วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    ประเทศเวียดนามจะโดนไหมค่ะ ? ระหว่างเวียดนาม กับประเทศไทยใครโดนหนักมากกว่ากันค่ะ ? รบกวนถามท่านผู้รู้ค่ะ
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เท่าที่ผมเช็คดูจากแผนที่โลกใหม่ ประเทศที่เคยก่อสงครามในอดีตจะโดนหนักกว่าเพื่อน ญี่ปุ่น เวียดนาม (แทบสิ้นแผ่นดินเลยครับ)..ไทยเราก็โดนครับแต่บอบช้ำหนักที่สุดก็ทางใต้ครับ..
     
  3. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    [​IMG] ขอบคุณมากค่ะวีนาจะได้อีเมล์ไปเตือนน้องชายเพราะเค้าทำงานอยู่ที่นั้น





    [​IMG]
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ท่านทั้งหลายจะได้ยินการสู้รบ และข่าวลือของสงคราม แต่อย่าได้วิตกเลย เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้น แต่กำหนดสุดท้ายยังมิได้มาถึง
    ประชาชนสู้รบกับประชาชน (ความวุ่นวายภายในประเทศ)
    ประเทศจะทำสงครามกับประเทศ
    หลายแห่งจะอดอยากขาดอาหาร และจะเกิดแผ่นดินไหว
    เหล่านี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของภัยภิบัติ
    จะมีคนอวดเป็นผู้รู้ทำการหลอกลวงคนทั้งหลาย เรื่องทำผิดคิดมิชอบจะมากขึ้น
    ความรัก ความเมตตาของคนทั้งหลายจะคอยๆเย็นชาลง
    คนที่ทนได้ถึงที่สุดเท่านั้นจะเป็นผู้รอด

    ในตอนนั้น ข่าวดีอันประเสริฐแห่งสวรรค์จะแพร่ไปทั่ว***
    ให้ประจักษ์แก่ชาวโลก แล้วหลังจากนั้นวันสิ้นโลกก็จะมาถึง จะมาถึง....ในวันเหล่านั้น
    เมื่อนั้นจะเกิดมหัตภัย เป็นมหันตภัยที่ยังไม่เคยมีมาก่อนเลยตั้งแต่เริ่มต้นมีโลกมาจนบัดนี้
    ผู้ที่มีเลือดเนี้อทั้งหมดไม่มีใครรอดได้
    แต่เพราะเห็นแก่ผู้ได้รับการเลือกสรรไว้ วันเหล่านั้นจึงลดน้อยลง
    เมิ่อทุกข์ภัยของวันเหล่านั้นล่วงไป ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นสีดำ ดวงจันทร์จะไม่ส่องสว่าง ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากท้องฟ้า ท้องฟ้าจะสั่นสะเทือนเคลื่อนไหว
    เราจะบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า เรื่องราวเหล่านี้จะเกิดเป็นจริงก่อนที่คนยุคนี้จะล่วงไป (คนที่เกิดตั้งแต่ปีค.ศ.1010) ฟ้าดินจะย่อยยับ แต่คำพูดของเราจะถูกทำลายไปมิได้
    แต่วันเวลาเหล่านั้น ไม่มีใครรู้ได้ แม้แต่ทูตสวรรค์ก็มิรู้ได้ พระบุตรก็ไม่รู้ มีแต่พระบิดาเท่านั้นที่ทรงทราบ

    วันของโนฮาเป็นเช่นไร วันที่พระบุตรจะเสด็จมาก็เป็นเช่นนั้น ก่อนหน้าวันน้ำท่วม คนทั้งหลายยังคงดื่มกิน เสพสุขสมรสกัน จนถึงวันที่โนฮาลงไปในนาวา น้ำได้หลากท่วมมาและพัดพาพวกเขาทั้งหมดไป โดนมิทันรู้ตัว
    เมื่อ บุตรมนุษย์ เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น
    ฉะนั้นพวกท่านทั้งหลายจงตื่นตัวและเตรียมการ ด้วยเหตุที่ไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาในวันใด ในวันที่พวกท่านคิดไม่ถึงนั้น บุตรมนุษย์ ได้เสด็จมาแล้ว..

    ข่าวดีอันประเสริฐแห่งสวรรค์จะแพร่ไปทั่ว***ข่าวสารหรือคำทำนายจากหลายๆแห่ง ตรงกันโดยมิได้นัดหมายมาก่อน


    "ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นสีดำ ดวงจันทร์จะไม่ส่องสว่าง" ตรงกับคำเตือนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานเตือนไว้ว่า"เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า ไร้เดือนดาวฟ้าดินมืดมิด"


    "บุตรมนุษย์" หมายถึง"พระเมสิอาห์"ซึ่งเกี่ยวข้องกับ "พระศรีอารยเมตไตรย"ซึ่งมาในพระภาคใดเราไม่อาจรู้ได้.. มายกยอพระพุทธศาสนา และรวบรวมศาสนาใหญ่ทั้งสามให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2006
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อ่านตามแล้วก็ขนลุกครับ นำไปเล่าให้ใครฟังก็คงไม่เชื่อ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ไหว้ครูเสร็จแล้วครับ สำหรับคนที่ไม่มีพระให้ใส่บาตร ก็เอาเงินหยอดกระปุกเก็บไว้ไปทำบุญที่วัดทีหลังได้ครับ


    บทเรียนที่ 1 . ลมปราณสัมพันธ์จิตใจ กายสัมพันธ์จิต


    อย่างที่ผมเรียนไว้เบื้องต้นแล้วว่า ถ้าร่างกายแข็งแรงจิตใจก็จะเข้มแข็งด้วย สิ่งที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ผมจะเริ่มปูพื้นฐานให้ตั้งแต่เบสิค ด้วยภาษาและคำอธิบายที่คนในยุคนี้เข้าใจได้ง่ายและมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบ พิสูจน์ยืนยัน ตามที่ พอ. ชม สุคันธรัตน์ ท่านได้บัญญัติศัพท์ว่าวิทยาศาสตร์ทางจิตไว้ครับ


