รวมพระเครื่องและวัตถุมงคล หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ครูเซียน, 21 กันยายน 2005.

  1. apedet

    apedet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +837
    คุณ Boontrong ครับรายการที่ 68 ที่ครูบาอิน ครูบาวงศ์ ครูบาดวงดี ร่วมเมตตาอธิษฐานจิต คือวัตถุมงคลอะไรครับ
     
  2. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112
    เหรียญ
     
  3. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง) คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ" <o></o>
    (จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา
    )<o> </o>
    <o></o>
    จากอดีตในวัยเยาว์ที่ผ่านมาเคยขอทานเพื่อหาเงินเลี้ยงดูโยมบิดา-มารดาและน้องอีก ๙ คน พอโตขึ้นมาก็ถูกเพื่อนลูกศิษย์ด้วยกันกลั่นแกล้วเอาน้ำรักใส่ที่นอนจนหลังเน่าเปื่อยทนทุกข์เวทนาอย่างสาหัส เมื่อเรียนหนังสือก็ถูกครูใช้สันขวานเคาะศีรษะและทุบตีจนเนื้อแตกในยามนอนก็ถูกเพื่อนเอาทรายกรอกปาก เอาน้ำราดหัวเอากระโถนน้ำมูตรคูถมาวางตรงหน้าขณะกินข้าว ด้วยขันติบารมีการวางเฉยด้วยใจที่ให้อภัยต่อสัตว์โลก ครูบาชัยวงศา จึงได้รับการยกย่องจากชาวเขาเผ่าต่างๆให้เป็นครูบาผู้เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมอันสูงส่งและด้วยอำนาจความเพียรพยายามทางจิต ท่านครูบาชัยวงศา
    คือผู้หนึ่งที่เทพยดาฟ้าดินให้ความเมตตาอภิบาลรักษาคุ้มครองป้องกันเพื่อให้ท่านได้กระทำความดี สร้างบารมีเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ด้วยจุดมุ่งหมายอันยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้านั่นคือแทนแห่งพุทธภูมิ

    ๑ .เป็นกำลังสำคัญสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ
    ครูบาชัยวงศาได้ไปร่วมแรงร่วมใจกับครูบาขาวปีช่วยครูบาศรีวิชัยทำงานในด้านต่างๆทั้งงานศาสนาและงานสาธารณประโยชน์ ทั้งที่ได้รับอุปสรรคนานับประการโดยเฉพาะอุปสรรคในการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพร่วมกับครูบาศรีวิชัย
    โดยครูบาชัยวงศาและครูบาขาวปีเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมในการสร้างทางคนละครึ่ง ครูบาขาวปีรับผิดชอบควบคุมช่วงล่างตั้งแต่วัดศรีโสดาถึงวัดสกิทาคามี (วัดนี้ถูกรื้อไปแล้ว) ส่วนครูบาชัยวงศารับช่วงตั้งแต่วัดสกิทาคามีและสร้างวัดอนาคามี (ซึ่งขณะนี้ทรุดโทรมและถูกรื้อไปแล้ว) ไปจนถึงทางขึ้นดอยสุเทพ
    ในขณะสร้างทางได้รับความลำบากทุกข์เวทนาอย่างสาหัส เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งจากตำรวจหลวงและพระสงฆ์ที่ไม่เข้าใจในเจตนามุ่งมั่นอันแท้จริงของครูบาศรีวิชัย คอยจับสึกอยู่เสมอการดำเนินการก่อสร้างจึงต้องลงมือเมื่อพระอาทิตย์ล่วงลับไปเสียก่อน และต้องหาที่หลบซ่อนเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าของวันใหม่งานสร้างทางตอนเริ่มแรกมีชาวบ้านมาช่วยงานไม่มากเท่าไร แต่นานไปก็ได้มีพวกชาวกะเหรี่ยงและชาวบ้านในหลายตำบล หลายหมู่บ้านพากันมาลงแรงร่วมใจอย่างมากมาย ด้วยความศรัทธาและเต็มใจจนในที่สุดการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพก็สำเร็จลุล่วงได้
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <o> </o>
    <!--[endif]-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_100268.JPG
      IMG_100268.JPG
      ขนาดไฟล์:
      414.2 KB
      เปิดดู:
      177
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กุมภาพันธ์ 2007
  4. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง) คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"
    (
    จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o></o>
    ๒.เหตุที่ห่มขาว
    [FONT=&quot]
    [/FONT]มีผู้สงสัยว่าเหตุใดครูบาขาวปีจึงได้รับการยกย่องเทียบเท่าพระอริยสงฆ์ที่มีฌานบารมีเก่งกล้าทั้งที่นุ่งขาวห่มขาวจะขอเล่าเบื้องหลังของการนุ่งขาวห่มขาว
    ของท่านสักนิด
    ครั้งนั้นเมื่อครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์โดนจับตัวนำเข้ากรุงเทพฯบรรดาลูกศิษย์ที่ช่วยสร้างทางต่างหนีกันกระเจิดกระเจิงเข้าป่าซึ่งบางรูปหนีแล้ว
    ไม่ยอมออกมา บางองค์ก็สำเร็จไปแล้ว
    ส่วนครูบาขาวปีและครูบาชัยวงศาหนีไม่ทัน เพราะคอยไปแจ้งข่าวให้เพื่อนสงฆ์ทราบเมื่อหนีไม่ทันจึงถูกจับสึกไม่ให้ห่มจีวรเมื่อไม่ให้ห่มเหลืองครูบาขาวปีจึงหันมาห่มขาวแทนและปฏิบัติกิจเช่นสงฆ์
    เหมือนเดิม
    เพราะคิดว่าการเป็นพระที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เครื่องนุ่งห่มหากแต่อยู่ที่ใจ[FONT=&quot]
    [/FONT]ห่มขาวแล้วก็ออกธุดงค์เข้าป่าเพื่อเผยแพร่ธรรมะแก่ขาวเขาต่อไป ส่วนครูบาศรีวิชัยยังคงห่มเหลืองเช่นเดิมและยังรุดเร่งดำเนินการ ก่อสร้างจนสำเร็จ แล้วมรณภาพที่วัดบ้างปางเมื่อครูบาชัยวงศาอายุ ๒๗ ปี[FONT=&quot]
    [/FONT]หลังจากครูบาศรีวิชัยมรณภาพครูบาชัยวงศาและครูบาขาวปีได้ร่วมกันเผยแพร่ธรรมและสร้างสิ่งอันเป็นสาธารณกุศลทั้งทางโลกและด้านศาสนาต่อไป ตามแนวทางที่ครูบาศรีวิชัยกำหนดไว้ตลอดจนการบูรณปฏิสังขรณ์ สถานที่สำคัญในพระศาสนา[FONT=&quot]
    [/FONT]หลังจากครูบาขาวปีมรณภาพลง ร่างกายของท่านไม่เน่าไม่เปื่อย ขณะนี้ศพถูกนำเก็บไว้ในโลงแก้วที่วัดพระบาทผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน[FONT=&quot]

