเนินเข้าสู่วันที่สามเมื่อวานนี้ ด้วยความพยายามของทุกฝ่ายที่จะบรรลุข้อตกลงปรับลดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ซึ่งจะช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดได้

    ทั้งนี้ นายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รัฐมนตรีคลังกรีซ ได้เจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนเพื่อขอให้ยอมปรับลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรกรีซลง 1 แสนล้านยูโร (1.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 50% เพื่อแลกกับการจ่ายเงินสดและการออกพันธบัตรใหม่ที่มีระยะเวลาไถ่ถอนนานออกไป หลังจากที่การเจรจาได้หยุดชะงักไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากเกิดการไม่เห็นด้วยกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรล็อตใหม่

    ในขณะเดียวกัน นักลงทุนบางรายวิตกว่า ความสนใจเข้าซื้อทองคำอาจลดลงเล็กน้อยในระยะสั้น เนื่องจากการซื้อทองคำที่คึกคักในประเทศจีนอาจแผ่วลงเมื่อการเฉลิมฉลองตรุษจีนผ่านพ้นไป

    [​IMG]
    [​IMG] การลงทุนคือการเสี่ยง การวิเคราะห์ไม่ใช่ข้อเท็จจริง สภาพการเก็งกำไรทองคำมีความผันผวนสูง โปรดใช้ข้อมูลและวิจารณญาณของตนเองในการตัดสินใจ



    -http://www.goldhips.com/board/viewtopic.php?t=4034-

    .
     
  10. Nui28

    Nui28 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +7
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  11. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แหมตรงใจกำลังจะมีคำถาม ลุง อ.เพชรเลยครับ คืออย่างนี้ครับ ผมไม่ได้ใช้ชุดไหว้ ของตามอย่างในพิธีประเพณี แต่ผมไหว้เพียง ส้ม 4ผล ขนมถ้วยฟู 4ก้อน ธูป 3ดอก อธิษฐานระลึกถึงท่าน เมื่อวานเวลา 23.00-23.15น. โดยหันชุดการไหว้ไปทางทิศเหนือ อย่างนี้พอไหว มั้ยครับ หรือจำเป็นต้องจัดเต็มชุดพร้อมมีเทียบเชิญครับ หุ หู
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานสอนใจ : ยอดเขายายกะตา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>22 มกราคม 2555 09:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    กบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ที่เชิงเขายายกะตา ตามตำนานของฝูงกบเหล่านี้เล่าว่า ยอดเขายายกะตาเป็นยอดเขาที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับกบ หากกบตัวใดสามารถปีนขึ้นไปถึงยอดเขายายกะตาได้ ก็จะพบกับความสุขสมบูรณ์ มีแมลงรสอร่อยกิน ไม่อดอยากไปจนตลอดชีวิตการเป็นกบ

    แต่กระนั้นก็ตาม การปีนขึ้นเขาก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับกบ ดังนั้นจึงยังไม่เคยมีกบตัวใดลองพิสูจน์ตำนานนี้ดูสักที แล้ววันหนึ่ง ฝูงกบเกิดนึกสนุกชวนกันแข่งขันปีนขึ้นยอดเขายายกะตา ใครไปถึงยอดเขาเป็นตัวแรก นอกจากจะเป็นสิริมงคลแก่ตนตามตำนานแล้ว ยังจะได้รับรางวัลสุดยอดกบจากเพื่อน ๆ อีกด้วย


    เมื่อถึงเวลา กบทุกตัวก็เริ่มปีนขึ้นเขาพร้อมกัน กบตัวที่แข็งแรงกว่าสามารถแซงเพื่อนตัวอื่น ๆ ขึ้นไปอยู่แถวหน้าได้ แต่ปีนไปได้เพียงครึ่งทาง พวกมันก็เริ่มถอดใจ ทนความเหนื่อยล้า และความลำบากไม่ได้

    "ข้าเหนื่อย ข้าไปไม่ไหวแล้ว" กบตัวที่แข็งแรงที่สุดว่า

    "ข้าก็เหมือนกัน เมื่อยแข้งเมื่อยขาไปหมด อยากกลับบ้านเสียจริง" กบอีกตัวบอก ตัวอื่น ๆ จึงพากันเสริมเป็นการใหญ่

    "นั่นน่ะสิ ยอดเขายายกะตาเป็นเพียงตำนาน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีกบตัวไหนเคยปีนขึ้นไปถึง"

    "บางทีอาจจะเป็นนิทานหลอกเด็กของพวกบรรพบุรุษที่ว่างจัดของเราก็ได้"

    "อย่างนั้นก็กลับกันเถอะ เปลืองแรงเปล่า ๆ" กบตัวที่แข็งแรงที่สุดบอก แล้วทุก ๆ ตัวซึ่งเป็นกบที่อยู่แถวหน้าสุดก็หันหลังปีนลงเขาไป

    เมื่อพวกกบที่อยู่ข้างหลังเห็นกบแถวหน้าปีนลงมาก็ถามด้วยความแปลกใจว่า

    "อ้าว ลงมาทำไมน่ะเพื่อน"

    กบตัวที่แข็งแรงที่สุดตอบว่า "ก็แล้วจะปีนขึ้นไปให้เสียแรงเสียเวลาสทำไมล่ะ อย่างไรก็ปีนไม่ถึงหรอก ยอดเขายายกะตาอยู่สูงลิ่วขนาดนั้น พวกกบอย่างเราจะมีทางไปถึงได้อย่างไร"

    "แต่บรรพบุรุษของเราเคยไปถึงที่นั่นนะ" กบอีกตัวซึ่งอยู่แถวหลังแย้ง

    "บรรพบุรุษหลอกเราเพื่อสร้างความเก่งกล้าให้ตัวเองน่ะสิ ทางแบบนี้จะมีใครปีนไปถึงได้ล่ะ ไม่มีทางหรอก" กบแถวหน้าอีกตัวโต้

    พวกกบแถวหลังเมื่อเห็นกบแถวหน้าซึ่งมีความแข็งแรงมากยังพูดถึงขนาดนี้ก็ชักจะคล้อยตามไปโดยง่าย สุดท้ายพวกมันจึงชวนกันปีนตามลงมาด้วย

    "กลับเถอะ พวกเราไม่มีทางปีนขึ้นไปได้หรอก เสียเวลาเปล่า ๆ" พวกกบที่ปีนลงเขาป่าวประกาศให้เพื่อน ๆ ที่กำลังปีนสวนทางขึ้นไปรู้ "ขนาดกบที่แข็งแรงที่สุดในฝูงยังปีนไม่ไหวเลย แล้วเราจะปีนได้อย่างไร กลับลงไปเถอะ"

    พวกกบแถวหลัง ๆ ได้ฟังดังนั้นก็เชื่อสนิทใจคิดว่าทางข้างหน้าคงลำบากมาก และพวกตนคงไม่มีทางปีนขึ้นไปได้จริง ๆ จึงชักชวนกันกลับ ไม่ปีนขึ้นเขาอีกต่อไป

    เมื่อกบทุกตัวปีนลงมา พวกมันก็สังเกตเห็นว่ามีสมาชิกในฝูงตัวหนึ่งหายไป

    "ใครหายไปหนึ่งตัว" พวกกบร้องถามกันและกันด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจดังลงมาจากยอดเขายายกะตาว่า

    "ข้าถึงแล้ว! ข้ามาถึงแล้ว!"

