พระเครื่องหลากหลายรายการครับ หลวงพ่ออุตตมะ พระอาจารย์สุริยัณ หลวงปู่ชื้น ฯลฯ

พระผงหลวงพ่อโต วัดพนังเชิง 685ปี
ร่วมบุญ 70 บาท

 

ปิดให้คุณ Shaj ครับ
สมเด็จดวงดี หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโตพระเกจิแห่งเมืองจันทบุรี
ร่วมบุญ 250 บาท
องค์พระไม่มีตัวหนังสือใดๆเป็น พระสมเด็จสามชั้นในซุ้ม.. เนื้อผงยาจินดามณี นานๆจะมีซักที่ พระเนื้อผงยาจินดามณี..เนื่องจากหาตัวยายากและมีราคาแพง

 

พระเนื้อพรหมเนื้อดินเผา หลวงปู่หวล วัดพุทไธสวรรค์
พระอุปัฌชาย์หลวงตาม้าและอ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์
ร่วมบุญ 100 บาท

 

ปิดรายการแล้วครับ
เหรียญทำน้ำมนต์ พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ หลวงปู่ศรี วัดป่ากุง ปี 2552
ร่วมบุญ 300 บาท

 

สมเด็จเนื้อว่าน รุ่นแรก หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร
ร่วมบุญ 900 บาท
องค์นี้พิเศษได้รับจาก อ.เบิ้ม สุวัฒน์ พบร่มเย็น เนื้อสีเขัมเป็นพิเศษ
รุ่นนี้ อ.อำพลเจนสร้าง เสกและปั๊มกันที่วัดเลย

มวลสารพระรุ่นแรกนี้มีมากมายหลายอย่าง จำไม่ได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ดินเกล็ดถ้ำ ผงอิทธิเจเขียนลบ๘๔,๐๐๐ ครั้ง แร่เหล็กน้ำพี้ ดินพระธาตุพนม ฯลฯ เฉพาะดินพระธาตุพนมนั้น หลวงปู่เดินทางไปขอที่วัดพระธาตุพนมด้วยตัวท่านเอง ได้อิฐดินเผาก้อนใหญ่มาเป็นมวลสารสำคัญ

 

ปิดรายการแล้ว
เหรียญหลวงปู่ดู่ รุ่น ร่มเงาโพธิญาณ เนื้อตะกั่ว
ร่วมบุญ 350 บาท
อ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์ สถานปฏิบัติธรรมม่อนแก้วจอมมณี "ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา" จัดสร้างครับ
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาไม่มีประมาณ เหรียญนี้เป็นเหรียญ
ที่ถ่ายทอดความงดงาม ความเมตตาของท่านออกมาได้ดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งเลย

อ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์ กล่าวถึงเหรียญรุ่นนี้ไว้ว่า
"...หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์เป็นผู้ทรงด้วยความเมตตา การที่เราได้อยู่ ได้ใกล้ชิดท่าน
เราย่อมได้รับความสวัสดิมงคล เหมือนเราอยู่ใต้ร่มเงาแห่งพระโพธิญาณนั้น..."

ชนวนมวลสารมหามิ่งมงคล
* ชนวนรุ่นเปิดโลก มีก้อนชนวนเนื้อตะกั่วหลายก้อนครับ
* ชนวนพระรุ่นต่าง ๆ ของหลวงปู่ดู่
* ตะกรุดหลวงปู่ดู่
เมตตาอธิษฐานจิต หลายวาระโดย
* หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
* หลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ (พระอุปัชฌาย์ของหลวงตาม้าครับ)
* หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
* อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์

เนื้อตะกั่วนี้ จัดว่าเป็นเนื้อที่รับพลังงานได้ดีที่สุด !!!
(รองจากทองคำเท่านั้นครับ)

อ่านประวัติเหรียญนี้แล้ว ไม่เก็บไม่ได้แล้วครับท่าน!
อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ได้กล่าวถึงที่มาของเหรียญรุ่นนี้ไว้ว่า "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์
เป็นผู้ทรงด้วยความเมตตา การที่เราได้อยู่ ได้ใกล้ชิดท่าน เราย่อมได้รับความสวัสดิมงคล เหมือนเราอยู่ใต้ร่มเงา
แห่งพระโพธิญาณนั้น"

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
เพื่อเป็นอาจาริยบูชาในวาระที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ อายุครบ 108 ปี
เพื่อนำรายได้ส่วนที่เหลือจากการจัดสร้างไปใช้ในการบูรณะ เจดีย์พระธาตุและ เรือนพระธาตุ ณ "สถานปฏิบัติธรรม
ม่อนแก้วจอมมณี" ซึ่งได้บรรจุดวงแก้วมหาจักรพรรดิ์ และ พระธาตุและพระเขี้ยวแก้ว ของสมเด็จองค์ปฐม รวมไปถึงของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พร้อมทั้งมีเกศาของครูบาอาจารย์หลายองค์ อาทิเช่น หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ , หลวงปู่ขาว,หลวงปู่ตื้อ , หลวงปู่แหวน สุจินโณ , พระอาจารย์วัน , พระอาจารย์จวน เป็นต้น (โดยรวมแล้วมีประมาณ 108 องค์)

ชนวนมวลสาร
ชนวนรุ่นเปิดโลก ชนวนพระรุ่นต่าง ๆ ของหลวงปู่ดู่ ตะกรุดหลวงปู่ดู่

รายละเอียดการดำเนินการ
ปั๊มพระในวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล และเป็นวันเสาร์ขึ้น 15 ค่ำ วันที่ 5 ปี 2555 เพื่อต้องการให้วันปั๊มพระเป็นวันเสาร์ 5 และเพื่อต้องการปลุกเสกพระให้ทันในวันที่ 21 พ.ค. เนื่องจากเป็นวันสุริยคราสเต็มดวง และเป็นเลขเดียวกับจักรวาล ซึ่งมีความสำคัญมาก และจะได้ขอบารมีของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายให้มาช่วยกันอธิษฐานจิตเหรียญรุ่นนี้ด้วย

อธิษฐานจิตโดยอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ และครูบาอาจารย์อีกหลายท่านอาทิ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ

นอกจากนี้ อาจารย์ศุภรัตน์ ยังได้อธิษฐานสำหรับการสร้างเหรียญรุ่นนี้ไว้ว่า "แม้นไม่ได้พกติดตัว ถึงอยู่กับบ้านใคร ก็ขอให้บารมีแห่งพระโพธิญาณได้ปกปักรักษา แผ่ฉัพพรรณรังสี คุ้มครอง ป้องกันภยันตรายทั้งหลาย"
******************************************

การปลุกเสกเหรียญร่มเงาโพธิญาณ ได้ทำพิธีวันที่ 20 พ.ค. 2555
นำเหรียญวัตถุมงคลไปวัดตะโก อ.ภาชี หลวงพ่อรวย เมตตาอธิษฐาน

คำปรารภของหลวงพ่อรวย วัดตะโก ท่านบอกว่า “เสร็จพิธีแล้วให้ขอบูชาเหรียญทองแดงมาเก็บไว้เพราะเป็นของดีมาก”

หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
หลวงพ่อเพิ่มท่านได้กล่าวกับลูกศิษย์ว่าทำไมจึงมาเสกของวันนี้ เพราะเป็นฤกษ์ของพวกแขก แต่เมื่อคณะศิษย์ได้นำวัตถุมงคลเข้าไปท่านเพ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงียบ (อธิษฐานให้ตามประสงค์) คณะศิษย์ที่ไปเรียนถามท่านท่านบอกว่า “พลังแรงมาก”

ณ บ้านพุทธฉัตร อจ. บอกบรรดาลูกศิษย์ว่าเห็นหลวงปู่ดู่นำเหรียญทั้งหมดไปไว้บนวิมานแก้ว แต่กาลครั้งนี้เราต้องหาหลักฐานที่เป็นประจักษ์พยานรับรองได้ว่าเหรียญรุ่นนี้พุทธคุณครบถ้วน เมื่อเริ่มพิธีเพื่ออธิษฐาน โดยตั้งจิตขอให้พระพุทธเจ้าได้โปรดแสดงอภินิหารเพื่อรับรองการอธิษฐาน ปรากฎว่าพระเขี้ยวแก้วและพระบรมสารีริกธาตุ เสด็จเพื่อเพิ่มศรัทธา

หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์
หลวงพ่อท่านอธิษฐานจิตให้นานมากประมาณ 1 ชั่วโมง ท่านบอกว่า “เหรียญดีมีพุทธคุณเพียบพร้อม”

******************************************
เหรียญหลวงปู่ดู่ รุ่น "ร่มเงาโพธิญาณ
เหรียญหลวงปู่ดู่ เนื้อทองคำ จำนวน 14 เหรียญ
เหรียญหลวงปู่ดู่ เนื้อเงิน จำนวน 453 เหรียญ
เหรียญหลวงปู่ดู่ เนื้อนวะ จำนวน 624 เหรียญ
เหรียญหลวงปู่ดู่ เนื้อตะกั่ว จำนวน 1,578 เหรียญ
เหรียญหลวงปู่ดู่ เนื้อทองแดง รมดำอ่อน จำนวน 5,115 เหรียญ
ตัวเลขจำนวนการจัดสร้างของแต่ละเนื้อ เมื่อบวกกันแล้วได้เลข 12 ซึ่งหมายความถึง "กำลังจักรวาล"
เว้นเนื้อทองคำ ที่รวมแล้วได้เลข 14 หมายความถึง "กำลังมหาจักรพรรดิ์"

 

เหรียญทองแดงขัดเงา ที่ระลึก กาญจนาภิเษก สองหน้า 2539 ขนาด 3.2 เซ็น
ร่วมบุญ 150 บาท

 

ขอจองครับ

 

อนุโมทนาครับ
รายการนี้จัดส่งเป็นรอบวันอื่นนะครับ

 

แบ่งให้บูชา
**ปิด**พระศิวะ หน้าตัก9นิ้ว ฐาน11นิ้ว สูง18นิ้ว
ศิวะลึงค์หินอ่อนสีดำสูง9นิ้ว
พระนารายณ์เปิดโลก สูง 14.5นิ้ว
พระกฤษณะ สูง 11.6นิ้ว
พระสังกัจจาย หน้าตัก5นิ้ว สูง9นิ้ว
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวี สูง 10นิ้ว
อีกองค์ไม่ทราบชื่อ สูง 11นิ้ว
ปิดทองคำเปลว สวยเดิม สภาพผิวหิ้งบูชา
ที่บูชาไฟและกระดิ่งทองเหลือง
นัดรับที่เมกาบางนาครับ
หรือจัดส่ง คิดค่าส่งตามจริง
สนใจโทรคุยราคากันได้ครับ
อยากได้ผู้ศรัทธารับไปบูชาต่อ

 

ปิดรานยการแล้วครับ
เหรียญหลวงปู่ชื้น ทรงระฆัง เนื้อลูกแก้ว
หมายเลข 822
ร่วมบุญ 5,000บาท
สุดยอดเหรียญพุทธศิลป์สวยงามที่มีพุทธคุณป้องกันโรคระบาด กันรังสินิวเคลียร์ กันภัยต่างๆในยุคกาลีได้ถึง 10 ประการ ปลุกเสกโดยสุดยอดพระเกจิอาจารย์พลังจิตเหนือโลกแห่งเมืองกรุงเก่า
หลวงปู่ท่านสำเร็จวิชารัตนจักรชัยสิทธิ์ ซึ่งมีอานุภาพมาก เป็นวิชาของเก่าท่านที่เคยได้สำเร็จมาแต่ปางก่อน
#มีลูกศิษย์เคยถามท่านหลวงปู่ชื้นว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ (เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้) ท่านตอบว่า "ได้" และบอกอีกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้!
"พลังนิวเคลียร์ปรมาณูแรงแค่ไหน จิตของผู้ปลุกเสกพระที่กันนิวเคลียร์ได้จะต้องแรงยิ่งกว่านั้น จึงจะเอาอยู่ จิตหลวงปู่ชื้นแรงถึงขนาดนั้น.

