มาวิเคราะห์คำทำนาย จากภัยธรรมชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 3 กรกฎาคม 2006.

  1. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    โมทนากับคุณ zz ด้วยนะครับ สาธุ

    โมทนากับคุณ zz ด้วยนะครับ สาธุ(verygood)

    เพิ่มเติมนิดนึงครับ ถ้าใครอยากได้ไฟล์เสียงไปฟัง คลิกที่ลิงค์ได้เลยครับผม
     
  2. okilu220

    okilu220 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +2,090
    ประเทศไทยจะเสียหายมากไหมครับ คนจะตายมากไหมครับ คนที่รู้ช่วยบอกทีครับ แล้วถ้าผมรอด(หรืออาจไม่รอดก็ได้) ผมพอจะมีทางไหนที่จะช่วยคนให้ตายน้อยลงบ้างไหมครับ ใครทราบช่วยบอกทีนะครับ แต่ฟังว่าประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจ แล้วจะมีการสอนธรรมะอย่างแพร่หลายเนี่ย ผมดีใจจริงๆ เอาไว้ถ้าถึงเวลานั้น ทุกคนในเวปพลังจิตคงจะติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกแน่นอน อิอิ(ถ้าเหลือรอดนะ) ยังๆก็พยายามทำบุญปฏิบัติธรรมกันดีกว่านะครับมีคำกล่าวไว้ว่า เรารักษาธรรม ธรรมย่อมรักษาเรา ไว้ถึงตอนนั้นหากอภิญญาแพร่หลายจริงๆคงจะถอดจิตมาเจอกันได้ อิอิ
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ผู้ที่สื่อสารกันทาง Internet ได้...คนยุคโบราณถ้าเกิดมาเห็น เขาก็เรียกว่า เป็นผู้วิเศษแล้ว คุยกันรู้เรื่องโดยไม่ต้องเห็นหน้า เห็นตัวกัน อยู่คนละซีกโลกก็ยังติดต่อกันได้....เหลือเชื่อจริงๆ .......ความสามารถแบบนี้ คนสมัยก่อนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ ???
     
  4. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณจ๋องแจ๋ง
    พระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งทางจังหวัดศรีษะเกษ เคยบอกไว้ตั้แต่ปี ๒๕๔๕ ว่าให้ระวังภัยพิบัติที่จะเกิดตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึง ๒๕๕๑ ซึ่งคนทั้งโลกจะเหลือรอดกันเพียง ๑ ใน ๓ แต่เมืองไทยโชคดีกว่าเพื่อนจะเหลือรอดถึง ๑ ใน ๒ ก็ขอให้ฝึกปฏิบัติธรรมกันให้มากๆเผื่อจะมีโอกาสได้มาเจอะเจอกันอีกในปี ๒๕๕๒ นะครับ

    ทศพร
     
  5. okilu220

    okilu220 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +2,090
    ครับ ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งถ้าตอนนั้นอภิญญาแพร่หลายจริงๆก็เป็นเรื่องดีครับ(ที่ผมพูดเนี่ย ผมไม่ได้บอกว่าผมได้อภิญญาแล้วนะครับ อย่าเข้าใจผิดกันเด้อ)
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โลกียะ กับ โลกุตตระ

    [​IMG]

    <TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ต่างกันตรงไหนบ้าง?</TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: คนคิดคมคน [10 พ.ย. 48 22:50] ( IP A:202.47.238.210 X: )</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ไม่ยาก-โลกียะ ก็ติดข้องอยู่กับโลกกามาวจร - โลกีย์ เวียนเกิดเวียนตาย เหมือนพายเรืออยู่ในอ่างใหญ่ๆ คือ วัฏฏะสงสารยังไงล่ะ......

    โลกุตตระ ก็หลุดพ้น ขึ้นไปจากอ่างใบนั้น ขึ้นไปยังฝั่งโน้นได้แล้ว หลุดจากวงจรอุบาทว์แห่ง โลภ-โกรธ-หลง เป็นอิสระเสรี เหมือนยืนอยู่บนยอดเขาแล้ว ฉะนั้น ฯ

    พุทธญาณ
    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=13898&name=board2&topic=20&action=view

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    1.โลกุตตระ มีความหมายตรงคือ พ้นจากโลก เหนือโลก พ้นวิสัยของโลก ไม่เนื่องในภพทั้งสาม
    .....โลกุตตระธรรม คือธรรมอันมิใช่วิสัยของโลก อันได้แก่สภาวะพ้นโลก 9 ประการคือ
    .....มรรค4 + .....ผล...4 + นิพพาน 1
    ......ดังนี้เป็นต้น

    จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 7/1/2547 22:53:11
    ที่มา http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=604

    "โลกเก่า" ของคน หรือ "โลกียะ" ของคน ก็คือ "ความวนเวียนเกิด-ตาย แล้วก็ตาย-เกิดของคน ย่อมวนเวียนอยู่ เพราะอำนาจของกรรม ของวิบาก ที่ตนเองไม่รู้จัก อย่างแจ้งจริง แล้วก็ต้องเป็นไปตามกรรม ตามวิบาก ดีๆชั่วๆ ทุกข์ๆสุขๆ ขึ้นสวรรค์ลงนรก ตกนรกขึ้นสวรรค์ สูงๆต่ำๆ ขาวๆดำๆ ร่ำรวยหรือยากจน สวยหรือขี้เหร่ ฯลฯ สารพัดแห่ง "สมมุติของโลก" นับไม่ถ้วน ที่ต้องหมุนวน ไปตามอำนาจ ของกุศลกรรม - อกุศลกรรม และที่สำคัญคือ ใน "โลกเก่า" หาทฤษฎีที่จะทำให้คนทำตนสูงจริงดีแท้มั่นคงถาวร สวรรค์ชนิดเที่ยงแท้มีหลักประกัน ชนิดที่จิตได้สำรอกเหตุชั่ว อย่างถูกตัวถูกตนของมัน และเห็นแจ้งของจริงด้วยญาณปัญญาอันยิ่งของตน (ขนาดข้ามชาติกัน ทีเดียว) ยังไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ก็คือ ไม่สามารถทำให้จบ "การเกิด-การตาย" อย่างเด็ดขาดจริง

    ส่วน "โลกใหม่" นั้น เป็น "โลกอื่น" (ปรโลก) เป็น "โลกที่ ต่างหากจากโลกเก่า" ปรโลก มีคุณลักษณะ และความเป็นไป ดำเนินอุดมการณ์ไป อีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า "โลกอุดร" หรือ "โลกุตตระ" อันแตกต่าง จากคนทั้งหลาย ทั้งปวงในโลกเก่า ที่เรียกว่า "โลกียะ" ไปแล้วจริง ชนิดมีวิถีชีวิต เดินทางไปสู่ "นิพพาน" อย่างแน่นอน ในอนาคตข้างหน้า

    สาวน้อยนิรนาม (58.147.127.*) [ วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน 2548 เวลา 19:14 น. ]