    กบที่อยู่เชิงเขามองขึ้นไปบนยอดเขายายกะตา แล้วพวกมันก็เห็นกบตัวหนึ่งกระโดดเริงร่าอยู่บนนั้น

    "ข้ารู้แล้วว่า ทำไมที่นี่จึงมีชื่อว่า ยอดเขายายกะตา ก็เพราะมีรูปปั้นยายกะตาที่ใจดีอยู่บนนี้นี่เอง..ว่าแต่ทำไมเพื่อน ๆ ถึงลงไปกันหมดล่ะ..แต่ไม่เป็นไร ข้าจะขอพรจากรูปปั้นนี้ และขอเผื่อเพื่อน ๆ ด้วยก็แล้วกันนะ"

    เหล่ากบมองหน้ากันด้วยความฉงน เหตุใดกบตัวนั้นจึงเอาชนะความยากลำบากปีนไปถึงยอดเขายายกะตาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อกบตัวนั้นปีนลงมา พวกกบตัวอื่น ๆ ก็พากันเข้าไปแสดงความยินดีด้วยใจจริง และรุมถามข้อข้องใจเป็นการใหญ่

    "ทำไมเจ้าถึงปีนไปถึงนั่นได้ล่ะเพื่อน เมื่อกบที่แข็งแรงบอกว่าเราไม่อาจขึ้นไปถึงบนนั้นได้ ทำไมเจ้าไม่เชื่อเล่า"

    กบตัวนั้นได้แต่ยิ้มหน้าแฉล้ม

    "ว่าอย่างไร ทำไมไม่ตอบ" เพื่อนกบถามอีก

    กบตัวนั้นก็ยิ้มตอบเพื่อน ๆ อีก

    "เอ๊ะ! เจ้านี่มันกวนเสียจริง" เพื่อนกบชักหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบเสียที แต่แล้วกบตั้วนั้นก็พูดขึ้นมาว่า

    "ดูเหมือนเพื่อนจะโกรธอะไรข้าสักอย่างนะ แต่อย่าได้โกรธไปเลย เพราะข้าหูหนวกมานานแล้ว ไม่ได้ยินที่เพื่อนพูดหรอก"

    พวกกบได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่า เหตุใดกบตัวนี้จึงปีนขึ้นไปถึงยอดเขายายกะตาได้ นั่นก็เพราะมันหูหนวกจึงไม่ได้รับฟังคำพูดของใครที่ทำให้ตนคิดท้อถอย สามารถปีนไปถึงยอดเขายายกะตา ได้รับพรจากรูปปั้นยายกะตา และได้รางวัลสุดยอดกบไปครองในที่สุด

    บทสรุปของผู้แต่ง

    หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จทั้ง ๆ ที่เห็นเป้าหมายของชีวิตอยู่ตรงหน้าแล้วก็คือ "การฟังคนอื่นมากเกินไป" นั่นเอง

    เราอาจเป็นคนยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องแยกแยะให้ถูกด้วยว่า ความคิดเห็นอันไหนติเพื่อก่อ หรืออันไหนไม่มีประโยชน์ที่จะสนใจ เมื่อตั้งใจจะทำอะไรด้วยใจรัก และคิดไตร่ตรองดูแล้วว่า สิ่งนั้นทำให้ชีวิตของเรามีความสุข และไม่เบียดเบียนใคร เราก็จงตั้งใจทำให้บรรลุผลเถิด ถ้าเมื่อใดมีคำบ่นว่าอย่างไร้ประโยชน์ส่งมาถึงตัวก็ขอให้ทำเป็นหูหนวกเสีย ไม่อย่างนั้นเราจะเหน็ดเหนื่อยกับการไล่ตามความคิดของคนอื่น และสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปในที่สุด

    อีกอย่างหนึ่ง เมื่อกลับบทบาทกัน และเราเป็นคนพูดถึงเป้าหมายในชีวิตของผู้อื่น ก็ขอให้พูดแสดงความคิดเห็นแต่ในข้อที่เป็นประโยชน์แก่เขา ให้กำลังใจเขา อย่าด่วนสรุปความคิดและเป้าหมายของเขาว่าเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราเองต่างหากที่เป็นคนใช้ไม่ได้ การทำลายความหวัง และความฝันของคนอื่น ไม่ต่างกับการฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดี ๆ ไม่ทำกัน

    ///////////////

    ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดี ๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา


    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9550000009476-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    [​IMG]

    ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ


    “ทุกคนขอความร่ำรวย แล้วทุกคนรวยมั้ย
    จริงๆแล้ว การไหว้ไฉ่ซิงเอี้ยไม่ได้อยู่ที่การขอ แต่อยู่ที่การให้ เมื่อรู้จักการให้ เราก็จะได้รับ
    จะขออะไรเราต้องคิดถึงหลักความจริงว่า ทำอย่างไรมันถึงจะได้”
    อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ บอกกับ Metro Life


    หลักความจริง - ขอในสิ่งที่สมเหตุผล ต้องรู้จักทำและเรียนรู้ที่จะให้ เพื่อผลตอบรับ


    ทำไมต้องไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย - ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ “เงิน”เป็นคือองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิต





    [http://www.fengshuitown.com/fengshui/fengshui-tip-clash-destiny.htm]<!-- google_ad_section_end -->

    การแก้ดวง “ชง – ปะทะ”


    [​IMG]
    1. พกกำเช่า (ชะเอม) 5 ก้านติดตัว อาจมัดด้วยด้ายแดง แต่ห้ามอัดกรอบ
    2. ให้นั่งสมาธิ ไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร​


    หมายเหตุ ทำไมต้องกำเช่า – สมัยก่อน การผสมตัวยาที่แรงๆเข้าหากัน จะใช้ชะเอมเป็นตัวช่วย
    ชะเอม จึงทำหน้าที่ เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร จำนวน 5 ก้าน หมายถึง ครบ 5 ธาตุ (ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ) ​

    สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาจีนทั่วๆไป ลักษณะเป็นแท่งๆสีน้ำตาล มักขายเป็นขีด
    เมื่อแบ่งนำออกมาใช้ ส่วนที่เหลือสามารถเก็บไว้ใช้คราวต่อไปได้