#วิชาพระไตรรัตนจักรชัยสิทธิ์ ท่านได้อาราธนาพลังบารมีคุณพระรัตนตรัยมาเป็นที่พึ่งสูงสุด สามารถกำจัดทุกข์ภัยได้จริง และสามารถกำจัดภัยพิบัติ 10 ประการบนโลก ยุคกาลี อันจะเกิดขึ้นได้แก่
1. ราชภัย ภัยทางราชการลงโทษ จองจำ
2. โจรภัย ภัยเกิดแต่โจรผู้ร้ายจี้ปล้น
3. อัคคีภัย ภัยเกิดแต่ไฟไหม้
4. วาตภัย ภัยเกิดแต่ลมพายุ
5. อุทกภัย ภัยเกิดแต่น้ำท่วม
6. วิวาทภัย ภัยเกิดแต่การทะเลาะวิวาท
7. โรคภัย ภัยเกิดแต่โรคระบาด
8. อุปัตติภัย ภัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
9. ทุพภิกขภัย ภัยที่เกิดจากเศรษฐกิจฝืดเคืองข้าวยากหมากแพง
10.วินาศภัย ภัยธรรมชาติ ที่ให้ความพินาศอย่างใหญ่หลวงตะโก)

หลวงปู่ชื้นท่านคือสุดยอดพระอริยสงฆ์องค์สำคัญแห่งเมืองกรุงเก่า ในสมัยก่อน ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพระเวทย์วิทยาคมเป็นอย่างมาก ท่านสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ สามารถสร้าง"เนื้อลูกแก้ว" หรือ "ชินแก้ว" เทียบเท่าเนื้อกายสิทธิ์ซึ่งคุณวิเศษยิ่ง

ท่านได้พบกับพระธุดงค์ลึกลับ ชื่อหลวงปู่เสน ท่านได้ธุดงค์มาจากโคราช มาปักกลดภาวนาอยู่ข้างวัด เมื่อหลวงปู่ชื้นท่านได้พบเข้า ได้สนทนากันจึงเกิดความเลื่อมใส และฝากตัวขอเป็นศิษย์ เนื่องจากท่านเห็นว่าวิชาต่างๆ ที่ท่านมีอยู่ ไม่ใช่ทางเพื่อหลุดพ้น

โดยหลวงปู่เสน ได้กล่าวว่า “นับเป็นกุศลของอาตมาที่จะได้ช่วยให้ผู้มีบุญวาสนาอยู่แล้วได้สำเร็จมรรคผล” นับแต่วันนั้นมาพระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ได้ทบทวนศีล 227 ข้อ พระธรรมวินัยต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ ครั้นยามค่ำคืนก็พากันนั่งสมาธิอยู่โคนต้นโพธิ์ ภายในวัดญาณเสน โดยที่หลวงพ่อชื้นจะภาวนาพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย และลงท้ายด้วยภาวนา นัตถิเม โดยมีพระธุดงค์รูปนั้น นามหลวงปู่เสน ได้นั่งสมาธิคุมไปด้วย

จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไป 2 เดือนเศษ หลวงพ่อชื้น จึงขอเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ จะได้ไม่ไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทาง หลังจากนั่งในพระอุโบสถคืนที่ 3 ใกล้รุ่ง หลวงพ่อชื้น ก็นิมิตเห็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา ถึง 3 พระองค์ และพระธรรมจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง หมุนอยู่ระหว่างกลาง องค์พระทั้ง 3 พระองค์ เมื่อหลวงพ่อชื้นถอนสมาธิก็บังเกิดความสว่างขึ้นภายในดวงใจ เต็มไปด้วยความปิติ จะนึกสิ่งใดต้องการรู้สิ่งใดก็มีคำตอบขึ้นมาเสร็จ ท่านจึงได้เล่านิมิตให้พระธุดงค์ฟัง พระธุดงค์รูปนั้นท่านก็บอก ว่า “อาตมาหมดหน้าที่แล้ว อาตมาจะกลับไปที่บ้านเกิดของอาตมา ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา”
หลังจากวันนั้นแล้ว หลวงปู่เสน ก็ธุดงค์กลับ แม้หลวงพ่อชื้นจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อ เพื่อจะได้สนองคุณดูแลเมื่อยามแก่เฒ่าท่านก็ไม่รับนิมนต์

หลังจากนั้นหลวงพ่อชื้น เล่าว่า ท่านยังได้ส่งกระแสจิตถึงกันอยู่เสมอ เพียงแต่นึกถึงกัน ก็สนทนากันได้แล้ว และหลังจากนั้นอีก 5 ปี หลวงปู่เสน เตชะธัมโม ก็มรณภาพ ในท่านั่งสมาธิอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบข่าว ก็ขึ้นไปทันที กว่าจะหาศพพบ ก็เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่านั่งมรณภาพในขณะสมาธิบำเพ็ญเพียรอยู่ในซอกหิน ศพไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนหลับธรรมดา สัตว์ป่า หรือ มด แมลง ก็มิได้มาไต่ตอมหลวงพ่อชื้น ท่านก็ได้ช่วยทำการฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วจึงเดินทางกลับ

#หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ยังบอกว่า "ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ให้ไปกราบพี่ชื้น วัดญาณเสน"
#หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา
หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บพระหลวงปู่ชื้น
#หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้นกลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล
ความเป็น"หนึ่งไม่มีสอง"ของหลวงปู่ชื้นนั้น ถึงขนาดที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยาถึงกับเรียกหาด้วยความเคารพยกย่องอย่างยิ่งว่า "#พี่ชื้น" ทั้งๆที่หลวงปู่ชื้นมีพรรษายุกาลน้อยกว่าหลวงปู่ดู่อยู่หลายปี อันเป็นการแสดงความให้เกียรติในคุณธรรมอันสูงเด่นเทียมฟ้าของหลวงปู่ชื้นให้ปรากฏไปในทศทิศอย่างไม่มีใดจะปฏิเสธได้
ความเป็น"หนึ่งไม่มีสอง"ของหลวงปู่ชื้นนั้น ถึงขนาดที่หลวงปู่พรหมา เขมจาโร สวนหินผานางคอย อุบลราชธานีได้จับพลังเหรียญของหลวงปู่ชื้นรุ่น"ธรรมสภา"แล้วถึงกับออกปากว่า"#ในยุคนี้ยังมีใครเสกของได้แรงถึงขนาดนี้อยู่อีกหรือนี่.."
ทั้งๆที่หลวงปู่พรหมาไม่เคยพบหลวงปู่ชื้นมาก่อนเลย แล้วยังสั่งให้ฤาษีสมชาย ศิษย์ของท่านตามมาเช่าเหรียญนี้ถึงวัดญาณเสนไปอีกไม่น้อยอีกด้วย
ความเป็น"หนึ่งไม่มีสอง"ของหลวงปู่ชื้นนั้น ถึงขนาดที่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ พระอัครคณาจารย์ชื่อก้องแห่งวัดบ้านไร่ นครราชสีมายังไม่ยอมที่จะปลุกเสกทับเหรียญของหลวงปู่ชื้นของญาติโยมรายหนึ่ง ก่อนที่จะใช้ญาณเพ่งพิศเจาะลึกก่อนสั่งให้ทั้งพระและโยมกลับไปกราบหลวงปู่ชื้นเสียอีกเป็นหลายครั้งหลายวาระด้วยกันทีเดียวว่า
"ท่านเป็นพระดีน๊ะ.!!!!!!!!!!"

 

พระพิฆเนศปางยืนเริงระบำเหยียบหนู หลวงพ่อคล้าย วัดเขาถ้ำตะพาบ
ปิดรายการแล้ว

 

ปิดครับ
ล็อคเก็ต หลังอุดชานหมาก หลวงพ่อคล้าย วัดเขาถ้ำตะพาบ
ร่วมบุญ 170 บาท
หลวงพ่อคล้าย ยโสธโร" ปัจจุบันอายุ 80 ปี เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดถ้ำเขาตะพาบ จ.อุทัยธานี ท่านสนใจไสยศาสตร์ตั้งแต่เล็ก พอโตหน่อยบวชเรียนกับ "หลวงพ่อเจ็ก" วัดนาม จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นครูองค์เดียวของท่าน บวชได้ 4 พรรษามีนิมิตเห็นถ้ำและมีเสียงบอกให้ไปอยู่ กำหนดวันเวลาสถานที่ ทิศทางเดินให้เสร็จเรียบร้อย ท่านไปตามนิมิตเจอถ้ำเรียกว่า "ถ้ำโตนด" บำเพ็ญเพียรในถ้ำ และนิมิตมีพระไตรปิฎกลอยออกมา ไม่นานท่านก็ท่องปาฏิโมกข์จนแตกฉาน
.
ท่านอยู่จนชาวบ้านเห็นความอัศจรรย์และบารมีของท่าน นิมนต์ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาตะพาบ ถึงปัจจุบัน ท่านใช้เวลา 5 ปีสร้างโบสถ์ราคามากถึง 15 ล้านโดยไม่เรี่ยไรเลย
.
ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านก็ได้รับความนิยมจากลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม ล่าสุดท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลพระ "พระพิฆเนศยืนเริงระบำเหยียบหนู" และ "เหรียญตะพาบอาคมรุ่นแรก"
.
พระพิฆเนศยืนเริงระบำเหยียบหนู เป็นวัตถุมงคลที่หลวงพ่อคล้ายตั้งชื่อเอง โดยท่านกล่าวว่า "นะฉันตั้งชื่อเอง เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงพลานุภาพที่อยู่เหนือสัตว์ทั้งปวง"
.
ส่วนอีกสิ่งของดีวัดถ้ำเขาตะพาบ คือ ตะพาบอาคมรุ่นแรก (ตะพาบดีต้องมีเชิง)
.
ในถ้ำเขาตะพาบ มีตะพาบเจ้าพ่อหรือพญาตะพาบอยู่เดิม ที่น่าจะเป็นตะพาบเจ้าถ้ำ ถือศีลอยู่ในถ้ำและตายลง จึงปรากฏเป็นตะพานหินอยู่ในถ้ำจนทุกวันนี้
.
ตะพาบเจ้าพ่อนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก เรื่องโชคลาภชั้นหนึ่ง ก่อนหวยออกจะมีชาวบ้านมาขอหวยกันแน่นถ้ำ พอหวยออกแล้วจะมีผ้าสามสีบ้าง ผลไม้กล้วยเผือกมัน บายศรีมาถวาย
.
"เจ้าพ่อตะพาบ" นี้เป็นเจ้าแห่งโชคลาภจริงๆ หลวงพ่อคล้ายได้บอกกล่าวเจ้าพ่อตะพาบ และขออนุญาตสร้าง "ตะพาบอาคมรุ่นแรก" ขึ้น โดยนิมิตมาบอกลักษณะอักขระเลขยันต์ที่จะสร้างตะพาบอาคมรุ่นแรก
.
หลวงพ่อคล้ายอธิบายอานุภาพในตัวตะพาบดังนี้ "หลังเป็นยันต์" สำเภาทองค้าขายดีมั่งมีทรัพย์ หลังเป็นยันต์สาลิกาเมตตาเป็นหนึ่ง ท้องเป็นยันต์ตราพระอิศวรสำเร็จทุกอย่าง ยันต์เจริญทรัพย์เป็นหาง ด้านหน้ายันต์ตรีนิสิงเหหนุนหาง ด้านหลังยันต์เถาะแก้วเป็นขาทั้ง 4 ด้านบนป้องกันภัย 4 ทิศ ยันต์แม่ธาตุเป็นขาทั้ง 4 ด้าน ล่างหัวเป็นยอดโภคทรัพย์พระเจ้าทั้ง 5 เป็นคอ จบเหตุแห่งพญาตะพาบอาคม
.
ถ้าอยากเจอของจริง แนะนำให้ไปที่วัดเขาถ้ำตะพาบ จ.อุทัยธานี อยู่ในถ้ำ ลึกลงไปใต้ดิน เป็นดินแดนของชาวลับแล ให้ลงไปในถ้ำไม่เกิน ๓ คืน ได้เจอแน่นอน ให้ไปหาหลวงพ่อชื่อ หลวงพ่อคล้าย เคยเป็นพระธุดงค์ อยู่ในป่า แต่ได้นิมิตรให้มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำตะพาบ ซึ่งเป็นวัดร้าง หลัีงจากท่านมาอยู่ วัดก็เจริญ ขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยการช่วยเหลือ ของชาวลับแล ท่านบอกว่า ในตู้บริจาค ของวัด แม้จะไม่มีญาติโยมมาทำบุญ แต่เืมื่อเปิดตู้บริจาคเมื่อใด จะมีเงินบริจาค ไม่น้่อยกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท ทุกครั้งไป จนสามารถสร้าง โบสถ์ สร้างพระประธาน ได้เสร็จภายในไม่เกิน ๑๐ ปี

