พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=46799&NewsType=2&Template=1

    การปลอมพระสมเด็จวัดระฆัง
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>“ฟองสบู่ของวัตถุมงคลจตุคามรามเทพแตก” ก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า “กระแสฟีเวอร์จตุคามรามเทพ” ที่ช่วงหนึ่งมีความนิยมกันเป็นอย่างมากนั้นก็เป็นเพียงแค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้นและจากที่ผลปรากฏออกมาว่า “ไม่มีความยั่งยืน” ที่คนในวงการนักสะสมเรียกกันว่าเป็น “ความนิยมไม่ อมตะนิรันดร์กาล” ซึ่งเท่าที่ผู้เขียนได้สืบเสาะเจาะลึกลงไปทราบมาว่า “เซียนใหญ่” หลายระดับที่ช่วงก่อนตอนกระแสค่านิยมจตุคามรามเทพกำลังก่อตัวเป็น “พายุทอร์นาโด” แล้วถาโถมเข้าวงการพระเครื่องไทยคลั่งไคล้กันอย่างหนักนั้น บรรดาเซียนใหญ่ที่ซื้อขายวัตถุมงคลเก่า ต่างพากันต่อต้านและให้คำทำนายถึงบทลงเอยของการสร้างวัตถุมงคลอย่าง วัตถุมงคลชุดจตุคามรามเทพ แต่ขณะนั้นกระแสความนิยมจตุคามรามเทพกลับมี ความรุนแรง และ หนักหน่วง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการวัตถุมงคลไทยที่ผ่านมาในอดีต แต่เป็นเพราะสังคมวง การสะสมวัตถุมงคล “เปิดกว้าง” ให้ผู้คนทั่วไปมาทำการสะสมกันมากขึ้นทำให้มีแรงดึงดูดให้ “เซียนใหญ่” หลายท่านเริ่มเข้ามาลงทุนซื้อขายจตุคามรามเทพปรากฏว่าได้กำไรกันไปก็มาก ซึ่งในเรื่องนี้หากจะระบุว่าเซียนใหญ่เหล่านั้นกลืนน้ำลายตัวเองก็มิใช่ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเพราะกระแสความนิยมจตุคามรามเทพมีมากจนเกินขอบเขต จึงทำให้พระเครื่องอื่นทั้งใหม่และเก่าที่เคยครองตลาดความนิยมมาก่อน ขายกันแทบไม่ออกเพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนถามหาจตุคามรามเทพกันทั้งนั้น ก็เลยกลายเป็นเหตุจูงใจให้เซียนใหญ่ทั้งหลายที่เคยซื้อขายเฉพาะพระหลักต้องก้าวเข้ามาทำการค้าขายจตุคามรามเทพกันมากขึ้น

    และเมื่อบรรดาเซียนใหญ่ก้าวเข้ามาซื้อขายก็ต้องมีการกักตุนกันไว้เพื่อ “เก็งกำไร” ตามสมัยนิยมแต่เมื่อฟองสบู่จตุคามรามเทพแตกนำไปขายให้ใครในราคาถูก ๆ ก็มีแต่คนเมิน ผลก็คือ จตุคามรามเทพที่กักตุนไว้ขายไม่ออกจึงเหลือตกค้างมากมายเพราะหากจะเอามาขายถูกในราคา “ต่ำกว่าทุน” ก็ทำใจไม่ได้เช่นกันด้วยเหตุนี้บรรดานักสะสมพระมืออาชีพจึงหันกลับมาซื้อขายพระเครื่องอีกครั้ง โดยเฉพาะพระเครื่องยุคเก่ายอดนิยมซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะเจาะของบรรดาเซียนใหญ่ทั้งหลาย ที่บาดเจ็บจากการกักตุนจตุคามรามเทพได้โอกาส จึงใช้ “โอกาสให้เป็นประโยชน์” หันมาบวกราคาพระเก่าที่เคยซบเซาไประยะหนึ่งก็เพื่อหวังจะหาทุนคืน แต่จะอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่เป็นที่น่ากลัวอะไรเลยเพราะถึงจะบวกราคาสูงอย่างไร หากเป็นพระยอดนิยมแล้วนักสะสมกระเป๋าหนักก็พร้อมที่จะสู้ทุกราคาขอแต่เพียงให้ “สวยและแท้” เท่านั้น แต่เรื่องมันไม่ยุติแค่นี้เนื่องจากยังมีเซียนใหญ่บางคนนำ “พระเก๊” มาบิดเบือนว่าเป็น “พระแท้” โดยปัญหานี้มักจะเกิดกับพระเครื่องยอดนิยมโดยเฉพาะ “หลวงปู่ทวด, หลวงพ่อเดิม, พระกริ่ง ๗ รอบ ฯลฯ”

    โดยการยัดเยียดนี้จะใช้วิธีการกำหนดให้พระปลอมเหล่านั้นเป็น “พิมพ์นิยม” ที่จำแนกขึ้นมาใหม่อย่างเช่น “พระกริ่ง ๗ รอบ” ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมจากวงการสาย “พระกริ่ง” มาก สนนราคาเช่าหาจึงถีบตัวสูงขึ้น ๆ จากหลักหมื่นต้น ๆ ทะยานขึ้นหลักแสน อีกทั้งของแท้ก็หายากมาก เนื่องจากเป็นที่ใฝ่ฝันของ ทุกคนที่ทราบประวัติความเป็นมา และมีจำนวนจำกัด มีปริมาณออกมาหมุนเวียนในตลาดน้อยมากนาน ๆ จึงจะเจอของแท้สักครั้งแม้แต่ที่พบเห็นในนิตยสารพระเครื่องเล่มใหญ่ ๆ เล่มดัง ๆ ที่นำมา “โชว์โฉม” ก็เพื่อ “ขาย” ประการเดียวนั้นส่วนใหญ่แล้วก็ล้วนแต่เป็น “ของเก๊” เช่นกัน

    และที่นำเรื่องนี้มาเสนอตรงนี้ผู้เขียนไม่มีเจตนาที่จะดิสเครดิตหรือทำลายใคร แต่เป็นเพราะผู้เขียนเป็นห่วงว่าหากมีขบวนการที่จะทำให้ “ของเก๊” กลายเป็น “ของแท้” ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม “อนาคต” วงการพระก็จะถึงเวลา ล่มสลายแน่นอนจึงขอท้วงติงเพื่อให้วงการนี้อยู่ยั้งยืนยงต่อ ๆ ไป ดังนั้นจึงต้องขอให้บรรดา “หนังสือพระเครื่อง” ทั้งหลายที่นำเสนอภาพพระสวย ๆ สีสันสดใสใส่ใจในเรื่องนี้รวมถึง สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการสร้างสรรค์และจรรโลงวงการพระเครื่อง ควรตระหนักในข้อนี้เช่นกันเพราะปัจจุบันกระบวนการ “ยัดเยียด” ของปลอมให้เป็นของแท้นั้นลงมือหนักขึ้นทุกวัน ผนวกกับการที่มีเซียนพระเครื่องหลาย ๆ ท่าน “บาดเจ็บ” (ขาดทุน) จากการเก็งกำไรจตุคามรามเทพก็เลยหันมาหวัง “เอาทุนคืน” จากการขาย “ของปลอม” นั่นเอง

    ท่านผู้อ่านครับอย่าเพิ่งรำคาญผู้เขียนนะว่านำเสนอเรื่องราวกระบวนการสร้าง “พระสมเด็จปลอม” อยู่ดี ๆ ไฉนจึงกลายเป็นพูดเรื่องการปลอมพระเครื่องอื่น ๆ ไป ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะ “ผู้เขียน” มีโอกาสไปรับรู้และพบว่าปัจจุบันมีการนำภาพของเก๊ “พระกริ่ง ๗ รอบ” มาเสนอโฆษณา ขายในนิตยสารพระเครื่องเล่มดัง ๆ ที่มีชื่อเสียงหลายเล่มด้วยกัน เลยอดเป็นห่วงท่านผู้อ่าน “ความจริงอ่านเดลินิวส์” ไม่ได้ ไม่อยากจะให้ตกเป็นเหยื่อของบรรดามิจฉาชีพทั้งหลายเท่านั้นเอง

