ภัยพิบัติในอนาคตที่กำลังจะมา... ท่านลืมเรื่องสำคัญอะไรไปหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย coolz, 23 ตุลาคม 2011.

  1. ช้างศึก

    ช้างศึก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ถ้าสามารถฝึกจิตให้เข้าสู่สภาวะจิตตั้งมั่นหรือจิตประภัสรแล้ว ก็ไม่ต้องเกรงภัยพิบัติใดๆ เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายย่อมเป็นเช่นนั้นเอง
     
  2. lissent

    lissent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,169
    อนุโมทนา สาธุกับบทความดีๆๆไว้เตือนสติเราไว้ สาธุค่ะ
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,031
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    อนุโมทนาสาธุๆๆ ขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ ทําให้มีกําลังใจในการปฎิบัติมากขึ้นค่ะ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอน้อมอนุโมทนาในธรรมทานของท่านเจ้าของกระทู้นะคะ
    กระทู้นี้ยังจิตให้เบิกบาน รับอรุณรุ่งของวันใหม่
    สาธุค่ะ
     
  5. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC]ยามใดที่รู้สึกหวาดวิตกในเรื่องใด หรือมีผัสสะเข้ามากระทบแล้วทำให้จิตเศร้าหมอง เพียงใดระลึกถึง "สีลานุสติ" ย่อมทำให้ท่านจิตสงบขึ้น ความกังวลว้าวุ่นต่างๆลดน้อยลง "สีลานุสติ ก็ระลึกถึงความดีของศีล ที่มีอยู่ในตัวของเรานั่นเอง ระลึกถึงศีล ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงศีลที่มีอยู่ภายนอก หมายถึงศีลที่อยู่ในตัวของเรา รักษาตัวของเราให้เป็นคนดีขึ้นมา"


    [/FONT]
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC] "หากเราไม่รักษาซึ่งศีล 5 แล้ว เราจะพูดได้อย่างเต็มปากได้อย่างไรว่าเรานับถือพระพุทธศาสน[/FONT]"
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC]
    [/FONT][FONT=Angsana New, AngsanaUPC]มื่อเราเชื่อกรรมและเข้าใจถึงระดับหนึ่ง(การเข้าใจจนถึงสภาวะจิต เข้าใจถึงหิริ โอตัปปะ) การรักษาศีลห้าย่อมทำได้ง่าย จะรู้สึกว่าศีลห้าไม่ใช่เป็นของยาก เป็นของรักษาง่ายนิดเดียว และศีลย่อมตามรักษาตัวเราอีกด้วยเลยไม่ต้องรักษาศีล ศีลกลับมาคุ้มครองรักษาตัวเราเองให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากอุปัทวอันตรายทั้งปวงหมด


    สีลตฺโถ แปลว่า ปกติ ผู้รักษาศีลมีปกติ กาย วาจา ใจ ไม่ให้กำเริบ คือไม่ทำกาย วาจา ใจ ให้ผิดปกติธรรมดา คนเราเกิดมามิใช่เกิดเพื่อมาฆ่า เพื่อจะขโมยของกันและกัน เพื่อประพฤติผิดประเพณี เพื่อพูดเท็จหลอกลวง หรือเพื่อดื่มสุราเมรัย ของเหล่านี้ล้วนแต่มาฝึกหัดเอาใหม่ทั้งนั้น


    สีตตฺโถ แปลว่า หินแข็ง ก็ทำนองเดีวกันนี้ หินแข็งเป็นปกติ ไม่หวั่นไหว ผู้รักษาศีลก็เช่นนั้นเหมือนกัน คือ มีใจกล้าแข็ง ไม่ยอมทำตามอำนาจความชั่วให้ผิดจากศีล

    สีตตฺโถ แปลว่า เย็น ผู้รักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้ว ย่อมได้รับความเยือกเย็น ไม่มีวิปติสาร คือ ความเดือดร้อนใจในการติเตียนเราเอง ด้วยศีลข้อนั้นๆ ไม่บริสุทธิ์ไม่มี

