ร่างกายไม่ใช่เรา จิตนี่ก็ไม่ใช่เราแล้วอะไรล่ะที่เป็นเรา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 3 พฤศจิกายน 2015.

  1. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    คนตั้งกระทุ้เขาตั้งดีล ะ คนตอบนี่แม่งจ้องแขว ะ
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================

    ที่วางเฉยเพราะมีสติปัญญาเข้าใจ เมื่อเข้าใจและรู้ทัน มันก็วางเฉย มันวางตั้งแต่ภายใน จวบจวนภายนอก

    มันเข้าใจและรอบรู้แล้วนิ แม้การตอบโต้หรือสนทนา มันก็ทำไปเพราะความวางใจเช่นกัน เรารู้เราเข้าใจของเรา ใครอื่นจะคิดอย่างไรก็เรื่องของเขาอีกนั่นแหละ ทำได้เท่าที่สติปัญญาเรารู้เข้าใจก็พอ

    จิตใครก็จิตมัน กรรมของใครก็ของมัน จิต เจตสิก รูปนาม ของใครก็ของมัน ชำระกันเอง สั่งสมเอาเอง จุดแสงสว่างเอาเอง ส่องนำทางเอง ก้าวย่างเอง สว่างรู้แจ้งปล่อยวางเอง มันเป็นของตัวท่านเองทั้งนั้น ไม่มีสิ่งภายนอกอะไรเลย แค่ปราถนาให้มีดวงตาเห็น ปราถนาเห็นถูก เห็นธรรม แต่ถ้าทำไม่ได้มันก็ตาของท่านใจของท่าน ก็ว่ากันไม่ได้ ขอตามแต่วาสนาบารมีของท่านครับ

    การสงเคราะห์ ย่อมรวมเข้ากันได้ กับสิ่งที่สงคราะห์ได้
    การสงเคราะห์ ย่อมรวมเข้ากันไม่ได้กับสิ่งที่สงเคราะห์ไม่ได้
    การสงเคราะห์ย่อมเป็นธรรมดาเช่นนี้ ก็วางลงเสียได้ก็เท่านั้น

    สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    คุณ tjs เห็นความมีตัวกูของกู แล้วหรือยังอ่ะครับ ?
    มันเป็นยังไง พอจะชี้ทุกข์ให้กันดูได้มั้ย

    ถ้าถามไม่เหมาะสมก็ขออภัย หรือถามใหม่ก็ได้
    ความมีตัวกูของกูมันเป็นยังไง ในความเห็นของคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จะพูดให้สวยข้างหน้า มันก็พูดได้

    แต่ในเบื้องหลังหละ


    คนที่ปฏิบัติจนเห็นมรรค ถ้าเห็นจริง จะไม่ถือเอา จรณะ ที่พระพุทธองค์
    บัญญติว่าไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ ไปอ้างทำเอาข้างหลังว่า สิ่งเหล่านี้
    เป็นไปเพื่อประโยชน์พอประทัง แก่ สัตว์อินทรีย์อ่อน


    การไม่พยากรณ์ แก้กรรม ตรวจดูชะตา ผืนดิน ผืนนา รูปดิน รูปนา ฯลฯ

    ก็เพราะว่า พระพุทธองค์ทรงบัญญัติชัดเจนไว้เป็น "มหาศีล" ว่าให้งด
    เว้นเด็ดขาด เพราะเป็นธรรมที่ไม่เป็น " เพื่อความเบื่อหน่ายสังสารวัฏ "

    หากไป รับพยากรณ์ ตรวจวันเดือนปี บอก"ยัญ (พิธีแก้กรรม)" นอกจาก
    จะไม่เป็นไปเพื่อความหน่ายสังสารวัฏแล้ว ยังเป็นการไปเพิ่ม ความ
    กำหนัด ในสังสารวัฏให้กล้าแกร่งขึ้น

    ดังนั้น คนที่เราไปช่วยสงเคราะห์เขายาก เกิดขึ้นเพราะ กิจอันทรามอันใด

    จะต้องกำหนดรู้ ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง ทั้งแม้นในจิตใจตัวเองที่มัน
    กระเดิด กระเพื่อม เย้ายวลให้ เล่นเอาเถิดไปก่อน

    ....จะมาอ้างว่า "ชนะใจตัวเอง" ก็เอา สันติ !!! มายก
    ดูต่างหน้า กันก่อน ว่าตกลงมันมีนอก มีใน อะไร ยังไง เป็นเชื้อ
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    และ ถ้ามี สำนึก จะหมายปลดเปลื้องให้ สรรพสัตว์ มีจิตใจ หาญกล้า
    องอาจ ที่จะดำเนินไปทางที่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายสังสารวัฏ แล้วละก้อ


