พระโพธิสัตว์พญาช้างนาฬาคิรี(ธนปาล)พระพุทธเจ้าในอนาคต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อุตฺตโม, 5 ธันวาคม 2010.

  1. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    สรุปก็คือ พระพรหมในศาสนาพราหมณ์ ก็คือหนึ่งในพระพรหมทั้งหลายในศาสนาพุทธ ใช่ใหมครับ และ พระพรหมของพราหมณ์ก็คือท้าวผกาพรหมในศาสนาพุทธ ใช่ใหมครับ ส่วนเรื่องพระอิศวรนั้น ผมมีความเห็นเหมือนกันครับว่า น่าจะเพี้ยนมาจากพระอินทร์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2010
  2. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ต่อด้วยคำถามต่อไปนะครับ
    สมัยเด็กผมได้ยินเรื่องพุทธประวัติ ฟังแล้วตื่นเต้นดี แต่เมื่อผมโตมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจก็เก็บไว้มานมากแล้ว ไม่กล้าถามใครกลัวคนจะว่าไม่ดี แต่ผมก็คิดนะว่าจะต้องมีใครสงสัยเหมือนผมบ้างล่ะ
    คือผมอยากรู้ว่าปาฏิหาริย์ในพระพุทธประวัติเป็นจริงแค่ใหน เช่น พระพุทธเจ้าท่านประสูติมาแล้วเดินได้เจ็ดก้าวจริงหรือป่าว หรือ เรื่องพญานาคมาขดตัวบังฝนให้พระพุทธองค์นั้นจริงหรือป่าว จนบ้างครั้งคิดว่าท่านไม่ใช่มนุษย์หรืออีกแง่หนึ่งอาจจะไม่มีเลยดุจดังเทพในศาสนาอื่น
    หรือเป็นเพราะว่าในอินเดียในช่วงหนึ่งมีการแข่งขันกันทางศาสนา แล้วอรรถกถาจารย์ทั้งหลายเลยรจนาเรื่องราวให้พิศดาร เพื่อแข่งขันกับศาสนาอื่น เพื่อดึงคนเขาศาสนาหรือป่าว
    ขอความกระจ่างด้วยนะครับ
     
  3. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    อย่างนี้ผมคิดว่า มันเป็นอจิณไตย สิ่งที่ไม่ควรคิด เด๋วเป็นบ้าเป็นบอไปน่ะครับ
    มีอย่างเดียวที่แนะนำครับ ต้องปฏิบัติให้ได้อภิญญา หรือมโนยิทธิ เพื่อที่จะย้อนไปดูให้พระท่านพาไปดูครับ

    ถ้าคำพูดใดกระทบกระเทือนก็ขออภัยด้วย ลองศึกษาเรื่องอจิณไตยดูน่ะครับ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า อย่าสงสัยในคุณของพระพุทธเจ้า

    ขออนุญาติตอบแทนพี่อุตตโมน่ะครับ สวัสดีเจ้าของกระทู้ครับ ความรู้น้อยตอบได้แค่นี้ครับ
     
  4. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    -ขอบคุณ"คุณสวนพลู"มากที่ช่วยตอบ ผมดูกระทู้หลวงพ่อพิเชฐทุกครั้งที่เปิด

    เครื่อง ยังติดตามอยู่ครับ.

    -สำหรับ"คุณอั๋นวัดสาม" เท่าที่ผมสังเกตดูท่านถามแต่ละเรื่อง"ผมยอมรับข้อ

    หนึ่งเลยว่าท่านเป็นผู้มีปัญญามากทีเดียว ช่างสังเกตหาเหตุผลต่าง ๆ ดูก็

    เหมือนท่านปฏิบัติธรรม"ข้อกาลามสูตร"ไปโดยปริยายอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว

    -หลักธรรม คือ หลักการเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ที่กล่าวว่า"อย่าเชื่อ...

    เพราะ..." มีอยู่ 10 อย่าง ขอเอ่ยสัก 5 อย่าง คือ อย่าเชื่อเพราะฟังเขาเล่า

    มา , อย่าเชื่อเพราะผู้นั้นเป็นครูบาอาจารย์เรา , อย่าเชื่อเพราะตำรากล่าวไว้

    อย่างนั้นอย่างนี้ , อย่าเชื่อเพราะบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือได้ , อย่าเชื่อ

    เพราะฟังสืบทอดกันมาโดยลำดับ ฯลฯ และข้อที่อยู่ในอาการของคุณอั๋นวัด

    สามก็คือ ประมาณ 5 ข้อ นี้

    -แต่เมื่อคุณอั๋นวัดสามใช้หลักเหตุผลเข้าไปเสียบวินิจฉัย จึงเข้าทางที่พระ

    พุทธองค์ชี้ให้เชื่อ โดยให้หลักจะเชื่อสิ่งใดให้"ตั้งมั่นอยู่ในหลักของเหตุผล"