    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กุมภาพันธ์ 2007
  5. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง) คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"
    (
    จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o></o>
    ๓. มาตามหน้าที่
    เดิมวัดพระพุทธบาทห้วยต้มตกอยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่า จะขอย้อนไปเมื่อครั้งที่ครูบาชัยวงศายังเป็นสามเณรน้อย ได้เดินธุดงค์มากับครูบาก๋า มาพบวัดพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้เข้าสามเณรน้อย (ครูบาชัยวงศา) ได้เคยถามครูบาก๋าถึงการปฎิสังขรณ์วัดนี้ ได้รับคำตอบว่าไม่ใช่หน้าที่ของท่านโดยได้ชี้มาที่ตัวครูบาชัยวงศา แล้วบอกว่า"ต่อไปเณรน้อยจะได้มาเป็นผู้สร้างวัดนี้"ซึ่งเรื่องนี้ได้ไปตรงกับข้อมูลที่ได้จากคำพูดของครูบาศรีวิชัย
    เมื่อครั้งที่ได้มีชาวบ้านไปนิมนต์ครูบาศรีวิชัยให้มาบูรณะวัดนี้
    ท่านได้ปฏิเสธกับชาวบ้านว่า ไม่ใช่หน้าที่ของท่านเป็นหน้าที่ของครูบาชัยวงศา จึงแนะให้ชาวบ้านไปนิมนต์ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นสามเณรอยู่

    <o></o>
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]--> <!--[endif]-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กุมภาพันธ์ 2007
  6. ตามดูจิต

    ตามดูจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +585
    หลวงปู่สอนว่า...

    ผู้ไม่มีไตรสรณะ...


    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    เป็นรัตนอันอุดม ดีวิเศษ

    ที่เรารู้อยู่ทั่วกันแล้ว

    ว่าเป็นของบริสุทธิ์เลิศสดใส

    และมีคุณแก่เราทั้งหลายหาที่สุดบ่ได้

    ถ้ารู้แล้วไม่ปฎิบัติตามอย่างนั้น

    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    ก็บ่เป็นที่พึ่งแก่เราได้เลย

    อุปมาดังวังน้ำใส

    ถ้าเราเห็นแล้วบ่ลงอาบลงล้าง

    มันก็บ่หมดบ่ใส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • post.jpg
      post.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.9 KB
      เปิดดู:
      138
  7. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง) คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ" <o></o>
    (
    จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o> </o>
    ๔.พระพุทธเจ้าน้อย
    จวบจนกระทั่งชาวบ้านได้ขุดพบศิลาจารึกที่มีตัวอักษรล้านนาไทยเขียนไว้ด้วยประโยคสั้นๆว่า "ผู้ที่จะสร้างวัดนี้คือพระพุทธเจ้าน้อย ซึ่งจะเริ่มมาสร้างปี....ตอนนี้อยู่ที่.... เกิดที่.... จะเป็นผู้มาสร้าง" ซึ่งก็เป็นความจริงตามในศิลาจารึกแผ่นนั้นทุกประการ
    ขณะนั้นครูบาชัยวงศาได้รับการยกย่องจากชาวเขาให้เป็นพระพุทธเจ้าน้อยอยู่ก่อนแล้วแม้แต่สถานที่อยู่ สถานที่เกิด ก็ตรงกับทิศทางที่ศิลาจารึกบอกทุกประการ
    ด้วยเหตุนี้บรรดาชาวบ้าน ตลอดจนนายอำเภอจึงไปนิมนต์ครูบาชัยวงศามาสร้างและบูรณะวัดพระพุทธบาทห้วยต้มตั้งแต่นั้นมา
    <o></o>๕.ตรงตามนิมิต
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]--><!--[endif]--> [FONT=&quot]
    [/FONT]จากประสบการณ์ของลูกศิษย์ท่านหนึ่งผู้ติดสอยห้อยตามครูบาชัยยะวงศามานานได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า[FONT=&quot]
    [/FONT]ครั้งแรกที่ไปอยู่วัดนี้ใหม่ๆได้ฝันไปว่ามีชายชราผมขาวสองคน คนหนึ่งนุ่งลายเสือส่วนอีกคนนุ่งขาวห่มขาวได้มาปรากฏร่างให้เห็นในความฝันแล้วได้บอกว่า[FONT=&quot] "[/FONT]หลวงพ่อองค์นี้จะเป็นผู้สร้างวัดนี้ให้สำเร็จ เพราะวัดนี้จะเป็นวัด ๑ ใน ๓ แห่งที่สืบต่อพระศาสนาต่อไปจนถึง ๕[FONT=&quot],[/FONT]๐๐๐ปีซึ่งเจ้าและหลวงพ่อองค์นี้ได้เคยสร้างวัดนี้มาแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาลเมื่อครั้งพระสมณโคดมได้เสด็จ
    ล่วงสู่สุวรรณภูมิแห่งนี้..."
    พูดจบก็หายวับไปเมื่อนำเรื่องราวที่ฝันไปเล่าให้ครูบาชัยวงศาฟังโดยยังไม่ทันบอกรูป
    ลักษณะของผู้ปรากฏกายในความฝัน
    ครูบาชัยวงศาก็ตอบแทนเสียก่อนว่า[FONT=&quot]
    "
    [/FONT]ผู้ที่แต่งลายเสือที่มาหานั้นเป็นปู่ฤาษีเมื่ออดีตชาติคือพี่ชายของหลวงพ่อเอง ส่วนคนนุ่งชุดขาว คือพ่อพญาซึ่งท่านทั้งสองเป็นเทพผู้ดูแลสถานที่นี้อยู่และจะสำเร็จอรหันต์ในสมัยพระศรีอาริย์..."[FONT=&quot]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_100285.JPG
      IMG_100285.JPG
      ขนาดไฟล์:
      475.4 KB
      เปิดดู:
      109
    • IMG_100272.JPG
      IMG_100272.JPG
      ขนาดไฟล์:
      419.5 KB
      เปิดดู:
      111
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2007
  8. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ภาพพระเจดีย์ที่ครูเซียนลงไว้ให้ดู สุดยอดจริงๆครับ.........เห็นแล้วบอกได้เลยว่าอลังการและยิ่งใหญ่จริงๆ
    ...นี่แหละหนอพระบารมีแห่งโพธิสัตว์ และความศรัทธาแห่งมหาชน ขออนุโมทนา สาธุครับ

    ....ตฤณ....
     