    ทีนี้ก็ขอวกกลับมาเรื่องการปลอม “พระสมเด็จวัดระฆัง” กันต่อซึ่งหลังจากพระสมเด็จวัดระฆังปลอมที่อ้างว่าเป็น “พระสมเด็จฯกรุวัดพระแก้ว” รวมทั้ง “พระสมเด็จฯ กรุถ้ำสิงโตทอง” โดนตีแผ่ว่าเป็น “ของเก๊” ไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ รุ่นที่อยู่ทั้งในฝั่ง “กรุงเทพมหานคร” และ “ธนบุรี” ตลอดจนตาม “ต่างจังหวัด” ก็นำมุกนี้ไปใช้และค่อนข้างจะได้ผลเป็นที่นิยมกันอยู่ระยะหนึ่งว่ามีพระพิมพ์สมเด็จฯที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตสร้างบรรจุไว้ที่ฐานใต้พระประธาน.
    นายรู้สึก แสนรู้ชัด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=46462&NewsType=2&Template=1

    ‘พระสมเด็จวัดระฆังปลอม’

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>(ต่อจากฉบับที่แล้ว) ในฉบับที่แล้วได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยเรื่องการปลอม “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” เกิดขึ้นในช่วงที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์ “วัดพระแก้วมรกต” ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๔ โดยพบขณะที่ทำการบูรณะ “หลังคาพระอุโบสถวัดพระแก้วมรกต” จึงเรียกกันว่า “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” ซึ่งตามที่ผู้เขียนสาธยายมาก็ล้วนแต่เป็น “ข้อมูล” ที่บรรดา “นักปลอมพระ” กุข่าวขึ้นมาทั้งสิ้นด้วยการแต่ง “นิยาย” เป็นการประกอบการขายเพื่อให้ “เหยื่อ” หลงเชื่อซึ่งก็ถือว่า “ได้ผล” ในระดับหนึ่งเพราะมี “คนหลงเชื่อ” มากมายทีเดียวเนื่องจาก “แก๊งปลอมพระ” แก๊งนี้มันเล่นเล่านิยายจนเลยเถิดโดยบังอาจแอบอ้าง “เบื้องสูง” เพื่อให้การหลอกขาย “ของปลอม” ที่พวกมันสร้างขึ้นดู “สมจริงสมจัง” มากขึ้น

    ทั้งนี้ก็เพราะการปลอมพระ “สมเด็จกรุ วัดพระแก้วมรกต” ครั้งนี้มีการสร้างออกมาหลากหลายพิมพ์ รวมทั้ง “พระสมเด็จสายรุ้ง” ที่บางพิมพ์ก็มี “๕ สี” และบางพิมพ์ก็มี “๗ สี” ที่ดูแล้วคล้ายกับ “พระสมเด็จ” ของ “หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง” ยังไงยังงั้น นอกจากนี้พวกแก๊งปลอมพระชุดนี้ยังตั้งชื่อ พระสมเด็จสายรุ้งที่ว่านี้เสีย “โก้หรู” คือเรียกขานว่า “พระสมเด็จพิมพ์เบญจรงค์” บ้าง “พระสมเด็จ สัตตรงค์” บ้าง รวมทั้ง “พระสมเด็จจตุรงค์” และ “พระสมเด็จไตรรงค์” ไปโน่นเลยโดยอาศัยตรงที่ “พระสมเด็จปลอม” ชุดนี้มีความ “สวยงาม” อีกทั้งเฉดสีก็มี “หลายสี” ในองค์เดียวกันดังกล่าวข้างต้น

    ซึ่งหากจะอธิบายให้ชัดก็คือคล้ายกับการเรียก “จตุคามรามเทพ” ที่เป็น “เนื้อก้นครก” นั่นเองซึ่งก็คือ “ที่มา” ของการเรียกชื่อเหมือนกันแต่ “ขอโทษ” แม้จะพยายามผลักดัน “ของปลอม” ให้เป็น “ของแท้” เช่นไร แต่ก็ผลักดัน “ไม่ได้” เพราะของปลอมก็คือ “ของปลอม” วันยังค่ำ นอกจากนี้แล้ว “พระสมเด็จปลอม” ชุดนี้ยังมี “พิรุธ” ให้จับได้อีกหลายประการ เช่นนอกจากปลอมพระสมเด็จ “พิมพ์มาตรฐาน” ทั้งของ “วัดระฆัง” และ “บางขุนพรหม” แล้วยังปลอมพิมพ์ “รูปเหมือนสมเด็จโตรุ่น ๑๐๐ ปี” ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พร้อมทั้งรุ่น “๑๐๘ ปี” ที่สร้างเมื่อปี ๒๕๒๓ และ ๒๕๓๓ แค่นั้นไม่พอยังทำการปลอมพิมพ์ “รูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร” ออกมาอีกด้วย เพราะแก๊งปลอมพระชุดนี้ “มองการณ์ไกล” ว่าสามารถ “ทำเงิน” ให้พวกมันได้ “อิ่มหมีพีมัน” ได้แน่นอนนั่นเอง

    ทั้งหมดที่บรรยายมานี้คือ “พิรุธ” ที่ทำให้นักสะสมพระอาชีพ “จับได้” และ “ไล่ทัน” เพราะการสร้าง “พระสมเด็จปลอม” ชุดนี้แล้วทำการสร้างข่าวแบบอ้างอิงว่าเป็น “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” และเป็นพระสมเด็จที่ “สมเด็จ (โต วัดระฆัง)” สร้างขึ้นมาเพื่อถวาย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ดังนั้น “คนภายนอก” จะไม่มีใครทราบนอกจากพวก “แก๊งปลอมพระ” เท่านั้นที่ทราบ ซึ่งนั่นก็คืออีก “หนึ่งพิรุธ” ของแก๊งปลอมพระชุดนี้ เพราะใน “ความเป็นจริง” แล้วพระสมเด็จปลอมชุดนี้ทำการสร้างขึ้นเมื่อ ปี ๒๕๒๕-๒๕๓๐ นี้เอง โดยอาศัยช่วงที่มีการบูรณปฏิ สังขรณ์ “วัดพระแก้วมรกต” และ “พระบรมมหา ราชวัง” ระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๔ มาอ้างอิง ซึ่งหากท่านผู้อ่าน “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ทราบถึงมูลเหตุแห่งการ “บูรณปฏิสังขรณ์” วัดพระแก้วมรกตแล้วก็จะทราบดีว่า

    “ก่อนการฉลองสมโภชพระนครที่ครบ ทุก ๕๐ ปี ก็จะมีการบูรณปฏิสังขรณ์ “วัดพระแก้วมรกต” และ “พระบรมมหาราชวัง” ก่อนทุกคราวตามประเพณีที่คุณ “ศุทธิวิทย์ กิจไชยพร” นำเรื่องราวเหรียญ “พระแก้วมรกตหลัง ภ.ป.ร.” ที่สร้างเป็น “ที่ระลึก” ในคราวฉลองพระนครครบ “๒๐๐ ปี” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ตรงเนื้อที่ “มุมนี้มีดีอวด” ประจำฉบับ “ทุกวันอาทิตย์” โดยเนื้อหามีว่า “ก่อนการฉลองพระนครครบ “๕๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๓๗๕ ของ “รัชกาลที่ ๓” ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา “พระเจ้าน้องยาเธอฯ” เป็นแม่กองคุมงานบูรณะวัดพระแก้วมรกตก่อนการฉลองพระนคร และต่อมาในรัชสมัย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕ ก่อนการฉลองพระนครครบ “๑๐๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๔๒๕ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาแม่กองเพื่อควบคุมงานบูรณะปฏิสังขรณ์เช่นกัน

