รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

การใช้ยาฉุน ยาเส้น ยาตั้ง

ยาฉุนเป็นยาคู่มือประจำนายพราน เป็นยาเส้นสารพัดประโยชน์ ใช้ห้ามเลือด หรือแช่น้ำแล้วเอาน้ำทาเนื้อทาตัว แขนขา กันน้องทากตัวเล็กๆเทาเศษไม้มาเกาะเพราะทากกลัวกลิ่นยาฉุนเหมือนลิงเกลียดกะปิยังไงอย่างงั้น และที่สำคัญมีประโยชน์แม้กระทั่งการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างคนป่าด้วยกัน

 

วันนี้กำลังจะออกไปพบลูกค้าใหม่รายหนึ่ง จึงเข้าไปค้นข้อมูลลูกค้าใน Web กลับกลายเป็นบริษัทนำเข้าและผลิตวิทยุสื่อสารไปซะฉิบ สงสัยจะได้ฤกษ์ซื้อซะล่ะมั้ง ว. แดง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เสื่อผือกันยุง ของดีเมืองอุบล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>30 พฤษภาคม 2551 09:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

FROM DOUG COPP'S ARTICLE ON THE 'TRIANGLE OF LIFE'

จากบทความของดัก คอบบ์ เรื่อง'สามเหลี่ยมชีวิต'

Edited for MAA Safety Committee brief

เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัย MAA

My name is Doug Copp. I am the Rescue Chief and Disaster Manager of the
American Rescue Team International (ARTI), the world's most experienced
rescue team. The information in this article will save lives in an earthquake.

ผมชื่อ ดัก คอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีมกู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิตคนในกรณีแผ่นดินไหว

I have crawled inside 875 collapsed buildings, worked with rescue teams from 60 countries, founded rescue teams in several countries, and one of the United Nations experts in Disaster Mitigation for two years. I have worked at every major disaster in the world since 1985.

ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึก เคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก 60 ประเทศ ก่อตั้งหน่วยกู้ภัยในหลายประเทศ และเป็นเหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การสหประชาชาติมา 2 ปี ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆ ในโลกมาตั้งแต่ปี 1985

In 1996 we made a film, which proved my survival methodology to be correct. We collapsed a school and a home with 20 mannequins inside. Ten mannequins did 'duck and cover,' and the other ten mannequins used my 'triangle of life' survival method. After the simulated earthquake, we crawled through the rubble and entered the building to film and document the results. The film showed that there would have been zero percent survival for those doing duck and cover; and 100 percent survivability for people using my method of the 'triangle of life.'

เมื่อปี 1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษาชีวิตของผมถูกต้อง เราได้ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัวอยู่ภายใน หุ่น 10 ตัว'มุดและหาที่กำบัง' และอีกสิบตัวใช้วิธีการรักษาชีวิตแบบ 'สามเหลี่ยมชีวิต' ของผม หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลานผ่านซากปรักหักพังและเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผลที่เกิด ในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอดของพวกที่มุดและหาที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด 100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี 'สามเหลี่ยมชีวิต' ของผม

This film has been seen by millions of viewers on television in Turkey and the rest of Europe, and it was seen in the USA, Canada and Latin America on the TV program.

ภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็น ล้านๆ คนในตุรกี และส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออกอากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา คานาดาและลาตินอเมริกา

The first building I ever crawled inside of was a school in Mexico City during the 1985 earthquake. Every child was under its desk. Every child was crushed to the thickness of their bones. They could have survived by lying down next to their desks in the aisles.

ตึกแห่งแรกที่ผมได้คลานเข้าไปคือโรงเรียนแห่ง หนึ่งในเมืองเม็กซิโกซิตี้ในแผ่นดินไหวปี 1985 เด็กทุกคนอยู่ใต้โต๊ะเรียน เด็กทุกคนถูกอัดแบนจนกระดูกแหลก พวกเขาอาจจะมีชีวิตรอดด้วยการนอนราบกับพื้นตรงบริเวณทางเดินข้างๆ โต๊ะเรียนของตัวเอง

At that time, the children were told to hide under something. Simply stated, when buildings collapse, the weight of the ceilings falling upon the objects or furniture inside crushes these objects, leaving a space or void next to them. This space is what I call the 'triangle of life'. The
larger the object, the stronger, the less it will compact. The less the object compacts, the larger the void, the greater the probability that the person who is using this void for safety will not be injured.

