วัตถุมงคลพระพิราพ พ่อแก่ ฤๅษี พระอาจารย์ศิริพงศ์ ต้นตำหรับวัตถุมงคลพระพิราพ

นำเกล็ดความรู้เรื่องพลีพิธีพราหมณ์ มาฝากครับ

เครื่องกระยาบวดที่สมบูรณ์ต้องประกอบด้วย

๑. บายศรีปากชาม (๗ ชั้น) ยอดเสียบดอกบัว
๒. นมสด นมข้น นมเปรี้ยว น้ำผึ้ง เนย
๓. ดอกบัว ประทีป (เทียน) กำยาน (ธูป) น้ำสะอาด
๔. ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ขนมคันหลาว ขนมหูช้าง เมล็ดพืช (ถั่วงา) เผือกนึ่ง มันนึ่ง แกงบวดฟักทอง (นำเข้ามาเพิ่มทีหลัง) กล้วยน้ำไท มะพร้าวอ่อน ส้มโอ อ้อยควั่น ขนุน
๕. ผลไม้ตามฤดูกาล ควรเว้นผลไม้ที่ชื่อตรงกันข้ามกับการเพิ่มมงคล เช่น น้อยหน่า มังคุด ละมุด ระกำ (ซึ่งที่จริงไม่มีอะไรเป็นแต่ผู้ฅนตั้งข้อรังเกียจกันไปเอง)

บายศรีปากชาม กรวยใบตองตรงกลางบรรจุข้าวปากหม้อหมายแทนเขาพระสุเมรุ พนมบายศรีทั้งสามด้านเรียงซ้อนกันด้านละ ๗ ชั้น แทนเขาสัตตบริภัณฑ์ แมงดาที่คั่นระหว่างพนมบายศรี ๓ ตัว แทนเขาตรีกูฏ ๓ ลูก ยอดกรวยบายศรีด้านบนเสียบไข่ความหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ทำไมจึงใช้ไข่หรือดอกบัวเสียบยอดกรวยบายศรี เพราะโบราณถือแนวคิดที่ว่า พระพรหมเกิดจากไข่ทอง มีคัมภีร์ที่กล่าวต่างกันออกไปอีกว่า พระพรหมเกิดจากดอกบัวจึงใช้ไข่หรือดอกบัวเสียบยอดบายศรีก็ได้ถือเป็นมงคล ทั้ง ๒ อย่าง

สำหรับการสังเวยบูชาด้วยเครื่องกระยาบวดที่ปราศจากเนื้อสัตว์ เป็นการบูชาต่อองค์เทพที่ไม่ประสงค์เครื่องสังเวยที่ประกอบด้วยซากสัตว์ จึงสมควรที่จะเสียบยอดบายศรีด้วยดอกบัว

อีกประการหนึ่งจะเห็นในรายการเครื่องสังเวยว่า บายศรีปากชาม ๗ ชั้น ยอดเสียบดอกบัว ในรายการไม่ระบุให้ใช้บายศรีปากชามหนึ่งคู่ เพราะบายศรีปากชามในเครื่องกระยาบวดหมายแทนเขาพระสุเมรุ จึงใช้บายศรีปากชามแค่ชามเดียว (เขาพระสุเมรุมีหนึ่งเดียวเท่านั้นมิใช่สอง) ส่วนพิธีสังเวยบูชาอื่นๆ ใช้บายศรีปากชามหนึ่งคู่เพราะมีการตั้งเครื่องสังเวยทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ส่วนเครื่องกระยาบวดตั้งเฉพาะที่กลางเท่านั้น

