รอบที่ ๘๔ หลายหลวงพ่อ เหนือ ใต้ อีสาน ภาคกลาง พระครูมานิตย์

วันนี้โอนเงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้วครับ

รายการที่ 5 อนุโมทนาสาธุครับ

 

ขอบคุณมากครับ พรุ่งนี้ห่อส่งน่ะครับ

 

ของน่าจะถึงทุกท่านแล้วน่ะครับ

 

ส่งรายสุดท้าย ไปแล้ว เมื่อถึงทุกท่านก็จะปิดรอบนี้ครับ

 

ของที่จะลงรอบหน้าน่ะครับ

https://www.facebook.com/groups/381...4&notif_t=feedback_reaction_generic&ref=notif

 

พรุ่งนี้จะลงรอบที่ ๖๔ ครับ

 

รอบที่ ๖๔ ลพ บุญเย็น ลพ โปร่ง ลพ ทองดำ ลพ บุญเทียม ลพ วัดไร่ขิง ลพ วัดเขาตะเครา ลพ เต๋ เสาหลักเมืองพระนคร หลวงพ่อ เติม ลป บุญศรี

รายการที่ ๑ แพ็คคู่ ........๒๐๐ บาท

เหรียญ ร.5 หลัง กรมหลวงชุมพร ปี2538 ( ศาลกรมหลวงชุมพร จ.สมุทรสงคราม )
ศาลนี้ตั้งอยู่เกือบๆปากแม่น้ำแม่กลองน่ะครับ เรือที่ผ่านไปมา จะ เปิดแตร หรือ ยิงปืน ( ยุคนี้คงไม่แล้ว ) ถวายเสด็จเตี่ย ก่อนออกทะเล และ กลับทะเล








เหรียญเข็มกลัด หลวงพ่อบุญเย็น ฐานธัมโม สมเด็จพระเจ้าพรหมมหาราช จ.เชียงใหม่
ท่านแจกให้มา ยุคนั้นยังไม่ฮิตจาร ไม่งั้นขอท่านจารให้ที่เข็มกลัดล่ะสวยเลย ประวัติท่านหาอ่านเอาน่ะครับ แต่ท่านเป็นอาจารย์ของ พี่ กรุง ศรีวิไล เพราะมีครั้งหนึ่งพี่กรุง พาคณะลูกทุ่งไปเล่นที่ อำเภอฝาง ขึ้นเวทีพี่เขาบอกชาวบ้านว่า ถ้าไม่มีหลวงพ่อบุญเย็น ผมไม่รู้จักหรอกครับว่าฝางอยู่ที่ไหน ไม่มาหรอก ประมาณนั้น คนก็เฮกันน่ะครับ ยุคนั้น พี่เขาดังมากและหล่อระเบิด เดี๋ยวนี้เห็นในสภาก็ยังหล่ออยู่
........................................................

 

รายการที่ ๒ แพ็คคู่ ..............๓๐๐ บาท.....จองครับ

นางพญาเสน่ห์จันทร์ หลังใบโพธิ์ วัดโพธิ์
เก็บมานานจนลืมประวัติ กลับไปหาประวัติในเน็ทก็ไม่มีเลยไม่แน่ใจว่ารุ่นเดียวกับนางหลังใบโพธิ์ ๒๕๑๗ ที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาคหรือไม่
เอาแห่แล้วกันครับ ( รายการนี้ถ้า ลป สีปลุกเสก คนได้ไปมีเฮครับ เก็บเก่า)


เหรียญล้อแมกซ์พระพิฆเนศ รุ่นเบญจมงคล พิมพ์เล็ก ปี 2551 เนื้อโลหะผสม ครบรอบ 50 ปี ททบ.5
พิธีเทวาภิเษกและพุทธาภิเษก ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
โดยมีเกจิอาจารย์ชื่อดังในไทยจำนวนมาก พร้อมด้วยพราหมณ์หลวงสำนักพระราชวังมาร่วมทำพิธีด้วย
มวลสารสำคัญในการจัดสร้าง
ในการจัดสร้าง พระพิฆเนศ รุ่น "เบญจมงคล"ประกอบด้วย สิ่งมีค่าโบราณต่างๆ ได้แก่