    จิต และพลังจิต เป็นพลังงานชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะ และคุณสมบัติของคลื่น จึงสามารถ หักล้าง เสริมคลื่นและเหนี่ยวนำได้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เมื่อนั่งสมาธิกับอาจารย์ที่มีสมาธิสูงจึงสามารถทำให้ศิษย์และผู้ได้รับการถ่ายทอดนั่งได้ดีหรือ มีสมาธิสูงขึ้นตามไป เช่นเดียวกับขณะที่ ยูริ เกลเลอร์ นักพลังจิต ใช้พลังจิตงอช้อน ผู้ชมในห้องส่งและที่บ้านก็สามารถงอช้อนได้ด้วย คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างของพลังจิตคือมีความเร็วสูงสุด เร็วกว่าแสง เดินทางไปได้ในทุกมิติ


    รวมทั้งมิติของกาลเวลา นั่นคือเหตุผลในการใช้จิตในอดิตังสญาน และอนาคตังสญาน คือไปดูอดีตและ อนาคต ครับ รวมทั้งการเดินทางไปยังภพภูมิอื่นด้วยจิตครับ

    แต่เดิมมนุษย์มีพลังจิตครับ แต่กิเลส มาบดบังจิตให้เสื่อมลง รวมทั้งศีลธรรมประจำใจด้วย

    วิธีที่จะฝึกจิตให้มีพลังและเป็นพื้นฐาน ที่ง่ายที่สุด และเหมาะกับทุกจริตก็คือการ ฝึกจิตด้วยการหายใจ อาณาปาณสตินั้นเอง สำหรับขั้นตอนนี้ ผมจะอธิบายความสัมพันธ์ของสมาธิกับการหายใจอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ไว้ดังนี้ คนทั่วไปจะหายใจ นาทีละ ประมาณ25 - 30 ครั้งต่อนาที คนที่อยู่ในสภาวะเครียดและสับสน จะหายใจติดขัอสั้นๆ ฮักๆ นาทีละ 40-50 ครั้ง ส่วนผู้ที่อยู่ในสมาธิขั้นต้น จะหายใจ ลดลง เหลือ 12-25 ครั้ง สามารถใช้สมาธิรักษาโรคง่ายๆได้ ใช้อธิฐานง่ายๆได้ครับ และมีการเต้นของหัวใจและเมตาโบลิซึ่มลดลง ผู้ที่อยู่ในสมาธิขั้นกลางลมหายใจละเอียดช้าลงเหลือ 6-12 ครั้ง ใช้สมาธิรักษาผู้อื่นได้ มีความเป็นทิพย์ตามสมควร ผู้ที่เข้าสมาธิขั้นสูงจะหายใจช้าลงสั้นลงเหลือแค่เมล็ดถั่วต่อครั้งและมีการหายใจผ่านผิวหนัง สามารถใช้รักษาโรคได้มากขึ้น จิตมั่นคงตั้งมั่น ในการอธิฐาน ใช้อภิญญาได้บ้าง ที่บอกว่าหายใจผ่านผิวหนังนั้น เพราะผมได้พิสูจน์มาแล้วโดยเข้าสมาธิใต้นำ จะรู้สึกได้ถึงการติดขัดเล็กน้อยของอากาศที่ผิวหนัง ส่วนการเข้าฌาณลึกๆ ร่างกายจะไม่หายใจ เลย 3 วัน 7 วัน ผมยังทำไม่ได้ จึงขอละไว้ก่อนครับ


    เมื่อทราบความสัมพันธ์ของลมหายใจกับสมาธิแล้วเราจะใช้ลมหายใจเป็น indicator ชี้วัดระดับของสมาธิที่เราต้องการครับ ระดับที่เราต้องการ คือ "ลมสบาย" อารมณ์ใจที่เบาสบาย เพื่อให้เข้าถึงความเป็นทิพย์ของจิตครับ

    ต่อไปเป็นการฝึกอาณาปาณสติ เบื้องต้นครับ ลองทำดูครับ ส่วนท่านที่ทำได้แล้ว คิดว่ารู้แล้วก็ลองทวนดูครับ เพราะพุทธภูมิท่านต้องสอนให้ได้ทุกระดับ ทุกลีลา ทุกอาการ ครับ


    นั่งสบายๆ มือใหม่หลับตา ปล่อยลมหายใจตามสบาย เราเป็นผู้ติดตามลมหายใจ เมื่อหายใจเข้าภาวนา "พุทธ" หายใจออกภาวนา"โธ" วางอารมณ์ใจเบาๆสบายๆจับความรู้สึกที่ลมหายใจกระทบปลายจมูก นั่งจับลมหายใจจนรู้สึกโล่งเบาสบาย ตามดูลมและคำภาวนาอย่างเดียวยังไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ถ้าใจอยากหยุดภาวนาก็ปล่อยหยุดจับลมอย่างเดียวครับ


    เมื่อทำได้สำเร็จแล้วอธิฐานกำกับครับว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้และเข้าถึงอาณาปาณสติลมหนึ่งฐานทุกครั้งที่ต้องการทุกชาติไปจนถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ"


    ขั้นต่อไปคือลม สามฐาน ลักษณะการฝึกเหมือนกันแต่มีเพิ่มเติมในการจับลมหายใจ สามจุด คือจมูก อก ท้อง ทั้งการหายใจเข้า หายใจออก ครับ สมาธิจะมีสติตามลมได้ละเอียดขึ้นครับ ทำจนใจสบายแล้วจึงอธิฐานกำกับว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้และเข้าถึงอาณาปาณสติ ลมสามฐานนี้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ ทุกชาติไปจนถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ"


