รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    พี่เกษม สุดยอดมากเลยครับผมยังหาไม่ได้เท่าพี่ได้เลย
     
  2. NuJanBaBor

    NuJanBaBor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,861
    ไม่ค่อยได้เข้ามาเพราะไม่ว่าง

    ตอนนี้เข้ามา โอ้โห ไปกันถึงไหนแล้วเนี่ย

    ตั้งใจกันจริงๆเลย^^ สาธุ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอบคุณข้อมูลน่าสนใจมาก เพราะเคยได้ยินว่ามีการนำเอาสาหร่ายชนิดหนึ่งมาเป็นตัววัดความเป็นพิษของอากาศ ถ้าอากาศมีมลพิษมากก็จะเปลี่ยนลักษณะหรือไม่งอกเลย
    ได้ 2 ต่อนะคืออาหารกับ ตัววัดความเป็นพิษของอากาศกรณีมีสงครามนิวเครียร์หรือการใช้อาวุธเคมี

    ฝากคุณ คณานันน์ด้วยครับน่าจะจัดกลุ่มคนทีมีความสามารถ
    เพื่อวางแผนระบบในอนาคต.....ที่ต้องได้ใช้อย่างแน่นอน
    ***************************
    กลุ่มต่างๆเช่น
    ***************************
    1.กลุ่มผลิตอาหาร เริ่มต้นคุยกันอย่างจริงจังและจำลองสถานการณ์ เพื่อรวบรวมคนที่ทำได้จริงมากกว่าองค์ความรู้ในตำราอย่างเดียวนะ
    เพราะผมกับลุงลองทำมาแล้ว ลองทำมันไม่ง่ายเลยตามตำรา
    แค่เรื่องเพาะเห็ดอย่างเดียวปล้ำกันเป็นคึ่งปีกว่าจะได้ตามที่เราต้องการ
    ดดยไม่ต้องพึงใครและสามารถประยุกต์สิ่งที่รอบตัวมาใช้ได้
    และการเตรียมสำรองส้รางเพาะเชื้อเห็ด อะไร ต่ออะไร อีกมากมาย
    เพราะต้องมีการเตรียมการขั้นตอนมากมายที่ในหนังสือให้ไม่ได้ครอบทั้งหมด
    การค้นหาคนที่ทำได้จริงๆอย่างชำนาญ
    ( มาเป็นองค์ประกอบของกลุ่มก็จำทำให้ไม่ติดขัดเริ่มลองผิดลองถูกกันในยามคับขั้น)

    2.กลุ่มที่มีความเข้มแข็งทางร่างกายในการป้องกันอันตรายทางกายภาพ ทั้งในรูปแบบการกู้ภัยและอันตรายจากคนที่สติวิปลาสจากเหตุการร์ร้ายที่เกิดขึ้น มาจำลองสถานการณ์ เพื่อจะได้เตรียมอุปกรณ์ระดับ 1-4 ตั้งแต่ความรุนแรงน้อยไปหามาก (ซึ่งระดับ 4 หมายถึงเกิดสงครามขึ้นในพื้นที่ ซึ่งเกิดจากการอพยพของคน และการคุกคามจากประเทศที่ต้องการแสวงหาแหล่งอาหารเพื่อการรอดนั้นกระจายไปทั่ว)

    3.กลุ่มที่มีความเข้มแข็งทางจิตเพื่อ ป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งคุกคามจากอีกมิติหนึ่ง
    ที่คนไม่มีการพัฒนาระดับจิต ขึ้นมาอีกระดับหนึ่งจะไม่เข้าใจ

    4.กลุ่มที่มีความสามารถในด้านบำบัดรักษาโรค ทั้งทางกายและจิต(หมายถึงโรคจิตนะ) เพราะในยามนั้นจะมีคนป่วยทั้งกายและจิตจำนวนมาก

    5.กลุ่มผลิตปัจจัยด้านอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของชุมชนต่อไป

    และจัดระบบให้ดีเหมือนที่ตั้งมีการให้รายงานตัวในกระทู้ที่ตั้งขึ้น
    น่าจะเน้นจัดระบบเป็นรูปธรรมเพื่อคุยกันอย่างเป็นทางการและจัดระบบ
    ********************************************
    เรื่องที่เกิดไม่เลวร้ายถึงกับประเทศไทย
    ถึงเริ่มต้นนับ1 กันใหม่ทั้งหมดสำหรับบ้านเรา
    แต่ก็ไม่น้อยกว่า 4-5 ส่วนที่ต้องเสียไป
    มากกว่าที่หลายคนจินตนาการไว้
    มาเตรียมกันดีกว่าในกลุ่มคนที่เข้าใจ
    จำลองสถานการณ์และเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์และทีมงานที่ดี
    เมื่อรวมกลุ่มกันแล้วก็จะทราบได้ว่าจะต้องทำอะไรกันต่อไป
    ใครมีความชำนาญสามารถนำทีมได้

    ********************************************
    หลานลุง
    (ลุงยังไม่กลับมา และช่วงนี้ติดต่อไม่ได้ ทั้งทางโลกและทางจิต)<!-- / message --><!-- edit note -->
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>