    เขียนโดย admin เมื่อ อ, 12/23/2008 - 21:43
    ผู้อ่านจะช็อกไหม ? ชะเอมเทศ เป็นสมุนไพรนำเข้ามาจากประเทศจีน ! บางครั้งจึงเรียกว่า ชะเอมจีน ระยะเดือนสองเดือนมานี้สินค้าจากจีนทำเอาผู้บริโภคและพลเมืองไทยหวาดหวั่นใน ชีวิตและทรัพย์สินมาก วัตถุดิบสมุนไพรที่นำเข้าจากจีนเป็นอย่างไรบ้างหนอ ? เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าสมุนไพรที่ปลูกในประเทศจีนมากมาย เช่น อบเชยจีน และบรรดาพืชตระกูลโกฐ โกฐจุฬาลัมพา โกฐเขมา โกฐเชียง ฯลฯ และก็ ชะเอมเทศ
    มี ข้อมูลซึ่งศึกษาใหม่สุดแต่ก็ราว ๒-๓ ปีที่ผ่านมา นำมาเล่าสู่กันฟัง ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหลายหน่วยงานไทยและทางการจีน ทำโครงการในการส่งเสริมการปลูกสมุนไพรที่นำเข้าจากจีน เพื่อลดภาระและช่วยกระตุ้นให้วงการปลูกสมุนไพรชนิดที่คนไทยใช้กันจำนวนมาก นำมาปลูกในประเทศไทย ซึ่งชะเอมเทศจึงเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ทำการสำรวจและประเมินคุณภาพ โดยออกเก็บตัวอย่างชะเอมเทศในท้องตลาด ๑๐ ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์คุณภาพ
    เนื่องจาก ชะเอมเทศเป็นพืชเชิงพาณิชย์ มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมลูกอม ใช้แต่งรสหวานและกลิ่นต่างๆ วงการอุตสาหกรรมจึงแบ่งเกรดตามขนาดรากชะเอมเทศ ดูจากเส้นผ่าศูนย์กลางของราก ถ้าใหญ่กว่า ๑.๙ ซม.ได้เกรดเอ และลดหลั่นลงจนขนาดเล็กกว่า ๐.๖ ซม. เป็นเกรดอีบ๊วยสุด แต่การศึกษาที่ทำกันไม่ได้ดูเฉพาะรากอวบใหญ่หรือแห้งเป็นไม้จิ้มฟันเท่านั้น เขาดูลักษณะทางเคมีและสาระสำคัญในรากชะเอมเทศด้วย โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของเภสัชตำรับประเทศอังกฤษ( British Pharmacopoeia) และเภสัชตำรับของประเทศจีน ( Pharmacopoeia of the People's Republic of China ) ปรากฏว่า ชะเอมเทศที่ขายในตลาดเมืองไทย เป็นประเภท "กลางๆ ” คือ ไม่มีอวบใหญ่เกรดเอ แต่ก็ไม่มีแห้งหดเกรดอี
    แต่ ผู้อ่านควรรู้ความรู้เบื้องต้นด้วยว่า ส่วนของสมุนไพรที่นำมาใช้อาจปนเปื้อนสารเคมีอันตรายได้ ดังเช่น ชะเอมเทศซึ่งใช้ราก เป็นตัวยาสำคัญ ดังนั้นรากก็จะดูดซับสารต่างๆไว้ด้วย หากดินพื้นที่ใดมีสารพิษก็พลอยดูดอมพิษมาสู่ตัวยาได้ด้วย ในการศึกษาจาก ๑๐ ตัวอย่างนั้น ผู้บริโภคไทยสบายใจได้ว่า ไม่พบสารตะกัวทั้ง ๑๐ ตัวอย่าง สำหรับสารหนู ฟังชื่อก็ตกใจกันแล้ว พบว่าทั้ง ๑๐ ตัวอย่างมีสารหนูด้วย แต่ยังดีที่พบในปริมาณ ๐.๐๓ – ๐.๓๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ที่ ๐.๔๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เรียกว่ารอดมาอย่างหวุดหวิด
    แต่สำหรับแคดเมี่ยม พบว่า มี ๕ ตัวอย่างไม่พบเลย แต่ อีก ๕ ตัวอย่าง พบว่ามีปริมาณ ๐.๖๗ – ๐.๙๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานตั้งไว้เพียง ๐.๓๐ เท่านั้น ดังนั้น ๑๐ ตัวอย่างที่นำมาศึกษา พบว่าครึ่งต่อครึ่งปลอดภัย แต่อีกครึ่งมีสารแคดเมี่ยมอยู่ในเกณฑ์ไม่ปลอดภัย ดีที่ยังไม่สูงปรี๊ด และการใช้ชะเอมเทศเป็นยาเป็นการกินเป็นครั้งคราว มิใช่อาหารที่กินอย่างต่อเนื่อง
    จากการสำรวจนี้ คณะผู้วิจัยได้สำรวจพื้นที่ที่ปลูกชะเอมจีนในดินแดนขวานทองของไทยด้วยขณะนี้ ปลูกโตบ้างแล้ว ที่จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และอุดรธานี ซึ่งทุกพื้นที่ได้วิเคราะห์ดินไม่ให้มีการปนเปื้อน ตะกั่ว สารหนูและแคดเมี่ยมแต่อย่างใด หากอนาคตเราสามารถปลูกชะเอมจีนสัญชาติไทยได้ น่าจะป็นการลดการนำเข้า และทำให้วัตถุดิบยาไทยมีคุณภาพยิ่งขึ้น
    ชะเอมเทศใช้ในตำรับยาไทยมากมาย ตั้งแต่ ตำรับยาหอม ยาอำมฤควาที ตำรับยาไทยแก้หวัด ที่มี ชะเอมเทศเป็นตัวยา หรือพิกัดยาที่มีของ ๔ สิ่งหรือสมุนไพร ๔ ชนิด พิกัดจตุทิพยคันธา แปลได้ว่า ยาที่มีกลิ่นหอมดังกลิ่นทิพย์ ๔ อย่าง คือ รากมะกล่ำเครือ รากชะเอมเทศ ดอกพิกุล เหง้าขิงแครง ตำรับยานี้มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ แก้เสมหะ แก้ลมปั่นป่วน
    ถ้าดู สรรพคุณชะเอมเทศอย่างเดียว สรรพคุณตามตำราจีน กล่าวว่า ชะเอมเทศมีรสอมหวาน สุขุม และคุณสมบัติค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ช่วยระบายความร้อน ขับพิษ ป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร แก้ไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ แก้อาการใจสั่น แก้ลมชัก หมอจีนทั่วไปมักใช้ชะเอมเทศเข้าในตำรับยาแก้อาการไอมีเสมหะมาก คอบวมอักเสบ พิษจากฝีแผล หรือพิษจากยาและอาหาร โดยสามารถช่วยระบายความร้อนและขับพิษได้
    ถ้าดูสรรพคุณตำรายาไทย กล่าวไว้คล้ายกันว่า ชะเอมเทศมีรสหวาน ชุ่มคอ แก้ไอ ขับเสมหะ ขับเลือดเน่าเสีย บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น แก้กำเดาให้เป็นปกติ ใช้สำหรับปรุงแต่งรสยาให้กินง่าย และเป็นยาระบายอ่อนๆ
    แต่ ในตำรับยาจีนมีการใช้ที่น่าสนใจอยู่วิธีหนึ่งคือ ชะเอมเทศผัดน้ำผึ้ง คือ นำรากชะเอมล้างน้ำและหั่นเป็นแว่นๆ ตากให้แห้ง นำน้ำผึ้งแท้มาเจือจางด้วยน้ำต้มสุกสะอาด นำรากชะเอมที่ได้มาคลุกเคล้าแล้วหมักไว้สักครู่ ให้น้ำผึ้งซึมเข้าตัวยา แล้วนำไปผัดในกระทะโดยใช้ไฟปานกลาง ผัดจนมีสีเหลืองเข้ม ไม่เหนียวติดมือ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น ชะเอมเทศผัดน้ำผึ้งนี้ หมอซินแสชาวจีนถือว่ามีรสอมหวาน อุ่น มีสรรพคุณบำรุงม้ามและกระเพาะ ช่วยเสริมชี่ หรือพลังในร่างกาย ช่วยให้การเต้นของชีพจรมีแรงและกลับคืนปกติ โดยทั่วไปใช้ในตำรับยารักษาอาการม้ามและกระเพาะอ่อนเพลีย ชี่ของหัวใจพร่อง ปวดท้อง เส้นเอ็นและชีพจรแข็งตึง ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ
    ชะเอม เทศเป็นสมุนไพรที่คนไทยใช้กันมาก ถ้าเราหาทางปลูกในประเทศไทยได้ และพัฒนาคุณภาพ นอกจากช่วยสร้างเศรษฐกิจด้านการเกษตรแล้ว ตำรับยาชะเอมเทศยังน่าสนใจมากๆ ส่งท้าย การศึกษาของประเทศจีนพบว่า เมื่อเปรียบเทียบฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันของชะเอมเทศปกติกับชะเอมเทศผัดน้ำ ผึ้ง พบว่าชะเอมเทศผัดน้ำผึ้งมีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันมากกว่ามาก หมอชาวจีนจึงใช้ในการบำรุงชี่ที่ดีจ๊ะ...
    http://www.thaihof.org/articlematichon/

    การซื้อชะเอมเทศก็ราคาถูกมากครับ เสมหะมาก ก็ใช้ทานละลายเสมหะได้ครับ


    <!-- google_ad_section_end -->



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]



    </FIELDSET>
    <TABLE width=650 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffff99>
    [​IMG]
    ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    “ทุกคนขอความร่ำรวย แล้วทุกคนรวยมั้ย
    จริงๆแล้ว การไหว้ไฉ่ซิงเอี้ยไม่ได้อยู่ที่การขอ แต่อยู่ที่การให้ เมื่อรู้จักการให้ เราก็จะได้รับ
    จะขออะไรเราต้องคิดถึงหลักความจริงว่า ทำอย่างไรมันถึงจะได้”
    อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ บอกกับ Metro Life

    หลักความจริง - ขอในสิ่งที่สมเหตุผล ต้องรู้จักทำและเรียนรู้ที่จะให้ เพื่อผลตอบรับ​

    ทำไมต้องไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย - ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ “เงิน”เป็นคือองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิต ​






    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    .____________________________________.


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    แหมตรงใจกำลังจะมีคำถาม ลุง อ.เพชรเลยครับ คืออย่างนี้ครับ ผมไม่ได้ใช้ชุดไหว้ ของตามอย่างในพิธีประเพณี แต่ผมไหว้เพียง ส้ม 4ผล ขนมถ้วยฟู 4ก้อน ธูป 3ดอก อธิษฐานระลึกถึงท่าน เมื่อวานเวลา 23.00-23.15น. โดยหันชุดการไหว้ไปทางทิศเหนือ อย่างนี้พอไหว มั้ยครับ หรือจำเป็นต้องจัดเต็มชุดพร้อมมีเทียบเชิญครับ หุ หู


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    .____________________________________.