    ต่อไปให้ลองจับลมหายใจตลอดสายให้เหมือนกับเส้นไหมพริ้วผ่านจมูกผ่านอกผ่านท้องพริ้วออกไปผ่านอกผ่านจมูก ออกไป แล้วย้อนกลับไปต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ทำจนรู้สึกใจสบายเบาโล่ง แล้วจึงอธิฐานกำกับว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้และเข้าถึง อาณาปาณสติลมปราณตลอดสายนี้ได้ทุกครั้งที่ต้องการในทุกๆชาติตราบเข้าถึงซึ่งนิพพานด้วยเทอญ " เมื่อได้ขั้นนี้แล้วท่านสามารถไปประยุกต์วิชาใช้ได้ ดังนี้ ใช้ดึงลมปราณจากธรรมชาติมาเสริมพลังลมปราณของตนเองได้โดย การอธิฐานขอกับพระธรณีและธรรมชาติ และใช้จิตใจชักนำลมปราณจากธรรมชาติเข้ามาฟอกธาตุเสริมปราณของเราในช่วงหายใจเข้า และชะล้างธาตุที่เป็นโทษและโรคภัยไข้เจ็บออกไปในจังหวะหายใจออก ลองไปฝึกดูครับ

    ส่วนท่านที่ได้มโนมยิทธิลองฝึกขั้นก้าวหน้าดูครับ

    อาราธนาบารมีพระท่านให้เมตตาดึงปราณจากพระนิพพานลงมาผสานเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจของเรา โดยมีลักษณะเป็นละอองเพชรใสระยิบระยับแพรวพราว เข้าไปในร่างกายของเราฟอกธาตุขันธ์ของเราให้ใสบริสุทธ์ปราศจากกิเลศ จิตคุณจะสัมผัสได้เลยว่าอาทิสมานกายของคุณใสขึ้น สว่างขึ้น ครับ และเป็นคำตอบที่ว่าเหตุใด อัฐฐิของพระอรหันต์ท่านจึงใสเป็นแก้วครับ เพราะอารมณ์และสภาวะแห่งพระนิพพานที่ท่านได้สัมผัสล้างธาตุขันธ์กายหยาบให้มีความบริสุทธ์ครับ

    ลองไปฝึกฝนให้ชำนาญในแต่ละระดับของแต่ละคนนะครับ หลักอยู่ที่การวางอารมณ์ใจให้สบายๆครับ
    เรียนกันไปวันละบทนะครับวันพรุ่งนี้จะแนะนำเรื่องวิธีลัดในการเข้าถึงสมาธิขั้นสูงอย่างเร็วครับ ผมจะเข้ามาพิมพ์ช่วง 3-4ทุ่มหลังสวดมนต์เสร็จมารออ่านตอนเช้าก็ได้ครับ ต้องขอโทษเพราะผมพิมพ์ช้า ถ้ามีคนสนใจเพิ่มเติม ก็เชิญสอบถามมาในกระทู้นี้ได้ครับ
     
  7. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    อนุโมทนากับคุณ Kananun ด้วยครับ สิ่งที่คุณแนะนำมานั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดผมก็ได้ทบทวนในสิ่งที่คุณบอก หวังใจว่า ด้วยบุญที่เคยบำเพ็ญมาแล้วจะเกื้อหนุนให้สำเร็จในขั้นที่สามารถช่วยผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อมวลมนุษยชาติกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า และพวกเราในที่นี้จะได้ทันเห็นและสัมผัส
     
  8. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,385
    ค่าพลัง:
    +22,312
    ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านที่ร่วมช่วยกันเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่ะ

    *คุณ kananun คะ เวปไซต์บ้านดิน
    น่าจะเป็น www.baandin.com ค่ะ
    และก็มี www.baandin.org ด้วยค่ะ


    *ข้อความนี้มาจาก pm ที่พี่ kananun กรุณาตอบข้อสงสัยใ้ห้มะลิเกี่่ยวกับการบูชาครูค่ะ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD> </TD><TD width="100%"><!-- main page contents --><FORM action=private.php method=post><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal"><!-- status icon and date -->[​IMG] 19-07-2006, 11:44 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 01:01 PM
    วันที่สมัคร: May 2006
    ข้อความ: 34 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Thanks: 30
    Thanked 260 Times in 33 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_><!-- icon and title -->สวัสดีครับ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->การบูชาครูทำที่บ้านก็ได้ครับ ง่ายๆคือนำพระที่เราใส่คอนี่ล่ะมาอธิฐาน หาดอกไม้แถวละแวกบ้านมาบูชา เงินเป็นเงินไทยเงินฝรั่งก็ได้ครับ ไว้มีโอกาศค่อยนำไว้ทำบุญที่วัดหรือใส่บาตร จุดสำคัญคือ ความกตัญญูและยอมรับนับถือพระรัตนไตร คุณครูอาจารย์ประการหนึ่งและเพื่อการเริ่มต้นที่ดีด้วยกุศลจากการทำบุญให้ทาน รักษาศีลครับ(verygood) ประการที่สองคือขึ้นกับจิตเจตนาของผู้เรียนที่ตั้งใจจะนำวิชานี้ไปใช้ทางทางที่ถูกที่ดีงาม
    เมื่อก่อนผมก็ไม่รู้ครับอยากให้เพื่อนๆคนรู้จักได้วิชาความรู้ง่ายๆเร็วๆ ก็แนะนำกันเลย ไม่ไหว้คงไหว้ครูกันล่ะ ผลที่ได้คือ ฝึกได้ครับทำได้ดีด้วย แต่สุดท้ายถูกมานะทิษฐิเข้าครอบงำ เพราะไม่มีแรงครูคุ้มครองและเครื่องกำกับในการใช้วิชา สุดท้ายคืนครูหมดครับ
    จึงต้องมีการไหว้ครู ทุกอย่างมีเหตุมีผลครับ และผมเจอมากับตัวเองหมดแล้ว ทุกสิ่งคือการเรียนรู้ครับ

    ช่วยโพสต่อลงกระทู้ด้วยครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE></FORM></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2006
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อนุโมทนา ด้วยคนครับท่าน
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การฝึกที่ผมแนะนำให้ไปในบทที่ หนึ่ง นั้น ผมขออนุญาตชี้แจงเพิ่มเติมครับว่าเป็นวิชาของพระพุทธเจ้าครับ นั่นคือณาน 1 2 3 4 หยาบและฌาน 1 2 3 4 ละเอียดครับ เพียงแต่ผมอธิบายในรูปอาการของกายและการหายใจครับ เพราะต้องการชี้ อารมย์ที่ต้องการเพื่อความเป็นทิพย์ ที่หลวงพ่อท่านเรียกว่า ฌานสี่ใช้งานครับ แต่ในหนังสือธรรมมะจะใช้การอธิบายจำแนกโดย องค์ของฌานครับ เป็นเรื่องเดียวกันครับ แต่ทำให้ง่ายขึ้นเพราะ ผมไม่คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อ เพราะพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยเจ้าและพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ท่านสอนคนโดยยึดหลักว่า


