พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ขอให้คุณนักเดินทางและคุณKhomeraya เดินทางไป-กลับโดยปลอดภัย และไม่ว่าจะทำอะไรขอให้ไม่มีอุปสรรค ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนระหว่างการปฎิบัติธรรมครับ

.
<!-- / message --><!-- sig -->

 

สำหรับคำถามนี้ มีผู้ตอบเพียง 3 ท่าน คือ
1.คุณkhomeraya
2.คุณlittlelucky
3.คุณพรหมประกาศิต<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_330025", true); </SCRIPT>

<TABLE class=tborder id=post328997 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">27-09-2006, 10:30 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #1505 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>khomeraya<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_328997", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:39 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 869 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 9,248
Thanked 6,615 Times in 790 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 758


</TD><TD class=alt1 id=td_post_328997><!-- message -->พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง เพราะเหตุที่ว่าพระเครื่องนั้นเป็นเพียงสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า อุเทสิกะเจดีย์ ความข้อนี้เห็นทีเมื่อพิจารณาถึงพระพุทธรูป ก็เป็นที่น่าคิดว่ามีพระพุทธคุณอยู่หรือเปล่า ซึ่งผมเห็นว่าไม่มี และความเห็นเช่นนี้มิได้มีเจตนาลบหลู่พระพุทธคุณแต่อย่างใด แต่เกิดการใช้ความคิดพินิจพิจารณา

การที่พระพุทธรูปองค์หนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ น่าจะเกิดจากองค์เทพเทวดาที่มีหน้าที่ปกปักรักษาพระพุทธรูปนั้น สำแดงปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะบางครั้งการจะโน้มน้าวจิตใจคนเรานั้น ก็ต้องแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเสียบ้าง ทำให้คนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือเพื่อปกป้องพระพุทธรูปให้พ้นจากภัยพาล และเมื่อคนๆนั้นศึกษายิ่งขึ้นไป ก็จะทำให้พบว่า มีฤทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่ถึงขั้นวิมุตติ คือหลุดพ้น ตรงกันข้ามหลงฤทธิ์ ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร หรือทำให้เข้าใจถ่องแท้ว่า เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีดับ หากพระพุทธรูปองค์หนึ่งต้องแตกสลายสูญหายโดยไม่สามารถเยียวยาหรือหากลับมาได้ นั่นก็เป็นไปตามหลักธรรมชาติ คือ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน

อาจกล่าวได้ว่าพระพุทธรูปก็ดี พระเครื่องก็ดี ไม่มีพระพุทธคุณ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้คนรำลึกถึงพระพุทธคุณ เพราะอะไร เพราะคนสมัยนี้ไม่เคยพบพระพุทธเจ้า หรืออาจเคยพบเมื่อในอดีตชาติ แต่ไม่สามารถระลึกชาติได้ ก็ต้องทำสิ่งที่เป็นรูปสมมติขึ้น ก็คือพระพุทธรูป และพระเครื่อง ในทางพระ ก็ต้องเรียกว่า ถือว่าเป็นกรรมฐานกองหนึ่ง คือ พุทธานุสสติกรรมฐาน เพราะหากจะให้นั่งหลับตานึกถึงพระพุทธคุณ ซึ่งก็คือ พระบริสุทธิคุณ พระมหาปัญญาธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ อาจจะทำได้ยากยิ่งกว่ากำหนดจิตให้จับภาพพระพุทธรูปหรือพระเครื่องที่เราชอบ

เมื่อตะกี้ได้บอกไปแล้วว่า การที่พระพุทธรูปองค์หนึ่งแสดงปาฏิหาริย์นั้น เป็นเพราะเทพยดาที่ปกปักรักษา คราวนี้มาถึงพระเครื่องบ้าง การที่พระเครื่องแสดงปาฏิหาริย์นั้น ผมเข้าใจว่า (ผมเข้าใจของผมคนเดียว ซึ่งอาจจะผิดหรือถูก) ว่าเป็นเพราะ

1 มีเทวดารักษาอยู่
2 การบรรจุพลังจิตของผู้ปลุกเสก

ข้อหนึ่งที่ว่ามีเทวดารักษาอยู่ ก็คงเหมือนกับพระพุทธรูปองค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ พูดมาถึงตรงนี้ทำให้ได้ผลวิเคราะห์อย่างหนึ่งว่า เคยได้ยินไหมว่ามีโจรขโมยลักพระพุทธรูปไป แล้วมีอันเป็นไป ล้มหายตายจาก เราเคยได้ยินข่าวบ่อยๆ ซึ่งตรงนี้เราลองนึกดูว่า พระพุทธองค์นั้น พระองค์ทรงเปี่ยมพระเมตตาเป็นยิ่งนัก แม้พระเทวทัตจะคิดปองร้ายพระองค์ พระองค์ก็ไม่ถือโทษโกรธเคือง เพราะจิตของพระองค์ปราศจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย ผลสุดท้ายพระแม่ธรณีทนไม่ไหว สูบพระเทวทัตลงอเวจีก็ในเมื่อพระพุทธองค์ไม่ได้ถือโทษโกรธพระเทวทัต แล้วพระพุทธคุณจะมาทำร้ายคนที่ลักพระพุทธรูปซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมุติได้อย่างไรเล่า จริงไหมครับ

ส่วนข้อ 2 นั้นก็คือ จิตของผู้ปลุกเสกหากมีความสะอาดมาก ก็ย่อมมีพลังมาก เมื่อบรรจุพลังจิตเข้าไปในวัตถุใด อย่าว่าแต่พระเครื่องเลย แม้แต่เหรียญ ชานหมาก (เอ้อ ชานหมากมีพระพุทธคุณไหม น่าคิดน่ะ อิอิ) ก็ทำให้มีพลังจิตคอยปกปักรักษาผู้ที่เลื่อมใสได้