 

ปิดให้คุณ Perfectionist
พระผงหลวงพ่อโตในวิหาร รุ่น "แรงครู" 2560
เนื้อผงพุทธคุณ โรยแร่ทับทิม-ทรายเสก
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
3องค์ 150 บาท

 

เหรียญแจกพันธ์ข้าวสารทิพย์ เนื้อเงิน พระอาจารย์เสน เตชชธรรมโม ปี ๒๕๓๓

"เหรียญนี้สร้างขึ้นเพื่อกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ตั้งใจบูชาด้วยศรัทธา เงินไม่ขาดมือครับ"


** เจ้าของเดิมนำไปชุบทองแล้วให้หลวงปู่เสกซ้ำหลายรอบครับ ของดีเลย**

ในช่วงงานประเพณีกวนข้าวสารทิพย์ ทางวัดญาณเสน จัดให้มีพิธีกวนสารทิพย์ ปี ๒๕๓๓ ทางวัดได้จัดสร้างเหรียญกวนข้าวสารทิพย์ขึ้น มีทั้งเหรียญใหญ่ฝาบาตร สร้างก่อน และเหรียญเล็ก สร้างในปีต่อมา เหล่าคณะศิษย์ได้เช่าบูชา เพื่อขออนุภาพพุทธคุณ " ช่วยเหลือเป็นกำลังฝ่าฝันเศรษกิจ ให้รอดพ้นพิษเศรษฐกิจ" ซึ่งเหล่าศิษย์ที่เช่าบูชา ต่างยึดหลักคำสอนหลวงปู่ ดำเนินชีวิตผ่านพ้นวิกฤติได้ดี ...เหรียญเงินสร้างไม่มาก หายากสุด ๆ ...
สนใจinboxสอบถามราคาได้ครับ