เครื่องกระยาบวดประกอบด้วย แป้ง มะพร้าว น้ำตาลและผลไม้ เป็นเครื่องยังชีพนักบวชถือเป็นอาหารที่ก่อเกิดพลังงานเพื่อบำเพ็ญตบะ นมสด นมข้น นมเปรี้ยว น้ำผึ้ง เนย (ปัญจามฤต) สำหรับบูชาเทวดานพเคราะห์ทั้ง ๙ ธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเทพสักขีพยาน ดอกบัวเกิดจากโคลนตมใช้บูชาพระธรณี แสงประทีปเปลวไฟใช้บูชาพระอัคนี กำยานและควันธูปที่พวยพุ่งใช้บูชาพระวายุ น้ำสะอาดใช้บูชาพระคงคา สังเกตให้ดีเทพสักขีทั้ง ๔ แบ่งเป็น เพศชาย ๒ เพศหญิง ๒ ความสดชื่นเบิกบานชุ่มเย็นใช้บูชาเทพสตรี ความเร่าร้อนรุนแรงใช้บูชาบุรุษเพศ

สวัสดี เห็นไม่มีอะไรแต่ทำถูกต้องได้ยาก

ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
๒๔ มกราคม ๒๕๕๔​

 

เรื่องการปลุกเสกอธิษฐานจิตลงในวัตถุมงคล หลวงพ่อศิริพงศ์ เล่าให้ฟังว่าท่านเน้นที่ให้ "ครู" มาเสกให้แผ่เมตตาบารมีให้เองโดยตรง เรื่องนี้สำคัญ ท่านมักบอกว่าตัวท่านไม่เก่งหรอก ครูต่างหากที่เก่ง

ฟังเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่องที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเล่าให้ศิษย์ทั้งหลายฟังว่าสมัยที่หลวงพ่อปานท่านยังอยู่ ท่านให้หลวงพ่อเล็กเสกของให้ ปรากฏว่าหลวงพ่อเล็กเข้าสมาบัติเสกตลอดสามเดือน แล้วเอาไปให้หลวงพ่อปาน พอหลวงพ่อปานเห็นหลวงพ่อเล็กแบกวัตถุมงคลมา ก็โบกมือว่าไม่เอาใช้ไม่ได้ไปทำมาใหม่ คราวนีี้หลวงพ่อเล็กเลยตั้งพิธีบวงสรวงเทพยดาให้ท่านมาประสิทธิให้ คราวนี้นำของไปส่งหลวงพ่อปาน ท่านกวักมือเรียกเลย บอกว่าแบบนี้ซิใช้ได้ เราเก่งคนเดียวไม่ได้หรอกต้องให้พระท่านทำให้จึงใช้ได้

สรุปว่าการเสกของต้องพึ่งอำนาจพระ อำนาจเทวดาครูบาอาจารย์ ของจึงขลังจริงดีจริง

ด้วยเหตุนี้มั่นใจได้แน่นอนครับว่าวัตถุมงคลจากพ่อครูพระอาจารย์ศิริพงศ์นั้นสุดยอดแน่นอนไม่ต้องสงสัยเพราะครูมาประสิทธิประสาทให้เองทั้งสิ้น

 

สำหรับผู้ที่มี ตะกรุดยันต์ยุค 8 หรือองค์พระพิราพ พ่อครูฝากมาบอกว่าให้ติดตัวไว้ให้ดีครับแม้ยามนอน โดยผู้ที่อยู่บริเวณที่มีความเสี่ยง เพื่อให้ องค์พระพิราพ องค์พ่อแก่ และ ครูบาอาจารย์ ช่วยคุ้มครอง เนื่องจากช่วงนี้มีเหตุการณ์ท้ังภัยธรรมชาติและก่อการร้ายตามที่เราได้เห็น ข่าวอยู่ขณะนี้ครับ

 

คือ อยากทราบว่าพ่อจะมีบรมครู หรือพ่อเเก่ให้บูชาไหมครับราคาเท่าไร เเรงมากคงไม่ไหวอ่ะครับ^^

 

เข้าไปดูที่ link นี้ได้เลยครับ พ่อแก่ พระพิราพ พระอาจารย์ ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ

 