ในเวลานั้น เด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อตึกถล่ม น้ำหนักของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น เหลือที่ว่างหรือช่องว่างข้างๆ มัน ที่ว่างเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า'สามเหลี่ยมชีวิต' สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ ยิ่งแข็งแรง โอกาสถูกทับอัดยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อย ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น
โอกาสที่คนที่อาศัยช่องว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก

The next time you watch collapsed buildings, on television, count the 'triangles' you see formed. They are everywhere. It is the most common shape.

ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ ลองนับ 'สามเหลี่ยม' ที่เกิดขึ้นที่คุณเห็นดู มันทีอยู่เต็มไปหมดทุกที่ เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป

TEN TIPS FOR EARTHQUAKE SAFETY

10 วิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว

1) Almost everyone who simply 'ducks and covers' when buildings collapse are crushed to death. People who get under objects, like desks or cars, are
crushed.

1) เกือบทุกคนที่ 'มุดและหาที่กำบัง' เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ

2) Cats, dogs and babies often naturally curl up in the fetal position.
You should too in an earthquake. It is a natural safety/survival instinct.
You can survive in a smaller void. Get next to an object, next to a sofa,next to a large bulky object that will compress slightly but leave a void next to it.

2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่นกันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่องว่างที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยังเหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

3) Wooden buildings are the safest type of construction to be in during an earthquake. Wood is flexible and moves with the force of the earthquake. If the wooden building does collapse, large survival voids are created. Also,the wooden building has less concentrated, crushing weight. Brick buildings will break into individual bricks. Bricks will cause many injuries but less squashed bodies than concrete slabs.

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อนตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้
เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) If you are in bed during the night and an earthquake occurs, simply roll off the bed. A safe void will exist around the bed. Hotels can achieve a much greater survival rate in earthquakes, simply by posting a sign on the back of the door of every room telling occupants to lie down on the floor, next to the bottom of the bed during an earthquake.

4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติดป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) If an earthquake happens and you cannot easily escape by getting out the door or window, then lie down and curl up in the fetal position next to a sofa, or large chair.

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนีออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบ และขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

6) Almost everyone who gets under a doorway when buildings collapse is killed. How ? If you stand under a doorway and the doorjamb falls forward or backward you will be crushed by the ceiling above. If the doorjamb falls sideways you will be cut in half by the doorway. In either case, you will be killed!

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวงกบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้างคุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) Never go to the stairs. The stairs have a different 'moment of frequency' (they swing separately from the main part of the building).The stairs and remainder of the building continuously bump into each other until structural failure of the stairs takes place. The people who get on stairs before they fail are chopped up by the stair treads - horribly mutilated. Even if the building doesn't collapse, stay away from the stairs. The stairs are a likely part of the building to be damaged. Even if the earthquake does not collapse the stairs, they may collapse later when overloaded by fleeing people. They should always be checked for safety,even when the rest of the building is not damaged.

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี 'ช่วงการเคลื่อนตัว' ที่แตกต่างไป (บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่องจนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันได คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้นบันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของอาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมาเมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

8) Get near the Outer Walls Of Buildings or Outside Of Them if possible.It is much better to be near the outside of the building rather than the interior. The farther inside you are from the outside perimeter of the building the greater the probability that your escape route will be blocked.

8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคาร หรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภายนอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนีของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก

9) People inside of their vehicles are crushed when the road above falls in an earthquake and crushes their vehicles; which is exactly what happened with the slabs between the decks of the Nimitz Freeway. The victims of the San Franciscoearthquake all stayed inside of their vehicles. They were all killed. They could have easily survived by getting out and sitting or lying next to their vehicles. Everyone killed would have survived if they had been able to get out of their cars and sit or lie next to them. All the crushed cars had voids 3 feet high next to them, except for the cars that had columns fall directly across them.