ข้อมูลประวัติ หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ต.ท่าวาสุกรี พระนครศรีอยุธยา
เมื่อก่อนปี พ.ศ. 2500 ที่วัดญาณเสน ต. ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระอาจารย์ผู้เรืองวิชารูปหนึ่ง ชื่อ หลวงพ่อชื้น พุทธสโร ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยน้ำพระพุทธมนต์ มีชื่อเสียงมากในทางแก้คุณไสย ป้องกันภูตผีปีศาจ ถูกกระทำ โรคกรรมเก่า โรคจิตวิปริต จิตฟุ้งซ่าน คลอดลูกไม่ออก พ่นตาแดง รักษาฝี ฯลฯ
เมื่อหลวงพ่อชื้นเสกน้ำมนต์ ให้ดื่มกินก็ปรากฏว่าหายวัน หายคืน เป็นไปอย่างน่าประหลาด เหล่าภูตผี เจ้าที่หรือวิญญาณที่มีสิงสู่ในตัวตน เมื่อรู้ว่ามีผู้นำน้ำพุทธมนต์เสกของ หลวงพ่อชื้น มา ก็รีบหนีไปผุดไปเกิดทันที จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วตลาดหัวรอ ตลาดเจ้าพรหม
ผู้ทีชอบทางค้าขายหลวงพ่อก็จะเสกธะนางกวักเรียกคนเข้าร้านให้
ผู้ที่ชอบทางโลดโผน ผจญภัย เป็นรั้วของชาติ ท่านก็สร้างตะกรุดโทนแจกให้
เล่นแร่แปรธาตุ
ในสมัยนั้นบรรดาเกจิอาจารย์นิยมเล่นแร่แปรธาตุ โดยนำโลหะต่างชนิดกันมาผสมกัน เพื่อให้เป็นทองคำให้เป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ผสมโลหะ 5 อย่าง 7 อย่าง 9 อย่าง ออกมาเป็นสัตตโลหะ นวโลหะ อย่างเช่น หอกของหลายชุมพล ปลายหอกทำด้วยสัตตโลหะ ใครที่ว่าเหนียว เมื่อเจอโลหะผสมก็เปื่อยเป็นเนื้อต้มทีเดียว หลวงพ่อชื้น ท่านก็ลองวิชาของท่านเหมือนกัน นำโลหะมาผสมได้เนื้อเหลืองทางทองคำก็มี เนื้อเหลือบใสแดงขาวก็มี ท่านเรียกโลหะของท่านว่า เนื้อลูกแก้ว ท่านผสมไว้มากมายใต้ถุนกุฏิ เมื่อใครมาขอท่านก็หลอมเป็นลูกอมเล็ก ๆ ให้พกติดตัว ผู้ที่ได้ไปก็แคล้วคลาดภัยอันตรายต่าง ๆ ถ้าวันใดว่าง ๆ ท่านก็จะให้ศิษย์ไปหาตะปูสังฆวานรตามเจดีย์ร้างเก่า ๆ มาหลอมรีดเป็นตะกรุด ผู้ได้ไปก็มีความคงกระพันชาตรี มหาอุด หยุดลูกปืน จนท่านทำให้แทบไม่หวาดไหว
พระธุดงค์มาสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้น
ต้นปี พ.ศ. 2500 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ธุดงค์ผ่านมาที่วัดญาณเสน พบกับ หลวงพ่อชื้นเข้าโดยบังเอิญ ท่านอาจารย์ทั้งสองเกิดถูกอัธยาศัยกัน จึงได้สนทนาธรรมกับผู้ศึกษาธรรมย่อมรู้ญาณซึ่งกันและกัน เพียงสนทนากันไม่กี่ประโยคก็ทราบได้ว่ามีความรู้เพียงใด บำเพ็ญเพียร มามากเพียงใด
อาจารย์ต้องการศิษย์�.ศิษย์ต้องการอาจารย์
พระธุดงค์เปรยขึ้นมาว่า ที่ท่านชื้นได้ร่ำเรียนวิชามานั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในวัตถุ ต้องปล่อยปละละวาง ละความโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง พร้อมทั้งแนะนำธรรมะ และข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอีกหลายข้อ ตามแนวทางของพระพุทธองค์หลวงพ่อชื้น จึงได้กราบขอเป็นศิษย์ พระธุดงค์รูปนั้นก็มิได้ปฏิเสธ และพูดว่า �นับเป็นกุศลของอาตมาที่จะได้ช่วยให้ผู้มีบุญวาสนาอยู่แล้วได้สำเร็จมรรคผล� นับแต่วันนั้นมาพระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ได้ทบทวนศีล 227 ข้อ พระธรรมวินัยต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ ครั้นยามค่ำคืนก็พากันนั่งสมาธิอยู่โคนต้นโพธิ์ ภายในวัดญาณเสน โดยที่หลวงพ่อชื้นจะภาวนาพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย และลงท้ายด้วยภาวนา นัตถิเม มีพระธุดงค์รูปนั้น ได้นั่งสมาธิคุมไปด้วย
ความสำเร็จ
จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไป 2 เดือน กับอีก 27 วัน หลวงพ่อชื้น ท่านก็ยังไม่ได้อะไร เพียงแต่ว่าจิตใจสบายและสงบขึ้น และในคืนวันที่ 27 นั้นตอนใกล้รุ่งที่โคนต้นโพธิ์ หลวงพ่อชื้น ท่านได้ยินเสียงเหมือนคนหว่านทรายมารอบ ๆ ตัวท่าน จึงลืมตาถาม พระธุดงค์ พี่เลี้ยงว่า �นั่นเสียงอะไร� พระธุดงค์ จึงตอบว่า �ผีประจำต้นโพธิ์มันจะเข้าต้นไม้ มันไล่ท่านแล้ว� คืนต่อมาหลวงพ่อชื้น จึงขอเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ จะได้ไม่ไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทาง หลังจากนั่งในพระอุโบสถคืนที่ 3 ใกล้รุ่ง หลวงพ่อชื้น ก็นิมิตเห็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา ถึง 3 พระองค์ และพระธรรมจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง หมุนอยู่ระหว่างกลาง องค์พระทั้ง 3 พระองค์ เมื่อหลวงพ่อชื้นถอนสมาธิก็บังเกิดความสว่างขึ้นภายในดวงใจ เต็มไปด้วยความปิติ จะนึกสิ่งใดต้องการรู้สิ่งใดก็มีคำตอบขึ้นมาเสร็จ ท่านจึงได้เล่านิมิตให้พระธุดงค์ฟัง พระธุดงค์รูปนั้นท่านก็บอก ว่า �อาตมาหมดหน้าที่แล้ว อาตมาจะกลับไปที่บ้านเกิดของอาตมา ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา�
พระอาจารย์มรณภาพ
หลังจากวันนั้นแล้วพระธุดงค์องค์นั้นก็ธุดงค์กลับ แม้หลวงพ่อชื้นจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อ เพื่อจะได้สนองคุณดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า หลวงพ่อชื้น เล่าว่า พระธุดงค์องค์นี้ ชื่อ หลวงพ่อเสน เตชะธัมโม เป็นชาวโคราช อำเภอสูงเนิน มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เล็ก ๆ กับพระยาท่านหนึ่ง ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดบรมนิวาส ได้เล่าเรียนพระปริยัตธรรม วิปัสสนากรรมฐานอยู่กับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) จนกระทั่งมีความคงแก่เรียน จึงได้ออกรุกขมูลธุดงค์หาความวิเวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุดหลวงพ่อชื้น เล่าว่า ท่านได้ส่งกระแสจิตถึงกันอยู่เสมอ เพียงแต่นึกถึงกัน ก็สนทนากันได้แล้ว และหลังจากนั้นอีก 5 ปี พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม ก็มรณภาพ ในท่านั่งสมาธิอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบข่าว ก็ขึ้นไปทันที กว่าจะหาศพพบ ก็เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่านั่งมรณภาพในขณะสมาธบำเพ็ญเพียรอยู่ในซอกหิน ศพไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนหลับธรรมดา สัตว์ป่า หรือ มด แมลง ก็มิได้มาไต่ตอมหลวงพ่อชื้น ท่านก็ได้ช่วยทำการฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วจึงเดินทางกลับ
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ยังบอกว่า "ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ให้ไปกราบพี่ชื้น วัดญาณเสน"
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา
หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บพระหลวงปู่ชื้น
หลวงปู่แหวน วัดดอกแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้นกลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล
ผมเคยถามท่านด้วยตัวเองว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ (เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้) ท่านตอบว่า "ได้" และบอกอีกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้!
คำอาราธนาพระเครื่อง
ให้อาราธนาว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขอพระบารมีคุณ
พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่ง......... หรือ
พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง
เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ
ให้ท่านอาราธนาทุกเช้าค่ำแล้วท่านจะสำเร็จตามความปรารถนาตามที่ท่านอธิษฐาน