• เศียรพระพุทธรูปสมัยทวารวดี ที่ชำรุด อายุกว่า 1,000 ปี
• เศียรพระพุทธรูปสมัยศรีวิชัยที่ชำรุด อายุกว่า 900 ปี
• เศียรพระพุทธรูปสมัยลพบุรีที่ชำรุด อายุกว่า 800 ปี
• เศียรพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่ชำรุด อายุกว่า 700 ปี - ขอเสลี่ยง ขาสังข์ สำริด ศิลปบายน ในนครวัด อายุกว่า 500ปี
• กำไลแขน เศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยา อายุกว่า 300 ปี
• ฐานพระพุทธรูป และขันลองหิน สมัยกรุงศรีอยุธยา
• เกศพระสมัยสุโขทัย
• กระดิ่ง พระกร ชิ้นส่วนต่างๆ ที่ชำรุด ฯลฯ
  -พระสัมฤทธิ์จาก จว.สุโขทัย ที่ชำรุด หนัก 15 กก.
  เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ที่หายาก รวมเป็นชนวนมวลสาร ประกอบผสม ในการหล่อพระพิฆเนศ เบญจมงคลครั้งนี้
  โดยมี อาจารย์ต้อย เมืองนนท์ (คุณพิศาล เตชะวิภาค)และ อาจารย์ โก๋ ริเวอร์(คุณภควัต สุทธิประภา) ช่างสิบหมู่
  เป็นผู้มอบมวลสารเก่าแก่ และมากด้วยคุณค่าหายากยิ่งในครั้งนี้ ร่วมด้วย สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา
  ร่วมกันมอบมวลสารหายาก ในครั้งนี้ด้วย
  เหรียญนี้ไม่มีโค็ด เลเซ่อร์ ผมได้จากหอพระที่วัดหลวงพ่อโปร่ง วัดถ้ำพรุตะเคียนตอนไปกราบท่าน ไปบูชาพระนี้ใส่ซองเอารวมในกล่อง ไม่ใช่พระของทางวัด ดูว่าน่าจะเป็นพระที่ หลวงพ่อร่วมพิธีเขาแจกมา ผมดูศิลปแล้วศิลป สูงระดับช่างกรมศิลป เลยบูชามาทันที
  และตอนกราบท่าน ท่านกำลังกลับมาจากพิธีพุทธาภิเศกเหมือนกัน ท่านเลยให้หนุมาณจากพิธีนั่นมาให้ผมหนึ่งตน เก็บไว้อย่างดีครับ
  เบี้ยของท่านดีมากน่ะครับ จะกระซิบบอกเลยครับทำยากด้วย

 

รายการที่ ๓ เหรียญพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ หลัง ภปร. สว. ......๒๐๐ บาท

เก่าเก็บครับ

ที่ระลึกสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระศรีนครินทร์ ปี 2525 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนจัดสร้าง ปลุกเสก 16 เมษายน 2526 วัดบวรนิเวศวิหาร เนื้อทองแดงรมดำ
สมเด็จย่าสร้างพระหลายชุดเหมือนกันน่ะครับ ก็นิยมกันทุกชุด แต่ไม่แรงมากเหมือนบางรุ่นของ ในหลวง ร ๙ สร้าง แต่เป็นของดีมาก ท่านคอยช่วย ในหลวง ร ๙ โโยดูแล พวก ตอช สร้าง โรงเรียนชายแดน ครูเดินสอน โรงพยาบาลแถวชายแดน มีผลงานมากมายเลยตต้องใช้เงินพอสมควร ที่ที่เคารพ เลื่อมใสก็ตามช่วยท่านกันน่ะครับ แบบคุณแม่ผม และผม เหรียญนี้บูชามาจาก วัดบวร ในพ.ศ. นั้นเลยครับไม่ใช่ซื้อมาจากสนามพระ เปรอะขี้มือกันหลายสิบมือที่จับส่อง เดิมๆทุกอย่าง
ประวัติปลุกเสกกับหาไม่มีแต่ เป็นพิธีปลุกเสก พระที่นิมนต์มาเพียบ เก่งๆทั้งนั้นแน่นอนครับ แค่สมเด็จญาณ ฯ เป็นประธานก็มีมงคลสูง นอกนั้น ยังมีทั้งตรา ภปร และ สว คู่กัน ซึ่งหาได้ยากในพระเครื่อง ที่มีสองตราคู่กันน่ะครับ

 

รายการที่ ๔ เหรียญหลวงพ่อทองดำ วัดท่าทอง แจกงานกฐิน ปี 39....... ๒๐๐ บาท
เนื้อทองแดงผิวไฟ ตอก โค๊ดสองโค็ด

 

รายการที่ ๕ เหรียญท่านท้าวพระมหาพรหมแปดกรนั่งบัวหลังกงจักร ...๓๐๐ บาท
เก่าเก็บน่าจะเหรียญกรรมการ มีลงปิดทอง สภาพกริ้บๆ
อันนี้ปิดทองพิมพ์กรรมการ ผมเก็บจนลืม จำไม่ได้ว่าที่ไหน น่าจะมีคนให้คุณแม่ผมมาก หาประวัติในเน็ท เจอเหรียญทองแดง แต่ไม่มีประวัติครับ
มีอักขระขอมรอบเหรียญ และภาษาฮินดูข้างหลัง อ่านไม่ออกครับ

 

ตัดริบบิ้น รับรายการที่ 2 ค่ะ

 

