วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. REdSHirt

    REdSHirt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +382
    โมทนาครับ และมีคำถามครับ
    1.กรณีที่รู้สึกว่าสบายๆเริ่มมีสมาธิบ้าง แต่ไม่สามารถจับภาพพระให้เห็นเป็นรูป เหมือนตาเห็นน่ะครับ กรณีนี้ยังไม่ต้องอธิฐานใช่ไหมครับ
    2.เมื่อน้อมใจโดยนึกเอา เปนภาพพระในใจ(จินตนาการ) ให้ใสเปนแก้วประกาย ตรงนี้ใช้ได้ไหมครับ กรณีที่เราจะนึกใจ เข้าไปกราบพระในจินตนาการ แล้วอธิฐานตามหัวข้อต่างๆ
    3.เมื่อไม่มีรูป หรือนิมิตเกิดขึ้น ผมภาวนา พุทโธ แล้วทำ ลม 1ฐาน ลม3ฐาน ลมตลอดสาย ตามลำดับ ที่สอน มีโอกาสถึงญาณ4ใช้งานได้ไหมครับ รู้ได้อย่างไร (เพื่อรู้ตัวจะได้ทำขั้นอธิฐานต่อไป)

    ตอบเปนข้อเดียวเรยก้อได้น่ะครับ คำถามประเด็นเดียว
    ตอบหรือไม่ก้อไม่เปนไรน่ะครับ(อาจไม่ค่อยเป็นประโยชน์ส่วนรวม) แล้วแต่เห็นสมควร
    ป.ล. กะลังฝึกอยู่ แต่มืดดตลอด - -*
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอบคุณSindea ครับคุณอยู่ตปท. การหาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ได้ลำบากครับ แต่สามารถประยุกต์ใช้ได้โดย ใช้มือที่ถนัดข้างเดียวอธิฐานยกครับ ส่วนมืออีกข้างประคองอยู่ที่ข้อศอก ด้วยอาการเคารพครับ แล้วจึงอธิฐานในรายละเอียดเดิมครับ การช่วยเพื่อน คุณต้องสร้างศรัทธาให้เขาก่อนครับ แล้วเขาจะหันมาศึกษาธรรมมะเองครับ ข้อดีของฝรั่งคือว่าถ้าเขาสนใจเค้าจะทุ่มเทมากครับ ลองทำดูนะครับ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    คุณRedshirt ข้อหนึ่ง ทำอารมณ์ใจให้เบาสบายได้ แล้วค่อยๆจับภาพพระพุทธรูป จากช้าๆก่อนครับ ใจเย็นๆไม่ต้องรีบ ค่อยๆเก็บรายละเอียดครับ ส่วนแรกๆจะไม่เห็นชัดเหมือนตาเนื้อไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องกังวลใจ รักษาอารมณ์ใจให้สบายครับ แล้วอธิฐานได้เลยครับ
    --ผมขอยกตัวอย่างนะครับ มีบางคนตั้งใจไว้ว่าจะทำบุญอะไร บางอย่าง แต่ยังไม่ได้ลงมือได้ทำจริงๆ แต่ปรากฏว่าทิพยสมบัติของท่านผู้นั้นได้ปรากฏบนสวรรค์แล้วครับ ด้วยอานิสงค์แห่งจิตเจตนาอันเป็นกุศลครับ
    ---การอธิฐานในสิ่งที่ถูกต้องดีงามก็เช่นกัน อย่าลืมว่าการอธิฐานคือ บารมีใน บารมีสิบ ครับ ดังนั้นการอธิฐานในสิ่งที่ดี หนึ่งครั้ง ครับจริงไม๊ครับ ขึ้นชื่อว่าความดีไม่ต้องรีรอครับ
    -ข้อ 2. ถูกต้องแล้วครับ ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งสิ้นครับ
    -ข้อ 3.ในระยะแรกเราต้องสร้างภาพ คือคิดถึงก่อนครับ ภาษาโบราณเรียกว่าการกำหนดนิมิตรครับและเมื่อ มีความเป็นทิพย์ของจิตเกิดขึ้น ถึงจะมีนิมิตรที่ผุดให้เห็นโดยไม่ต้องกำหนดครับ ตอนนี้ทำตามที่ผมแนะนำก่อนอย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้าครับ
    --ส่วนลมหายใจที่เป็นฌาน สี่ใช้งาน คือ เป็นอารมณ์ใจที่สงบสบาย ลมหายใจแทบจะหายไป และกว่าจะหายใจสักครั้งก็ทิ้งช่วงนานมาก ใจสบายจนคำภาวนาหายไปนานแล้วครับ ไม่ต้องกลับมาภาวนาอีกครับ
    ---ส่วนที่ว่ามืดตลอด หรือนึกภาพพระพุทธรูปไม่ได้ ให้ทำดังนี้ครับ
    1. ระลึกถึง พระพุทธรูปที่เราเคย สร้าง ถวายหรือร่วมทำบุญด้วยเป็นนิมิตร
    2. ระลึกถึง แสงเทียน เทียนพรรษา และการทำบุญค่าไฟฟ้าให้วัด
    3. ถ้ายังนึกไม่ได้ให้ลองปิดทองพระด้วยตัวเอง ซักองค์หนึ่งครับ
    คำถามคุณเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนคนอื่นๆครับ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต่อไปจะแนะนำ การใช้กำลังพุทธคุณมาใช้ร่วมกับพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง เพื่อใช้คุ้มครองรักษาตัวท่านและครอบครัวครับ
    ขอให้ข้อมูลตามที่พระท่านบอกครับ ให้ท่านไปใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองเองครับ

    ปัจจัยที่ทำให้พระเครื่องศักดิ์สิทธ์

    --- ประกอบไปด้วยจิตเจตนาของผู้สร้าง ถ้าจิตเจตนาของท่านผู้สร้างเป็นไปเพื่อช่วยเหลือหรือสงเคราะห์ผู้คน แจกให้โดยไม่หวังผล พระท่านก็จะบังเกิดความศักดิ์สิทธ์

    --- ความบริสุทธ์และคุณธรรมของผู้สร้าง

    --- ความศักดิ์สิทธ์จากธาตุและเนื้อมวลสารขององค์พระเครื่องหรือวัตถุมงคลนั้นเอง ขอยกตัวอย่างเช่น พระสมเด็จจิตรลดาที่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงสร้างเพื่อพระราชทานให้ข้าราชบริพาญ โดยรวบรวมจากเส้นพระเกสาของพระองค์ท่าน นำมนต์จากทั่วประเทศ และวัตถุขลังอย่างอื่นเช่น เหล็กนำพี้ ตะไคร้จากองค์พระธาตุทั่วประเทศเป็นต้น พระของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมี พระคำข้าว พระหางหมาก ที่มีมวลสารจาก ธาตุอันบริสุทธ์ของพระอรหันต์

    ---จากพิธีพุทธาภิเษก การอธิฐานจิต และการอาราธนาคุณพระ ถ้าพิธีกรมที่ทำนั้น ทำเพียงรูปแบบของพิธีกรรมโดยไม่มีพลังสมาธิของเจ้าพิธี ก็จะศักดิ์สิทธ์น้อยกว่าการที่เจ้าพิธีและพระที่ร่วมในพิธีอธิฐานจิตประจุพลังลงไปในองค์พระ แต่ก็ไม่เท่าที่เจ้าพิธีท่านอาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้าให้มาสถิตอยู่ในเครื่องรางนั้นๆ

    --- คำอธิฐานจิตที่กำหนดไว้ในเครื่องรางนั้นๆ อุปมาเหมือนการลงโปรแกรมคำสั่ง เพื่อวัตถุประสงค์ที่ปรารถนา เช่นพระองค์นี้ท่านดีทางด้านเมตตามหานิยม องค์นี้ด้านอยู่ยงคงกระพัน เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเลือกตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ ที่น่าสังเกตุคือพระหลวงพ่อฤาษีลิงดำและเครื่องรางอื่นหลายอย่าง ท่านบอกไว้ล่วงหน้าหลายสิบปีเลยว่า พระของท่านใช้ป้องกันรังสีนิวเคลียร์ได้ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก หนังสือ สมบัติพ่อให้ครับ

    ---ส่วนปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้พระท่านแสดงความศักดิ์สิทธ์ คือ ตัวของผู้ใช้ครับ เพราะพระท่านคุ้มครองช่วยเหลือได้ถ้าไม่เกินผลของกรรมครับ เป็นเหตุผลที่โบราณจารย์ท่านจะขอสัจจะเวลาให้เครื่องรางของขลังแก่ผู้ใด เช่น ห้ามผิดลูกเมียเขา ห้ามด่าแม่คนอื่นไม่งั้นวิชาจะเสื่อม ต้องมีสัจจะเป็นคนจริง เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นศีลครับ เป็นอุบายที่ท่านจะให้ชาวบ้านได้มีศีลแม้ข้อเดียวก็ยังดี แต่ให้ตั้งมั่นได้ตลอดชีวิต จะได้เป็นบุญคุ้มครองผู้สวมใส่เครื่องรางครับ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความศรัทธาในพระรัตนไตยและสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่เราสวมใส่ครับ ดังนั้นเราคงเห็นข่าวครับว่า เสี่ยบางคนทุ่มเงินเป็นสิบล้านเช่าพระสมเด็จมาแขวนสุดท้ายถูกถล่มด้วย M16 คารถ และอีกตัวอย่างหนึ่งคือ ผมเห็นในข่าวว่ามีบ้านนึงเกิดไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง มีสิ่งเดียวที่ไม่ไหม้คือ รูปในหลวงที่ตัดจากหนังสือพิมพ์มา ใส่กรอบครับที่ไม่ไหม้
    ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำให้พระท่านแสดงความศักดิ์สิทธ์คุ้มครองเราได้นั้นเราสามารถทำได้ดังนี้

    --ตั้งใจรักษาศีลให้ได้มากที่สุด ตามกำลังใจของตน

    จากไม่คิดรักษาศีล ให้คิดรักษาศีล
    รักษาไม่ได้สักข้อ ก็มารักษาให้ได้สัก 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ ก็ยังดี
    รักษาตอนกลางวันทำงานไม่ได้ ก็รักษา ตอนกลางคืนก่อนนอน หรือชั่วระยะเวลาเช่นขณะสวดมนต์ทำสมาธิ หรือรักษาตามวัน เช่นเราเกิดวันจันทร์ก็รักษาศีลวันจันทร์ ขึ้นชื่อว่าความดีแม้ เพียงเล็กน้อยก็มีผล
    รักษาศีลเพิ่มขึ้นจน ครบศีลห้า
    รักษาศีลให้เป็นปกติ เหมือนเราต้องอาบนำ แปลงฟันทุกวัน
    รักษาศีลของเราให้บริสุทธ์แล้ว ไม่ส่งเสริมให้ผู้อื่นผิดศีล และไม่ยินดีที่ผู้อื่นทำผิดศีลด้วยครับ

    --มีความเคารพศรัทธาในพระรัตนไตย เชื่อมั่นในพุทธานุภาพของท่านว่าคุ้มครองเราได้จริงครับ