    -เราเองก็ต้องทราบว่า "ทารกเกิดใหม่ไม่มีทางเดินได้" นี่คือหลักความจริงที่เรา

    พิสูจน์ได้โดยการเห็นเป็นเหตุเป็นผล

    -เราเองก็ต้องทราบว่า "เราไม่เคยเห็นพญานาคจริง ๆ เลย" แล้วในอดีตจะมี

    พญานาคไปบังฝนให้พระพุทธเจ้าหรือ

    -เรื่องนี้ถ้าดูอีกเหตุผลหนึ่งก็จะได้มุมมองอีกมุมหนึ่ง คือ ผู้ที่ตั้งกฏไม่ให้พูดปด

    หรือศีลข้อที่ 4 จะทำลายกฏหรือศีลที่ตนเองตั้งโดยสร้างเรื่องกุเรื่องขึ้นมา

    หรือ "พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ศีลทุกข้อท่านมั่นคงทีเดียว" พระอรหันต์

    ในอดีตเป็นผู้รวบรวมพุทธประวัติอีกทั้งพระธรรมสืบทอดมายังเรา

    -ก็คงเป็นเรื่องของ "อจิณไตย" ที่คุณสวนพลูบอกนั่นแหละ เพราะเหตุผลต่างก็

    ยันกันอยู่ อย่าคิดมากครับ.
     
  5. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    ปาฏิหาริย์พระผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    1.พระผงหลวงปู่ดู่กระโดดจากมือ
    2.พระธรรมธาตุมาจากไหน
    3.พระธรรมธาตุรูปดอกไม้

    -"นะโม พรหมปัญโญ" ขอนอบน้อมเคารพสักการะหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    -หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญท่านเคยกล่าวไว้ว่า "คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดีกว่า

    คุณของเทพของพรหม เพราะคุณของเทพของพรหมยังมีให้โทษ แต่คุณของพระให้คุณ

    อย่างเดียวไม่ให้โทษแก่ใคร"

    -ก็คงไม่ต้องเอ่ยถึง "คุณของครูบาอาจารย์ หรือ คุณของผีเสริมหรอกนะครับ" เพราะก็คง

    เป็นเช่นเดียวกับคุณของเทพหรือพรหมที่หลวงปู่ดู่เอ่ยถึง เพราะให้คุณได้ก็ให้โทษได้

    เหมือนกัน

    -"เทพ" หรือ "พรหม" ถ้าทำให้ท่านไม่พอใจท่านก็ลงโทษ หรือ ไม่ช่วยเราเลย

    -"ครูบาอาจารย์" ถ้าทำผิดคำครู หรือผิดครู ท่านไม่พอใจก็จะลงโทษเรา ไม่ช่วยเราเลย

    เช่น ท่านห้ามด่าพ่อแม่ผู้อื่น เราไปด่าเข้า ท่านถือว่าผิดคำครู ท่านก็ลงโทษและไม่ช่วย

    มีให้เห็นในอดีตมาแล้ว

    -แล้วยิ่งเป็น"คุณของผี"ด้วยแล้ว เช่น กุมารทอง , โหงพราย , แม่ตะเคียน , น้ำมันพราย

    ฯลฯ ถ้าเราทำไม่ถูกใจ หรือไม่พอใจเรา ก็จะลงโทษเรา กลั่นแกล้งเรา ไม่ช่วยเหลือเรา

    ทั้งยังอาฆาตมาดร้ายต่อเรา

    -เพราะคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือท่านเรียกว่า "คุณพระ" ให้คุณอย่างเดียว

    หลวงปู่ดู่จึงได้อาราธนาพุทธคุณของคุณพระในการอธิษฐานจิตปลุกเสก"พระ"หรือ"วัตถุ

    มงคล" ของท่านเพียงอย่างเดียว

    -แม้แต่รูปวัตถุมงคลที่จัดสร้างในรูปของ "พระพรหม" ท่านก็ใช้คุณของพระอธิษฐานจิต

    ปลุกเสก ทำให้พระพรหมของท่านเป็น "พระพรหมของพระพุทธเจ้า" ซึ่งให้คุณอย่างเดียว

    -หลวงปู่ดู่จะตั้งใจสร้างเสกและพิถีพิถันในการทำพระของท่านมาก ท่านจึงกล่าวว่า "พระ

    ของท่านไม่เป็นรองใคร"