เอาละก็จบดื้อๆอย่างนี้นะครับ ไปดูชิงร้อยชิงล้านดีกว่า ชอบมั่กๆ อิอิ อ้อ แล้วคุณ Sithiphong ครับ ผมตอบเกินสิบบรรทัดขึ้นไปเนี่ย ได้พระสองหรือสามองค์นะครับ
<!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE class=tborder id=post329380 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">เมื่อวานนี้, 10:34 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #1512 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>khomeraya<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_329380", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:39 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 869 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 9,248
Thanked 6,615 Times in 790 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 758


</TD><TD class=alt1 id=td_post_329380><!-- message -->จากคำถามที่ว่า พุทธคุณไม่มีในพระเครื่อง

ก็ทำให้ผมสงสัยว่า แล้วพุทธคุณอยู่ที่ไหน

ผมก็มีความเห็นส่วนตัวว่า พุทธคุณไม่ได้อยู่ที่ไหนทั้งนั้น หากแต่เป็นสิ่งวิเศษที่อยู่กับพระพุทธองค์ เพราะเป็นพระพุทธองค์จึงทรงไว้ซึ่งพระพุทธคุณ

พระอรหันต์มีพระพุทธคุณมั้ย ผมเห็นว่าไม่มี แต่มีพระสังฆคุณ

พระธรรมคุณล่ะ ยิ่งไม่อยู่กับใครคนใดคนหนึ่งทั้งนั้น แต่เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา มีอยู่แล้วนานแสนนานเป็นอสงไขย ก่อนกำเนิดสมเด็จองค์ปฐม ผู้ที่ค้นพบก็คือสมเด็จองค์ปฐม และพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์

เมื่อพระพุทธคุณเป็นสิ่งที่อยู่กับพระพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วจะมีในวัตถุมงคลได้อย่างไร หากจะกล่าวว่าวัตถุมงคลเป็นสื่อ หรือเป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณน่าจะถูกต้องกว่า

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
</TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: สวัสดีครับ พี่ Sithiphong</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal"><!-- status icon and date --> วันนี้, 06:01 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>littlelucky<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:22 AM
วันที่สมัคร: Oct 2005
ข้อความ: 75 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 2,317
Thanked 296 Times in 51 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 49


</TD><TD class=alt1 id=td_post_><!-- icon and title --> สวัสดีครับ พี่ Sithiphong
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ทำไมพุทธคุณจึงไม่มีในองค์พระเครื่อง


เพราะพุทธคุณเป็นนามธรรมอันละเอียดอ่อน ไม่สามารถมองเห็น
ด้วยจักขุมังสา ทุกวันนี้เราพิจารณากันในด้านรูปธรรม ในวงการพระเครื่องกล่าวปฏิเสธไม่ยอมเชื่อ
ทางใน คือไม่รับนับถือคำสอนของพระพุทธเจ้าในวิชาอภิธรรมอันเป็นรากแก้วของพระศาสนา กลับ
ไปคุ้ยเอารากฝอยมาเป็นสรณะ จะยอมรับก็ต่อเมื่อผ่านประสบการณ์มาแล้ว เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยัน
มิใช่กล่าวขึ้นลอย ๆ นับว่าเป็นการดีสมกับเหตุผลและก็มีของดีในทำนองของจริงนิ่งเป็นใบ้อยู่ไม่
น้อยที่ถูกละเลยหรือมิได้ผ่านประสบการณ์

ปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่มีการยุติของการนิยมพระเครื่องก็คือ ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า

 

เสียดาย มาช้าไปครับ แต่ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ

ผมมีว่าพระเครื่องนั้นมีอานุภาพในด้านต่างๆตามแต่ผู้สร้างต้องการ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ

ผมเคยได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า เวลาจะเลือกบูชาพระเครื่องให้ดูหลักๆคือ
1. เจตนา
2. มวลสาร
3. พิธี

ความคิดส่วนตัวของผมที่ว่าพระเครื่องมีฤทธานุภาพ มีได้หลายปัจจัย ท่านที่ฝึกปฏิบัติมาคงยอมรับกันว่าแรงอธิษฐานนั้นอาจก่อให้เกิดสิ่งที่เราตั้งใจปารถนาไว้ได้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง อีกประการคือวิชาอาคมนั้น แม้จะไม่ใช่ทางที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่อง อีกทั้งมีความเสื่อมได้ตามกฏของไตรลักษณ์ แต่ก็คงต้องยอมรับว่ามีอยู่จริง และมีมานานแล้ว นี่ยังไม่รวมถึงอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทีทำหน้าที่ปกป้องดูแลพระศาสนาซึ่งอาจดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา มีศีลธรรมอันดี ได้รับสิ่งอันเป็นมงคลตามประสงค์

มาถึงเรืองพุทธคุณ ผมมีความคิดแตกต่างนิดหนึ่งครับ คือ พุทธคุณมิได้มีเฉพาะในพระเครื่อง แต่มีอยู่ในชีวิตและจิตใจของเราตลอดเวลา แต่คำว่าพุทธคุณนี้ไม่ใช่ความหมายเดียวกันกับที่นัก"เล่น"พระบัญญัติไว้ครับ

 