    ในกระทู้ รับพยากรณ์ ที่ตนได้ทำผิดไป จะต้อง ลง กิจกรรมประกาศ ว่าที่
    ทำไป การรับพยากรณ์ ทำนายทายทัก แสดงอุตริมนุษยธรรมต่างๆนานา
    เป็นเรื่องทำให้พวก ท่านๆ(คนที่มาขอรับบริการ) ไม่เบื่อหน่ายสังสารวัฏ
    เมาธรรม หลงทางผิด

    ต้องขออภัยต่อพวกเขา ที่พาเขาไปทางผิด มานานนนนนนนนนนนนนน

    ถ้าไม่ทำ กิจกรรมประกาศ ไม่ทำกลับคืนตามธรรม อย่ามาอ้าง ชนะใจตนเอง สันติ !!!!!
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปล.ลิง ตะลิงปลิง

    เว้นไว้แต่จะ สงวนสิทธิเป็นแบบ " srimarnya6 " ก็จะไม่มีต้องขอโทษ
    ขอโพยฮาอะไร

    สามารถทำอาการ สัตว์สัญญาเสีย กล่าวธรรมเลื่อนลอย แบบ srimarnya6 นั่น

    ก็ว่ากันไป
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    อัตตาเป็นกิเลสอย่างละเอียดที่ ทำลายกำจัดได้ยาก เพราะอัตตามันฉาบทาไว้มากกระจายทั่วอนูจิต เป็นสิ่งที่มองเห็นตรวจจับสัมผัสได้ยาก

    อัตตา เป็นองค์แทนแห่งความเข้าไปยึด เข้าไปเสวย เข้าไปครอบครอง เข้าไปเสพ เข้าไปมี เข้าไปเป็น มีเพียงสิ่งเดียวที่จะทำลายอัตตาได้คือสติปัญญาเข้าไปรู้ทัน

    ความเป็นตัวกูของกู ตัวใครของใคร คนสัตว์สิ่งของ รูปนามทั้งปวง ย่อมมีสภาวะเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ทั้งสิ้น

    ความเป็นตัวกูของกูอัตตามานะที่มีในตนคือพยามารที่คอยเข้าไปเสริมทัพกับกิเลสมารอื่นๆให้ จมดิ่งลงสู่ทะเลทุกข์

    สติปัญญาที่รอบรู้เท่าทัน อัตตา ที่ปรุงแต่งจิตใจ สลัดออกเสียซึ่งตัวตนอัตตาในตน ย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้ปฏิบัติต้องฝึกอบรมชำระกำจัดทำลายลงให้หมดสิ้นอัตตาที่มีในตนมีในจิตตนให้หมดไป


    ความมีสติปัญญาปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น ในรูปนามทั้งปวงเพราะเข้าใจในกฏแห่งไตรลักษณ์คือความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ยึด คือความดับ คือนิโรธ อาศัยหนทางแห่งการเข้าไปดับคืออริยะมรรค

    เพราะ1. สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึงเห็นถูกตามความเป็นจริงด้วยปัญญา ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       2. สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       3. สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึงการพูดสนทนา แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       4. สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       5. สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       6. สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       7. สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ ในอัตตาที่ไม่ควรมี
       8. สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากอัตตาที่ไม่ควรมี เพราะสมาธิเข้าถึงความไม่ทุกข์ไม่สุข ว่างจากรูปนาม ไม่ยึดมั่นในรูปนาม มีสภาวะว่างเปล่าไม่ปรุงแต่งยึดมั่นใดๆแม้ความยึดมั่นว่ามีหรือไม่มีตัวตนของกูของใคร ไม่มีคนสัตว์สิ่งของ สรรพสิ่งสักแต่ว่าเป็นธาตุรูปนามตามธรรมชาติธรรมดาของมัน ที่สุดแม้ความคิดว่าจะยึดมั่นว่า อัตตาไม่ควรยึดมั่นก็ไม่คิดไม่ยึดถือความคิดเช่นนั้นแม้จะจริงอย่างนั้น วางลงหมดสิ้นวางเปล่าไม่หลงเหลืออะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    วิถีของกระผมย่อมแตกต่างจากผู้ทรงศีลคือพระสงฆ์สาวก แต่เป็นความเหมือนที่แตกต่างหากท่านเข้าใจ