    เพราะถึงท่านจะใส่พระที่คนอื่นบอกว่าเก๊ แต่ถ้าท่านมีความดี มีความศรัทธาและมีจิตสื่อถึงพระท่านได้ พระทุกองค์ท่านศักดิ์สิทธ์เสมอครับ
    ต่อไปจะเป็นวิชาอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านให้ลงมา สถิตในพระและเครื่องรางที่เราแขวนหรือบูชา ควรทำในวันพระ หรือ วันพฤหัส หรือวันเสาร์ขึ้น ห้าค่ำ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นหรือคับขันอนุโลมใช้วันอื่นได้
    เตรียมดอกไม้ ธูปเทียน จุดบูชาพระ
    ว่านะโม สามจบ ต่อด้วยอิติปิโส จนจบ
    จากนั้นจับลม ภาวนาพุทธโธ จนใจสบาย
    นำพระที่ท่านจะใส่ หรือ ให้ผู้ใด มาประนมจบไว้ที่หน้าผาก
    จะเป็นองค์เดียว หรือใส้ในพานหลายองค์ก็ได้ มาจบไว้ด้วยอาการเคารพทั้งกาย ทั้งใจ
    ตั้งจิตระลึกถึงความดีที่เราทำมา นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจะทำต่อไปในอนาคต และตั้งใจต่อไปว่า
    -ขณะนี้ข้าพเจ้ามีศีลห้าบริสุทธ์ มีจิตที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ และข้าพเจ้าถึงพร้อมซึ่งความเคารพในพระรัตนไตย ข้าพเจ้ามีจิตใจที่บริสุทธ์

    -จากนั้นจับลมหายใจที่ละเอียดเบาสบาย ตามกำลังสมาธิสูงสุดที่ทำได้ แล้วจับภาพพระพุทธรูป ที่เคยได้ฝึกมาแล้วให้ใสเป็นแก้วประกายเพชรระยิบระยับ งามจับใจ

    -แล้วอธิฐานว่า" ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้า ทุกๆพระองคื พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ พระธรรม และอริยสงฆ์ทั้งหลาย คุณครูอุปัชฌาอาจารย์ทั้งหลายนับแต่โบราณากาลเป็นต้นมา ขอได้โปรดเมตตาประทานพุทธบารมีอันหาที่สุดมิได้ ลงมาสถิตอยู่ในองค์พระเครื่องของข้าพเจ้านี้ ให้มีพุทธคุณสูงสุดยิ่งขึ้นไป หนุนพลังที่คุณครูบาอาจาย์ที่ท่านได้อธิฐานไว้แล้วให้ล้ำเลิศ ประเสริฐสุด ให้ ปกปักรักษากายของข้าพเจ้าให้ปลอดภัย จากศาสตราวุธ เขี้ยว งา ธาตุ รังสี และเชื้อโรคเชื้อร้ายทั้งปวง ขอให้แผ่รัศมีเป็นเกราะแก้วคุ้มจิตคุ้มใจข้าพเจ้าให้ตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิ และป้องกันกายจิตของข้าพเจ้าจาก บาป กรรม อกุศลและคุณไสย ขออย่าได้มีภัยมาแพ้วพาน ขอให้ข้าพเจ้าเจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ข้าพเจ้ามีสินทรัพย์ที่มั่งคั่งเพื่อเป็นพลังสร้างทานบารมี สิทธิกายะ สิทธิกายะ สิทธิกายะ"
    ตลอดเวลา ที่อธิฐานให้ทำใจให้เบาสบายและจับภาพพระอยู่ตลอดเวลา

    ที่อธิฐาน เมื่ออธิฐานเสร็จแล้วน้อมจิตให้พระพุทธบารมีของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในจิตขณะนั้น เคลื่อนลงมาคลุมพระเรื่องที่เราอาราธนา ไว้ในมือจนมีความรู้สึกในจิตว่าองค์พระในมือท่านขาวใสบริสุทธ์ใสสว่างเป็นเพชร เมื่อจะนึกให้ท่านสว่างเปร่งรัศมี ท่านก็ยิ่งส่องสว่างได้ดังใจนึก ลองขอให้รัศมีของพระท่านที่อยู่ในมือนั้นเป็นแสงสว่างใสมีประกาย คลุมร่างกายเราไว้ทั้งหมด อธิฐานว่า ขอรัศมีแห่งพุทธานุภาพนี้จงช่วยคุ้มครองข้าพเจ้าและครอบครัวจากอันตรายทั้งปวงด้วยเถิด
    จากนั้น วางพระท่านกลับไว้บนพานหรือบนหิ้งพระ