9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถ ของพวกเขา นี้เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการ
ออกจากรถ และนั่ง หรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถ และนั่ง หรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคานตกทับกลางคันรถ

10) I discovered, while crawling inside of collapsed newspaper offices and other offices with a lot of paper, that paper does not compact. Large voids are found surrounding stacks of paper.

10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวนมาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน

Spread the word and save someone's life.

กระจายข้อมูลนี้และจะช่วยชีวิตคนบางคน

​

ที่มา : ได้ข้อมูลมาจาก Forward mail ครับ

 

​

ใช่เลยครับ!! ยุงสมัยนี้มันดุร้าย กระหายเลือด มากกว่าแต่ก่อนเยอะเลยครับ และเป็นพาหะของโรคร้ายต่างๆ มากมาย เช่นไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ ฯลฯ ซ้ำยังกัดเจ็บกว่าสมัยก่อนมาก ผมโดนมันกัดแต่ละทีทั้งเจ็บและปวดแสบปวดร้อนมาก แสดงให้เห็นว่ายุงสมัยนี้มันได้พัฒนาตัวของมันเอง ขึ้นมาให้ทันกับความดุร้ายของจิตใจคนในยุคสมัยนี้ครับ

อ้อ....เกือบลืมไป ตอนนี้เขามียากันยุงชนิดสเปรย์แบบฉีดพ่นกันแล้ว ถ้าจะไปซื้อยากันยุง บอกกับคนขายว่าเอาแบบสเปรย์ฉีดพ่นนะครับ ใช้สะดวกกว่าแบบทามากเลยครับ เพราะเราต้องพัฒนาตัวเราเองให้ทันกับพวกยุงมันด้วยครับ

เมื่อวันก่อนดูโฆษณายากันยุงยี่ห้อ ซอฟเฟล ทางทีวี เขาพัฒนาให้มีแบบสเปรย์ฉีดพ่นกันแล้วครับ และยี่ห้อนี้ไม่เป็นอันตรายกับเด็กๆ ด้วยเลยอยากจะแนะนำให้ซื้อหาติดตัวกันเอาไว้ครับ

 

เครื่องแปลงไฟฟ้าจากรถยนต์
โดยคุณ พุทธโกมุท

​

เมื่อวันเสาร์ไปซื้อเครื่องแปลงไฟรถยนต์มาจาก Zeer แปลงจากแบตเตอรี่รถยนต์ โดยต่อจากที่จุดบุหรี่ หรือพ่วงจากแบตเตอรี่ แปลงเป็นไฟบ้าน กำลังไฟ 1200 W ราคา 1,700 บาท ซื้อมาแล้วดันไปเจออีกร้านนึงมีรุ่น 500 W ราคา 800 บาทเท่านั้น ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าของเรากำลังไฟสูงกว่า สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลายชิ้น ขณะที่ 1500W ราคา 3,300 บาท

กลับมาลองใช้งานที่บ้าน เอากระติกน้ำร้อนมา่ต่อ 120 W ใช้งานได้ครับ

**นึกถึงเวลาเกิดภัยจากที่อื่นๆ ปัญหาแรกคือ น้ำประปาและไฟฟ้าถูกตัดขาด หาทางสำรองกันนะครับ**

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=132819&page=3

​

เครื่องแปลงไฟฟ้า 12v.(แบตเตอรรี่รถยนต์ ) เป็น220v.(ไฟบ้าน)

เครื่องอินเวอเตอร์ Inverter ขนาด 75W (ขนาดเล็กใช้กับโน๊ตบุ๊คทุกยี่ห้อ), ขนาด 150W, 300W, 500W ใช้สำหรับคอมฯโน๊คบุ๊ค(Note book) ,เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จากแบตเตอรรี่ในรถยนต์ มีระบบเตือนไฟแบตเตอรี่ไม่พอ หรือใกล้หมด
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ขอบคุณครับพี่เกษมที่ช่วยหาภาพประกอบมาให้
ในภาพเป็นรุ่น 300 W เพียงพอที่จะใช้ไฟนีออน กับหุงข้าวได้