    -ถ้ายังไม่มีที่ยึดเหนี่ยวก็สอนให้ไดไตรสรณคมถ์

    -ถ้ายังไม่มีศีลก็ให้มีศีล แม้ข้อเดียวหรือขณะใดขณะหนึ่งก็ยังดี

    -ถ้ายังไม่ได้ฌานก็ให้ได้ฌาน

    -ถ้ายังไม่ได้สมาบัติก็ให้ได้สมาบัติ

    -ถ้ายังไม่ได้คุณธรรมวิเศษก็ให้ได้คุณธรรมวิเศษ

    -ถ้ายังไม่ได้มรรคผลนิพพานก็ให้ได้มรรคผลนิพพาน

    -เพื่อให้เข้าถึงมนุษยสมบัติในชาติปัจจุบัน

    -เมื่อตายจากโลกนี้ก็ให้ถึงซึ่งพระนิพพาน

    -ถ้าเข้าถึงพระนิพพานไม่ได้ก็ให้ถึงรูปพรหมโลกและฟังธรรมจากจุดนั้น

    -ถ้าเข้าถึงพรหมโลกไม่ได้ก็ให้ได้สวรรค์สมบัติ

    ท่านไม่สอนให้คนไปนรกครับ


    ส่วนบทเรียนเมื่อวานนี้ผมขอเสริมเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ คือให้ลองจับลมอาณาปาณสติ ในอิริยาบทคือ ยืน เดิน นั่ง นอนหรือถ้าจะพิศดารกว่านี้คือผมทดลองฝึกจับลมตอน ออกกำลังกาย ขี่จักรยาน ขึ้นเทรดมิล แล้วก็ตอนว่ายนำครับ ที่ให้ฝึกอย่างนี้มีเหตุผลครับคือคุณต้องฝึกให้ได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบทครับ ทั้งหลับตา ลืมตา ไม่ต้องตั้งท่าหลับตานั่งสมาธิ

    เพราะในยามคับขับคุณจะเข้าไม่ทัน อานิสงค์อีกอย่างคือสมาธิจะมั่นคงไม่คลายตัวหรือขณะออกกำลังกายจะมีพลังไม่เหนื่อยง่ายครับ ได้แล้วอย่าลืมอธิฐานกำกับนะครับ เหตุผลคือเป็นการปักหมุดจารึกไว้ในจิตติดตัวไปทุกชาติครับ พุทธภูมิบางท่านบำเพ็ญบารมีมาก็เยอะแต่วิชาที่ได้มาในอดีตชาติไม่กลับมารวมตัวในชาตินี้เพราะทำตกหล่นไว้ไม่ได้อธิฐานกำกับเพื่อนำกลับมาใช้ครับ ส่วนท่านที่ยังทำไม่ได้ทั้งหมดก็ไม่เป็นไรครับ จำหลักสำคัญที่ว่าให้จำลมหายใจละเอียดเบาสบาย ครับ


    ส่วนการใช้จิต ดึงลมปราณและธาตุทิพย์จากพระนิพพานนั้น สามารถอธิฐานจิตดึงมาใช้ได้พร้อมๆกันครับ โดยขอให้ชำระธาตุธรรม รักษาโรค และเพิ่มพลังลมปราณในกายเนื้อได้พร้อมๆกันครับลองไปฝึกดูครับ

    อีกอย่างหนึ่งคือผมขอใช้ระบบการเรียนรู้แบบปริญญาโทครับ คือจะไม่ป้อนให้ตรงๆถึงปาก ผมจะแนะนำให้คุณไปฝึกฝนด้วยตนเอง ในส่วนของการอธิบายธรรมมะในหัวข้อที่มีในพระไตรปิฎกและหลวงพ่อสอนไว้แล้วผมขอให้ไปค้นคว้าเองเพิ่มเติมเป็นการบ้าน และถ้าใครอาสาหาข้อมูลมาพิมพ์อธิบาย เพิ่มเติมให้เพื่อนคนอื่นได้อ่านได้รู้

    ผมถือว่าเป็นการเอื้อเฟื้อในธรรมและเป็นการพรีเซนต์หน้าชั้นครับ เช่นช่วยเพิ่มเติมข้อมูลเรื่องการปฏิบัติฌาน 1 2 3 4 รวมทั้งอาการ และอารมณ์ ของหลวงพ่อจากหนังสือ กรรมฐานสี่สิบกองด้วยครับ ส่วนในแต่ละบทผมขออนุญาตแนะนำตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจน คลุมถึงพุทธภูมิในครั้งเดียวเลยนะครับ
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    บทที่2. ล้างลมหยาบ จำอารมณ์ละเอียด


    ในบทที่แล้วผมแนะนำ การฝึกอาณาปาณะสติโดยการฝึกแบบปกติ ครับ อาการปัญหาที่เกิดอาจขึ้นของแต่ละคนมีดังนี้ครับ

    -จิตยังไม่นิ่ง

    -จับลมไม่ได้ตลอดทุกฐาน หรือทุกสายลม

    -มีความคิดแว่บไปแวบมาคอยรบกวน

    -ไม่เห็นจะมีลมหายใจละเอียด หรือสั้นเท่าเมล็ดถั่วอย่างที่บอกเลย


    -- --ส่วนคนที่ทำได้จะมีอาการดังนี้ครับ

    -ลมหนึ่งฐาน ลมหายใจจะนิ่งเบาสบายลมหายใจทิ้งช่วงนานขึ้น อารมณ์ใจเบาสบาย

    -ลมสามฐาน จิตรัดตัวขึ้น สติตามลมได้กระชับขึ้นแต่มีอาการสดุดของจิตในจุดกระทบของลมแต่ละจุด แต่จิตจะตัดความสนใจภายนอกได้มากกว่าลมหนึ่งฐาน