    จากตรงนี้เองที่เป็น “จุดสำคัญ” ของการจับ “พิรุธ” แก๊งปลอมพระสมเด็จวัดพระแก้วมรกตคือ “หากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” ทำการสร้าง “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” ขึ้นถวาย “พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” จริง แล้วไฉนพระสมเด็จชุดนี้จึงรอดพ้น “สายตา” ของบรรดานายช่างที่ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระแก้วมรกตถึง “๒ ครั้ง ๒ ครา” คือครั้งแรกคราวที่กรุงรัตนโกสินทร์ครบ “๑๐๐ ปี” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๕ และครั้งที่สองครบ “๑๕๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เพราะตามบันทึกประวัติศาสตร์ “การบูรณะวัดพระแก้วมรกต” ก่อนการฉลองพระนครในทุก “๕๐ ปี” จะเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ที่ถือเป็นประเพณีสืบมา

    ดังนั้นจึง “เป็นไปไม่ได้” ที่ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” จะทำการสร้าง “พระสมเด็จวัดพระแก้วมรกต” แล้วบรรจุไว้บนเพดาน โบสถ์พระแก้วมรกตตามที่ “แก๊งปลอมพระสมเด็จ” ชุดนี้สร้างนิยายน้ำเน่ามาหลอกลวงกัน

    จากจุดนี้เองวงการ “พระเครื่อง” จึงไม่ยอมรับ “พระสมเด็จวัดพระแก้วมรกต” เข้าไว้ใน สารบบของ “การสะสม” เพราะหากวิเคราะห์ด้วย “หลักการ” ตามที่ผู้เขียนบรรยายมาก็เพียงพอต่อการ “ชี้ชัด” ได้ว่าเป็นการ “สร้างปลอม” ขึ้นมาเพื่อ “เจตนา” หลอกขายนักสะสมที่โง่เขลาเบาปัญญาเท่านั้น ฉะนั้นหากไม่อยากตกเป็นผู้โง่เขลาเบาปัญญาแล้วถ้ามี “มนุษย์ตนใด” นำพระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกตมาท้าพิสูจน์จะด้วย “หลักอะไร” รวมทั้งหลัก “วิทยาศาสตร์” แล้วจงรู้ไว้เถอะว่า “ท่านกำลังถูกมันหลอกลวง” ฉะนั้นก่อนที่จะถูกมันหลอกเอาต้องไล่ “ตะเพิดมันไปซะก่อน” ดีที่สุด หรือหากไม่อยาก “มีเรื่อง” ก็อย่าไปข้องแวะแล้วท่านจะ “ปลอดภัยไร้กังวล” ทุกกรณี.
    นายรู้สึก แสนรู้ชัด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=46117&NewsType=2&Template=1

    ‘พระสมเด็จวัดระฆังเก๊’

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เหตุที่ “พระสมเด็จวัดระฆัง” ถูกยกย่องให้เป็น “จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง” เพราะนอกจากเป็น “ยอดพระเครื่อง” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดแล้วยังเป็นพระเครื่องที่ “นิยมกันมาช้านาน” นับร้อยปีด้วยเหตุนี้กระบวนการผลิต “พระสมเด็จวัดระฆังปลอม” จึงมีการผลิตออกมาช้านานเช่นกันและในตอนที่แล้วผู้เขียนได้นำเสนอการผลิตพระสมเด็จวัดระฆังปลอมแบบ “อุปโลกน์” ที่มีทั้ง “พิมพ์แจวเรือจ้าง, พิมพ์หลังก้างปลา, พิมพ์หลังพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕, พิมพ์ฝังเพชรฝังพลอย” ซึ่งล้วน
    แต่เป็นกลเม็ดเด็ดพรายของการทำมาหากินของบรรดา “นักต้มตุ๋น” ที่ “สิ้นคิด” เพราะยอมให้คำว่า “มิจฉาชีพ” เข้ามาสิงสู่อยู่ในตัวเอง

    นอกจากนี้ในสมัยก่อนยังมีเรื่องเล่ากันว่า “การปลอมพระสมเด็จวัดระฆัง” มีการลงทุนกันถึงขั้นนำ “ชิ้นส่วน” ของ “พระสมเด็จวัดระฆังแท้” มา “บดเป็นผง” จากนั้นนำไปโรยเคลือบผิวของ
    “พระสมเด็จวัดระฆังปลอม” ที่พวกมันผลิตขึ้นมาเพื่อเวลาใช้กล้องส่องพระแล้วจะเห็นว่า “ผิวพระสมเด็จวัดระฆังปลอม” องค์นี้ผิวเป็น “เนื้อแท้” ซึ่งการปลอมด้วยวิธีนี้ก็สามารถตบตาคนได้ระดับหนึ่งโดยเฉพาะ “นักสะสมหน้าใหม่” ที่เอาแต่เชื่อ “เขาเล่าว่า” แต่หากเป็น “นักสะสมมือเก่า” แล้วฝีมือการปลอมแบบนี้บอกได้ว่า “ยังห่างไกล” และการลงทุนปลอมแบบนี้ในช่วงหลัง ๆ ก็ต้อง “ยุติ” ไปโดยปริยายเพราะการจะหา “ชิ้นส่วน” ของ “พระสมเด็จวัดระฆังแท้” มาบดเป็นผงในยุคนี้นั้น “หายากแล้ว” หรือหากมีราคาก็สูงเกินกว่าพวก “นักปลอมพระ” จะซื้อหามาลงทุนได้จึงเลิกราไปโดยปริยาย

    ส่วนขบวนการ “ปลอมพระสมเด็จฯ” ที่นับได้ว่าเป็นการปลอมแบบ “เป็นล่ำเป็นสัน” ก็เคยมีเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๒๙ ด้วยการ “สร้างข่าว” ถึงเรื่องราวของ “พระสมเด็จ” ที่สร้างโดยท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระ พุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” โดยขบวนการสร้างข่าวได้ระบุว่ามีการนำไปบรรจุกรุ “ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง” ตามแต่จะหา “วัด” หรือ “กรุ” ที่เหมาะ ๆ มาหลอกลวงกันโดยกรุที่มีการประโคมโหมข่าวจน “โด่งดัง” มากที่สุดในยุคนั้นก็คือพระสมเด็จ “กรุถ้ำสิงโตทอง” เพราะนอกจากทำการสร้างข่าวแล้วยังมีการนำ
    มาโฆษณาขายใน “นิตยสารพระเครื่อง” หลาย ๆ ฉบับ แถมขายในราคา “องค์ละเป็นพันบาท” อีกด้วยสร้าง “ความร่ำรวย” ให้กับผู้นำมาขายตาม ๆ กันแต่สุดท้ายเมื่อมีการ “พิสูจน์ความจริง” ก็พบว่า “พระสมเด็จกรุนี้” ที่อ้างว่าสร้างโดย “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” ที่แท้ก็คือ “พระปลอม” ที่
    ผู้สร้างนำมายัดเยียดว่าเป็น “ของเก่า” แถมยังมีการพยายามให้ “งานประกวดพระเครื่อง” บรรจุเข้าไปมีส่วนใน “รายการประกวด” กับเขาด้วยแต่ได้รับการ
    “ปฏิเสธ” จาก “ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย” ที่มีนักสะสมอาวุโส “มนัสชัย เจริญพลนภาชัย” หรือ “ช่าง สะพานพุทธ” เป็นประธานชมรมฯ และเป็นผู้ที่รัก
    “ความจริงพร้อมความถูกต้อง” อีกท่านหนึ่งในวงการ (ช่วงนั้นสมาคมผู้นิยมพระเครื่องและพระบูชาไทยยังไม่ได้จัดตั้ง) จึงไม่ยอมให้มีการบรรจุ “พระสมเด็จฯกรุถ้ำสิงโตทอง” เข้าไว้ในรายการประกวด “ทุกงาน” ผลที่ตามมาก็คือ “พระสมเด็จกรุนี้” ได้ถูกลบออกไปจากวงการตั้งแต่บัดนั้น

    “ผู้เขียน” จึงขอคารวะดวงวิญญาณของนักสะสมอาวุโส “ช่าง สะพานพุทธ” (เสียชีวิตด้วยโรคชรา) ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับ “ขบวนการพระเก๊” เพราะท่านคือผู้จรรโลงพระเครื่องไทยโดยแท้จริง