ส่วนของผมที่ซื้อมาเป็น 1200 W ครับแต่คนละยี่ห้อ อ่านจากคู่มือเค้าว่า หากใช้ที่ 50W จะได้ประมาณ 5-6 ชม. แบตจะหมด เราก็ต้องไป Start รถชาร์จใหม่ครับ

ผมว่าหากจะซื้อรุ่น 500W ราคา 800 บาทเก็บไว้ก็อุ่นใจดีครับ

 

น้ำดื่มปลอดภัยที่โรงเรียนบ้านคลองนามิตรภาพ

​

นักเรียนโรงเรียนบ้านคลองนามิตรภาพมีน้ำดื่มที่ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงกับหินปูนอีกต่อไป

ความรู้จากวิชาสุขศึกษาและคำแนะนำสำหรับการมีสุขภาพดีบอกว่า ในวันหนึ่งๆ เราควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และน้ำสะอาดที่เหมาะสำหรับดื่มนั้นจะต้องปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายอีกทั้งต้องมีปริมาณเกลือแร่ต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แต่น้ำดื่มที่โรงเรียนบ้านคลองนามิตรภาพ ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีปริมาณหินปูนเจือปนเกินมาตรฐานถึง 4 เท่า <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="5%" align=right><TBODY><TR><TD>

​

นักเรียนโรงเรียนบ้านคลองนามิตรภาพ
มีน้ำดื่มที่ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงกับหินปูนอีกต่อไป​

</TD></TR><TR><TD>

โอ่งน้ำใช้สำหรับเก็บกักน้ำฝนเเพื่อบริโภค​

</TD></TR><TR><TD>

โอ่งน้ำใช้สำหรับเก็บกักน้ำฝนเเพื่อบริโภค​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

กรมอนามัยเตือน ใช้ขวดพลาสติกซ้ำ เสี่ยงรับเชื้อโรค​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="99%" border=0><TBODY><TR><TD><CENTER></CENTER></TD></TR><TR><TD align=left>กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนเลี่ยงนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำ เสี่ยงอันตรายจากการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย แนะหากจำเป็นต้องใช้ควรทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และหมั่นสังเกตลักษณะขวด หากชำรุด แตกรั่ว บุบ ไม่ควรนำมาใช้ พร้อมเน้นให้ประชาชนดื่มน้ำสะอาดเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดโรคที่เกิดจากน้ำเป็นสื่อตามมา

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงอันตรายจากการนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำ ว่า ประชาชนที่นำขวดพลาสติกที่เคยผ่านการใช้งานมาใส่น้ำไว้ดื่ม หรือใช้ซ้ำในครัวเรือนนั้น บางครั้งไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะบริเวณปากขวดและฝาขวดที่เกิดจากการใช้ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ขวดน้ำกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งผลจากการเก็บน้ำดื่มโดยกรมอนามัยเพื่อตรวจสอบจำนวน 92 ตัวอย่าง พบว่า มีการปนเปื้อนของสารโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 59 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 94.13 นับเป็นอันตรายที่ควรตระหนักถึง โดยเฉพาะสารเคมีที่เป็นอันตรายจากพลาสติก เพราะการขัดถูเพื่อล้างทำความสะอาดขวดน้ำ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน หรือหากขวดน้ำตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความร้อน อาจทำให้สารเคมีในขวดพลาสติกปนเปื้อนลงในขวดได้ ดังนั้น หากจำเป็นต้องนำขวดพลาสติกกลับมาใช้ซ้ำควรทำความสะอาดให้ทั่วถึง

นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ ความสะอาดปลอดภัยของน้ำดื่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดารที่ขาดแคลนน้ำสะอาดก่อนนำมาดื่มควรต้มให้เดือดอย่างน้อย 5 นาที เก็บในภาชนะที่สะอาดมีฝาปิดมิดชิด ส่วนการนำน้ำจากแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำผิวดิน ต้องปรับคุณภาพน้ำและฆ่าเชื้อโรคด้วยการแกว่งสารส้มให้เกิดตะกอนแล้วฆ่าเชื้อโรคด้วยหยดทิพย์ ว 101 ของกรมอนามัย หรือเติมผงปูนคลอรีนตามปริมาณน้ำที่กำหนด จากนั้นทิ้งไว้ 30 นาที ก่อนนำไปใช้ อันจะช่วยป้องกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในน้ำได้

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.adslcool.com/hotnews/view.php?id=749

 

เครื่องกลั่นน้ำทะเลให้เป็นน้ำบริสุทธิ์​

<TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#000000 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%"><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#000000 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#cc0000><TD vAlign=top width="100%">น้ำคือส่วนประกอบในร่างกายมนุษย์</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">ร่างกายคนเราประกอบไปด้วยน้ำ 2 ใน 3 ส่วน น้ำทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย น้ำช่วยละลายสารอาหารที่คนเรารับประทานเข้าไป และส่งผ่านสารอาหารเหล่านั้นไปสู่เซลล์ต่างๆ จากนั้นน้ำก็เป็นตัวนำของเสียที่เกิดจากขบวนการทำงานอันซับซ้อนของร่างกายออกมา คุณสมบัติและประโยชน์ของน้ำที่มีต่อร่างกายดังกล่าวแล้ว องค์ประกอบของน้ำดื่มจึงไม่ควรมีสารละลาย สิ่งปนเปื้นใดๆ อยู่</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%"><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#000000 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#cc0000><TD vAlign=top width="100%">น้ำอื่ม ไม่ใช่อาหาร</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">จากสภาพน้ำโดยรวม จะมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ เช่นไปโอดีน ฟลูออไรด์ เกลือแร่ แมกนีเซี่ยม และสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่นตะกั่ว เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ตลอดจนสารเคมีปนเปื้อนอยู่ ไม่มีเครื่องมือชนิดใดที่สามารถกรองเฉพาะสารที่เป็นพิษออก แล้วคงไว้ซึ่งสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ในน้ำได้</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%"><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#000000 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#cc0000><TD vAlign=top width="100%">น้ำที่คุณดื่ม สะอาดจริงหรือ?</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">น้ำกรอง
เครื่องกรองน้ำโดยทั่วไป มีความสามารถกรองสารปนเปื้อนได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถกรองแบคทีเรียและสารเคมีที่เป็นพิษได้
</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">น้ำบรรจุขวด
คือน้ำที่ผ่านการกรอง หากนำไปต้มก็จะมีตะกอนและแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ เพราะไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูง
</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">น้ำต้ม
ความร้อนสามารถฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้ แต่ไม่ได้ช่วยขจัดแร่ธาตุและสารอนินทรย์ที่มีอยู่ในน้ำให้หมดไป
</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">
หากคุณและคนที่คุณรัก ดื่มน้ำโดยไม่คำนึงถึงผลในระยะยาวต่อสุขภาพ นั่นหมายถึงคุณกำลังทำร้ายตัวเองอย่างช้าๆ และต่อนเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อสารปนเปื้อนดังกล่าวถูกดื่มเข้าสู่ร่างกาย เกิดการสะสมเพิ่มขึ้นทีละน้อย ตามข้อต่อและอวัยวะต่างๆ จนอาจก่อให้เกิดโรค เช่นโรคไขข้ออักเสบ โรคนิ่วในไต หรือถ้าไปเกาะตามผนังเส้นเลือด ก็อาจทำให้เกิดหินปูนในหลอดเลือดทำให้เส้นเลือดอุดตัน

แต่คุณสามารถหยุดยั้งการเพิ่มมลพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายได้ ด้วยการดื่มน้ำกลั่น ที่ปราศจากสารปนเปื้อนใดๆ การดื่มน้ำกลั่นบริสุทธิ์เป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกาขจัดสารตกค้างต่างๆ ที่อยู่ภายในตัวคุณได้ดีขึ้น ในขณะที่ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพจาก พืช ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์เพียงพอแล้ว

คุณสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการสูญเสีย ความทุกข์ทรมานจากความเจ็ขป่วยของตัวคุณและคนที่คุณรักได้ด้วย การดื่มน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ไร้สารพิษ จากเครื่องกลั่นน้ำดื่ม "MEGAHOME"

"MEGAHOME" ประดิษฐ์กรรมสำหรับการผลิตน้ำบริสุทธิ์ โดยเลียนแบบการเกิดฝนตามธรรมชาติ ใช้งานง่าย เพียงเติมน้ำแล้วกดปุ่ม เครื่องจะทำงานโดยการต้มน้ำให้เดือดจนกลายเป็นไอ แล้วไอน้ำก็จะกลายเป็นไอ แล้วไอน้ำก็จะไหลผ่านท่อควบแน่น ให้รวมตัวกลั่นเป็นหยดน้ำ คุณจึงมั่นใจได้ว่า น้ำทุกหยดที่ผ่านเครื่องกลั่นน้ำดื่ม "MEGAHOME" ใสสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากสารปนเปื้อนใดๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%"><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#000000 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#cc0000><TD vAlign=top width="100%">คุณสมบัติ เครื่องกลั่นน้ำดื่มบริสุทธิ์ Portable Water Distiller "MEGAHOME"</TD></TR><TR bgColor=#f9f9f9><TD vAlign=top width="100%">

• สามารถกลั่นน้ำประปา น้ำบาดาล น้ำคลอง และน้ำทะเล ให้เป็นน้ำบริสุทธิ์
• สามารถกลั่นน้ำได้วันละ 12 ลิตร เพียงพอสำหรับดื่มภายในครอบครัว 5-6 คน
• เหมาะสำหรับดื่ม ชงนม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยโรคไต นิ่ว
• น้ำกลั่นบริสุทธิ์ จะช่วยละลายสารตะกอนของแร่ธาตุที่สะสมอยู่ตามข้อต่อ และผนังเส้นเลือด อีกทั้งช่วยให้ ไตทำงานดีขึ้น
• การดื่มน้ำบริสุทธิ์ ช่วยให้ระบบการย่อยอาหาร การดูดซึมอาหาร และการขับถ่ายของร่างกายมีประสิทธิภาพเต็มที่

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.gmwebsite.com/Website/index.asp?ContentID=ContentID-061227162005328

 

ระบบกรองน้ำ แบบ กลั่น เคยได้ยินว่า สะอาดจนไม่มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายเหลืออยู่เลย

ผลเสีย จะทำให้น้ำไปดึงเอาแร่ธาตุจากกระดูกออกมาทำให้กระดูกเปราะและบาง

เท่าที่จำได้มีมากกว่านี้ ผมจำไม่ได้แล้ว ใครพอจะรู้รบกวนเสริมหน่อยนะคร้าบ

 

คืนวันจันทร์ได้มีโอกาสดูรายการ จับเข่าคุย เห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาฝากครับ
ตอน จุลินทรีย์กู้ชาติ ทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ชาวน้าดีเด่น ปี 2549 ครูใหญ่สถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทร์ จ.สุพรรณบุรี ตอน 1

เนื้อหาในรายการจะเป็นการปลูกข้าวโดยไม่ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าศัตรูพืช การปลูกพืชหมุนเวียน และยังอธิบายการปลูกข้าวที่ถูกต้อง ซึ่งชาวนาในเมืองไทยเข้าใจกันผิดมาตลอด เรื่องข้าวเหลือง ทำให้ผลผลิตข้าวที่จะต้องได้มากกว่านี้ลดลงไปครึ่งต่อครึ่ง จาก 200 เมล็ดจาก 1 รวงข้าว เหลือ 100 เมล็ด ฯลฯ

ยังไม่จบนะครับ อาทิตย์หน้าจะมีต่ออีก 1 ตอน

 

การฝึกร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงเพื่อความแข็งแกร่งและสุขภาพที่ดีขึ้น

จากเวบไซท์ Body 4 Life
http://bodyforlife.com/success/BeforeAfterAfters.asp?cmsId=1031