    วิธีของผมเป็นไปเพื่อสร้างบารมีให้ยิ่งขึ้นไปในแบบพระโพธิสัตว์อันเป็นความเหมือนที่แตกต่าง เพราะเรามีบารมียังน้อยยังด้อยอยู่ ย่อมไม่อาจทำได้เหมือนหรือเทียบเคียงได้

    วิธีของผมย่อมยึดเอาแบบอย่างตามพุทธภูมิที่มีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เป็นแบบอย่าง ที่สร้างบารมีและทำได้ดีงามแล้วทุกประการ

    วิธีของผมเป็นวิธีที่ยึดเอาพระศรีรัตนตรัยเป็นสรณะอันสูงสุดและมีบิดามารดาครูอาจารย์ผู้มีพระคุณ เป็นสรณะรองลงมา

    ผมไม่อาจกล่าวเหตุผลต่างๆที่ผมมีให้ท่านเข้าใจได้ แต่ผมย่อมมีเหตุผลในความดีงามที่ทำที่สร้างและที่แนะนำผู้อื่น ได้หากเปิดใจรับฟังไม่มีมิจฉาทิฏฐิ

    ผมไม่ปราถนาแห่งการทำบาปกรรมหรือส่งเสริมแนะนำให้ใครทำบาปกรรม เพราะเกรงกลัวบาปและผลของบาป และเป็นทางปิดกั้นแห่งสุขคติภพ ตลอดจนปิดกั้นการสร้างบารมีของตนและผู้อื่น และบาปกรรมที่ตนหรือท่านสร้าง จะนำมาซึ่งภัยคือทุกข์ของทุกท่านและโลกนี้โลกหน้า

    พระพุทธเจ้าย่อมมีหลากหลายประเภท พระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิทาคามี และพระโสดาบัน ก็ย่อมมีหลากหลายประเภทแต่การสร้างบารมีแต่ย่อมมีส่วนเหมือนที่เป็นแกนหลักแก่นแท้และส่วนที่แตกต่างอันเป็นส่วนที่เสริม พึงทำความเข้าใจไม่ควรยึดมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นแบบนั้นในส่วนเดียว หากเข้าใจแก่นแท้ภายในย่อมมีดวงตาสว่างรู้แจ้งในสิ่งนั้น

    เพราะแต่ละคนปราถนาไม่เหมือนกันสั่งสมสร้างบารมีมาต่างกันมีบพกรรมต่างกัน วิบากกรรมก็ให้ผลต่างกัน เหมือนที่ท่านเป็นแต่ท่านไม่ทราบว่าที่มาเกิดจากเหตุปัจจัยใดส่งเสริมให้เป็นเช่นนี้
    เมื่อท่านย้อนดูเหตุ เข้าไปรู้เหตุ ทราบบารมีของเขา ท่านย่อมรู้ดีว่าท่านต้องแนะนำเขาอย่างไร จะยึดมั่นว่าท่านจะต้องสอนให้เป็นพระอริยะบุคคลเพียงส่วนเดียวเท่านั้นให้ได้ ก็ไม่ควรยึดมั่นแบบนี้เพราะแต่คนมีเหตุปัจจัยความพร้อมที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การสอนให้ก็หนีไม่พ้น
    1การสอนให้ละบาปกรรม ห้ามทำ
    2การสอนให้ทำความดีสร้างกุศล
    3การสอนให้ชำระจิตใจให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์

    เพราะท่านไม่เคยมาทำหน้าที่อย่างผมและพบเจออุปสรรคแบบที่ผมเจอและไม่เคยได้มีบุญสัมพันธ์ในแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกันทำมาด้วยกัน ท่านย่อมเข้าใจได้ยาก

    เมื่อท่านเข้าใจในแก่นแท้ ท่านย่อมต้องฝึกฝนและสร้างวิธีการในรูปแบบที่เหมาะสมที่ควรจะเป็น

    เพราะยุคนี้เป็นกลียุคที่เรามีกรรมเกี่ยวพันธ์ที่ต้องมาพบกันและต้องมีชะตากรรมบางอย่างร่วมกัน จึงไม่แปลกที่เราจะต้องพบเจอสิ่งร้ายๆหรืออุปสรรคมากมาย แม้แต่พระสมณะโคดม ท่านก็ต้องเผชิญแก้ไขปัญหาต่างๆที่หนักและยากยิ่งกว่านี้หลายเท่าแต่พระองค์ก็ทรงเอาชนะมาได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า