<table style="font: inherit; color: inherit;"><tbody><tr><td style="font: inherit; color: inherit;" valign="top"></td><td style="font: inherit; color: inherit;" valign="top"></td></tr></tbody></table>
วันศุกร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๕ มีผู้เข้าร่วมถือศีล ๘ และ รับมอบศิวะอุมาสุภดา เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นมหาอุดมมงคลนำโชคลาภความสำเร็จในปีใหม่ไทยนี้
ทีมา มนต์นัทธ์ monnut.com

<table style="font: inherit; color: inherit;"><tbody><tr><td style="font: inherit; color: inherit;" valign="top"></td><td style="font: inherit; color: inherit;" valign="top"></td></tr></tbody></table> เย็นวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๕ มีผู้เข้าร่วมถือศีล๘ เพื่อเข้ารับมอบศิวะอุมาสุภดา และ ผู้เข้าร่วมถือศีล๘ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองในปีใหม่ จำนวนมาก ได้พร้อมใจรับศีล ร่วมสวดมนต์ และปฏิบัติเป้นเวลา ๑ คืน

<table style="font: inherit; color: inherit;"><tbody><tr><td style="font: inherit; color: inherit;" valign="top"></td><td style="font: inherit; color: inherit;" valign="top"></td></tr></tbody></table> เช้าวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๕ ผู้เข้ารับมอบร่วมจัดเครื่องสังเวยชุดใหญ่และเข้ารับมอบองค์ศิวะอุมาสุภดา เพื่อเป็นมหาอุดมมงคลนำโชคลาภความสำเร็จ และเมตตามหาเสน่ห์ดึงจิตดูดใจนำพา เงินทองแก่ผู้บูชา

หลังจากรับมอบเรียบร้อยแล้วพ่อครูได้ประพรหมน้ำมนต์ทิพย์ให้แก่ทุกฅนที่ได้ เข้าร่วมพิธีเพื่อเป็นสิริมงคลนำพาโชคลาภความสำเร็จแก่ทุกท่านที่ได้เข้า ร่วมพิธี

 

วัตถุมงคลรูปเคารพที่พ่อครูสร้างและประสิทธิให้ลูกศิษย์และลูกบนเรือนนั้นทุกรุ่นทุกพิมพ์ล้วนมีความหมาย เพราะการสร้างวัตถุมงคลแต่ละอย่างนั้นพ่อครูต้องขออนุญาติต่อเทพรพหมครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆ ต้องตั้งพิธี พลีบวงสรวงอย่างถูกต้องเสมอไป ด้วยเหตุนี้อำนาจจากวัตถุมงคลของพ่อครูจึงเป็นเสมือนการแบ่งภาคการแบ่งพลังของครูหรือเทพองค์นั้นๆ ทำให้วัตถุมงคลของพ่อครูมีชีวิตจิตวิญญาณ ทั้งพลังชีวิตจากครูเทพและการใส่จิตใจของพ่อครูท่านลงไป ใครได้ไว้จึงเสมือนมีครูบาอาจารย์ติดตามดูแลด้วยองค์ท่านเอง

อำนาจจากวัตถุมงคลของพ่อครูดีทุกด้านทั้งเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย

เรียกได้เต็มปากเลยว่าศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงครู จริงๆ

 

เหนือสิ่งอื่นใด ที่ผ่านมาพ่อครูเน้นให้ศิษย์ทุกคนทำความดีด้วยการดูแลพ่อแม่ที่บ้านให้ดีที่สุด ทำคนเป็นลูกกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดาครูบาอาจารย์ ทำตนเป็นคนดีของสังคม มีน้ำใจรู้จักให้ เจริญจิตเป็นเมตตา ในปัจจุบันนี้โลกวุ่นวายเพราะเรื่องทางวัตถุมาก เกิดภัยพิบัติมากขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากความจำเป็นที่จะต้องมีของดีติดตัวกันไว้แล้ว การทำความดีการเจริญเมตตาก็สำคัญอย่างยิ่ง