    -ลมตลอดสาย จิตจะเพลิดเพลินกับลมหายใจมากกว่า ลมหายใจละเอียดและเนียนกว่าsmooth ใจสบายกว่า

    -ผู้ได้มโนฯ ฝึกจับลมหายใจดึงธาตุทิพย์จากนิพพาน ถ้ามีอารมณ์แนบกับพระนิพพาน มีวิปัสนาญานเข้มแข็ง มีความฉลาดในธรรม แค่หายใจเข้าครั้งเดียวอาทิสมานกายก็แยกขึ้นไปอยู่บนพระนิพพานแล้ว ส่วนร่างกายก็ปล่อยมันไปตามเรื่อง ด้วยเหตุที่เป็นกรรมฐาน อาณาปาณสติควบอุปมานุสติกรรมฐาน

    สำหรับท่านผู้ปราถนามรรคผลนิพพานสามารถประยุกต์ใช้ได้ เพราะผลการฝึกนี้คือ การตั้งจิตอธิฐานว่า "ข้าพเจ้าจะขอไม่คลาดจากพระนิพพานในทุกลมหายใจเข้าออกครับ" ตรงนี้พระท่านเพิ่งบอกผมตอนพิมพ์เองครับ คล้ายกับที่ท่านเคยถามพระอานนท์ว่าระลึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง พระอานนท์ท่านว่า 7ครั้ง แล้วพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าน้อยไป ต้องนึกถึงความตายทุกลมหายใจ แต่เปลี่ยนเป็น กำหนดจิตให้ทุกลมหายใจเข้าออกของเราเชื่อมต่อกับพระนิพพานครับ ส่วนพุทธภูมิขอให้ตั้งกำลังใจอธิฐานว่า

    "ขอให้ทุกชาติที่ข้าพเจ้าสร้างบารมีขอให้ข้าพเจ้าเข้าถึงและเข้าใจสภาวะนิพพานได้อย่างถูกต้องตราบบรรลุถึงซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณมีพระนิพพานเป็นที่สุด" ครับ


    -----เอาล่ะครับต่อไปเราจะลองฝึกด้วยวิธีลัด ด้วยเทคนิค ล้างลมหยาบ จำอารมณ์ละเอียดครับ ในขั้นนี้จะมีขั้นตอนการอัดลมและการบังคับลมครับ ซึ่งขออนุญาตชี้แจงท่านที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อก่อนว่าช่วงที่อัดลมและบังคับลมนี้ใช้ชั่วคราวแล้วทิ้งครับไม่ต้องทำอีก แต่จุดที่ต้องการคือฌาน 4 ละเอียด และฌาน 4 ใช้งาน เพื่อความเป็นทิพย์ของจิตครับ

    อุปมาเหมือนเราจะหุงข้าวสวย เราต้องใช้ถ่านเพื่อหุงข้าวให้เป็นข้าวสวยแต่เราจะไม่นำถ่านหรือขี้เถ้านั้นไปใส่จานข้าวแล้วกินด้วยใช่ไหมครับ หลวงพ่อของเราท่านเลศ และมีเมตตากับเราที่สุดครับ และแม้ในอดีตผมก็ได้สร้างบารมีและใช้พระนามของท่านเป็นอนุสรณ์ เป็ฯการบูชาพระคุณท่านครับ


    -----เอาล่ะครับมาลองฝึกกัน การฝึกนี้แบ่งเป็น สองช่วงครับ คือการกักลมเก็บลม ซึ่งเป็นช่วงที่เราต้องบังคับลมหายใจ ครับ มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับ คือมันจะเป็นการอัดเอา ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์จนเต่งแล้วจึงหยุดให้ เป็นเวลานาน ร่างกายจะปรับสภาพเมตาโบลิซึ่มม์และปรับปริมาณการสันดาป

    ออกซิเจน ให้อยู่ในระดับตำ ทำให้มีการตัดการทำงานของกายเหลือแต่จิตล้วนๆครับ ในช่วงนี้ถ้าลมหายใจหายไปนานๆเป็นนาทีๆก็อย่าตกใจนะครับ ไม่ตายหรอกครับ ที่ต้องบอกเพราะมันเป็นสภาวะที่หลายคนไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต ถึงบางคนจะนั่งสมาธิมา 20 -30 ปีก็ตาม อันนี้เป็นหลักสูตรเร่งรัดครับคล้ายกับ สมัยก่อน กว่าจะได้มโนฯกันยากเย็น เดี๊ยวนี้ เด็กๆฝึกครั้งเดียวก็ได้เลย เป็นเรื่องที่พระท่านเตรียมการครับ ผมเป็นผู้นำสาร


    ------เอาล่ะครับฝึกกันเลย ทุกครั้งที่ฝึกตั้งกำลังใจว่า"ขณะที่ข้าพเจ้าตั้งใจปฏิบัติสมาธินี้ ศีลของข้าพเจ้าบริสุทธ์ ข้าพเจ้ามีความเคารพในพระรัตนไตร และคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเจริญในธรรมด้วยเทอญ" พยายามอธิฐานเองทุกครั้งนะครับ

    คราวนี้นั่งสบายๆหายใจเข้าช้าๆลึกๆจนรู้สึกว่าลมหายใจลงไปถึงท้องจนเต็มและกักลมหายใจไว้สบายๆ ไม่ใช่กลั้นกันหน้าเขียวหน้าเหลืองนะครับ อุปมาใส่นำจนเต็มแล้วปิดฝา กักไว้ สบายๆ ในใจภาวนา พุทธโธ ธรรมโม สังโฆ วนไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วก็ปล่อยลมหายใจออก

    แล้วสูดลมเข้าไปใหม่ช้าๆ ภาวนา ใหม่จนรู้สึกไม่ไหว จะสังเกตุได้ว่า เราจะกักและเก็บลมได้นานขึ้น ผลที่ได้จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของปอด รวมทั้งเป็นการเพิ่มพลังลมปราณครับ ทำการกักลมไปเรื่อยๆประมาณ 10- 20 ครั้งขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ ตัวเรารู้สึกพอเมื่อไหร่ก็พอแค่นั้น จากนั้นเปลี่ยนครับจากที่เราเป็นผู้บังคับลม หายใจ เปลี่ยนมาเป็น