    เป็นความคิดเห็นที่หลานคุณลุงส่งมาครับ

    ดังนั้นท่านที่มีความสามารถต่างๆ ดังต่อไปนี้กรุณาช่วยแจ้งไปยังคุณชยุตด้วยครับ เพื่อที่จะได้ลงข้อมูล ส่วนท่านที่อยากช่วยเผยแพร่ความรู้ต่างๆเป็นธรรมทานด้วยการช่วยสอนช่วยฝึกอบรมให้ ทุกคนทำได้ อย่างชำนาญ ทำได้ และพอทำได้ จะดีมากครับ แต่เราควรแบ่งหน้าที่เพราะไม่มีใครที่เก่งไปทุกๆอย่างครับ แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญชำนาญ ต่างๆกันไป ทุกคนสำคัญหมด ดังนั้นความสามัคคีจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ถึง คุณ Kananun *** อาหารยังชีพ **** เรื่องอาหารช่วงนั้นสำคัญมาก พยายามพึ่ง "เทคโนโลยีดั้งเดิม" ไว้ก่อน....ค้นหา "แม่บ้านทำอาหาร" เป็นชาวบ้านที่มีประสบการณ์ประกอบอาหารเลี้ยงคนจำนวนมาก จะเป็นแกนนำสำคัญในการช่วยผู้อพยพจำนวนมากได้...ส่วนใหญ่แล้ว ประเพณีตามชนบท มักร่วมกันทำอาหารจำนวนมากเวลามีงานเลี้ยงใหญ่....สิ่งสำคัญอุปกรณ์ด้านอาหาร เช่นเตา หม้อ ถ่าน จาน ชาม ช้อน ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ตาม "วัด" เป็นของๆ วัด...ซึ่งพวกเรามักถูกสอนไว้ว่า "ไม่ให้นำของๆ วัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว"....เมื่อถึงเวลาสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาลปรากฏ... "ของๆ วัดเหล่านี้จะช่วยชีวิตคนดีจำนวนมากได้".....ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในอนาคต....พวกเราต้องช่วยกัน ช่วยประกาศให้ทำบุญเป็น "ถวายอุปกรณ์ทำและเลี้ยงอาหารให้กับวัด" ยิ่งมีสะสมมาก ยิ่งมีผลดีในอนาคต....จะได้ไม่ต้องแย่งกัน เมื่อมีคนจำนวนมากอพยพขึ้นทางภาคเหนือ และภาคอีสาน...วัดทั้งสองภาคนี้จึงต้องช่วยกันเป็นพิเศษ ภาคกลาง และชายฝั่งทะเลจะมีภัยอันตรายอย่างยิ่ง...ฝากไว้ด้วย ท่านกาขาว - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    (verygood) หาด่างทับทิมไว้ในวัดก็ยิ่งดี :cool:
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอขอบคุณ สำหรับคำแนะนำของคุณหนุมานนำสาร ด้วยอย่างยิ่งครับผม

    ทิศทางในการทำงานของพวกเราตอนนี้ นอกเหนือจากกการรวมกลุ่มกัน เพิ่มการเรียนรู้และศักยภาพของแต่ละคนแต่ละกลุ่มแล้ว จุดที่เตรียมได้ง่ายที่สุดจุดหนึ่งคือการพัฒนาวัด ที่คาดว่าเป็นที่ปลอดภัยครับ

    ประเพณีดีๆของไทย ที่มีการลงแขก ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน และการรักษา"ของสงฆ์" นั้น เป็นความงดงามในความสามัคคี ที่คนไทยทุกคนควรอนุรักษ์ไว้ครับ

    ที่ให้รวบรวมรายชื่อวัดนั้นส่วนหนึ่งก็เพื่อให้มีการสำรวจ และประเมิน สถานที่จุดนั้นๆ ว่ามีความพร้อมด้านไหน อย่างไร รองรับผู้คนได้เท่าไหร่ และ พวกเราพอจะช่วยเข้าไปปรับปรุงอะไรกันได้บ้าง

    ส่วนข้อมูลเบื้องต้นนั้น ต้องอาศัยกลุ่มที่เป็นคนในพื้นที่ครับ เพราะสะดวกในการเดินทาง ใช้ทรัพยากรไม่มาก รวมทั้งมีความคุ้นเคยและรู้จักพื้นที่ได้มากกว่า คนถิ่นอื่นครับ

    การเข้าไปช่วยพัฒนาวัดตรงจุดนี้นั้น ถ้าเราทำ แผนงานนำเสนอ บรรษัทใหญ่ๆที่เขาต้องการ ทำบุญ ทั้งด้วยความศรัทธา และหรือเพื่อการลดหย่อนภาษี ตรงจุดนี้ โดยการพัฒนาวัด ให้เป็นวัดพึ่งพาตนเอง คล้ายกับ วัดชัยพัฒนาและวัด ของหลวงพ่อถาวร ก็จะช่วยผู้คน ได้มากทั้งในปัจจุบัน ก่อนเกิดภัยพิบัติและเมื่อเกิดภัยพิบัติแล้วครับ

    ผมจึงอยากให้รวมกลุ่มแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ ให้ได้โดยเร็วครับ จะได้ดำเนินการในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนา ครับ
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ถึง คุณ Kananun *** วัด และ หมู่บ้านในชนบท **** คือ ทางรอดของชาวไทย และผู้พลัดถิ่นจากต่างแดน...ตั้งแต่นี้ต่อไป...พอมีเวลาค่อยๆ ลองไปสำรวจวัด และชนบทที่น่าจะปลอดภัย สามารถรับผู้อพยพได้...แล้วกลับมานำเสนอ เพื่อหาทางช่วยกันคิด ช่วยเหลือพัฒนาให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น...ต้องค่อย ๆ ทำอย่าให้ชาวบ้านแตกตื่นตกใจ....เข้าไปในฐานะคนใจบุญทั่วๆไป....งานนี้ จำเป็นต้องกระจายกันทำในพื้นที่ของตนเอง แล้วกลับมารายงานให้ "ผู้รวบรวมข้อมูล" รับทราบ....ขอให้ช่วยกันทำ ช่วยกันเสียสละออกทุนกันเอง...เจตนา "ช่วยชีวิตคน" ได้บุญมาก...ทุกคนจะมี "ตัวกระทำ" สะสมติดตัวไว้...หากไม่มั่นใจตนเอง ให้จุดธูป ๗ ดอก "ถวายสัจจะต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะช่วยสานต่อพระพุทธศาสนา ตลอดชีวิต" และขออำนาจของ "สัจจะ" ช่วยคุ้มครองให้ข้าพเจ้าทำงานสำเร็จทุกประการ... - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ถึง คุณ Kananun *** น้ำ **** เรื่องน้ำกิน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง...เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "น้ำบนผิวดิน" จะไม่ปลอดภัย หลังมีการใช้ระเบิดปรมณู ระเบิดนิวเคลียร์....การเตรียมการเกี่ยวกับน้ำ เท่าที่อ่านดู จะไม่สามารถรองรับผู้อพยพจำนวนมากในระดับมหภาคได้....ดังนั้น ให้หันหลังกลับไปมอง "เทคโนโลยี่ดั้งเดิม" ที่มีความมั่นคงสูง....ซึ่งก็คือ "บ่อน้ำบาดาล" ที่มีอยู่แล้วตามชนบท....แต่เมื่อคิดในเรื่องปริมาณ "จำนวนบ่อน้ำบาดาล" ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งภาคเหนือและอีสานแล้ว คงไม่สามารถรองรับได้แน่....เรื่อง "การขุดบ่อน้ำบาดาล" จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดไม่น้อยไปกว่าเรื่องทางด้านอาหาร...ต้องออกสำรวจเช่นกัน....แล้วกลับมารายงานข้อมูล เพื่อคิดวางแผนว่าจะต้องขุดเพิ่มตาม "วัด และ ชุมชน" แห่งใดบ้าง....ขอให้ผู้มีประสบการณ์และมีความรู้ด้านบ่อน้ำบาดาล....ลองคิดคำนวณว่า "น้ำ ๑ บ่อ จะสามารถรองรองการใช้งานดื่มกิน ได้กี่คน ต่อวัน"...เมื่อเราทราบก็จะคำนวณหา จำนวนที่เหมาะสมได้ เช่น มีวัดหนึ่ง ที่รองรับคนเข้ามาพักได้ ๑,๐๐๐ คน จำเป็นต้องมีบ่อน้ำ จำนวน ๑๐ บ่อ แต่วัดนั้น มีบ่อน้ำบาดาลเพียง ๑ บ่อ ดังนั้นจึงต้องขุดเพิ่ม อีก ๙ บ่อ....จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราอีก ที่จะต้องช่วยกันหาผู้ใจบุญขุดบ่อน้ำบาดาล ถวายวัด...เรื่องนี้ ต้องระวังประชาชนแตกตื่นเช่นกัน อาจจะบอกพวกชาวบ้านและพระว่า ปีนี้เขาว่าจะแห้งแล้งมาก จึงอยากทำบุญเรื่องน้ำกันมากๆ คาดว่าชาวบ้านในพื้นที่จะยินดี แล้วก็แบ่งไปขุดใจกลางชุมชนเพิ่ม...เป็นการทำบุญ บริจาค ช่วยเหลือกันไป..... - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขออนุโมทนาบุญ ครับ

    เนื่องจากผมพิมพ์ ส่งข้อความแล้วไม่ผ่าน อาจจะมีปัญหา ที่เครื่องผม ครับเลยส่งข้อความใหม่ครับ

    ผม เป็นนักวิทยุสมัครเล่นครับ นามเรียกขาน สากล ที่ออกให้ โดยกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือปัจจุบันคือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดยการ สอบครับ หรือบางครั้งอาจมีการจัดอบรมเพื่อสอบประกาศนียบัตรจากกรมฯ
    นามเรียกขาน (call sign คือ hs8hnb )
    hs = เขตประเทศไทย
    8 = เขต 8
    hnb = นามเรียกขานที่เรียงลำดับจาก A - Z
    พ่อหลวงพระประมุข ของเราชาวสยาม ท่านดำรงเป็นพระประมุข ของนักวิทยุสมัครเล่น ของประเทศไทย ครับ นามเรียกขานท่าน (call sign ) คือ

    ......HS1A.....

    เมื่อเหตุการณ์ สึนามิ ที่ผ่านมา นักวิทยุสมัครเล่นในพื้นที่ภูเก็ต ทุกคน ร่วมตัวกันช่วยเหลือ กันโดย ไม่ได้พักผ่อนนอนหลับครับ ขณะเกิดเเหตุ เพื่อนนักวิทยุติดต่อสื่อสารกัน ผ่าน ระบบ repeter ( แบบเดียวกับระบบ สื่อสารของตำรวจ ที่สามารถ ส่งไกลๆ ได้ครับ )

    และในขณะนั้น มีเพื่อนนักวิทยุฯ ประมาณ 2-3 คนที่ on air สื่อสาร กันในระบบ echolink (echolink = ระบบที่ติดตั้ง วิทยุสื่อสาร โดยผ่านระบบ internet โดยการขออนุญาต จากเจ้าของระบบ echolink team ที่ usa ) จึงทำให้ หลายคนทราบข่าวการเกิดคลื่นยักษ์ ต่อมาทางหน่วยงาน รัฐบาล ขอติดต่อ ผ่านระบบecholink กระจายข่าว กันและให้ความช่วยเหลือ และเพื่อนนักวิทยุฯ จึงได้ on air แจ้งข่าว กันครับ

    ขณะนี้ นักวิทยุสมัครเล่น ใข้ ระบบ แผงโซลา เพื่อ การ charge battery ใช้กับวิทยุสื่อสาร ครับ และกำลังคิดค้น นำระบบ กังหัน เพื่อนำลมมาใช้ เป็น พลังงานประจุ charge battery แทน พลังงานแสงอาทิตย์ครับ
    ในพื่นที่ อ.คุระบุรี จ. พังงา ก้อ น่าจะมีความเสี่ยง จากการเกิด แผ่นดิน เนื่องจากอยู่ใกล้ขื่อน ด้านหลังติดต่อกับแนวเขา เขาสก ที่เกิด ดินถล่มทับถนนเพชรเกษม บ่อยๆ ตามที่ออกข่าวง นะครับ เมื่อเวลานั้นมา ระดับน้ำทะเลจะหนุน พอสมควร ครับ
    ในส่วนนี้ ผม กับน้องชาย hs8.... กำลังเตรียมการสำรองเพื่อช่วยเหลือ ครับ ช่วงนี้ ก้อมี แผงโซลา เพื่อประจุ battery ใช้ในระบบสื่อสาร

    ทราบจาก www.CarTFT.com มีเจ้า computor ที่ติดตั้งในรถยนต์ใช้ พลังงาน จากไฟ 12 volve.DC ซึ่งผมคิดว่า เจ้าตัวนี้ น่าจะ suport ใด้ เมื่อเกิด เหตุการณื ในภายหน้าครับ ( เป็นระบบที่ใช้ ระบบปฏิบัติการ window xp ได้ดี ครับ คิดว่า จะทดลองนำมาใช้ กับระบบ สื่อสาร echolink ได้ครับ

    เดี๋ยวผมจะแนบ หน้าตา ของ carTFT มานะครับ เพราะไม่แน่ใจ ว่า จะแนบผ่าน หรือไม่ครับ

    ทางภูเก็ต ยังไม่มี พี่ๆ เพื่อนๆ ญาติธรรม ตั้งกลุ่มที่ชัดเจน น่ะครับ
     
  10. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    คุณนาคาครับ ถ้าเวลาที่ระบบอินเตอร์เน็ตใช้งานไม่ได้(เหตุการณ์สมมติ) เราจะติดต่อกับเพื่อนๆที่อยู่ไกลอย่างทางอิสานหรือทางเหนือด้วยวิทยุได้หรือเปล่าครับ ช่วยบอกหน่อย ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ เขาจะติดต่อกันอย่างไรโดยไม่พึ่งพาดาวเทียมและเครื่องมืออื่นนอกจากวิทยุอย่างเดียว ระยะทางที่ส่งไปได้ไกลแค่ไหนครับ ช่วยอธิบายให้เพื่อนๆที่ยังไม่ค่อยทราบอย่างผมได้รู้หน่อยครับ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บ่อน้ำบาดาล