และสิ่งสำคัญที่ลูกบนเรือนและศิษย์ของท่านทำมาตลอดคือ การทำวัตรสวดมนต์เย็น ซึ่งจะทำกันทุกวันเสาร์ การสวดมนต์เย็นแปลเป็นไทยนั้นท่านว่าทำให้จิตสงบเป็นสมาธิและเกิดปัญญา มีอานิสงค์มาก เทวดาทั้งปวงก็ร่วมอนุโมทนา เป็นการเพิ่มวาสนาบารมีให้ตัวเอง ทำให้พ้นจากภยันอันตรายทั้งปวง ชีวิตการเป็นอยู่จะดีขึ้นตามลำดับ

ทุกวันนี้จะมีการสวดมนต์เย็นทุกวันเสาร์ เวลาบ่าย ๓ ที่เรือนพระภรตมุนี ใครว่างไปได้นะครับ แล้วชีวิตจะดีขึ้นทันตาเห็นอย่างแน่นอน

 

อิทธิบารมีแม่นาคพระโขนง
ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องผีที่คนไทยรู้จักกันดี ที่สุด “แม่นาคพระโขนง” คือเรื่องผีอันดับ ๑ ที่อยู่ในใจคนไทย ด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความเฮี้ยนของแม่นาค ทำให้เรื่องราวของแม่นาคเป็นที่นิยมอันดับ ๑ ตลอดกาล
ความเฮี้ยน ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของแม่นาคพระโขนง เป็นที่เชื่อถือของคนไทยจำนวนมาก แม้กาลเวลาจะผ่านมานานนับร้อยปีมาแล้ว แต่ความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของแม่นาคไม่เคยลดน้อยลงเลยแต่กลับเพิ่มมากขึ้น ตามกาลเวลา เสมือนว่าบารมีของท่านจะมีมากขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลาที่ยาวนาน
พระ อาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ หรือที่ลูกศิษย์ของท่านมักเรียกท่านว่า "พ่อครู" ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างพระพิราพในรูปของวัตถุมงคลเป็นคนแรกของวงการพระ เครื่องเมืองไทย และยังเป็นผู้แรกที่นำเอาหัวโขนมาสร้างในรูปแบบของวัตถุมงคล พระอาจารย์ศิริพงศ์ยังเป็นอีกท่านหนึ่งที่มีความผูกพัน มีประสบการณ์เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของแม่นาคพระโขนงอย่างไม่น่าเชื่อ
ท่านเล่าไว้ว่าครั้งหนึ่งในปี ๒๕๓๑ ท่านเคยล้มป่วยด้วยโรคประจำตัวทำให้ต้องเข้าห้องไอ ซี ยู อย่างฉับพลัน นับเป็นความวิกฤติครั้งสำคัญในชีวิตของท่าน แต่เนื่องด้วยความผูกพันกับสิ่งเร้นลับ พลังเหนือโลก ทำให้คืนนั้นท่านหลับและฝันไปว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดไทยโบราณ นุ่งโจงกระเบน ห่มผ้าแถบ เดินเข้ามาหาท่านที่เตียงคนไข้ แล้วเข้ามาถามท่านว่า “พระป่วยหรือ” และกล่าวออกมาอีกว่า “จะรักษาให้” ความฝันนั้นท่านถามผู้หญิงคนนั้นว่า “ถ้าหายอยากจะได้อะไร” ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า “ขอผ้าแถบสีม่วงผืนเดียวก็พอ” ในฝันนั้นท่านรู้สึก รู้ชัดในใจว่า ผู้หญิงที่เข้ามาหานั้นคือ แม่นาคพระโขนงแน่นอน ความรู้นี้กระจ่างชัดในใจท่านมาก และความฝันนั้นมันเหมือนจริงยิ่งกว่าสิ่งใด
แปลกแต่จริงเพราะหลังจาก ความฝันนั้นผ่านพ้นไป พอรุ่งเช้าอาการเจ็บป่วยของท่านก็ดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อตื่นขึ้นมาเหมือนกับว่าท่านไม่เคยป่วยมาก่อน ทางคณะแพทย์เองก็รู้สึกแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้ คงรู้แต่ในใจของพระอาจารย์ท่านเองว่าใครกันที่มารักษาให้อย่างเร้นลับ และผลสรุปของคณะแพทย์ก็อนุญาตให้ท่านออกจากห้องไอ ซี ยู ได้ในเช้าวันนั้น
ทันที ที่ลูกศิษย์มาหาท่านสั่งเลยว่าให้แวะไปซื้อผ้าแถบและไปกราบแม่นาคพระโขนงที่ วัดมหาบุศย์ในวันนั้นทันที เป็นที่แปลกใจแก่คณะศิษย์จนท่านเล่าเรื่องทั้งหมดจึงถึงบางอ้อ ว่าแม่นาคพระโขนงมารักษาอาการป่วยให้ท่าน
จากนั้นมาท่านจึงเริ่มวาด ภาพแม่นาคพระโขนงตามนิมิตทีท่านเห็น และในปัจจุบันภาพจากนิมิตของท่านกลับเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ศรัทธาแม่นาค พระโขนง ภาพนี้ได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอย่างมากมายแก่ผู้ได้กราบไหว้บูชา และในปี ๒๕๓๑ นี่เองที่ท่านได้สร้างเหรียญแม่นาคพระโขนงขึ้น ซึ่งนับว่าท่านเป็นคนแรกที่สร้างเหรียญแม่นาคพระโขนงขึ้นในวงการเครื่องราง ของขลังเมืองไทย