  9. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"
    (จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o> </o>

    ๖.ที่พึ่งชาวกะเหรี่ยง
    ครูบาชัยวงศาได้มาจำพรรษาที่วัดพระบาทห้วยต้ม เมื่อมีอายุได้ ๓๓ ปี ระยะแรกที่มาอยู่ บรรดากะเหรี่ยงได้ติดตามท่านมาไม่มากนัก จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ บรรดากะเหรี่ยงทั้งหมดจึงพากันอพยพมาอยู่เป็นหมู่บ้านถึง ๖๐๐ หลังคาเรือน ๓,๐๐๐ กว่าคน ทุกคนกินอาหารมังสวิรัติ ตามครูบาชัยวงศา ซึ่งได้ชี้ให้เห็นโทษการกินเนื้อสัตว์ หันมากินข้าวเหนียวจิ้มพริกกับเกลือและผักต้มแทน แต่เดิมชาวเขาเหล่านี้ไม่เคยเห็นพระสงฆ์ ต่างกลัวกันมากเมื่อเห็นครูบาชัยวงศาเดินมา ต่างรีบอุ้มลูกจูงหลานหนีเข้าบ้าน
    พวกผู้ชายที่ใจกล้าก็เข้ามาพูดคุยกับท่านมาซักถาม บ้างก็เอามือลูบหัวท่านเล่น แล้วเรียกท่านว่า "เสี่ยว" เพราะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธจึงไม่รู้จักพระสงฆ์
    ต่อมา ครูบาชัยวงศาได้ใช้กุศโลบายค่อยๆตะล่อมสอนชาวเขาเหล่านี้ให้เลิกยึดถือประเพณีบูชาผีสางนางไม้ ให้หันมาเลื่อมใสในข้อธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยปูพื้นและวางหลักเกณฑ์ในการยึดถือพระพุทธศาสนาให้ถึงแก่นและกระพี้
    ให้เลิกละการเบียดเบียนรังแกสัตว์ เพียงเพื่อสนองความสุขของตัว ชาวเขาถามครูบาชัยวงศาว่า โกนหัวและห่มผ้าเหลืองทำไม ท่านได้เมตตาอธิบายให้ฟังว่า ท่านเป็นพระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประพฤติพรหมจรรย์ มีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นเครื่องซักฟอกชำระจิตใจ ไม่เบียดเบียนผู้ใด จึงต้องนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด ปฏิบัติตัวอยู่ในพระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดากำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]--><!--[endif]--><o> </o>


    <o></o>๗.ทำเป็นตัวอย่าง[FONT=&quot]
    [/FONT]ชาวเขาได้ฟังคำสั่งสอนของครูบาชัยวงศาก็ศรัทธาเลื่อมใสต่างพากันนำอาหารที่ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว
    ์มาถวาย
    ครูบาชัยวงศาก็หยิบเฉพาะผักฉันโดยไม่หยิบเนื้อสัตว์เลยชาวเขาสงสัยจึงถามท่านครูบาชัยวงศาจึงถือ
    โอกาสสั่งสอน ให้ชาวเขาสำนึกในกฎแห่งกรรม
    สำนึกในความมีเมตตาต่อสัตว์โลกว่า[FONT=&quot] "...[/FONT]ทุกคนย่อมรักตัวกลัวตายสัตว์ที่เราล่ามาทำอาหาร ก็มีความกลัวตาย ถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์ ก็จะไม่มีการฆ่าไม่มีการเบียดเบียนให้เป็นกรรมติดตัวไป...ที่เกิดมาเป็นชาวเขาต้องพบความลำบากก็เนื่องจาก
    การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนี่แหละจงอย่าสร้างกรรมเพิ่ม
    ด้วยการกินเนื้อเขาอีกเลย..."[FONT=&quot]
    [/FONT]ชาวเขาฟังแล้วก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้าตั้งใจมั่นเลิกกินเนื้อสัตว์ แต่นั้นมาหันมากินอาหารมังสวิรัติแทน โดยหาผักหาหญ้าหัวเผือกหัวมัน พริกกับเกลือแทนเนื้อสัตว์จนเป็นที่โจษขานกันทั่วไปถึงความสามารถของครูบาชัยวงศาในการขัดเกลาจิตใจ
    ชาวเขาเหล่านี้
    ซึ่งแต่เดิมชอบประพฤติตัวเกเร ชอบกินเหล้าอาละวาดสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติอย่างมาก[FONT=&quot]
    [/FONT]นับเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลอย่างมหาศาลเนื่องจากชาวเขาเหล่านี้เป็นชนกลุ่มน้อยที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง
    ตลอดมา
    ในการตกเป็นเครื่องมือของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่คอยซุ่มโจมตีทหารรัฐบาลในป่าลึก[FONT=&quot]
    [/FONT]ครูบาชัยวงศาได้ให้เหตุผลที่จะดึงและโน้มน้าวจิตใจชาวเขาเหล่านี้ว่า
    [FONT=&quot] "[/FONT]ผู้ที่เกิดมาเป็นชาวเขานั้นแต่ชาติปางก่อนได้สร้างกุศลมาไม่ดี จึงต้องเกิดมาเป็นชาวเขาถ้าทำให้เขาละการสร้างเวรให้กับตัวเขาก็จะได้กุศลที่ดีเป็นคนดีของประเทศชาติไม่มีปัญหาต่อชาติต่อไป..."
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2007
  10. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"
    (จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o> </o>

    ๘.พัฒนาชาวเขา
    ปัจจุบันนับวันจะมีประชาชนพลเมืองชาวเขาเผ่าต่างๆ ต่างก็ทยอยกันมารักษาศีล ฟังเทศน์ถวายสังฆทานกับครูบาชัยวงศาทุกวันพระ ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ส่วนใหญ่ในวันธรรมดาพวกกะเหรี่ยงจะมานั่งฟังพระสวดมนต์ ทำวัตรเย็นและกราบไหว้บูชาพระธาตุเจดีย์และนั่งภาวนาก่อนกลับไปทำภารกิจที่บ้าน แม้ว่าชาวเขาเหล่านี้จะฟังเทศน์กันไม่เข้าใจเพราะครูบาชัยวงศาใช้ภาษาล้านนา แต่เขาก็ตั้งใจฟังกันเพื่อสร้างบุญสร้างกุศลจะได้ไม่เกิดมาเป็นชาวเขาอีก
    เป็นที่ปลื้มปีติว่า ชาวเขาหลายร้อยหมู่บ้าน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ชอบก่อปัญหาให้กับรัฐบาล แต่เมื่อได้รับการชักจูงไปในทางที่ดี โดยเฉพาะมีผู้นำทางจิตที่ดีอย่างครูบาชัยวงศา ชาวเขาต่างๆ เหล่านี้ กลับหันมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศอย่างมหาศาล กล่าวคือได้เป็นกำลังสำคัญในการร่วมใจกับครูบาชัยวงศาสร้างโรงเรียนให้เด็กเล็กๆ เรียนตามหมู่บ้าน สร้างบ่อน้ำโดยครูบาชัยวงศาจะเข้าฌานสมาบัติ เล็งในพื้นที่ที่มีตาน้ำจึงค่อยลงมือขุด ท่านจะเป็นผู้นำในการขุดบ่อด้วยมือเปล่าๆของท่านเองทุกครั้งเสมอ และสร้างถนนหนทางจากหมู่บ้านเข้าสู่ตัวเมืองและจังหวัด สร้างโรงพยาบาลอำเภอลี้แห่งใหม่
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->