    สีสตฺโถ แปลว่า ยิ่ง เป็นของสูง ศีลนี้เป็นของสูง ยากที่จะมีผู้รักษาได้ เมื่อผู้ใดรักษาได้แล้ว ผู้นั้นก็เป็นผู้สูงด้วยคุณธรรม คือ ศีลนั้น ศีลเป็นของเลิศประเสริฐในโลก นอกจากศีลแล้วไม่มีอะไร

    สีรตฺโถ แปลว่า วิเศษ หรือ ยอด

    ศีลเป็นของวิเศษอยู่ในตัว ถ้ามารักษาศีล คือ มีศีลอยู่ในตัวเข้าก็วิเศษไปด้วย วิเศษจนสามารถกระทำให้พ้นจากความชั่วได้เป็นขั้นๆ นอกจากศีลแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะขจัดความชั่วในตัวคนเราได้ ศีลมีจึงเปรียบว่ามีของประเสริฐเช่นนี้เอง
    [/FONT]
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC]

    [/FONT]
     
  6. Tang_Gwa

    Tang_Gwa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +28
    กระทู้นี่ดีครับ มีประโยชน์มากจริง ๆ
    ชอบตรงที่ เมื่อเราอยู่ ใกล้คนมีสติ เราก็จะรับรู้ถึงความมีสติได้เช่นกัน
    ไม่เร้าร้อน และ เมื่ออยู่ใกล้ คนมีเมตตา จะรู้สึก ร่มเย็น ปลอดภัย
     
  7. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

    เนื่องในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระชนม์มายุครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ข้าพระพุทธเจ้า
    ขอสำนึกในพระคุณที่พระองค์ท่าน มีต่อประเทศไทย [www.marateebook.com]

    [​IMG] [​IMG]
    ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
     
  8. beauty cosme'

    beauty cosme' สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +24
    ประโยคที่ว่า
    เมื่อเกิดชาติต่อไป "จะเรียกว่าคนเดิมก็ไม่ใช่ คนใหม่ก็ไม่เชิง" ที่คนเดิมก็ไม่ใช่นั่นเพราะเกิดการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ เปลี่ยนสังขาร แต่ที่จะเป็นคนใหม่ก็ไม่เชิงนั้นเพราะ "ยังเป็นดวงจิตดวงเดิม" ฉะนั้นหากท่านสร้างเหตุปัจจัยให้ชาตินี้เคยชินกับการมีสติรับรู้ลมหายใจ ฝึกการหายใจยาว-หายใจออกให้ถึงเท้า เท่ากับท่านได้สร้างเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานในอนาคตเบื้องหน้าด้วย

    ผมว่าน่าจะเป็นการเกิดของจิตดวงใหม่นะครับ(จิตดวงเดิมดับไปแล้ว) ถ้าผิดไปขออภัยนะครับ
     
  9. Putra-Jit

    Putra-Jit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +7
    อนุโมทนากับสาระธรรมที่มีประโยชน์นะคะ เห็นด้วยกับผลของการรักษาศีลจะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากอันตรายทั้งปวงคะ
     
  10. Supboon

    Supboon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +1
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง....ธรรมชาติเท่านั้นที่จะตัดสิน เอาใครอยู่เอาใครไป แล้วแต่บุญกรรมของแต่ละคน อยู่ก็เพราะกรรม ไปก็เพราะกรรม มีสติอยู่กับตัวและปัจจุบัน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่มีใครสามารถแก้ไขหรือช่วยได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น อย่าให้ตัวเองตายก่อนตาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0108.JPG
      DSCF0108.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      68
  11. JETTO

    JETTO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +54
    ถึงจะรอดจากภัยพิบัติก็ต้องตายสักวันอยู่ดี
     
  12. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    ^-^ แหม๋! ร้ายไม่ใช่เล่นนะพี่เราเนี่ยะ สมแล้วที่เค้าเรียกกันว่า"ของจริงนิ่งเป็นใบ้" พอร์ชคิดว่าพอร์ชก็ทำได้เท่านี้แหละ แค่บอกสุดท้ายก็แล้วแต่บุญกรรม เค้าอยากอยู่นิ่งๆ เงียบสงบแบบพี่ เค้าไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายและกระแสที่สับสนว้าวุ่นแบบนี้