การสร้างเหรียญแม่นาคพระโขนงในปี ๒๕๓๑ นั้นพระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ เป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด โดยกำหนดให้ด้านหน้าเป็นรูปแม่นาคพระโขนงตามที่ปรากฏในนิมิตของท่านมีข้อ ความด้านล่างว่า “นาครักเดียวมั่นคง” และด้านหลังจารึกอักขระนะวิเศษ เรียกว่า นะเอา หมายถึงมงคลที่จะได้รับได้เอาสิ่งดีๆทั้งหลายทั้งปวง พร้อมทั้ง บาทพระคาถาเนื้อความว่า “พิศวงหลงใหล พิศมัยแนบเนื้อ เย็นจิตคิดถึง เคล้าคลึงวิญญา” และลงชื่อท่านไว้ว่า "พระศิริพงศ์ ๒๕๓๑ ครุพันธ์กิจ" นับว่าเป็นเหรียญแม่นาคพระโขนงรุ่นแรกของวงการเครื่องรางของขลัง และผู้ที่ได้รับไปทุกคนต่างพบปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์จากเหรียญรุ่นนี้ จนทำให้ในปัจจุบันเหรียญแม่นาคพระโขนง ปี ๒๕๓๑ ของพระอาจารย์ศิริพงศ์ กลายเป็นเหรียญหายาก ราคาแพง มีประสบการณ์ด้านความศักดิ์สิทธิ์ บันดาลโชคลาภ มีเสน่ห์เมตตา มากที่สุดเหรียญหนึ่งในวงการของคนชอบเครื่องรางของขลัง
การสร้าง เหรียญแม่นาคปี ๒๕๓๑ พระอาจารย์ท่านได้สร้างขึ้นสองเนื้อ คือ เนื้อตะกั่วและเนื้อทองแดง ปัจจุบันเหรียญแม่นาคพระโขนงเนื้อตะกั่ว สนนราคาไปถึงหลักหมื่น ในขณะที่เหรียญทองแดงสนนราคาอยู่ที่หลักพันกลาง ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีการโฆษณาในสื่อใด ๆ และเหรียญที่สร้างครั้งนี้ไม่มีมูลค่าราคาซื้อขาย พระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ สร้างขึ้นแจกเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของคุณย่านาคที่เป็นต้นแบบของผู้หญิงไทย ที่มีความรักมั่นคง แต่เป็นเพราะประสบการณ์ความขลังความศักดิ์สิทธิ์มากด้วยประสบการณ์จึงกลาย เป็นที่เล่าลือแบบปากต่อปาก จนทำให้คุณค่าและราคาของเหรียญแม่นาคสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นที่ปรารถนาของนักนิยมวัตถุมงคลที่มีพลังเหนือโลก
พระ อาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ ท่านกล่าวให้ลูกศิษย์ฟังเสมอว่า แม่นาคพระโขนงท่านนั้นเป็นดวงจิตดวงวิญญาณที่มีบุญบารมีมาก เพราะสมเด็จพุฒาจารย์โต ท่านแผ่เมตตาโปรดอยู่เสมอ ทั้งแม่นาคพระโขนงท่านเองยังได้รับกระแสบุญบารมีจากพระสุปฏิปันโนอีกหลาย ท่าน เช่นสมเด็จพระปิลันท์ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก หรือแม้แต่กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีฤทธิ์มีบุญบารมีเป็นที่พึ่งที่บูชาแก่ผู้ที่ศรัทธา เชื่อมั่นในตัวท่านได้
ในหมู่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์จะเรียกแม่นาค พระโขนงด้วยความเคารพสูงสุดว่า “คุณย่านาค” ใครก็ตามที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจหากจุดธูปอธิษฐานกับคุณย่านาคด้วยความ เคารพอย่างแท้จริงแล้วก็จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ หรือผู้ที่ได้รับเหรียญคุณย่านาคไปหากมีเรื่องคับขันอย่างหนึ่งอย่างใดเมื่อ ยกเหรียญคุณย่านาคขึ้นจบแล้วก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ประสบการณ์ ความศักดิ์สิทธิ์ของแม่นาคพระโขนงนั้นมีครบทุกเรื่อง บางท่านมีประสบการณ์เรื่องได้โชคลาภจากท่าน บางคนมีประสบการณ์เรื่องการทวงหนี้ เรื่องการเงิน เรื่องค้าขาย หรือแม้แต่ช่วยให้พ้นจากภยันอันตรายทั้งปวง
ปัจจุบันเหรียญคุณย่านาค ที่สร้างรุ่นแรกปี พ.ศ. ๒๕๓๑ หายากมากสำหรับผู้ที่เคารพศรัทธาในพลังเหนือโลกเหนือความคาดหมายของคุณย่า นาค สามารถหาบูชาเหรียญคุณย่านาครุ่น ๒ ด้านหลังเป็นรูปพี่หนูแดงนั่งอยู่บนกองเงินกองทองได้ที่ร้านเฉลิมโชคทวีลาภ เจเจมอลล์


