พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

คุณวิศัลย์ ได้ร่วมทำบุญสร้างกุฎิดิน จำนวน 4,970บาท โอนเข้าบัญชี บัญชีของ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญบ่อเงินบ่อทอง ปริยัติศึกษา บัญชีออมทรัพย์ 203-0-06304-5 ชื่อบัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาพนมสารคาม
ทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง

ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ

.

 

เมื่อสักพักนี้ ผมได้โทรศัพท์ไปคุยกับหลวงพ่อแผน วัดบ่อเงินบ่อทองมา ท่านแจ้งให้ผมทราบว่า มีผู้ที่โทรศัพท์ไปหาท่านในเรื่องบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 015-4-32192-6 ชื่อบัญชีนส.ฐิติวรรณ คุณานพรัตน์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางนา ว่า ถ้าไม่ได้ใช้แล้ว ทำไมไม่ลบทิ้ง ผมจะขอเรียนชี้แจ้งว่า การที่ผมไม่ได้ลบทิ้งนั้น เนื่องจากอยู่ในหน้าเก่าๆแล้ว และปัจจุบันได้แจ้งให้ผู้ที่ร่วมทำบุญทุกท่านทราบว่า การร่วมทำบุญให้โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 203-0-06304-5 ชื่อบัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง ธนาคารกรุงไทย สาขาพนมสารคารแทนแล้วครับ

ผมขอเรียนชี้แจงอีกครั้งครับว่า
บัญชีออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 015-4-32192-6 ชื่อบัญชี นส.ฐิติวรรณ คุณานพรัตน์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางนา ได้ยกเลิกและไม่ได้ให้ผู้ที่ร่วมบุญโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้วครับ

โดยปัจจุบัน การร่วมทำบุญให้ โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 203-0-06304-5 ชื่อบัญชี โรงเรียนพระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง ธนาคารกรุงไทย สาขาพนมสารคาม เท่านั้นครับ

ขอขอบคุณท่านผู้แจ้งในเรื่องนี้ด้วยครับ ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่เข้าไปอ่านในหน้าแรกๆ เนื่องจากกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้...และขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต พระเณร ยาวมาก
ขอบคุณจากใจผมครับ


(verygood) (verygood) (bb-flower (bb-flower

 

ส่วนอีกเรื่องที่ได้คุยกับหลวงพ่อแผน วัดบ่อเงินบ่อทอง ก็คือ วันงานกฐินนั้น ผมจะนำพระพิมพ์ไปให้บูชา เพื่อที่จะให้ทุกๆท่านได้ร่วมกันทำบุญค่าน้ำค่าไฟวัด ผมได้ยินค่าไฟจากหลวงพ่อแผนแล้วก็ตกใจ เดือนๆนึง ในตอนนี้ใช้ไฟไปเดือนละ ประมาณ 9,000 บาท ที่ค่าไฟสูงนั้น สาเหตุหลักก็คือ มีการก่อสร้างโรงเรียน ซึ่งต้องใช้การอ๊อกเหล็ก และในเรื่องอื่นๆ ส่วนการใช้ไฟนั้น หลวงพ่อแผนท่านสอนให้พระ-เณร ช่วยกันใช้ไฟอย่างประหยัดที่สุด ส่วนค่าน้ำนั้น เดือนละ 2,000 ถึง 2,500 บาท ทั้งค่าน้ำและค่าไฟก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทางวัดมีค่าใช้จ่ายอย่างมาก

แต่ก่อนจะถึงวันงานกฐินที่ผมจะนำพระพิมพ์ให้บูชาเพื่อร่วมทำบุญค่าน้ำค่าไฟวัด ผมขอเชิญชวนท่านผู้ใจบุญทุกๆท่าน ได้ร่วมกันทำบุญค่าน้ำค่าไฟให้ทางวัดด้วย และรบกวนให้ช่วยแจ้งให้คุณโต ,คุณนักเดินทาง หรือผม ทราบในกระทู้ด้วย จะได้แยกเงินออกจากกองกฐินและกุฎิดินครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ


.

 

พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง (ตอนที่ 4)<O</O​

<O</O

ความเห็นเรื่องพุทธคุณในนิกายเซ็น (สุญตา)
<O</O
เมื่อศิษย์โง่ไปเรียนเซ็นและภายหลังอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีฉายาว่าภิกษุดอกบัวใต้น้ำ ต่อมาท่านได้บรรลุแจ้งแทงตลอดในหลักธรรม ได้รับฉายาใหม่จากชาวพุทธว่า ภิกษุดอกบัวพ้นน้ำ ได้จาริกไปตามนิคามชนบท เพื่อเผยแพร่พระสัทธรรมขององค์พระบรมศาสดา ครั้งนั้นได้มีชาวบ้านหลายคนพากันมาอ้อนวอนขอของดีจากพระคุณท่านเพื่อเป็นสิ่งคุ้มครองตัว ป้องกันภัยอันตราย พระภิกษุดอกบัวพ้นน้ำได้ประชุมเทศนาสั่งสอนเป็นใจความว่า

 

มีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แจ้งกับผมว่า ได้ร่วมบริจาคเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง เป็นจำนวนเงิน 11,500.-บาทและได้แจ้งกับผมว่า ขอให้ทุกๆท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญของท่านผู้นี้ครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ


สำหรับกระทู้ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง นั้น ก็ได้ปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฎิดินครบเรียบร้อยแล้ว ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ


.
<!-- / message --><!-- sig -->

 

สรุปรายชื่อผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดิน

1 คุณlittlelucky 1,500.00
2 คุณภิญญาลักษณ์ 980.00
3 คุณหมู โสระ 1,000.00
4 คุณหงสนาถ hongsanart 5,000.00
5 คุณอำนาจ อำนาจ 3,000.00
6 ณัฐวราช/สุมาล poohmark 2,000.00
7 คุณ khomeraya 3,020.00
8 คุณพัฒนา์ Pattana 2,222.00
9 คุณ khomeraya 800.00
10 คณะอินทราพงษ์ โมฆบุรุษ 3,000.00
11 คุณวีรพงษ์ werapong 2,050.00
12 คุณศิริชัย torn 10,000.00
13 คุณวิริยะ์ thauus 2,000.00
14 คุณพิมพาภรณ์ 3,600.00
15 คุณจิรัฏฐ์ 300.00
16 คุณปาณิศาสรณ์ art0405 6,599.99
17 คุณประกาศิต พรหมประกาศิต 3,000.00
18 คุณ MOUNTAIN 1,001.00
19 คุณโอภาส Fourthman 4,099.00
20 คุณอาทิตย์ 200.00
21 คุณเลอศักดิ์ 100.00
22 คุณเอกลักษณ์ เพื่อนกวง 2,500.00
23 คุณวิบูลย์ wibool 520.00
24 คุณจิโรจน์ tg22070 2,000.00
25 คุณกรกฏ korakots14 6,000.00
26 คุณจุฑาิ์ kengy 2,990.00
27 คุณณรงค์ Narong 1,000.00
28 คุณพัชนี จันทร์แก้ว 1,000.00
29 คุณ khomeraya 2,700.00
30 คุณสุรศักดิ์ คุณ4 2,000.00
31 คุณฉัตรวดี taewy 2,000.00
32 คุณอนุชิต,อารีรัตน์,ณัฐธิดา,สิทธิศักดิ์ สัมฤทธิ์วงศ์ สร้างบารมี 2,000.00
คุณธัญวลัย หงษ์ทองและครอบครัว
คุณประจักษ์ จันทสุทธิบวร,คุณ ธนภัทร พงษ์กลิกิจ
33 คุณประพาฬพงศ์์ paibula 2,000.00
34 คุณธนกา ผาสุขธรรม 20,000.00
35 คุณนัยนา mali 1,000.00
36 คุณธวัชชัย atitap 2,000.00
37 คุณจิโรจน์์ tg22070 4,070.00
38 Robert 2,000.00
39 คุณมังกร มังกร 2,050.00
40 คุณเพชร 4,500.00
41 คุณมยุรี 3,000.00
42 คุณ praelim 1,000.00
43 คุณจิรกิตติ์ 2,000.00
44 คุณพีระ khomeraya 2,207.01
45 คุณคุณพัชนี จันทร์แก้ว 3,000.00
46 คุณณรงค์ Narong 500.00
47 คุณทศพร wichitt 2,000.00
48 คุณอมรรัตน์ กอกุลจันทร์ 20,000.00
49 คุณยุทธศักดิ์ edtaro 2,000.00
50 คุณ littlelucky 1,200.00
51 คุณยายโกสุม ชื่นจินดา 200.00
52 คุณ พรหมพร บุญสนอง 250.00
53 คุณ นลินรัตน์ บุญสนอง 250.00
54 คุณเศวต บุญมาเกี๋ยง 2,009.09
55 คุณ veerajate 4,200.00
56 คุณ kwok 5,000.00
57 คุณ คุณปิยะ ยืนยงสุวรรณ 1,000.00
58 คุณ คุณสุพิตรา ฟูพันธุ์อนันต์ 2,000.00
59 คุณ คุณอิทธิโชติ ศรีสรรพางค์ 500.00
60 คุณ manote 2,500.00
61 คุณ Jirang 2,000.00
62 tippavan 500.00
63 oyoyo554 500.00
64 คุณสุรัตน์ นิจนันท์ 2,000.00
65 คุณ guawn 500.00
66 Just_Aware 2,000.00
67 คุณวิศัลย์ 4,970.00
68 คุณ wichitt 4,911.91
69 คุณ thana911 2,200.00
70 ไม่ประสงค์ออกนาม 11,500.00
รวม 203,700.00 บาท