 

ปิดให้คุณShaj
เหรียญยืนอุ้มบาตร เนื้อทองแดง ปี2534 หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน
ร่วมบุญ 550 บาท
**เก็บไว้กันนิวเคลียร์ ราคาเบาๆ มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ**

หลวงปู่ชื้น ท่านกล่าวไว้ว่า "พิมพ์อุ้มบาตรนี้ดี มีกินมีใช้ไม่หมด เมื่อไหร่ไม่มี ก็ออกบินฑบาตร ได้ข้าวกลับมาเสมอ"

***หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน พระอริยะเจ้าที่กราบได้อย่างสนิทใจ อีกองค์หนึ่งในจังหวัดอยุธยา***
- หลวงปู่ท่านได้บอกไว้ ของๆข้าเสกครั้งเดียวก็พอ ของๆข้าต่อไปจะหาได้ยาก
- ของๆ ข้ากันได้ยัน "นิวเคลียร์" พลานุภาพทางโลกจะสู่พลังทางธรรมได้อย่างไร อำมตะวาจาที่หลวงปู่ได้วิสัจฉนาไว้ พระอรหันต์แห่งเมืองกรุงเก่า ที่หลวงปู่แหวน หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อเกษม หลวงพ่อคูณ หลวงปู่พรหมมา ท่านยกย่องว่า "พระแท้" ทั้งสิ้น

 

เหรียญเศรษฐี หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ปี 31 เนื้อลูกแก้ว
สนใจ ib สอบถามได้ครับ

เหรียญนี้สร้างปี 2531ใด้มีการขอนุญาติการสร้าง โดยตระกูลท่านผู้มีฐานะท่านหนึ่งและเถ้าแก่เฮง ร้านข้าวขาหมูและก๋วยเตี๋ยวขาหมู ที่ตลาดหัวรอซึ่งแกเป็นลูกศิษย์หลวงปู่และอาจารย์เตตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ที่มาจากเมืองจีน ซึ่งแกเคารพศัทธาหลวงปู่เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าท่านใดที่เคยไปที่ร้านแก ซึ่งปัจจจุบันใด้ย้านร้านมาที่เยื้องวัดญาณเสน
บริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคอยุธยา ปัจจจุบันแกมีอายุ 86 ปีแล้ว ถ้าไปถามว่าหลวงปู่ชื้นเป็นอย่างไรบ้าง แกก็จะเล่าเรื่องในอดีตของหลวงปู่ให้ฟังเสมอ

แกเคยเล่าว่า สมัยก่อนหลวงปู่ท่านจะมาบิณบาตที่ตลาดหัวรอเป็นประจำทุกเช้าท่านเดินบิณบาตจากวัดญาณเสนจนถึงตลาดหัวรอ จากนั้นท่านจะนั่งรถ 3 ล้อกลับวัดทุกวัน เนื่องจากมีคนใส่บาตหลวงปู่เป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถถือกลับวัดใด้หมด จนมีอยู่วันนึง ระหว่างที่หลวงปู่เดินบิณบาตผ่านหน้าบ้านแก แกสังเกตุเห็นว่าหลวงปู่ท่านเดินเท้าไม่ติดพื้นเหมือนลอยได้!! แก่เล่าให้ฟังเสร็จ แกบอกว่า "พระสงฆ์ในประเทศไทยอั้ว ไม่ศรัทธาใครแล้วอั้วศรัทธาอีองเดียว อีเหาะใด้ อีขาไม่ติดพื้น อีหายตัวใด้"