    ที่มา http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=1556
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2006
  7. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    <DIR><DIR><DIR><DIR><DIR>[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New][/FONT][/FONT][FONT=Cordia New,Cordia New]...............................
    </DIR></DIR></DIR></DIR></DIR>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2006
  8. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ไม่ทราบว่าคุณ nondanun แก้ไขข้อความทำไมหรอครับ ผมว่าข้อความนั้นเป็นประโยชน์มากนะครับ
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE style="WIDTH: 288px; HEIGHT: 66px" cellSpacing=1 cellPadding=1 width=288 align=center border=1><TBODY><TR><TD>
    ศรีอาริยวงศ์กลางศาสนา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อพระศรีอาริย์มาปรากฏเป็นพระบรมจักรพัตราธิราช ในท่ามกลางพระพุทธศาสนานี้ พระอิศวรผู้เป็นเจ้าประกาศิตให้เทวดาลงมารักษาพระราชวังถึง 50,000 องค์ ยักษ์อีก 50,000 ตน นาคและครุฑก็จะเป็นมิตรกัน และจะมารักษาปราสาทราชวังด้วยเป็นจำนวนมาก เชื้อพระวงศ์ของพระศรีอาริย์ จะอุปถัมภ์ยกยอพระพุทธศาสนาสืบๆ ต่อกันไปจนอีก 1309 ปี คือลุ พ.ศ. 3850 ปีเศษ จึงสิ้นเชื้อสายพระศรีอาริย์คนสุดท้ายมีนามว่า
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ จากพระธรรมวิวรณ์

    [​IMG]


    21:1 ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว

    21:2 ข้าพเจ้า คือยอห์น ได้เห็นเมืองบริสุทธิ์ คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากพระเจ้าและจากสวรรค์ กรุงนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี

    21:3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากสวรรค์ว่า "ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา

    21:4 พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว"

    21:5 พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า "ดูเถิด เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่" และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงเขียนไว้เถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์จริงและสัตย์ซื่อ"

    21:6 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

    21:7 ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะได้รับสิ่งสารพัดเป็นมรดก และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา

    21:8 แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียน คนที่ฆ่าคน คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น จะได้รับส่วนของตนในบึงไฟที่เผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน นั่นคือความตายครั้งที่สอง"

    21:9 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในบรรดาทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือขันเจ็ดใบ อันเต็มด้วยภัยพิบัติสุดท้ายทั้งเจ็ดประการนั้น ได้มาพูดกับข้าพเจ้าว่า "เชิญมานี่เถิด ข้าพเจ้าจะให้ท่านดูเจ้าสาวที่เป็นมเหสีของพระเมษโปดก"

    21:10 ท่านได้นำข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณขึ้นไปบนภูเขาสูงใหญ่ และได้สำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นเมืองใหญ่นั้น คือกรุงเยรูซาเล็มอันบริสุทธิ์ ซึ่งกำลังลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า

    21:11 เมืองนั้นประกอบด้วยสง่าราศีของพระเจ้า ใสสว่างดุจพลอยมณีอันหาค่ามิได้ เช่นเดียวกับพลอยหยกอันสุกใสเหมือนแก้วผลึก

    21:12 เมืองนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ มีประตูสิบสองประตู และที่ประตูมีทูตสวรรค์สิบสององค์ และที่ประตูนั้นจารึกเป็นชื่อตระกูลของชนชาติอิสราเอลสิบสองตระกูล

    21:13 ทางด้านตะวันออกมีสามประตู ทางด้านเหนือมีสามประตู ทางด้านใต้มีสามประตู ทางด้านตะวันตกมีสามประตู

    21:14 และกำแพงเมืองนั้นมีฐานสิบสองฐาน และที่ฐานนั้นจารึกชื่ออัครสาวกสิบสองคนของพระเมษโปดก

    21:15 ทูตสวรรค์องค์ที่พูดกับข้าพเจ้านั้น ถือไม้วัดทองคำเพื่อจะวัดเมือง และวัดประตูและกำแพงของเมืองนั้น

    21:16 เมืองนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวเท่ากันและท่านเอาไม้วัดเมืองนั้น ได้สองพันสี่ร้อยกิโลเมตร กว้างยาวและสูงเท่ากัน

    21:17 ท่านวัดกำแพงเมืองนั้น ได้เจ็ดสิบสองเมตร ตามมาตรวัดของมนุษย์ ซึ่งคือมาตรวัดของทูตสวรรค์องค์นั้น

    21:18 กำแพงเมืองนั้นก่อด้วยพลอยหยก และเมืองนั้นเป็นทองคำบริสุทธิ์ สุกใสดุจแก้ว

    21:19 ฐานของกำแพงเมืองนั้นประดับด้วยเพชรพลอยทุกชนิด ฐานที่หนึ่งเป็นพลอยหยก ที่สองไพทูรย์ ที่สามหินคว๊อตซ์โปร่งแสง ที่สี่มรกต

    21:20 ที่ห้าโกเมน ที่หกทับทิม ที่เจ็ดเพชรสีเขียว ที่แปดพลอยเขียว ที่เก้าบุษราคัม ที่สิบหยก ที่สิบเอ็ดพลอยสีแดง ที่สิบสองเป็นพลอยสีม่วง

    21:21 ประตูทั้งสิบสองประตูนั้นเป็นไข่มุกสิบสองเม็ด ประตูละเม็ด และถนนในเมืองนั้นเป็นทองคำบริสุทธิ์ ใสราวกับแก้ว

    21:22 ข้าพเจ้าไม่เห็นมีพระวิหารในเมืองนั้นเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด และพระเมษโปดกทรงเป็นพระวิหารในเมืองนั้น

    21:23 เมืองนั้นไม่ต้องการแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เพราะว่าสง่าราศีของพระเจ้าเป็นแสงสว่างของเมืองนั้น และพระเมษโปดกทรงเป็นความสว่างของเมืองนั้น

    21:24 บรรดาประชาชาติที่รอดแล้วจะเดินไปในท่ามกลางแสงสว่างของเมืองนั้น และบรรดากษัตริย์ในแผ่นดินโลกจะนำสง่าราศีและเกียรติของตนเข้ามาในเมืองนั้น

    21:25 ประตูเมืองทุกประตูจะไม่ปิดเลยในเวลากลางวัน ด้วยว่าจะไม่มีเวลากลางคืนในเมืองนั้นเลย

    21:26 และคนทั้งหลายจะนำสง่าราศีและเกียรติของบรรดาประชาชาติเข้ามาในเมืองนั้น

    21:27 สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ใดก็ตามที่กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน หรือพูดมุสาจะเข้าไปในเมืองไม่ได้เลย เว้นแต่เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้

    22:1 ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำบริสุทธิ์ที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วผลึก ไหลออกมาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก

    22:2 ท่ามกลางถนนในเมืองนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆเดือน และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย

    22:3 จะไม่มีการสาปแช่งใดๆอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ในเมืองนั้น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะปรนนิบัติพระองค์

    22:4 เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา

    22:5 กลางคืนจะไม่มีที่นั่น เขาไม่ต้องการแสงเทียนหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าทรงประทานแสงสว่างแก่เขา และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์