    แม้พระมหาโพธิสัตว์ท่านในหลวง พระองค์ก็เช่นกันแต่ด้วยความดีด้วยทศบารมีพระองค์ก็จะแก้ไขอุปสรรคต่างๆเหล่านั้นไปได้ในที่สุด

    ผู้มีสติปัญญาที่เป็นบัณฑิตเทียบชั้นอริยะบุคคล ย่อมมีดวงตามาก ย่อมเห็นมากรอบรู้เป็นผู้แจ้งโลกแจ้งทุกข์ ท่านย่อมเข้าใจสิ่งที่ผมกล่าวมา

    การที่ท่านตำหนิผม ผมยอมรับ ในสิ่งเหล่านั้นจริง และผมก็สำเหนียกดีว่า ใบไม้นอกกำมือย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปยอมรับ แต่หากพิจารณาในเหตุปัจจัยเหตุผลอันดีงาม ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดประโยช์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ก็ควรแก่การแนะนำบอกกล่าวตามวาสนาบารมีของตนและของเขา แต่หากเข้าใจในหลักสัจจธรรม ใบไม้นอกกำมือ มันก็ไม่ต่างจากใบไม้ในกำมือ มันก็แค่ใบไม้ที่มือเอื้อมไปหยิบไม่ถึง ที่ร่วงมาจากต้นเดียวกัน ก็เท่านั้นครับ สาธุ

    การทำความดีมีมากมายนานาวิธี อยู่ที่เจตนา วิธีการและผลที่ได้รับ หากสติปัญญาท่านเข้าใจแก่นแท้ในความดี ท่านย่อมรู้ดีภายในจิตใจของท่าน ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    วิถีของกระผมย่อมแตกต่างจากผู้ทรงศีลคือพระสงฆ์สาวก แต่เป็นความเหมือนที่แตกต่างหากท่านเข้าใจ
    ==============

    เหตุที่เป็นเช่นนี้ พึงทำความเข้าในแก่นแท้ ว่า พระสงฆ์สาวกในพระธรรมวินัย ที่พระพุทธองค์ประกาศหรืออนุญาติให้บรรชา เข้ามาเป็นสาวกได้นั้นเป็นอย่างไร

    1 เพราะอาศัยเหตุแห่งความเลื่อมใสและเพราะบุคคลผู้นั้นปราถนาแห่งการเข้ามาขัดเกลาชำระกายใจของตน เข้ามากระทำซึ่งพรหมจรรย์ของตนที่เห็นว่ามัวหมองอยู่ให้ขาวสะอาด มีความดับไปแห่งทุกข์ให้ดับลงสนิทไม่เหลือเชื้อเป็นผู้ห่างไกลทุกข์ในที่สุด

    2 เพราะอาศัยเหตุแห่งบุคคลผู้นั้นมีสติปัญญาบรรลุธรรมแล้ว พึงเข้ามาเพื่อรักษาพรหมจรรย์ที่ตนชำระได้แล้วให้สภาพรสืบไป และพึงทำหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำสั่งสอนผู้ยังไม่รู้ให้รู้ตาม ตามหลักคำสอนหลักปฏิบัติธรรมแห่งความเข้าถึงพรหมจรรย์ที่ตนชำระได้แล้ว ตามที่พระพุทธองค์ประกาศไว้ดีแล้ว

    เพราะความเป็นนักบวชพระสงฆ์สาวกตามพระธรรมวินัยนี้มีเหตุอันแจ้งชัดด้วยสองประการนี้ การปฏิบัติธรรมหลักธรรมจึงมุ่งตรงสู่พระอริยะบุคคลมีที่สุดคือพระนิพพาน

    ดังนั้นวิถีแห่งการดำเนินไปย่อมเข้มข้นชัดเจนตรงสุดนั้นเอง เพราะมูลเหตุคือเจตนาเริ่มต้น นั้น ตั้งไว้ดีแล้วตรงแล้ว ต่อพระนิพพานนั่นเอง

    ผมอาจจะพูดเยอะแต่ก็มีความตั้งใจจริง ให้ทุกท่านได้เห็น ได้มีมุมมองที่กว้างขึ้น สุดท้ายก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณาตามกำลังสติปัญญาและบารมีของท่านครับ
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มันก็ ฟ้อง แหละว่า รู้ มรรค ไม่จริงไง

    มันมะงุมมะงาหรา ไม่รู้อะไร คือ มรรคา ที่ พระพุทธองค์ทรงใช้ และ ชี้ทาง
    ให้แก่ สรรพสัตว์ทุกอินทรีย์ โดยใช้ หนทางเดียว " เอกายามรรค "

    พอไม่ทราบ มรรค คืออะไร ก็เลย อ้าง หนทางมรรคของตน มีอย่างงั้นอย่างงี้
    เจาะช่องให้ "ความฉลาดในมรรค" ตีบตัน เปิดทางให้ "ความไม่ฉลาดในมรรค"
    เที่ยวพาคนอื่น ไปผิดทาง อ้างว่าเป็น บารมี


    ขโมย พุทธเกษตร ของ ตถาคต !!! หนาสันติ !!!
     