    บ่อน้ำบาดาลธรรมดา (water table well) ได้แก่ บ่อที่เจาะลงไปในชั้นหินเปิดที่ปราศจากความดัน

    บ่อน้ำบาดาลความดัน (astesian well) ได้แก่ บ่อที่เจาะลงไปในชั้นหินปิด เป็นบ่อที่อยู่ภายใต้ความดัน ยังแบ่งย่อยออดได้เป็น 2 ชนิด คือ
    1. บ่อน้ำพุบาดาล (flowing-well)บ่อน้ำบาดาลแบบนี้อยู่ภายใต้ความดันสูงทำให้ไหลขึ้นมาเหนือผิวดิน
    2. บ่อน้ำบาดาลความดันธรรมดา (non-flowing well)บ่อชนิดนั้นอยู่ภายใต้ความดันต่ำระดับน้ำในบ่อขึ้นมาอยู่เหนือระดับชั้นหินอุ้มน้ำ แต่ไม่เกินระดับผิวดิน

    <!--mstheme-->​
    ถ้าคิดจะเจาะบ่อน้ำบาดาล ต้องติดต่อขออนุญาตที่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก่อนครับ

    กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
    http://www.dgr.go.th/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic_b13.jpg
      pic_b13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      213.1 KB
      เปิดดู:
      327
    • DCP_1337.jpg
      DCP_1337.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.3 KB
      เปิดดู:
      381
    • DCP_1339.jpg
      DCP_1339.jpg
      ขนาดไฟล์:
      275.1 KB
      เปิดดู:
      332
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2007
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    น้ำกลั่น


    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ฟังดูแล้วน่าจะเป็นวิธีการที่ยุ่งยากเอาเรื่อง สมัยเป็นเด็กนักเรียนตอนเรียนวิชาเคมี จะต้องสร้างอุปกรณ์เอาน้ำใส่ภาชนะ จะเป็นขวดแก้ว หรือ Beaker ต้มให้กลายเป็นไอ ใช้กระจกอัง หรือผ่านไปตามท่อที่ผ่านความเย็นให้กลั่นตัวกลายเป็นน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง กว่าจะได้เอาไปรับประทาน (ดื่ม)หรือเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น เติมแบตเตอรรี่ ช่างยากเย็น เหลือเกิน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]มาลอง ประดิษฐ์น้ำกลั่นง่าย ๆ กันดูดีกว่า[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ขั้นแรก จะต้องอาศัยร้านกระจกข้างบ้าน ตัดกระจกใสตามแบบและขนาดที่กำหนด (จะขยายหรือลดก็ไม่ว่ากัน สำคัญจะต้องแปรรูปได้ ดังรูป) [/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][​IMG] [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ขั้นที่สอง นำมาประกอบโดยการทากาว แบบที่ใช้ประกอบตู้ปลา รวมทั้งจัดหาท่อพีวีซีและอุปกรณ์อื่นๆ อีกเล็กน้อย หรือจะให้ดี ก็เพิ่มขดลวดไฟฟ้า ต้มน้ำแบบเสียบปลั๊กหรือจุ่มลงในน้ำ อีกอันหนึ่งก็จะเป็นการดียิ่งนัก เมื่อประกอบเป็นตัวตู้เรียบร้อยแล้ว ก็ทาสีดำที่ใต้พื้น เพื่อช่วยดูดความร้อน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][​IMG][/FONT]​


    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ขั้นตอนการผลิตน้ำกลั่น ก็ง่ายแสนง่ายเพียงแต่นำตั้งทิ้งไว้กลางแดด และเติมน้ำเข้าระบบ เท่านี้ท่านก็จะได้น้ำกลั่นแล้ว โดยขนาดพื้นที่ 1 ตารางเมตร จะสามารถกลั่นน้ำได้วันละ 1.5 -2 ลิตร หากวันไหนไม่มีแดด หรือต้องการน้ำกลั่นปริมาณมากทั้งวันทั้งคืน ก็ดึงสายไฟไปเสียบปลั๊กลงทุนค่าไฟอีกนิดหน่อยก็ได้น้ำกลั่นตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะตอนกลางคืนไอน้ำจะกระทบกับความเย็น ของกระจกได้ดีกว่า ทำให้ได้ปริมาณน้ำกลั่นมากขึ้นเท่านี้ ท่านก็จะมีน้ำกลั่นสะอาดไว้ใช้ได้ทุกสถานการณ์ หากต้องการดื่มให้อร่อยขึ้นก็เพียงเติมเกลือไอโอดีนลงไปสัก 1.5 ช้อนชา ต่อน้ำ 5 ลิตร เท่านี้ก็ได้น้ำแร่แช่ตู้เย็นในราคาถูกแล้ว [/FONT]


    [​IMG]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, Symbol, Webdings]โดย ผอ.สมศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.กองแผนงาน[/FONT]
    ที่มา http://www.dgr.go.th/water2006/technique16.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2007
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โอ่งเก็บน้ำ

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=10 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 height=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="84%">ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในตำบล ของ กลุ่มผลิตโอ่งเก็บน้ำ</TD><TD width="16%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD align=middle width="38%" height=175>[​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    </TD><TD width="62%" height=175>ผลิตภัณฑ์ โอ่งเก็บน้ำ</B>

    รายละเอียดผลิตภัณฑ์
    ผลิตภัณฑ์โอ่งสำหรับเก็บน้ำ ทำจากซีเมนต์ มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่รั่ว ไม่ซึม


    วัตถุดิบที่ใช้
    ปูนซีเมนต์, หิน, ทราย, สีฝุ่น

    กระบวนการผลิต
    ทำแบบโอ่ง ผสมปูนซีเมนต์ให้ได้สัดส่วน แล้วเทลงในแบบ

    การใช้/ประโยชน์
    ใช้เก็บน้ำ

    สถานที่จำหน่าย
    กลุ่มผลิตโอ่งเก็บน้ำ~
    77 หมู่ 2 ต.บ้านถ่อน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 43110
    ติดต่อ : นางน้อย ศรีสุวรรณ

    ที่มา http://www.thaitambon.com





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หมายเหตุ โอ่งเก็บน้ำปูนซิเมนต์แบบนี้ ผมว่าน่าสนใจมาก เพราะสามารถผลิตขึ้นไว้ใช้เองได้ภายในชุมชน ต้นทุนก็ไม่แพงมากนัก หากมีท่านใดอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ควรจะไปขอความรู้เรื่องการทำโอ่งแบบนี้มาไว้ใช้บ้าง เพราะจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำสะอาดที่จะใช้ในการอุปโภคและบริโภคได้มากทีเดียว (แต่ต้องเตรียมหาน้ำสะอาดเอาไว้ก่อนเกิดภัยพิบัติ)
     