    22:6 และทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า "ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์ซื่อและสัตย์จริง และองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งพวกศาสดาพยากรณ์อันบริสุทธิ์ ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์สำแดงแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ ถึงเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งจะอุบัติขึ้นในไม่ช้า"

    22:7 "ดูเถิด เราจะมาโดยเร็ว ผู้ใดที่ถือรักษาคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ก็เป็นสุข"

    22:8 ข้าพเจ้า คือยอห์น เป็นผู้ได้เห็นและได้ยินเหตุการณ์เหล่านี้ และครั้นข้าพเจ้าได้ยินและได้เห็นแล้ว ข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงจะนมัสการแทบเท้าทูตสวรรค์ที่ได้สำแดงเหตุการณ์เหล่านี้แก่ข้าพเจ้า

    [​IMG]
    "เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า "เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย [วิวรณ์ 22:17]
    ที่มา http://www.wdbydana.com/ThaiBible/66_021.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2006
  11. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    ใช่เลยครับ คุณเกษม

    ผมหาเพิ่มเติมมาให้ครับ เป็นคำทำนายจากไบเบิ้ลครับ

    ที่มา: http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000021a

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 align=center bgColor=#00cc00 border=0><TBODY><TR><TH colSpan=2>หมายสำคัญของเวลายุคสุดท้าย แยกได้ 2 ประเภท</TH></TR><TR bgColor=#ccffcc><TH> หมายสำคัญทางธรรมชาติ </TH><TH> หมายสำคัญทางสังคม </TH></TR><TR bgColor=#ccffcc><TD align=middle>ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ</TD><TD align=middle>เกิดสงครามทำลายล้างใหญ่</TD></TR><TR bgColor=#ccffcc><TD align=middle>เกิดแผ่นดินไหวถี่ขึ้น</TD><TD align=middle>เกิดอาวุธทำลายล้างโลก</TD></TR><TR bgColor=#ccffcc><TD align=middle>เกิดภัยพิบัติต่างๆ มากขึ้น</TD><TD align=middle>นายจ้างและลูกจ้างขัดแย้งกัน</TD></TR><TR bgColor=#ccffcc><TD align=middle>เกิดการกันดารอาหาร</TD><TD align=middle> ความรักและความเชื่อเยือกเย็นลง </TD></TR><TR bgColor=#ccffcc><TD align=middle>มีโรคร้ายแรงใหม่ๆ</TD><TD align=middle>ผู้คนหวาดกลัวและเศร้าโศก</TD></TR><TR bgColor=#ccffcc><TD align=middle>มลภาวะที่แก้ไขไม่ได้</TD><TD align=middle>ข่าวประเสริฐแพร่ไปทุกมุมโลก</TD></TR></TBODY></TABLE>
    "ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และจะเกิดกันดารอาหาร และโรคภัยในที่ต่างๆ
    และจะมีความวิบัติอันน่ากลัว และหมายสำคัญใหญ่ๆ จากฟ้าสวรรค์
    " [ลูกา 21:11]
    [​IMG] [​IMG]
    ก่อนอื่น ให้เราดูหมายสำคัญต่างๆ ทางธรรมชาติ พระเยซูบอกไว้ว่า ช่วงก่อนที่พระองค์ จะเสด็จกลับมา จะเกิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ (Great Earthquakes) คำว่าครั้งใหญ่ พระเยซูมุ่งบอกว่า โดยเฉพาะ แผ่นดินไหวที่รุนแรง ซึ่ง มีความถี่ของการเกิดมากกว่าปกติ จริงๆ แล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชากรของโลก ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เราสังเกตุ ได้ว่า แผ่นดินไหว มักจะเกิดรุนแรง และทำลายล้างผู้คนมากขึ้น ส่งผลต่อผู้คนจำนวนมาก [พระคัมภีร์ได้ทำนายไว้ ตั้งแต่สมัย 2 พันกว่าปีก่อน บทความนี้ก็เขียนขึ้นก่อนเกิดซึนามิในเอเชียหลายปี]

    ข้อสังเกต: เกิดหมดทุกเรื่องแล้วครับในตารางนั้น จึงมีโบสถ์ในประเทศไทยบางแห่งระบุว่า นี่คือยุคสุดท้าย และรอให้ถึงวันนั้น วันที่พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุไว้ เพราะมันจะมาเหมือนขโมย พระคัมภีร์เปรียบเปรยแบบนั้นครับ
     
  12. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    "จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ที่ดวงจันทร์ และที่ดวงดาวทั้งปวง และบนแผ่นดิน ก็จะมีความทุกข์ร้อน
    ตามชาติต่างๆ ซึ่งมีความฉงนสนเท่ห์ เพราะเสียงกึกก้อง ของทะเลและคลื่น
    " [ลูกา 21:25]

    พระเยซูได้บอกให้เรารู้และเห็นถึงสภาพในยุคสุดท้ายล่วงหน้า โดยให้สังเกตุปรากฎการณ์ต่างๆ เหนือธรรมชาติ

    "ภายหลังเมื่อคราวลำบากนั้นพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งซึ่งมีอำนาจในท้องฟ้า จะสะเทือนสะท้าน" [มาระโก 13:24-25]

    ข้อสังเกต: ตรงกับทางพุทธเลยครับ เพียงแต่ใช้คำแตกต่างกัน "ดวงอาทิตย์จะมืดไป" จริงๆ คือ "เราไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์"

    "..ดวงอาทิตย์ก็กลับมืดดำ ดุจผ้ากระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์วันเพ็ญ ก็กลายเป็นสีเลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้า ก็ตกลงบนแผ่นดิน..." [วิวรณ์ 6:12-13]
    มีปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติสามประการที่พระเยซูตรัสไว้ และอัครทูตยอห์น รวมถึงพระคัมภีร์ พันธสัญญาเดิม ได้ทำนายเอาไว้ ในข้อปลีกย่อยต่างๆ ปรากฎการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นเสมอในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฎการณ์ดวงอาทิตย์ เคยถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ แห่งวงการดาราศาสตร์ เกิดขึ้นเมื่อ 19 พฤษภาคม ปี 1780 มันไม่ใช่ สุริยปราคา และเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจอธิบายได้ ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า "เป็นแผ่นกระดาษขาว ที่มองเห็นได้ ด้วยตา ประมาณ 2-3 นิ้ว และความมืดที่สุดที่ไม่อาจมองเห็นได้" (จดหมายเหตุ Massachusettes ของซามูเอล เทนนี่, 1785) ปรากฎการณ์นี้ยาวนานกว่าชั่วโมง ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมาก อยู่ในความมืดทั้งหมด

    [​IMG] [​IMG]
    "ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นความมืด ดวงจันทร์เป็นเลือด
    ก่อนวันใหญ่ยิ่ง และน่าสยดสยองของพระเจ้าจะมาถึง
    " [โยเอล 2:31]

    (เดี๋ยวมีต่ออีกครับ)​
     
  13. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    ข่าวลือเรื่องสงคราม คือ "สัญญาณ" หนึ่ง ของยุคสุดท้าย

    "ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง
    เพราะ ประชาชาติ ต่อประชาชาติ ราชอาณาจักร ต่อราชอาณาจักร จะต่อสู้กัน...
    " [มัทธิว 24:6-7]

    [​IMG] [​IMG]

    "มนุษย์ก็จะสลบไสลไปเพราะความกลัว และเพราะสังหรณ์ ถึงเหตุการณ์ ซึ่งจะบังเกิดในโลก
    ด้วยว่า บรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้า จะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้น เขาจะเห็นบุตรมนุษย์
    เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริเป็นอันมาก
    " [ลูกา 21:25-27]

    [​IMG]

    ถือศาสนาแต่เปลือกนอก?