    หลวงตาเคยบอกเค้าว่า "ถึงบอกไปช่วยไปก็เท่านั้น สิ่งไหนเป็นบุญสิ่งไหนเป็นบาปเค้าก็รู้ของเค้าดีอยู่แล้ว แต่ก็ตะเกียกตะกายจะลงนรกให้ได้ เอาแค่ตอนนี้รู้ว่ากูสุขเป็นพออนาคตช่างมัน" เค้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน


    บางคนเอาเวลามาโต้เถียงกันเรื่องธรรมะ อยากรู้อยากเห็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ พอมีคนบอกว่าทำได้หรือประกาศให้ผู้อื่นรู้ว่าตนมีดีกว่าคนอื่น ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้วิเศษ
    เกิดศรัทธาขึ้นมาแบบไม่ใช้ปัญญาประกอบไม่ต่างจากความงมงายดีๆนี่เอง

    แทนที่จะใช้เวลาที่มีเอามาปฏิบัติเพื่อให้ตนเองเจริญก้าวหน้า เพื่อให้ตนเองเข้มแข็ง เปล่าเลย! น้อยคนนักที่จะปฏิบัติเพื่อให้รู้ เพื่อให้เห็นจริง ไม่ใช่อ่านแต่ในตำราทำตัวราวกับเป็นพระไตรปิฎกเคลื่อนที่ ที่สุดแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรพัฒนาขึ้นมา เหมือนเสียเวลาเปล่า


    อย่างไรก็ตามหากใครอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับภัยพิบัติ หรือติดขัดเรื่องปฏิบัติแล้วไม่รู้จะปรึกษาใคร "ดิฉันเชื่อว่าพี่ชายดิฉันอาจช่วยคุณได้" เพราะรู้ตัวว่ายังไม่ได้เท่าเศษเสี้ยวของพี่ชาย มโนภาพและหลายอย่างยังไม่แจ่มใสพอ เรื่องการปฏิบัติอีกมากที่ดิฉันยังต้องปรึกษาคนนี้


    ....ฝากพี่ชายพอร์ชด้วยนะค่ะ รับประกันความไม่ธรรมดา(y)

    ปล.ทิ้งระเบิดลูกโต้..โต...^-^
     
  13. กรีน

    กรีน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +2
    เรื่องเกิด-ตาย เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด พระพุทธเจ้าจึงสอนให้พิจารณาความตายทุกๆ ลมหายใจเข้าและออก
     
  14. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ตายหรือรอดตาย จากภัยต่าง ๆ ไม่สำคัญ
    รอดตาย แล้วอยู่อย่างไร
    ตาย แล้วไปไหน
    นี่สิ..สำคัญ
     
  15. hackyz

    hackyz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +243
    โมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ

    และทุกๆกระทู้ครับ มีประโยชน์มากมายนัก
     
  16. chun2010

    chun2010 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +44
    ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และทุกท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ทางธรรมค่ะ มีประโยชน์มาก ที่สำคัญเป็นเหมือนเส้นทางลัดที่ทำให้เราเข้าใจหลักคิดทางธรรมโดยเฉพาะในภาวะที่หลาย ๆ คนหวาดผวากับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง (อนาคต)

    ที่สำคัญเราว่าการที่ครูบาอาจารย์ท่านเตือนนั้นเป็นความเมตตาของท่านอย่างสูง แต่คนจำนวนมากด้วยขาดความรู้ทางธรรมอย่างแท้จริง จึงจับเอาแต่เปลือกคืออนาคตที่จะเต็มไปด้วยภัยพิบัติ จะมีการล้ม ตาย จำนวนมากจึงพากันหวาดกลัว (จิตกระเจิง) ในความเป็นจริงเรามั่นใจอย่างมากมายว่าครูบาอาจารย์ไม่ได้ให้เตือนให้เราตื่นตระหนกกับอนาคต หากแต่เป็นการเตือนให้พิจารณาปัจจุบันมากกว่าว่าเรากำลังทำอะไร (ซึ่งปัจจุบันนี้แหล่ะจะเป็นสิ่งกำหนดอนาคต) และวิธีการพ้นทุกข์คือการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่อย่างที่บอกแต่แรกคนส่วนใหญ่หลงประเด็น แก่นของธรรมที่แท้กลับไม่ให้ความสำคัญ (ไม่รู้ ไม่สนใจ ไม่ถูกใจ ไม่ทันใจ หรืออะไรก็แล้วแต่) ทำให้หลายคนหันไปพึ่งพาอิทธิฤทธิ์ อภินิหาร ซึ่งไม่ใช่ทางที่แท้ (ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงหาคำตอบให้เราแล้ว )