    ๙.ออกธุดงค์ครั้งแรก
    ครูบาชัยวงศา เคยออกธุดงค์ครั้งแรกเมื่อเป็นสามเณรน้อยอายุได้ ๑๓ ปี ได้เริ่มออกครั้งแรกกับครูบาก๋าและครูบาพรหมจักร วัดพระบาทตากผ้า ได้ติดตามครูบาพรหมจักรไปธุดงค์ในที่ต่างๆ ทั้งพม่า ลาว โดยอยู่ปฏิบัติธรรมกับครูบาพรหมจักร เป็นเวลา ๑๒ ปี หลังจากนั้นก็ออกธุดงค์องค์เดียว เพื่อเคี่ยวจิตใจให้แข็งแกร่งกับภยันตรายนานาประการ ในขณะเดียวกัน ก็เที่ยวสอนและเผยแพร่พระศาสนาไปเรื่อยๆ ได้ข่าวครูบาศรีวิชัยสร้างอะไรที่ไหนท่านก็จะไปช่วยร่วมบุญด้วยเสมอ การออกธุดงค์ในป่าลึกหลายครั้งที่ครูบาชัยวงศาต้องพบกับสัตว์ร้าย เช่น เสือ งูมีพิษ แต่เป็นที่น่าแปลกว่า สัตว์เหล่านี้เมื่อเข้าใกล้ครูบาชัยวงศากลับหมอบทำท่าทางรักใคร่ ไม่มีร่องรอยของเสือร้ายอยู่เลย
    <o></o>


    ๑๐.บิณฑบาตข้าวเทวดา
    การออกธุดงค์ส่วนใหญ่จะเป็นป่าลึกปราศจากผู้คน จึงไม่มีใครมาใส่บาตร มีแต่ผีป่านางไม้เท่านั้นที่ลงมาใส่บาตร เรื่องนี้เป็นคำบอกเล่าของครูบาชัยวงศา ที่เคยเล่าไว้กับลูกศิษย์ของท่านว่า
    การอยู่ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยอมนุษย์และสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ การบำเพ็ญเพียรทางจิตให้กล้าแข็งเต็มไปด้วย พลังเมตตาต่อสัตว์โลกแล้วจะไม่อดตาย เพราะผีป่านางไม้จะนำเอาอาหารทิพย์มาให้และอภิบาลรักษา ครั้งหนึ่งขณะที่ครูบาชัยวงศากำลังทำความเพียรทางจิต ไม่มีเวลาไปหาพืชป่ามาฉัน ท่านจึงนำบาตรเปล่าไปตั้งไว้ที่โคนต้นไม้ จากนั้นได้มานั่งภาวนาพิจารณาธรรมต่อไปจนออกจากสมาธิ เมื่อได้เวลาฉันเพล เมื่อท่านได้เดินไปที่บาตร ปรากฏมีข้าวสีเหลืองมีกลิ่นหอมเต็มอยู่ในบาตร บางวันก็มีดอกไม้ป่าใส่มาด้วย ”<o> </o>

    บ่อยครั้งที่ครูบาชัยวงศาต้องออกธุดงค์ไปถึงเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เวลานั่งบำเพ็ญเพียรทางจิต ต้องก่อไฟไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น มีอยู่ครั้งหนึ่งไฟที่ก่อได้ลุกลามมาติดจีวรตั้งแต่ชายจีวรจนถึงหน้าอกแล้วท่านยังไม่รู้ตัว
    จนกระทั่งออกจากสมาธิ จึงได้พบว่าเปลวไฟกำลังเลียเนื้อหนังของท่านอยู่
    ขณะที่มาปกครองวัดพระบาทห้วยต้มในระยะแรกๆ ครูบาชัยวงศาก็ยังออกธุดงค์ไปบำเพ็ญเพียรทางจิตในที่ต่างๆ อยู่เสมอ ทั้งที่หนทางก็กันดารลำบากยากเข็ญ ต้องผจญกับไข้ป่าและธรรมชาติ เครื่องอัฐบริขารก็มีไม่ครบเวลาเจอพายุฝนก็ต้องภาวนากันใต้ต้นไม้ใหญ่ นั่งตากพายุจนเปียกปอนอยู่เสมอ การผจญกับความลำบากเป็นเสมือนหนึ่งหินลับมีด ยิ่งลำบากเท่าไรก็เท่ากับได้มีโอกาสลับมีดให้คมพร้อมที่จะเชือดเฉือนสรรพสิ่งได้ทันท่วงทีฉัน
    นั้น
    นี่แหละหลวงปู่ครูบาชัยวงศาของเรา
    ท่านเป็นยอดแห่งความอดทนมาตั้งแต่เล็ก ยากที่จะหาใครเทียบเท่าได้...

    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]--><o> </o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2007
  11. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    เหรียญหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา รุ่น เพิ่ม ลาภ ผล ทวี คูณ ทรัพย์ สิน พ.ศ.๒๕๓๐

    เหรียญหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา รุ่นเพิ่ม ลาภ ผล ทวี คูณ ทรัพย์ สิน พ.ศ.๒๕๓๐

    -ด้านหลัง มะอะอุ นะโมพุทธายะ
    นะชาลีติ (พระสิวลี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2007
  12. ตามดูจิต

    ตามดูจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +585
    (จากหนังสือโพธิญาณแห่งล้านนา)

    บันไดแก้วที่พาดลงมาให้เห็นอย่างสวยงามนี้ มีน้อยนักที่จะปรากฎให้เห็นเช่นนี้

    เท่าที่ทราบก็จะเป็นภาพบันไดแก้วที่ปรากฎอยู่กับ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัด

    สะแก จ.พระนครศรีอยุยา


    ภาพบันไดแก้วที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าหลวงปู่นี้ หลวงปู่เคยพูดว่า

    " ถ้าเราปฏิบัติถึงแล้ว ก็จะมีบันไดแก้วมาปรากฎให้เห็นเอง"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. P Banglampoo

    P Banglampoo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +64

    รูปเหมือนหลวงปู่ฯ ที่คุณ "ตามดูจิต" นำมาลงไว้นั้น พอจะทราบประวัติการสร้างหรือไม่ครับ? โปรดชี้แนะ :cool:
     
  14. ตามดูจิต

    ตามดูจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +585
    ประวัติผมไม่ทราบเหมือนกันครับ

    ถ้าจำไม่ผิด เป็นรูปเหมือนพระบูชา หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ปี 39

    หน้าตัก 5 นิ้ว

    เห็นที่วัดยังมีให้บูชาองค์ละ 2000 บาท ครับ....