    -พระบางองค์ท่านจะใช้ดินสอลากเส้นที่รูปองค์พระ บางองค์ใช้เหล็กจาร ท่านกล่าวว่า

    "เป็นการตั้งปฏิสนธิองค์พระ อาราธนาอันเชิญองค์พระให้มาอยู่กับพระที่ท่านทำ"

    -พระบางองค์ของท่านมีพระธาตุขึ้นท่านเรียกว่า "พระธรรมธาตุ" คือ พระที่มีพลังสำเร็จ

    ทางใดทางหนึ่ง

    -มีคนกล่าวว่า "เวลากำพระของท่านแล้วนั่งทำสมาธิภาวนา จะทำให้จิตเข้าสู่สมาธิเร็ว

    ด้วยพระของท่านจะเป็นสื่อดึงจิตของเรา และบางขณะทำสมาธิภาวนาพระของท่านก็จะ

    กระดุกกระดิกเคลื่อนไหวอยู่ในกำมือของคนนั่งสมาธิภาวนา"

    -ถ้าพูดให้ชัดก็คือ "พระของท่านเป็นพระเป็น หรือพระที่มีชีวิตมีพลังจิตวิญญาณอันเป็น

    พลังของพุทธคุณ" เช่นเดียวกับ "พระสมเด็จวัดปากน้ำภาษีเจริญที่หลวงพ่อสดท่านก็

    กล่าวรับรองว่า พระของท่านเป็น"พระเป็น" ให้ทำใจให้ถึงองค์พระแล้วก็อธิษฐานเอา

    -พระของทั้งสองวัดนี้"อธิษฐานขอในทางที่ดีให้ผลค่อนข้างแน่นอน เพราะท่านมีชีวิตเมื่อ

    อยู่กับเราจะคอยช่วยเหลือเรา"

    -เรื่องพระผงหลวงปู่ดู่กระโดดจากมือ , พระธรรมธาตุมาจากไหน และ พระธรรมธาตุ

    รูปดอกไม้ ทั้งสามเรื่องเกิดขึ้นจากพระผงหลวงปู่ดู่องค์เดียวกัน เกิดขึ้นกับผมเองก็ขอเล่า

    รวม ๆ ดังนี้

    -พระที่ผมเอ่ยถึงเป็นพระผงรูปเหมือนหลวงปู่ดู่อยู่ในเสมาหงายตามรูปที่ผมลงไว้เป็นพยาน

    -ผมได้พระองค์นี้มาจากเพื่อนที่อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเอามาให้ตอนเดือนมกราคม

    2540 หลังปีใหม่ไม่กี่วัน

    -พระมีพระธรรมธาตุเป็นเกร็ดผลึกแก้วเล็ก ๆ เกร็ดบางเกร็ดก็มีผงเนื้อพระติดอยู่ มีอยู่พอ

    ประมาณขณะได้มา

    -ผมดีใจที่เห็นพระธรรมธาตุขึ้นบนพระของหลวงปู่ดู่เป็นครั้งแรก และดีใจที่พระเป็นของเรา

    -ผมมองดูด้วยตาเปล่า และเอากล้องส่องพระส่องดูพระธรรมธาตุ "ผมสงสัยว่าพระ

    ธรรมธาตุนี้มาจากไหน" และก็ทุกครั้งในวันนั้นที่มีเวลาว่างส่องพระผมก็จะต้องถามอยู่ใน

    ใจว่า "พระธรรมธาตุนี้มาจากไหน"

    -ผมถามอยู่หลายครั้งมากถึงขนาดเอ่ยออกมาเป็นคำพูดต่อองค์พระว่า "พระธรรมธาตุมา

    จากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร"

    -จนช่วงเวลามืดผมเปิดไฟสว่างแล้วหยิบองค์พระขึ้นมาก็กำลังจะนำมาส่องดูแล้วถามอีกว่า

    "พระธรรมธาตุมาจากไหน"

    -แต่ปรากฎว่าพอว่างพระองค์นี้ไว้บนฝ่ามือ "ปรากฏสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจนผมตกใจคือ

    พระที่อยู่บนฝ่ามือกระโดดลงไปตกสู่พื้นต่อหน้าต่อตาของผม" แล้วองค์พระก็หักออกเป็น

    สองท่อน

    -ผมยืนนิ่งด้วยความเสียดาย พระเพิ่งได้จากเพื่อนมาเมื่อเช้ายังสภาพดีอยู่พอตกดึกกลับหัก