    และก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ในช่วงที่มีการ บูรณปฏิสังขรณ์ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม”
    หรือ “วัดพระแก้ว” และ “พระบรมมหาราชวัง” และเป็นช่วงที่บรรดา “นายช่างสิบหมู่” จาก
    “กรมศิลปากร” กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นและหามรุ่งหามค่ำเพื่อบูรณะซ่อมแซม “วัดคู่บ้าน
    คู่เมือง” อันสำคัญของประเทศไทยให้ทันกับงาน
    “ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์” ที่จะเวียนมาบรรจบครบ “๒๐๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ก็มี “ขบวนการปลอมพระสมเด็จ” ได้ทำการผลิต “พระสมเด็จปลอม” ออกมาอีกแถมผลิตออกมามากมายหลายพิมพ์นับตั้งแต่ “พิมพ์มาตรฐาน” และ “ไม่มาตรฐาน” ไปจนถึง “พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต” จากนั้นเริ่มทำการ “ปล่อยข่าว” แบบเงียบ ๆ ค่อยเป็นค่อยไปว่ามีการพบ “พระสมเด็จ” บน “เพดานพระอุโบสถวัดพระแก้วมรกต” จึงเรียกว่า “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว” ที่จัดสร้างโดย “สมเด็จโต” เพื่อถวาย “รัชกาลที่ ๕” โดยเฉพาะ

    ปรากฏว่ามี “คนปัญญาเบา” หลงเชื่อเพราะได้รับ “ความร่วมมือ” จากสื่อพระเครื่องที่เป็นนิตยสาร “แนวลวงโลก” ช่วยประโคมโหมข่าวด้วยการเสนอเรื่องราวและ “ประวัติความเป็นมา” อย่างยืดยาวพร้อมเล่าเรื่อง “อภินิหาร” ที่ “กุขึ้นเอง” แบบพิสดารพันลึกยิ่งกว่านวนิยาย “ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” เสียอีกนอกจากนั้นยังมีการ “จำแนกพิมพ์” และ “เนื้อหา” ออกไปมากมายแล้วจบลงด้วยการทำการ “โฆษณาขาย” ในราคาสูงทีเดียวคือ “องค์เป็นหมื่น” อีกต่างหากและ “ขายได้” ซะด้วยเพราะมีคนหลงเชื่อนับร้อยรายเช่นกันนอกจากนี้ “ขบวนการปลอมพระสมเด็จรุ่นนี้” ยังมีความพยายามที่จะ “บรรจุ” เข้ารายการประกวดพระเครื่องเหมือน “กรุถ้ำสิงโตทอง” เช่นกัน แต่ก็ได้ท่าน
    “อดีตประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย” ผู้ล่วงลับไปแล้ว “ช่าง สะพานพุทธ” สกัดกั้น “ไม่เล่นด้วย” ก็เลย “หมดราคาไป” แต่กระนั้นก็ยังมี “นักสะสมหน้าใหม่” ที่เพิ่งเข้าวงการถูกปั่นหัวอยู่เนือง ๆ “ผู้เขียน” จึงขอย้ำผ่านตรงนี้อีกหน “เราเตือนท่านแล้ว” กรุณาเชื่อสักนิด “ไม่ผิดหวังชัวร์”.
    นายรู้สึก แสนรู้ชัด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=45075&NewsType=2&Template=1

    การปลอบพระสมเด็จ ‘วัดระฆัง’

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ความนิยม “พระสมเด็จวัดระฆัง” ที่สร้างขึ้นโดยท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรฺหมฺรังสี)” ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “นักสะสมพระเครื่อง” ต่างนิยมกันทุกระดับชั้นโดยเฉพาะนักสะสมหน้าใหม่ที่เริ่มเข้าสู่วงการทั้งที่ทราบดีว่าเป็น “ของดีที่ล้ำค่าและหายากยิ่ง” เนื่องจากเป็น “พระสมเด็จ” ที่สร้างด้วย “เนื้อผงวิเศษ” และสร้างมานานกว่าร้อยปีจึงมีไม่น้อยที่ “แตกหักเสียหาย” ปัจจุบันพระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างโดยสมเด็จโต “องค์ที่สภาพดีสมบูรณ์” จึงมีให้เห็นไม่มากนักประกอบกับเป็นที่ต้องการของ “นักสะสม” จึงทำให้มีราคาที่ “แพงขึ้นและแพงขึ้น” ถึงกระนั้นแม้จะแพงแสนแพงและมีราคานับ “สิบ ๆ ล้าน” ผู้ที่มี “อันจะกิน” ก็ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อนำมาครอบครองด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการสร้าง “ของปลอม” ออกมา “มากที่สุด” และ “หลายฝีมือ” ชนิดนักสะสมรุ่นเก่าระบุว่าเป็นพระสมเด็จที่มีการสร้างปลอมออกมา “มากที่สุดในโลก”

    และจากที่ผู้เขียนเป็น “นักสะสม” ที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้าความเป็นมาและเป็นไปของ “พระยอดนิยม” ทุกตระกูลโดยเฉพาะ “พระสมเด็จวัดระฆัง” จึงทราบดีถึงความเป็นมาและเป็นไปอีกทั้งมีเพื่อนพ้องที่เป็น “นักสะสม” ทั้งอาชีพและสมัครเล่นหลายสิบคนนำพระสมเด็จวัดระฆังมาให้ตรวจสอบอยู่เสมอซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น “ของปลอม” แทบทั้งหมดจะมี “ของแท้” อยู่บ้างก็น้อยมากชนิดเรียกได้ว่าใน “หนึ่งพันองค์” จะมีของแท้อยู่แค่ “องค์เดียว” เท่านั้นแต่ก็มีเรื่องเล่าที่เพื่อนผู้หนึ่งถ่ายทอดมาให้ฟังว่า “มีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และมีฐานะขั้นเศรษฐีผู้หนึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบ “พระสมเด็จวัดระฆัง” มากจึงใช้เวลาเสาะหาพระสมเด็จที่ชื่นชอบตามสนามพระบ้าง และตามบ้านที่มีคนมาส่งข่าวว่ามีสมเด็จวัดระฆัง พร้อมทำการเช่าทุกองค์ที่เห็นมีความเก่าเข้าตาตัวเองส่วนจะ “แท้หรือเก๊” ไม่สนใจหากชอบเป็นเช่าไว้ทันทีหมดเงินหมดทองไปก็มากจึงได้พระสมเด็จมากว่าร้อยองค์เลยทีเดียว ต่อมาหลังจากสะสมไว้นับร้อย ๆ องค์แล้ววันดีคืนดีก็เชิญ “เซียนพระ” ที่รู้จักกันดีและมีความรู้เรื่องพระสมเด็จดีมาช่วยตรวจสอบว่าที่เช่าไว้ทั้งหมดมี “ของแท้” สักกี่องค์ปรากฏว่าในจำนวนพระสมเด็จที่เช่าไว้แบบเหวี่ยงแหนั้นมี “แท้” อยู่องค์เดียวนอกนั้นเป็น “ของปลอม” ทั้งสิ้นจึงนับว่าอดีตข้าราชการผู้นี้ยัง “โชคดี” ที่ได้ครอบครองของแท้ที่แม้จะแค่องค์เดียวก็ทำให้คุ้มกับที่ไปเดินเสาะหา ท่านอดีตข้าราชการผู้นี้จึงรู้ชัดว่าการปลอมแปลงพระสมเด็จวัดระฆัง “มีมานานแล้ว” แต่บางคน (ที่อวดรู้ดี) กลับบอกว่ามีการปลอมแปลงตั้งแต่สมัยที่ “สมเด็จโต” ท่านยังมีชีวิตอยู่โน่นเลยซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนขอแจงว่าเป็นเรื่องของ “คนอวดรู้” เท่านั้นเพราะในความเป็นจริง “เป็นไปไม่ได้” เนื่องจากสมัยที่ “สมเด็จโต” ยังมีชีวิตอยู่ “การซื้อขาย” พระเครื่อง “ยังไม่มี” อีกทั้งท่านสร้างพระสมเด็จขึ้นมาก็เพื่อ “แจกฟรี” ไม่ได้สร้างมาเพื่อ “จำหน่าย” เหมือนยุคปัจจุบันกระทั่งหลังจากท่าน ละสังขารแล้วต่อมาพระสมเด็จของท่านได้สร้าง “ปรากฏการณ์” ให้คนรุ่นหลังได้ประจักษ์กับกรณีเกิด “โรคอหิวาตกโรคระบาด” ตามที่ได้กล่าวถึงในฉบับที่แล้ว “พระสมเด็จ” ของท่านจึงเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วไปและมีการเสาะแสวงหาที่ต้องมีการใช้เงินแลกเปลี่ยนจึงจะได้มาครอบครอง