  14. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    คงพอดีสำหรับตอนเกิดภัยพิบัตินะครับ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ถ้ากลุ่มพวกเราช่วยเผยแพร่ข้อมูลการเตรียมตัวและการปฏิบัติเมื่อเกิดภัยพิบัติให้กับกลุ่มนักวิทยุสมัครเล่นที่เป็นมืออาชีพ จะช่วยให้การทำงานและการเผยแพร่ข่าวสารออกไปสู่ประชาชน กว้างขวางและง่ายขึ้นมากครับ เพราะมีทรัพยากร(วิทยุอุปกรณ์) รวมทั้งความรู้ความชำนาญดีอยู่แล้วครับ
     
  16. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    น่าจะต้องประสานงานกับหน่วยราชการอื่นๆ ไว้ด้วย ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และช่วยเหลือกัน อย่างเช่น ศูนย์กู้ภัยต่างๆ และ อปพร (อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน) ซึ่งเท่าที่ทราบ อปพร. ตอนนี้มีกระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย แต่มีอัตรากำลังพลเพียง 2% ของจำนวนประชากรในพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ มีอัตราเพียง 1% เมื่อทราบตัวเลขแล้วน่าตกใจเหมือนกัน เพราะตามาตราฐานจริงๆ แล้วกำหนดไว้ในอัตรา อปพร. 1 ท่าน/พลเรือน 2 ท่าน

    อปพร.มีการอบรม การกู้ภัย การปฐมพยาบาล และการบรรเทาสาธารณะภัย ซึ่งน่าสนใจ และน่าจะเอามาเป็นแนวร่วมกับกลุ่มได้ ตอนนี้ก็กำลังตามเก็บข้อมูลเบื้องต้นอยู่

    ใครมีอะไรเพิ่มเติมส่งมาได้เลยจ้า แล้ววันอาทิตย์หน้าเจอกัน ณ สวนลุมฯ เด้อจ้า ^8^
     
  17. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขอขอบคุณ หลายท่าน ครับ ที่แนะนำข้อมูล กันเข้ามาครับ

    ในส่วน ที่คุณ Piakgear 24 ถาม ก้อน่าเป็นห่วงเหมือนกันครับ ในกรณีที่ สัญญาณ ดาวเทียม หรือระบบ internet ล้ม การประสานงานต่างๆ คง จะลำบาก ครับ

    นักวิทยุสมัครเล่น ที่มีมากมาย ในขณะนี้ เป็นนักวิทยุสมัครเล่น ขั้นต้น ครับ การสอบ จะยาก บ้าง ง่ายบ้าง ครับ บางช่วงก้อมีการ อบรมเพื่อสอบ

    แต่ จะมี นักวิทยุสมัครเล่น ขั้นกลาง ที่สามารถ ใช้เครื่อง ความถี่ ย่าน HF (High frequency ) ซึ่งต้องสอบทั้งทฤษฦ และ ปฏิบัติ คือ การเคาะระหัส มอรส์ แบบที่ใช้ กับโทรเลข สมัยก่อน ครับซึ่งการสอบยาก มาก จึงทำให้ นักวิทยุสมัครเล่นขั้นกลางมี น้อยคน
    และนักวิทยุสมัครเล่น ขั้นกลาง นี่ จะสามารถ ติดต่อ กับเพื่อน นักวิทยุฯ ด้วยกัน ทั้งใน ประเทศ - ต่างประเทศ ในระบบ shortwave (คลื่นความถี่สั้น SW )ซึ่งติดต่อกันใด้ทุดมุมโลก ครับ และถ่ายทอดข้อความการช่วยเหลือกันใด้ ครับ ( ถ้า เราเห็น วิทยุ AM -FM สมัยก่อน จะมี SW ที่เราเปิดแล้วจะได้ยินเพื่อนชาวต่างประเทศ เค้าคุยกันครับ )

    ในภูเก็ต มีประมาณ 2-3 คน เมื่อเกิด ภัย ต่างๆ เค้าจะติดต่อกัน ทันที่ ที่ มีเวลา เพื่อช่วยประสานงาน ครับ และผม คิดว่าในเมืองไทยเราน่าจะมี นักวิทยุสมัครเล่น ขั้นกลาง หลายท่าน ครับ แต่ในปัจจุบัน ระบบ internet เข้ามา มีบทบาท มาก จึงทำให้ การคุย แบบ echolink นิยม กันมาก และสะดวก ครับ

    เมื่อเกิดภัยต่างๆ อาจจะมี สัญญาณ ดาวเทียม ที่ยังคงดึงสัญญาณ มาใช้ใด้ ครับ การติดต่อ ทาง ระบบ internet ผ่านดาวเทียม จึงคิดว่าน่าจะยังคง ใช้ใด้ แต่อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ครับ

    สมัยก่อน การติดต่อสื่อสาร ทางไกล กลุ่มนักวิทยุสมัครเล่น ขั้นต้น จะนิยมการ ขึ้นไป DX คือ ติดตั้งระบบบนเนินเขาที่สูง กว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 400 - 1000 เมตร เท่าที่สามารถ หาและขึ้นได้ครับ เช่น ที่ภูเก็ต บนยอดเขานาคเกิด / ยอดเขาโตะแซะ สามารถ ติดต่อกันได้ ทั้ง นครศรีธรรมราช , นราธิวาส , กรุงเทพ , ฉะเชิงเทรา ( มีบางครั้งเพื่อน ทางนครศร๊ ฯ อยู่บนยอดเขา รานโรม ตืดต่อมา ทางภูเก็ต สามารถ รับ คุย กันได้ แม้อยู่ในบ้าน ครับ )

    แต่คิดว่า ถ้ามีเหตุที่เกิดแล้วติดต่อยาก คงต้องประสานงาน ทางด้านการสื่อสาร ของตำรวจ ที่สามารถ สื่อสาร กันได้ แบบ ส่งต่อ ข้อความ ซึ่งอาจล่าช้าครับ หรือ อย่างที่คุณ khunkik แนะนำ อปพร.การติตต่อทางราชการ และที่หลายท่านแนะนำการ ช่วยเหลือ การดำรงชีพ กันใว้ ครับ