โดยหลักๆ ของพระพิมพ์ที่ควรมีไว้บูชาหรือไว้ห้อยคอ นอกจากเจตนาผู้สร้าง ,มวลสาร ,และพิธีแล้ว ยังมีอีกสองเรื่องคือเรื่องของฤกษ์ในการกดพระพิมพ์ ต้องหาฤกษ์ยามในการกดพระพิมพ์ให้ดี ไม่ให้โดนฤกษ์ดอกลูกพิษ หากกดพระพิมพ์ตอนฤกษ์ดอกลูกพิษแล้ว ไม่ว่าพระอริยสงฆ์องค์ไหนๆก็ไม่สามารถเสกเข้าได้ และอีกประการหนึ่งซึ่งสำคัญมากๆก็คือผู้เสก (พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นนั้น ถ้ามีการเสกหลายๆครั้ง ไม่ใช่ว่าจะดีนะครับ หากผู้เสกพระพิมพ์ในครั้งแรกท่านเป็นพระอรหันต์ปฎิสัมภิทาญาณแล้ว หากมีการเสกในครั้งต่อไป เสกอย่างไรก็เสกไม่เข้า แต่หากว่าผู้เสกพระพิมพ์ในครั้งแรก ท่านได้ฌาณหรือญาณ แต่ผู้เสกพระพิมพ์องค์ต่อมาเป็นพระอรหันต์ การเสกครั้งต่อมา ผู้เสกสามารถเสกซ้ำได้อีก โดยพลังอิทธิคุณของผู้เสกองค์แรกก็ยังอยู่ แต่พลังอิทธิคุณของผู้เสกองค์หลังจะแสดงฤทธ์ขึ้นมาก่อนและเป็นพลังที่ช่วยเหลือผู้ที่ห้อยพระพิมพ์) เท่าที่ผมศึกษาพระราชพิธีหลวงของวังหน้าแล้ว การสร้างพระนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ ครับ


.<O</O

 

"กำจัด หวัดตัวร้าย"

จากหน้าร้อนย่างเข้าสู่หน้าฝน หลายคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง
ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย ขาดการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
อาจจะถูกหวัดเล่นงานจนงอมได้ง่าย

วันนี้เรามี สารพัดสมุนไพร มากำจัด เจ้าหวัดตัวร้าย!!
เริ่มจาก

กระเทียม ที่สามารถกินกันสด ๆ ได้เลย
แต่ถ้าไม่ถนัดก็ลองปอกกระเทียม สัก 2 ขีด บดให้ละเอียด
ใส่ในโหลปากกว้างแล้วเติมน้ำมันมะกอกให้เต็ม
ปิดปากโหลให้สนิท นำโหลไปตากแดดไว้สัก 3 วัน เขย่าบ่อย ๆ
ทุกวัน แล้วกรองเอาแต่น้ำมัน กินครั้งละ 1 ช้อนชา
ทุกชั่วโมงเพื่อแก้หวัด

มะขามป้อม ลองเคี้ยวมะขามป้อมกับเกลือนิดหน่อย
หรือนำไปหมกหรือย่างไฟก่อนเคี้ยว
กลืนทีละน้อยหรือผสมน้ำมะขามป้อมกับน้ำผึ้งอย่างละ 1
ส่วนเข้าด้วยกัน กินครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 2-3 ครั้ง
นอกจากช่วยแก้ไอแล้ว
มะขามป้อมยังมีวิตามินซีสูงกว่าส้มหรือฝรั่งด้วยนะ


"วิธีอื่นๆ"

แต่ถ้าใคร เจ็บคอ ก็ลองกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ วันละ
2-3 ครั้ง หรือลองใช้ มะนาว 1 ซีก บีบลงในถ้วยเล็ก ๆ
เติมเกลือป่นลงไป 1 ช้อนชา น้ำสุก 1 ช้อนโต๊ะ
คนให้เข้ากัน แล้วใช้จิบบ่อย ๆ เวลาไอ

ถ้าต้องการ ละลายเสมหะ ซึ่งทำให้แน่นหน้าอก อึดอัด
ลองผสมเกลือให้เข้ากับน้ำมะนาว ไม่ต้องเติมน้ำ แล้วค่อย
ๆ จิบให้น้ำมะนาวไหลผ่านลำคอลงไปช้า ๆ
จะรู้สึกคล่องคอขึ้น

หากนอนไม่หลับเพราะ คัดจมูก ก่อนเข้าให้
หยอดน้ำมันยูคาลิปตัส 2-3 หยดลงในตะเกียงเผาน้ำมันหอม
ไอระเหยของกลิ่นยูคาลิปตัสจะช่วยให้หายใจได้คล่องขึ้น
หรือจะทุบหัวหอมแดงซัก 8-10 หัวพอแตก
หย่อนลงในชามอ่างขนาดย่อมที่บรรจุน้ำร้อนอยู่
หาผ้าเช็ดตัวทำเป็นกระโจมสูดลมหายใจเอาไอระเหยที่ขึ้นมา
จะช่วยทำให้ลมหายใจปลอดโปร่งขึ้น


ที่มา Fwd Mail

 