    ออกเป็นสองท่อน แล้วเกิดอะไรขึ้นกันที่พระกระโดดออกจากฝ่ามือเหมือนกับมีชีวิต

    -ผมหยิบทั้งสองท่อนมาดู คำถามที่ผมถามว่า "พระธรรมธาตุมาจากไหน" ผมก็เริ่มรู้เมื่อ

    เห็นพระหักสองท่อนนี่เอง

    -สิ่งที่ผมเห็นเนื้อผงในองค์พระคือ "เนื้อผงของพระกลายเป็นเกร็ดแก้วขนาดเล็กมาก

    กระจายอยู่ทั่วและมีขนาดใหญ่กว่าที่เห็นก็มี"

    -ก็พิจารณาได้ว่าเกร็ดแก้วเล็ก ๆนี้จะขยายขึ้นกลายเป็นผลึกแก้ว แล้วดันตัวขึ้นสู่บนองค์พระ

    ด้านบน จึงทำให้มีเนื้อผงติดอยู่กับเกร็ดแก้ว" (ให้ท่านดูตามภาพที่ลงไว้)

    -เหตุการณ์นี้ผมเชื่อและเข้าใจว่า"พระหลวงปู่ดู่ได้ให้คำตอบที่ผมถามด้วยความสงสัย ท่าน

    คงจะรำคาญ หรืออาจแสดงคำตอบด้วยการกระโดดลงจากฝ่ามือทำให้พระหักแล้วให้ผม

    เห็นว่าพระธรรมธาตุมาจากไหน" "แกจะได้หายสงสัยหรือเลิกถามข้าสักที"

    -พระองค์นี้ผมใช้กาวติดต่อประสานในส่วนด้านหลังพระเอารูปขนาดเล็กของหลวงปู่ดู่ติด

    ทับไว้ไม่ให้เห็นรอยแตก แล้วนำไปเลี่ยมพลาสติกกันน้ำ แล้วคล้องคอด้วยเชื่อคำพูดของ

    หลวงปู่ดู่ว่า "ข้าอธิษฐานให้พระของข้าละลายเป็นน้ำทั้งหมดจึงหมดความศักดิ์สิทธิ์"

    -ผมใช้พระและเฝ้าดูการเกิดพระธรรมธาตุขึ้นเรื่อย ๆ จนสังเกตเห็นพระธรรมธาตุอยู่ 3

    ตำแหน่ง "ที่พระธรรมธาตุขึ้นเป็นรูปดอกไม้" ตำแหน่งแรกคือ "ข้างหูด้านขวาของหลวงปู่"

    ตำแหน่งสอง คือ "ขอบรูปเสมาใกล้หัวเข่าซ้าย" ตำแหน่งที่สามกำลังเกิดอยู่"ใต้ฐานที่นั่ง

    ของหลวงปู่"

    -ส่วนที่นำมาขยายให้ดูคือที่"ข้างหูด้านขวา"

    -แม้แต่พระธรรมธาตุยังก่อรูปเป็นดอกไม้"บูชารูปเหมือนหลวงปู่ดู่" ช่างอัศจรรย์จริง ๆ

    -ในส่วนพระผงหลวงปู่ทวดเปิดโลก ก็เป็นเกร็ดพระธาตุคนละอย่างกับหลวงปู่ดู่ลงให้ดูเพื่อ

    ให้ท่านพิจารณาความต่างของพระธรรมธาตุ

    -หลวงปู่ทวดองค์นี้หลวงปู่ดู่จารไว้ด้านหลังครับ.
     
  6. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    -ภาพขยายพระผงหลวงปู่ดู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0081.JPG
      IMG_0081.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      82
    • IMG_0087.JPG
      IMG_0087.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.2 KB
      เปิดดู:
      64
  7. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    -ภาพหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ องค์ปาฏิหาริย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    -ภาพพระผงหลวงปู่ทวดเปิดโลกที่ขึ้นพระธรรมธาตุต่างจากพระธรรมธาตุพระผงหลวงปู่ดู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นายขวัญ

    นายขวัญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +100
    อจินไตย

    ต่อด้วยคำถามต่อไปนะครับ
    สมัยเด็กผมได้ยินเรื่องพุทธประวัติ ฟังแล้วตื่นเต้นดี แต่เมื่อผมโตมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจก็เก็บไว้มานมากแล้ว ไม่กล้าถามใครกลัวคนจะว่าไม่ดี แต่ผมก็คิดนะว่าจะต้องมีใครสงสัยเหมือนผมบ้างล่ะ