    หลวงปู่เล่าว่า... บุญบาปอยู่ที่ใจ


    ในอดีต มีชายสองคนเป็นเพื่อนกัน วันนั้นเป็นวันพระ เพื่อนคนหนึ่งจัดแจง

    เอาของไปถวายพระและจะไปฟังเทศน์ แต่อีกคนจะไปจับปลา แต่ฝากของ

    ทานให้เพื่อนเอาไปทำบุญที่วัด

    คนที่ไปวัดเมื่อถึงเวลาพระเทศน์ฟังแล้วก็ง่วงเหงาหาวนอน ฟังก็ไม่รู้เรื่อง เบื่อ

    ไม่อยากฟัง คิดอยู่ว่าเพื่อนที่ไปดักปลาคงได้ปลามาก ถ้าเราไปด้วยก็น่าจะดี

    เอาไว้ฟังเทศน์จบก็จะกลับไปกินข้าวกับเพื่อน จะได้กินปลาสดๆ ใจก็คิดอยู่

    อย่างนั้น มือก็พนมอยู่ แต่จิตคิดไปจับปลา


    ส่วนเพื่อนที่ไปจับปลา ไปแล้วก็จับปลาไม่ได้สักตัวเดียว จึงคิดว่าถ้าไม่ได้ปลา

    อย่างนี้ ไปฟังเทศน์เสียดีกว่า อยู่ก็เสียเวลา ปลาก็ไม่ได้ ถึงเวลาที่กะว่าขณะนี้

    พระเทศน์จบ แล้วก็ยกมือขึ้นไหว้สาธุ ขอให้ได้บุญเถิด แล้วก็เดินทางกลับบ้าน

    เมื่อเพื่อนที่ไปวัดกลับมาถามว่า ได้ปลามาไหม ก็ตอบว่าไม่ได้ รู้อย่างนี้ไปฟัง

    เทศน์ดีกว่า


    ทั้งสองคนนี้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม คนหนึ่งอยู่ในสถานที่ทำบาป แต่จิตเป็นกุศล กลับได้บุญ ส่วนคนที่อยู่ในสถานที่ทำบุญ แต่จิตใจคิดในทางทำบาป ก็ย่อมได้บาปไป

    ทั้งนี้อยู่ที่จิตเป็นสำคัญ ถึงแม้จะไปเข้าวัดทำบุญ แต่จิตเป็นอกุศล ก็ไม่อาจพ้นโทษพ้นบาปได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. poemsakl

    poemsakl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +376
    รุ่นนี้ผสมพระเกศาครูบาอาจารย์หลายองค์