ผมได้Fwd Mail จากเพื่อน เห็นว่าดีมาก ขอนำมาประชาสัมพันธ์ครับ

รบกวนช่วยเผยแพร่ให้ด้วยครับขอบคุณ (ห้ามลบนะ ถ้าไม่สะดวก กรุณา FWW ต่อไป จะเป็นพระคุณอย่างสูง)
บริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นกุศลสูงสุด
ขณะนี้ สภากาชาดไทย ประสบภาวะวิกฤตโลหิต (ขาดทุกหมู่) ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติประสบภาวะวิกฤต โลหิตขาดทุกหมู่ แพทย์หญิงรัชนี โอเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ - สภากาชาดไทย เปิดเผย ว่า โลหิตสำรองในคลังของศูนย์ฯ มีไม่เพียงพอจ่ายให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เราขาดโลหิตทุกหมู่โดยเฉพาะ หมู่โอ ( O ) ขณะนี้ไม่มีจ่าย จึงขอวิงวอนให้ผู้ที่สุขภาพสมบูรณแข็งแรงหรือผู้ที่บริจาคโลหิตครบ 3เดือนแล้วกลับมา บริจาคโลหิตให้ศูนย์บริการโลหิต แห่งชาติถนนอังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ ซึ่งในวันพฤหัสบดี จะเปิดรับบริจาคโลหิตจนถึงเวลา 19.30 น. สำหรับ วันธรรมดา ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.30 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 12.00 น.และ วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. - 16.00 น. หรือ ติดต่อขอทราบ หน่วยเคลื่อนที่ ที่สามารถไปบริจาคโลหิตได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-252-1637 และ 02-252-6116 สำหรับคุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. อายุขั้นต่ำ 17 ปี และ ไม่เกิน 60 ปี
2. น้ำหนัก ตัว 45กิโลกรัม ขึ้นไป
3. นอนหลับพักผ่อนไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
4. ไม่เป็นโรคประจำตัวหรือโรคติดต่อใด ๆ ทั้งสิ้น
5. ไม่อยู่ในระหว่างรับประทานยาแก้อักเสบ, ยาลดน้ำหนัก, ยารักษาสิว
6. ก่อนบริจาคควรดื่มน้ำมากๆ และ
7. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทยขอขอบคุณแทนผู้ป่วย ที่กำลังรอความหวังจากโลหิตที่ได้รับบริจาคมา ณ ที่นี้
ขอขอบพระคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวนี้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต
โทร 02-256-4300, 02-252-1637, 02-252-6116
ความไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐ

 

งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ
ประจำปี 2549 " 8-11 ธันวาคม 2549 "
ที่ วิทยาลัย จักรพงษ์ภูวนาถ ดินแดง กทม

ขอเชิญชวนทุกท่าน ถ้ามีเวลาไปให้ได้นะครับ
ปีที่แล้ว คนเยอะมาก สถานที่กว้างขวาง
จอดรถก็สะดวก
เป็นงานที่ชุมนุมของนักพลังจิต มากมาย
มีเวที บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ
ความมหัศจรรย์ของจิต, มนุษย์ผู้มีพลังจิต พลังทิพย์
ได้ความรู้และสามารถนำไปฝึกหัดปฏิบัติด้วยตนเอง

ปีนี้ผมคงไปได้วันเดียว คือวันอาทิตย์ ที่ 10 ธ.ค. 49
นัดกับอาจารย์ตาที่ 3 ไว้แล้วครับ
แต่ไม่รู้จะแหวกผู้คนเข้าถึงอาจารย์ไหวไหม
เห็นคุณ midias จะไปช่วยอาจารย์อีกแรง
ก็คงพอบรรเทา เบาบางผู้คนไปได้บ้าง

สำหรับท่านที่ไม่เคยไปงานนี้มาก่อน
อย่าลังเล นะครับ
มีทีเด็ด อยู่ที่ อาจารย์เทพพนม
จะติดต่อสื่อจิต กับมนุษย์ต่างดาว
ให้นำยานมาปรากฏให้เห็นด้วย
และก็ไม่เคยผิดหวัง ได้เห็นกันสมใจครับ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

สงสัยคณะเบิกบานบันเทิงบุญ คงได้ไปด้วยกันนะครับ ว่ายังไงกันครับ

.

 

<TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">http://www.positioningmag.com/magazi....aspx?id=52222

มหัศจรรย์หมายเลข 9
สุกรี แมนชัยนิมิต
Positioning Magazine กันยายน 2549</NEWS_TITLE>
</TD><TD width=10></TD><TD><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle></TD><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="50%"></TD><TD width=10></TD><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#cccccc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle> </TD><TD vAlign=center align=middle></TD><TD vAlign=center align=middle></TD><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=text width="100%"><TBODY><TR><TD>ความมหัศจรรย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่เพียงแต่เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศไทยเท่านั้น สิ่งที่เรียกกันว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่นั้น ก็ชัดเจนอย่างยิ่งบนพื้นที่ทำเลทองแห่งนี้

คำบอกเล่าจากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงคมนาคม และบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ต่างมีเรื่องเล่าขานตรงกันถึงความเชื่อ และความบังเอิญที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึงช่วงก่อสร้าง และแม้กระทั่งเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว

สิ่งมหัศจรรย์ ที่พูดคุยกัน และเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมักภูมิใจบอกเล่าเสมอคือ “มหัศจรรย์หมายเลข 9” เพราะผู้ดูแลรับผิดชอบงานก่อสร้างต่างทึ่งกับเลข 9 ที่เกิดขึ้น

นับตั้งแต่เลขที่มหามงคลสำหรับคนไทย เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยองค์ปัจจุบัน คือรัชกาลที่ 9

เลข 9 ในสนามบินสุวรรณภูมินั้นจากคำบอกเล่าของผู้บริหารบริษัทท่าอากาศยานไทยนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจของผู้ออกแบบอาคารผู้โดยสาร และอาคารเทียบเครื่องบินที่เป็นต่างชาติ คือทีมงานของ เฮลมุท จาห์น สถาปนิกระดับโลก

เริ่มตั้งแต่ระยะระหว่างเสาแต่ละต้นของตัวอาคารผู้โดยสารห่างกัน 9 เมตร โดยเสาหลักหรือเสาไพลอน ที่ค้ำคานหลักรั้น (ซูเปอร์ทรัส) มี 2 ตัวต่อ 1 คาน รวมกันเป็น 1 ชุด ซึ่งเสาสองตัวที่ค้ำคานนี้จะห่างกัน 81 เมตร ที่คำนวณกันว่าเลข 8 เมื่อบวกกับ 1 ก็ได้เลข 9

ในส่วนของชุดเสาที่อยู่ทางทิศตะวันออก จะห่างจากชุดเสาทางด้านทิศตะวันตก 126 เมตร และเช่นกัน 1+2+6 ก็ได้ 9 เช่นกัน