    ผมก็ว่าจะถามลุงเพชรอยู่พอดีเลย

    ผมไม่ได้จัดชุดไหว้ ผมไหว้ตอนเช้า เพียงแค่ผลไม้ 3 อย่าง (ผมแขวนองค์ท่านที่ประตูบ้าน เวลาผมเดินเข้าบ้าน เหมือนผมเดินลอดองค์ท่านเข้าบ้าน)

    วันนี้ ผมเองก็ห้อยองค์ท่านมาด้วย

    อย่างนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ

    .<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลุง อ.เพชร รีบมาตอบหน่อยนะครับ เข้าใจว่า หลานทั้ง 2 ร้อนใจมากเลยครับ หุ หุ
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สมัยหนึ่งทำงานที่บ.แห่งหนึ่ง ตั้งศาลพระนารายณ์ เรียกศรัทธาตั้งแต่ระดับสูงจนล่างสุด ทุกเช้าต้องจัดอาหารของโรงแรม set ใหญ่ และสวยงาม ถวายทุกเช้า ที่นั่น ผบห.และคนทำงานส่วนมาก เป็นคนที่ทำงานประเภทเอาหน้า โกงกินเช่นเคยแอบตั้งบ.รับงานของบ.เป็นต้น เรื่องราวที่สกปรกอีกมาก เรียกว่า ข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง..

    ผมเข้าไปทำงานที่นั่น ก็นิมนต์เพียงพระ ๓ องค์(สมเด็จองค์ปฐมพิชิตมารเป็นองค์ประธาน พระสีวลีเถระเจ้าหวังพึ่งท่านเรื่องของการเงินการคลัง และเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หวังพึ่งพาท่านเรื่องปราบคนชั่วคดโกง) เข้าไปในฤกษ์ยามที่ดี แต่ก็ศรัทธาบูชาพระนารายณ์ แต่ไม่ได้เข้าไปเคารพบูชาแบบคนเหล่านั้น เกรงเขาจะรู้เรา เพียงแต่ส่งจิตถึงท่านทุกวัน ผมบอกท่านว่า คนชั่วที่คดโกง แต่ก็นำอาหารคาวหวานมาถวายท่านทุกวัน กับผมที่ไม่คดโกง กลับช่วยขัดขวางการโกงทุกรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้ถวายอาหารคาวหวานท่านเป็นกิจลักษณะด้วยเงื่อนไขข้อจำกัดหลายอย่าง ท่านจะโปรดผู้ใดระหว่าง "ถูกใจ กับถูกต้อง"..

    ผมก็ดูแลอยู่ ๖ ปี ผลคือ "ถูกใจ กับถูกต้อง" ก็กินกันไม่ลง เหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่ก็อยู่กันได้ดี ชั่วก็ชั่วน้อยลง เพราะมีคนคอยจับตาทักท้วง สุดท้ายต่างก็จากกัน วาระกรรมหมดสิ้น ผมก็ทำตามหน้าที่ บ.ก็ถูกขายออกไปให้ผู้ถือหุ้นใหม่ พนักงานบางส่วนก็ยังอยู่ บางส่วนเขาก็ไม่เอาไปด้วย..

    ดังนั้นเรื่องของพิธีกรรมไหว้ไฉ่ซิ้งเอี้ยนี้ ทั้งทำถูกต้อง และไม่ถูกต้องตามโพย ตามที่บอกเล่าสืบๆกันมา พอจะเปรียบเทียบกับกรณีศึกษาข้างบนได้บ้าง ก็มีทั้งที่ทำถูกใจเทพ หลายปีที่ผ่านๆมา ผมก็เห็นทั้งที่ทำถูกต้องก็ไม่มีโชคลาภก็มากมาย พิธีเป็นเครื่องช่วยเสริมกำลังใจ ผมเน้นการใช้จิตมากกว่า เมื่อคืนใกล้เวลากลับทำสมาธิลึกลงไปจนหลับด้วยซ้ำไป ตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาส่งเทพเจ้าพอดี ผมชอบแบบนี้ครับ ไม่ยุ่งยาก ผมคิดว่า ลุงทั้ง ๒ ท่าน ก็ได้ทำพิธีรับส่งเทพดีกว่าผมนะ ยังไงคงจะประสบโชคลาภก้อนใหญ่...หุ..หุ..

    เขารับส่งกันคืนเดียว 1 ช.ม.ใน 1 ปี แต่เทพไฉ่ซิ้งเอี้ยอยู่กับผมทุกวันทั้งปี แบบนี้ดีกว่าครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010433.JPG
      P1010433.JPG
      ขนาดไฟล์:
      309.1 KB
      เปิดดู:
      68
    • P1010434.JPG
      P1010434.JPG
      ขนาดไฟล์:
      339.5 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ผมห้อยองค์นี้ครับ

    [​IMG]

    พอไหวไม๊ครับลุงเพชร


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9911.JPG
      9911.JPG
      ขนาดไฟล์:
      18.3 KB
      เปิดดู:
      66
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขอบคุณครับลุง อ.เพชร ที่ให้ความกระจ่างและอวยพรให้ครับ ปีนี้ไม่หวังอะไรมากครับ ขอให้พอร์ตโตจนสามารถ ซื้อหุ้นบ้านปูได้จำนวน 2ล้านหุ้นในคราวเดียวครับ หุ หุ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันอังคารเบิกบาน


    .

    เผื่อจะตามไปชมคลิปกันครับ


    โคตรดราม่า! เวลเบ็คโป้งท้ายเกมผีสอยปืน 2-1
    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14794&key=news-


    "ปีศาจแดง" แมนฯยูไนเต็ด บุกย้ำแค้น "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ได้ถึงลอนดอน 2-1 เก็บสามคะแนนสุดล้ำค่า พร้อมกับเก็บสามคะแนนที่สำคัญ ทำแต้มตามหลัง แมนฯซิตี้ เหลือ3คะแนนเท่าเดิม

    ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
    วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2555
    สนาม :
    เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
    อาร์เซน่อล 1:2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
    ประตู :
    0-1 วาเลนเซีย น.45, 1-1 ฟาน เพอร์ซี่ น.71, 1-2 เวลเบ็ค น.81

    ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

    ครึ่งแรก

    ออก ตัวมาในช่วงต้น อาร์เซนอล ดูเหมือนทำได้ดีกว่าเล็กน้อยและมาได้ยิงทักทายก่อนในนาทีที่ 8 จากการพาบอลขึ้นมาของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก่อนจะไหลให้ อารอน แรมซีย์ ยิงด้วยซ้ายแต่เบาและตรงตัว อันเดรส ลินเดการ์ด

    จากนั้นนาทีที่ 15 ทีมเยือนเจอข่าวเศร้าเมื่อ ฟิล โจนส์ ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องให้ ราฟาเอล ดา ซิลวา ลงสนามมาแทน แต่เกมของแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มดีขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะเกมริมเส้นของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่เปิดแบบได้ลุ้นหลายครั้ง

    นาทีที่ 33 แมนฯ ยูไนเต็ด ขู่ได้น่ากลัวจากจังหวะการโอเวอร์แลปของปาทริซ เอวร่า รับบอลเปิดจากนานี่ ก่อนครอสเข้ากลางให้ แดนนี่ เวลเบ็ค เข้าฮอส แต่โดนโลร็องต์ กอสเซียลนี่ สกัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด

    ทีมเยือนยังบดหนัก เอวร่า กระชากพาบอลหนีอเล็กซ์ ซง ไปก่อนจะเปิดหักมาให้ นานี่ แปเน้นๆด้วยขวาแต่ว่า วอยเซียค เชสนี่ ยังเซฟเอาไว้ได้ ก่อนที่เกมทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกัน ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะการเติมทางซ้ายของ ไรอัน กิ๊กส์ ก่อนเปิดมาให้ วาเลนเซีย สอดมาโขกย้อนศรที่เสาไกลเข้าไป เป็นประตูนำ 1-0 ในครึ่งแรกด้วย

    ครึ่งหลัง

    เริ่ม ครึ่งหลังมา5นาที เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ชวดโอกาสตีเสมออย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อ โทมัส โรซิคกี้ ฉกบอลจากความผิดพลาดของ คริส สมอลลิ่ง ก่อนพาบอลเข้าเขตโทษจ่ายให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ ดึงบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดระยะ6หลา แต่บอลหลุดกรอบเหลือเชื่อ

    นาที 64 เจ้าบ้านบุกๆเพลินใจหายวาบเลยหลังจากจังหวะเตะเปิดเกมของทางอาร์เซน่อลเอง เจอโหม่งสวนมาแล้วกลายเป็นเวลเบ็คที่วิ่งแซงแมร์เตซัคเกอร์ไปดวลกับเซสนี่ เลือกจิ้มบอลข้ามตตัวไป บอลกลิ้งหลุนๆจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่แมร์เตซัคเกอร์ยังวิ่งมาสไลด์ออกไปหวุด หวิด