บทความจากคุณทิพยจักร ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์มนต์นัทธ์และนิตยสาร

 

​

วันเสาร์ที่ ๕ เดือน ๕ ปี ๕ พ.ศ. ๕๕๕ ที่ฅนอื่นเขาโกหกหลอกลวงกันไว้ (ที่จริงเป็นเดือน ๖ นับตามแบบไทย ) พ่อครูพระอาจารย์ศิริพงศ์ ทำพิธีทดลองพิมพ์ฤๅษีกไลโกฏเนื้อผงเป็นปฐมฤกษ์ นำมาให้ดูกัน

 

สวัสดีครับพี่

พระฤๅษีกไลโกฏเนื้อผงสวยมากเลยนะครับ

 

วันนี้มีประสบการณ์เรื่องแม่นาคพระโขนงครับ เรื่องมีอยู่ว่า แฟนผมมีเหรียญแม่นาคพกติดกระเป๋าถือ แต่มาวันหนึ่งผมเกิดไปเอาเหรียญแม่นาคออกมาโดยที่แฟนผมก็ไม่รู้ ปรากฏว่าในคืนวันนั้นแฟนผมเขาฝันเห็นแม่นาคมายืนยิ้มให้ แกบอกว่าในฝันแม่นาคดูสวยและใจดีมากๆด้วย พอตื่นขึ้นแกเลยคิดถึงเหรียญคุณแม่นาคท่าน จึงถามถึง ผมบอกว่าเอาออกมาจากกระเป๋าเมื่อวันก่อน แกเลยขอคืนซะ และตั้งใจเอาเหรียญคุณแม่นาคท่านพกติดตัวเป็นประจำ ก็นับเป็นเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับคุณแม่นาคอีกเรื่องหนึ่ง ใครที่มีประสบการณ์แปลกแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