    "แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์ กลียุค เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟัง คำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี ทรยศ มุทะลุ หัวสูง รักความสนุก ยิ่งกว่ารักพระเจ้า ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนา เขาไม่ยอมรับ คนเช่นนั้นท่านอย่าคบ" [2 ทิโมธี 3:1-5]

    "แต่วันนั้น โมงนั้นไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ หรือพระบุตร ก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว จงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่า เวลาวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร" [มาระโก 13:32-33]

    "เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มจะบังเกิดขึ้นนั้น ท่านทั้งหลาย จงยืดตัว และผงกศีรษะขึ้น
    ด้วยการไถ่ท่านใกล้จะถึงแล้ว พระองค์ตรัสคำอุปมาแก่เขาว่า 'จงดูต้นมะเดื่อ และต้นไม้ทั้งปวงเถิด เมื่อผลิใบออกแล้ว ท่านทั้งหลาย ก็เห็นและรู้อยู่เองว่า ฤดูร้อนจวนจะถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลาย เห็นเหตุการณ์เหล่านั้น เกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่า แผ่นดินของพระเจ้า ใกล้จะถึงแล้ว'
    " [ลูกา 21:28-31]
    แต่ว่าหมายสำคัญของเวลา บอกเราว่า เหตุการณ์สำคัญนี้ไม่ยืดเยื้อไปนาน และจวนจะถึงเวลาแล้ว

    ที่มา: http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000021a
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภาพจิตรกรรม วัดโสมนัสราชวรวิหาร

    [​IMG]

    ภาพที่ประตูและหน้าต่างนั้นแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ด้านนอกและด้านใน เฉพาะด้านนอกทั้งที่ประตูและที่หน้าต่างทุกบาน เป็นภาพสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ทุกช่องและทุกบาน ซึ่งเรียงลำดับจากบนสุดลงมาด้านล่างตามลำดับ ดังนี้ ๑. จักรแก้ว ๒. ช้างแก้ว ๓. ม้าแก้ว ๔. แก้วมณี ๕. นางแก้ว ๖. ขุนคลังแก้ว ๗. ขุนพลแก้ว

    แต่ภาพที่ประตูใหญ่กว่าภาพที่หน้าต่าง แม้ที่ประตูและหน้าต่างพระอุโบสถด้านนอก ก็มีภาพสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิเช่นกัน การที่มีสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ประการนั้น สันนิษฐานว่า ภาพเหล่านี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า การที่พระเจ้าจักรพรรดิจะได้สมบัติทั้ง ๗ ประการนี้ ก็ด้วยการประพฤติธรรมคือจักกวัตติวัตร มีการปกครองประเทศโดยธรรม เป็นต้น แม้คนทั่วไปก็เช่นกัน ถ้าจะให้สมบัติเกิดขึ้นแก่ตนก็ต้องประพฤติธรรม ไม่ว่าจะเป็นมนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ บุคคลจะได้รับก็ด้วยการประพฤติธรรมทั้งสิ้น
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    <HR color=#dddddd SIZE=1>​
    </TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๑. จักรแก้ว
    </TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๒. ช้างแก้ว [/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๓. ม้าแก้ว [/FONT]</TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๔. แก้วมณี[/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๕. นางแก้ว [/FONT]</TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๖. ขุนคลังแก้ว [/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=2 cellPadding=0 width="20%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC](คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)[/FONT][FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD></TR><TR align=middle><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]๗. ขุนพลแก้ว [/FONT]</TD><TD> </TD></TR><TR align=middle><TD> </TD><TD>[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff height=21><HR color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff height=21>
    [FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, AngsanaUPC]- ของดีวัดโสมนัสวิหาร พระศรีวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวณฺโณ)[/FONT]​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [/FONT]


    ที่มา http://www.watsomanas.com/painting/door/lai/index.php
     
  15. davidoff

    davidoff Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +41
    ดีจริงๆที่ได้อยู่ที่นี้ ได้รับสิ่งดีๆมากมาย สิ่งใดที่ไม่เคยรุ้ก็ได้รับรู้ ขอขอบคุณทุกความปรารถนาดีจากทุกท่าน
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    พระยาพิชัย...จะกลับมาสานต่อ พุทธศาสนา ที่หักกลาง
    จะกลับมากู้ประเทศไทย และสร้างศรัทธาให้กลับคืนขึ้นมาใหม่

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อัศจรรย์ตะวันแก้ว

    [​IMG]

    <TABLE cellPadding=7 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width="40%">
    ปาฏิหาริย์หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๑ เป็นวันรวมพลังผู้นำบุญ ทดแทนคุณผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ผู้คนจำนวนมาก มาประชุมกันที่ อาคารสภาธรรมกายสากล (หลังใหม่) วัดพระธรรมกาย ภาคเช้า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ แสดงพระธรรมเทศนา และสอนการปฏิบัติธรรมเป็นปกติ ประจำวันอาทิตย์ในเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ กลางวัน สาธุชนผู้พบเหตุการณ์ อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุเล่าประสบการณ์

    ภาคบ่าย พระเดชพระคุณหลวงพ่อแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ภาษีเจริญ และมีพิธีรับพระมหาสิริราชธาตุ หลังจากนั้นจึงร่วมเดินทางไปปฏิบัติธรรมอธิษฐานจิต และ ถ่ายภาพที่มหาธรรมกายเจดีย์ ​

    วัตถุประสงค์ในการจัดประชุมครั้งนี้มุ่งหมายเพื่อเชิญชวนสาธุชนสร้างพระธรรมกาย ประดิษฐานที่แกนกลางขององค์เจดีย์ บูชาพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ภาษีเจริญ โดยมีคำขวัญว่า ทุ่มชีวี...เหมาหมดแกนแทนคุณ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ภายใน ๕ ก.ย. นี้ ​

    เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจริง ผู้คนนับ เป็นร้อยๆ คนเห็นด้วยตาตนเอง ต่างออกความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ วัดปากน้ำฯ ครั้งนี้จะเล่าไว้เพียง ๒ รายก่อน หากมีโอกาสอาจทยอยเล่ารายอื่นๆ ต่อไป​

    รายแรกชื่อ คุณวรรณี ทองพิพัฒกุล ชาวกรุงเทพมหานคร เล่าว่า

    เมื่อเลิกพิธีในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม ขณะเดินมาเพื่อขึ้นรถกลับบ้านพร้อมเพื่อนชื่อ ณัฐกมล ได้ยินเสียงชายสูงอายุผู้หนึ่ง ตะโกนเสียงดังลั่นว่า​