รายการที่ ๖ พระสมเด็จหลวงพ่อบุญเทียม วัดลาดหลุมแก้ว ...๓๐๐ บาท

พระเก่าเก็บ
หลังยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์ครูที่ท่านสำเร็จ ยุคผมรับราชการแล้วท่านดังมาก พวกทหารจะไปขอตะกรุดท่านเยอะเลยครับ
องค์นี้ข้างหลังรานน่ะครับไม่ได้หัก เพราะแก่ผง ปูนน้อยและ แน่นอนว่าคงใช้กาวน้ำผสม แนะนำวัดต่างๆใช้ น้ำมันตั้งอิ้ว หรือถ้าจะใช้กาวใช้กาวพวกกาวลาเท็กซ์น่ะครับ แพงหน่อยแต่ทนทานกว่ากาวน้ำ
หลวงพ่อเป็นพระมอญน่ะครับ พระมอญจะเคร่งพระวินัย ต้นแบบพระธรรมยุต ที่ดังๆของท่านเป็นตะกรุดน่ะครับ ทำด้วยตะกั่ว ผมก็มีเหมือนกัน แต่ จำไม่ได้ว่าดอกไหน แหะๆ ต้องค่อยๆค้นไป
ประวัติ คร่าวๆ
หลวงพ่อบุญเทียม นั้นท่านเป็นพระหมอที่ประชาชนทั้งในเขตและนอกเขตให้การยอมรับนับถือเป็นอย่าง โดยท่านเป็นทั้งหมอยาสมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆของชาวบ้าน อีกทั้งท่านยังเป็นพระหมอที่คอยช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องแก้คุณแก้ไสย เสริมดวง สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาอีกด้วย หลวงพ่อบุญเทียม ท่านเป็นพระมหาเถระที่ทรงอภิญญาอีกรูปหนึ่งของเมืองปทุมธานี ท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์ กำหนดรู้กาลล่วงหน้าได้ แต่ท่านก็มิเคยอวดตนว่าเก่ง แต่ชาวบ้านสามารถทราบถึงบารมีของท่านได้ และท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมีชื่อเสียงในยุคนั้น ท่านเคยได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีพุทธาภิเศกงานสำคัญๆอยู่หลายครั้ง
และท่านยังสร้างวัตถุมงคลไว้ใช้แจกแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น
พระพิมพ์สมเด็จฯ พิมพ์ต่าง ๆ , พระปิดตา พิมพ์ต่างๆ , ตะกรุด , พระเหรียญรูปเหมือนตัวท่าน , พระเหรียญพระพุทธ , ผ้ายันต์ , พิรอด , พระเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งวัตถุมงคลของท่านที่โด่งดัง และเป็นที่ต้องการของนักสะสมในยุคปัจจุบันนี้ก็คือ ตะกรุดโทน และเหรียญรูปเหมือนตัวท่าน รุ่นแรก
ซึ่งนับเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมอีกชิ้นหนึ่งของจังหวัดปทุมธานี วัตถุมงคลของหลวงพ่อบุญเทียม ทุกชนิดล้วนแล้วแต่ดีมีประสบการณ์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ทำให้มีประชาชนจากทั่วสารทิศมากราบไหว้ขอพร ขอของขลัง ให้ท่านอาบน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ทุกวันมิได้ขาดสาย ทำให้ท่านต้องสูบดมควันธูปที่ประชาชนมาทำพิธีทุกวันๆ ทำให้สุขภาพของท่านมิค่อยแข็งแรงนัก ประกอบกับท่านเป็นคนที่มีร่างกายเล็ก ผอม และมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว คือ โรคภูมิแพ้ ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านต้องอยู่กับควันธูปทุกวัน ๆ โดยมีอาการของโรคปอดกำเริบ ทำให้ร่างกายของท่านซูบผอมลงและทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ต่อมาเมื่อช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ท่านได้มีอาการอาพาธอย่างหนัก เหล่าศิษยานุศิษย์ใกล้ชิดจึงจะพาท่านไปทำการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ท่านมิยอมไป ทำให้อาการของท่านได้กำเริบหนักมาตามลำดับ แต่ท่านก็ยังปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ตามปกติ และท่านยังเปิดกุฏิรับแขกที่มาหาท่าน มาให้ท่านทำพิธีให้ตามปกติ โดยเสมือนว่าร่างกายของท่านยังแข็งแรงอยู่
กระทั่งเมื่อช่วงงานพิธีผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิตอุโบสถวัดลาดหลุมแก้ว โดยทางคณะกรรมการวัด ได้ทำเรื่องกราบทูลเชิญ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสด็จมาเป็นองค์ประธานตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๙ ท่านก็ได้มีอาการอาพาธดีบ้างทรุดบ้างตามลำดับ กระทั่งเมื่อช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ท่านได้อาพาธหนักขึ้น บรรดาลูกศิษย์จึงได้นำตัวท่านไปรักษาที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ หลวงพ่อบุญเทียม ภูริปญฺโญ จึงได้ละสังขารลงอย่างสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านวัดลาดหลุมแก้วเป็นอย่างยิ่ง สิริรวมอายุท่านได้ ๖๘ ปี พรรษา ๔๖
...................................