ผมขอกราบอนุโมนาบุญกับทุกๆท่านเป็นอย่างสูง ที่ทุกๆท่านได้ให้ความเมตตากับพระ-เณร ที่วัดบ่อเงินบ่อทอง ขอให้ทุกๆท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมครับ

.

 

จากกระทู้ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง

<TABLE class=tborder id=post320264 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 08:17 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #457 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_320264", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:24 AM
วันที่สมัคร: Jul 2005
อายุ: 38
ข้อความ: 813 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 2,528
Thanked 3,913 Times in 675 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 588


</TD><TD class=alt1 id=td_post_320264><!-- message -->
ขณะนี้ได้ยอดครบแล้ว แต่ผมยังไม่ปิดกระทู้ จะให้บูชาวัตถุมงคลต่อไป ปัจจัยที่ได้จะถวายเป็นกฐินสำหรับเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำค่าไฟตอนนี้ที่แพงก็เพราะว่า ต้องใช้น้ำและไฟในการก่อสร้าง ถ้าหากการก่อสร้างเสร็จสิ้น ค่าใช้จ่ายก็จะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ ขอความเมตตาจากทุกท่านต่อไปด้วยครับ
<!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

จากกระทู้เรื่องราววัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล กับการสร้างองค์ปฐม สมปราถนาได้ทันใจ ชื่อบัญชี พระอ่อนสา ฐิติคุโณ ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขา กิโลศูนย์ เลขบัญชี 340-4-11629-9 และงานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบลวันที่ 14-15 ตุลาคม 49 นี้


ยังมีพระพิมพ์ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านเสก ให้บูชาด้วยครับ

พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณีคะแนนร้อย แบบขอบชิดซุ้ม (สีดำ) 18 องค์ๆละ 2,200 บาท (เฉพาะพระพิมพ์นี้ คุณนักเดินทางจะเป็นผู้จัดส่ง โดยแจ้งความประสงค์ผ่านทางกระทู้ได้)


พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 9 องค์ๆละ 2,000 บาท


พระพิมพ์พุทธประวัติ 3 องค์ๆละ 1,000 บาท
ขนาดกว้าง 3.4 ซม. * ยาว 5.8 ซม.


พระพิมพ์ไกเซอร์เล็ก 5 องค์ๆละ 500 บาท


พระพิมพ์หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน วัดตาล นนทบุรี อัญเชิญหลวงปู่ทวดมาเสก จำนวน 2 องค์ ๆละ 500 บาท


มีแจกพระบรมสารีริกธาตุให้กับผู้ทำบุญกับวัดภูเหล่าเงินฮางทุกท่าน ท่านละ 15 องค์



ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ


.<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขอเรียนถามคุณ Sithiphong และท่านผู้รู้ทุกท่านครับ

ผมได้แนบรูปพระนางพญา ซึ่งคนให้มาบอกว่าได้มาจากหลวงพ่อท่านนึงท่านบอกว่าเป็น พระนางพญากรุวังหน้า ไม่ทราบว่าข้อเท๊จจริงเป็นอย่างไร ผมขอความรู้จากท่านด้วยครับ
..คนที่ให้ เอาแลกเกอร์(ถ้าจำไม่ผิด)ทาผิวพระไว้น่ะครับ เลยดูมันๆ

ขอขอบคุณท่านล่วงหน้าและ ขออนุโมทนาด้วยใจมุทิตาเป็นอย่างยิ่งกับบุญกุศลที่ทุกท่านได้ทำในครั้งนี้ครับ

 

พระพิมพ์นี้ ในความคิดเห็นส่วนตัว น่าจะเป็นพิมพ์จิตรดา ครับ ดูแล้วใช่ 80 % ส่วนอีก 20 % ต้องตรวจสอบพลังอิทธิคุณขององค์พระครับ เมื่อก่อนน่าจะปิดทองร่องชาด(ลงรักปิดทอง)ครับ แล้วเขานำมาล้างทองล้างรักออกครับ พระพิมพ์ของวังหน้าหรือพระพิมพ์ของวังหลวงมีมากครับ มากกว่าที่ผมนำมาให้บูชาอีก บางท่านอาจจะมีพระพิมพ์อยู่แต่ไม่ทราบว่าเป็นพระพิมพ์ของวังหน้าหรือวังหลวงครับ

โมทนสาธูครับ

 

พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง (ตอนที่ 5)<O</O​

<O</O

พระธรรมคุณ<O</O​

พระธรรม คือ ประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ มีพระคุณเป็นปริโยสารหาที่สิ้นสุดมิได้ มีเป็น 3 นัย คือ พระปริยัตติธรรม พระปฏิบัติธรรม พระปฎิเวทธรรม
<O</O
พระปริยัตติรรม คือ ประมวลคำสอน นับเป็นอักขระได้ถึงจำนวน 84,600 เรียกว่า 84,000 พระธรรมขันธ์ สำหรับกุลบุตรกุลธิดาได้ศึกษาเล่าเรียน นำไปปฏิบัติประกอบคุณงามความดี สืบต่อจรรโลงพระศาสนา<O</O
พระปฏิบัติธรรม เมื่อศึกษารู้แล้ว จะได้ผลก็ต่อเมื่อนำคำสอนนั้นมาปฏิบัติตามความเหมาะสมแห่งตนมิใช่รู้แจ้งมิใช่รู้อย่างนกแก้ว นกขุนทอง หรือเสมือนม้าลาที่บรรทุกต่างอันบรรจุไว้ด้วยพระคัมภีร์วิเศษ โดยที่ตัวมันเองหาได้ซาบซึ้งถึงคุณค่าแม้แต่น้อยไม่<O</O
พระปฏิเวทธรรม เมื่อมีการปฏิบัติธรรมแล้ว ย่อมถึงซึ่งปฏิบัติบูชา เกิดรากแก้วงอกออกมา 1 ก้าน คือ ศีล เป็นชั้นมูลฐาน เมื่อศีลบริบูรณ์ดีแล้วสมาธิย่อมจักตามมาเป็นรากแก้วรากที่ 2 ต่อจากนั้นย่อมบังเกิดปัญญารู้แจ้งในสภาวธรรม เป็นรากแก้วที่ 3 รวมเป็น 3 รากแก้วด้วยกัน<O</O
พระธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมมิให้ตกอยู่ในที่ต่ำช้า เป็นเหตุให้พ้นจากอบาย เป็นอกาลิโก ไม่เกี่ยงในภูมิประเทศ ไม่เลือกกาลเวลา สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ทุกยุคสมัย
<O</O
ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในหลักธรรมครั้งแรก มีความห่วงใยและทรงรำพึงถึงปวงเวไนยสัตว์ ( พระพุทธรูปปางรำพึง ) คือ เพื่อนมนุษย์ที่เกิดร่วมโลก ด้วยพระทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระกรุณาธิคุณ แต่ก็ทรงพระปริวิตกอย่างยิ่ง โดยพิจารณาเห็นว่ามวลมนุษยชาตินี้หนาแน่นไปด้วยอาสวะกิเลศและตัณหาราคะเป็นอย่างยิ่ง ยางเหนียว คือ อวิชชา ได้ห่อหุ้มจิตใจของมวลชนไว้อย่างหนาทึบ ธรรมของพระองค์นั้นประณีตละเอียดอ่อนยิ่งนัก เกรงว่าจักไม่สามารถรับเอาพระธรรมคำสอนไปประพฤติปฏิบัติกันได้ ถึงกับทรงท้อถอยพระทัย แต่ด้วยพระปรีชาญานของพระองค์ได้ทรงพิจารณาเปรียบเทียบมวลมนุษยโลก ดุจดั่งดอกบัวสี่เหล่า
<O</O
ดอกบัวเหล่าที่หนึ่ง โผล่พ้นน้ำแล้ว พอต้องแสงอรุโณทัยตอนเช้าก็พร้อมจะเบ่งบานทันที จัดเป็นอุคฆติตัญญู บุคคลจำพวกนี้มีนิสัยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว สามารถที่จะตรัสรู้ธรรมอันลึกซึ้งได้โดยฉับพลัน ในขณะที่พระองค์ทรงสั่งสอน
<O</O
ดอกบัวเหล่าที่สอง ดอกตั้งปริ่มเสมอพื้นน้ำพร้อมที่จะบานในวันต่อไป จัดเป็นวิปัจจิตญญูบุคคล จำพวกนี้ได้แกพวกที่ได้รับพระสัทธรรมคำสอนแล้วยังไม่สามารถทราบได้ในทันที นอกจากได้แยกแยะและแจกความย่อให้พิสดารจึงจะสามารถรู้ได้ เปรียบเสมือนรอยบาดแผลที่ยังหายไม่สนิท ในเมื่อไปสะกิดเข้าโลหิตก็หลั่งไหลออกมา
<O</O
ดอกบัวเหล่าที่สาม ตั้งอยู่ระหว่างท่ามกลางน้ำ ถ้าไม่มีอันตรายใด ๆ มารบกวนเสียก่อน ก็คงมีหวังจะโผล่ขึ้นมาบานในวันต่อไป จำพวกนี้ได้แก่เนยยบุคคล เมื่อได้รับการแนะนำสั่งสอน แต่มีสามารถจดจำได้ในขณะนั้น ต่อเมื่ออาศัยการท่องบ่น จดบันทึกทบทวนบ่อยครั้งเข้าขยันหมั่นเพียรมิท้อถอย ก็สามารถรู้ธรรมวิเศษได้เป็นการสร้างอุปนิสัย คือการอบรมภายหลังให้อินทรีย์แก่กล้า
<O</O
ดอกบัวเหล่าที่สี่ ยังจมอยู่ในโคลนเลน ไม่แน่ว่าจะโผล่ขึ้นมาบานได้ปรือไม่ประการใด จำพวกนี้ได้แก่ ปทประมะบุคคล แม้จะแนะนำพร่ำสอนสักเพียงไร ก็เสมือนตักน้ำราดลงบนตอไม้ มิได้ขังอยู่แม้แต่น้อยเปรียบเสมือนจวักตักข้าว ห่อนรู้รสแกง ยากที่จะกล่อมเกลาให้ดีได้ ต้องปล่อยให้เป็นเหยื่อแก่เต่าปลา
<O</O
พระองค์ทรงจำแนกธรรมออกในลักษณะต่าง ๆ โดยพิจารณาให้เหมาะสมแก่ผู้ที่จะนำไปปฏิบัติธรรมของพระองค์ไพเราะในเบื้องต้น คือ ธรรมสำหรับสอนฆราวาสผู้ครองเรือน เรียกว่าคิหิปฏิบัติ ไพเราะในเบื้องกลาง คือ เทวตาธรรม สำหรับสอนพวกโอปปาฏิกะ เทพย์ อินทร์พรหมยมยักษ์ ธรรมสอนให้บุคคลเป็นเทวดา ไพเราะในเบื้องสูง คือ สมณธรรม เป็นธรรมส่อนจำพวกพระอริยะบุคคล ดำเนินเป็นลำดับ จากพระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคามี พระอรหันตา เป็นหนทางสู่พระนิพพานเป็นที่สุด จัดไว้ในหมวดพระอภิธรรม อันเป็นหลักแก่นแท้ของพระศาสนา
<O</O
กล่าวมาถึงพระธรรมแล้ว ก็ยังพิจารณาไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องกับองค์พระเครื่องในด้านใดลักษณะใด พระเครื่องไม่เคยมาสอนธรรมแก่เราทั้งในขณะหลับและตื่น กรรมนำเรามาเกิดทุนแห่งความชั่วดีฝังอยู่ในกมลสันดานแล้ว สิ่งที่เราจะรับเพิ่มเติมก็คือ การสร้างอุปนิสัยให้ดีหรือเลวขึ้นเท่านั้น ถ้าเราไม่สนใจในธรรมแล้ว ถึงจะพูดให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ก็ยังคงสภาพในลักษณะแห่งดอกบัวเหล่าบ๊วยอยู่นั่นเอง ผู้เขียนคิดพิจารณาอยู่เสมอ ยิ่งคิดยิ่งละอายใจยิ่งนัก เป็นกรรมชนิดหนึ่งเกิดมาให้ชอบพระตั้งแต่อายุได้สัก 3 ขวบ ครั้นเติบโตขึ้นกิเลสยิ่งพอกพูน มิได้ลดน้อยถอยลง เข้าขั้นรุนแรงและจัดเป็นกิเลสขั้นต่ำ คือประกอบด้วย โลภะ โทษะ และโมหะ ขอให้ลองพิจารณาติเตียนดู ที่ว่าโลภะนั้นก็คือการอยากมีอยากได้ไม่มีวันสิ้นสุด ใครจะขัดก็ไม่ยอม หากเปรียบเทียบกับลำน้ำเจ้าพระยายังต้องเหนียมอาย คือ น้ำนั้นยังรู้จักลงระดับขึ้นลง แต่ใจคนนั้นหรือก็คือ นัตถิตัญหาสมานัทธี ไม่มีวันลดละ มีเหรียญหลวงปู่วัดหนังยันต์สี่ก็ดีแล้ว อยากได้ชนิดยันต์ห้า ดูไปดูมาเห็นว่ายังไม่ครบลำดับที่เขาเล่นกัน ต้องหาเหรียญดังทั้งเก่าใหม่ให้ครบ ไม่ยอมน้อยหน้าผู้ใดเรามันก็ชาตินักเลงมีพระท่ากระดานกรุอำเภอศรีสวัสดิ์อยู่หลายองค์แล้ว แว่วว่าใครนำของจริงมาออกราคาเพียงองค์ละ 300 บาท อย่างนี้มีเท่าไรรีบขนมา ใครจะกรุณาบริจาคสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ขนานแท้และดั้งเดิมรับไม่อั้น ยินดีรับทั้ง 24 ชั่วโมงเลย เช่นนี้เขาเรียกว่าโลภะจริต ตายไปก็เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เวลามีชีวิตอยู่ก็อดอยากปากแห้ง เอาเงินไปเช่าพระหมด ออกตัวก็ไม่ได้มีแต่คนขอฟรี ที่สุดก็ม้วนเสื่อ เซียนที่ไหนกล้ามาสวดพระของเราเก๊หนอ จะล่อหลอกให้เราตกหลุมพรางหรือไร โธ่เอ๋ยพวกกันแท้ ๆ ทุบเราจนหลังแบนไปครั้งหนึ่งแล้ว แหกตาก็แล้วยังมีกะใจใช้พวกมาทุบต่ออีก อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้ จำต้องพิฆาตเพื่อนรักให้ตักษัย เช่นนี้เรียกว่าโทสจริต ผู้เขียนแก้อย่างนี้ บางคราวมีเพื่อนมากระซิบว่า หัวหน้าถูกสวดยับไปเลย ถามว่าสวดอะไรกันยังไม่ทันตาย เขาตอบว่ามันว่าพระมือผีนะซี แล้วคุณเห็นเป็นอย่างไร ความจริงก็รู้แล้วว่าผมไม่ได้ขายแขกฟรี ๆ ไม่ชอบใจก็สั่งให้นำไปไว้วัด คนตาดีเจาจะได้เก็บไปบูชา ผมไม่เชื่อมันหรอกนำไปให้เซียนดูแล้ว เขาว่าพิมพ์นี้ปลอมมีแต่เนื้อไม่เหมือนที่เขาปลอมกัน ต้องแก้ด้วยการไม่ให้ บางคราวก็เสียงแว่วว่า อาจารย์มีแต่พระทำเองและพระสนามล้วนแต่พระใบ้ ต้องรีบผงกศีรษะรับคำทันทีด้วยอาการยิ้มแย้ม พร้อมกับอธิบายว่าถ้าพระพูดได้ก็แปลก เห็นจะมีอยู่แต่พระนอนวัดป่าโมกข์ จังหวัดอ่างทองเท่านั้นที่เขาลือกันว่าพูดได้ นอกนั้นเป็นหลวงพ่อเฉย ส่วนที่เข้าลักษณะโมหะจริตนั้น คือพวกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่พยายามฝึกตัวเอง ต้องยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ ชอบแห่เมื่อเกิดการขัดแย้งตัดสินใจไม่ถูก ทำให้ของดีนั้นต้องหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย หรืองมงายดื้อรั้น คือเป็นโรคถัมภะ (โรคดื้อดัน) คนเรามีจริต 6 ประการ พวกนิยมพระมีจริต 4 ประการกล่าวมาแล้ว 3 ประการ ประการสุดท้ายคือราคะจริต หมายถึงจริตที่รักสวยรักงาม มิได้หมายถึงตัณหาราคะ เรามีพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นิยมอยู่องค์หนึ่ง ต้องสร้างกุฏิให้ท่านอยู่สมศักดิ์ศรี ควรเป็นฝีมือช่างร้านศรีอยุธยา แล้วเราจะต้องนำเข้าประกวดชิงแชมป์ให้ฤาชา เราจักได้มีเชื่อเสียงอันโด่งดัง นี่แหละเองของนักพระเครื่อง<O</O
<O</O

ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O</O
(เป็นความเชื่อ

 

จากกระทู้ ขอเชิญเททองหลวงปู่เทพโลกอุดร 9 องค์+ฉลองสมโภชองค์ปฐม 9 องค์และหลวงปู่ทวด 1 องค์
ผมได้คุยกับคุณChayutt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_319805", true); </SCRIPT> ในเรื่องของผ้าป่า ผมเองก็มีความประสงค์ที่จะมอบพระพิมพ์ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร(หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า)ท่านเมตตาเสกไว้ให้ เป็นพระพิมพ์พุทธประวัติ จำนวน 85 องค์และคุณนักเดินทางได้มอบพระพิมพ์พุทธประวัติ อีกจำนวน 15 องค์ รวมแล้วทั้งหมด 100 องค์ เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมบุญเป็นประธานเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล เททองหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่) หน้าตัก 20 นิ้ว จำนวน 9 องค์ และฉลองสมโภชสมเด็จองค์ปฐม 9 องค์ + หลวงปู่ทวด 1 องค์ ผมเองก็คงจะนัดคุณชยุตอีกครั้ง เพื่อมอบพระพิมพ์พุทธประวัติให้ครับ

พระพิมพ์พุทธประวัติ
ขนาดกว้าง 3.4 ซม. * ยาว 5.8 ซม.


ผมขออนุญาตกรวดน้ำครับ

อิมินาปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้า,ภรรยา และครอบครัว ได้มอบพระพิมพ์พุทธประวัติเพื่อมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในงานเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล เททองหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่) หน้าตัก 20 นิ้ว จำนวน 9 องค์ และฉลองสมโภชสมเด็จองค์ปฐม 9 องค์ + หลวงปู่ทวด 1 องค์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ณ.โรงหล่อบุญชม บ้านท่าตลาด ต.วัดโบสถ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ในครั้งนี้ ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่ คุณบิดา มารดา และทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ผู้มีพระคุณ ญาติกาครูอุปัชฌาย์อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร ปู่ ย่า ตา ยาย เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า ,เทวดาประจำองค์พระพิมพ์ทุกองค์ ,พระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช,สมเด็จพระเอกาทศรถ,สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ,พระยาพิชัยดาบหัก ,กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ,พระภูมิ-เจ้าที่ที่บ้านข้าพเจ้า ,แม่ย่านางรถของข้าพเจ้า,ผู้ที่เสียสละให้กับแผ่นดินไทยทุกท่าน ,ผู้สร้างพระพิมพ์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร-พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าทุกท่าน-พระพิมพ์ของวังหน้าทุกท่าน, เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย เพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา พระเพลิง พระพาย แม่พระโพสพ พระภูมิ-เจ้าที่ พระพิรุณ พยายมราช นายนิริยบาล ทั้งท้าวจตุโลกะบาลทั้งสี่ ศิริพุทธอำมาตย์ ชั้นจาตุมะหาราชิกาเบื้องบนจนถึงที่สุด พรหมาเบื้องต่ำตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษย์โลก โดยรอบสุดขอบจักรวาลอนันตะจักรวาล คุณพระศรีรัตนตรัยและเทพยดาทั้งหลายตลอดทั้งอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ท่านได้สุข ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้าอุทิศไปให้นี้ จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยให้ถึงพระนิพพานในปัจจุบันและอนาคตเบื้องหน้าโน้นเทอญ ฯ

<O</O
พุทธังอนันตัง ธัมมังจัรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจโยโหนตุ


.<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

Another part of questions/answers about หลวงปู่โลกอุดร, Think by yourself before you believe

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺปญฺโญ
เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ​