  11. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424


    คงไม่ได้สนใจเน้นว่าจะต้องสอนให้เป็น
    พระอริยะบุคคล เรื่องนั้นแล้วแต่เหตุปัจจัย
    อันนี้มันมีโอกาสก็แนะนำกันไป ทางไหนมันจะ
    พ้นทุกข์อย่างแท้จริงก็แนะนำทางนั้นให้
    เท่าที่จะเป็นไปได้ เอาไม่เอาอีกเรื่อง แล้วแต่เขา
    ช่วยได้เท่าที่ช่วย แต่ที่ต่อเติมความเห็นกันอยู่นี่
    ก็เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย รักษาส่วนรวม

    การรักษาส่วนรวมต้องเน้นเอาธรรมเป็นใหญ่
    เพราะพระธรรมวินัยเป็นตัวแทนพระศาสดา
    จะตามใจไม่แคร์พระธรรมวินัยก็ฉิบหายวิบัติหมด
    พระพุทธองค์ตรัสเรื่องเหตุแห่งความเสื่อมของ
    พระศาสนาเอาไว้แล้ว หาใช่ใครที่ไหนทำไม่
    พุทธบริษัทเราเองนี่แหละ จึงต้องช่วยกันตามกำลัง
    สติปัญญา และฐานะแห่งตนนั่นเองครับ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================
    ถ้าเข้าใจสิ่งนี้ที่ผมกล่าวคือ ผมมุ่งเน้นพระธรรมเป็นส่วนใหญ่เป็นเสาหลัก เสมอ และตามที่เคยกล่าวไว้คือ
    การสอนของผมก็หนีไม่พ้น
    1การสอนให้ละบาปกรรม ห้ามทำ
    2การสอนให้ทำความดีสร้างกุศล
    3การสอนให้ชำระจิตใจให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์

    ก็ย่อมเข้าใจเหตุ ธรรมดา ฆาราวาสก็แบบหนึ่ง นักบวชใหม่ก็แบบหนึ่ง นักบวชเก่าก็แบบหนึ่ง

    เครื่องชี้วัดจึงไม่ใช่อยู่ที่เหตุเพียงอย่างเดียว หากแต่เครื่องชี้วัดที่ดี นั่นหมายถึง ความสุขกายสุขใจ ที่ผู้เข้ามาหาเราต่างหาก เขาเหล่านั้นย่อมทราบความจริงดีที่สุด

    ความเข้าไปคลุกคลีกับบุคคลใด ยังประโยชน์สุขมาให้ ไม่เบียดเบียนกัน มีแต่ความเมตตาช่วยเหลือกัน ย่อมถือว่าเดินถูกทาง

    หากบุคคลใดที่เข้าไปหาแล้วแท้จริงนำทุกข์มาให้ เกิดความร้อนอกร้อนใจ สูญเสียทรัพย์สินและเสียซึ่งกำลังใจที่ดี ร้อนรุ่มเหมือนถูกสุมไฟ หากรู้สึกแบบนั้นก็ให้ถอยออกมา ตั้งสติรวบรวมปัญญาทบทวนสิ่งต่างๆ

    ผมไม่ได้เข้าข้างตนเองหรือเข้าข้างใคร คุณงามความดีที่ผมหรือใครสร้าง กรรมทั้งหลายที่กระทำ ย่อมเป็นดั่งเงาติดตามตน และด้วยสติปัญญาที่เรามีและด้วยการปฏิบัติธรรมที่ตรงตามหลักคำสอน ย่อมนำสุขมาให้ตน แม้โลกธรรมแปดที่แผดเผาอยู่นี้ก็ไม่สามารถทำร้ายเราได้ หากเราไม่แน่วแน่และตั้งมั่นดีแล้วในพระธรรม เราย่อมไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ เพราะเรานำพาตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตนได้แล้ว

    ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่สามารถเสวนากับคนพาลได้อย่างไร ถ้าเราไม่ชนะใจตนเองได้แล้ว แม้กระนั้นแท้จริงคนพาลสำหรับผม เขาไม่ได้เลวหรือชั่วอะไร แต่เป็นเพราะอวิชา เพราะทิฏฐิหรือความเห็นที่ไม่ตรงกันก็เท่านั้นเอง มันเป็นธรรมดาเช่นนี้เสมอ ผมเข้าใจแต่พวกท่านจะเข้าใจเหมือนผมหรือเปล่าเท่านั้นเอง

    สิ่งที่ผมกล่าวมาทุกโพส ผมมั่นใจดีว่า ถูกต้องตั้งอยู่บนหลักเหตุผล ศีลธรรมอันดีงาม ตรงตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์

    แต่บางท่านอาจมองไม่เห็นก็เป็นเรื่องของบางท่านแต่ผมเชื่อว่า
    เจตนาของผมไม่ได้เพื่อบอกคนตาบอดใจบอดบางท่าน แต่เจตนาให้คนอื่นๆที่เป็นสมาชิกก็ดี ไม่ใช่สมาชิกก็ดีได้อ่านได้พิจารณาอย่างแยบคายมีสติปัญญาประกอบ

    สุดท้าย อย่างที่ผมเคยบอก สิ่งที่ท่านพูดเขียน ล้วนเป็นเสมือนหอก ธนูที่จะวิ่งกลับมาที่ตัวท่าน จิตใจของท่าน มันเป็นการประจานตัวท่านเอง หากท่านทำในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง ผลกลับมาย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ท่าน เสมอ

    มนุษย์ทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกรรมครับ สาธุ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เราไม่จำเป็นต้องด่าใครหรือสาดโคลนใส่ใครแม้เขาจะทำไม่ดี

    วิธีการที่ดีคือการนำเอาความดีที่เรามี จิตใจที่ดีที่เรามีเข้าไปช่วยเหลือเขา

    จงชี้ในสิ่งที่เห็นว่าไม่ตรงไม่ถูก ให้เขารู้ ให้เจาะจงลงไปให้ชัด ว่าเรื่องอะไร จุดไหนอย่างไร ผิดอย่างไร ถูกคือแบบไหน ผิดแล้วทำให้เกิดผลอย่างไรจากการคิดพูดและทำแบบนั้น ถ้าทำถูกแล้ว ด้วยวิธีการอย่างไร ทำถูกแล้วจะให้ผลดีอย่างไร ผู้แตกฉานย่อมอธิบายอย่างจำเพาะเจาะจงไม่คลุมเคลือไม่เหมารวม

    กิเลสมีมายมายก็จริง แต่กิเลสที่เกิดดับกับจิตก็เกิดดับทีละตัวทีละอย่าง การดับก็ย่อมต้องจำเพาะเจาะจงดับลงที่ละตัวทีละอย่างที่เกิดดับ

    ใจท่านใจเราวิถีแห่งกิเลสและการปรุงแต่งย่อมไม่แตกต่างกัน แต่มีมากน้อยไม่เท่ากันการปรุงแต่งจิตไม่เท่ากัน ฉนั้นการดับจึงแตกต่างกัน

    การเข้าถึงธรรมวิมุตติ จึงต้องอาศัยทั้งปัญญาวิมุตติและเจโตวิมุตติ คือมีสติปัญญาหลุดพ้นแล้ว ต้องมีกำลังตัดกิเลสได้ขาดด้วย ควบคู่กัน
    พึงไม่ประมาทในธรรมที่เจริญถึงแล้ว ครับ สาธุ
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆๆๆๆๆ

    เนี่ยะ มันไม่รู้ไงว่า มรรควิธี ของพระพุทธองค์นั้น ทำให้เกิด สัมมัปธาน4
    ยังไง อิทธิบาท4 เกิดยังไง มีอะไรเป็น ตัว " เอกายนมรรค " [ เจริญสติปัฏฐาน ไม่ได้ทำให้ โลกมันพร่อง สักกะหน่อย ใช่ว่าจะต้องอ้าง บวช หรือไม่บวช หวงการอดเจ็ด ไม่อดเจ็ด ]

    พอไม่ทราบ ไม่รู้ อีกทั้งไม่เคย สัมผัส ประโยชน์ที่แท้จริง(นิพพาน)
    มันก็จะอ้าง การทำดีแบบโลกๆ เป็นหนทางไปสู่การเป็น พระพุทธศาสนา
    เหมือนกัน สันติ !! สิ