มาที่หลังคาผ้าใยสังเคราะห์ที่ติดตั้งกับอาคารเทียบเครื่องบินมีทั้งหมด 108 ผืน ซึ่งบวกกัน 1+0+8 ก็ได้ 9 หรือหากนำเลข 9 มาหาร จำนวน 108 ก็ได้ผลลัพธ์ลงตัวที่เลข 9 พอดี

นอกจากนี้ในส่วนของทางเลื่อนในอาคารเทียบเครื่องบิน ซึ่งมีทั้งหมด 95 ชุด มีความยาวตั้งแต่ 27 เมตร และ 108 เมตร เลขทั้ง 2 ชุด 2+7 และ 1+0+8 ก็บวกกันได้ 9 เช่นกัน

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ความเร็วของทางเลื่อนในอาคารรวมทั้งทางเลื่อนลาดเอียง ก็มีความเร็ว 45 เมตรต่อนาที บวกกันก็ลงตัวที่เลข 9 หากนับตัวเลขจำนวนผู้โดยสารที่อาคารแห่งนี้สามารถรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการได้ ก็อยู่ที่ปีละ 45 ล้านคน

หลังจากนั้นความตั้งใจสร้างความมงคลให้แก่สนามบินแห่งใหม่ด้วยเลข 9 ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันเริ่มทดสอบทางเทคนิคของสนามบิน ด้วยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของการบินไทย เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2548 การบินไทยได้กำหนดเที่ยวบินบินออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 08.39 น. กำหนดแตะพื้นรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ 09.19 น. หรือแม้กระทั่งการทดสอบเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2549 ที่การบินไทยได้กำหนดเที่ยวบินที่บินออกจากดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ที่กำหนดเวลาลงท้ายด้วยเลข 9

ในวันที่ 9 เดือน 9 กันยายน 2549 นี้ ผู้บริหารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังกำหนดจัดงานเดิน วิ่งเทิดพระเกียรติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 9.09 นาทีอีกด้วย

บริษัทท่าอากาศยานไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากสร้างกำลังใจด้วยเลขมงคลนี้แล้ว ยังหลีกเลี่ยงเลขที่หลายคนเชื่อว่าเป็นเลขไม่ดี อย่างหมายเลขที่ 13 เช่นในพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ของตัวอาคาร จุดรับกระเป๋า (Baggage Claim Carousels) จากสายพานลำเลียงกระเป๋า ซึ่งมีทั้งหมด 22 แถว แต่มีตัวเลขนับถึง 23 เพราะเมื่อนับเลขจากแถวที่ 12 ในแถวถัดไป ก็ข้ามไปใช้หมายเลข 14 แทน

ความเชื่อในมหัศจรรย์หมายเลข 9 นี้ ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจอย่างดีทั้งสำหรับผู้ที่รับผิดชอบงานก่อสร้าง เพราะกว่าที่โครงการนี้จะก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็ผ่านอุปสรรคมากมาย จนหลายคนในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ย้อนเรื่องราวว่าเริ่มต้นจากที่ตั้งของสนามบิน ที่รัฐบาลไทย เมื่อปี พ.ศ. 2504 โดยกระทรวงคมนาคมได้ศึกษาและเลือกพื้นที่บริเวณหนองงูเห่า ที่ตำบลบางโฉลง ตำบลราชาเทวะ และตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ให้เป็นที่ตั้งสนามบินใหม่

“หนองงูเห่า” ชื่อที่บ่งบอกถึงลักษณะทางกายภาพ ของหนองน้ำแห่งนี้ และยิ่งไปกว่านั้น ข้าราชการซี 9 คนหนึ่งของกระทรวงคมนาคมเล่าว่า ในพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ในหนองงูเห่านั้น มีประชากรอาศัยอยู่ถึง 1,962 หลังคาเรือน ที่แต่ละหลังได้ตั้งพระภูมิเจ้าที่ และเทวาอารักษ์ เมื่อแผนการก่อสร้างเริ่มขึ้น จึงต้องอพยพชาวบ้าน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมทั้งหมด

ด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งช่วงเริ่มการก่อสร้าง ที่แสดงถึงอุปสรรค ที่อาจทำให้การก่อสร้างสนามบินสะดุด “ศรีสุข จันทรางศุ” ในฐานะประธานกรรมการของบริษัทท่าอากาศยานไทย ผู้รับผิดชอบงานก่อสร้าง จึงเสนอให้ก่อสร้างศาลเทพารักษ์ เพื่อเป็นที่สถิตของเทพยดา และพระภูมิเจ้าที่ โดยระหว่างการบวงสรวงตั้งศาล พราหมณ์ผู้ทำหน้าที่อัญเชิญเทวดาในพิธีได้เล่าว่าหากเทวดาฟ้าดินรับรู้ถึงการบรวงสรวงครั้งนี้ จะมีแมลงบินผ่านให้เห็น และโดยทันใดนั้น เมื่อพราหมณ์เล่าจบ ก็ปรากฏผึ้งตัวใหญ่บินผ่านหน้า “ศรีสุข” ด้วยความเร็วขนาดที่ก่อให้เกิดแรงลมปะทะหน้าจนรู้สึกได้

สิ่งที่เกิดขึ้นอาจยากที่จะพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ แต่ถือเป็นความมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นให้สามารถนำมาเล่าเป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของ ”สนามบินสุวรรณภูมิ” แห่งนี้</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

งานนี้ผมขันอาสาเป็นไกด์พาชมงาน
ให้พบกับอาจารย์ตาที่สาม ตรวจออร่า
ตรวจดูองค์ใน(เทวดาคุ้มครองประจำตัว)
คุยกับอาจารย์เทพพนม เรื่องสื่อจิตกับมนุษย์ต่างดาว
ฝึกสมาธิหมุน กับอาจารย์รัตน์
ถ่ายรูปกับกล้องถ่ายภาพดูออร่า
ใครชอบช๊อป ก็มีบูทให้ช็อป เกี่ยวกับของที่ส่งเสริม
พลังจิต มากมาย
เอาพอเป็นน้ำจิ้มไปก่อน
อย่าลืมจองทัวร์ไว้ล่วงหน้าได้เลยครับ