ถาม : .......................
ตอบ: มีจริง ๆ หลวงปู่โลกอุดร จริง ๆ คณะของท่านมี ๕ องค์ ก็คือสมณะฑูตสายที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งมาเผยแพร่พระศาสนาที่สุวรรณภูมิ
สมัยนั้นทะเลมันยังอยู่ที่เขต นครปฐม ตรงจุดที่ท่านขึ้นมา เขาถึงสร้างเป็นเจดีย์ทุกวันนี้ ห่างมาสองพันปีทะเลมันงอกไปโน้นแล้ว ชะอำ งอกเยอะ คราวนี้หลวงปู่โลกอุดรก็คือ พระอุตระเถระ อุตระก็คืออุดร เพียงแต่ว่าคณะของท่านมี ๕ องค์ด้วยกัน แล้วก็ทำงานลักษณะเดียวกัน บางทีมีคนเขาเจอคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง คนเขาก็เลยงง ๆ ว่าเป็นองค์ไหนกันแน่ แต่ว่าตัวจริง ก็คือพระอุตรเถระ
แล้วก็ตรงจุดที่สำคัญก็คือว่า ท่านตั้งความปรารถนาพระโพธิญาณ คือ อยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน บริษัทบริวารที่ตามท่านมาก็มาก มาถึงชาตินี้พอท่านพบธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่าอันนี้ง่ายกว่าก็ลุยเลย พักเดียวกลายเป็นพระอรหันต์ ลูกศิษย์ตามไม่ทัน ในเมื่อตามไม่ทัน ท่านเองในเมื่อเป็นพระอรหันต์ท่านต้องนิพพาน ก็เหลือวิธีเดียวที่จะสงเคราะห์ลูกศิษย์ของตัวเอง คือต้องอธิษฐานให้อยู่ได้
ท่านเองท่านมาไทยตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๓๗๕ จนป่านนี้ท่านยังไม่ตาย อายุตั้งเท่าไรแล้ว ตัวนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันสิ่งที่ พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุคคลที่มั่นคงในอิทธิบาทสี่สามารถอธิษฐานให้อยู่เป็นกัลป์ก็อยู่ได้ ถามหลวงปู่ว่าอายุเท่าไรแล้ว ท่านบอกว่าข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนสร้างพระปรางค์สามยอดที่ลพบุรี ข้าไปยืนดูมันสร้างอยู่ พระปรางค์สามยอดไม่หนีพ้นห้าพันหกนะอายุ อยู่จนป่านนี้
ถาม: ..........................
ตอบ: ถ้าต้องการจะติดต่อกับท่าน โดยปกติแล้วถ้าไม่ใช่ลูกศิษย์สายของท่าน ท่านจะไม่ยุ่งด้วยเลย ถ้าหากว่าใครเคยเป็นลูกศิษย์สายตรงของท่าน เคยอธิษฐานตามกันมา ถึงเวลาท่านจะไปหาเขาเอง ถึงเวลาท่านจะไปสงเคราะห์เขา สอนธรรมะให้ สอนอภิญญาให้ แต่ท่านเคยให้พรไว้ว่าถ้าหากต้องการพบท่านให้จัดอาสนะปูผ้าขาว ๕ ที่ แล้วจุดธูป ๕ ดอก นึกถึงท่าน ว่าคาถาโลกะอุตโร มหาเถโร อะหังวันทามิ ตังสะทา ภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าสภาพจิตดีสมาธิดี ท่านอาจปรากฏทั้งตัวเลย แต่ถ้าสมาธิไม่ดี ภาวนาได้ตก ๆ หล่น ๆ ท่านอาจปรากฏให้ในฝันก็ได้ แต่ว่าอาสนะปูผ้าขาว ๕ ที่ ต้องมีนะ ที่ ๕ ที่ เพราะของท่านทั้งทีมเลย ก็มีพระโสณะเถระ พระอุตตระเถระ พระฌานียะเถระ พระโมลียะเถระ พระเมธียะเถระ
ถาม: อยู่ครบทุกองค์เลยหรือครับ ?
ตอบ: อยู่แค่องค์เดียวล่ะจ้ะ แต่ว่าท่านที่ไปนิพพานแล้ว กลับมาช่วยเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว แต่ว่าที่ต้องแบก สังขารคือ ขันธ์ห้าอยู่ ก็มีหลวงปู่เทพโลกอุดรนี่แหละ จริง ๆ ถิ่นที่ท่านอยู่ มันเป็นถ้ำใหญ่มากเลย อยู่ใต้เขาที่เนปาล เย็นอย่างกับตู้เย็น เวลาท่านจะสงเคราะห์ใครก็ไปได้ทั่วแหละ ไม่จำเป็นต้องเมืองไทยหรอก
ถาม: มีคนเข้าไปถึงไหมครับ ?
ตอบ: มีพวกที่ตั้งใจจริง ต้องการจะไปหาท่านจริง ก็ไปเจอได้ บางทีเขาเรียกว่าถ้ำวัวแดง มันเป็นถ้ำเคลื่อนที่ ไม่ต้องไปหาให้เสียเวลาหรอก จะสังเกตไหมตามประวัติ เจอท่านที่ถ้ำวัวแดง แล้วกลับไปใหม่ ก็ไม่เจอ ถ้ำนั้นเลยกลายเป็นถ้ำเคลื่อนที่ ท่านอยากจะให้ไปโผล่ที่ไหน มันก็ไปโผล่ตรงนั้น
ถามว่าอย่างเราไปเจอท่านได้ไหม ถ้าตั้งใจจริง ๆ เดินส่งเดชไปเถอะ ถ้าท่านต้องการให้พบ เดี๋ยวไปโผล่ที่ถ้ำเองแหละ ในชีวิตเคยพลัดกับท่าน ๓-๔ ครั้ง ไล่ไม่ทัน เร็วจริง ๆ ประเภทเห็นหลังไว ๆ ไล่ไม่ทัน สรุปว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ของท่าน แล้วอีกอย่างก็คือว่า สิ่งที่หลวงพ่อสอนมาเหลือเฟือแล้ว ไม่จำเป็นให้ท่านสอนก็ได้


PS: Copy from http://www.grathonbook.net/book/index.html

 

ผมลองลงรูปอานิเมชั่นดู และขออนุญาตเจ้าของผู้ที่ทำรูปด้วย ผมนำมาลงให้ดูกันคลายเครียดครับ











.

 

พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง (ตอนที่ 6)<O</O​

<O</O

พระสังฆคุณ<O</O​

คือพระคุณของพระอริยสงฆ์สาวก สุปฎิปัณโณ ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ ดำเนินชีวิตตามรอยพระยุคลบาทแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา เป็นทายาทในทางธรรมสืบมรดกตกทอดเพื่อจรรโลงพระศาสนา ให้ยืนยงคงไว้ด้วยการถ่ายทอดพระธรรมคำสั่งสอนมิให้สูญหายไปจากโลกกว้าง นับได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งพระพุทธองค์โดยถูกต้องทำนองคลองธรรม พระสงฆ์มีคุณอันประมาณได้ พระสงฆ์ตามวัดวาอารามนั้นนับเป็นเพียงสงฆ์สมมุติเท่านั้น ส่วนจะเป็นพระอริยสงฆ์นั้นขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและปฎิปทาของแต่ละท่าน พระอริยสงฆ์หายากกว่าพระกริ่งปวเรศ มีทั้งพระเสกขบุคคล และพระอเสขบุคคล คำว่าพระนั้นย่อมหมายถึงผู้ที่ละแล้วซึ่งกิเลส เป็นผู้วางเพื่อความว่าง เป็นผู้สิ้นการยึดเกาะเพื่อความหลุดพ้น ถ้ายังยึดยังจับอยู่มันก็ไม่หลุดไม่พ้น เราเกาะราวบันใดชั้นล่างไว้อย่างเหนียวแน่นแล้วจะก้าวขึ้นสู่บันใดชั้นบนได้อย่างไร จำเป็นต้องปล่อยมือที่เกาะเสียก่อน สรุปคุณของพระสงค์โดยย่อก็มีเพียงนี้ มีคุณตอนที่เป็นตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติ เป็นพระธรรมทูต คือตัวแทนในการแพร่พระศาสนา เพราะตัวการดับขันธ์ปรินิพพานนานมาแล้ว พิจารณาแล้วไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับองค์พระเครื่องแต่อย่างใด ในด้านพระสังฆคุณ ยิ่งกว่านั้นหากใช้พิจารณาญาณกันอย่างถ่องแท้แล้ว เราที่แขวนพระเครื่องนี่แหละ ห่างไกลจากพระอริยสงฆ์จนสุดกู่สุดโลกทีเดียวคือหลักความจริงนั้นท่านสอนให้ละ แต่เรายึด อันเป็นทางกลับตรงกันข้าม ท่านสอนไม่ให้สะสม เรายิ่งสะสมมาก ท่านสอนไม่ให้โกรธ เราละไม่ได้ ไม่ฟัง จงเข้าใจให้ดีว่า เราเข้าใกล้เพียงพระสมมุต อุเทสิกะเจดีย์หรือรากฝอยเท่านั้นเอง กล่าวมาถึงเพียงนี้แล้วก็ยังจับใจความไม่ได้ว่า ที่เข้าใจกันว่าเป็นเพราะอำนาจพระพุทธคุณจึงทำให้พระเครื่องเกิดความศักดิ์สิทธิ์นั้น น่าจะเป็นอะไรแน่ สำหรับเรื่องนี้ต้องแยกศาสตร์ออกไปอีก ไม่เกี่ยวกับแว่นเสียแล้ว และออกจะยากขึ้นทุกที จำต้องทราบถึงกำเนิดและพิธีกรรมในการบรรจุพลังจิตซึ่งแยกแยะออกไปโดยอาการแตกต่างลักษณะกัน ยกตัวอย่างเช่น การปลุกเสกพระเครื่องหรือพุทธาภิเษกพระเครื่องโดยการรวบรวมพระคณาจารย์แบบมวยหมู่ มีการอัญเชิญครูบาธิยาย อัญเชิญเทพย์เบื้องบนมาช่วยเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิวัตถุ เช่นนี้ นับเป็นวัตถุเทพาธิคุณ คือมีเทพสิง (จิตของพระคณาจารย์ผนวกกับพลังจิตเทพย์) จะเรียกว่ากฤตยาคม ก็ได้ มวยเดี่ยว คือมีการปลุกเสกเครื่องรางของขลังโดยพระอาจารย์ แต่ใช้วิธีปลุกเสกด้วยคาถาอาคม ก่อนเสกมักเรียกครูช่วย ก็นับเป็นกฤตยาคมเช่นกัน ผิดกับมวยหมู่เล็กน้อย และสิ่งที่สิงอยู่นั้นเป็นจิตของพระอาจารย์เองนับเป็นจิตตาธิคุณ มายเดี่ยวอีกชนิดหนึ่ง คือไม่นิยมเรียกว่าปลุกเสก อย่างเกรงใจก็บ่ายเบี่ยงเป็น กรุณาแผ่เมตตาหรืออธิษฐานจิต ความจริงการแผ่เมตตานั้น มันจะเหนียวคงได้อย่างไรกัน ประเภทนี้พระอาจารย์ย่อมเป็นฝ่ายวิปัสสนาธุระ ไม่นิยมคาถาอาคม หลีกเลี่ยงคำว่า ศีลลัทพรตปรามาส และดิรัจฉานวิชา (คือวิชาที่ขวางกั้นหนทางพระนิพพาน) ได้แก่พระคุณเจ้าธัมมะวิตตักโก ท่านใช้วิธีอธิษฐานจิตให้เท่านั้น และซ้ำหันหลังให้เสียด้วย มิใช้วิธีการเพ่งหรือเพียรเพ่ง นอกนั้นคงได้แก่พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์เกษม เขมโก การเรียกว่าอธิษฐานจิตนี้ เป็นธรรมเนียมสืบมาแต่ครั้งสมัยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระอุปปัชฌายะ ยังดำรงชนมายุอยู่ เวลาผู้ที่จะไปขอรูปไหว้ 5 ครั้ง ท่านจะนำรูปถ่ายเล็กออกมาจากย่าม และลงให้สดๆ ไม่มีพิธีกรรมฤกษ์ยามใดๆ ลงเสร็จเป่าพรวดเดียวก็ยื่นให้ แบบอาจารย์เกษม เขมโก หยิบก้านธูปมาเป่าพรวดเดียวเช่นกันเวลาที่ผู้เขียนต้องการให้ท่านกรุณาลงของ ก็จะต้องพูดให้ถูกว่า ขอได้โปรดกรุณาอธิษฐานจิตให้กระผม ขืนไปพูดปลุกเสก เป็นอันว่าไปนั่งฟังท่านเทศนาเถอะ เช่นนี้เขาเรียกว่า ธรรมสิง คือจิตล้วน และสูงสุด นอกจากเทพสิงและธรรมสิงแล้วยังมีปีศาจสิง คือการสร้างพระในขณะที่บาทฤกษ์แตก พิธีกรรมบกพร่อง เป็นเหตุให้โอปปาติกะชั้นต่ำเข้าแทรก เช่นพระพุทธรูปประหลาดเชียงแสนสิงห์หนึ่ง วัดวังหมู หรืออาถรรพเวทบางชนิดเช่นปลัดขิก อีเป๋อ อาจเป็นปีศาจฝ่ายสัมมาทิฐิโดยการกำกับด้วยจิตของพระอาจารย์ พิจารณาดูให้ดี คุณพระอะไรจะอยู่ในของลักษณะเช่นนั้น และลักษณะผู้หญิงนั่งแหกขา ยิ่งไปนึกว่าเป็นพุทธคุณยิ่งไปกันใหญ่ พระเครื่อง นางกวัก เขี้ยวเสือ แกะจากกระดูกสัตว์เดียรรัจฉาน เทพไม่ยอมสิง พระก็ไม่ยอมสิง กายทิพย์ภายนั้นเป็นลักษณะของเจ้าของกระดูกนั้นเอง เมื่อแยกแยะออกเช่นนี้ ก็ไม่ทราบจะเรียกอิทธิวัตถุนั้นว่าอะไรดี แต่คนทางตำบลบางวัวซึ่งนิยมเล่นพระ เรียกกันว่า องค์คุณ ซึ่งผู้เขียนก็ชอบใจและไม่กล่าวคัดค้าน แต่ท่านจะเรียกอะไรก็เรียกเถิด ล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เพียงผู้เขียนสะกิดว่า ไม่ใช่พุทธคุณ อะไรหรอก แม้แต่ภิกษุสงฆ์ที่เสกของให้เราก็ไม่นับว่าสังฆคุณ เพราะสังฆคุณเป็นคำเรียกรวมของพระอริยสงฆ์ เมื่อเราจะใช้ของเจ้าพระคุณสมเด็จโต พรหมรังสี ก็ระลึกถึงท่าน จะไประลึกถึงคนอื่นให้นอกคอกไปใย จะใช้พระของพระคุณเจ้าธัมมะวิตตักโก ภิกขุ ก็ระลึกถึงท่าน เป็นการเจาะจงเฉพาะราย นั้นแหละเป็นการถูกต้อง และท่านทั้งสองก็มิได้เป็นพระพุทธเจ้า เพียงแต่เป็นพระสาวกที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบควรแก่การเคารพของชาวเราอย่างบริสุทธิ์ใจ
<O</O
<O</O
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O</O
(เป็นความเชื่อ

 

พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง (ตอนที่ 7)<O</O​

<O</O

อย่าประมาทของดีก็มีการเสี่อมตามสภาวธรรม<O</O​

ผู้เขียนจะกล่าวอีกศาสตร์หนึ่ง เพราะเห็นว่ายังไม่เข้าใจกัน อย่าว่าผู้เขียนอวดรู้เลย เพียงเป็นวิทยาทานเท่านั้น ผู้เขียนต้องใช้สมองความคิดเหนื่อยกายเหนื่อยใจมิใช่น้อย มิได้นั่งคัดตำรา กล่าวออกมาด้วยประสบการณ์และใจจริงเท่านั้น หากไม่เป็นที่พอใจจะไม่เชื่อก็ได้ ผู้เขียนไม่โต้แย้งคัดค้านไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น
<O</O
ธรรมชาติในโลกย่อมมีการเสื่อมสิ้นไปตามสภาวธรรมทุกรูปทุกนาม ทั้งสิ่งที่มีวิญญาณครองและสิ่งปราศจากวิญญาณครอง จะสังเกตดูตัวเองนับวันจะแก่ชราหูตามัว ผมเผ้าหงอกขาว เนื้อหนังหดเหี่ยว หูตาก็ขาดความว่องไว เหลียวมองดูบ้านเรือนมันก็ทรุดโทรมปักหลักพัง เพราความทนอยู่มิได้ นี่คือทุกข์อริยสัจ พุทธองค์ก็บอกว่า มันเสื่อม ทนอยู่ไม่ได้ดอก สิ่งที่เป็นพลังงานก็เสื่อม หม้อแบตเตอรี่ใช้นานวันเข้าก็ต้องอัดใหม่ จิตก็เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง เหตุไฉนจักไม่มีการเสื่อม เพียงแต่เสื่อมช้าหรือเร็วเท่านั้น พระเครื่องบางองค์เปิดออกจากกรุที่บรรจุไว้เป็นเวลานานเสื่อมซึ่งอำนาจแห่งกฤตยาคมก็มี และบางองค์ที่ยังไม่เสื่อมก็มี เพราะอย่างไรพระเครื่องก็มิได้นับเป็นอมตะธรรม เกิดได้ก็ดับได้เป็นของคู่กัน อย่าไปคิดในแง่มิจฉาทิฐิว่า ชื่อว่าเป็นทองคำแล้วไม่มีการเสื่อม ไม่เชื่อทอลองดูก็ได้ ไปซื้อสร้อยทองคำมาเส้นหนึ่ง พอรุ่งขึ้นนำไปขาย ราคาจะเสื่อมลงทันที โดยถูกหักค่ากำเหน็จ เรียกว่าพอออกจากร้านก็ใช้ได้ ทีนี้ใช้ไปนานๆลองไปชั่งดูใหม่ว่าน้ำหนักมันจะคงที่หรือเปล่า หากจะเปรียบกันพริกมูลหนู กล่าวว่าแม้จะหล่นลงในส้วมนำมาล้างน้ำก็ยังคงมีรสเผ็ดร้อนเช่นเดิม ทำไมเอาพริกมูลหนูหรือทองคำไปอุปมาอุปมัยกับพระเครื่อง เราก็วิ่งเป็น รถยนต์ก็วิ่งเป็น ลองวิ่งแข่งกันดูสัก <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com50 กิโลเมตร</st1:metricconverter> รถยนต์ลิ้นไม่ห้อย แต่กลัวว่าเราจะหัวใจวายเสียก่อน เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้อง

<O</O
<O</O
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O</O
(เป็นความเชื่อ

 

จากกระทู้ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง


วันนี้ เวลา 13.24 น. ผมได้โอนเงินที่คุณพันวฤทธิ์ ได้ทำบุญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง จำนวนเงิน 550 บาท

และคุณพุทธันดร ได้ทำบุญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง จำนวนเงิน 500 บาท

เข้าบัญชีของ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญบ่อเงินบ่อทอง ปริยัติศึกษา บัญชีออมทรัพย์ 203-0-06304-5 ชื่อบัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาพนมสารคาม เรียบร้อยแล้ว




ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

.

 

วันนี้ ผมได้Fwd Mail จากเพื่อนคนหนึ่ง ผมอ่านดูแล้วก็อยากให้ได้อ่านกันครับ

อีกมุมมองหนึ่ง
<O</O
กลับดึก
<O</O
วันแรกที่เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผมพบเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่งเมื่อรุ่นพี่บางคนบอกว่า
"การอดนอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนในคณะนี้"
วันสุดท้ายในคณะนี้ ผมพบว่าตั้งแต่เรียนมาห้าปี ไม่เคยต้องอดนอนเลย
ยกเว้นเมื่อต้องทำงานกลุ่ม
ทั้งนี้มิใช่เพราะผมทำงานเร็วกว่าคนอื่น แต่เพราะผมไม่เชื่อในทัศนคตินั้น
จึงพยายามพิสูจน์ว่ามันไม่จริง และพบว่า การวางแผนที่ดีแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
แม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะ
ที่น่าขันก็คือ น้อยคนที่อดนอนได้คะแนนดี<O</O
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานร่วมสามสิบปี ห้าปีในนั้นผมทำงานในต่างประเทศ
เมื่อกลับมาเมืองไทย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง<O</O
นั่นคือหลายคนมองการก้าวเท้าออกจากสำนักงานตรงเวลาเป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก
(มิพักเอ่ยถึงการออกก่อนเวลาเมื่องานเสร็จแล้ว)<O</O
ผมรู้ความจริงภายหลังว่า คนจำนวนมากไม่ยอมออกจากสำนักงานตรงเวลา
เพื่อแสดงให้เจ้านายเห็นว่า ตนเองขยันขันแข็ง ยิ่งอยู่ดึก
ยิ่งเป็นพนักงานตัวอย่าง เสียสละเพื่อองค์กร
น่ายกย่องชมเชย
บ่อยครั้งมีผลถึงการได้รับโบนัสตอนท้ายปี
เนื่องจากเจ้านายมักเห็นหน้าเห็นตาใครคนนั้นหลังเวลา เลิก
งานแล้วเสมอ<O</O
หากไม่เคยทำงานในต่างประเทศมาก่อน ผมอาจเข้าร่วมวงไพบูลย์ "กลับดึก" ด้วย
แต่หลายปีในชีวิตการทำงานในประเทศที่มีประสิทธิภาพใน การจัดการที่สุด
ทำให้เห็นค่าเวลาทุกนาทีในชีวิต
ผมกลับมองว่าคนที่อยู่ดึกเป็นประจำคือพวกไร้ประสิทธิ ภาพ
ไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลา
จึงต้องอยู่ดึก ยิ่งทำงานมากชั่วโมงยิ่งแสดงถึงการทำงานโดยไม่มีการวางแผน
ไม่มองภาพรวม<O</O
ลองคิดดู การอยู่ดึกเพื่อทำงานพิเศษหนึ่งคืนหมายถึงค่าไฟฟ้าที ่เพิ่มขึ้น
เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น ค่าทะนุบำรุงสูงขึ้น
ผลกระทบต่อคนทำงานคือพักผ่อนน้อยกว่าที่ควรเป็น
ยิ่งอยู่ดึก ประสิทธิภาพของงานในวันถัดไปยิ่งตกต่ำลง<O</O
มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดินมองท่วงทีของศัตรูอย่างระวัง
ตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียวก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม
มือกระบี่ชั้นรองต้องประกระบี่ดังโคร้งเคล้งนานนับชั่วโมง
ราวกับอยากบอกโลกว่า ข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย
โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น ต้องเสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวัน<O</O
งานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรงเวลาด้วย งานดีไม่มีทางเกิดขึ้นตามยถากรรม
หรืออารมณ์ขึ้นลง ไปจนถึงความหนาแน่นรัดกุมของกฎเกณฑ์ "ตอกบัตร"
ปริมาณเวลาในการทำงานชิ้นหนึ่งไม่ได้เป็นสัดส่วนกับคุณภาพของผลงานเสมอไป
บ่อยครั้งเป็นปฏิภาคกัน
หลายครั้งงานที่ให้เวลาน้อย กลับออกมาดีกว่างานที่ให้เวลามาก
คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง
ทำงานเสร็จแล้วก็เลิก ไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิมานมารับรู้
เพราะถึงเวลานั้นเทวดาก็กลับบ้านไปแล้ว


.