 

รายการที่ ๗ พระหลวงพ่อวัดไร่ขิง รุ่นพิเศษ ผงเกศ ผงทอง ฐานชุกชี ........ ๕๐๐ บาท
เก่าแก่ที่หลวงพ่อวัดไร่ขิงดังเพราะพระโมฬีหรือพระเกศ คนเอามาติดตัวแล้วมีอภินหารเยอะ จนแพร่หลายปี ที่นี้พระโมฬีจะไปหลุดมมาบ่อยๆอย่างไร ก็ต้องเอามาผสมทำพระขึ้นมา
.มวลสารเก่า ผงพระเกศจาก องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง รักทองจากองค์หลวงพ่อฯ มวลสารจากฐานชุกชี กระเบื้องหลังคาโบสถ์ที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อฯ ที่รื้อออกมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ เพื่อบูรณะโบสถ์ใหม่ ตัวกระเบื้องมีอายุเกิน ๑๐๐ ปีแล้วครับ
ได้มาจากวัด ไม่ได้จากสนาม จับขี้มือกันหลายคนน่ะครับ ไปกราบท่านที่วัดมาหลายครั้ง ค้นไปเดี๋ยวเจอรุ่นเก่าๆบ้างล่ะ
............................................

 

รายการที่ ๘ พระสมเด็จหลังเสมาธรรมจักร วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี ..... ๑๕๐๐ บาท

ปี พ.ศ.2 ๒๕๑๖ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ หลวงพ่อแล วัดพระทรง และพระคณาจารย์สายเพชรบุรีมาร่วมพุทธาภิเศก เป็นพิธีใหญ่
พระนี้สร้างแบบพระยุคเก่าน่ะครับ วัดนี้ตามที่ผมทราบมาใช่ ปูนเพชร ปูนหอย ที่เขาใช้งานช่างปูนปั้น สายเมืองเพชรฯ จะแข็งแรงทนทานมาก น้ำมันตั้งอิ้ว และ กล้วยป่า กล้วยนางตานี และผงวิเศษที่ลบผง ตามวิชาโบราณ เอาตำลงในครก แบบนี้เนื้อจะเหนียวหนึบ ตำกันจนยกสากไม่ขึ้น ถือว่าใช้ได้ กดทีล่ะครก
พระเนื้อนี้ที่ดังๆจะเป็นพระ สมเด็จสะดุ้งกลับ สร้างในปี ๒๕๑๓ ประสบการณ์มาก สร้างโดยหลวงพ่อสำราญ วัดเขาตะเครา หลวงพ่อสำราญนี่ท่านบารมีสูง ตามที่ผมทราบมา ท่านเก่งมากน่ะครับ เก่งด้านรักษาโรค โดยเฉพาะโรคมะเร็ง และวิชากระดอนสะท้อนกลับ จนขนาดท่านย้ายวัดหนีเพราะคนไปกวน ระดับใหญ่ๆด้วย ท่านเป็นอาจารย์ ของอาจารย์ พี่ชายผมอีกที อาจารย์ท่านนี้เป็นตำรวจเก่า และ นับถือหลวงพ่อสำราญมาก ตอนพี่ชายผมสร้างบ้านใหม่ ท่านจะเอาเหรียญหลวงพ่อวัดเขาตะเคราพิมพ์สดุ้งกลับ ปี ๒๕๑๖ หลังยันต์ เป็นพิธีใหญ่มาก มาตอกตะปู ที่ห่วงไว้นอกบ้านสี่ทิศเลยครับ

 

รายการที่ ๙ เหรียญพระหลักเมืองกรุงเทพมหานครและเทพยดา เทพารักษ์ทั้ง ๕ องค์ ครบทุกองค์ ......... ๓๐๐๐ บาท