    เมื่อจะสวมคอ(ในกรณีพระเครื่อง) ให้เข้าสมาธิ จับภาพพระองค์ที่ท่านจะสวม ให้ใสสว่างเป็นแก้ว อธิฐานให้ท่านคุ้มครอง ก่อนจะสวมครับ
    พรุ่งนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ของวิชชานี้ให้ฟังครับ
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีเรื่องแปลกที่เหมือนเหตุบังเอิญแต่คง ไม่ใช่เหตุอังเอิญทั่วไปมาเล่าให้ฟังครับ
    เมื่อวานนี้ผมไปทำธุระที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า บังเอิญได้เจอรุ่นพี่ที่จุฬา ที่ไม่ค่อยได้เจอกันนานพอควร รุ่นพี่คนนี้แกมากับเพื่อนของแกสมัยเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่ง พอผมเข้าไปสวัสดีแกเสร็จ ถามสาระทุกข์สุขดิบทั่วไป ผมก็นึกยังไงไม่รู้ไปทักแกว่า "พี่ ลองเข้าไปในเวปพลังจิตดูสิ " แกทำหน้างงเล็กน้อย แล้วบอกว่า เมื่อสองสาม นาทีก่อนเจอหน้าผม แกเพิ่งจะคุยกับเพื่อนแกเรื่องให้เข้าไปในเวปพลังจิตอยู่พอดี ที่แกสนใจอยู่คือการปฏิบัติตามแนวของหลวงพ่อเกษมครับ และแกว่าแกมีความเกี่ยวพันกับพญานาคครับ
    ผมว่า คงไม่น่าใช่เหตุบังเอิญแน่เลย เพราะเมื่อเวลาใกล้เข้ามาผู้มีหน้าที่ก็จะ เริ่มรู้สึกลึกๆถึงหน้าที่ที่ตนอธิฐานลงมาทำและเร่งความเพียรเองครับ ผมก็ขอโมทนากับพี่ท่านนี้และเพื่อนด้วยครับ ที่สนใจในการปฏิบัติเพื่อความดีครับ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วันนี้ผมขอทบทวนอารมณ์ และการปฏิบัตินะครับ หวังว่าท่านทั้งหลายสามารถจับอารมณ์สบาย และใช้จิตจับภาพพระได้เป็นปกติ รวมทั้งมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความเมตตาครับ การอธิฐานชำระจิตจากกรรมให้เบาบางลงและการฝึกจิตด้วยเมตตาอัปปัณนาณฌาณ สามารถทำได้บ่อยๆครับ ยิ่งทำบ่อยจิตยิ่งมีพลังยิ่งบริสุทธ์ครับ
    --ส่วนการอธิฐานยกพระเสี่ยงทายจะช่วยให้ท่านมีความศรัทธาในพระรัตนไตยเพิ่มนะครับ
    --ส่วนการอธิฐานอาราธนาบารมีความศักดิ์สิทธ์ของพระเครื่องรางหวังว่าจะช่วยท่านที่อยู่ตปท. และท่านผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสาะหาพระเครื่องชื่อดังมาบูชาได้ครับ
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต่อไปผมขออนุญาต เล่าประสบการณ์ของการอธิฐานอาราธนาบารมีพระเครื่องมาให้ฟังครับ ขอให้เข้าใจไว้ว่าเป็นเพราะพุทธานุภาพนะครับไม่ใช่เพราะความสามารถของผมนะครับ ถ้าคุณเชื่อมั่นและทำตามก็ย่อมมีผลเหมือนกันครับ


    --เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณ เกือบสิบปีที่แล้วผมและเพื่อนๆได้รับคำสั่งจากพระท่านให้ไปฝึกวิชาที่ ในถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิครับ ซึ่งเป็นสถานที่เชื่อมโยงกับญาณของหลวงปู่เทพโลกอุดร และเมืองบาดาล ของพญานาคครับ รายละเอียดและประสบการณ์มหัศจรรย์ต่างๆผมจะไว้เล่าให้ฟังครั้งหลังจากที่ท่านฝึกได้ทิพจักษุญาณแล้วครับ จะขอเล่าเฉพาะเรื่องของพระเครื่องครับ คือด้วยเหตุที่ว่าผมได้รับเมตตาดูแลจากหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านหลายอย่างครับ ผมกับเพื่อนจึงเกิดศรัทธาอยากให้ผู้คนได้ทราบถึงและรู้จักหลวงปู่ท่าน เมื่อกลับมากรุงเทพ ผมได้ไปที่ท่าพระจันทร์ก็บังเอญได้พบกับพระเครื่องรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่พ่อค้าวางให้บูชาอยู่ในลังกระดาษ ผมเช่ามาองค์ละ 20 บาท ประมาณสิบองค์ครับ จากนั้นก็อธิฐานตามที่ได้แนะนำวิชาให้ท่านได้ทราบไปแล้วนั่นเองครับ ตอนนั้นอยู่ในช่วงที่มีข่าวเรื่องภัยพิบัติในรอบแรกๆครับ ผมขออธิฐานให้บารมีหลวงปู่มาสถิตอยู่กับพระท่านทุกองค์ประหนึ่งเดียวกับญาณของหลวงปู่ท่านครับ จากนั้นก็แบ่งกับเพื่อนไปแจก เพื่อหวังให้บารมีพระท่านคุ้มครองผู้ที่ได้สวมใส่ครับ ความศักดิ์สิทธ์ที่ปรากฏเป็นหลักฐานให้ผมเชื่อมั่นในวิชานี้มีดังนี้ครับ

    --เมื่อผมไปแจกพระหลวงปู่ให้กับแม่เพื่อนคนหนึ่ง พอคุณแม่ได้รับแล้วก็รีบพนมมือจบพระท่านท่วมหัว แล้วแกก็หันมามองหน้าผมแล้วบอกว่า "ทำไมรู้ว่าแม่กำลังอยากได้ล่ะ แม่เพิ่งอ่านหนังสือเรื่องหลวงปู่ท่าน แล้วรู้สึกเลื่อมใส เลยตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าท่านมีอยู่จริงตามตำนานขอให้ ได้พระของหลวงปู่ภายใน 7 วัน " ก็บังเอิญผมเอามาให้คุณแม่ในกำหนดเวลาพอดีครับ จากนั้นคุณแม่ท่านก็นำพระไปเลี่ยมทองขึ้นคอ เมื่อเริ่มใส่แล้ว คุณแม่ก็มีนิมิตรว่าหลวงปู่มาเมตตาในฝัน ท่านเลยเกิดความนับถือหลวงปู่และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนรู้จักได้รู้ครับ
    ส่วนเรื่องที่สองแปลกขึ้นมาอีกครับ คือเพื่อนผมนำพระหลวงปู่ชุดนี้ ไปแจกชาวบ้านแถบกำแพงแสน นครปฐม มีอยู่รายหนึ่งนำพระหลวงปู่ไปอัดพลาสติกกันน้ำ แล้วนำไปแขวนบูชา ก็อยู่โดยปกติดี แต่อยู่มาวันหนึ่ง ในช่วงหน้าหนาว ขณะที่นอนหลับแล้วแขวนพระอยู่ แกรู้สึกหนาว เลยเผลอหยิบผ้าถุงของเมียมาคลุมอกแทนผ้าห่ม ตื่นเช้าขึ้นมา ที่ห้อยคออยู่เหลือแต่กรอบพลาสติกเปล่าๆ ไม่มีพระอยู่ภายใน ตัวกรอบก็ไม่มีรอยรั่ว รอยแตก แต่อย่างไร เรื่องนี้จึงเป็นที่โจษจันกันในจังหวัด นครปฐมครับ