    รุ่นนี้ผสมพระเกศาครูบาอาจารย์หลายองค์ ที่วัดยังมีให้บูชาราคาประมาณ3000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง) คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"
    (จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o>
    </o>
    ๑๑.คำยกย่องจากพระเถระ
    [FONT=&quot]
    [/FONT]การบำเพ็ญเพียรทางจิตของครูบาชัยวงศาได้เจริญรุดหน้าจากการเล่นกสิณ๑๐ ไปจนถึงการบำเพ็ญทางฌานบารมีและอภิญญากล่าวกันในหมู่พระทรงฌานทั้งหลายว่าครูบาชัยวงศา
    เป็นพระอริยสุปฏิปันโนที่ทรงอภิญญาแก่กล้ามาก
    [FONT=&quot]
    [/FONT]หลวงปู่ครูบาพรหมจักรแห่งวัดพระบาทตากผ้าอ.ป่าซาง จ.ลำพูนได้กล่าวถึงครูบาชัยวงศาต่อหน้าศิษย์นับร้อยเมื่อครั้งเดินทางไปทอดผ้าป่าว่า[FONT=&quot] "...[/FONT]พวกลูกมีบุญมากและโชคดีที่ได้มาพบพระระดับหลวงพ่อวงศ์ ซึ่งเป็นพระปฏิบัติดีมีคุณธรรมสูง เคยเดินธุดงค์มาด้วยกันกับท่าน หลวงพ่อได้อะไรหลวงพ่อวงศ์ก็ได้เช่นเดียวกัน ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย... อย่าเสียทีที่เกิดมามีบุญได้พบพระระดับหลวงพ่อวงศ์ ควรสอบถามข้อธรรมและปฏิบัติตามหลวงพ่อวงศ์ให้มากๆ..."[FONT=&quot]
    [/FONT]อีกองค์หนึ่ง คือหลวงปู่คำแสนคุณาลังกาโรวัดดอนมูล อ.สันกำแพง เมื่อครั้งที่ครูบาชัยวงศานำผ้าป่าไปทอดหลวงปู่คำแสนถึงกับลงมารับ พร้อมกับแสดงความดีใจที่ได้พบหลวงพ่อวงศ์นิมนต์ให้ครูบาชัยวงศานั่งบนอาสนะที่สูงกว่าครูบาชัยวงศา
    ไม่ยอมเพราะเห็นว่าพรรษาของท่านน้อยกว่า
    และคุณธรรมก็น้อยกว่าหลวงปู่คำแสน แต่หลวงปู่คำแสนกลับตอบว่า[FONT=&quot] "...[/FONT]หลวงพ่อวงศ์พรรษาน้อยกว่าก็จริง แต่ด้านคุณธรรมสูงกว่ามาก..."จึงไม่ยอมนั่งสูงกว่าครูบาชัยวงศา เมื่อต่างก็เถียงให้นั่งสูงบรรดาลูกศิษย์จึงยกอาสนะอีกตัวหนึ่งให้หลวงปู่คำแสนนั่ง เพื่อให้เสมอกันหลังจากหลวงปู่คำแสนนั่งเรียบร้อยแล้วได้หันมาบอกกับลูกศิษย์ที่ติดตามไปว่า[FONT=&quot]
    "...
    [/FONT]ลูกโชคดีนะที่ได้พบพระอริยะสุปฏิปันโน ที่มีคุณธรรมสูงอย่างท่านครูบาชัยวงศาให้ปฏิบัติธรรมให้เก่งอย่างครูบาวงศ์นะเพราะท่านเป็นพระกรรมฐาน
    พิจารณากฎไตรลักษณ์ได้แล้ว ลูกต้องซักถามท่านให้มากๆ
    จะได้กุศลอันสูงส่ง...ในชาตินี้"[FONT=&quot]
    [/FONT]คุณธรรมความดีของครูบาชัยวงศาได้แพร่ขยายไปในหมู่ชาวเขาตามชายแดนพม่ามาก โดยเฉพาะเป็นที่ยกย่องนับถือของ[FONT=&quot]"[/FONT]ครูบาราช"พระทรงฌานที่มีอิทธิฤทธิ์มากทุกปีครูบาราชจะต้องเดินทางไป
    กราบครูบาชัยวงศา
    ที่พระพุทธบาทห้วยต้มไม่เคยขาด[FONT=&quot]
    [/FONT]ครูบาราชเป็นพระทรงอภิญญาที่ล่วงรู้อดีตปัจจุบัน และรู้วาระจิตของคนด้วยมีครั้งหนึ่งที่สามารถทายอดีตของนักศึกษาหนุ่มผู้ให้รายละเอียดเรื่องราวของครูบาวงศ์
    องค์นี้ได้ถูกต้อง
    บอกชื่อ บอกนามสกุล บอกวันเดือนปีเกิด และวงศาคณาญาติได้ถูกหมด ที่น่าทึ่งก็คือสามารถบอกไปถึงประวัติของบิดามารดาได้ถูกต้องทั้งที่ครูบาราชไม่เคยรู้จักกับน้องคนนี้มาก่อน ครูบาราชได้พูดขึ้นว่า[FONT=&quot] "...[/FONT]ลูกพยายามหัดกัมมัฎฐานและวิชาจากครูบาวงศ์ให้หมดนะ...เพราะจะหาพระกัมมัฎฐานระดับนี้ยากมากนัก
    แต่ครูบาวงศ์ท่านเทศน์ไม่เก่งต้องคอยสอบถามและตั้งใจให้ดีนะเพราะครูบาวงศ์เป็นพระไม่คุยมาก..."[FONT=&quot]
    [/FONT]อีกเรื่องหนึ่งจากคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิดเล่ามาว่ามีพระอภิญญารูปหนึ่งชื่อ[FONT=&quot] "[/FONT]พระอนันตยา"อยู่ในประเทศพม่าท่านองค์นี้ยังไม่เคยพบหลวงพ่อวงศ์มาก่อน(ด้วยกายหยาบ) แต่เคยพบบ่อยๆ ทางสมาธิจิตปกติท่านจะนำของมาทำบุญในเทศกาลสำคัญๆที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มอยู่เสมอโดยใช้เวลาเดินทาง
    ถึง ๘ วัน
    นับเป็นความอุตสาหะอันยิ่งใหญ่ ได้เคยมีผู้กราบเรียนถามถึงความอุตสาหะในข้อนี้ได้รับคำตอบจากพระอภิญญารูปนั้นว่า[FONT=&quot]
    "...
    [/FONT]ต้องการมากราบหลวงพ่อวงศ์เพราะท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ประเสริฐสมัยนี้จะหาพระสุปฏิปันโนเช่นนี้
    ไม่ได้ง่ายๆ
    ใครได้มาฟังเทศน์ทำบุญ จะได้กุศลมหาศาล..."[FONT=&quot]
    [/FONT]ตามปกติครูบาวงศ์ไม่เคยรู้จักกับพระอนันตยารูปนี้มาก่อนแต่พระอนันตยากลับเป็นฝ่ายติดตามครูบาวงศ์โดย
    ได้ฝากปัจจัยเพื่อร่วมสร้างรูปเหมือนของครูบาวงศ์เพื่อนำไปไว้ที่ประเทศพม่า
    ให้ชาวพม่าที่เคารพเลื่อมใสได้
    กราบไหว้ โดยฝากมากับฤาษีณี
    เดินทางจากพม่ามาเยือนไทยเพื่อฝากครูบาวงศ์ให้ช่วยหาช่างในเมืองไทยทำให้อีกที[FONT=&quot]
    [/FONT]เมื่อฤาษิณีไปถึงวัดไม่ทันจะอ้าปากบอกครูบาวงศ์ชิงบอกเสียก่อนว่าได้คุยกับพระอนันตยาถึงเรื่องการสร้าง
    รูปเหมือนแล้ว ได้รับปากว่าจะจัดการให้
    ท่านได้ฝากบอกไปกับฤาษิณีให้ไปเรียนพระอนันตยาด้วย[FONT=&quot]
    [/FONT]ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาหลายคนแปลกใจไปตามๆกันเพราะทั้งครูบาวงศ์และพระอนันตยาต่างก็อยู่กันคนละประเทศ
    และไม่เคยพบกันเลยในทางรูปธรรมตอนเมื่อก่อนหน้านี้ ทำไมได้รู้จักและคุยกันแล้วแปลกแท้ๆและในภายหลังท่านทั้งสองจึงได้เดินทางมาพบกัน[FONT=&quot]
    [/FONT]เป็นที่ยอมรับกันในหมู่พระธุดงค์ว่าครูบาวงศ์เป็นพระทรงอภิญญา สามารถทำอะไรแปลกๆได้ คือ หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้วาระจิตระลึกชาติ รู้กำเนิดสัตว์ แม้แต่ในหมู่ศิษย์ใกล้ชิดเองหลายๆคนต่างเคยประสบพบเห็นความสามารถพิเศษของท่านในหลายๆเรื่อง
    จนเป็นที่ประจักษ์แก่ตามาแล้ว เป็นประสบการณ์เฉพาะตน ที่บางคนไม่กล้าเผยแพร่
    และมีอยู่มากมายจนมิอาจนำมาบรรยายเขียนถึงในที่นี้ได้หมดคงต้องรวมเล่ม
    จัดพิมพ์ใหม่ขึ้นโดยเฉพาะในโอกาสหน้า
    ไม่เช่นนั้นหลวงปู่ท่านจะมีลูกศิษย์มาช่วยสร้างศาสนสถานอันสำคัญ
    ในพระศาสนาหลายๆ
    แห่งตามรอยสืบเนื่องครูบาอาจารย์ได้มากและเสร็จเร็วเช่นนี้หรือ...[FONT=&quot]?