นี่เป็นรูปของคนที่ฝึกร่างกายก่อนและหลังครับ

เคสนี้เป็น ชายที่อายุ 40 ปีแล้ว กลับมาหนุ่มขึ้นได้ขนาดนั้น

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><!--<tr> <td colspan="3"> </td> </tr>--><TBODY><TR><TD colSpan=3>
Before After Afters These men and women have continued to sustain the results they achieved, whether they first completed Body-for-LIFE one year or eight years ago. Find out how they lost fat, gained muscle and transformed their unhealthy habits, for life.


</TD></TR><TR vAlign=top align=middle><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 align=center border=0><TBODY><TR><TD align=left colSpan=2> </TD></TR><!--<tr> <td>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif] Name: Jerry Braam
[/FONT] </td> </tr>--></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]<!--Name:-->Jerry Braam[/FONT] </TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD>
Jerry Braam was almost 40 years old and out of shape. A recent check-up confirmed Braam was not exactly the picture of health. His resting heart rate was 90 beats per minute and his body fat percentage was 30.6 percent. His doctor said he was in poor physical shape for someone his age.

Jerry had heard about Body-for-LIFE and knew it was the right time to change his bad eating and exercise habits.

Today, Jerry is breathing easier. He improved his resting heart rate from 90 to 60 beats per minute, decreased his body fat percentage from 30.6 percent to 9.9 percent and gained half of an inch in height from improved posture. Jerry not only has a new, healthier physique, but also a whole new outlook on life.

"I face each day with anticipation, and the body I see in my mirror tells me I will succeed, even when others think things can only get worse," Jerry says. "Now that I am centered, I am able to give freely and it is an incredible feeling."

Through his great success with the Body-for-LIFE Challenge and continued efforts in helping others, Jerry is encouraging others in his community to take the Challenge.

</TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD>
Body fat lost: 30.6% to 9.9%
Years Jerry has kept the weight off: 3 years


</TD></TR></TBODY></TABLE>

และนี่เป็นตัวอย่าง บางคนอายุ 60 ปี ยายอายุ เยอะๆยังทำได้

เอามากระตุ้นอยากให้คนไทยเปลี่ยนทัศนะคติเกี่ยวกับการออกกำลังกายและสุขภาพครับ

ผมเองตอนนี้ก็ไม่ค่อยเล่นกลับมาอ่อนแอ อีกแล้ว

เลยหาเรื่องมากระตุ้นตัวเองซะหน่อย


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><!--<tr> <td colspan="3"> </td> </tr>--><TBODY><TR><TD colSpan=3>
Before After Afters These men and women have continued to sustain the results they achieved, whether they first completed Body-for-LIFE one year or eight years ago. Find out how they lost fat, gained muscle and transformed their unhealthy habits, for life.


</TD></TR><TR vAlign=top align=middle><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Michelle Lee[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Mariah Yu[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Charles Damiano[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Bill Yeager[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Gregg Kemp[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Jerry Braam[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]George Nolly[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Linda Kelley-Catlow[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Artemis Limpert-Decker[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Donna Szabo[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Edith Odoms[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Thomas Archipley[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Everett Herbert[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Lynn Lingenfelter[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Porter Freeman[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Cheryl Rasmussen: 2002 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Brad Wadlow: 1997 Champion[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Abb Ansley: 1997 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Thomas Phillips: 2002 Champion[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Lezlee Jones: 1999 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Dr. Jeffry Life: 1998 Champion[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Kelly Adair: 1998 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Theresa Hornick: BFL Participant[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Kimberly Cantergiani: 2001 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Cindy Homan: 2002 Champion[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Becky Southard: 2003 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Lynn Oglesby: 2002 Champion[/FONT]

</TD><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Tracy Jeffries: 2002 Champion[/FONT]

</TD></TR><TR><TD align=middle>
[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Pamela Akaka: 2000 Champion[/FONT]

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- InstanceEndEditable -->

 