    นาทีที่71 แฟนๆเดอะกันเนอร์ส ก็ได้เฮทั้งสนาม จากการได้จังหวะโต้กลับ โทมัส โรซิคกี้ วางบอลให้ เชมเบอร์เลน ทางฝั่งซ้ายของสนาม ก่อนพาบอลเลี้ยงตัดเข้ามาตรงกลางพร้อมกับจ่ายให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ วิ่งฉีกมายิงด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งเสียบโคนเสาไกล สุดปัญญาที่ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด จะเซฟได้ อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ 1-1

    แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ เลือกถอดแชมเบอร์เลน ที่กำลังห้าวออกและให้อังเดร อาร์ชาวิน มาแทน ซึ่งเพลย์เมคเกอร์รัสเซีย ก็ต้องมีส่วนกับการเสียประตูนำ 2-1 ของแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปล่อยให้ วาเลนเซีย กระชากผ่านไปได้ก่อนใส่พานให้ เวลเบ็ค แปเน้นๆด้วยขวาเข้าไปก่อนหมดเวลา 9 นาที ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือแมนฯ ยูไนเต็ด รักษาสกอร์เอาไว้ได้ก่อนชนะไปในเกมนี้คว้าอีก 3 แต้มสำคัญไว้ล่าแมนฯ ซิตี้ต่อไป

    รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    อาร์เซน่อล
    : วอจเชียจ เซสนี่ 7.0, โลรองต์ กอสเซียลนี่[​IMG] 7.5, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ 5.5, โทมัส แฟร์มาเล่น 6.0, โยฮัน ฌูรู 4.5 (เยนนาริส น.45 6.0), โทมัส โรซิคกี้ 5.0, อเล็กซ์ ซง[​IMG] 7.0, อารอน แรมซี่ย์[​IMG] 6.0 (ชู ยอง น.84 -), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน 8.0 (อาชาวิน น.74 6.0), ธีโอ วัลคอตต์ 4.5, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่[​IMG][​IMG] 7.0

    สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : มานูเอล อัลมูเนีย, ยอสซี่ เบนายูน, เซบาสเตียน สกิลลาชี่, อิกนาซี่ มิเกล

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด 6.0, จอห์นนี่ อีแวนส์ 7.0, คริส สมอลลิ่ง 6.5, ปาทริช เอฟร่า[​IMG] 7.0, ฟิล โจนส์ 5.0 (ราฟาเอล น.17[​IMG] 5.0 (ปาร์ค น.77 6.0)), ไรอัน กิ๊กส์ 7.5, ไมเคิ่ล คาร์ริค 7.0, นานี่ 7.0 (สโคลส์ น.75 6.5), อันโตนิโอ วาเลนเซีย[​IMG] 8.0*, แดนนี่ เวลเบ็ค[​IMG] 7.5, เวย์น รูนี่ย์ 6.0

    สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ดาวิด เด เกอา, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ


    Full Highlights 29 นาที





    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14794&key=news-

    http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14794&key=news

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    แมงมุมมรณะกัดคนถึงตาย หัวใจวาย-เล็บดำ

    วันอังคารที่ 24 มกราคม 2555 เวลา 15:35 น.
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]




    ช็อก!แมงมุมมรณะกัดหนุ่มสกลนครขณะอาบน้ำในบ้านพักที่ภูเก็ต เพียงแค่ 15 ชม.พิษส่งผลหัวใจวาย-ปาก-เล็บดำ ญาติโวยหมอหาสาเหตุและรักษาช้าทำให้ตาย

    วันนี้ (24 ม.ค.) ที่หน้าห้องฉุกเฉิน รพ.ถลาง น.ส.ปรียนันท์ บุญศรี อายุ 27 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 100 หมู่ 3 ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร พร้อมญาตินับสิบคนนำเอกสารหลักฐานต่างๆของนายวันชัย วงศีลกร อายุ 30 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 3 หมู่ 3 ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร สามีที่เสียชีวิตจากพิษเฉียบพลันจากสัตว์ไม่ทราบชนิดกัดเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่ จ.สกลนคร โดยมีญาติบางคนที่ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและขั้นตอนการรักษาของแพทย์ รพ.ถลาง จึงยังคงรวมตัวเพื่อรอพบ ผอ.รพ.ถลาง เพื่อสอบถามขั้นตอนการรักษาผู้เสียชีวิต แต่เนื่องจาก ผอ.รพ.ไปราชการยังต่างจังหวัด มีเพียงตัวแทนแพทย์-นางพยาบาลผู้ชำนาญการออกมาพบญาติๆ พร้อมกับพาไปดูบาดแผลที่ร่างกายของนายวันชัย ซึ่งถูกแช่เย็นรักษาศพไว้ที่ห้องดับจิตภายใน รพ.โดยมี ร.ต.ต.ปรีชา รักจันทร์ ร้อยเวร สภ.ถลาง เนื่องจากนายวันชัยเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติร่วมตรวจสอบบาดแผลด้วย โดยพบบาดแผลที่ด้านหลังหัวไหล่ขวา ซึ่งเป็นรูขนาดเล็กมีสีดำคล้ายถูกแมงใช้เขี้ยวเจาะลงไปไม่ลึกมากนักเพียง 1 รู โดยสภาพศพทั่วไปที่บริเวณปาก-เล็บมือและเท้ามีสีดำ ขณะเดียวกัน รอง.ผอ.และคณะแพทย์ ตลอดจนผู้ชำนาญการแขนงต่างๆ ของ รพ.ได้มีการประชุมหารือ-สรุปผลการรักษาและสาเหตุการเสียชีวิตของนายวันชัย ที่ห้องประชุมเล็ก ชั้น 2 รพ.ถลาง อย่างเคร่งเครียด ซึ่งจะต้องรายงานผลไปยัง สสจ.ภูเก็ต เพื่อรับทราบปัญหา ขั้นตอนการรักษาและสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว
    น.ส.ปรียนันท์ได้เล่าเหตุการณ์ขณะที่นายวันชัยสามีถูกแมงกัดว่า ก่อนเกิดเหตุช่วง 19.00 น.วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายวันชัยกำลังอาบน้ำอยู่ภายในห้องน้ำ ได้ยินเสียงร้องเสียงหลงออกมาจากห้องน้ำ ตนเองได้รีบเข้าไปดู ปรากฎว่าเห็นแมงมุมตัวขนาดหัวนิ้วโป้ง คลานหนีออกมาจากใต้รักแร้ขวาของสามี และหายตัวไปกับกำแพงห้องน้ำ สักครู่นายวันชัยเริ่มมีอาการปวดที่บริเวณหัวไหล่ขวา เมื่อตรวจสอบดูเห็นรูคล้ายแมงกัดจำนวน 1 รูด้านหลังหัวไหล่ขวา แต่คิดว่าไม่น่าจะร้ายแรงอะไร จากนั้นกลางดึกนายวันชัยเริ่มมีอาการปวดที่หัวไหล่และตามร่างกายหนักขึ้น จึงนำตัวส่ง รพ.ถลาง เพื่อให้แพทย์รักษา เบื้องต้นแพทย์ได้ให้ยาแก้ปวดและนอนรอดูอาการที่ห้องฉุกเฉิน จากนั้นได้กลับมานอนพักรักษาตัวที่บ้านพัก
    จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 23 ม.ค. นายวันชัยเริ่มมีอาการทรุดและแย่ลง โดยที่บริเวณรูบาดแผลเริ่มเขียวช้ำและแดงไปทั่วหัวไหล่เป็นวงกว้าง จึงนำส่ง รพ.ถลางอีกครั้ง เมื่อมาถึงแพทย์ได้ฉีดยาแก้ปวดและให้นอนดูอาการที่ตึกผู้ป่วยใน จนกระทั่งช่วงสายวันที่ 23 ม.ค.นายวันชัยเริ่มมีอาการแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออกอย่างรุนแรง แพทย์ได้พยายามปั้มหัวใจอยู่พักใหญ่และเสียชีวิตในเวลา 13.00 น.ของวันเดียวกัน ท่ามกลางญาติพี่น้องของตนเองและสามีที่งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบใบมรณะบัตรของนายวันชัย แพทย์ได้วินิจฉัยสาเหตุการตายว่าพิษเฉียบพลันจากสัตว์ไม่ทราบชนิดกัด เวลาที่ถูกกัดจนกระทั่งเสียชีวิต 15 ชม.แต่ไม่มีการระบุว่าสัตว์ดังกล่าวเป็นสัตว์ประเภทใด สร้างความกังขาให้กับบรรดาญาติพี่น้องที่เคลือบแคลงในขั้นตอนการรักษาของ แพทย์ที่ล่าช้า ส่งผลให้นายวันชัยเสียชีวิตในที่สุด