และอีกหลายๆเรื่องที่แกเล่าเกี่ยวกับปาฎิหารของหลวงปู่ จนทำให้แกศัทธาในองค์หลวงปู่ชื้นเป็นอย่างมาก แกค้าขายดิบขายดีจนมีฐานะเถ้าแก่แกก็ใส่บาตหลวงปู่มาตลอดจนเมื่อปี 2538 หลวงปู่ท่านล้มกระดูกสะโพกแตกท่านเดินไม่ใด้ก็หยุดการบิณบาต มาจนปี 2546 หลวงปู่ท่านละสังขารช่วงที่หลวงปู่ท่านไม่ใด้บิณบาต แกก็จัดส่งปิ่นโตให้หลวงปู่ทุกวันโดยให้พี่แดง โยมที่อุปฐากหลวงปู่ไปรับปิ่นโตทุกเช้า
เมื่อปี 2531 แกเลยขออนุญาติหลวงปู่สร้างเหรียญขึ้น 1 รุ่น เหรียญที่สร้างมีหลายเนื้อ
เนื้อทองคำ 9 เหรียญ
เนื้อเงิน ประมาณ 200 เหรีญ
เนื้อลูกแก้ว ประมาณ 50 เหรียญ
และเนื้อทองแดงรมดำ
ซึ่งเนื้อเงินและเนื้อลูกแก้ว ตอกโค้ด สว (ชื่อตระกูล)
เหรียญนี้มีบางคนเรียกชื่อว่าเหรีญเศรษฐี

 

เหรียญรูปเหมือนปั้มทรงระฆัง เนื้อเงินลงยาสีเขียว หมายเลข ๑๖๖
สภาพสวยกริ๊ปๆ เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ พร้อมเส้นเกศา มีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สร้าง 350องค์
(เห็นเส้นๆขาวๆ ไม่ใช่รอยร้าวกรอบพลาสติกนะครับ)
ร่วมบุญ 5,500 บาท

รุ่นนี้ "ถือว่าเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของท่านหลวงปู่ชื้น"
ด้านหน้ามีรูปหลวงปู่ท่านั่งสมาธิในระฆัง หูเหรียญลงยาสีแดง
ด้านหลังเป็นรูปพระรัตนจักรชัยสิทธิ์ เหรียญนี้สร้างปีพ.ศ.๒๕๔๖
ซึ่งเหรียญรูปเหมือนปั้มทรงระฆังปีพ.ศ.๒๕๔๖

 

ปิดให้คุณ Shaj ครับ
#เหรียญธรรมสภา เนื้อทองแดง พร้อมใบอาราธนาพระเดิมๆ
พระเดชพระคุณ หลวงปู่ชื้น พุทธสโร
ร่วมบุญ 1200 บาท (เหรียญสภาพสวยกริ๊ปๆครับ จมูกโด่งๆ)
เป็นเหรียญหลักที่น่าบูชาอีกเหรียญครับ
วันนี้ขอมาเล่าเรื่องประสพประการณ์ของเหรียญธรรมสภา
เรื่องนี้ถ่ายทอดโดยพี่ดำหรือ(พระสังกัจจายที่หลวงปู่ชื้นท่านเรียก)
วันนั้นเป็นช่วงหลังเพล(วันนั้นหลวงปู่ท่านไม่สบาย) วันนั้นก่อนจำวัดหลังเพลหลวงปู่ชื้นท่านสั่งพี่ดำว่า "สังกัจจายวันนี้อย่าพึ่งปิดประตูนะช่วงบ่ายๆจะมีคนจากแดนไกลมาหาฉันแกอย่าเพิ่งปิดประตู เมื่อเขามาถึงไม่ต้องปลุกฉันหรอก ถ้าเขาจะเอาอะไรมาให้ฉันเสกให้เอาวางที่บนตัวฉันก็ใช้ใด้แล้ว " (โดยปรกติกุฎิท่านจะเปิดให้กราบท่าน 08.00-11.00)
เมื่อถึงเวลาประมาณบ่ายโมงมีคณะนึงมากัน3คนแต่งกายชุดฤษี1 ท่านและศิษย์และคนขับรถมาพร้อมกันขึ้นมากราบหลวงปูู่บนกุฎิ ตอนนั้นพี่ดำอยู่ ท่านฤษีใด้คุยกับพี่ดำ ท่านบอกว่าท่านชื่อ สมชาย
"พระอาจารย์ใหญ่ให้มากราบหลวงปู่ชื้นแล้วมาเก็บเหรียญธรรมสภาเนื้อเงิน"
พี่ดำสงสัยว่าอาจารย์ใหญ่คือใครจึงถามฤษีว่าใครคืออาจารย์ใหญ่ ฤษีท่านตอบว่า อาจารย์ใหญ่คือ "หลวงปู่พรหมมา วัดสวนหินผานางคอยจ.อุบลราชธานี "
ฤษีท่านถามว่าที่วัดมีเหรียญธรรมสภาเนื้อเงินให้บูชาไหม พี่ดำตอบว่า วันนี้ตู้วัตถุมงคลปิดจะเปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แกเลยเอาเหรียญเนื้อทองแดงที่ตัวแกอยู่เป็นเหรียญรุ่นอื่นถวายแก กับธงพระรัตนจักร ฤษีก็ไม่เอาเหรียญเอาเฉพาะธงพระรัตนจักรไป บอกจะเอาเหรียญธรรมสภาเนื้อเงิน จากนั้นฤษีก็นั่งหลับตาอยู่ข้างหลวงปู่อยู่สักพัก จึงหยิบถุงที่นำมา(น่าจะเป็นวัตถุมงคล)นำมาวางที่บนตัวหลวงปู่ชื้นที่กำลังจำวัดอยู่ สักพักฤษีก็กราบหลวงปูู่ ก่อนกลับ
ฤษีบอกว่าจะมากราบใหม่วันหลัง
และอีกเหคุการณ์นึงของเหรียญธรรมสภาคือ พี่ดำเล่าว่า มีคนมากราบหลวงปู่ชื้น บอกว่าเป็นศึกษาธิการจังหวัดอุตรดิต เขาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองดำวัดท่าทองจ.อุตรดิตรบอกว่าหลวงปู่ทองดำให้เขามากราบหลวงปู่ชื้นและมาเอาเหรียญธรรมสภาเนื้อเงิน นี่ก็เป็นประสพประการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ (ขอบคุณพี่ดำครับที่ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้ฟังตั้งแต่ปี2543)

 

Up