    หลวงพ่อสดอยู่บนดวงอาทิตย์ หลวงพ่อสดอยู่บนดวงอาทิตย์ หลวงพ่อสดอยู่บนดวงอาทิตย์​

    ทุกคนที่ได้ยินเสียงตะโกน ต่างพากันหยุดเดิน แล้วแหงนมองไปที่ดวงอาทิตย์ คุณวรรณีไม่กล้ามอง เต็มที่ เกรงแสงแดดทำอันตรายดวงตา จึงถามเพื่อนว่า "ณัฐ เธอเห็นมั้ย เห็นหลวงพ่อสดที่ดวงอาทิตย์มั้ย" เสียงเพื่อนตอบเต็มเสียงอย่างตื่นเต้น แสดงว่ากล้ามองดวงอาทิตย์ "นั่นไง หลวงพ่อ มีสีเหลือง สีชมพู สวยจริงๆ "​

    คราวนี้คุณวรรณีลืมกลัวแสงอาทิตย์ ทำอันตรายดวงตาเสียโดยสิ้นเชิง มองดวงอาทิตย์เต็มตา แสงอาทิตย์ไม่แผดกล้า กลับมีสีเหลือง สดใสปนกับสีชมพูเข้มบ้างอ่อนบ้าง เหมือนสีกลีบบัว มองได้เต็มตา ไม่ระคายเคือง คุณวรรณีเห็นดังนั้นก็คิดว่า แสงแดดไม่แผดจ้าเพราะมีเมฆก้อนใหญ่บังไว้นี่เอง เมฆทำให้ พระอาทิตย์สะท้อนแสง เป็นสีสวยมากจริงๆ ​

    ครั้นมองไปยังก้อนเมฆที่หุ้มดวงอาทิตย์อยู่ก็ต้องตกตะลึง ลักษณะก้อนเมฆเป็นรูปร่างหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ภาษีเจริญอยู่ในท่านั่งสมาธิ มีดวงอาทิตย์สีสวยงามอยู่ กลางท้องท่าน เห็นรูปร่างชัดเจน ส่วนสัดของร่างกายบริบูรณ์ครบตั้งแต่ศีรษะ ลำคอ ไหล่ ช่วงแขน ลำตัว กระทั่งท่อนขานั่งขัดสมาธิ จะมองเป็นภาพอื่นไปไม่ได้เลย คุณวรรณีและเพื่อนยืนดูอยู่นานประมาณ ๕ นาที ด้วยความปีติใจ แล้วจึงเดินทางกลับ ​

    ขณะนั้นเกิดความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่า ภายในวันที่ ๕ กันยายนนี้ จะต้องมีผู้นำบุญสร้างองค์พระ ครบจำนวนแน่นอน หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ท่านแสดงปาฏิหาริย์ให้กำลังใจ สำหรับตัวคุณวรรณีเองตั้งใจตั้งแต่เช้า มาแล้ว ขณะที่เห็นพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านฉันยา ระหว่างที่แสดงพระธรรมเทศนา ในใจคิดว่า หลวงพ่อเจ้าขา หลวงพ่อไม่สบาย หนูสงสารหลวงพ่อ หนูต้องช่วยชวนคนทำบุญสร้างพระบูชาคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ตามที่ หลวงพ่อตั้งใจให้สุดกำลัง ต้องสร้างให้ครบจำนวนอย่างช้าวันอาทิตย์ที่ ๕ กันยายนนี้ให้ได้​

    ขณะที่เล่าเรื่องให้ฟังทางโทรศัพท์ ในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๑ คุณวรรณีได้ชักชวนผู้คนทำบุญ ได้แล้วประมาณสิบกว่าราย ส่วนคุณณัฐกมล ทำงานอยู่กับบิดามารดา พูดกับคุณวรรณีในขณะเห็นเหตุการณ์ ปาฏิหาริย์ว่า คืนนี้ฉันจะต้องขอเงินพ่อแม่ สร้างพระถวาย หลวงพ่อสด ให้ได้ ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จ และชักชวน คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งญาติสนิท มิตรสหายให้ได้อีกหลายๆ คน อย่าให้น้อยหน้า คุณวรรณีเป็นอันขาด ได้เห็น ปฏิหาริย์ด้วยตาตนเองทั้งสองคน อนุโมทนาบุญด้วยจริงๆ​

    รายที่สอง คุณนงชนก ปัญญาจงเจริญ พนักงานองค์การโทรศัพท์ เล่าให้ฟัง เมื่อวันที่ ๑ กันยายนว่า

    เมื่อเลิกพิธีในตอนเย็นวันที่ ๓๐ สิงหาคม ขณะเดินตามทางเพื่อมาขึ้นรถ พร้อมเพื่อนและญาติๆ ของเพื่อน มีคุณนิตยา คุณเรณู คุณนพเกล้า นามสกุล ขันธ์นภา ทุกคน เพราะเป็น พี่น้องสามสาวโสด คุณประเทือง เป็นญาติข้างสามีของลูกพี่ลูกน้อง หลานสาวหนึ่งคน และญาติอีกสองคน ​

    ขณะเดินจากมหาธรรมกายเจดีย์มาได้ประมาณ ๑๐ นาที เสียงเด็กสาวคนหนึ่งในหมู่คนที่เดินตามมา ข้างหลังพูดเสียงดังกับมารดาด้วยความตื่นเต้นว่า แม่จ๋า ดูซี รูปหล่อทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ อยู่ในดวง อาทิตย์ หลวงพ่ออยู่ในดวงอาทิตย์ ดูซีแม่ ดูซีแม่​

    ทุกคนที่ได้ยินเสียงเด็กสาวต่างพากันหยุดเดิน ยืนนิ่งอยู่กับที่ หันหน้ามองดวงอาทิตย์กันหมด ต่างพากันเห็นด้วยสายตาตนเองอย่างชัดเจน กระทั่งภาพปาฏิหาริย์เปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์ไปต่างๆ นานา ทุกคนก็เห็นเหมือนกันหมด ดังนี้คือ ​

    เริ่มต้นเห็นเหมือนรูปหล่อทองคำสุกปลั่งของหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ อยู่กลางดวงอาทิตย์ ครั้นแล้ว รูปหล่อก็ขยายขนาดออกช้าๆ กระทั่งคลุมดวงอาทิตย์ทั้งดวง กลายเป็นพระอาทิตย์อยู่ในท้องรูปหล่อทองคำ เวลานั้นท้องฟ้าใสสะอาด ปราศจากเมฆหมอก รูปทองคำองค์ใหญ่จึงชัดเจนมาก ลอยทาบท้องฟ้าอยู่​

    ตอนนี้ญาติผู้ชายชื่อคุณประเทือง ของกลุ่มสามสาวโสดทรุดตัว คุกเข่าลงกับพื้นดิน ก้มกราบแล้ว กราบเล่า ๓ ครั้ง (ปกติเป็นคนเชื่ออะไรยาก แต่ภาพที่เห็นชัดเจนมากจนหมดความดื้อ) พร้อมกับส่งเสียงพูดว่า หลวงพ่อครับ ขอให้ลูกเข้าถึงพระธรรมกายโดยเร็วพลันด้วยครับ​