    แต่ที่มี “ผู้รู้” บางท่านบอกว่าการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังปลอม “มีมานานแล้ว” อันนี้ผู้เขียนก็พออนุโลมได้เพราะสินค้าทุกชนิดหากมีการ “ซื้อง่ายขายคล่อง” ก็จะมีการสร้าง “ของปลอม” เพื่อมาร่วมวงการซื้อขายด้วยดังนั้นผู้เขียนจึงพอสรุปได้ว่า “พระสมเด็จปลอม” ที่สร้างปลอมอย่างจริงจังก็ประมาณหลังจาก “สมเด็จโต” ท่านละสังขารไปแล้วนั่นละเนื่องจากช่วงนั้น “พระเครื่อง” เริ่มเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วไปอีกทั้งในช่วงที่เกิดสงครามบรรดา “ทหาร” ที่ต้องออกรบต่างเสาะหาของดีมาคุ้มครองทั้งนั้น และเมื่อ “รอดตาย” หรือปลอดภัยจากสงคราม จึงเชื่อว่า “พระเครื่อง” ที่แขวนอยู่ในคอช่วยคุ้มครองตั้งแต่นั้นมาพระเครื่องจึงเริ่มมี “ราคาซื้อขาย” กันมากขึ้นเป็นลำดับและเมื่อมีการซื้อขายกันจึงมีการสร้าง “ของปลอม” ออกมาขายด้วยเพราะ “ได้เงินง่าย” บาปบุญคุณโทษเป็นอย่างไรมองไม่เห็น อย่างเช่น “พระกริ่งปวเรศปี ๓๐” ที่ราคาวิ่งทะลุเพราะนักสะสมนิยม มากก็มีนักสร้างของปลอมสร้างออกมาขายทันทีรวมทั้ง “จตุคามรามเทพ” ช่วงที่กระแสเริ่มแรงนอกจากบรรดากลุ่ม “นายทุน” รวมทั้งนักสร้างพระอาชีพและสมัครเล่นต่างเฮโลหันมาสร้างกันร่วม “พันรุ่น” แล้วยังมีนักสร้าง “ของปลอม” สร้างออกมาผสมโรงแบบทันทีทันควันเช่นกัน

    โดยเฉพาะ “พระสมเด็จวัดระฆัง” นอกจากมีการปลอมแปลงแบบ “ธรรมดา ๆ” แล้วยังมีการปลอมแปลงที่เรียกว่า “อุปโลกน์” คือบรรดา “พระสมเด็จที่มีการฝังเพชรฝังพลอย, พระสมเด็จที่มีก้างปลา (ปลาทู) ฝังไว้ที่ด้านหลัง, พระสมเด็จแจวเรือจ้าง, พระสมเด็จที่มีพระบรมรูปรัชกาลที่ห้าอยู่ด้านหลังและมีเพชรมีพลอย” รวมทั้ง “พระรูปเหมือนสมเด็จโตที่มีพระสมเด็จแปะตามลำตัว” แถมมีการเล่านิยาย (น้ำเน่า) ประกอบการหลอกขายแก่ผู้ที่ “มีสมองเป็นคนแต่กลับชอบให้คนด้วยกันจูงจมูกไปกินหญ้า” ว่าเป็น “สมเด็จพิมพ์พิเศษ” ที่สมเด็จโตสร้าง ถวายแก่ “เจ้าคนนายคน” เพื่อแจกแก่ “ข้าราชบริพาร” ดังนั้นพระสมเด็จ “พิมพ์พิเศษ” นี้จึงเป็นพิมพ์ที่ “พิเศษจริง ๆ” คือชาวบ้านทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ “ไม่มีโอกาสพบเห็น” นั่นเองนี่ละที่เรียกว่าเป็นการปลอมพระสมเด็จแบบ “อุปโลกน์” แต่ขอโทษที “ยังมีคนเชื่อ” ซะด้วยซี

    (อ่านต่อฉบับหน้า)
    นายรู้สึก แสนรู้ชัด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=44722&NewsType=2&Template=1

    การสร้าง “พระสมเด็จเก๊”

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ในฉบับที่แล้วได้กล่าวถึงความเป็นมาของความนิยม “พระเครื่อง” ของคนไทยที่กล่าวถึงอย่างคร่าว ๆ ว่า “คนไทย” มีความนิยม “พระเครื่อง” กันอย่างไรพร้อมทั้งมีการสร้าง “พระปลอม” กันอย่างไรและ “อะไร” เป็นเหตุจูงใจให้มีการ “ปลอมแปลง” พระเครื่องกันโดยเหตุแห่งการปลอมแปลงพระเครื่องก็คือ “ขายได้ราคา” ซึ่งการขายได้ราคานี้ก็เพราะมีการ “ซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน” นั่นเองโดยตามคำบอกเล่าของบรรดา “ปรมาจารย์พระเครื่อง” หลาย ๆ ท่านที่ระบุว่าการสะสมพระเครื่องใน “สมัยก่อน” ยังไม่มี “ธุรกิจการค้า” เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเช่นในปัจจุบันดังนั้นการ “แลกเปลี่ยนพระเครื่อง” ในสมัยนั้นจึงเป็น “เรื่องหลัก” ของการสะสมคือใครชอบใจ “พระองค์ใด” ของ “วัดใด” หรือจาก “กรุใด” และ “พระเกจิอาจารย์รูปใด” ก็สามารถนำพระเครื่องที่มีอยู่ไป “แลกเปลี่ยนกันได้”

    ซึ่งนั่นคือระยะเริ่มแรกของการสะสมพระเครื่องของ “นักสะสมสมัยก่อน” โดยใช้ระบบการแลกเปลี่ยน (Barter System) ที่มีความเป็นไปในทำนองเดียวกันกับการ “แลกเปลี่ยนสินค้า” โดยทั่วไปของ “มวลมนุษยชาติ” ในยุคที่ตลาด “การเงิน การคลัง การธนาคาร” ยังไม่เฟื่องฟูเหมือนปัจจุบันซึ่งในระยะแรก ๆ ที่เรียกว่า “ยุคอรุณรุ่ง” มนุษย์เราจะนำสินค้าที่มีในท้องถิ่นหรือผลิตได้ด้วยตัวเองไป “แลกเปลี่ยน” กับผู้ที่มีสินค้าอื่น ๆ ที่ตนเองไม่มีในท้องถิ่นหรือที่ตนเองผลิตไม่ได้ซึ่งระบบนี้เป็นที่ยอมรับกันในยุค “เริ่มแรก” ของการติดต่อซื้อขายสินค้ากระทั่งต่อมาเมื่อระบบ “การเงิน” เริ่มเข้ามามีบทบาทในฐานะเป็น “สื่อกลาง” ของการแลกเปลี่ยนสินค้าแล้วการแลกเปลี่ยนสินค้าในยุค “เริ่มแรก” จึงค่อย ๆ “ลดบทบาท” ลงเพราะมีการนำ “การเงิน” มาแลกเปลี่ยนแทน