    -http://www.dailynews.co.th/crime/9093-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ไปไหว้พระที่อินเดีย (1)

    วันอังคารที่ 24 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]





    1. ชมพูทวีป ภารตะ อินเดีย แขกปี 2555 นี้ พุทธศาสนาเกิดขึ้นจำเนียรกาลนานมาถึงบัดนี้ 2,600 ปี ตัวเลข 2,600 ไม่ได้แสดงอะไรพิเศษ ไม่ได้ครบรอบนักษัตรใด ๆ ทั้งนั้น แต่เป็นตัวเลขกลม ๆ เรียกว่าครบหลักร้อยหลักพันหลักศตวรรษ กว่าจะครบ 2,700 ปีหรืออีกศตวรรษ ก็โน่นแน่ะ! ต้องรออีก 100 ปี ไม่ควรที่ผู้ใดซึ่งมีชีวิตอยู่ในวันนี้คาดหมายว่าจะอยู่ทัน เมื่อวาระนี้มาถึงจึงควรเร่งทำความเพียรเสียแต่วันนี้ด้วยการทำอะไรพิเศษให้ สมกับความยินดีที่คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ผ่านมาถึง 2,600 ปี และเราอยู่ทันเห็นยังไม่เสื่อมสูญไป


    ตัวเลข 2600 นี้มีที่มาจากการเริ่มพุทธศักราชที่ 1 หลังปรินิพพาน (นับแบบไทย ในบางประเทศมีวิธีนับต่างกัน พุทธศักราชจึงไม่เท่ากัน) เรารู้ว่าเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกมหาภิเษกรมณ์ (แปลว่าการเสด็จออกเพื่อทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่ แปลอีกทีก็คือการออกบวชนั่นแหละ แต่ใช้กับเจ้าชายสิทธัตถะเท่านั้น เพราะท่านเสด็จออกบวชเพื่อหาทางหลุดพ้นจากความทุกข์จะได้กลับมาบอกทางแก่ชาว โลก ถ้าเป็นคนอื่นออกบวชไม่ว่าจะบวชแก้บน บวชให้พ่อแม่ บวชเพื่อจะเบียด บวชหนีหนี้ บวชเพื่อเรียนธรรมะ หรือแม้แต่บวชเพื่อให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่เป็นการทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่โลก จึงมิใช่มหาภิเษกรมณ์) ในขณะนั้นยังไม่เริ่ม พ.ศ. และยังมีพระชนมายุเพียง 26 ปี ระหว่างนั้นทรงจาริกไปเรียนกับอาจารย์หลายสำนักทั้งวิธีตึงและวิธีหย่อนนาน ถึง 9 ปี จนค้นพบทางอันประเสริฐนำไปสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ เรียกว่าตรัสรู้ พระองค์เองได้ชื่อว่าพระพุทธ ทางอันประเสริฐที่ทรงค้นพบเรียกว่าพระธรรม อีก 2 เดือนต่อมาทรงได้คณะนักบวชมาช่วยเผยแผ่คำสอนเรียกว่าพระสงฆ์ จึงเกิดเป็นศาสนาขึ้น เรียกว่าพุทธศาสนา ขณะมีพระชนมายุ 35 ปี และได้ทรงเผยแผ่ศาสนาต่อเนื่องหลังจากนั้นมาอีก 45 ปีจึงดับขันธปรินิพพานแล้วเริ่ม พ.ศ.1


    แปลว่าพุทธศาสนาเกิดก่อน พ.ศ. 1 ถึง 45 ปี เอา 45 บวก 2555 ก็จะได้ 2,600 นี่คืออายุพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นแล้วผ่านมาจนถึงวันนี้


    การเฉลิมฉลองจะมีทั่วไปในบ้านเมืองที่มีผู้นับถือศาสนานี้ เช่น อินเดีย ศรีลังกา ภูฏาน เนปาล จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย เรียกเป็นภาษาแขกว่าพุทธชยันตีหรือสัมพุทธชยันตี ชยันตีก็คือชยันโตที่พระสวดให้พรแสดงความยินดีเฉลิมฉลองในโอกาสที่เป็นมงคล นั่นแหละ


    เกริ่นมายืดยาวอย่างนี้เพราะนับแต่นี้ไปผมจะเล่าเรื่องพรรค์อย่างว่านี้ให้ ท่านฟัง แต่ไม่ได้เทศน์ ไม่ได้ชวนเข้าวัด อย่าเพิ่งเวียนหัว หากแต่จะชวนท่านไปเที่ยวเมืองอินเดีย ดินแดนที่เกิดของพุทธศาสนา รับรองว่าสนุก พูดง่าย ๆ คือ จะชวนท่านไปไหว้พระที่สังเวชนียสถาน 4 แห่งในเมืองอินเดีย ใครไม่เคยไปฟังแล้วอ่านแล้วอาจเกิดปสาทะอยากไปจะได้เป็นบุญตัว ใครเคยไปแล้วฟังแล้วอ่านแล้วจะได้รำลึกนึกย้อนอดีตอีกหน ใครไม่เคยไปและไม่เคยคิดจะไปเพราะขาดทุนรอน สุขภาพไม่อำนวย จนแม้แต่เพราะนึกกลัวอาหารแขก ส้วมเมืองแขก ขอทานแขกก็จะได้จินตนาการตามพอเป็นบุญกิริยา


    สมัยนี้คนนิยมไปไหว้พระที่อินเดียมาก ปีหนึ่ง ๆ เป็นหมื่น ๆ รายเหมือนมุสลิมไปแสวงบุญที่เมกกะ คาทอลิกไปแสวงบุญที่วาติกัน เพราะการคมนาคมสะดวกขึ้น อาหารการกินบริบูรณ์ขึ้น ที่พักและห้องน้ำห้องท่าสบายขึ้น มีทัวร์รับจัดมากมาย พระไทยที่เรียนหนังสือหรือพระธรรมทูตที่ไปอยู่ทางโน้นท่านก็มีความรู้ดี ๆ ภาษาดี ๆ เทคนิคการบรรยายดี ๆ พอจะพึ่งพาให้ท่านเป็นพระวิทยากรนำสวดมนต์บ้าง อธิบายอะไรต่ออะไรบ้าง ดีกว่าบรรดาไกด์บริษัทซึ่งเอะอะก็จะตามใจญาติโยมพาไปชอปปิงอยู่เรื่อย ก่อนจะไปผมเห็นรายไหนรายนั้นอิดออดกันทั้งนั้น แต่พอไปแล้วกลับมาก็เห็นร่ำร้องอยากไปอีกเป็นส่วนใหญ่ เพราะเท่าที่เห็นยังไม่สะใจ ไม่ถึงใจ ยังไม่อิ่มบุญ เรื่องนี้ต้องยกย่องสถาบันพระปกเกล้าและสำนักงานศาลยุติธรรมซึ่งจัดอบรมหลัก สูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ที่จัดให้นักศึกษาไปดูงานที่อินเดียและแวะไหว้พระตามสังเวชนียสถานทุกปี บางปียังสนองศรัทธาจัดบรรพชาอุปสมบทให้คณะนักศึกษาที่ใต้ต้นโพธิ์อีกด้วย


    ผมเคยไปพบนักศึกษาหลักสูตรสำคัญที่ว่านี้อย่างคุณชัช ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ คุณจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คุณกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ข้าราชการระดับ 10-11 นายตำรวจและทหารระดับพลโทพลเอก นักธุรกิจที่อยู่เมืองไทยทำเงินได้วันละสิบล้านร้อยล้านบาทหลายรายยังไปบวช อยู่ที่นั่น เมื่อปลายปี 2554 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงศึกษาหลักสูตร บยส. รุ่นที่ 16 ก็ทรงร่วมกับคณะพระสหายร่วมรุ่นทรงพระภูษาขาวเสด็จไปทรงสักการะสังเวชนีย สถานและยังเสด็จต่อไปถึงกรุงสาวัตถีอีกด้วย นับเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงพระองค์แรกของไทยที่ได้เสด็จไปยังสถานที่เหล่านั้น ครบถ้วนเช่นเดียวกับผู้แสวงบุญทั้งหลาย สมัยก่อนหลังถูกยึดอำนาจใหม่ ๆ จอมพลแปลก พิบูลสงครามก็เคยไปบวชที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นนักการเมืองอีกหลายคนก็ปฏิบัติอย่างเดียวกัน