    จากนั้นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ทองคำก็เปลี่ยนเป็นสีต่างๆ คือจากสีทองสุกปลั่ง เป็นสีเหลือง สีส้ม สีชมพูแก่ และเป็นสีฟ้าครามเข้มตัดกับสีฟ้าของพื้นท้องฟ้า ทั้งภาพหลวงพ่อยังย้ายที่ตั้งไปต่างๆ มีทั้งอยู่ในดวงอาทิตย์ ออกมานอกดวงอาทิตย์ ย้ายมาอยู่ข้างขวาบ้าง ซ้ายบ้าง ข้างล่างบ้าง ข้างบนบ้าง รอบๆ ดวงอาทิตย์ พอภาพเปลี่ยนที่ตั้ง คนเห็นก็ร้องถามกัน ทุกคนก็ตอบว่าเห็นตรงกันเป็นส่วนมาก ส่วนบางคนเห็นเป็นพระมหาสิริราชธาตุก็มีอยู่หลายราย มีน้อยคนเต็มทีที่เห็นแต่แสงอาทิตย์มีสีสวยงามแปลกตา ไม่เห็นรูปร่างอย่างอื่น ขณะนั้นผู้คนยืนดูกันเป็นกลุ่มๆ รวมแล้วเกินกว่าร้อยคน ​

    เมื่อยืนชมนานพอสมควรราว ๑๐ นาที ก็พากันเดินต่อ มาจนกระทั่งถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ คุณนงชนก แหงนมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนก้าวขาขึ้นรถ ครั้นแล้วต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่าทางด้านทิศตะวันออก เฉียงเหนือของมหาธรรมกายเจดีย์ ท้องฟ้าเบื้องบน มีรูปร่างชัดเจนเป็นรูปหล่อทองคำสุกปลั่งของหลวงพ่อ วัดปากน้ำ ฯ ลอยเด่นอยู่ ขนาดใหญ่โตนับเป็นสิบๆ เท่าของรูปที่ลอยอยู่กับดวงอาทิตย์ รูปนี้อยู่ทิศตรงข้าม กับดวงอาทิตย์ วงหน้าของรูปหล่อเป็นสีชมพูเข้ม ส่วนตรงบริเวณองค์ท่านเป็นสีส้มทั้งองค์​

    คุณนงชนก ตะโกนเรียกให้ใครๆ ดูกันอีกครั้ง ต่างก็พากันเห็น รูปนั้นปรากฏอยู่นานหลายนาที ในที่สุดภาพทั้งหมด จึงจางชมพูเข้มและสีส้ม กลายเป็นสีฟ้าครามเข้ม ตัดกับสีฟ้าธรรมดาของท้องฟ้าชัดเจนอีกครู่ใหญ่ แล้ว จึงจางหายไป


    บุญโต 11/8/2006 14:48


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มาhttp://www.dmc.tv/forum/lofiversion/index.php/t5830.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2006
  18. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    ในไบเบิ้ลได้กล่าวไว้ว่า...

    เมื่อก่อนเวลานั้นจะมาถึง จะมีคนแอบอ้างตัวเป็นพระมาสิอาร์ (ทางพุทธก็คือพระศรีอารย์) ซึ่งก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ในปัจจุบันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2006
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โอวาทของพระโพธิสัตว์กวนอิม
    (สัจจคัมภีร์กัปป์สุดท้าย)


    [​IMG]

    พระศรีอาริยเมตไตรย พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวร ได้ฟังพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ให้ประคองช่วยเหลือเวไนยสัตว์สิบชั่วร้ายไม่ดีงาม ฟ้าเบื้องบนจะจัดส่งผู้คุมตารางสวรรค์เทียนเหลอเซียน ลงมายังโลกมนุษย์ตรวจดูคัมภีร์นี้ หากผู้ใดถวายด้วยความศรัทธาเคารพ สามารถหลุดพ้นจากดวงแห่งภัยพิบัติได้ ทุกชีวิตในครอบครัวไร้ทุกข์ ไร้กังวล หากคนชั่ว ร้ายที่ไม่เชื่อและศรัทธา แต่คอยดู ปีวอก,ระกา,จอ,กุน มีข้าวไร้คนกิน มีเสื้อผ้าไร้คนใส่ มีถนนไร้คนเดิน มีบ้านไร้คนอยู่ มีที่นาไร้คนทำ จวบจนถึงเดือนห้า เดือนหกนั้น งูพิษร้ายเกลื่อนเต็มไปทั่ว เดือนแปด เดือนเก้า คนชั่วร้ายจะตายสิ้น ซากศพเต็มเกลื่อนเมือง

    คนที่ละชั่วประพฤติดีไม่ต้องวิตกกังวล เศร้าสลดกับภัยพิบัติทั้งสิบประการนี้คือ

    1. อัคคีภัย - อุทกภัย
    2. ควันที่เป็นสัญญาณทำลายล้าง
    3. มึนซึมหมดสติตาย
    4. การหย่าร้างของสามี - ภรรยา
    5. งูพิษทำร้ายคน
    6. เศร้าสลดซากศพเต็มพื้นปฐพี
    7. ภัยสงครามฆ่าฟันกัน
    8. อากาศแปรเปลี่ยน วันคืนหนาวเย็น
    9. มีบ้านต้องยกให้ผู้อื่นอยู่
    10. เศร้าสลดไม่พบความสันติสุข

    บนถนนคนตายนับไม่ถ้วน หนึ่งหมื่นตายเก้าพัน มหันตภัยมาแล้ว พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อย เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พญานาคดุร้าย เกะกะระรานทั่ว เวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนมหาราชจึงจัดส่งกวน, เจ้าสองขุนพลลงสู่โลกมนุษย์ และเทพยดาที่สัญจรอยู่เบื้องบน เหนือโลกมนุษย์เพื่อตรวจดูคัมภีร์นี้ หากมีคนชั่วร้ายทั้งหลาย จะให้ข้าวยากหมากแพง พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏกวน เจ้าสองขุนพลสู่แดนมนุษย์

    จากปีจอเริ่มต้นด้วยโรคระบาดจนถึงปีกุน ประชาราษฎร์ในเก้าคน จะรอดตายเพียงหนึ่งคน จะเกิด มหันตภัยขึ้น เช่น

    1. วาตภัย
    2. อัคคีภัย
    3. ฟ้าผ่าไฟฟ้าช๊อต
    4. ภัยสงคราม
    5. ภัยโรคร้าย
    6. อดอยาก ขาดอาหาร
    7. งูพิษร้ายกัด
    8. ภัยจากการคลอดบุตร
    9. อุทกภัย
    10. ภัยจากการสูญสิ้นมนุษย์ชาติ