    “พระเครื่อง” ก็เช่นกันในระยะเริ่มแรกของการสะสมบรรดา “เซียนรุ่นเก่า” ส่วนใหญ่จะ “ให้กันฟรี ๆ” แต่หากพระเครื่องที่ให้กันฟรี ๆ นั้นมี “คุณค่า” เพราะหายากก็จะนำ “พระเครื่อง” ชนิดอื่นมาแลกเปลี่ยนกันมากกว่าที่จะมาตั้งราคาซื้อขายดังเช่นปัจจุบัน และเมื่อสังคมพระเครื่องขยายตัวมีผู้คนหันมาสนใจมากขึ้นประกอบกับเริ่มหายากขึ้น เนื่องจากต่างคนต่างเก็บจึงเริ่มมีการซื้อขายกันด้วย “เงินตรา” เช่นเดียวกันกับสินค้าอื่น ๆ ดังนั้นนักสะสมพระเครื่องยุคปัจจุบันจึงกล้าที่จะ “ซื้อขายกัน” โดยไม่กระดากอายหรือขวยเขินดังเช่นผู้คนในสมัยก่อนที่จะใช้คำว่า “เช่า” หรือ “ปล่อย” แทนคำว่า “ซื้อ” หรือ “ขาย” และจากที่ไร้ความกระดากอายนี่เองต่อมาจึงแปรสภาพกลายเป็น “ไม่เกรงกลัว” ต่อการที่จะนำ “ของปลอม” มาหลอกขายกันตามที่ผู้มี “จิตสำนึกอันดี” บอกว่านั่นคือ “บาป”

    ดังกรณีของวัตถุมงคลชุด “จตุคามรามเทพ” ที่ยังเป็นปัญหาในปัจจุบันที่ผู้เขียนได้นำเสนอมาก็ “หลายครั้ง” พร้อมเตือนกันมาก็ “หลายหน” และบอกใบ้ “ให้ระวัง” จตุคามรามเทพรุ่นที่สร้าง กันอย่างมโหฬารหลาย ๆ รุ่นที่การสร้างไม่มีการ “ประกอบพิธี” หรือหากมีก็ทำกันเพียงเพื่อ “หลอกผู้คน” ด้วยการนำ “กล่องเปล่า” ที่ภายในบรรจุ “ก้อนอิฐก้อนดิน” เพื่อให้ดูว่ามี “จตุคามรามเทพ” ที่สร้างเสร็จแล้วอยู่ภายในทั้งที่ “ความจริง” ยังสร้างไม่เสร็จแล้วจึงลำเลียง “กล่องบรรจุก้อนอิฐก้อนดิน” เข้าไปในพิธีให้ดูว่าได้ทำการปลุกเสกแล้วซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นกับ “จตุคามรามเทพ” รุ่นใหม่ ๆ นับร้อยรุ่นจึงเข้ากับตำราที่ว่า “น้ำขึ้นต้องรีบตัก” ของทั้ง “นักสร้างพระ” ที่ “รับจอง” ไว้มากและ “โรงงานสร้างพระ” พร้อม “โรงงานทำกล่องพระ” ที่รับงานไว้จน “ล้นมือ” จึงทำงานที่รับไว้ไม่ทันตามกำหนด “พิธีปลุกเสก” หรือบางรุ่นที่สร้าง “ทันกำหนด” แต่วัตถุมงคลก็ขาดความสวยงามเนื่องจาก “เร่งปั๊ม” กันนั่นเองและอีกหลาย ๆ สิบรุ่นที่สร้างออกมาไม่ตรงกับ “รูปแบบ” ตามที่ทำการโฆษณาไว้จึงเป็นปัญหาให้มีการร้องเรียนต่อ “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” มากมายหลายร้อยรุ่นและรุ่น “รวยล้นฟ้า” ก็โดนเป็นรุ่นล่าสุดและการโดนล่าสุดนี้ไม่ใช่การ “ร้องเรียน” เหมือนรุ่นก่อน ๆ แต่เป็นการโดน “ฟ้องศาล” ที่ “นครศรีธรรมราช” กันเลยด้วยข้อหาหนัก “ฉ้อโกง” ตามที่เป็น “ข่าวหน้าหนึ่ง” ไปเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา

    ไม่รู้เป็นอะไรว่าจะพูดถึงเรื่องการสร้าง “พระสมเด็จเก๊” แท้ ๆ แต่ก็วกไปพูดถึง “จตุคามรามเทพ” จนได้ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะมีการสร้างที่ “เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค” มากเกินไปชนิดเห็นผู้บริโภค “เป็นวัวเป็นควาย” ไปซะหมดเลยอดไม่ได้ที่จะต้อง “พูดถึง” จึงขอหันมาพูดถึงการสร้างพระสมเด็จเก๊กันอีกที

    ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “พระสมเด็จวัดระฆัง” ได้ชื่อว่าเป็น “สุดยอดพระเครื่อง” จนได้รับสมญานามว่า “จักรพรรดิพระเครื่อง” เพราะนักสะสมทุก ระดับต่างใฝ่ฝันที่จะได้เป็น “เจ้าของ” เนื่องจากเป็นพระเครื่อง “ค่านิยมสูง” ที่สืบทอดกันมาช้านานตั้งแต่ยุค “อรุณรุ่ง” ของการสะสมพระเครื่องเมืองไทยเพราะ “เชื่อมั่นในพุทธคุณ” ที่ลือเลื่องแล้ว “รูปแบบ” ที่ท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” จัดสร้างขึ้นที่ว่ากันว่าพัฒนา “แบบพิมพ์” มาจาก “พระสมเด็จอรหัง” ของท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสวโร)” ให้สวยงามขึ้นด้วยเหตุนี้ “พระสมเด็จวัดระฆัง” จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและแน่นอนธรรมชาติของสิ่งที่ได้รับ “ความนิยม” ก็จะมีราคาในการแลกเปลี่ยนซื้อขายที่สูงขึ้นเป็นลำดับแล้วในที่สุดก็จะมี “ของปลอม” รวมไปถึง “ของเทียม” พร้อม “ของเลียนแบบ” ที่พวกไม่หวั่นบาปสร้างกันออกมามากมาย “หลายฝีมือ” ที่ถึงวันนี้บรรดา “เซียนพระ” ต่างก็ยอมรับว่า “พระสมเด็จวัดระฆัง” เป็นพระเครื่องที่ถูกสร้าง “ปลอม” และ “เทียม” พร้อม “เลียนแบบ” มากสุดที่เรียกได้ว่า “มากกว่า” พระเครื่องจากทุก “ตระกูล” และทุก “สำนัก” เลยทีเดียว.
    นายรู้สึก แสนรู้ชัด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แค่เรื่องปูนเปลือกหอย ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านสร้างพระพิมพ์เอง , เรื่องของผงวิเศษที่เขียนกัน 5 ประการ
    แค่เพียง 3 เรื่อง ก็ขำกลิ้งแล้ว ยังไม่ต้องไปพูดเรื่องอื่นๆ

    คนที่เขียนหนังสือหรือตั้งกฎเกณฑ์ เขียนหรือตั้งกฎเกณฑ์เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน ความรู้ก็ไม่มี อาศัยดูพระเยอะๆ แล้วตั้งกฎเกณฑ์เพื่อขายพระว่า ต้องมีลักษณะแบบนี้ เนื้อนี้ ถ้าเป็นแบบอื่น เนื้ออื่นก็ต้องตีเก๊ พระพิมพ์จะได้มีน้อย จะได้มีราคา แต่หารู้ไม่ว่า พระสมเด็จบางองค์เนื้อหาแท้ แต่ไม่มีอะไรข้างในเลย ก็มีมาก แถมสร้างพระพิมพ์ก็ไม่เป็น แต่บอกได้ว่าต้องสร้างอย่างไร นั่งเทียนได้เก่งแฮะ