    เราไม่ปฏิเสธของขลัง พระเครื่องหรืออื่นใด แต่สิ่งต่าง ๆ ที่ว่ามานี้เราเชื่อว่าจุดมุ่งหมายสำคัญคือมุ่งให้เป็นสิ่งเตือนใจหรือพุทธานุสติเท่านั้น เตือนใจว่าเราได้ปฏิบัติตามแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ถ้าไม่...หนทางแห่งความสุข หลุดพ้น ก็ห่างไกลจากตัวเรามากขึ้นไปทุกขณะ

    ภัยพิบัติที่กลัวกันถูกกำหนดเพื่อกระตุ้นให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้ตระหนักว่า "สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป" แปลว่าเรานับเวลาถอยหลังตลอดเวลา...เวลาของเราที่เหลือน้อยลงนั้น...เราใช้เวลาเหลืออยู่สร้างสม หนทางแห่งความสุขและหลุดพ้นแค่ไหน" หากเรายังห่างหนทางแห่งธรรม ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเวียนว่ายในวัฎสงสารอีกกี่ชาติ (ภายใต้กรรมที่เราสร้างสมไว้ในแต่ละชาตินั่นแหล่ะ)

    เขียนเหมือนรู้มาก...แต่สารภาพเลยว่ายิ่งศึกษาธรรมะมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรอีกมาก ถ้าจะกลัวก็กลัวว่ารู้ไม่ทันใช้ วิ่งสะเปะสะปะ แต่ว่านะ...ได้เริ่มต้น...ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย...จริงไหม..สาธุ

    บุญรักษานะคะ
     
  17. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337

    โมทนาเช่นกันค่ะ โดยส่วนตัวแล้วดิฉันคิดว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" รู้อย่างมีสติและไม่ประมารถ


    เขียนเหมือนรู้มากเช่นกัน(คิดเหมือนกันเลยค่ะ) แต่ในความเป็นจริงตัวดิฉันมีภูมิธรรมนั้นเท่าเศษธุลีดิน เสมือนคนที่เริ่มเรียนรู้ทฤษฏีแต่ยังไม่รู้ทางปฏิบัตินั้นยังเหมือนมิได้เริ่มเลย ^_^



    ขอให้เจริญในธรรมและมีปัญญาที่แหลมคม
     
  18. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    สูตรแห่งใจ ปรัชญาปารามิตาหฤทัยสูตร ( Heart Sutra )

    [​IMG]



    ด้วยความนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น




    <o>[​IMG]</o>>




    สูตรแห่งใจปรัชญาปารามิตาหฤทัยสูตร( Heart Sutra )



    * คะเตคะเตปาระคะเตปาระสังคะเตโพธิสวาหา ( 8 รอบ)

    อริยาวโลกิเตศวาโรโพธิสัตตโวคัมภีรํปรัชญาปารมิตาจารยํจารมโน
    วยาวโลกยาติสมาปัญจะสกันธัส (ขันธะ) ตัมสจะสวภวศุนยํ
    -พระอวโลติเกศวรโพธิสัตว์เมื่อปฏิบัติซึ้งในปรัชญาปารามิตาเพ่งเห็นขันธ์5 เป็นความว่างเปล่าจึงข้ามพ้นทุกข์