    พระศากยมุนีพระพุทธองค์ ครองธรรมกาลหนึ่งหมื่นสามพันปีจนมาถึงปัจจุบันครบบริบูรณ์แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยรับสืบต่อครองธรรมกาล เริ่มต้นแต่ปีวอก จนถึงปีชวด พืชพันธ์ธัญญาหารไม่สมบูรณ์คนจะอดอยากตาย ภัยสงครามยากที่จะหลีกหนี หากมีคนนำคัมภีร์นี้เผยแพร่ไปทั่วทุกหนทุกหนึ่งแพร่ไปถึงสิบ สิบแพร่ไปถึงร้อย ร้อยแพร่ไปถึงพัน จนถึงหมื่น จะรอดพ้นจากภัยพิบัติ ถึงยุค เหยาซุ่น มาถึง ( เหยา หมายถึง บ้านเมือง จะมีคง ความรุ่งโรจน์ ซุ่น หมายถึง สังคมจะมีความยุติธรรม) ก็จะได้ร่วมสุขสันต์กับโลกแห่งบัวบาน ผู้ใดรู้แล้วไม่ยอมเผยแพร่คัมภีร์นี้ จะต้องพบภัยพิบัติทั้งสิบประการ ยากที่จะกลับมา เกิดอีก ผู้ใดเขียนถ่ายทอดเผยแพร่ออกไป ทุกคนในครอบครัวจะอยู่เป็นสุข พบแต่ความ เป็นสิริมงคล สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยได้

    พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวรเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบน นำความดีชั่วของชาวโลกกราบบังคมทูลต่อเบื้องบน องค์เง็กเซียนมหา ราชทรงทราบข่าว ทรงพิโรธยิ่ง ต่อว่าบรรดาเทพยดาทั้งหลายเสียแรงเปล่าที่ชาวโลกจุดธูปเทียนบูชากราบไหว้ แต่ไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายจวบจนบัดนี้ ในโลกเต็ม ไปด้วยคนชั่วร้ายไม่มีมโนธรรม จึงได้มีพระราชโองการให้เกิดภัยพิบัติหลายปี เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงประชาราษฎร์ ในเวลานั้นบรรดาเหล่าเทพยดาทั้งหลาย ได้กราบทูลพร้อมด้วยพระโพธิสัตต์กวนอิมแห่งทะเลใต้ ได้ทรุดกายหมอบลงกับพื้นพระบรมมหาราชวัง ทูลขอ ให้ทรงโปรดกรุณาแก่ชาวโลกเป็นหลายครั้ง ว่าผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรแบ่งแยก

    องค์เง็กเซียนมหาราช ทรงบัญชาชี้ขาด ทรงเห็นว่าดี ชั่ว สองอย่างต่างกัน ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น และส่งจอมพลรับราชโองการเก็บกวาดล้างมนุษย์โลกตามที่มีผู้ทำชั่วร้ายดังนี้

    1. เก็บผู้ที่กล่าวโทษด่าว่าฟ้าดิน
    2. เก็บผู้ที่ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา
    3. เก็บผู้ที่กดขี่ราษฎรและฉ้อราษฎร์บังหลวง
    4. เก็บผู้ที่ประพฤติผิดในกาม มักมากตัณหา
    5. เก็บผู้ที่ทิ้งขว้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร
    6. เก็บผู้ที่ทำลายศาสนา หลอกบางเทพยดา
    7. เก็บผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    8. เก็บผุ้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม คดโกงตาชั่ง
    9. เก็บคนที่หลอกลวงให้คนหลงเชื่อ
    10. เก็บผู้ที่ทำลายผุ้อื่นเพื่อประโยชน์สุขส่วนตน
    11. ผู้สูงอายุนิดเดียวก็ไม่ยอมตักเตือนแก้ไข
    12. คนรุ่นหลังไม่มีคุณสัมพันธ์ 5
    13. คนชั่วรังแกคนดีที่ซื่อสัตย์
    14. คนรวยใจไม้ไส้ระกำต่อคนยากจน
    15. ชักศึกเข้าในเพื่อประโยชน์ภายนอก
    16. ใช้กลอุบายวางแผนแก่งแย่งชิงดีกัน
    17. ลักขโมยสิ่งของของผู้อื่น
    18. ขายยาปลอมหลอกลวงชาวบ้าน
    19. พบคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตถูกรังแกจนเข้ากระดูกดำ
    20. พบคนเลวประจบสอพลอพะเน้าพะนอ
    21. ซื้อขายหลอกลวงคนโง่เขลา
    22. ย่ำยี เหยียบกระดาษตัวอักษร
    23. มีแต่พวกแต่งกายเรียบร้อยสวมหน้ากากมนุษย์
    24. ปฏิบัติดำเนินการผิดหลักฝ่าฝืนหลักธรรม
    25. มีบางพวกอาศัยอำนาจใช้อิทธิพล
    26. หลอกลวงใจตนเองและละเมิดหิริโอตัปปะ ทำลายคนโดยขาดศีลธรรม
    27. มีบางพวกใจโหดเหี้ยม มุ่งกำไร หาผลประโยชน์ไม่คำนึงถูก - ผิด
    28. ไม่คำนึงถึงหิริโอตัปปะ ไม่มีความสุจริตใจ
    29. มีบางพวกอกตัญญู ไม่รู้คุณคน
    30. รุ่นหลังจะเป็นคนกันอย่างไร
    31. มีบางพวกรังแกข่มเหงเด็กและคนแก่
    32. มีบางพวกทำลายการวิวาห์ให้แตกแยกสลาย
    33. มีบางพวกทุบตี ปู่ ย่า ตา ยาย
    34. มีบางพวกยกย่องคนรวย รังเกียจคนจน
    35. มีบางพวก พี่ ป้า น้า อา ไม่สมานปรองดองกัน
    36. มีบางพวกไม่เคารพรักสามี
    37. มีบางพวกยุยงส่งเสริมให้ฟ้องร้องกัน
    38. พี่น้องแก่งแย่งชิงดีกัน
    39. จับงู ตีอวน ยิงนก
    40. ปล่อยไฟเผาป่า ทำลายสุสาน
    41. ส่งหนังสือทำลายพิธีภูติผีเวทมนต์
    42. ใช้คาถาอาคมฝังรูปฝังรอยทำร้ายผู้อื่น
    43. เจตนาเขียนยันต์สาปแช่งทำลาย
    44. เกิดโทสะเมื่อผู้อื่นต่อว่า ต่อปาก ต่อคำ
    45. ใช้เล่ห์กลกล่าวให้ร้ายป้ายสี
    46. ธัญญชาติปะปนน้ำ ขายขูดรีด
    47. เห็นคนมีเงินโกรธแค้น
    48. เห็นคนร่ำรวยมีเกียรติเกิดความริษยา
    49. เห็นคนทุกข์ยากไม่ช่วยเหลือ
    50. พบคนตกอยู่ในความลำบากไม่ช่วยเหลือ
    51. ไม่ประมาณดีชั่วของตนเอง
    52. กลับกล่าวว่าผู้อื่นไม่เที่ยงธรรม
    53. ตักเตือนให้ทำแต่ความดีไม่เชื่อฟัง
    54. แนะนำให้ทำชั่วดำเนินทันที