    วันนี้ทัวร์ธรรมะจัดไปอินเดียมีหลายเจ้า สมาชิกนุ่งขาวห่มขาวหรือเสื้อขาวกางเกงขาวไปจาริกแสวงบุญที่นั่นไม่ขาดสาย พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไปกันมากขึ้น บางส่วนได้รับความอุปถัมภ์จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่บางส่วนก็ไปกันเอง ญาติโยมจัดถวายบ้าง ผมเคยปรารภกับผู้อำนวยการสำนักงานนี้ท่านหนึ่งว่าควรตั้งฝ่ายการจาริกแสวง บุญแยกออกมาต่างหาก เพื่ออำนวยความสะดวกในการที่ชาวพุทธไม่ว่าพระหรือคฤหัสถ์จะไปแสวงบุญที่ อินเดียเหมือนที่อำนวยความสะดวกแก่มุสลิมที่จะไปเมกกะ ช่วยดูแลเรื่องวีซ่า การไม่ให้ทัวร์หลอก และการประสานเรื่องความปลอดภัยกับทางการอินเดีย ผมมีความเชื่ออย่างยิ่งว่าถ้าเราช่วยกันหาทุนให้พระสังฆาธิการที่มีสุขภาพดี สามารถเดินทางไกลได้ มีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา ปรินิพพาน และสถานที่อื่นที่เกี่ยวเนื่อง เช่น เขาคิชฌกูฏ ที่ทำปฐมสังคายนา วัดเวฬุวนาราม พระเชตวันวิหาร มหาวิทยาลัยนาลันทา แม่น้ำคงคาแล้ว ท่านจะเผยแผ่คำสอนอายุ 2,600 ปีของพระพุทธเจ้าได้อย่างมั่นใจและจับใจยิ่งกว่าที่อ่านจากชาดกหรือพระ ไตรปิฎก


    ฉะนั้นจากนี้ไป ผมจะเล่าเรื่องการไปไหว้พระในเมืองอินเดียให้ท่านฟังตามสไตล์แบบสบาย ๆ ของผม ใครไม่ยินดีหรือยินร้ายอะไร หรือนึกในใจว่าพระเมืองไทยไม่มีจะให้ไหว้แล้วหรือไง ไปทำไมให้เงินตราไหลออกนอกประเทศ ขาดดงขาดดุลอะไรไปโน่นก็โปรดนึกว่าอ่านเอาสนุกก็แล้วกัน ผมก็ไม่ได้คิดจะพาท่านไปบรรลุนิพพานัง ปรมัง สุขัง สุญโญโหตุอะไรหรอกครับ เรื่องกรุงสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี จนถึงกรุงเทพฯ ก็เล่าวกไปย้อนมาจนหมดไส้หมดพุงแล้ว ขอพักไว้ก่อน มีคนแนะเหมือนกันว่าให้เล่าเรื่องบ้านเชียง เชียงแสน อู่ทอง ลพบุรีต่อ แต่ผมเกรงว่าตัวเองจะ “โบราณ” ถลำย้อนยุคเข้าไปทุกที ตอนนี้เอาเรื่องไหว้พระไหว้เจ้ากันก่อนเถอะ


    ก็บอกแล้วไงล่ะครับว่าปีนี้พุทธศาสนาอายุครบ 2,600 ปี จะมางมอยู่แต่ไหบ้านเชียง โอ่งเชียงแสนได้อย่างไร จริงไหมครับ!


    อินเดียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกทางซ้ายมือของไทยในทวีปเอเชียนี้ แหละ แต่ในทางภูมิศาสตร์อินเดียอยู่ในกลุ่มอนุทวีปเอเชียใต้ ส่วนไทยอยู่ในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออุษาคเนย์ แม้กระนั้นก็สัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากทางศาสนา ภาษา วรรณคดี และวัฒนธรรม ชื่อเสียงเรียงนามคนไทยชาวอินเดียเข้าใจดี ออกเสียงเรียกได้คล่อง เราก็อ่านและเดาชื่อแขกได้ไม่ยาก เทวดาแขก เราก็แทบนับญาติได้ทุกองค์ สมัยผมเรียนหนังสืออยู่อเมริกา ที่หอพักมีนักศึกษาจากอินเดียหลายคน พอเห็นชื่อว่าปุสปาก็ร้องอ๋อ! บุษบาแปลว่าดอกไม้ กุมาราแปลว่าเด็กหนุ่ม สุริยาแปลว่าพระอาทิตย์ คราวหนึ่งตอนผมเป็นรอง

    นายกฯ แวะไปเยี่ยมคารวะรองนายกฯ อินเดียที่ทำเนียบรัฐบาล เผอิญคนไทยอีกคณะนำโดย พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ จาก ป.ป.ส. ไปขอเยี่ยมคารวะด้วย รองนายกฯ อินเดียเดินยิ้มแต้พนมมือหราออกมาต้อนรับ อุทานว่าวันนี้โชคดีจริง ๆ เป็นมงคลมากเพราะพระผู้เป็นเจ้าคือพระนารายณ์อวตารลงมาเยี่ยม 2 ปางพร้อมกันคือปางพระวิษณุและปางพระกฤษณะ!


    อินเดียมีรูปร่างเหมือนรวงผึ้งขนาดยักษ์ห้อยลงมาจากเทือกเขาหิมาลัยย้อยลง สู่มหาสมุทรอินเดีย มีขนาดใหญ่กว่าไทยราว 6 เท่า มีประชากรราว 1,000 ล้านคน จัดว่ามีประชากรมากเป็นที่ 2 ของโลกรองจากจีน เป็นที่อยู่ของพวกนับถือศาสนาฮินดู อิสลาม คริสต์ ซิกข์ พุทธ และอื่น ๆ เป็นดินแดนแห่งศาสนาและความเชื่อ นักปราชญ์นักคิด เศรษฐีและกระยาจก พวกรวยที่สุดในโลกชนิดอยู่มหาปราสาทก็อยู่ที่นั่น จนที่สุดในโลกชนิดอยู่ในเพิงเอาขี้วัวยาแทนปูนก็อยู่ที่นั่น พวกที่เชื่อในเทพยดาฟ้าดินมากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทรสถิตอยู่ในจอมปลวกโขด หินดินทรายต้นไม้จนถึงนอกฟ้าป่าหิมพานต์และยอดเขาหิมาลัยเขาพระสุเมรุเขา ไกรลาสก็อยู่ที่นั่น พวกทันสมัยปรูดปราด เป็นนักวิทยาศาสตร์ คิดระบบและเครื่องคอมพิว เตอร์คิดระเบิดนิวเคลียร์ได้ก็อยู่ที่นั่น ข้อสำคัญไม่เท่ากับว่าในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปทั่วโลกนี้ อินเดียเป็นประเทศที่มีศักยภาพเจริญก้าวหน้าและมั่นคงยิ่งกว่าอเมริกาและ ยุโรปเสียอีก


    อินเดียอยู่ห่างจากไทยชั่วบินแค่ 3 ชั่วโมง ถ้าจะเลยไปกลาง ๆ หรือตะวันตกสุดของประเทศก็บวกอีก 1-2 ชั่วโมง เวลาในอินเดียช้ากว่าไทยชั่วโมงครึ่ง แปลว่าถ้าไทยเป็นเวลาบ่าย 3 โมง อินเดียก็เพิ่งบ่ายโมงครึ่ง อินเดียใช้เงินรูปี 1 รูปีไม่ได้เท่ากับ 12 รูเดือน แต่เท่ากับ 80 สตางค์ จะเหมาว่าเท่ากับ 1 บาทไทยก็ง่ายดี ค่าทัวร์ไปไหว้พระในอินเดียไม่แพงตกคนละประมาณ 3-4 หมื่นบาท การเดินทางไปแสวงบุญภายในประเทศส่วนใหญ่จะใช้รถบัสเพราะสังเวชนียสถานมัก ตั้งอยู่ตามชนบท การเดินทางใช้เวลานานแม้ระยะทางจะไม่ไกลนักเพราะถนนแคบ รถติด ผ่านชุมชนมาก และมักติดพิธีสารพัดที่แห่กันมาตามถนน เจอเข้าพิธีหนึ่งก็ต้องจอดรอเป็นชั่วโมง แต่จงรู้จักแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาส พวกนักศึกษาดูงานจะกระชับสัมพันธไมตรีสนิทกันก็ตอนอยู่บนรถนี้แหละ ยิ่งถ้าได้พระวิทยากรเก่ง ๆ ท่านจะชวนทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น เล่าเรื่องสารพัดให้ฟังฆ่าเวลา กว่าจะครบสังเวฯ 4 แห่งก็ได้ฟังพระไตรปิฎกจบครบ 3 ตะกร้า (ปิฎกแปลว่าตะกร้า) ผมเคยนั่งไปด้วย ญาติโยมอาราธนาให้เล่าเรื่องให้ฟังระหว่างหลวงพี่ท่านเจ็บคอ แค่จากพุทธคยาไปพาราณสีผมเล่าประวัติศาสตร์สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และกรุงเทพฯ จบ!