 

จากกระทู้ เรื่องราววัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล กับการสร้างองค์ปฐม สมปราถนาได้ทันใจ ชื่อบัญชี พระอ่อนสา ฐิติคุโณ ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขา กิโลศูนย์ เลขบัญชี 340-4-11629-9 งานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง วันที่ 14-15 ตุลาคม 49นี้


<TABLE class=tborder id=post332631 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 11:03 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right>#1049 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_332631", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:27 PM
วันที่สมัคร: Jan 2006
ข้อความ: 387 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 3,868
Thanked 4,036 Times in 377 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 452




</TD><TD class=alt1 id=td_post_332631><!-- message -->บุญสามรายการวัดภูเหล่าเงินฮาง<O</O
รายการ รายชื่อ ผู้ร่วมบุญ สำหรับสมาชิกเว็บพลังจิต<O</O
โมทนากับผู้นำวัตถุมงคลมาช่วยงาน<O</O
คุณ sithiphong คุณนักเดินทาง คุณ khomeraya คุณ พัฒนา คุณ อนุชา คุณ เม้าตาอิน คุณ โย<O</O
รายนามผู้ร่วมทำบุญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนถึงล่าสุด (ตอนที่ ๑)<O</O
ผู้เริ่ม<O</O
ณรงค์ เพ็งลาภ ๕๗,๐๐๐ บาท + เงินซองปัจจัย ๓๐ ซอง ๙,๐๐๐ บาท = ๖๖,๐๐๐ บาท<O</O
พัชนี จันทร์แก้ว ๔๖,๐๐๐ บาท + เงินซองปัจจัย ๓๐ ซอง ๖,๐๐๐ บาท = ๕๒,๐๐๐ บาท<O</O
ผู้ร่วมบุญสามรายการ<O</O
๑ คุณ โมฆบุรษ ๑๗/๗ ๑๕๐๐ บาท
๒ คุณ khomeraya ๑๗/๗ ๑๕๐๐ บาท<O</O
๓ คุณ พัฒนา ๑๘/๗๑๕๐๐ บาท
๔ คุณ พัฒนา ๒๐/๗ ๕๙๙๙ บาท
๕ คุณ kwok ๒๐/๗ ๕๐๐ บาท
๖ คุณตามดูจิต ๒๐/๗ ๑๐๐๐ บาท
๗ คุณ vena ๒๑/๗ ๑๘๐๐ บาท
๘ คุณ โย ๒๑/๗ ๕๐๐ บาท
๙คุณ มังกร ๒๑/๗ ๑๕๐๐ บาท
๑๐ คุณ praelim ๒๒/๗ ๑๕๐๐ บาท
๑๑ คุณ วิเชียร ๒๒/๗๒๖๐๐ บาท
๑๒ คุณ anko ๒๔/๗ ๕๐๐ บาท
๑๓ คุณ praelim ๒๔/๗ ๒๐๐๐ บาท
๑๔ คุณพัฒนา ๒๘/๗ ๓๐๗๐ บาท
๑๕ คุณ มาโนช ๒๘/๗ ๑๐๐๐ บาท
๑๖ คุณ black crystal ๒๘/๗๑๐๐๐ บาท
๑๗ คุณ vena ๒๘/๗ ๒๐๐๐ บาท
๑๘ คุณ เม้าตาอิน ๒๘/๗ ๙๙๙ บาท
๑๙ คุณ pailin ๒๘/๗ ๑๕๐๐ บาท
๒๐ คุณ วิเชียร ๒๙/๗ ๒๐๒๐ บาท
๒๑ คุณ kengy ๒๙/๗ ๑๑๐๐บาท
๒๒ คุณ black crystal ๒๙/๗ ๑๐๐๐ บาท
๒๓ คุณ ตามดูจิต ๒๙/๗ ๓๒๐๐ บาท
๒๔คุณ พรหมประกาศิต ๒๙/๗ ๑๑๐๐ บาท
๒๕ คุณ โมฆบุรุษ ๓๐/๗ ๑๐๐๐ บาท
๒๖ คุณ Fourthman ๓๐/๗ ๕๐๐ บาท
๒๗ คุณ khomeraya ๓๐/๗ ๒๐๐๐ บาท
๒๘ คุณ Art0405 ๓๑/๗๑๕๕๐ บาท
๒๙ คุณ สร้างบารมี ๓๑/๗ ๑๐๐๐ บาท
๓๐ คุณ s3057780 ๓๑/๗ ๓๓๘๐ -๓๕๑๐บาท
๓๑ คุณ HMA ๑/๘ ๑๕๐๐ บาท
๓๒ คุณ kaicp ๑/๘ ๓๐๐๐ บาท
๓๓ คุณ hongsanart ๑/๘ ๓๐๐๐ บาท
๓๔ คุณ khomaraya ๑/๘ ๑๐๐๐ บาท
๓๕ คุณ kwok ๑/๘ ๑๕๐๐ บาท
๓๖คุณ เสขะ ๑/๘ ๑๐๐๐ บาท
๓๗ คุณ พัฒนา ๑/๘ ๒๐๐๐ บาท
๓๘ คุณ พุทธันดร ๑/๘ ๑๐๐๐บาท
๓๙ คุณ taewy ๑/๘ ๒๐๐๐ บาท
๔๐ คุณ โย ๑/๘ ๑๐๐๐+๑๐๐๐ บาท(พระไตรฯ)
๔๑คุณ ดร ๑/๘ ๒๐๐ บาท
๔๒ คุณ cylindermu ๒/๘ ๖๐๐ บาท
๔๓ คุณ พรหมประกาศิต ๓/๘๓๑๐๐ บาท
๔๔ คุณ ooy ๓/๘ ๕๐๐ บาท
๔๕ คุณ หัวหอม ๓/๘ ๒๐๕๐ บาท
๔๖ คุณตามดูจิต ๔/๘ ๑๐๐๐ บาท
๔๗ คุณ อัปรักษณ์ ๔/๘ ๖๐๐ บาท
๔๘ คุณ พุทธันดร ๖/๘๑๓๘๐ บาท
๔๙ คุณ สร้างบารมี ๗/๘ ๑๐๐๐ บาท
๕๐ คุณ พัฒนา ๑๑/๘ ๑๖๐๐๐ บาท
๕๑คุณ s3057780 ๑๒/๘ ๑๒๐๐ บาท
๕๒ คุณ werapong ๑๓/๘ ๕๐๐ บาท
๕๓ คุณ ธัญญ์นิธิ๑๔/๘ ๑๒๐๐ บาท
๕๔ คุณ fourthman ๑๗/๘ ๑๐๙๙ บาท
๕๕ คุณ ayuraveda ๑๗/๘ ๓๐๐ บาท ( คุณ อาทิตย์ ๒๐๐ บาท คุณ เลอศักดิ์ ๑๐๐ บาท)
๕๖ คุณ hatreum ๑๗/๘ ๑๒๐๐บาท
๕๗ คุณpaibula ๒๑/๘ ๑๐๐๐ บาท
๕๘ คุณนว๒๒/ ๘ ๑๕๐๐ บาท
๕๙ คุณ ayuraveda ๒๓/๘ ๒๐๐ บาท
๖๐ คุณ wichitt ๒๔/๘ ๑๐๐๐ บาท
๖๑ คุณ nonglucp ๒๕/๘๑๕๐ บาท
๖๒ คุณ เพชร ๒๖/๘ ๑๙๐๐ บาท
๖๓ คุณ พรหมประกาศิต ๒๖/๘ ๑๙๙๙ บาท
๖๔คุณ edtaro ๒๙/๘ ๕๐๐๐ บาท
๖๕ ครอบครับ sithiphong นักเดินทาง guawn ๓๑/๘ ๑๐๐๐บาท
๖๖ คุณ tamsak ๓๑/๘ ๑๐๐๐ บาท
๖๗ คุณ บุญรักษา ๒๘/๘ ๕๕๙ บาท
๖๘ คุณ kwok ๑/๙ ๕๐๐ บาท
๖๙ คุณ tummagorn ๒/๙ ๒๐๔๐บาท
๗๐ คุณ little lucky ๔/๙ ๒๒๐๐ บาท
๗๑ คุณ jirang ๕/๙ ๒๒๐๐ บาท
๗๒ คุณนิจพร ๕/๙ ๑๐๐๐ บาท
๗๓ คุณ tim ๕/๙ ๒๒๐๐ บาท
๗๔ คุณ tippavan ๗/๙ ๕๐๐บาท
๗๕ คุณ komsanb ๑๓/๙ ๓๐๐ บาท
๗๖ คุณ tawatd ๑๓/๙ ๒๐๐๐ บาท