    คือผมอยากรู้ว่าปาฏิหาริย์ในพระพุทธประวัติเป็นจริงแค่ใหน เช่น พระพุทธเจ้าท่านประสูติมาแล้วเดินได้เจ็ดก้าวจริงหรือป่าว หรือ เรื่องพญานาคมาขดตัวบังฝนให้พระพุทธองค์นั้นจริงหรือป่าว จนบ้างครั้งคิดว่าท่านไม่ใช่มนุษย์หรืออีกแง่หนึ่งอาจจะไม่มีเลยดุจดังเทพในศาสนาอื่น
    หรือเป็นเพราะว่าในอินเดียในช่วงหนึ่งมีการแข่งขันกันทางศาสนา แล้วอรรถกถาจารย์ทั้งหลายเลยรจนาเรื่องราวให้พิศดาร เพื่อแข่งขันกับศาสนาอื่น เพื่อดึงคนเขาศาสนาหรือป่าว
    ขอความกระจ่างด้วยนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________ตามความเห็นส่วนตัว ผมว่าน่าจะจริง เพราะพระพุทธเจ้า ท่านเป็นศาสดาเอกของโลก การอุบัติของพระบรมโพธิสัตว์ผู่บำเพ็ญบารมีจนเต็มเปี่ยม ผู้เป็นหนึ่งใม่มีสอง ย่อมเกิดเหตุการอัศจรรย์ใด้เสมอ คล้ายกับจะเป็นสิ่งบอกเหตุ ว่าบุคคลผู้นั้นย่อมใม่ธรรมดา คงจะเกิดมาเพื่อเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกโดยแท้ การประสูติของพระองค์บางครั้งอาจจะเเปลกที่ว่าใม่เหมือนคนทั่วไป ก็เพราะท่านเป็นศาสดาเอกของโลก หรือบางทีอาจจะเป็นสัญลักษ์ของพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ว่าท่าน จะต้องเป็นแบบนี้ คล้ายๆๆกับเป็นวงศ์ของพระพุทธเจ้า แม้แต่ศาสดาในศาสนาอื่นยังมีปาฎิหาริย์เลยเช่นพระเยซูมหาโพธิสัตว์ของคริส หรือท่านศาสดาเหล่าจือของเต๋า เกิดมาก้ยังมีปาฎิหารย์เลย การที่พระพุทธเจ้าท่านประสูติแล้วเดินใด้เลย ก้หาใช่ของแปลกแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่พระองค์บำเพ็ญบารมีมาแล้วด้วยดี แต่จริงๆๆเรื่องนี้ก็ใช่เรื่องที่จะมาถกเถียงกัน มันเป็นอจินใตย (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผิดพลาดประการใดก้ขออภัยมานะที่นี้ด้วย)
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  10. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    -ความเห็นของท่าน...มีเหตุผลดีที่เดียวครับ ผมก็มีความเห็นตามท่านเหมือนกัน.
     
  11. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ถามคำถามแบบนี้(ผมอาจจะถามงี่เง่าไปสักหน่อย)ซึ้งเราและท่านทั้งหลายก็เกิดไม่ทันกัน แต่ผมเองก็หวังลึกๆอาจจะมีท่านที่ตอบคำถามนี้ได้กระจ่างในสักวัน ขอบคุณครับ
    ผมยังมีคำถามที่สงสัยอีกเยอะครับ ต้องขออนุญาตถามเพื่อความกระจ่างด้วยนะครับ วันหลังจะมาตั้งคำถามครับ
     
  12. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    อย่าน้อยใจนะครับ ผมก็เคยสงกะสัยเหมือนกัน จนเมื่อได้ลองลงมือปฏิบัติธรรมดูครับ บางสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น บางปรากฏการณ์ ไม่สามารถอธิบายได้ครับ ลองดูครับ
     
  13. mumanu

    mumanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +256
    อริยมุนี

    ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ถามคำถามแบบนี้(ผมอาจจะถามงี่เง่าไปสักหน่อย)ซึ้งเราและท่านทั้งหลายก็เกิดไม่ทันกัน แต่ผมเองก็หวังลึกๆอาจจะมีท่านที่ตอบคำถามนี้ได้กระจ่างในสักวัน ขอบคุณครับ
    ผมยังมีคำถามที่สงสัยอีกเยอะครับ ต้องขออนุญาตถามเพื่อความกระจ่างด้วยนะครับ วันหลังจะมาตั้งคำถามครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ดีแล้วครับ ช่วยกันตั้งคำถาม มาเยอะๆๆ ช่วยกันตอบเยอะๆๆๆกระทู้จะใด้ใม่เงียบเหงา จะใด้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กัน เพราะมีการตั้งคำถามความรู้จึงเกิดขึ้น ถือใด้ว่าเป็นธรรมทานเหมือนกัน (สำหรับคำถามที่คุนอั๋นถามมา นั้นผมว่าคนที่สงสัยแบบนี้มีเยอะมาก แต่บางคนใม่กล้าถามมา แต่คุนอั๋นใด้ถามมาก้ดีแล้วครับ ใม่ใด้งี่เง่าหรอก คนที่อยากรู้เขาจะใด้รู้ด้วย เขาเรียกว่าอุปายยะในการโปรดสัตว์ บางทีคุนอั๋น อาจจะรู้แล้ว แต่เพื่อเป็นการโปรดสัตว์ เลยต้องแกล้งทำเป็นใม่รู้ เพื่อที่จะใด้ถามคำถาม สรรพสัตว์ก้จะใด้รู้ตาม<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. mumanu

    mumanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +256
    มหาวิทยาลัยของพระโพธสัตว์