    นี่คือห้าสิบสี่ข้อกรรมชั่ว แต่ละรายควบคุมสอดส่องเก็บกวาดเรียบ มิให้เหลือไว้ในโลกา ส่งเข้าสู่หนทาง เปรตเดรัจฉานให้เขาเหล่านั้นสูญพันธุ์ทั้งครอบครัว ให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาด ให้เขานองเลือด ให้กระดูกพวกเขาเหล่า นั้นดั่งพงพี่ มีที่นาไม่มีคนเพาะปลูกไถ มีบ้านให้ผู้อื่นอยู่อาศัย หากเปลี่ยนปแปลงแก้ไข ละความชั่ว สร้างความดี เขาจะหายเจ็บป่วย อายุยั่งยืน ดูเหล่าความคิดของเวไนยสัตว์ทั้งหลายรีบเร่งดำเนินปฎิบัติแต่ดีงาม กำหนดสามปีให้ ตรวจทั่ว กลับมากราบทูลทันที องค์เง็กเซียนมหาราชทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้ ข้า ฯ จะลงมา ตรวจตระเวนทุกหนทุกแห่งควบคุมสอดลส่องละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯ จะดำเนินการตัดสินให้เกิดภัยสงครามระลอก- หนึ่ง ให้โรคระบาดอีกบางส่วน ภายในเวลาไม่กี่เดือนทุกหนทุกแห่ง เก็บกวาดคนชั่วร้ายให้หมดสิ้น ต่อให้เจ้าวิง- วอนไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิตอบสนอง ต่อให้เจ้ากินยารักษาโรคไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่. ถึงทานยาดีชั่วก็ต่างกัน คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาได้ผล คนชั่วเลวร้ายกินยาแล้วไม่รอด บัดนี้ข้าฯ เห็นเหตุการณ์น่าเวทนา ไม่มี วิธีใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ ต่อให้เจ้าจุดธูปบูชาข้าฯ เสียแรงเปล่าเห็นข้าฯ เป็นเทพยาดาน่าเคารพ แต่ปัจจุบัน มีทุกข์ ไม่ยอมช่วยเหลือ ใช่ว่าข้าฯ นั้นจะบิดเบือนต่อเบื้องบน ข้าฯ ได้วิงวอนด้วยความรีบเร่งร้อนรน และเบื้องล่างก็กล่าวพูดสัจธรรมตักเตือนให้ได้

    บัดนี้ถึงกาลปลายกัปป์ ภัยพิบัติยุคสุดท้าย ปุถุชนธรรมดาเก้าตายไว้หนึ่งรอด สงครามอาวุธมีดพร้าเกิดขึ้นรอบด้าน โรคระบาดบุกรุกทุกแห่งหน ฟ้าอสุนีบาตฝ่าฟาดดังสนั่นสั่นสะท้าน อุทกภัยไหลหลากท้นท่วมบ้านเมือง วาตะพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่ง ภัยธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตยากจะอยู่รอด พญามารเคาะประตูยามค่ำคืน โรคระบาดปรากฎในกลางวันประชิดตัว เสือร้ายออกจากป่าเขาจะหลบหนีอย่างไร งูพิษเต็มถนนหนทาง ยากที่จะเดิน หนี มีสิบมหันตภัย ยากหลีกหนี เมื่อมหันตภัยสิบได้ผ่านจึงนับว่ายอดคน

    นี่แหละคือสิบมหาภัยอันยิ่งใหญ่ มีเพียงเตือนให้ท่านเปลี่ยนแปลงปรับปรุงในจิตใจ สบโอกาสรีบ ๆ แก้ไข สำนึกผิดได้ยินได้รู้ เร่งกลับตัว กลับใจโดยทันใด อย่ารอจนภัยพิบัตินั้นมาถึงจะวิงวอนให้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล สร้างกุศลความดีกันแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลบหลีกภัยพิบัติ เหล่าเวไนยสัตว์รีบตั้งจิตศรัทธา เคารพกตัญญู ฟ้า บิดา มารดา จงรักภักดีต่อชาติ บ้านเมือง ประชาราษฎร์คนจนจงรู้จักเจียมตัว ผู้มั่งมีจงเร่งรับช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ยากไร้ ผู้เปรื่องปัญญาตักเตือนชี้แนะผู้ด้อยรู้ให้ได้ผ่านพ้นภัยด้วยกันในโลกีย์ ผู้ไร้บุญบารมีตกลงสู่ทะเลทุกข์ มีบุญสัมพันธ์ ได้พบความสงบสุข

    บัดนี้ ข้าฯ แฝงกายยืมปากท่านไหว้วานบรรดาผู้ที่รู้จักอักษรเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ หนึ่งเล่ จะปกปักษ์รักษาให้ร่างกายสมบูรณ์ และแข็งแรง เขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภยันตราย เขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน อีกทั้งบลาภ วาสนา มีเงินรีบพิมพ์แจกทันทีทันใดจะปกปักษ์รักษาให้ได้เกียรติทั้งยศศักดิ์อันรุ่งโรจน์ หากพบผู้ไม่รู้ตัวอักษรช่วยบอกต่อให้เข้านั้นได้ฟังและเข้าใจ ถ้าหากมีคนชั่วร้ายไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะใกล้ตัวในทันใด จะเกิดปวดเศียรเวียนศีรษะหน้ามืดและตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ไปเมืองผี ภายในสิบชั่วร้ายนี้ ข้าฯ มิอาจกล้ากล่าวได้ให้ชัดแจ้งคิดจะเผยความลับของสวรรค์ ก็กลัวเบื้องบนจะลงโทษทัณฑ์ หากท่านทั้งหลายไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาว่าไม่จริง ไม่นานภยันตรายจะมาใกล้ตัวท่าน หากชาวโลก ศรัทธาและเชื่อฟัง เบื้องบนอาจทรงโปรดช่วยให้ไม่เกิดภัยพิบัติ

    จงหัวหมินกั๊ว ปีที่ 5 จันทรคติ เดือน 10 คืนขึ้น 10 ค่ำ 3 ชั่วโมงลงสู่ ณ กู่ซี่ (โกวจิน) หงีเลียงเกาะ สถานธรรมจิบเลียง * หนังสือนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาเมื่อ ค.ศ. 1916 พ.ศ. 2459 รวม 77 ปี *

    ที่มา
    http://thai.mindcyber.com/modules.ph...icle&artid=313
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของหน่อยนะคะ

    ก่อนหน้านี้มีคนเห็นพระอวโลกิเตศวรกวนอิมในนิมิตรเยอะค่ะ
    ท่านลงมาให้เห็นในนิมิตร เพื่อเตือนในคนทำความดี ตอนนี้ไปไหน
    มาไหน จะมีคนสร้างพระอวโลกิเตศวรกวนอิมเยอะมากค่ะ เพราะ
    ท่านคงเสด็จลงมาให้เขาเหล่านั้น เห็นในนิมิตรจริงๆ


    เฮ้อ ... กรรมของมนุษย์นี้น่าสลดนัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...