มีออกชุดเดียว มีครบชุด เก่าเก็บสวยกริ้บ ประกวดได้ครับ

สร้างปี ๒๕๑๘ พิธีปลุกเสกใหญ่มาก ยังหาประวัติครบๆไม่เจอ
ตกลงหาประวัติพิธีการปลุกเสกเหรียญนี้ไม่เจอ เลยเขียนเอง ยุคนั้นพระที่จะถูกนิมนต์ไปปลุกเสกงาน พิธีใหญ่ๆ กลางหรือเล็กๆ ท่านจะเมตตาไปสงเคราะห์ เท่าที่ผมพอจำได้
วัตถุมงคลชุดนี้ แม้จะเป็นงานหลวงแต่ปลุกเสกที่ศาลหลักเมืองน่ะแหละ ไม่ใช่ที่ วัดพระแก้วฯ หรือ วัด บวร ฯ ตามพระราชพิธี ที่จัดโดยสำนักพระมหาราชวังฯ จากที่ผมทราบ ที่วัดพระแก้วจะมีพระราชพิธีเสมอ มีทุกเดือน บางเดือนมีหลายพิธี ที่ทราบเพราะ ท่านอาจารยื อนันตื พอสร้างพระ เครื่องราง ( สายเทพ ) จะนำไปฝากกับเจ้าหน้าที่ที่รู้จักที่วัดพระแก้ว เอาวางในพิธีต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่ นำไปวางให้ในโบสถฺ์ ในบริเวณพิธี วัดพระแก้ว ( ฝากน่ะแหละครับ ) บางที่หลายเดือนจนลืมไปก็มี มีพิธีบางครั้งเป็นพิธีภายใน ไม่เกี่ยวกับภายนอก ( ผมสันนิฐานว่าทำแจกเป็นการภายในพวกทหารและ เจ้าหน้าที่ฝ่ายภายในที่จ้านายท่านพระราชทาน ) พระและพราหมณ์ที่เชิญมาก็เป็นการภายใน คัดสรรค์แล้วว่าสุดยอด จึงทำให้ผมรู้ว่า ในโบสถ์วัดพระแก้วมีการจัดพระราชพิธีบ่อยและ
พอเจอกัน ท่านเจ้าหน้าที่ทัก อาจารย์ไม่เอาคืนไปสักทีเหรอครับ เสกมาหลายเดือนมาก แล้ว เป็นสิบๆพิธี ท่านอาจารย์เลยจำได้ เมตตาเล่าให้ผมฟัง ใครที่มีพระที่ทำโดยท่านอาจารย์อนันต์ไม่ว่ารุ่นไหน ให้เก็บไว้ให้ดี เพราะจะผ่านการปลุกเสกในพระอุโบสถวัดพระแก้วมาแล้วทั้งสิ้น เป็นสุดยอดพิธี ในสถานที่ที่สุดยอดครับ นอกจากนั้นยังมีมีทั้งฝากหรือนำไปเอง ไปปลุกเสกโดย หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อเกษม หลวงปู่คำพันธ์ หลวงปู่พรหมา และ อีกหลายท่าน ฯลฯ
นอกเรื่องไปนิด กลับมาที่ศาล ศาลหลักเมืองอยู่ข้างกระทรวงกลาโหม เยื้องๆวัดพระแก้ว แต่ก่อนมีปั้มน้ำมันสามทหารอยู่ตรงนั้นด้วย ช่วงผมขับรถเป็น ผมได้คูปองจากแม่จะวิ่งไปเติมน้ำมันที่นั่นประจำที่ล่ะ สิบลิตร หรือ ยี่สิบลิตร ประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๔ ถึง ๒๕๑๕
ต่อมา ยุค พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๒๘ ผมรับราชการแล้ว ต้องไปที่กระทรวง กลาโหม ด้วยงานราชการ หลายครั้งไปหาพวกบ้าง ได้บูชาเหรียญมาจากศาลหลักเมืองนั่นแหละครับ ใน พ.ศ. ใด พ.ศ. หนึ่งครับ ช่วงรับราชการ
สันนิฐานถึงพระที่ท่านเมตตา มาร่วมพิธี
๑ **หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี **ตามที่เคยเห็นท่านไปงานพิธี เข้าที่ นั่งตัวตรง หลังไมงอเหมือนคนมีอายุ ปลุกเสกเต็มที่ ครบฤกษ์ ก็ลุกไปต่อ เดินทางไปงานอื่น เพราะคิวท่านยาว บางวันได้ยินว่าสามคิวก็มี ไปไกลถึง ตจว จันทบุรี ด้วยเมตตาเขา เรื่องนี้เล่าโดยท่านพระครูวัดบรมนิวาสที่เคยไนิมนต์ หลวงปู่โต๊ะมาทำพิธีที่วัด ท่านเล่าให้ฟัง ผมจะเล่าทีหลังน่ะครับ หลวงปู่โต๊ะ เป็นพระประจำรัชกาลของ ในหลวง ร ๙ พิธีหลวงจะไม่ขาดท่าน
๒ **หลวงปู่นาค วัดระฆัง ** พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านนี้มีความเมตตาสูงมาก มีกำลังวิปัสสนาและสมถะสูงมาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยเทศนาไว้ ว่างานพิธีไหน ได้รับนิมนต์ไปปลุกเสก เจอหลวงปู่นาค วัดระฆัง ท่านจะสบาย ไม่ได้ต้องทำอะไรเลย หลวงปู่นาคท่านทำให้หมด หน้าที่ หลวงพ่อคือ นั่งดูเท่านั้น แต่เช็คปีแล้ว ท่านล่ะสังขารปี ๒๕๑๔ งั้นไม่ทันงานนี้
๓ หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร พระสายพระป่า ท่านมีบารมีสูงมากๆ เป็นพระประจำรัชกาลของ ในหลวง ร ๙ อีก ๑ องค์ ท่านล่ะสังขารปี ๒๕๒๐ น่าจะมางานนี้
๔ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง งานแบบนี้มีเทพ เทวดา มาเกี่ยวข้องเยอะ บารมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำมีมาก ค่อนข้างมั่นใจว่า ทางการฯ นิมนต์มาแน่นอน
๕ **หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม **หลวงพ่อองค์นี้บารมีท่านสูงมาก จัดว่าเป็นพระประจำรัชกาลของในหลวง ร ๙ เพราะท่านนับถือกันมาก ผมมีเรื่องราวที่คนรุ่นเก่าเล่าให้ฟังเยอะ เหมือนกัน ขนาดว่าท่านนอนป่วยอยู่ โรงพยาบาล ท่านยังนั่งดูสังขาร ของท่านไป ท่านยกมือขึ้นมาดู เนื้อ เอ็น กระดูกแล้วอุทานว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง ศิษย์ท่านหนึ่งที่อยู่ตอนนั้นด้วยเล่าให้ฟัง คนเล่าก็น่าจะตามหลวงพ่อไปนานแล้ว ส่วน หลวงพ่อเงินล่ะ สังขาร ปี ๒๕๒๐ ปีเดียวของ หลวงปู่ฝั้น น่าจะถูกนิมนต์มาด้วยครับ