    เลือกดูกันเองนะครับ แล้วแต่วาสนาบารมีของแต่ละคน

    ถ้าโชคร้ายได้พระสมเด็จองค์เป็นล้าน เนื้อแท้แต่ข้างในเก๊

    ถ้าโชคดีได้พระสมเด็จถูกๆหรือฟรี เนื้อแท้ ข้างในแท้ แถมไม่ใช่แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านอธิษฐานจิตองค์เดียว จะมีองค์ผู้อธิษฐานจิตองค์อื่นๆด้วยเช่น หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร หรือหลวงปู่แสง หรือท้าวเวสสุวรรณ หรือคณาจารย์วัดมหาธาตุ หรือคณาจารย์องค์อื่นๆ ฯลฯ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คมช. จัดงานเฉลิมพระเกียรติ“ สมเด็จย่า” ผ่านจอม่านน้ำ สุดยิ่งใหญ่
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000124924
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 ตุลาคม 2550 20:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช. ) จัดงานแสดง แสง เสียง และสื่อผสม ผ่านจอม่านน้ำ สุดยิ่งใหญ่ “ลูกของแม่ พ่อของแผ่นดิน 80 พรรษา นฤบดินทร์ของปวงไทย” เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ “สมเด็จย่า” 21 ต.ค. ที่สวนเบญจกิติ

    วันนี้(21 ต.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สวนเบญจกิติ พล.ท.มาโนช เปรมวงศ์ศิริ ผู้ช่วยเลขาธิการทหารบก ฝ่ายกิจการพลเรือน ในฐานะฝ่ายเลขานุการการจัดงาน เปิดเผยว่า ในโอกาสปี 2550 เป็นปีมหามงคล ครบรอบพระชนมายุ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในวันที่ 21 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า จะได้ร่วมน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่าน “ โครงการคุณธรรมนำไทย ” โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ได้จัดงานเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจัดนิทรรศการ และการแสดง แสง เสียง และสื่อผสม ผ่านจอม่านน้ำ “ ลูกของแม่ พ่อของแผ่นดิน 80 พรรษา นฤบดินทร์ของปวงไทย”

    ภายในงานได้จัดนิทรรศการที่มีเนื้อหาการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยนำเสนอพระราชประวัติของสมเด็จย่า ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ จากสามัญชนจนถึงการเป็นพระราชชนนีของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ถึง 2 พระองค์ด้วยกัน และนำเสนอพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงงานหนัก เพื่อพสกนิกรไทยทั้งปวง ยังรวมไปถึงพระราชจริยวัตรที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันแสดงถึงความรัก ความผูกพันระหว่างสองพระองค์ และคำสอนของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่เป็นแบบอย่างความดีที่เป็นต้นแบบแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ส่วนที่ 2 พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนำเสนอพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ทรงพระเยาว์และนำเสนอหลักทศพิธราชธรรมที่พระองค์ทรงใช้ในการปกครองประเทศ รวมถึงนำเสนอพระราชอัจฉริยภาพทางด้านอื่นๆ อันได้แก่ ดนตรี วรรณกรรม วรรณศิลป์ และกีฬา และพระราชกรณียกิจในด้านการเกษตร โครงการเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรต่างๆ ทั้งป่า น้ำ สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้ง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ เป็นต้น

    สำหรับการแสดง แสง เสียง และสื่อผสม ผ่านจอม่านน้ำ ภายใต้ชุด “ลูกของแม่ พ่อของแผ่นดิน 80 พรรษา นฤบดินทร์ของปวงไทย” เป็นการแสดงที่ใช้เทคนิคพิเศษ ผสมผสานกับการแสดง แสง เสียง และสื่อผสมฉายบนม่านน้ำ โดยใช้เวลาในการแสดงประมาณ 30 นาที ประกอบด้วย 3 องก์แสดง ได้แก่

    องก์ที่ 1 สังวาลย์ โอบฟ้าอุ้มดิน นำเสนอพระราชประวัติตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขณะยังทรงเป็นนาวสาวสังวาลย์ฯ จนสู่การเป็นพระราชชนนีของพระมหากษัตริย์ไทย 2 พระองค์ รวมถึงการอบรมอภิบาลหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ของพระราชชนนีที่มุ่งหวังให้พระโอรสเติบโตเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีจิตใจดี และมีคุณธรรม

    องก์ที่ 2 พระบารมีล้นเกล้า นำเสนอพระราชประวัติจากเจ้าชายพระองค์น้อยสู่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่ ไม่เคยทอดทิ้งราษฎรของพระองค์ไม่ว่าภัยพิบัตินั้นจะร้ายแรงเพียงไหน เหมือนพระราชปณิธานที่ทรงตั้งไว้ว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งประชาชนอย่างไรได้”

    องก์ที่ 3 ลูกของแม่ พ่อของแผ่นดิน นำเสนอจากห้วงเวลาแห่งการครองราชย์จนถึงปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงอยู่เคียงข้าง และไม่เคยละทิ้งประชาชนของพระองค์ตลอดมา และประชาชนก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแห่งความเป็น “พ่อของแผ่นดิน” ของพระองค์ นับเป็นบุญของประเทศไทยที่มีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “แม่ฟ้าหลวง” ผู้พระราชทานพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็น “พ่อของแผ่นดิน” แก่ปวงชนชาวไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แหมท่านปา-ทาน มันรู้สึกทะแม่งๆแล้วตอนขับรถออกไปต่างจังหวัดก็ คล้ายๆมีหน้าคุณตั้งใจโผล่แว่บเข้ามา สังหรณ์ก็เลยบังเกิดว่าแล้วถึงจุดหมายเลยรีบติดต่อ ชะเอิงๆเอย จึงโชคดีได้นิมนต์ท่านมา ว่าแล้วพรุ่งนี้สิหนา จักรีบไปเชิญ และอย่าได้ลืม ชะเอิงๆเอย...คัมภีรท่องบู้ลิ้มเล่ม2 เพื่อเพิ่มปัญญา อ้าวนิมนต์ของดีเพี้ยนไปเลยชะเอิงๆเอย ว่าอีกแล้วก็ อิด-ฉาท่านตั้งใจจริงๆวันก่อนก็ได้ 16ชั้นฟ้าไปแล้วนะเนี่ย(ping)
    nongnooo...
     
  13. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    คุณสิทธิพงศ์ มีแบ่ง..แบ่งให้ดิฉันได้บูชามั่งไม๊คะ ....
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    คุณthanyaka ได้รับปีระกาที่ฝากไว้กับท่านปา-ทานก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับฮิๆห้อยเดี่ยว ซา-บายเลยครับ
    nongnooo...
     
  15. punnarphut

    punnarphut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +133
    เรียน คุณ sithiphong ครับ

    [bw-cry]
    เรียน คุณ sithiphong
    ผมยืนยันการไม่ได้รับพระไป วันที่ 151050 แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับพระเลยน่ะครับ ทั้ง 3 องค์ สงสัย คุณ sithiphong คงงานจะยุ่ง ถ้ายังไงรบกวนตรวจสอบให้ผมด้วยนะครับ
    ขอบคุณครับ
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สงสัยครับคุณหนุ่ม หากคุณหนุ่มนำเรื่องปลอมพระมาลงให้อ่านนี้ สมควรกดโมทนาหรือไม่ครับ เพราะที่กดคือเรื่องที่คุณนำมาลงให้ได้อ่านกันนั้นเป็นเรื่องที่"เขา"ว่ากันซึ่งแย้งกับเรื่องที่พวกเราเข้าใจกัน ไม่ได้กดเพราะเชื่อในเรื่องที่เขาลง เอายังไงดี? วานตอบ
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร:::, aries2947</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ยามเฝ้าแผ่นดิน..
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    การให้ข้อมูลของ"นายคนนี้"(ไม่สมควรให้ความสำคัญของชื่อเสียงมาก เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อสาธาณะ)หากมีเวลาไปหอสมุด หรือสัปดาห์งานหนังสือแห่งชาติในช่วงนี้บ้าง ไปหาข้อมูล ไปศึกษาให้ดีก่อน อย่าไปสันนิษฐานเองในบางเรื่อง อายุของประวัติศาสตร์มากกว่าอายุ"นายคนนี้"ตั้งมากมาย ยังไม่รู้อีกตั้งมากมาย ...