กำลังคิดวางแผนจะกลับไปเป็นเกษตรกรอยู่พอดีค่ะ..คิดว่าจะพยายามทำแบบพึ่งเทคโนโลยีให้น้อยที่สุด

 

ใครเคยทดสอบอันนี้บ้างครับ
http://www.swedishbittersherbs.com/survival-tabs-p-56.html
1 ขวดประมาณ 180 เม็ดใช้ได้ประมาณ 15 วัน

 

สธ.เตือนห้ามกินใบ-ฝักแก่มันแกวชี้มีสารพิษรุนแรงทำลายตับไตถึงเสียชีวิต

​

กรุงเทพฯ 29 มิ.ย.- นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด ก.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการรับประทาน หรือมสัมผัสพิษพืชมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความไม่รู้พิษภัยของพืชพิษต่าง ๆ หรือขาดความระมัดระวังในการนำมารับประทาน

ส่วนใหญ่พืชที่รับประทานมักเกิดพิษ ได้แก่ เห็ดพิษ มะกล่ำตาแดง เม็ดสบู่ดำ เป็นต้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2548-2551 สธ.ได้รับรายงาน มีประชาชนได้รับพิษจากการกินเมล็ดมันแกว จำนวน 9 ราย ทั้งหมดนี้แพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ 6 ราย เสียชีวิต 3 ราย โดยเป็นเด็กอายุ 2 ขวบ 1 ราย อายุ 93 ปี 1 ราย และอายุ 59 ปี 1 ราย ส่วนของมันแกวที่รับประทานได้ ไม่มีพิษ คือ หัว ใบอ่อน และฝักอ่อน แต่เมื่อใบแก่ ฝักแก่แล้ว จะเป็นพิษ กินไม่ได้

ในเมล็ดมันแกว มีสารพิษ ได้แก่ โรเทโนน (Rotenone) เพซี่ไรชิน (Pachyrrhizin) มีฤทธิ์ฆ่าแมลงหลายชนิด และยังพบสารซาโปนิน (Soponin) สามารถละลายน้ำได้ เป็นพิษต่อปลา ทำให้ปลาตาย ส่วนในใบแก่ของมันแกว มีสารพิษที่มีชื่อว่าเพชี่ไรซิด (Pachyrrhizid)

จากการศึกษาพิษของสารโรเทโนน พบว่าถ้ารับประทานเข้าไป จะระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และจะทำลายตับ ไต กระเพาะอาหาร ทำให้ลำไส้อักเสบ รายที่เป็นรุนแรงอาจมีปัญหาระบบกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบไหลเวียนผิดปกติทำให้ชักได้ สารนี้หากสูดดมเข้าไป พิษจะรุนแรงกว่า คือจะกดการหายใจ เสียชีวิตได้.-สำนักข่าวไทย

2008-06-29 11:59:12

แพทย์ศิริราช-จุฬาฯ แนะใส่ใจสุขภาพห่างไกลกระดูกพรุน-บ้านหมุน

​

กรุงเทพฯ 29 มิ.ย.- แพทย์ศิริราชเตือนมีอาการเวียนหัว บ้านหมุนอย่าวางใจ เสี่ยงหกล้มเกิดอุบัติเหตุ พบได้ในผู้สูงอายุ 60 ปี ถึงร้อยละ 30 ขณะที่แพทย์จุฬาฯ เตือนกระดูกเริ่มพรุนตั้งแต่อายุ 30 ปี แนะใช้ท่าทางในกิจวัตรประจำวันถูกวิธี ป้องกันอาการปวดชา

ศ.เกียรติคุณ พญ. สุจิตรา ประสานสุข แพทย์โสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลศิริราชพยาบาล กล่าวถึงอาการเวียนหัว บ้านหมุนในการจัดกิจกรรมสำหรับคนรักสุขภาพ

 

แนะนำข้าวกระป๋องสำเร็จรูป เปิดกินได้เลย ไว้ยามฉุกเฉิน อาจจะเหมาะเวลาที่ไม่มีไฟ และไม่สามารถ จุดเตา หรือ ก่อกองไฟในห้องได้

ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับยี่ห้อนี้ครับผม