    --เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังนี้ ขอให้เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความศักดิ์สิทธ์แห่งวิชาพุทธคุณของพระพุทธเจ้าครับ ดังนั้นพระเครื่อง พระบูชา ทุกองค์เป็นพระแท้ครับ ไม่มีพระเก๊ครับ ถ้าจิตเราทรงความดีและศรัทธาในพระรัตนไตยอย่างแท้จริง ครับ
     
  8. หนูน้อย

    หนูน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +1,038
    อาจารย์ kananun คะ ดิฉันมีพระพุทธรูปปางสมาธิหน้าตักกว้าง 1 3/4 นิ้ว และสูง 2 3/4 นิ้ว เป็นทองเหลือง ลองอธิษฐานดู โดยจุดเทียนธูป ไม่มีดอกไม้ถวาย ก่อนอธิษฐานได้นั่งสมาธิแต่จับภาพพระใสเหมือนแก้วไม่ได้ นึกไม่ออก เห็นเป็นแต่พระทองเหลืองลางๆ อธิษฐานขอท่านหนักแล้วแล้วยกขึ้นได้ อธิษฐานขอท่านเบาก็ยกขึ้นได้ แต่ดูเหมือนจะเบากว่า ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอุปาทานตนเองหรือเปล่า ไม่ทราบว่าต้องไปหาพระขนาดที่คุณ kananun ว่ามาพิสูจน์ใหม่ หรือควรจะประพฤติธรรมให้มากกว่านี้ แล้วค่อยอธิษฐานโดยใช้พระองค์เดิม อยากให้ตนเองมีศรัทธามากกว่านี้ ใจหนึ่งเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ได้ แต่ใจหนึ่งเคยปฏิบัติธรรมแล้วเจอเหตุการณ์แปลกๆ ในชีวิตเยอะก็มีศรัทธาอยู่ ควรทำอย่างไรดีคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2006
  9. Solardog