    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มีนาคม 2007
  17. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    เหรียญหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา รุ่น ๗ รอบ พ.ศ.๒๕๓๙

    เหรียญหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา รุ่น ๗ รอบ พ.ศ.๒๕๓๙
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ครูเซียน

    ครูเซียน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +7,018
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง) คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)คัดจากหนังสือ"พระชัยวงศานุสสติ"
    (จากการเรียบเรียงของคุณมณธิรา)<o> </o>

    ๑๒.พระดีแบบครูบาวงศ์ไม่มีอีกแล้ว
    มีโยมอีกคนหนึ่ง เป็นศิษย์ของครูบาชัยวงศ์ และได้เคยปวารณากับท่านว่า จะคอยทำหน้าที่รับ-ส่งท่าน
    ในเวลาที่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
    ตอนนั้นที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มยังไม่มีรถประจำวัด
    วันหนึ่งได้ตั้งใจขับรถไปรับครูบาวงศ์ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่ อ.ลี้ เพื่อรับท่านไปขึ้นเครื่องบินเข้ากรุงเทพฯ
    ระหว่างทางต้องผ่าน อ.ป่าซาง
    ก็ได้พบตุ๊พ่อมา ซึ่งเป็นพระวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง เพื่อกลับวัด
    จึงได้นิมนต์ให้ขึ้นรถ แล้วขับไปส่งท่านที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    เมื่อไปถึงวัด จึงได้เข้าไปกราบนมัสการครูบาพรหมจักร และได้กราบเรียนท่านว่ากำลังจะไปรับครูบาวงศ์
    เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่
    ครูบาพรหมจักรได้เมตตาสอนว่า "...พระดีแบบครูบาวงศ์ไม่มีอีกแล้ว
    หาได้ยากให้ไปรับ-ส่ง
    คอยอุปัฎฐากให้ดีนะ..."


    ๑๓.พระองค์นี้สำคัญนะ[FONT=&quot]
    [/FONT]ศิษย์ใกล้ชิดที่รับใช้ครูบาวงศ์มานานท่านหนึ่งได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าได้ยินมาจากปากของคุณวิทยาซึ่งเป็นศิษย์ของ
    หลวงปู่เปลื้องอริยสงฆ์แห่งเมืองใต้
    [FONT=&quot] ([/FONT]ปัจจุบันท่านสิ้นไปแล้ว) ได้ถ่ายทอดคำพูดของหลวงปู่เปลื้องที่พูดถึงครูบาวงศ์ว่าเมื่อครั้งที่ไปรับหลวงปู่เปลื้องที่สนามบินเชียงใหม่ ในเที่ยวบินนั้นมีหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์โดยสารมาด้วยหลวงปู่ทั้งสองได้สนทนากันเพียงเล็กน้อยพอลงจากเครื่องต่าง
    ก็มีลูกศิษย์มารับ
    ระหว่างทางหลวงปู่เปลื้องได้เปรยกับคุณวิทยาว่าพระองค์นี้สำคัญนะให้หาโอกาสไปกราบให้ได้[FONT=&quot]
    [/FONT]จากตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าพระอริยะย่อมรู้ความเป็นอริยะของกันและกัน
    [FONT=&quot]

    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มีนาคม 2007
  19. ตามดูจิต

    ตามดูจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +585
    คำไหว้ สี่หูห้าตา (พระอินทร์)

    สาธุ อหัง นะมามิ พระอินทร์ อากาเสจะ พุทธทิปังกะโร

    นะโมพุทธายะอิอะระณัง อะระหัง กุสะลาธัมมา สัมมาสัมพุทโธ

    ทุสะนะโส นะโมพุทธายะ พระโสนามะ ยักโข เมตตามหาลาภา ปิยังมะมะ

    ทันตะ ปริวาสะโภ วาสุนี หะเต โหนตุ ชัยยะมังคลานิ


    สวดทุกวัน กันไฟไหม้ ฟ้าผ่า อันตรายต่างๆ ชนะภัยทั้งปวง บรรเทา

    ทุกข์ เวทนา จากการเจ็บป่วย และเป็น มหาโชค มหาลาภ แก่ผู้บูชา

    กราบไหว้ ดีนักแล



    ตำนานสี่หูห้าตา

    จากคัมภีร์ใบลาน ชื่อ"ธัมสี่หูห้าตา" ของวัดแช่ช้าง จ.เชียงใหม่

    ผู้จารคือ "พิมมสารภิกขุ" จุลศํกราช 1276

    โดย สนั่น ธรรมธิ


    มีเมืองๆหนึ่ง ชื่อเมือง "พันธุมติ" กษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ "ท้าวพันธุมติ"

    ซึ่งมีมเหสีอยู่ 7 องค์ ทิศเหนือของเมืองนี้ มีครอบครัวหนึ่งมีสามพ่อ แม่ ลูก

    อาศัยอยู่ สองสามีภรรยาเป็นยาจกมีบุตรชายคนเดียว เมื่อบุตรมีอายุ 7 ขวบ

    มารดาเสียชีวิตลง ต่อมาเมื่อ 11 ขวบ บิดาก็สิ้นชีวิต ก่อนสิ้นใจได้สั่งเสียว่า

    ให้เอาศพฝังไว้ใกล้ๆ กระท่อม นานเข้าศรีษะของบิดาก็จะหลุด ให้นำเอาศรีษะ

    ไปสักการะบูชาทุกค่ำเช้า ถ้าอายุครบ 16 ปี ให้ผูกศรีษะนั้นลากไปสู่นคร

    พันธุมติ ซึ่งมีภูเขาอยู่ หากศรีษะไปติดข้องที่ใด ให้ทำแร้วเป็นกับดักสัตว์ที่นั่น


    เมื่อบิดาสิ้นชีวิต บุตรชายได้ฝังศพ ไว้ใกล้กระท่อม แล้วไปขออาศัยอยู่กับลุง

    ซึ่งเป็นนายจ่าบ้าน โดยอาศัยเลี้ยงวัว หาฟืน ให้เป็นสิ่งตอบแทน จนอายุได้

    16 ปี จึงได้ทำตามที่บิดาสั่งไว้ โดยได้ลากศรีษะบิดาไปสู่นครพันธุมติ จนไป

    ถึงภูเขา เมื่อลากศรีษะขึ้นภูเขาไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ศรีษะไปติดข้องอยู่ที่ปาก