    ตามที่คุณ zz แจ้งเกี่ยวกับ ระบบ สื่อสาร ในข่าย ความถี่ประชาชน CB ย่าน 245.000 mhz ก้อ ใช้ใด้ ครับ เพราะทุกคน สามารถ มีใช้ ได้ ครับ ในส่วนของนักวิทยุสมัครเล่น จะมี ข้อบังคับ ตาม พรบ. มากมาย ครับ

    แต่ที่แน่ๆ ผมว่า ทางเรากลุ่มพลังจิต น่าจะมี การศึกษา การติดต่อทางจิต ครับ เป็นการพัฒนา ธรรมะ ของเรา และเพื่อน ญาตธรรม ครับ และจะเกิด ปัญญา สู่ ความหวัง ที่แท้จริง ของทุกท่าน ที่ตั้งจิต ใว้ ครับ ว่า เราลงมาจุติ ครั้งนี้ เพื่ออะไร บ้าง

    ทำนิพพาน ให้แจ้ง การแวะ ระหว่างทางเพื่อช่วยเหลือ เพื่อนญาตธรรม

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2007
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอกราบโมทนากับความรู้และทางธรรมของคุณ นาคา ด้วยอย่างยิ่งครับ

    นับเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีความเข้าใจในสมดุลของความเจริญทางวัตถุและความเจริญทางจิต ซึ่งผมเองก็เห็นปรากฏอยู่ในเวบยี้มากมายหลายท่านด้วยกันครับ

    โดยส่วนตัวผมเองอยากให้ทุกท่านที่มีหน้าที่ ต่างๆกันไปในชาตินี้ ได้ปฏิบัติธรรมจนถึงขั้นที่ระลึกรู้ได้ด้วยตนเองครับ ว่าเรานั้น

    -เกิดมาทำไม
    -มีหน้าที่อะไร
    -อธิฐานสิ่งใดก่อนลงมาเกิด

    เพราะถ้าทำได้แล้ว สิ่งต่างๆที่ซ่อนอยู่ในจิตของแต่ละท่านก็จะเหมือน ถูกไขกุญแจเปิดออก ความระลึกรู้ และความสามารถทางจิตที่ได้ทำมาในอดีตจะได้กลับคืนมาโดยง่าย