 

เหรียญแม่นาคที่คุณทิพยจักรพูดถึงเป็นเหรียญนี้รึเปล่าครับ

 

พระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ใหญ่ได้ดีหลังพ่อครูฤๅษีชนะประชัน



ด้วยมวลสารที่สร้างพระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ใหญ่ได้ดีเหลืออยู่จำนวนหนึ่งแล้ว ได้มวลสารพระเก่ามาเพิ่มเติมพอสมควร ผสมกันแล้วน่าจะทำประโยชน์สร้างวัตถุรูปเคารพฯ ได้จำนวนหนึ่ง จึงนำพระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ใหญ่ได้ดีและเหรียญพ่อครูฤๅษีชนะประชันบล๊อกตัด มาถอดพิมพ์แล้วประกบหน้าหลังเกิดเป็นพิมพ์พิเศษขึ้นใหม่ คือ "พระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ใหญ่ได้ดีหลังพ่อครูฤๅษีชนะประชัน" ได้จำนวน ๓๐๐ องค์

อธิษฐานจิตถวายนามในคืนราหูมีชัย พุธที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๐๒.๒๒ นาฬิกา ปลอด-ลาภะ-ทลิทโทฤกษ์ เป็นมหามงคลเปลี่ยนร้ายกลายดี มากเมตตามหาเสน่ห์มีโชคลาภ

ผู้ที่มีพระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ใหญ่ได้ดีหลังตัวอุณาโลม ที่อธิษฐานจิตถวายนามในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) เมื่อวันเสาร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสิทธิ์เรียกร้องขอเป็นเจ้าของครอบครองได้เพื่อเข้าคู่กัน

สวัสดี
ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ ​

 

มีหลายคนสอบถามว่าบทบูชาองค์พระพิราพนี้สะกดอย่างไร
" วันทิตวา อสุรเทพานัง มหันตพลัง อันตรายัง วินาสสันติ "
อ่านว่าดังนี้

วัน ทิ ตะ วา
อะ สุ ระ เท พา นัง
มะ หัน ตะ พะ ลัง
อัน ตะ รา ยัง
วิ นาส สัน ติ

ขอองค์พระ จงรักษาให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุข

 

พ.ศ. ๒๕๔๗ -๒๕๖๗ เป็นยุคที่ ๘ จะมีความเจริญทางวัตถุเพิ่มขึ้นแต่ทางด้านจิตใจเสื่อมลง ธรรมชาติก็จะเสื่อมโทรมลง ผู้คนจะนิยมทำคุณไสยใช้อำนาจมนต์ดำทำร้ายกันจะเกิดโรคระบาดและโรคร้ายแรงที่ ไม่สามารถรักษาได้ เหล่าภูตผีปีศาจจะเข้าสิ่งสู่จิตใจคน ทำให้ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง เกิดความแตกสามัคคีจิตใจคนวิปริต ดินฟ้าอากาศวิปริตจะเกิดภัยธรรมชาติที่ไม่มีใครคาดคิด ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่มทรุดตัว น้ำท่วมใหญ่ คนมีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นแต่จะเห็นกับตัวมากขึ้น จะลืมคุณธรรมประดุจว่าภูตผีปีสาจเข้าสิงใจคน

คนในยุคนี้จะมีความเชื่อด้านจิตวิญญาณกันมาก มีทั้งเชื่อในทางที่ถูกและทางที่ผิด ผู้ทีเชื่อในทางที่ผิดจะหันไปเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำเพื่อเอาชนะคนอื่น วิธีแก้อาถรรพ์ยุคนี้ ต้องบูชาสิ่งที่มีอำนาจกำราบปราบภูตผีปีศาจโดยต้องบูชาเทพเจ้าที่มีลักษณะ เป็นเทพอสูร ซึ่งมีพระอิศวรอวตารเป็นพระไภรว (พระพิราพ) พระอุมาอวตาลเป็นพระแม่กาลี ท้าวเวสสุวรรณ และพระราหู