 

พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง (ตอนที่ 8)<O</O​

<O</O

ข้อพิสูจน์เปรียบเทียบและทดสอบ<O</O​

1. ถ้าเราประพฤติผิดศีลข้อกาเม ชอบเป็นชู้กับเมียเขา หากแขวนสร้อยคอทองคำไปเล่นชู้ย่อมไปกลับกลายเป็นตะกั่วไปได้ แถมพกพริกมูลหนูไปนอนเคี้ยวเล่นมันก็คงมีรสเผ็ดอย่างพริก แต่คุณพระที่ใช้เล่าก็มีรูปอย่างเดิม แต่กายทิพย์อันเป็นนามได้ตายไปเสียแล้ว กลายเป็นวัตถุธาตุธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น ครูอาจารย์มักจะถือสาอย่างที่สุด จะกำชับนักหนาด้วยความเป็นห่วงศิษย์ ถ้าอาจารย์คนใดคุยว่าขึ้นชื่อว่าของดีแล้ว จะเล่นชู้ด่าแม่เขา ก็ไม่เป็นไร อาจารย์เช่นนั้นโปรดอย่าได้นับถือเป็นครูโดยเด็ดขาด เพียงฟังดูก็ไม่สอนในด้านศีลธรรมเสียแล้ว กลับสอนวิชามารให้คนเห่อเหิม และต้องวิบัติในผลสุดท้าย ตัวอย่างที่ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ได้รับเขี้ยวเสือแกะของหลวงปู่ปานวัดบนคลองด่าน ตกทอดมาจากบรรพบุรุธ เป็นของที่เคยผ่านประสบการณ์มาหลายครั้งแล้ว บุรุษผู้นี้มิได้อยู่ในศีลธรรมสมกับเป็นชาวพุทธ ชอบเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่นและถูกแทงตายขณะที่มีเขี้ยวเสือพกติดอยู่กับตัว และมีรายอื่นๆอีกมาก อันหลวงปู่ปาน วัดบนคลองด่านนั้น ยังมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสร้างพระขี่สัตว์เช่นเดียวกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งความจริงท่านไม่เคยสร้างพระเครื่องชนิดดังกล่าว ขณะที่ผู้เขียน เขียนเรื่องนี้ อยู่ห่างจากวัดเพียงไม่กี่เส้น ย่อมต้องทราบดี โปรดเข้าใจเสียใหม่
<O</O
2. ปากพล่อยขาดการสำรวม ชอบสรรเสริญคุณมารดาเป็นเนืองนิตย์ พูดคำหนึ่งก็สรรเสริญคุณมารดาคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าไปรับการอบรมมาจากที่ใด บุคคลชนิดนี้หากสรวมแหวนทองคำอยู่ในนิ้วมือก็ไม้เคยเห็นว่าจะกลายเป็นเงินหรือดีบุกไปได้ เพระมันเป็นเรื่องของโลหะธาตุ สักวันหนึ่งเถิดคุณแม่นั้นคงช่วยให้หัวพังจนได้พบเห็นมามากแล้ว และเลิกใช้พระได้ถ้ายังไม่เลิกประพฤติตัวเช่นนั้น และอย่าไปเช่าพระของบุคคลจำพวกนั้นท่านจะได้ซากเท่านั้น
<O</O
3. ประพฤติชั่วเป็นอาจิณ ไม่เคยปฏิบัติศีลห้าเลย มักประมาทเลินเล่อสรวมพระเครื่องหลับนอนกับสตรีเพศ อิทธิวัตถุนั้นจะค่อย ๆ เสื่อมสลายตัวเร็วผิดปกติ ถ้าเป็นพระเครื่องประเภทคงกระพันจะสลายตัวเร็วมาก บางครั้งอาจถึงหักกระเด็นทีเดียวถ้าดีจริง ส่วนพระเครื่องผงให้ระวังพระคลองตะเคียน
<O</O
4. จากการถูกคัดถอนด้วยวิทยาคม เพื่อปราบผู้มีของดี เมื่อบรรจุเข้าได้ก็เรียกออกได้อย่าประมาท เพราะมันเป็นของคู่กัน
<O</O
5. ปิดกั้นอิทธิวัตถุ บีบคั้นจำกัดรังสีแห่งกฤตยาคม เป็นเรื่องที่ผู้เขียนรำพึงรำพรรณและห่วงใยมาก เพราะเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก แม้แต่ผู้ประพฤติทางจิตบางท่านยังไม่เข้าใจ และผู้เขียนกล้าเถียงซึ่งหน้าทำให้อ้ำอึ้งไปเหมือนกัน โดยการเข้าใจว่าไม่มีอะไรมากางกั้นกระแสจิตได้ ถูกอยู่เวลาที่เรานั่งเดินฌานต่อให้ภูเขา กำแพงตึกขวางกั้น ไม่สามารถปิดกั้นจิตได้จริง แต่ว่าการบรรจุพลังจิตลงสู่อิทธิวัตถุนั้น แปรเปลี่ยนสภาพเป็นมุมกลับเสียแล้ว จะเกิดประสิทธิภาพต่อเมื่อมีสิ่งกระตุ้นเตือน จากการอธิษฐาน อาราธนา เปรียบเสมือนการเปิดเทป เปิดสวิตไฟฟ้า ลำพังตัวท่านเองตกน้ำก็จม เผาไฟก็ไหม้ เอาค้อนทุบก็หัก แต่พอเราใช้ถูกวิธีจากการสัมผัสของจิต ก็บังเกิดประสิทธิภาพขึ้นทันใด แต่ปัจจุบันนี้แย่เสียแล้วเพราะมั่นกลายเป็นวัตถุนิยมเสียแทบทั้งหมด จากการวิวัฒนาการแห่งยุคพลาสติค พวกเราก็นำมาสกัดกั้นรังสีของท่านเสียหมด แล้วจะไปใช้ท่านทำไม นอกจากมีไว้อวดกันเล่นโก้ ๆ เท่านั้นเอง ยกตัวอย่างสายไฟฟ้าที่ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงนั้นเวลาเปิดสวิตไฟเดินแล้ว ใครกล้าจับต้องบ้าง แต่เพียงห่อหุ้มด้วยยางแล้วเราจับสายเสียปลั๊กพัดลม ตู้เย็น เตารีดไฟฟ้า ไม่เห็นว่ามันมีพิษสงอะไรเกิดขึ้น สิ่งกางกั้นเช่นนี้เขาเรียกว่า ฉนวน สมาคมค้นคว้าทางวิญญาณแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ได้สร้างโลงแก้วใบใหญ่แล้วนำคนเจ็บใกล้จะตายใส่ในโลงแก้วเพื่อจะจับตัววิญญาณ เล่าว่าวิญญาณ ( ซึ่งไม่น่าจะมีรูป ) ออกทางจมูกเป็นแสงเรืองเขียวแกมเหลือง ลอยวนเวียนหาทางออกมิได้ กลับเข้าไปในร่างของคนเจ็บอีก คนเจ็บก็ฟื้นคืนสติ เข้า ๆ ออก ๆ อยู่ประมาณ 15 นาที จึงระเบิดโลงแก้วออกมาได้ นับว่าเป็นการออกชนิดยากเย็น ผู้เขียนใคร่จะยกอุธาหรณ์ประกอบพอสังเขป

<O</O
<O</O
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O</O
(เป็นความเชื่อ

 

สำหรับกระทู้ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง
คุณนักเดินทางยังไม่ปิดกระทู้นะครับ ยังคงรอความเมตตา รอรับบริจาคการสร้างกุฎิและรอรับบริจาคค่าน้ำค่าไฟวัดบ่อเงินบ่อทองอยู่นะครับ

เรื่องของการสร้างกุฎิดินนั้น ผมเองไม่แนใจว่าอุปกรณ์การก่อสร้างที่เป็นโครงและหลังคาของกุฎิ ราคาจะขึ้นไปหรือเปล่า จึงยังคงรอรับบริจาคอีก แต่ถ้าเงินที่ได้นั้นเหลือจากการสร้างกุฎิดิน ก็จะนำไปเป็นค่าน้ำ - ค่าไฟของวัดครับ

ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ
<!-- / message --><!-- sig -->