    Solardog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +253
    อยากเห็นพระเครื่ององค์ที่ว่าจัง
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอบคุณหนูน้อยครับ ประการแรก อย่าเรียกผมว่าอาจารย์ดีกว่าครับ ถือว่าผมมาช่วยแนะนำการปฏิบัติธรรม เป็นสหายธรรมเพื่อความเอื้อเฟื้อในธรรมครับ ขอให้นับถือเอาพระพระพุทธเจ้าท่านเป็นอาจารย์ และบรมครูเถอะครับ
    ---ส่วนประเด็นของขนาดองค์พระนั้นถ้าขนาดเล็กไปถ้า คนที่เพิ่งฝึกอาจแยกความแตกต่างความหนักไม่ค่อยได้ครับ ผมจึงแนะนำให้ลองอธิฐานยกมือเดียวครับ อันนี้เป็นประเด็นที่หนึ่ง ประเด็นที่สอง เกิดขึ้นจากความลังเลสงสัยของคุณเองครับ ถ้าจิตใจของเราตั้งมั่นในบารมีของพระรัตนไตยอย่างแท้จริง แล้วเวลาอธิฐานให้หนักผมรับรองว่าท่านหนักจนยกไม่ขึ้นเลยครับ เพื่อนผมอีกคนหนึ่ง เวลาอธิฐานเธอใช้พระที่ห้อยคอครับ เห็นบอกว่าก็สามารถรู้สึกได้ถึงความหนัก เบา ได้เช่นกัน คุณเป็นพวกพุทธจริตครับชอบหาเหตุ หาผล มาพิสูจน์จึงจะเชื่อ ข้อดีคือถ้ารู้ก็รู้จริง ข้อเสีย ของคุณคือความสงสัยกลายเป็นความวิจิกิจฉา อันเป็นนิวรณ์ห้าประการเครื่องกั้นความดีครับ เลยเป็นการบ้านให้ไปทบทวนค้นคว้ากันอีกรอบครับ ส่วน ที่ยังจับภาพพระไม่ได้ใสก็เพราะ ไอ้เจ้าความสงสัยนี้เองครับ ลองค่อยๆฝึกใหม่ครับ ต้องตั้งกำลังใจให้เข้มแข็งว่า บุคคลอื่นมีจิตตั้งมั่น ศรัทธาในพระรัตนไตยได้เพียงไร เราก็จะทำให้ได้เช่นกันและจะทำให้ยิ่งๆขึ้นไปด้วย
    ส่วนคุณ Solardog พระหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ผมเคยแจกนั้น เป็นรูปยืน เนื้อสีออกเขียว สูงประมาณ 3 นิ้ว มีกลิ่นหอมครับ
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ผมขอฝากตอบคนที่แว่บมาอ่านและส่งคลื่นความคิดความสงสัยในจิตครับ
    --มีท่านนึงเวลาจับภาพพระ วางอารมณ์ใจหนักเกินไป คือมีอาการเพ่งทำให้ใจไม่โปร่งเบาครับ ถ้าไม่เชื่อลองให้คนอื่นลองสังเกตุเวลาที่ท่านหลับตาทำสมาธิ คิ้วท่านจะขมวดหากัน ซึ่งคนที่ทำสมาธิจิตสบายจะไม่มีอาการเครียดแบบนี้ครับขอให้ท่านลองวางอารมณ์ใจดูใหม่นะครับ จำลมสบายให้ได้ครับ
    --มีอีก 2-3 ท่านในอดีตเคยเกิดเป็น จอมยุทธเก่า ผมขออนุญาต อธิบายเคล็ดวิชาตามลีลาการสอนกำลังภายในครับ
    "ลมปราณราบรื่นเลื่อนไหล ลมหายใจโปร่งโล่งเบาสบาย พุทธนิมิตรสะว่างกระจ่างจิต คำอธิฐานหนักแน่นมั่นคงดุจขุนเขา จิตเมตตายิ่งกว่าฟ้ามหาสมุทร อุดมการณ์ยืนหยัดไม่แปรเปลี่ยน คุณธรรมเป็นหนึ่งในจิตใจ "
    ลองไปพิจารณาดูนะครับ
    --- บางท่าน จิตยังมีความสงสัยมากครับ ว่าจะ เป็นความจริงได้อย่างไร คิดไปเองรึเปล่า อุปทานรึเปล่า ผมขออนุญาตอธิบายนะครับ
    คำว่า"การกำหนดจิต" ที่มีมาในการฝึกจิตแต่โบราณนั้น ภาษาปัจจุบันแปลว่า การนึกครับ ลองไปใช้ปัญญาทบทวนดูอีกที และผมขอยกตัวอย่างการเริ่มต้นด้วยการนึก และจินตนาการ ที่เปลี่ยนมาเป็นความจริงให้ฟังครับ เอดิสัน เห็นประกายไฟ จากกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ก็เกิดความคิดว่าถ้าสามารถใช้กระแสไฟฟ้ามาทำหลอดไฟเพื่อให้แสงสว่างได้ก็น่าจะดี เอดิสันจึง"คิด"และนึกภาพถึงหลอดไฟ และเขามี"ความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า เขาคิดประดิษฐ์มันได้เพราะเขาเห็นมันอย่างชัดเจนในจิตใจของเขาแล้ว" เขาจึงลองประดิษฐ์หลอดไฟดู เกือบหมื่นวิธีจึงสำเร็จครับ มีกฏของพลังจิตอยู่สูตรหนึ่งที่อธิบายแบบวิทยาศาสตร์เป็ฯสมการได้ดังนี้ว่า " ภาพความคิดที่ชัดเจน(ภาพนิมิตรที่ชัดเจนแจ่มใส) บวกกับ ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า (คำอธิฐานที่มั่นคงหนักแน่น) ผสมกับความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธ์เบื้องบน (ความศรัทธาในพุทธคุณ) จะเท่ากับ ความสำเร็จในทุกสิ่งครับ แม้แต่ การบรรลุธรรม การได้อภิญญา หรือแม้แต่ความมั่งคั่งรำรวยครับ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเวลาเรียนวิชาพวกนี้อย่าไปสงสัยครับ สงสัยมากยิ่งเป็นความโง่ครับเพราะทำให้เราพลาดจากความดีครับ
    ---สำหรับบางท่านมีอาการ จิตใจชุ่มชื่นสบาย นั่งสมาธิได้อย่างมีความสุขขึ้น ถือว่าท่านมีความก้าวหน้าครับ ท่านที่มีอาการ ที่จิตจับภาพพระพุทธเจ้าหรือพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งเป็นนิมิตร์อยู่ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร ตอนนี้ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์ครับขอให้รักษาอารมณ์ใจและความดีนี้ไว้ครับ
    ---ส่วนท่านที่ทำได้ทั้งหมดตามที่ผมแนะนำแล้วก็ใจเย็นนะครับรอเพื่อนหน่อย ทบทวนของเดิมให้แน่นครับ เป็นช่วงเพาะบ่มวิชาครับ
    ที่แนะนำกันมาทั้งหมดนี้ผมหวังเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งความดีครับ
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีบางท่านที่ก้าวหน้าเป็นพิเศษครับคือมีอาการดังนี้คือ จิตยังจับอยู่ในอารมณ์สบายของสมาธิ ทั้งวันจนกระทั่งหลับ เมื่อหลับแล้ว ก็รู้สึกว่าหลับพักเดียวก็เต็มอิ่ม ส่วนบางท่านก็เริ่มปรากฏความเป็นทิพย์ของจิต คือ เวลานึกอย่างไรก็มักที่จะได้อย่างที่คิดไว้ บางครั้งพูดตอบในสิ่งที่คนอื่นกำลังคิดอยู่ในใจ (ผมใช้คำล้อคนนั้นว่า"อย่าคิดดัง"ครับ) ในขั้นตอนที่ความเป็นทิพย์เริ่มปรากฏให้ ใช้วิปัสนาให้มากขึ้นครับ ให้คิดแต่สิ่งที่ดีๆ เป็นกุศล คิดในแง่บวก ความเป็นทิพย์จะยิ่งเพิ่มพูนงอกงามครับ จุดนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้า มีจิตคิดว่าตนเองเก่ง เป็นผู้วิเศษ เราบารมีสูงมากที่สุด หรือใช้ความเป็นทิพย์เพื่อทำร้ายผู้อื่น ไม่ช้าคุณธรรมจะเสื่อม มีอบายภูมิเป็นที่ไปครับ ขอให้ระมัดระวังจิตด้วย ถ้าสำนึกทันรีบขอขมาพระรัตนไตยครับ ก่อนหลงลงลึกกว่านี้ครับ เป็นเรื่องที่พระท่านให้เตือนครับ
    ต่อไปพระท่านให้แนะนำเรื่อง มรณานุสติ อันเป็นวิปัสนาเพื่อทำให้เกิดปัญญาครับ