๖ อีกองค์ที่ผมว่า เขานิมนต์ท่านมาแน่ๆ ดีไม่ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ด้วย คือ ท่านสมเด็จญาณสังวร วัดบวรฯ ที่ต่อมาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ยุคท่านยังแข็งแรงมีคนมานิมนต์งาน พุทธาภิเศกที่ไหน ท่านก็ไปสงเคราะห์เขาน่ะครับ
เอาว่าเอ่ยมา ยกเว้น หลวงปู่นาค นี้มาก็เกินพอแล้วล่ะครับ แต่มั่นใจว่ามีพระมาอีกหลายรูปที่ ทางการ ฯและทหารกลาโหม นิมนต์มาครับ
1.พระหลักเมือง ด้านหลังเป็นดวงเมือง
2.พระเสื้อเมือง
3.พระทรงเมือง
4.พระกาฬไชยศรี
5.เจ้าพ่อเจตคุปต์
6.เจ้าพ่อหอกลอง
หน้าที่ของเทพารักษ์ทั้ง 5
พระเสื้อเมือง เป็นเทพารักษ์คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูรุกราน
พระทรงเมือง เป็นเทพารักษ์ รักษาการปกครอง และกระทรวง ทบวงกรม ต่าง ๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุข สวัสดี
พระกาฬไชยศรี เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก
เจ้าพ่อเจตคุปต์ เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป และอ่านประวัติของผู้ตายเสนอพระยม
เจ้าพ่อหอกลอง เป็นเทพารักษ์ประจำหอกลอง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่าง ๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน เกิดอัคคีภัยหรือมีข้าศึกศัตรูยกมาประชิดพระนคร
เรื่องนี้ คุณฟองสนาน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโหราศาสตร์ได้กล่าวในงาน สโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558 “เปิดฟ้าอ่านดาว สืบสาวตำนานดวงเมือง” ไว้ว่า
“ดวงเมืองคอดกิ่ว 7 ปี 7 เดือน คือดวงเมืองตอนตั้งเสาหลักเมือง ดวงเมืองตก 7 ปี 7 เดือน หลังจากนั้นจะลำดับถาวรกษัตริย์ไปอีก 150 ปี ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงเถียง ทรงบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ได้เลยว่าคนไทยเขียนผิด 150 นี่มัน 500 ปี เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะแค่ 150 ปี ปรากฏว่า 150 ปี 2475 แม่นยิ่งกว่าตาเห็น ทรงแม่นยิ่งกว่าตาเห็น…”
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงให้ความหมายไว้ว่า
พระเสื้อเมือง คืออำนาจทางทหารเป็นเทวรูปยืนมือขวาถือจักรมือซ้ายถือกระบองตั้งอยู่ด้านขวามือบนสุด ส่วน
พระทรงเมือง คืออำนาจของข้าราชการพลเรือนเป็นเทวรูปยืนมือขวาถือสังข์ มือซ้ายถือพระขรรค์ ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือบนสุด และ
พระหลักเมือง คืออำนาจตุลาการอันสื่อความหมายว่าบ้านเมืองจะร่มเย็นได้ ก็ต้องประกอบด้วยความเข้มแข็งทางทหาร การปกครองที่ดีงาม และกระบวนการด้านความยุติธรรมอันถูกต้องเที่ยงตรง
พระกาฬไชยศรี เป็นเทพารักษ์ที่เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้ใดทำความชั่ว รวมทั้งสอดส่องดูแลบุคคลอันธพาลในยามค่ำคืน ด้วยการขี่นกแสกออกตรวจตรา และเมื่อบุคคลใดถึงฆาต (ถึงเวลาตาย) ก็นำตัวไปให้พระยมชำระความ ถ้าทำความดีก็ส่งขึ้นสวรรค์ ทำความชั่วก็ส่งลงนรก เล่ากันว่าทั้งพระกาฬไชยศรีและพระยมนี่ท่านไม่คอร์รัปชั่นนะครับ
เจ้าพ่อหอกลอง เป็นเทพารักษ์ประจำหอกลอง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน เกิดอัคคีภัยหรือมีข้าศึกศัตรูยกมาประชิดพระนคร เจ้าพ่อหอกลองนี้ เดิมอยู่ที่ศาลใกล้หอกลองในสวนเจ้าเชตุ หอกลองนี้ถูกรื้อไปในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เดิมในหอกลองมีกลองอยู่ 3 ใบ ใบแรกชื่อ ย่ำพระสุริย์ศรี ใช้ตีบอกเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน ใบที่สองมีชื่อเรียกว่า อัคคีพินาศ ใช้ตีเวลาเกิดเพลิงไหม้ และใบที่สามมีชื่อว่า พิฆาตไพรี ใช้ตีเวลามีศึกสงครามบอกเหตุเรียกระดมพล
**เจ้าพ่อเจตคุปต์ **เป็นชื่อเรียกของเสนาพระยมราชมีหน้าที่จดบันทึกความชั่วร้ายของมนุษย์ที่ตายไปแล้วนำเสนอต่อพระยมซึ่งโดยสรุปแล้วเจ้าพ่อเจตคุปต์นี่น่ากลัวจังเลย เพราะดูที่พระหัตถ์ขวาถือเหล็กจาร พระหัตถ์ซ้ายถือใบลานอัครสันธานาสำหรับจดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป เห็นแล้วเสียวจังครับ เพราะเจ้าพ่อเจตคุปต์ก็ไม่คอร์รัปชั่นเหมือนกัน