ในช่วงโลกเข้าสู่ยุคที่ ๘ นี้ เป็นยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ความรุ่งเรืองพร้อมกับภัยจากภูผีปีศาจ อำนาจแห่งเทพอสูรดังกล่าวย่อมเป็นพลังที่สามารถต้านทานทำลายล้างอัปมงคลทั้ง หลายขจัดภัยจากมนต์ดำ ขจัดมารร้ายที่ออกมารังควานผู้คนทั้งหลายได้

การมองอะไรแต่ภายนอกไม่อาจตัดสินได้ว่าดีหรือร้าย สิ่งที่ควรตัอสินคือ คุณธรรมที่ซ้อนอยู่ภายใน ในตำนานและวรรณคดีไม่ว่าของไทยหรือต่างชาติจะเห็นว่าบางครั้งคุณงามความดี จะอยู่ในรูปสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาแต่บางครั้งสิ่งไม่ดีกลับปรากฏในรูปกายงาม สะอาดสะอ้าน เช่นเดียวกันคติการนับถืออสูรหรือยักษ์จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก วิญญาณร้ายได้ และจะอนุโมทนากับการทำบุญทำกุศลของเรา ยังมีเทพอสูรอื่นๆ ที่น่านับถือในคุณงามความดีแต่ไม่เป็นที่รู้จักเพราะมนุษย์มักมองแต่รูปภาย นอกหรือเพียงแค่ชื่อว่า "อสูร" หรือ "ยักษ์" ก็กลัวไม่กล้านับถือจึงไม่ไคร่ได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจของอสูรอีกหลายด้าน ด้วยกัน การทำบุญทำกุศลแล้วอุทิศผลไห้เทพอสูรก็เป็นสิริมงคลเช่นกัน

ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
๒๒ เมษายน ๒๕๕๓

 

"พุทธชยันตี" แปลว่าชัยชนะของพระพุทธเจ้า วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ นับเป็นปีพุทธชยันตี เพราะ พุทธศาสนาสถิตสถาพรครบ ๒๖๐๐ ปี (๔๕ ปี นับแต่ตรัสรู้ + ๒๕๕๕) พระพุทธเจ้าทรงชนะอะไร คำตอบคือ ทรงชนะกิเลส อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ได้อย่างเด็ดขาด ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว

การเฉลิมฉลองพุทธชยันตีที่ดีที่สุดควรทำอย่างไร คำตอบคือ "การฝึกเอาชนะกิเลสในใจตนให้ได้" ดังพระพุทธองค์ตรัสว่า "แม้จะรบชนะศัตรูนับพัน ๆ ครั้งก็ไม่นับเป็นยอดขุนพล แต่ผู้ใดชนะใจตน จึงนับเป็นยอดขุนพลที่แท้"

หากไม่รู้จะเริ่มเอาชนะกิเลสได้อย่างไร ขอแนะนำให้ปฏิบัติตามนี้ "อักโกเธนะ ชิเน โกธัง อะสาธุง สาธุนา ชิเน ชิเน กะทริยัง ทาเนนะ สัจเจนาลิกะวาทินัง" "พึงเอาชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ พึงเอาชนะความชั่ว ด้วยความดี พึงเอาชนะความตระหนี่ ด้วยการให้ พึงเอาชนะความเท็จ ด้วยความสัจ"

สวัสดี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน เกิดเพราะใจเสพทุกข์เอง
ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕​

 

ปีนี้เป็นปีครบรอบพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ซึ่งทั้งหมดได้ทำพิธีสมาทานศีล ๘ ถือบวช วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๒๐.๐๐ น. มีจำนวนผู้มาถือบวชทั้งหมด ๓๑ คน

​