    ถ้ำ จึงทำแร้วดักสัตว์ใหญ่ไว้ แล้วรีบกลับบ้าน รุ่งเช้าเขาไปดูแร้วที่ดักไว้

    ปรากฎว่ามีสัตว์ใหญ่ติดอยู่ สัตว์นั้นรูปร่างคล้ายหมี มีหูสี่หู มีดวงตาห้าดวง

    เขาได้ตัดเอาเถาวัลย์ผูกสัตว์นั้นนำกลับบ้าน แล้วหาสิ่งกำบังอย่างมิดชิด

    จากนั้นไปหาหญ้า และใบไม้มาให้กิน สัตว์สี่หูห้าตาไม่ยอมกิน เอาแต่นอน

    หลับ ตกกลางคืนเขาก่อไฟผิง บังเอิญสะเก็ดถ่านไฟ กระเด็นออกนอกกองไฟ

    แมงสี่หูห้าตาก็กินถ่านไฟเป็นอาหาร รุ่งเช้าแมงสี่หูห้าตา ถ่ายมูลออกมาเป็น

    ทองคำ เมื่อรู้ว่าแมงสี่หูห้าตา กินถ่านไฟแล้วถ่ายเป็นทองคำ เขาจึงหาถ่าน

    ไฟให้กินเรื่อยๆ แมงสี่หูห้าตาก็ถ่ายออกมาเป็นทองคำจำนวนมาก เขาจึงนำ

    ทองที่ได้ไปฝังทุกวัน (ยังมีต่อ....)





    ภาพประกอบโดย..ครูเซียน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 45.jpg
      45.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.2 KB
      เปิดดู:
      444
  20. ตามดูจิต

    ตามดูจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +585
    (ต่อ....)


    กล่าวถึงท้าวพันธุมติ ผู้ครองนคร มีราชธิดาองค์หนึ่งชื่อ "สิมมา" อายุได้ 16 ปี

    มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของบรรดากษัตริย์หัวเมืองต่างๆ และมีหลาย

    เมืองต่างส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย เพื่อขอราชธิดาไปเป็นมเหสี ท้าว

    พันธุมติรู้สึกลำบากใจ จึงหาทางออกโดยกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า หากเจ้าเมือง

    ใดสามารถสร้างรางน้ำทองคำ ตั้งแต่เมืองของตนมาถึงวังของราชธิดาได้ ก็

    จะยกราชธิดาให้เจ้าเมืองนั้น เงื่อนไขนี้ไม่มีเจ้าเมืองใดสามารถทำได้


    ฝ่ายชายกำพร้าผู้ยากไร้ได้ทราบข่าว จึงไปขอให้ลุงไปทูลขอราชธิดาของท้าว

    พันธุมติ ส่วนลุงก็ได้แต่เวทนา วันหนึ่งมีพ่อค้าชาวจีนฮ่อกลุ่มหนึ่ง มาพักแรม

    ที่บ้านชายนั้น เขาจึงว่าจ้างให้พ่อค้าเหล่านั้น สร้างรางน้ำทองคำตั้งแต่บ้าน

    จนไปถึงวังของราชธิดาสิมมา จนสำเร็จภายในคืนเดียว


    รุ่งเช้าท้าวพันธุมติเห็นรางน้ำทองคำเป็นอ้ศจรรย์ ก็ให้เสนาอำมาตย์ติดตามไป

    ดู เมื่อพบว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร จึงจัดขบวนแห่ไปรับ เอาชายเข็ญใจเป็น

    ราชบุตรเขย เมื่ออภิเศกให้เป็นคู่ครองราชธิดาสิมมาแล้ว จึงไต่ถามว่าได้

    ทองคำมาอย่างไร เขาจึงเล่าเรื่องแมงสี่หูห้าตาให้ฟัง ท้าวพันธุมติจึงให้เสนา

    ไปขุดทองในสวนมาไว้ในพระคลังให้หมด และให้ราชบุตรเขยไปนำแมงสี่หูห้า

    ตามา เขาก็ไปจูงมา แต่เมื่อจูงมาชาวเมืองต่างมามุงดู แมงสี่หูห้าตาก็ตกใจ

    หนีกลับไป อยู่ในถ้ำตามเดิม ท้าวพันธุมติให้ตามมาอีก คราวนี้ชาวเมือง

    ต่างมามุงดูเป็นจำนวนมากขึ้น แมงสี่หูหูห้าตาก็ยิ่งตกใจวิ่งหนีไปอีก ท้าวพันธุ

    มติเห็นดังนั้น จึงวิ่งไล่ตามจับจนเลยเข้าไปในถ้ำ ครั้งนี้หินถล่มลงมาปิดปาก

    ถ้ำไว้ โดยที่เสนาวิ่งตามไม่ทัน ทำให้ท้าวพันธุมติถูกขังอยู่ในถ้ำกับแมงสี่หู

    ห้าตา


    ท้าวพันธุมติถูกขังอยุ่ในถ้าเป็นเวลาหลายวันเพราะไม่มีทางออก มีเพียงรูเล็ก ๆ

    โดยใช้ตาข้างเดียวแนบส่องดูภายนอกเท่านั้น ท้าวพันธุมติคิดในใจว่าตนคง

    ต้องตายในถ้ำนี้แน่นอน คงไม่มีโอกาสอยู่กับมเหสีอีก จึงสั่งให้อำมาตย์ไป

    ตามมเหสีทั้งเจ็ดมา เมื่อมเหสีมาแล้ว พระองค์จึงขอให้เปิดผ้าถุงให้ดูเป็นครั้ง

    สุดท้ายก่อนตาย มเหสีตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึง 6 ไม่ยอมเปิดผ้าถุงเพราะความ

    อาย แต่มเหสีองค์ที่ 7 รู้สึกเห็นใจ จึงยอมเปิดผ้าถุงให้ดู ทันใดนั้นถ้ำอด

    หัวเราะไม่ได้ก็ระเบิดหัวเราะออกมา ปากถ้ำจึงเปิด ท้าวพันธุมติได้โอกาสจึง

    วิ่งหนีออกมาได้


    เมื่อกลับถึงเมือง ท้าวพันธุมติได้อภิเศกให้ราชบุตรเขยเป็นกษัตริย์ครองเมือง

    แทน จนถึงอายุขัยพระองค์ก็ถึงแก่พิราลัย ราชบุตรเขยผู้เป็นกษัตริย์ได้ครอง

    เมืองโดยธรรม และได้สร้างโรงทานถึง 6 หลัง เพื่อให้ทานแก่ยาจกคนยากไร้

    จากนั้นได้เทศนาสั่งสอนเสนาอำมาตย์ และชาวเมืองให้อยู่ในธรรม ชาวเมือง

    พันธุมติก็ดำรงชีพตามวิสัยอย่างสงบสุข


    เรื่องราวที่มเหสีองค์เล็กเปิดผ้าถุงให้ท้าวพันธุมติดู เป็นเหตุให้สามีทั้งหลายรัก เมียน้อยมากกว่าเมียหลวง........


    โดยสนั่น ธรรมธิ






    ภาพประกอบ โดยครูเซียน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...