รวมยอดบุญสามรายการ ๑๒๘,๑๒๕ บาท(ผู้ร่วม)

บุญปิดทององค์ปฐมเป็นกรณีพิเศษ (ตอนที่ ๒)
๑ ณรงค์ เพ็งลาภ ๕๐,๐๐๐ บาท
๒ คุณ พัชนี จัทร์แก้ว ๓๐,๐๐๐ บาท
๓ คุณ โย และ บิดามารดา ๑,๐๐๐ บาท
๔ คุณ สัณฐ์ละภรรยา ๑,๐๐๐ บาท
๕ คุณ khomeraya ๒๐๐ บาท
๖ คุณ mungkorn ๑,๐๐๐ บาท
๗ คุณ hatreum ๑,๐๘๐ บาท
๘ คุณ พิมพาภรณ์ ๑,๐๐๐ บาท
๙ คุณ tamsak แม่และน้าชาย ๖๕๐ บาท
๑๐ คุณ นว ๕๐๐ บาท
๑๑ คุณ edtaro ๑,๐๐๐ บาท
๑๒ คุณ พรหมประกาศิต ๒,๒๐๐ บาท
๑๓ คุณ นพ และ พรนาริน แก้วถา ๒๐๐ บาท
๑๔ คุณ เม้าตาอิน ๕๐๐ บาท
๑๕ คุณ s3057780 ๒๕๘๕ บาท
๑๖ ผม ณรงค์ เพ็งลาภ ๔๙๙๙ บาท
๑๗ คุณ พรมหประกาศิต ๒๙๙๙ บาท

รวมยอดเต็ม ๑๐๐,๐๐๐ บาท(ปิดทององค์พระจบแล้วครับ)

รวมยอดหลักสุทธิ ๓๔๖,๑๒๕ บาท (ในปัจจุบัน)

ยอเงินจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกถ้ามีมีผู้มาร่วมบุญเพิ่มเติมอีก และยังสามารถร่วมทำบุญได้ถึงวันที่ ๑๔-๑๕ ตุลาคม ๔๙ โดยการโอนเงินร่วมทำบุญ เข้าบัญชี พระอ่อนสาครับ
ชื่อบัญชี พระอ่อนสา ฐิติคุโณ ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขา กิโลศูนย์ เลขบัญชี 340-4-11629-9
[b-wai]
<!-- / message --><!-- sig -->__________________



</TD></TR></TBODY></TABLE>

***************************************************************

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

.