    เท่าที่เห็นก็ปรากฏว่ามีหลายๆท่านที่ทำได้

    แต่ที่ผมห่วงคือสำหรับอีกหลายท่านที่ยังวิ่งหาให้ท่านผู้อื่นช่วยบอก ช่วยยืนยันอยู่

    ญาณหยั่งรู้เกิดจากภายในจิตที่บริสุทธิ์ฉันใด


    ดอกบัวแห่งพุทธโพธิญาณ ย่อมเบ่งบานด้วยเมตตาอันบริสุทธ์ต่อมวลสรรพสัตว์ ฉันนั้น
     
  19. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    เพื่อนผมศึกษา ธรณีวิทยา ครับ
    ผมเองอาจจะดึงขงข้อมูลมาได้บ้าง ไม่มากนัก
    อันนี้ดูเป็นพื้นฐานหน่อย แต่อาจจะมีประโยชน์บ้างครับ
    ---------
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><DD>ภัยพิบัติ (Disaster) หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นแก่สาธารณชน ได้ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย สึนามิ ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันเป็นสาธารณะ ไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือมีผู้กระทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ (พ.ร.บ. ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ. ศ. 2522) ซึ่งภัยธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติ</DD></TD></TR><TR><TD><DD>ภัยธรรมชาติ (Natural Disaster) หมายถึง ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของมนุษย์ (environnet , กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) สามารถแบ่งภัยธรรมชาติออกได้เป็น 4 ด้าน ดังนี้</DD></TD></TR><TR><TD><HR></TD></TR><TR><TD>1.ภัยธรรมชาติด้านน้ำ</TD></TR><TR><TD> 1.1 อุทกภัย (Flood) หมายถึง อันตรายจากน้ำท่วม อันเกิดจากระดับน้ำในทะเล มหาสมุทร หรือแม่น้ำสูงมาก จนท่วมท้นล้นฝั่งและตลิ่ง ไหลท่วมบ้านเรือน ด้วยความรุนแรงของกระแสน้ำ ทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รูปแบบของอุทกภัยจากธรรมชาติ (types of natural flood) สามารถสรุปรูปแบบของอุทกภัยจากธรรมชาติได้ 4 ชนิด คือ</TD></TR><TR><TD> 1) น้ำป่าไหลหลาก หรือน้ำท่วมฉับพลัน (flash flood) มักจะเกิดขึ้นในที่ราบต่ำหรือที่ราบลุ่มบริเวณใกล้ภูเขาต้นน้ำ เกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักเหนือภูเขาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้จำนวนน้ำสะสมมีปริมาณมากจนพื้นดิน และต้นไม้ดูดซับไม่ไหวไหลบ่าลงสู่ที่ราบต่ำ เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว มีอำนาจทำลายร้างรุนแรงระดับหนึ่ง ที่ทำให้บ้านเรือนพังทลายเสียหาย และอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ (กรมอุตุนิยมวิทยา)
    2) น้ำท่วมขัง (drainage flood) เป็นลักษณะของอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก ที่ไหลบ่าในแนวระนาบ จากที่สูงไปยังที่ต่ำเข้าท่วมอาคารบ้านเรือน เรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหาย หรือเป็นสภาพน้ำท่วมขัง ในเขตเมืองใหญ่ที่เกิดจากฝนตกหนัก ต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีสาเหตุมาจากระบบการระบายน้ำไม่ดีพอ มีสิ่งก่อสร้างกีดขวางทางระบายน้ำ หรือเกิดน้ำทะเลหนุนสูงกรณีพื้นที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล (กรมอุตุนิยมวิทยา)
    3) น้ำล้นตลิ่ง (river flood) เกิดขึ้นจากปริมาณน้ำจำนวนมากที่เกิดจากฝนหนักต่อเนื่อง ที่ไหลลงสู่ลำน้ำ หรือแม่น้ำมีปริมาณมาก จนระบายลงสู่ลุ่มน้ำด้านล่าง หรือออกสู่ปากน้ำไม่ทันทำให้เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมเรือกสวน ไร่นา และบ้านเรือนตามสองฝั่งน้ำจนได้รับความเสียหาย ถนนหรือสะพานอาจชำรุด ทางคมนาคมถูกตัดขาดได้ (กรมอุตุนิยมวิทยา)
    4) คลื่นสึนามิ (tsunami) คือน้ำท่วมที่เกิดจากคลื่นที่ซัดเข้าสู่ฝั่งมีลักษณะเป็นคลื่นในทะเลที่มีช่วงคลื่นยาวประมาณ 80 -200 กิโลเมตร เคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 600 - 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คลื่นสึนามิเกิดขึ้นได้เนื่องจากความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิดที่พื้นท้องมหาสมุทร หรืออุกกาบาตพุ่งเข้าชนโลกก็ได้ ในขณะที่คลื่นสึนามิเคลื่อนที่ข้ามมหาสมุทรจะดูเหมือนคลื่นปกติ เพราะมีความสูงของคลื่นประมาณ 30 เซนติเมตร แต่ถ้าคลื่นนี้เข้าสู่ชายฝั่งหรือที่ตื้นเมื่อใดจะเพิ่มความสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึงประมาณ 15 เมตร หรือมากกว่านี้ พลังงานอันมหาศาลของคลื่นสึนามิ จะทำให้เกิดอันตรายแก่สิ่งมีชีวิต และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในบริเวณชายหาด หรือหมู่เกาะที่คลื่นสึนามิซัดเข้าหา</TD></TR><TR><TD> 1.2 ภัยแล้ง (Droughts) หมายถึงสภาวะที่มีฝนน้อยหรือไม่มีฝนเลยในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งตามปกติจะต้องมีฝนโดยขึ้นอยู่กับสถานที่และฤดูกาล ณ ที่นั้นๆ หรือสภาวะที่ระดับน้ำ และใต้ดินลดลง หรือน้ำในแม่น้ำลำคลองลดน้อยลง ทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำของพืช ณ ช่วงเวลาต่างๆ โดยการเกิดความแห้งแล้งมี 3 ลักษณะ คือ</TD></TR><TR><TD> 1) สภาวะอากาศแห้งแล้ง (Metrological drought) มีลักษณะสำคัญคือ เป็นสภาวะที่มีการระเหยของน้ำเกินจำนวนที่ได้รับ กล่าวคือมีการระเหยจากไอน้ำของดินและพืชพรรณมากว่า ปริมาณน้ำฝนรายปี
    2) สภาวะการขาดน้ำ (Hydrological drought) มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการมีฝนตกน้อยเฉลี่ยต่ำกว่าปกติเป็นเวลา นานต่อเนื่องกัน
    3) สภาวะความแห้งแล้งทางการเกษตร (Agricultural drought) เป็นสภาวะที่เกิดการขาดน้ำสำหรับการเกษตรอันเนื่องมาจากการลดลงของปริมาณฝน ระดับน้ำใต้ดิน ความชื้นในดินลดลง จนพืชไม่สามารถดึงน้ำมาใช้ได้</TD></TR><TR><TD><HR></TD></TR><TR><TD>2.ภัยธรรมชาติด้านลม</TD></TR><TR><TD> วาตภัย (Storms) หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นจากพายุลมแรง จนทำให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ และสิ่งก่อสร้าง สำหรับในประเทศไทยวาตภัยหรือพายุลมแรงมีสาเหตุมาจากปรากฎการณ์ทางธรรรมชาติ (กรมอุตุนิยมวิทยา) คือ
    1)พายุหมุนเขตร้อน (Tropical cyclone) ได้แก่ ดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน พายุใต้ฝุ่น
    2)พายุฤดูร้อน ส่วนมากจะเกิดระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน โดยจะเกิดถี่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออก จะมีการเกิดน้อยครั้งกว่า สำหรับภาคใต้ก็สามารถเกิดได้แต่ไม่บ่อยนัก โดยพายุฤดูร้อนจะเกิดใน ช่วงที่มีลักษณะอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน แล้วมีกระแสอากาศเย็นจากความกดอากาศสูงในประเทศจีนพัดมาปะทะกัน ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองมีพายุลมแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้จะทำความเสียหายในบริเวณที่ไม่กว้างนัก ประมาณ 20-30 ตารางกิโลเมตร
    3) ลมงวง (เทอร์นาโด) เป็นพายุหมุนรุนแรงขนาดเล็กที่เกิดจากการหมุนเวียน ของลมภายใต้เมฆก่อตัวในทางตั้ง หรือเมฆพายุฝนฟ้าคะนอง (เมฆคิวมูโลนิมบัส) ที่มีฐานเมฆต่ำ กระแสลมวนที่มีความเร็วลมสูงนี้จะ ทำให้กระแสอากาศเป็นลำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หรือย้อยลงมาจากฐานเมฆดูคล้ายกับงวงหรือปล่องยื่นลงมา ถ้าถึงพื้นดินก็จะทำความเสียหายแก่บ้านเรือน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างได้ สำหรับในประเทศไทยมักจะเกิดกระแสลมวน ใกล้พื้นดินเป็นส่วนใหญ่ไม่ต่อเนื่องขึ้นไปจนถึงใต้พื้นฐานเมฆ และจะเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง โดยจะเกิดขึ้นในพื้นที่แคบ ๆ และมีช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จึงทำให้เกิดความเสียหายได้ในบางพื้นที่</TD></TR><TR><TD><HR></TD></TR><TR><TD>3. ภัยธรรมชาติด้านไฟ</TD></TR><TR><TD><DD>ไฟป่า (Wildfire) หมายถึง ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจากมนุษย์เป็นส่วนมาก ได้แก่ การเผาหาของป่า เผาทำไร่เลื่อนลอย เผากำจัดวัชพืช ส่วนน้อยที่เกิดจากการเสียดสีของต้นไม้แห้ง ผลกระทบจากไฟป่าทำให้เกิดมลพิษในอากาศมากขึ้น ผงฝุ่น ควันไฟกระจายในอากาศทั่วไป ไม่สามารถลอยขึ้นเบื้องบนได้ มองเห็นไม่ชัดเจน สุขภาพเสื่อม พืชผลการเกษตรด้อยคุณภาพ แหล่งทรัพยากรลดลง (environnet , กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม)</DD></TD></TR><TR><TD><HR></TD></TR><TR><TD>4. ภัยธรรมชาติด้านดิน</TD></TR><TR><TD> 4.1 ภูเขาไฟระเบิด (Volcano) เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห็นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่งมีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า"จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า แมกมา และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟเราเรียกว่าลาวาสาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย เวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆ ที่ตกลงมาด้วยกัน ไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไป (environnet , กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม)</TD></TR><TR><TD> 4.2 แผ่นดินไหว (Earthquakes) หมายถึง การสั่นสะเทือนของพื้นดินอันเกิดขึ้นได้ทั้งจากการกระทำของธรรมชาติและมนุษย์ ส่วนที่เกิดจากธรรมชาติ ได้แก่ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกโดยฉับพลัน ตามแนวขอบของแผ่นเปลือกโลก หรือตามแนวรอยเลื่อน การระเบิดของภูเขาไฟ การยุบตัวของโพรงใต้ดิน แผ่นดินถล่ม อุกาบาตขนาดใหญ่ตก เป็นต้น ส่วนที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การระเบิดต่างๆ การทำเหมือง สร้างอ่างเก็บน้ำใกล้รอยเลื่อน การทำงานของเครื่องจักรกล การจราจร เป็นต้น (กรมอุตุนิยมวิทยา)</TD></TR><TR><TD> 4.3 แผ่นดินถล่ม (land slides) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของการสึกกร่อนชนิดหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริเวณพื้นที่ที่เป็นเนินสูงหรือภูเขาที่มีความลาดชันมาก เนื่องจากขาดความสมดุลในการทรงตัวบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการปรับตัวของพื้นดินต่อแรงดึงดูดของโลกและเกิดการเคลื่อนตัวขององค์ประกอบธรณีวิทยาบริเวณนั้นจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ แผ่นดินถล่มมักเกิดในกรณีที่มีฝนตกหนักมากบริเวณภูเขาและภูเขานั้นอุ้มน้ำไว้จนเกิดการอิ่มตัว จนทำให้เกิดการพังทลาย (environnet , กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) สามารถแบ่งประเภทของดินถล่มตามตามลักษณะการเคลื่อนตัวได้ 3 ชนิดคือ
    1) แผ่นดินถล่มที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เรียกว่า Creep เช่น Surficial Creep
    2) แผ่นดินถล่มที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเรียกว่า Slide หรือ Flow เช่น Surficial Slide
    3) แผ่นดินถล่มที่เคลื่อนตัวอย่างฉับพลัน เรียกว่า Fall Rock Fall </TD></TR><TR><TD> แผ่นดินถล่มในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักเกิดภายหลังฝนตกหนักมากบริเวณภูเขาซึ่งเป็นต้นน้ำลำธารบริเวณตอนบนของประเทศ ซึ่งมีปัจจัยที่ส่งเสริมความรุนแรงของแผ่นดินถล่ม ดังนี้
    1) ปริมาณฝนที่ตกบนภูเขา
    2) ความลาดชันของภูเขา
    3) ความสมบูรณ์ของป่าไม้
    4) ลักษณะทางธรณีวิทยาของภูเขา
    ลำดับเหตุการณ์ของการเกิดแผ่นดินถล่ม คือ เมื่อฝนตกหนักน้ำซึมลงไปในดินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดิน อิ่มน้ำ แรงยึดเกาะระหว่างมวลดินจะลดลง ระดับน้ำใต้ผิวดินสูงขึ้นจะทำให้แรงต้านทานการเลื่อนไหล ของดินลดลง เมื่อน้ำใต้ผิวดินมีระดับสูงก็จะไหลภายในช่องว่างของดิน ลงตามความชันของลาดเขา เมื่อมีการเปลี่ยนความชัน ก็จะเกิดเป็นน้ำผุด และเป็นจุดแรกที่มีการเลื่อนไหลของดิน เมื่อเกิดดินเลื่อนไหลแล้วก็จะเกิดต่อเนื่องขึ้นไปตามลาดเขา</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    THE DAY AFTER TOMORROW
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.9 KB
      เปิดดู:
      145
    • 04.jpg
      04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      107
    • 05.jpg
      05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      118
    • 06.jpg
      06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42 KB
      เปิดดู:
      131
    • 07.jpg
      07.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.6 KB
      เปิดดู:
      108
    • 08.jpg
      08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      125
    • 09.jpg
      09.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.2 KB
      เปิดดู:
      124
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.6 KB
      เปิดดู:
      105
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.3 KB
      เปิดดู:
      116
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.8 KB
      เปิดดู:
      129
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.6 KB
      เปิดดู:
      119
    • 14.jpg
      14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      721
    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23 KB
      เปิดดู:
      759
    • 17.jpg
      17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.5 KB
      เปิดดู:
      736
    • 18.jpg
      18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.5 KB
      เปิดดู:
      742
    • 19.jpg
      19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.2 KB
      เปิดดู:
      117
    • 20.jpg
      20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.9 KB
      เปิดดู:
      126
    • 21.jpg
      21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.9 KB
      เปิดดู:
      107
    • 22.jpg
      22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      103
    • 23.jpg
      23.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.8 KB
      เปิดดู:
      105
    • 24.jpg
      24.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.2 KB
      เปิดดู:
      113
    • day%20after%20tomorrow%20SPLASH.jpg
      day%20after%20tomorrow%20SPLASH.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.4 KB
      เปิดดู:
      123
    • day_after_tomorrow_01.jpg
      day_after_tomorrow_01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.1 KB
      เปิดดู:
      102
    • IMG_2326.jpg
      IMG_2326.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.7 KB
      เปิดดู:
      109
    • normal_100_3562.jpg
      normal_100_3562.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21 KB
      เปิดดู:
      103
    • normal_100NIKON-DSCN0077_DSCN0077.jpg
      normal_100NIKON-DSCN0077_DSCN0077.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.9 KB
      เปิดดู:
      105
    • normal_94060005.jpg
      normal_94060005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.4 KB
      เปิดดู:
      105
    • normal_DSC00743.jpg
      normal_DSC00743.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.2 KB
      เปิดดู:
      99
    • normal_IM000223.jpg
      normal_IM000223.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      118
    • normal_the%20day%20after%20tomorrow.jpg
      normal_the%20day%20after%20tomorrow.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.8 KB
      เปิดดู:
      116
    • normal_multi%20temp%20grele.jpg
      normal_multi%20temp%20grele.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.1 KB
      เปิดดู:
      108
    • normal_PA200039.jpg
      normal_PA200039.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      123
    • normal_xDSC024.jpg
      normal_xDSC024.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47 KB
      เปิดดู:
      108
    • normal_xDSC029.jpg
      normal_xDSC029.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.9 KB
      เปิดดู:
      103
    • The-Day-After-Tomorrow-0001.jpg
      The-Day-After-Tomorrow-0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      190.2 KB
      เปิดดู:
      105
    • The-Day-After-Tomorrow-0002.jpg
      The-Day-After-Tomorrow-0002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176 KB
      เปิดดู:
      112
    • the-day-after-tomorrow-2.jpg
      the-day-after-tomorrow-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.7 KB
      เปิดดู:
      94

แชร์หน้านี้

Loading...