    อินเดียเป็นประเทศโบราณที่มาเจริญขึ้นใหม่เมื่อราว 5,000-6,000 ปีก่อน ความเก่าแก่เก๋ากึ้กและกว้างใหญ่ไพศาลของอินเดียทำให้เรารู้จักอินเดียใน หลายชื่อ สมัยก่อนเราเคยเรียกว่าชมพูทวีป คือใหญ่จนจัดว่าเป็นทวีปหนึ่งทีเดียว ซึ่งตามคัมภีร์ไตรภูมิถือว่ามนุษยโลกแบ่งออกเป็น 4 ทวีป ทางเหนือเรียกว่าอุตรกุรุทวีป ทางใต้เรียกว่าชมพูทวีป ทางตะวันตกเรียกว่าอมรโคยานทวีป ทางตะวันออกเรียกว่าบุพพวิเทหทวีป คำว่า “ชมพู” ไม่ใช่ชมพู่แต่แปลว่าต้นหว้า และไม่เกี่ยวกับสีเสื้อ ทวีปนี้อุดมไปด้วยต้นหว้าตั้งแต่เหนือจดใต้ ทุกวันนี้ก็ยังมี ผมไปเดินตลาดยังเห็นใส่กะละมังขาย หว้าที่นกชอบจิกกินนี่แหละ ลูกหว้าจะมีเปลือกสีดำ ๆ พอกัดเนื้อในจะเป็นสีชมพูติดลิ้นรสฝาด ครั้งเจ้าชายสิทธัตถะยังทรงพระเยาว์เสด็จไปงานแรกนาขวัญก็หลบไปประทับทำ สมาธิที่ใต้ต้นชมพู (ต้นหว้า) เงาไม้ตั้งตรงไม่ทอดเอียงไปตามแดด เป็นที่อัศจรรย์ นี่คือเค้าลางว่าเจ้าชายผู้นี้ต่อไปจะเป็นมหาบุรุษ


    อีกชื่อที่เราเคยเรียกประเทศนี้คือภารตะ ผมเคยถามพรรคพวกว่ารู้ไหมทำไมเราจึงเรียกอินเดียว่าภารตะ เพื่อนผมตอบว่าภารตะแปลว่าแขกขายผ้ามั้งเห็นแถวพาหุรัดมีเยอะ การศึกษาเกี่ยวกับประเทศอินเดียเขาก็เรียกภารตศึกษา


    ที่จริงภารตะเป็นคำที่อินเดียเคยใช้เรียกตัวเอง แปลว่าผู้สืบเชื้อสายจากพระภรต (เหมือนคำว่าพรต) พระภรตเป็นโอรสของท้าวทุษยันต์กับนางศกุนตลาในวรรณคดีโบราณของอินเดียที่ รัชกาลที่ 6 เคยทรงพระราชนิพนธ์เรื่องศกุนตลาไงล่ะครับ ป้าเพ็ญศรี พุ่มชูศรีเคยร้องชมโฉมว่าศกุนตลา นางฟ้าแมกฟ้าฤๅไฉน ศกุนตลาเดียวกันนี่แหละ ต่อมาครอบครัวพระภรตมีพี่น้องและแตกลูกแตกหลานนับหมื่นนับแสนคนกลายเป็น วงศาคณาญาติกันทั้งประเทศ พวกนี้จึงเรียกตัวเองว่าภารตะ ตรงกับคำว่าภราดาที่แปลว่าพี่น้อง อย่างที่ฝรั่งเรียกว่าบราเธอร์นั่นแหละ! ครั้งที่พี่น้องปาณฑพและเการพรบกันเองที่ทุ่งกุรุเกษตรจึงเรียกสงครามนั้น ว่ามหาภารตยุทธ


    ยังค้นไม่เจออีกคำคือคำที่เราเรียกอียิปต์ว่าไอยคุปต์ ทำไมเราจึงเรียกว่าไอยคุปต์ ใครรู้ช่วยบอกด้วยครับ


    ส่วนคำว่า “อินเดีย” อันเป็นชื่อประเทศในบัดนี้นั้นเกิดจากการที่ดินแดนนี้มีแม่น้ำสายหลักสาย หนึ่งชื่อแม่น้ำสินธุ สะกดว่า Sindhu สองฟากฝั่งอุดมสมบูรณ์ด้วยทุ่งหญ้า จึงนิยมเลี้ยงม้าพันธุ์ดีกันมาก ม้าที่เลี้ยงริมแม่น้ำสินธุเรียกว่าสินธพ แปลว่าเกิดริมแม่น้ำสินธุ ฝีเท้าม้านี้ดีมากเพราะกินหญ้าดี อากาศดี น้ำดี ได้ออกกำลังกายเสมอ ในเรื่องสามก๊กเคยพูดถึงม้าฝีเท้าดีชื่อม้าเซ็กเทา จีนอ่านคำว่าสินธพไม่ชัดเสียงจึงเพี้ยนเป็นเซ็กเทา


    ก่อนคริสตกาลกองทัพกรีกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเคยยกทัพเข้าไปตี อินเดียจนถึงแม่น้ำสินธุ ภาษากรีกไม่มีตัวเอส กรีกจึงเรียกแม่น้ำสายนี้ว่าอินดุ (Indhu) นานเข้าก็เพี้ยนเป็นอินเดียจนทุกวันนี้


    บัดนี้เรารู้จักคำว่าชมพูทวีป ภารตะ และอินเดียแล้ว ส่วนอินตะระเดียนั้นเป็นคำที่นักพากย์หนังแขกสมัยก่อนกระดกลิ้นรัวเล่น เหมือนคำว่านาร้าย นารายณ์ ผัวเมียตีกันตาย นารายณ์ชอบใจ!


    อ้อ! ยังมีคำว่า “แขก” อีกคำ คนไทยสมัยก่อนเรียกพวกต่างชาติผมทองขนยุ่บยั่บนับถือพระเยซูว่าฝรั่งทั้ง นั้นไม่ว่ามาจากประเทศไหนแต่ถ้าผิวดำหนวดเครารุงรังนับถือศาสนาพระมะหะหมัด เราจะเรียกว่าแขก ไม่ได้ดูถูกอะไรแต่เรียกให้ต่างจากฝรั่ง ภายหลังจึงมาจำแนกว่าถ้านับถือศาสนาพราหมณ์จะเรียกว่าแขกพราหมณ์ ถ้าโพกหัวเครายาวเรียกแขกซิกข์ ถ้ามาจากตะวันออกกลางเช่นเปอร์เซียเรียกว่าแขกเทศ ถ้ามาจากเขมร เวียดนามแต่นับถือศาสนาอิสลามจะเรียกแขกจาม ถ้ามาจากปากีสถานเรียกแขกปาทาน มาจากเบงกอล บังกลาเทศเรียกแขกกุหร่าหรือแขกบังคะลี ภายหลังก็มีคำว่าแขกอินเดีย แขกมลายู แขกอาหรับ แขกชวา แขกดำ (จากแอฟริกา) แขกขาว (ตูนิเซีย โมรอคโค) เพิ่มขึ้น


    อารัมภบทมาเพื่อให้รู้จักอินเดียพอสมควรแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นเครื่องบินรัดเข็มขัดเตรียมออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปไหว้ พระที่อินเดียได้แล้ว.

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hotmail.com




    -http://www.dailynews.co.th/article/224/8801-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...