    หนังสือเล่มหนึ่งที่หยิบยกมาเล่มนี้ได้อ้างอิงบรรณานุกรมไว้ทั้งสิ้น ๙๖ เล่มด้วยกัน ต้องบอกไว้ก่อนว่า การนำเสนอของหนังสือเล่มนี้ "มิได้"หมายความว่า เนื้อหาทั้งเล่มมาจากเล่มใดเล่มหนึ่งเพียงเล่มเดียว ล้วน"อ้างอิง"ประกอบๆกัน หนังสือเล่มนี้ชื่อ "พระปิ่นเกล้าเจ้ากรุงสยาม" คุณสทื้อน ศุภโสภณ เป็นผู้รวบรวมไว้เมื่อ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๔ หนังสือเล่มนี้คุณชาญชาย เหมวิฑิตธรรม แห่งสำนักงานจักรพรรดิทนายความ และคณะได้เสียสละจัดพิมพ์ขึ้นแจกจ่ายเป็นวิทยาทานแก่สถาบันการศึกษาต่างๆทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวาระอันเป็นมิ่งมงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ หนังสือจึงไม่ได้แพร่หลายไปในหมู่นักอ่าน ผู้ใฝ่ศึกษาหาความรู้

    หนังสือเล่มนี้ได้พูดถึง
    -พระราชประวัติสังเขป
    -ที่มาของพระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์
    -พระปรีชาสามารถ พระราชบุคคลิก พระราชอัธยาศัย และพระราชนิยม
    -พระปิ่นเกล้าฯ กับชาวสระบุรี

    ในส่วนที่เกี่ยวกับพระเครื่องอยู่ในหมวด"พระปรีชาสามารถ พระราชบุคคลิก พระราชอัธยาศัย และพระราชนิยม"

    ผมขอนำข้อความบางตอนมาให้ได้ทราบกัน หากสนใจสามารถไปเดินหาหนังสือเล่มดังกล่าวได้ในงานสัปดาห์หนังสือในช่วงนี้ หนังสือเล่มนี้ผมได้มาด้วยความบังเอิญเมื่องานหนังสือเมื่อคราวที่แล้ว ดังนั้นการพบเรื่องราวที่ไขปริศนาความสงสัยในใจของเรานั้น ผมอยากปล่อยให้เป็นเรื่องของบุญมาวาสนาส่งมากกว่า "นายคนนี้"พระองค์ท่านอาจจะไม่โปรดให้ได้ทราบความจริงตลอดไป ปล่อยให้จมอยู่ใน"ปลักของความไม่รู้"ตลอดไปก็เป็นได้ครับ...

    หน้า ๑๓๐
    ทรงศึกษาไสยศาสตร์วิทยาคม
    "วังหน้าเป็นหนุ่มแข็งแรง ขี่ช้างน้ำมัน ขี่ม้าเทศสูงสามศอกเศษ ยิงปืนทุกวัน ชอบการทหารมาก มีวิทยาอาคมดี ฤาษีมุนีแพทย์หมอมีวิทยานับถือเข้าอยู่ด้วยมาก ผู้หญิงก็รักมากเลี้ยงลูกเมียดี เจ้ากลีบเป็นพระมเหสี เฮอมายิสตีข้างใน ข่าวฦาดังนี้ตลอดทั่วเมืองไทย เมืองลาวแลจีน ฝรั่งอังกฤษทั้งปวงมิใช่ฤา ฦามาดังนี้ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังอ่อนกว่าวังหน้าเดี๋ยวนี้อยู่..."

    ความที่ยกมาข้างต้นนี้ มีปรากฎอยู่ในพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว ที่ทรงไปถึงพระยามนตรีสุริยวงศ์ และเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ที่เป็นราชฑูตเดินทางออกไปเจริญทางพระราชไมตรียังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๐๑

    ความในที่ละเอียดขยายความในพระราชหัตถเลขาฯนี้สามารถหาอ่านได้จากหนังสือเล่มนี้ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเวลานั้น พระชันษาได้ ๕๐ ปี จึงกล่าวได้ว่า คำเล่าลือดังกล่าวได้มีมาแล้วเป็นเลาไม่น้อยกว่า ๕ ปี

    นอกจากนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ"พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์" ก็ยังได้ทรงพระนิพนธ์เล่าถึงคำเล่าลือเรื่องดังกล่าวนี้ไว้ใน"ตำนานวังหน้า"ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๓ มีความสำตัญตอนหนึ่งดังนี้
    "...เห็นจะเป็นเพราะเหตุที่โปรดการทแกล้วทหาร และสนุกคะนองต่างๆ ดังกล่าวมานี้ จึงเกิดเสียงกระซิบลือกันว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวิชาอาคม บางคนว่าหายพระองค์ได้ บ้างว่าเสด็จเหยียบเรือกำปั่นฝรั่งเอียงก็มี กระบวนทรงช้างก็ว่าแข็งนัก..."

    ในพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งม.ร.ว.จันทร์เพ็ญ กาญจนะวิชัยเรียบเรียงพิมพ์ในงานพระราชทานเพลืงศพหม่อมเจ้ารัตโนภาศ กาญจนะวิชัย เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๑ แม้จะเป็นฉบับที่มีข้อความสั้นมาก แทบจะมิให้รายละเอียดใดๆเลย แต่ก็มีกล่าวถึงเรื่องพระปิ่นเกล้าฯทรงเป็นผู้อุดมด้วยวิทยาคมไว้ในตอนหนึ่งดังนี้
    "พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถมาก และขณะนั้นก็มีกำลังทหารอยู่ในมือมาก ผู้คนเคารพเกรงกลัวถึงกับมีเสียงล่ำลือกันว่า ทรงมีวิชาอาคมขลังถึงกับหายตัวได้ บ้างก็ว่าทรงมีพระชิวหาดำเหมือนพระเจ้าหงสาวดีลิ้นดำ บ้างก็ว่าทรงมีฤทธิ์อำนาจถึงกับเหยียบเรือรบฝรั่งเอียง"

    สำหรับความขยายนี้ไปหาอ่านเองดีกว่าครับ หากได้อ่านเล่มนี้ซึ่งเป็นทางลัดในการเข้าใจเรื่องราวสมัยนั้นแต่คร่าวๆ เข้าใจในพระราชบุคคลิก เข้าใจในพระราชนิยม จะรักและหวงแหนพระพิมพ์พิมพ์หนึ่งนั่นคือ พระพิมพ์ฝีพระหัตถ์ ที่คนทั่วไปที่ไม่ได้ศึกษาความเป็นมา จะบอกว่านี่คือ"พิมพ์พิเศษ"แต่ไม่รู้ว่าพิมพ์อะไร ช่างตลกสิ้นดี!!! หรือการบอกว่า"พระ"องค์นี้เป็นพระกรุวัดพระแก้ว แบบนี้ใครๆก็พูดได้ หากคนรู้จริงจะระบุว่าวัดพระแก้ววังหน้า หรือ วังหลวง ระบุมาให้ชัด อย่ากวาดไปทั่วคลุมหมด หากผมพอมีเวลาจะนำเรื่องราวของพระเครื่องที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้บางส่วนมาให้ได้อ่านกัน
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณthanyaka ได้สมเด็จ(ปีระกาป่วงใหญ่) จากคุณพันวฤทธิ์ไป 1 องค์แล้วนะครับ อยู่ที่ผม

    วันพรุ่งนี้ผมหยุดงาน จะแพ็คและจัดส่งให้ท่านที่ร่วมทำบุญทุกๆท่านนะครับ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรื่องใดที่ไม่ถูกต้อง ก็อย่า "กดอนุโมทนา" นะครับ
    (b-no)
    มิฉะนั้น เหมือนกับผู้ที่ "กดอนุโมทนา" กระทำเหมือนกัน ขอเตือน
    (b-angry)

    .

    ส่วนรูปพระสมเด็จนั้น จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในความคิดเห็นผม ไม่ควรกดอนุโมทนา ผมเองถ้ากดได้ก็จะกดไม่เห็นด้วยครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...