    ใครรู้เรื่องเกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยของพระโพธิสัตว์บ้าง บุคคลผุ้ปราถนาในพระโพธิญาญควรรู้จักสถานที่ ตรงนี้ ที่เราใด้ละขันธ์ลงมาเพื่อทำภารกิจ และทดสอบ ไปในตัว ใครรู้จักเชิญมาแชความคิดกัน ขอทุกท่านที่เข้ามาในกระทู้นี้จงใด้เข้าถึงพระโพธิญาญทุกคนทุกท่านเทอญ
     
  15. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    วันนี้ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามปัญหาสักข้อครับ พึ่งจะได้มาสดๆเลยครับ
    คือผมอยากทราบว่าที่วัดจัดให้มีการถวายสังฆทาน ซึ่งทางวัดก็ได้จัดชุดสังฆทานให้(แบบสังฆทานวน)ผมก็เลยอยากรู้ว่าเมื่อเราถวายแล้วเราจะได้บุญจากสังฆทานนั้นหรือป่าวครับ เพราะเคยมีคนเขาพูดให้ฟังว่าของที่มีคนนำมาทำบุญเขาได้อธิษฐานในของสิ่งนั้นแล้ว เมื่อมีใครนำของสิ่งนั้นไปทำบุญใหม่จะไม่ได้บุญในของสิ่งนั้นอีก จริงหรือป่าวครับ.....?
     
  16. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909

    -เป็นความรู้ใหม่ของผมเลยครับท่านอริยมุนี หากท่านเมตตาขอความรู้ให้กับ

    เพื่อนสมาชิก ,ผู้อ่านกระทู้ และผมด้วยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง

    -ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับ.
     
  17. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    -ตามความรู้สึกของผมคิดว่า"ต้องได้บุญอยู่"

    -แต่สิ่งที่เป็นมนุษย์สมบัติที่คุณอั๋นวัดสามจะได้นั้น "จะได้ต่อจากเจ้าของ

    สังฆทานคนต้น"

    -เช่น ท่านอาจได้บ้านมือสองหรือสาม , ท่านอาจได้รถมือสองหรือสามฯลฯ

    -"ถ้าเป็นชุดดอกไม้เวียนเทียน" พูดตามภาษาชาวบ้านไม่รู้ว่าเกินไปหรือเปล่า

    แต่ขออภัยด้วย "อาจได้ภรรยามือสองหรือ......"
     
  18. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    สามสหายต่างเผ่าพันธุ์

    -ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงสัตว์ 3 พวก คือ ช้าง ลิง และนกกระทา

    -เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อสมัยที่การก่อสร้างวัดเชตวันมหาวิหารเสร็จลง ทางพระนครสาวัตถี ได้

    ส่งคนไปกราบทูลเชิญ พระพุทธองค์ให้เสด็จออกจากกรุงราชคฤห์เพื่อเดินทางไปวัดเชตวัน

    ในระหว่างทางได้ประทับแรม ที่นครไพสาลี 1 คืน

    -เวลานั้นกลุ่มพระฉัพพัคคีย์ได้ให้ศิษย์เดินทางล่วงหน้าเพื่อจับจองเสนาสนะที่พักไว้ให้พวก

    ของตน

    -เมื่อพระภิกษุทั้งหลายอันได้แก่ พระสารีบุตรและพระสาวกเดินทางมาถึงก็ไม่มีที่พัก ต้อง

    ไปอาศัยโคนต้นไม้เป็นที่นั่งเจริญภาวนาทั้งคืน

    -เช้ามืดพระพุทธองค์เสด็จออกมาพบจึงเกิดธรรมสังเวชว่า "ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ ภิกษุ

    ทั้งหลายยังไม่มีความเคารพยำเกรงกัน ถ้าหากเราปรินิพพานไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายจะเป็น

    อย่างไรหนอ"

    -ครั้นฟ้าสางจึงรับสั่งให้ประชุมสงฆ์ เมื่อทรงทราบถึงเหตุดังกล่าวแล้ว ทรงติเตียนพวก