 

รายการที่ ๑๐ ตลับยาหม่องหลังหนังเสือหลวงพ่อเต๋ (คงทอง) วัดสามง่าม ปี 2517 พิมพ์ใหญ่ บล็อกแต๋ ............. ๓๐๐๐ บาท

ผิวเดิมๆ เหรียญรุ่นนี้เอกลักษณ์จะอยู่ที่ชื่อหลวงพ่อเต๋ ซึ่งแกะผิดเป็น (หลวงพ่อแต๋) ตามประวัติในการจัดสร้างนั้น ลูกศิษย์ซึ่งมีเชื้อสายจีนคนหนึ่งของหลวงปู่นั้น อยากจะสร้างวัตถุมงคลมาถวายให้หลวงปู่รุ่นหนึ่งและก็เป็นที่ถูกใจเหรียญตลับยาหม่องรุ่นแรกของหลวงปู่ จึงได้ไปจ้างให้ช่างแกะบล็อกขึ้นมาใหม่ และก็เป็นเรื่องบังเอิญด้วยสำเนียงคนจีนพูดไทย จึงออกเสียงว่า (หลวงพ่อแต๋) ช่างจึงได้แกะบล็อกออกมาเป็น "หลวงพ่อแต๋" นั่นเอง
ตอนผมเล่นซื้อมาก็เล่นเป็น ๒๕๑๗ น่ะครับ แต่หลายสิบปี ผ่านมา พอมาไล่ประวัติ ข้อมูล ว่ากันตั้งแต่ เป็นพิมพ์ใหญ่บล็อค ๓ ๒๕๐๗ จนถึง ปี ๒๕๑๘ พระหลวงพ่อเต๋ เขาแนวๆ หลวงพ่อกวยเหมือนกัน ต้องสายตรงเขา
นอกจากนั้นว่ามีกรุแตก หลวงพ่อไม่ได้เสก เอามาทำผิวใหม่อีก เป็นพระที่ต้องพึ่งสายตรง เพราะน่างงๆ เหมือนกันครับ ....ถ้ามาซื้อใน พ.ศ. นี้
ข้างหลังเขาว่านอกจากมีหนังเสือลงอักขระ ยังมีเกศา หลวงพ่อเต๋ ผงพุทธคุณ ๑๐๘ แร่มหานิล แนวๆนี้น่ะครับ

 