    เป็นไปไม่ได้ มีแต่ ยิ่งห่างไกล นิพพาน ความดีบรรดามี ปรัชญาโลกๆ
    ปัญญาโลกๆ ภาวนากันไป มีแต่ยิ่งพอกพูล มิจฉาทิฏฐิ มุ่งสู่ นิยตมิจฉาทิฏฐิ เท่านั้น


    สติปัฏฐาน4 ย่อมเป็น เอกายนมรรค ตรงตาม พุทธฏีกา

    สติปัฏฐาน4 บ้านรหัสพ่อรหัสแม่ใคร ไม่ทราบ มีการกราบรา กราบหู กราบ........รหัสพ่อรหัสแม่ใคร

    สติปัฏฐาน4 บ้านเพลงปลุกใจประเทศใคร มีเรื่องการทำนาย วันเกิด ดูหน้าบ้าน ดูเสาบ้าน ฯลฯ

    รำพึงรำพัน ไตรลักษณ์ญาณ สะเปะสะปะ ไม่ได้ เข้าใจความเป็น เครื่องมือกำหนดรู้ทุกข์ที่มันละสมุทัยในตน ไม่เคยเห็น เอาแต่ ใช้ตรรกศาสตร์
    ตีความ เห็นไตรลักษณ์ญาณแล้วมีสมอง สัญญา จดจำสันติ !! แล้วปล่อย
    วาง องค์กรอิสระปล่อยได่โต้งยอโย่ง เท่านั้น ที่จะ พูดได้....แค่นั้น

    ไตรลักษณ์ญาณอันลึกซึ้งกว่านั้น กล่าวไม่เป็น เพราะ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

    แต่ทะลึ่ง อ้างว่าตัดกิเลสสำเร็จ อนาคามี ไปโน้นแล้ว แต่ ขอโกยกิเลส
    มาใส่หัวอย่างเก่า เพื่อจะเป็น โพธิสัตว์ หนาสันติ !!!




    ปล.ลิง ตะลิงปลิง น้องๆหนูๆ ที่เป็นโพธิ สังเกตนะฮับ เวลาจิต น้องๆ หนูๆดำเนิน
    ความเป็น โพธิ ไม่มีหรอกขณะนั้น ไม่เกิดกระบวนการกำหนดรู้ กาย เวทนา จิต ธรรม ให้
    แยกออกจาก นิวรณ์5กลุ้มรุม ไม่มีสติตั้งมั่น ....ดังนั้น โพธิ จะต้องมี สุญญตา ไม่ใช่
    หนาสันติอย่างคนในกระทู้นี้ที่ อ้างการสะสมบารมีเพื่อตัวของมัน หนาดานๆ ปล้นพุทธเกษตรผู้อื่น

    เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็น สมัย มาเก็บ บารมี .......มา เพื่อใช้หนี้ถวายหัว เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    ถ้าอย่างนั้นท่านเอกวีย์ผู้รอบรู้ ผู้ปฏิบัติธรรมเข้าถึงแล้ว ช่วยอธิบายหน่อยว่า
    สติปัฏฐาน4 ย่อมเป็น เอกายนมรรค ตรงตาม พุทธฏีกา

    1 เหตุใด สติปัฏฐานสี่ จึงเป็น เอกายนมรรค อาศัยเหตุเพราะอะไร
    2 สติปัฏฐานสี่มีความเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องอย่างไรกับอริยะมรรค
    3 สติปัฏฐานสี่และอริยะมรรค เมื่อทำได้ถูกต้องแล้ว เป็นเอกายนมรรคแล้ว ส่งผลอย่างไรต่อความผู้หลุดพ้นทุกข์หรือการชำระจิต
    4 พระอรหันต์ผู้ชำระจิตได้บริสุทธิ์แล้ว เจริญอริยะมรรคสืบเนื่องต่อไปอย่างไรเมื่อธาตุขันยังทรงอยู่ยังไม่แตกดับ

    รบกวนช่วยอธิบายหน่อยครับ ท่านผู้รู้และไม่ต้องถามผมกลับนะครับ ผมอยากทราบสติปัญญาที่ท่านรู้ท่านเข้าใจก่อนครับ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    จะอธิบายเป็นภาษาปริยัติ หรือปฏิบัติก็ได้ครับ

    ผมพอมีสติปัญญา รับรู้เข้าใจได้ครับ

    ช่วยตอบหน่อยเผื่อจะได้มีปัญญามากยิ่งขึ้นครับ
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆๆๆๆๆๆ

    ไปเปิดอ่าน สัทธรรมของพระพุทธองค์ จิฮับ ท่านจำแนก แจกแจง
    โดยลำดับ ไว้หมดแล้ว

    เว้นแต่ ศรัทธามันไม่มีในหัวจิตหัวใจ เลย อยากกระทืบตำรา บดบังตำรา
    ไม่ให้ปรากฏ

    ถ้ามีความจริงใจ ที่จะไม่มาเป็นโจร ขโมยธรรมคนอื่น

    คุณก็ไปถามอากู๋ เอาจิฮับ หาบทที่ว่า สติเป็นปัจจัย เป็นความพอเพียง เป็น .... สารพัดจะจำแนก แจกแจง

    ถ้าไม่อยากถามอากู๋ ก็ใสหั....นไปถาม แพ้ทริ๊กซี่ ก็ได้ ฮิววววววส์

    คน "ศรัทธาง่อนแง้น" คนอื่น ไม่แนะนำฮับ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    คุณตอบไม่ตรงคำถาม ผมให้คุณช่วยอธิบายตามความเข้าใจ สิ่งที่พระองค์แสดง ถูกเขียนไว้เป็นภาษาปริยัติ แค่บอกว่าเป็นแบบนี้ แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผล รายละเอียดเนื้อใน สภาวะที่เกิดที่เป็น หากคุณปฏิบัติชำระเข้าถึงแล้วได้จริง ย่อมอธิบายสิ่งที่คุณเข้าถึงได้อย่างละเอียดตามสภาพธรรมจริงที่เกิดปรากฏ

    ผมไม่เห็นว่า จะไปชักขี้โคลน ตักขึ้นมาให้เปื้อนมือเปื้อนใจตนเองทำไม ครับสาธุ
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เชยระเบิดระเบ้อ

    เนี่ยะ แปลว่า ไม่รู้จัก " ศรัทธาอินทรีย์ " ว่ามีหน้าตาเป็นไง รสเป็นไง
    ปรากฏยังไง มีกิจอะไร ให้ผลอะไร

    พอไม่เข้าใจ ศรัทธา อินทรีย์ ทีมีมากใน "ตา" ของผู้ใฝ่ธรรมแล้ว
    การกล่าวธรรม เหมือนพระพุทธองค์ทุกประการ ไม่มีความแตกต่าง

    ไม่ต้อง ทำอรรถกถา หนาสันติ สอดแทรก ลิ่มใส่กลอง จานลาย หน้าตา มันเป็นยังไง

    พอไม่เข้าใจ ศรัทธา ทำงานอยังไง มันเลย ชักชวนให้เขา ก่อกบฏศาสนา

    มาทำเป็น ถามหา อรรถสาระ ไหนลองอธิบายสิ


    ยิ่งพวก จานลายหนาสันติมากๆ เนี่ยะ มันจะ ทำเป็นแผดเสียงก้องฟ้า
    อธิบายธรรมในภาษาของตนเอง คิดว่านั่นคือ ธรรมกถึก

    สันติ รับประทาน แล้วครับท่าน

    ถ้า ศรัทธามั่นคงจริงๆเนี่ยะ ไม่มีหรอก จะต้องไป กล่าวเพิ่มเติม
    จาก สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้แล้ว

    และ จะอัศจรรย์กว่านั้นอีก หากศรัทธามั่นคงแนบแน่น ก็จะกล่าว
    ธรรมของตนด้วยภาษาตนนั่นแหละ แต่พอ เอามากางตำรา มันจะ
    ตรงกับที่ พระพุทธองค์ตรัส ทุกประการ [ ซึ่งไม่ต้องถามหา หน่าคร้าบ คนสมัยนี้ ย่อมมีอินทรีย์บางอย่าง อ่อน ]

    ดังนั้น

    ไอ้พวก แผดเสียงก้องฟ้า555555 อย่ามา หนาสันติ หลอกกันให้ง่าย หน่าคร้าบ


    สรุปนะ

    ถ้าต้องการทราบ คุณก็ไปถาม อากู๋ หรือให้ แพ้ทริกซ์ paetrixy ยกมาแสดงก็ล่าย ขอให้มันถูกคนหน่าฮับ ไม่ใช่ขอสะเปะสะปะ

    งง ไหมนี่ ทำไมต้องยกให้ คนอื่นที่เขามี ร่องรอยศรัทธาแจ่มชัดกว่า

    ถ้าเป็น โจร ขโมยศรัทธา มันจะไม่เข้าใจ อยากเอา ขี้ฟันตน ถ่มทับ สัทธรรม ร่ำไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  20. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    อ้า.... มีค่า หัว ด้วย หรือ ...

    อหริยักษ์ ก็แบบนี้ แหละ ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...