    พระภิกษุฉัพพัคคีย์ที่ยึดถือเสนาสนะแล้วปล่อยให้พระภิกษุอาวุโสมาอยู่โคนต้นไม้

    -แล้วทรงถามที่ประชุมสงฆ์ว่า "ภิกษุประเภทใดควรได้รับเสนาสนะอันประเสริฐ"

    -พระภิกษุทั้งหลายต่างกราบทูลแตกต่างกันไป เช่น บางก็ว่าผู้ที่บวชจากตระกูลสูงควรได้

    ก่อน บางก็ว่าให้พิจารณาจากระดับธรรมที่บรรลุแต่ละระดับก่อน คือ พระอรหันต์ได้ก่อน

    เป็นต้น

    -พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวมานั้นทั้งหมด ไม่ควรนำมาเป็น

    เครื่องพิจารณา พระผู้ใหญ่ผู้เจริญด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิต่างหากเล่า จึงจะเป็นผู้ที่สมควร

    ได้รับของอันเลิศด้วยการกราบไหว้"

    -จึงทรงระลึกชาติของพระองค์เรื่อง "ติตติชาดก" ครั้งกำเนิดเป็นสัตว์มาสอนพระภิกษุสงฆ์

    -เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตกาล ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีสัตว์ 3 ชนิด คือ นกกระทา ลิง และช้าง

    อาศัยอยู่ด้วยกันที่ต้นไทรใหญ่ สัตว์ทั้งสามต่างถือดี ไม่เคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน

    -ช้างถือว่าต้นเป็นสัตว์ใหญ่ เมื่อคันสีข้าง มันก็จะถูกับต้นไทรจนต้นไทรสั่นสะเทือน

    -ลิงถือว่าตนมีความคล่องแคล่วว่องไว จึงชอบแกล้งโดยหักกิ่งไม้ที่มีรังมดแดงโยนใส่ช้าง

    บ้าง รื้อรังนกกระทาทิ้งบ้าง

    -ส่วนนกกระทาแม้จะตัวเล็กสุด แต่ก็ถือว่าตัวเองบินได้จึงถ่ายรดหัวลิงและช้าง

    -สัตว์ทั้งสามจึงอยู่ด้วยกันอย่างไม่สงบ ต่างก็มีความโกรธเคืองกันอยู่เนือง ๆ

    -วันหนึ่ง ลิงหักกิ่งไม้มาเคาะหัวช้าง ช้างโมโหจึงเขย่าต้นไทร นกกระทารำคาญมากจึง

    ร้องห้ามให้ทั้งสองเลิกทะเลาะกัน

    -ช้างตัวใหญ่ที่สุดก็บอกว่า "ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเรียกช้างว่าพี่ใหญ่" จึงจะยุติ ลิงก็ไม่ยอม ทั้ง

    สองจึงถกเถียงกันว่า "ใครควรจะเป็นพี่"

    -ทั้งสามจึงร่วมกันคิดวิธีทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าใครเป็นคนเกิดก่อน

    -ในที่สุดวันหนึ่งนกกระทาและลิงถามช้างว่า "ต้นไทรที่พวกเราอยู่นี่ มันอายุเท่าไรแล้ว"

    -ช้างตอบว่า "เมื่อข้ายังตัวเล็ก ๆ อยู่ ต้นไทรนี่สูงแค่ท้องข้า"

    -ลิงตอบว่า "เมื่อข้ายังเล็ก ๆ ยึกอย่ากกินยอดต้นไทรเมื่อไร ข้าก็อ้าปากงับกินได้อย่าง

    สบาย ไม่ต้องชะเง้อ"

    -นกกระทาจึงตอบว่า "เมื่อข้ายังเล็ก ๆ ที่ตรงนี้ยังไม่มีต้นไทรหรอก ข้าไปกินลูกไทรที่ต้น

    นั้นแล้วมาถ่ายลงที่นี่ ต่อมาต้นไทรก็งอกขึ้น ข้ารู้จักต้นไทรต้นนี้ตั้งแต่มันยังไม่เกิดเลย

    เพราะฉะนั้น ถ้านับอายุกันแล้ว ในพวกเราทั้งสามนี่ ข้าแก่ที่สุด"

    -เมื่อรู้ว่าใครแก่กว่ากันแล้ว "นกกระทาซึ่งตัวเล็กที่สุดจึงเป็นพี่ใหญ่ ลิงเป็นพี่รอง ส่วน