    ปัศยาติสมาอิหาศารีปุตระรูปํศุนยตาวะรูปํรูปํนะปฤถัก
    ศุนยตาศุนยตายะนะปฤทักรูปํยัทรูปํสะศุนยตายะศูนยตายะสะรูปํ
    เอวัมเอวะเวทนทสังชญา (สัญญา) สังสการา(สังขาร) วิชญานัม (วิญญาณ)
    -รูปคือความว่างเปล่าความว่างเปล่าคือรูปรูปไม่อื่นไปจากความว่างเปล่าความว่างเปล่าไม่อื่นไปจากรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณก็ว่างเปล่า




    อิหาศารีปุตระสารวะธารมะศุนยตาลักษณะอนุตปัณณะอนิรุทธะอวิมาละอนูนะอปาฤปูฤณะตัสมาศารีปุตรศุนยตายํ
    -โอสารีบุตรธรรมทั้งปวงว่างเปล่าไม่มีรูปไม่เกิดไม่ดับไม่มัวหมองไม่ผ่องแผ้วไม่เพิ่มไม่ลดในความว่างเปล่าไม่มีรูป


    นะรูปํนะเวทานานะสังชญานะสังสการนะวิญญาณ
    นะจักษุโสรตัมนะฆรานชิวกายมน

    นะรูปศัพทคันธรสศปิสตาวยาธารมา

    นะจักษุธาตุยะวันนะมโนวิชญาณัมธาตุ

    -ไม่มีเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายใจไม่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสธรรมารมณ์ไม่มีจักษุธาตุไม่มีมโนธาตุ




    นะวิทยานะวิทยากศโย
    ยะวันชรามรณัมนะชรามรณัมกศโย

    นะทุกขสมุทยนิโรธมฤคาชณ
    นะชญานัมนะปราปตินะภิศมายะตัสมานะปราปติ
    -ไม่มีทุกข์สมุทัยนิโรธมรรคไม่มีฌานไม่มีการบรรลุเพราะไม่มีอะไรให้บรรลุ




    ตวัทโพธิสัตตวะปรัชญาปารมิตาอศฤตยาวิหาระตยาจิตตาวรโน
    นะสิทธิตวัทอตรัสโตวิปาฤยสติกรานโต

    นิสถานิรวานะตยาธยาวยาวสถิตา

    สาระพุทธาปรัชญาปารมิตัมอศฤตยา
    อนุตตรํสัมยักสัมโพธิงอภิสัมพุทธา
    -พระโพธิสัตว์ด้วยเหตุดำเนินตามปรัชญาปารามิตาจิตย่อมไม่สับสนมืดมัวเพราะจิตไม่สับสนมืดมัวจึงไม่มีความกลัวอยู่เหนือความหลอกลวงมีพระนิพพานเป็นที่สุด

    พระพุทธเจ้าทั้ง3 กาลด้วยเหตุดำเนินตามปรัชญาปารามิตาจึงได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน




    ตาสมาชญตาวยัมปรัชญาปารมิตามหามันตรัมมหาวิทยามันตรัม
    อนุตตรมันตรัมอสมสมามันตรัม

    สารวทุกขาปรสามานัมสัตยํอมิตยัทวัท
    ปรัชญาปารมิตายัมอุทโทมันตราตัทยาถา
    -จึงทราบว่าปรัชญาปารามิตาเป็นมหาศักดาธารณีเป็นมหาวิทยาธารณีเป็นอนุตรธารณีเป็นอสมธารณีสามารถดับสรรพทุกข์สัจจะธรรมไม่ผิดพลาดฉะนั้นจึงประกาศปรัชญาปารามิตาธารณีดังนี้




    คะเตคะเตปาระคะเตปาระสังคะเตโพธิสวาหา
    -ไปไปไปสู่ฝั่งโน้นฝั่งแห่งพุทธะสวาหา





    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1795709/[/MUSIC]
    <o>
    </o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2011
  19. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    501
    ค่าพลัง:
    +635
    โมทนาทุกท่านค่ะ

    และขอโมทนาคุณ บุญญสิกขา ด้วยค่ะ
    ทุกโพสต์ของคุณเปี่ยมด้วยพลังแห่งพระรัตนตรัย งดงาม ปราณีต
    (ทุกโพสต์) ค่ะ รู้สึกเต็มเปี่ยม ประทับใจมากจริงค่ะ
     
  20. amar

    amar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +606
     

แชร์หน้านี้

Loading...