รายการที่ ๑๑ แหวนเงินพระพุทธ หลวงพ่อเติม วัดบ้านอ้อ ........ ๑๒๐๐ บาท

แหวนวงนี้ถ้าเป็นของวัดสะแก สงสัยมีพวกมาหักคอ ไปซ่ะนานแล้ว เป็นของหลวงพ่อเติม วัดบ้านอ้อ ผักไห่ เผอิญผักไห่ มีพระที่มีบารมีอข่างมากอยู่รุหนึ่งคือ หลวงพ่อเจริญ วัดตาลานใต้ เลยกลบชื่อเสียงพระรูปอื่นไปหมด ทั้งๆที่มีของดีอบยู่เยอะเหมือนกัน
วัดนี้เดิมแทบจะร้างแล้ว มาเจริญขึ้นยุคหลวงพ่อเติมนี่แหละครับ ท่านสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่นเหมือนกัน แต่ที่ดังๆที่สุดจะเป็นเหรียญหล่อ จะหายากสักหน่อย เพราะนิยม
แหวนนี่ก็สร้าง ยุค ๒๕๒x ในยุคที่แหวนพระพุทธของหลวงปู่ดู่กำลังดังอย่งมาก วัดอื่นหลายวัดก็ทำตามแต่สู้ของวัดสะแกไม่ได้สักวัด แหวนพระพุทธ วัดสะแกน่าจะเป็นอันดับหนึ่งของเจ้ายุทธจักร เลยครับ
ประวัติวัดบ้านอ้อ เอามาใจในเว็บวัด
ประวัติโดยย่อและความเป็นมาของวัดบ้านอ้อ.
- วัดบ้านอ้อสร้างขึ้นเป็นวัดประมาณราว พ.ศ. 2300 สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สันนิษฐานจากวิหารทรงไทยเก่าของวัด ซึ่งองค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย นามพระธาตุมงคลตะวันตก (หลวงพ่อตะวันตก) หรือ หลวงพ่อพุทธมงคลตะวันตก เนื่องจากองค์พระ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และในเวลาต่อมากลายเป็น วัดร้างจนกระทั่งช่วงราว พ.ศ. 2427 ท่านสมภารแดง มาจำพรรษาอยู่ที่วัดมีพระลูกวัดเพียง 2-3 รูป วัดนี้เคยถูกสำรวจให้ยุบวัด เพราะเห็นว่ายากแก่การบูรณะ แต่ท่านสมภารแดง ไม่ยอมย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่น ท่านทำนุบำรุงรักษาวัดสืบต่อมาจนท่านมรณะภาพ ในราว พ.ศ. 2460.
- เจ้าอาวาสรูปต่อมาคือ พระอธิการเจียม สุมโน (เจียม) และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2465 มีการสร้างอุโบสถเมื่อ พ.ศ. 2466 และศาลาการเปรียญสร้างเมื่อ พ.ศ. 2470
คนในชุมชนนี้จึงมักเรียกวัดนี้ว่า "วัดใหม่บ้านอ้อ" ในปี พ.ศ. 2484 ท่านอธิการเจียมมรณะภาพ.
- เจ้าอาวาสรูปต่อมาคือ พระครูประดิษฐ์ศีลคุณ (หลวงพ่อเติม) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ อุโบสถและสร้างวิหารหลวงพ่อมงคลตะวันตก เมื่อปี พ.ศ. 2516 สร้างศาลาริมน้ำและฌาปนสถาน เมื่อ พ.ศ. 2527 หลวงพ่อเติม มรณะภาพเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ตรงกับแรม 1 ค่ำ เดือน 11.
- ปัจจุบันมี พระครูวิบูลประชากิจ (สงวน) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อ และเป็นเจ้าคณะตำบล.
- ข้อมูลอ้างอิงจาก... หนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 4 ของกรมพุทธศาสนสถาน กรมการศาสนา กระทรวงศึกษธิการ ข้อมูลปี 2528.

 

รายการที่ ๑๒ พิเศษชุดปลัด ลป บุญุศรี

ปลัดหลวงปู่พระครูบุญศรี
งัดของหายากมา สองรายการ ๑ และ ๒ ปลัดนี่ทำโดยเสี่ย ท. ผู้ล่วงลับให้ผมมาประมูล ทำโครงการณ์พันบุญ เอาออกไปบ้าง แต่เหลือน้อยไม่ค่อยเอาออกมา
๑ ปลัดเนื้อไม้พยุง ....... ๓๕๐๐ บาท ปิดครับ
๒ ปลัดเนื้อกัลปังหาดำ........ ๔๐๐๐ บาท ( หายากพอๆกับงา )
๓ ปลัดเนื้อไม้งิ้วดำ ........ ๓๐๐๐ บาท
รอยจาร หลวงปู่ไม่ได้จารเองน่ะครับ ลูกศิษย์จาร เยอะๆท่านจารไม่ไหวหรอกครับ เสกให้อย่างเดียวก็เหลือเฟือครับ

 

ปิด 12.1 ไม้พยุงครับ