    ช้างเป็นน้องเล็ก

    -เมื่อสัตว์ทั้งสามต่างมีความเคารพกันตามอาวุโส จึงเลิกกลั่นแกล้งกัน และมีความ

    สามัคคีกันอยู่กันอย่างมีความสุข

    -นกกระทาผู้เป็นพี่ใหญ่ จะคอยให้โอวาทแก่น้องทั้งสองเสมอ ทั้งยังชักชวนให้รักษาศีลห้า

    อีกด้วย

    -สัตว์ทั้งสามจึงอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก ครั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์

    ด้วยกันทั้งหมด

    -เมื่อพระพุทธองค์ตรัสจบทรงให้โอวาทแก่พระภิกษุสงฆ์ว่า "แม้สัตว์เดรัจฉานยังมีความ

    เคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน เธอทั้งหลายในพระธรรมวินัยแล้ว เหตุใดจึงไม่เคารพยำเกรง

    ซึ่งกันและกันเล่า"

    -ข้อคิดจากเรื่องนี้หากเรายึดถือปฏิบัติตามโดยเคารพกันด้วยความอาวุโส ก็จะเกิดความ

    เคารพกันในสังคมอันเป็นความผาสุกของบ้านเมืองเรา

    -ช้าง กำเนิดเป็น พระโมคคัลลานะ ในชาตินี้

    -ลิง กำเนิดเป็น พระสารีบุตร ในชาตินี้

    -นกกระทา เสวยชาติเป็น พระพุทธเจ้าในยุคพวกเรา.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 23398.jpg
      23398.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      324
    • 24012009639.jpg
      24012009639.jpg
      ขนาดไฟล์:
      565.4 KB
      เปิดดู:
      59
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2011
  19. ghostlinux

    ghostlinux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,496
    ขออนุญาตตอบตามความเข้าใจส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญานด้วย
    - สังฆทานแบบนี้เป็นการนำของสงฆ์ให้บูชาต่อ คณะสงฆ์ต้องอนุมัติให้ผู้มีศรัทธาบูชาต่อได้ในราคาที่กำหนด อันนี้เรียกผาติกรรมสังฆทาน
    (อนุมัติให้บูชาของสงฆ์ได้ ถ้าทำไปไม่ผ่านคณะสงฆ์ทั้งวัดลงมติ ก็ขโมยของสงฆ์)
    - คณะสงฆ์อนุญาตให้ผาติกรรม คือนำมาใช้ในการนี้เฉพาะได้ ก็เหมือนสังฆทานปกติแล้วครับ เป็นของบริสุทธิ์ไม่นับเป็นมือสองมือสามอะไร บุญเต็มๆ ได้เท่ากัน
    จะมากน้อยก็คงที่ใจผู้ถวายหละ ถ้าเศร้าหมองคิดมากก็บุญลดไปตามส่วน
    - กรุณาอย่าคิดมากเรื่องนี้ถ้าเข้าใจที่มาที่ไป ก็จะคลายกังวลว่าถ้าคณะสงฆ์อนุญาตแล้ว การผาติกรรม จึงมีผลบริสุทธิ์ ของก็บริสุทธิ์
    ไม่ผิดศีล ผิดธรรม แล้วก็ได้บุญปกติครับ
    - ถ้ายังไม่หายกังวลคิดว่าเป็นของเก่า ก็จัดชุดสังฆทานมาเองเลยดีกว่าครับ ใจจะได้ไม่กังวล ผลบุญจะได้รับเต็ม (มันจะลดก็เพราะใจกังวลนี่หละ)
     
  20. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    เรื่องบุญผมว่ามันเรื่องของใจครับ คือ ใจใคร ใจมัน เพราะถ้าใจคุณไม่ได้ หรือรับไม่ได้กับสังฆทานมือ2หรือที่ทางวัดจัดไว้ให้เวียน คุณจะได้อานิสงฆ์น้อย เพราะกำลังใจในการทำบุญของคุณน้อยลงครับ ถ้ารับได้ ไม่คิดอะไร คิดว่าได้ถวายสังฆทาน อันนี้อานิสงฆ์เยอะกว่าเพราะว่า ใจคุณได้ ทั้งหมดนี้ให้ดูที่ใจตัวเองครับ ถ้ารับไม่ได้ ก็ซื้อมาเองครับ แล้วทางวัดจะทำอะไรก็แล้วแต่ครับ ส่วนใหญ่วัดดังๆผมว่า ของสังฆทานมันเหลือเกินไปครับ จึงต้องทำแบบนี้กระมัง ส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดอะไรน่ะครับ ขนาดวัดท่าซุง ยังใช้แบบเวียนเลยครับ เพราะเขามองที่กำลังใจเป็นสำคัญมากกว่า ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ ถ้ามันตรงไปหน่อยก็ขออภัยด้วยจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...