    ว่าเราเป็นผู้ติดตามลมหายใจ ทิ้งคำภาวนาได้ในช่วงนี้ เราในที่นี้คือจิตครับ ร่างกายมันอยากจะหายใจอย่างไรปล่อยมัน งานของจิตอย่างเดียวติดตามดูลมตลอดทั้งสาย ลงไปถึงไหนเราเห็นอาการหมด สั้นก็รู้ว่าสั้น ยาวก็รู้ว่ายาว ลมหายใจจะค่อยๆละเอียดขึ้น ละเอียดขึ้น และค่อยๆช้าลงจนแทบหายไปเหลือการหายใจเข้าออกเพียงแค่เมล็ดถั่ว หรืออย่างหยาบเท่าปลายนิ้วก้อย

    สภาพร่างกายเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ จิตใจแช่มชื่นและมีสติเต็มรอบ มีสภาวะเหมือนดวงจิตลอยอยู่อย่างเดียวในที่เว้งว้างว่างเปล่า บางคนลมหายใจหายไป ก็ไม่ต้องสนใจปล่อยมัน สนใจอยู่กับจิตที่หยุดนิ่งนี้ไม่ต้องภาวนาอีก ให้จำอารมณ์ใจ ความรู้สึก และเสวยสุขในฌานให้เต็มที่ จนพอใจ ซักระยะ แต่อย่าให้นานเกินไป จากนั้นถอนจิตจากสมาธิช้าๆ

    โดยการหายใจเข้าช้าๆลึกๆ สามครั้งครั้งที่ 1 ภาวนา พุทธโธ 2 ธัมโม 3 สังโฆ จากนั้น ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆครับจิตจะค่อยๆถอนจากฌานโดยลอยตัวขึ้นมาข้างบน จะมีความรู้สึกเหมือนเรากลับมาสู่โลก จะรู้สึกงง แปลกๆ ครับ การถอนจิตจากฌานต้องจำไว้นะครับห้ามออกจากสมาธิพรวดพลาดเด็ดขาด

    จะทำให้กายทิพย์สะเทือนและทำให้กลับมาเข้าใหม่ยาก ยังไม่จบครับ ถอนจิตแล้วอธิฐานกำกับครับ จากนั้นให้ใช้จิตเข้าสู่สภาวะ เดิมที่มีอาการนิ่ง ลมหายใจแค่นิดเดียวหรือไม่หายใจ ใหม่ทันทีครับ ในสภาพลืมตาครับ และขอให้ทุกท่านจำอารมณ์ใจขณะนี้ไว้ ซึ่งต่อไปผมจะเรียกว่า"ลมสบาย"ครับ มาจากลมหายใจที่มีอารมณ์จิตสบายแล้วให้อธิฐานในฌานว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งฌานนี้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอิริยาบท ที่ต้องการเป็นวสี ติดตัวข้าฯทุกชาติจนถึงซึ่งพระ

    นิพพาน"ครับ ในขณะที่พิมพ์ผมก็เข้าอยู่ครับ เราเรียนไปด้วยกัน ผมคิดว่าน่าจะทำได้แทบทุกคนนะครับ นอกจากคนที่ช่างสงสัยและวิตกกังวลเกินไป ไม่เป็นไรลองฝึกใหม่ได้ครับ ส่วนผู้ที่ทำได้ผมขอโมทนาบุญด้วยครับ ต่อไป บอกให้เข้าปุ๊บต้องทำได้ปั๊บนะครับ ไม่ต้องตั้งท่า หลับตา ลืมตา ทุกอิริยาบท เข้าได้หมด ไปลองซ้อมดูในอิริยาบทต่างๆครับ เพราะ ต้องใช้เป็นพื้นในวิปัสนาญาณ สมาบัติแปดและมโนฯครับ ใครทำได้ลองโพสมาเล่าให้เพื่อนๆฟังด้วยครับ
     
  12. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
    แจกไฟล์ - รวมภาพพระพุทธรูป ที่สำคัญของประเทศไทย - รวมรูปภาพพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก และพระอริยสงฆ์ - รวมรูปภาพ พระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่เคารพ ศรัทธา
    http://thaihotbiz.com/dmc/budha-picture-book.zip
    สาธุ ครับ
    พระนิพพาน จากคำครูอาจารย์
    http://www.geocities.com/pranipan/

    VDO ของสัตว์ต่างๆ ที่จะต้องถูกนำมาเป็นอาหารให้เราได้กิน เรื่องจริงที่หลายคนไม่เคยเห็น ว่าน่าสงสารแค่ไหน อานิสงส์ ๑๐ ประการ ของการไม่กินเนื้อสัตว์ ( อันนี้ผมผิมตามหน้าปก CD นะครับ )
    1. เป็นที่รักของบรรดาเทพพรม ตลอด จนมนุษและสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์ เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราสจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
    7. ยามหลับนิมิครเห็นแต่สิ่งที่ดีงาม เป็นศิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ้งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่คติภพ

    http://thaihotbiz.com/dmc/ก่อนที่จะมาเป็นอาหารให้เราได้กิน2.zip

    ดาวธรรม ถ่ายทอดสด รายการธรรมะ 24 ชม. ทั่วโลกและเสนอ Case Stady กฏแห่งกรรม

    http://www.dmc.tv/multimedia.php?mediaURL=http://203.146.251.191/vcont100k_2


    วัดถ้ำเขาวง อ. บ้านไร่ จ. อุทัยธานี
    ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง สวยงามมาก และ ได้ทำบุญด้วย คือ ที่วัดถ้าเขาวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พวกเราศิษย์เก่า มช. ไปเมื่อ 23-24/10/47 ที่ผ่านมา สวยงามมาก และยังเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมด้วยน่ะ ขับรถสะดวกมาก อาหารการกิน ก็เยอะ รับรองใครที่ชอบโพสต์ ถ่ายรูป เก็บภาพประทับใจ ตากล้องต้องบ่นว่าเมื่อยแล้วล่ะ เพราะว่าทุกมุมสวยไปหมด เผอิญพวกเรากลับมาเมื่อวันอาทิตย์ รูปยังไม่เรียบร้อย ค่อยขึ้นเน็ตให้ดูน่ะ ว่าสวยงามขนาดไหน (วิวหรือ สถานที่น่ะ) ไม่เสียค่าเข้าชม มีการถวายสังฆทานด้วยน่ะ มีให้อาหารปลา มีสระน้ำ และขากลับเดอนทางผ่านทางสุพรรณบุรี ยังแวะเที่ยวบึงฉวาก และอ่างเก้บน้ำกระเสียว วัดป่าเลไลย์ และ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ให้อีกด้วย ได้ทั้งความรู้ ทำบุญสนุกสนาน ถ่ายรูปเต็มที่ และ คุ้มค่ากับการท่องเที่ยวอีกด้วยน่ะ ดูรูปภาพที่นี่ครับ