 

ท่านใดชอบก๋วยเตี๋ยว ผมแนะนำลองไปดูในกระทู้ แนะนำ ก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่ธรรมดา
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=29074

ผมเองไปอ่านทีไร อยากกินทุกครั้งเลย ผมพึงกินข้าวเสร็จ ไปPost ร้านก๋วยเตี๋ยวเพิ่ม พอเข้าไปเห็นก็หิวอีกแล้ว เฮ้อ ....

ท่านใดมีร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ไปPost เพิ่มเติมกันได้นะครับ

.

 

วันงานกฐิน พี่หนุ่มก็ทำให้ชาวคณะที่เดินทางไปทำบุญได้กินกันซิพี่ กุศลแรงนะพี่ ผมขอเสนอพี่โต้งเป็นลูกมือ ส่วนผมจะชิมไปบ่นไป



.

 

พี่เองก็เป็นแต่กิน แต่ไม่บ่น ไม่รู้จะบ่นทำไม ไม่ใช่..... !!!!!!!


.

 

จากกระทู้ ขอเชิญเททองหลวงปู่เทพโลกอุดร 9 องค์+ฉลองสมโภชองค์ปฐม 9 องค์และหลวงปู่ทวด 1 องค์

วันนี้ ผมได้นำพระพิมพ์พุทธประวัติไปมอบให้กับคุณChayutt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_328829", true); </SCRIPT> เรียบร้อยแล้ว หลังจากว่าจะนำไปมอบให้หลายครั้งแล้ว

ผมขออนุญาตกรวดน้ำอีกครั้งนะครับ

อิมินาปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้า,ภรรยา และครอบครัว ได้มอบพระพิมพ์พุทธประวัติเพื่อมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในงานเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล เททองหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่) หน้าตัก 20 นิ้ว จำนวน 9 องค์ และฉลองสมโภชสมเด็จองค์ปฐม 9 องค์ + หลวงปู่ทวด 1 องค์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ณ.โรงหล่อบุญชม บ้านท่าตลาด ต.วัดโบสถ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และการหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดรในครั้งต่อๆไป ในครั้งนี้ ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่ คุณบิดา มารดา และทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ผู้มีพระคุณ ญาติกาครูอุปัชฌาย์อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร ปู่ ย่า ตา ยาย เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า ,เทวดาประจำองค์พระพิมพ์ทุกองค์ ,พระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช,สมเด็จพระเอกาทศรถ,สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ,พระยาพิชัยดาบหัก ,กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ,พระภูมิ-เจ้าที่ที่บ้านข้าพเจ้า ,แม่ย่านางรถของข้าพเจ้า,ผู้ที่เสียสละให้กับแผ่นดินไทยทุกท่าน ,ผู้สร้างพระพิมพ์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร-พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าทุกท่าน-พระพิมพ์ของวังหน้าทุกท่าน, เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย เพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา พระเพลิง พระพาย แม่พระโพสพ พระภูมิ-เจ้าที่ พระพิรุณ พยายมราช นายนิริยบาล ทั้งท้าวจตุโลกะบาลทั้งสี่ ศิริพุทธอำมาตย์ ชั้นจาตุมะหาราชิกาเบื้องบนจนถึงที่สุด พรหมาเบื้องต่ำตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษย์โลก โดยรอบสุดขอบจักรวาลอนันตะจักรวาล คุณพระศรีรัตนตรัยและเทพยดาทั้งหลายตลอดทั้งอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ท่านได้สุข ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้าอุทิศไปให้นี้ จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยให้ถึงพระนิพพานในปัจจุบันและอนาคตเบื้องหน้าโน้นเทอญ ฯ

<O</O
พุทธังอนันตัง ธัมมังจัรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจโยโหนตุ


.<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->

 

ระวังเน้อ...แม่ทัพเบาหวิว จะมีคู่แข่ง
เจ้าคุณเบาหวิววววว อิอิอิ

 

ผมจะลงบทความเรื่องการเดินรังสีจิตใหม่อีกครั้งครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง<O</O

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)<O</O
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร<O</O
<O</O

พระเครื่องเป็นอิทธิวัตถุที่นิยมฝังใจกันมาช้านาน บางคนถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต จะขาดเสียมิได้ หากวันใดลืมแขวนพระจิตใจจะไม่สบายคล้ายขาดความสมบูรณ์ในจิตใจ ยิ่งเคยผ่านอุปสรรค และประสบการณ์มาแล้วยิ่งรักหวงแหนปานแก้วตา ปัจจุบันพระเครื่องรุ่นเก่าเป็นของหายากจะหาเช่าซื้อกันแต่ละองค์ก็ต้องจ่ายกันอย่างแรงน่าใจหาย กระนั้นยังมีคนใจถึงกล้าสู้ราคาขอให้ถูกใจเป็นสู้ ใครจะเคยคิดบ้างว่าเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการามจังหวัดอยุธยาราคาเดิมทำบุญเพียงเหรียญละ 1 บาทหากงามไม่มีที่ติมีคนกล้าสู้ราคาถึงเหรียญละ 50,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆังราคาเช่าซื้อกันใต้โคนมะขาม สมัยก่อนราคาเพียงองค์ละ 40 บาท ต่อมาราคาเหยียบเรือนแสน ถ้าประกวดชนะรางวัลที่หนึ่ง 300,000

 

เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา

ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่
มีเพียงแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน
แม้ร่างตนเขายังเอาไปเผาไฟ




.

 

ขอบคุณนะค่ะที่ให้ฉายา "สาวสองพันปีมีเงินสองพันล้าน"
สมพรปากจ้า ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ
วัดวาอารามจะงามดังวิมานเลยแหละ

 

พิมพาภรณ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_333892", true); </SCRIPT>
สมาชิก



รูปนี้ไม่เหมาะครับ ไม่เหมาะกับสาวสองพันปีมีเงินสองพันล้าน

ต้องรูปนี้ครับ



โอ้ช่างงามแต้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

.