    http://thaihotbiz.com/dmc/tumkawwong.zip

    สำคัญคือ ที่นี่มีถ้ำ สงบเงียบ เตรียมไว้ให้นั่งสมาธิ วิปัชชนา โดยสามารถไปนอนค้างคืนได้ เช่นไปเย็นวันศุกธ์กลับเย็นวันอาทิตย์เป็นต้น เพราะเราจะได้เข้าสู่ธรรมชาติ ไกลความวุ่นวายในเมือง สงบสุขกับธรรมชาติที่แท้จริง

    แถมท้าย แจกไฟล์
    - รวมภาพพระพุทธรูป ที่สำคัญของประเทศไทย
    - รวมรูปภาพพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก และพระอริยสงฆ์
    - รวมรูปภาพ พระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่เคารพ ศรัทธา

    http://thaihotbiz.com/dmc/budha-picture-book.zip


    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุสุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้าขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุสุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวงขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุสัพเพ เปตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวงขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุสัพเพเวรี
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตาโหนตุ สัพเพ สัตตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอนแรกจะพอแค่นี้แต่พระท่านสั่งให้เร่งแนะนำเรื่องวิปัสนาญาณต่อไปเลยครับ


    ที่ท่านได้ฝึกและฝึกไปได้แล้วนั้น เป็นสมาธิในแบบของสมถะใช้กำลังของฌาน ส่วนในวิปัสนาจะใช้กำลังของปัญญามองเห็นในอริยสัจสี่ อุปมาดังเรามีเชือกเส้นใหญ่ต้องตัด คือกิเลส มีมีดที่เป็นวิปัสนา มีแรงกำลังเป็นสมถะ ถ้าเรามีมีดคมแต่ไม่มีแรงก็ตัดไม่สำเร็จ ถ้ามีแรงแต่มีดมันทื่อก็ตัดไม่สำเร็จ ถ้าเรามีกำลังเข้มแข็งและมีดที่คมกริบ เชือกก็จะถูกตัดขาดอย่างง่ายดาย ฉันนั้น

    ผมเชื่อว่าหลายท่านมีพื้นฐานและรู้จักวิปัสนาเป็นอย่างดีแล้วครับ ตั้งแต่ การพิจารณาร่างกายขันธ์ห้าว่าเป็นทุกข์ เป็นรังของโรคในทุกอวัยวะของร่างกาย มีความเสื่อมความแก่ไปในที่สุด และสุดท้ายก็ย่อมถึงซึ่งความตายได้ไม่ว่าในวัยใด ผมที่นั่งพิมพ์อยู่ตรงนี้ก็จู่ๆอาจหัวใจวายไปตอนนี้ก็ได้ หรือคืนนี้หลับอยู่ก็อาจไหลตายไปก็ได้ ถ้าตายไปแล้วไปยังที่สุขคต ก็ยังดี

    แต่ถ้าตายแล้วไปเป็นสัตว์นรก เปรต สัตว์เดรัจฉาน มันจะยิ่งทุกข์หนักขึ้น แต่เทวดาหรือพรหม เมื่อหมดบุญก็ต้องกลับลงมาเกิดอีก เกิดอีกก็ทุกข์อีกไม่มีที่สิ้นสุด ขอให้ท่านพิจารณาให้เห็นทุกข์ภัยในสังสารวัฏ ว่ามีแต่ความน่าเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด แล้วกลับมาย้อนพิจารณาถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่ท่านเสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตเป็นเวลานับอสงไขยกัปป์เพื่อสอนให้เราได้มีปัญญาเห็นทางหลุดพ้นจากสังสารนี้ ขอให้ทุกท่านรวมทั้งพุทธภูมิทั้งหลายตั้งใจว่า เราปรารถนาให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุด แม้เป็นพุทธภูมิก็ต้องรักษาจิตไม่ให้คลาดจากอารมณ์พระนิพพานทุกชาติไป ตราบจนบรรลุถึงซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณมีนิพพานเป็นที่สุด


    ตอนนี้ให้ทุกท่าน เข้าสมาธิที่เป็นขั้นสูงสุดที่ทำได้ จับอารมณ์สบายที่ได้ฝึกมาแล้วจนกระทั่งรู้สึกว่าจิตใจของเราเบาสบาย สงบ ชุ่มเย็น สักครู่ จากนั้นย้อนกลับมาคิดพิจารณาในหัวข้อวิปัสนาญาณข้างต้น จนจิตใจรู้สึกนอบน้อมยอมรับเหตุผลตามความเป็นจริง และคลายตัวจากการยึดถือในร่างกายว่า ตัวเราเป็นของเรา แท้ที่จริงเราคือ อาทิสมานกายที่เข้ามาอาศัยร่างกายนี้อยู่ชั่วคราวเท่านั้น ค่อยๆพิจารณาจนจิตคลายตัวและเบื่อหน่ายการเกิดและการเวียนว่ายตายเกิด จนมีอารมณ์พอใจในพระนิพพาน จากนั้นถอยจิตเข้าสู่ฌานคืออารมณ์สบายที่ ลมหายใจหายไป แล้วอธิฐานว่าเราต้องการพระนิพพานเป็นที่สุด ขอพระพุทธองค์ทรงโปรดเป็นหลักชัยให้เราได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    จากนั้นให้ทำอารมณ์ใจสบาย แล้วให้นึกถึงพระพุทธรูปที่เรารักเราพอใจขึ้นมาในใจของเรา หนึ่งองค์ อาจเป็นพระพุทธชินราช พระแก้ว หรือพระพุทธรูปที่บ้านเราก็ได้ ใช้จิตของเรามองพระพุทธรูปในใจของเราอย่างละเอียด ตั้งแต่พระเศียร พระอุระ เรื่อยมาจนถึงฐานของท่าน จากนั้น ลองนึกให้พระพุทธรูปท่านค่อยๆใสขึ้น ขาวขึ้น ช้าๆทีละน้อย และมีแสงสว่างเปร่งออกมาจากองค์พระท่าน จนมีประกายระยิบระยับวับวาวราวกับเพชร ที่สวยงาม ยิ่งองค์พระท่านสวยแพรวพราวมากเท่าไร

    จิตใจของเราก็ยิ่งรู้สึกแช่มชื่นเบิกบานยิ่งขึ้น จิตเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบใจ จากนั้นลองนึกให้องค์พระท่านขยายใหญ่ขึ้น ย่อเล็กลง ขนาดเท่าเดิม นึกย้ายท่านไปทางซ้าย ทางขวา วนรอบตัวเราก็ได้ ลองนึกให้ท่านมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น สององค์ สามองค์ก็ได้ นึกให้ท่านเพิ่มเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทำได้

    คราวนี้ นึกขอให้ท่านกลับมารวมกันเป็นองค์เดียวและเปร่งรัศมีสว่างไสวแพรวพราวในจิตของเรา แล้วอธิฐานว่าขอให้พุทธบารมีของพระพุทธองค์ท่านมาสถิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธรูปหรือพุทธนิมิตรในจิตของเราด้วยเทอญ จากนั้น นึกภาพให้เห็นตัวเราเข้าไปกราบพระพุทธเจ้าท่านที่ตักและขอขมาพระรัตนไตรว่า กรรมใดที่ข้าพเจ้าที่ประมาทพลั้งพลาดต่อพระรัตนไตรและสิ่งศักด์สิทธ์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะมีเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ไม่ว่าจะเป็นจะในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี จะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาลาโทษต่อพระรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย ขอให้ท่านได้โปรดงดโทษที่จะพึงเกิดแก่ข้าพเจ้า ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

    จากนั้นฝึกทรงอารมณ์ไว้ โดยจับภาพพระไว้ในใจตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จะทำอะไรก็ให้ภาพพระติดตาตรึงใจตลอดเวลาครับ
     
  14. soonyata

    soonyata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +3,675
    ขออนุญาตถามคุณ kananun แบบคนโง่สักหน่อยว่า ตอนที่จิตจับภาพพระพุทธรูปนั้น ยังคงต้องภาวนาใด ๆ อีกหรือไม่คะ
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เยี่ยมครับ..เป็นวิชชาที่ระลึกถึงพระนิพพานทุกลมหายใจเข้าออก..พอทราบไหมครับเวลาละสังขารต้องกำหนดจิตให้พุ่งออกไปตรงไหนจากสังขารเรา..จึงถึงนิพพานแท้จริง..
    (ผมมีคำตอบอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าตรงกันหรือไม่ถ้าเป็นได้ ad มาบอกดีกว่าครับ เพราะอาจเป็นสิ่งที่บอกตรงนี้ไม่ได้..เนื่องจากถ้าสัพเวสีที่ไม่หวังดีรู้เข้า..มันคงจะไม่ดีแน่ครับ..)

    การนำเทคนิคสมาธิกับเรื่องลมหายใจมาใช้ในชีวิตประจำวัน ก็เป็นสิ่งสำคัญครับ..การขจัดผลกรรมต่างๆ ไม่ก่อกรรมใหม่เหล่านี้เป็นต้น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2006
  16. sindea

    sindea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +754
    เรียนถามคุณ kananun ค่ะ
    เมื่อวานนั่งเขียนคาถาลงบนผ้า แต่ติดอยู่ที่ว่า คาถาบทเดียวกันแต่เขียนต่างกันบางตัว ไม่รู้ว่าจะเขียนบทไหน ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ
    1.ปะโต เมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    2.ปะโตเมตัง ปะละสิมินัง สุขะโตจุติ จิตตะ เมตะนิมะนัง สุขะโตจุติ
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    คุณSoonyata ครับพอจิตจับภาพพระจนใจสบายแล้วปล่อยคำภาวนาครับ ไม่ต้องว่าแล้วครับ
    -คุณSindia ข้อ 2.ครับ ไม่ต้องพะวงเรื่องตัวคาถามากครับสำคัญที่การอธิฐานใช้คาถา และความสงบของจิตขณะว่าคาถามากกว่าครับ
     
  18. sindea

    sindea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +754
    ถ้ามีเฉพาะผ้าคาถาไม่พอเหรอคะ ต้องอธิฐานใช้คาถา ด้วยเหรอคะ และการอธิฐานต้องว่าอย่างไรคะ แล้วฝรั่งที่เค้าไม่รู้การอธิฐานจะทำอย่างไรคะ
    1.อยากปกป้องฝรั่งที่ศรัทธาที่จะอยู่รอด แต่เค้าไม่รู้ อ่านไม่ออกภาษาไทย บาลี ซึ่งดิฉันอยากช่วยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    2.ผ้าคาถาคงจะช่วยได้บ้าง ผูกแขนไว้เมื่อเราไม่ได้อยู่กับเค้า
    3.พยายามให้เค้าทำจิตใจให้สบาย
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอเพิ่มเติมการจับพระนิพพานทุกลมหายใจเข้าออกครับ คือ หลวงพ่อท่านมีคาถากำกับการภาวนาไม่ให้คลาดจากพระนิพพาน คือ "นิพพานสุขัง"ครับ เป็นการผูกจิตไว้กับพระนิพพานอีกเปลาะหนึ่งครับ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    คุณsindiaครับ อีกบทสองบทผมแนะนำวิธีการนำวิชชาและพลังจิตฝึกมาไปใช้ครับ ใจเย็นอีกนิดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...