    ขั้นแรกจับลมหายใจให้เบาสบายครับ จับภาพพระให้ใสสว่าง เป็นเพชร จากนั้นนึกให้เห็นตัวเรากำลังนั่งอยู่หน้าพระท่าน ตั้งจิตอธิฐานว่าเสมือนเราฟังธรรมต่อหน้าพระพักตร์ของ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วใช้อารมณ์ใจสบายๆใคร่ครวญพระธรรมดังนี้
    จงพิจารณาว่า ตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่จนปัจจุบัน เราได้ยินข่าวการตายมากมายหลายครั้ง บางรายเป็นทารกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา บางรายเมื่อคลอดออกมาจึงตาย บางรายตายตอนเป็นทารก บางรายตายตอนเป็นวัยรุ่น บางรายตายตอนเป็นหนุ่มสาว บางรายตายตอนเป็นวัยกลางคน บางรายตายตอนแก่ พิจารณาว่าไม่ว่าในวัยใดก็ล้วนตายได้ตลอดเวลา สรรพสัตว์เกิดขึ้นก็มีความตาย ในที่สุด เป็นธรรมดาของโลก คนอื่นก็ต้องตาย คนใกล้ตัวเราก็ต้องตาย ญาติพี่น้องเราก็ต้องตาย และถึงแม้ตัวเราเองก็ต้องตายไปในที่สุด
    เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ อาจจะในนาทีนี้ คืนนี้ เช้าพรุ่งนี้ หรืออาจจะเดือนหน้า ปีหน้า 10ปีหน้า เราไม่อาจรู้ รู้แต่ว่าเราตายแน่ๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านให้ระลึกถึงความตายในชีวิตไว้เสมอ และเพื่อยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมนั้น หมายถึง ว่า จงอย่าประมาทว่าตัวเราจะยังไม่ตาย แต่ให้ทำความดีให้มากที่สุดอย่าประมาทว่าพรุ่งนี้เราจึงจะทำความดี หรือเมื่อแก่แล้วเราจึงจะเข้าวัด เพราะถ้าเราจะต้องตายวันนี้เราจะทำอย่างไร

    ลองถามใจตัวเองว่า เรามีความกลัวตายหรือไม่

    จากนั้นลองถามตัวเองว่าทำไม เราจึงกลัวตาย
    ความจริงนั้น "ความกลัวเกิดจากความไม่รู้"
    เราไม่รู้ว่า เราจะตายเมื่อไร ตายอย่างไร เราจึงกลัว
    เราไม่รู้ว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องพบ และพลัดพรากจากทุกสิ่งในโลกนี้ เราจึงกลัว
    เราไม่รู้ว่า เมื่อตายไปแล้ว เราจะไปไหน เราจึงกลัว ดังนี้เอง
    ถ้าเราพิจารณาดูให้ดีแล้ว สองประเด็นแรกคือ เราจะตายเมื่อไหร่ ตายอย่างไร เป็นเรื่องธรรมดาที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงควรยอมรับว่าเป็นธรรมดาของโลกที่เป็นความไม่เที่ยง

    ทำให้พลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งหลายทั้งปวง เราควรทำใจให้เป็นธรรมดา
    แต่สิ่งที่เราควรกลัวก็คือ ว่า "เมื่อเราตาย แล้วเราจะไปไหน ถ้าไป สู่สุขคติ มีสวรรค์ พรหม ก็ยังดีแต่ถ้าหมดบุญก็ยังต้องเวียนว่ายลงมาเสวยความทุกข์อยู่ดี ที่น่ากลัวคือ การไปเกิด ยังนรกและ อบายภูมิ ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ความทรมาน ยาวนาน "
    ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลัวตาย แต่ควรกลัว บาป และเวรกรรมที่ทำให้ตกนรกและอบายภูมิ
    ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากอบายภูมิ ได้ ก็อย่างที่ทราบว่าเมื่อ ตอนต้น ผมได้บอกกับท่านแล้วว่า พระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ท่านสอนให้คนไม่ตกนรก สิ่งที่จะกั้นมิให้ท่านตกนรกได้ คือ ศีลห้า ส่วนเครื่องหล่อเลี้ยงศีลห้าคือเมตตา พรหมวิหารสี่ ส่วนเครื่องคุ้มครองรักษาดวงจิตคือ คุณพระรัตนไตรครับ
    ขอให้เข้าใจเรื่องความตายและการจุติก่อน

    จิตที่กำลังจะดับในขณะจิตนั้นจะไปจุติตามภพภูมินั้นๆ ท่านอุปมาดังฝูงวัวในคอก วัวที่อยู่ปากประตูคอกจะเป็นตัวที่ออกจากคอกก่อน ฉันใด จิตขณะดับจิตถ้าระลึกถึงบุญก็ไป จุติ เสวยผลบุญ ถ้าอกุศลมาดลใจให้ระลึกถึงบาปกรรมชั่วก็ย่อมมี อบายภูมิเป็นที่ไปเช่นกัน
    การฝึกอบรมจิตนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งในการเลือกภพภูมิที่เราต้องการไปจุติ ด้วยการฝึกให้จิตมีความบริสุทธ์ในระดับเดียวกับภพภูมินั้นๆ
    ถ้าจิตมีมนุษยธรรม มีศีลห้าบริสุทธ์ ย่อมทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผิวพรรณวรรณะสวยงาม มีความมั่งคั่งร่ำรวย
    ถ้าจิต มีหิริโอตปะ ความกลัวบาปกรรม และละอายใจต่อการทำเวรกรรมชั่วทั้งหลาย ย่อมมีผลให้ไปเกิดเป็นเทวดา
    ถ้ามีจิต เมตตา พรหมวิหารสี่ เต็มหัวใจก็ย่อม ไปเกิดเป็นพรหม
    ถ้าฝึกจิตในสมาบัติแปดและพอใจในฌานจนเป็นปกติก็ย่อมไปเกิดเป็นอรูปพรหม
    ถ้าจิตเบื่อหน่ายในสังสารวัฏและการเวียนว่ายตายเกิดอีกก็ ย่อมเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน

    ในเหตุการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก่อนจิตจะดับ นั้นถ้าเราฝึกใจให้ระลึกถึง บุญ ศีล พรหมวิหารสี่ พุทธานุสติ เสมอ เป็นปกติโดยไม่ประมาท และอธิฐานถึงภพภูมิที่เราเลือกว่า เมื่อละจากโลกนี้แล้วเราจะไปยังที่ใดภพภูมิใด
    ถ้าในขณะใกล้ดับจิตเราระลึกถึงบุญกุศล และศีลที่เราได้ทำมาจิตสบายย่อมไปสู่สวรรค์
    ถ้าขณะใกล้ดับจิต เราทรงอยู่ใน ฌานสมาธิ หรือ ทรงในเมตตาอัปปัณนาณฌาณ เราย่อมเข้าถึง การจุติในพรหมโลกได้
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อารมณ์ต่างๆที่ได้แนะนำกันไปแล้วนั้น ถ้าท่านขยันฝึกและทำให้เป็นปกติ บวกกับความฉลาดอีกเล็กน้อย ท่านย่อมใช้ประโยชน์ในการเลือกภพภูมิในการไปจุติหลังจากละจากชาตินี้ได้ เมื่อท่านเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้อย่างกระจ่างแจ้งในใจแล้ว ท่านจะไม่กลัวความตาย แต่สิ่งที่ท่านกลัวคือบาปอกุศลฝ่ายตำที่จะนำไปสู่ทุคติ

    วิชาที่ฝึกถึงการทำมหาโมทนาบุญ ของสรรพสัตว์นั้น ถ้าทำวิชานี้ในขณะใกล้ดับจิตท่านย่อมไปได้ ถึงสวรรค์เป็นอย่างต่ำ

    วิชาแผ่เมตตาอัปัณนาณฌาณนั้น ย่อมทำให้ไปถึงการจุติในชั้นพรหม เพราะเหตุที่เรามีจิตที่เมตตาเสมอด้วยพระพรหมท่าน

    วิชาที่ใช้อาราธนาบารมีพุทธคุณนั้น ยิ่งประเสริฐกว่า แม้เพียงเอ่ยพระนามพุทธโธและรำลึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าท่าน ก่อนดับจิตเพียงเท่านี้ก็สามารถถึงซึ่งสวรรค์ได้ (โบราณท่านทราบเรื่องนี้ดี จึงนิยมนิมนต์พระมาบอกพุทธโธเพื่อให้ผู้ป่วยใกล้ตายได้เข้าถึงสุขคติ) หรือหากทรงจิตเป็นภาพพระใสสว่างได้ นับเป็นพุทธานุสติกรรมฐาน ควบฌานสี่ ย่อมเข้าถึงพรหมจุติได้ และสำหรับผู้ที่เบื่อการเกิด และมีความฉลาดพร้อมถึงบารมีเต็ม ท่านจับภาพพระท่านใส จนจิตใจสบาย แล้วจึงอธิฐานว่า พระพุทธเจ้าท่านเมื่อเสด็จดับขันธุ์เข้าสู่พระนิพพานแล้ว ณ ที่ใด ข้าพเจ้าขอตามเสด็จสู่พระนิพพาน ณ ที่นั้นเช่นกัน ไม่ว่า พระนิพพานจะมีสภาวะเช่นใด ข้าพเจ้าตั้งใจอยู่จุดเดียวคือการไม่เกิด อีก เป็นการดับไม่เหลือเชื้อ เพื่อพระนิพพานด้วยเทอญ

    จะเห็นได้ว่า พุทธคุณ นั้นมีอานิสงค์ลึกซึ้ง กว้างขวาง โบราณจารย์ท่านมีความฉลาดหาอุบายผูกจิตศิษย์ไว้กับพุทธคุณในแทบทุกอิริยาบท และในทุกประเพณี ด้วยประสงค์ให้ศิษย์ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เป็นคนดีหรือคนเลวให้ พ้นจากอบายภูมิอันมีนรกเป็นต้น เพราะท่านเชื่อว่าถ้าคนไม่ว่าจะดีเลวแค่ไหน ถ้ายังพอมีความดี คือความเคารพในพระรัตนไตรแล้วย่อมมี โอกาสที่กุศลจะกลับมาส่งผลให้ย้อนมากลับตัวกลับใจใหม่เป็นสัมมาทิษฐิได้ ผู้ที่อันตรายและเสี่ยงต่อนรกที่สุดก็คือ ผู้ที่คิดสำคัญตนว่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าครับ เพราะถ้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านคิดว่าใครจะสอนท่านได้ละครับ คุณครูบาอาจารย์ก็ช่วยก็สั่งสอนไม่ได้ คุ้มครองไม่ได้ ส่วนอีกประการก็คือ ผู้เต็มไปด้วยความริษยา และอกตัญญูครับ บารมีพระท่านคุ้มครองและรักษาไม่ได้ครับ การที่ท่านจะขอบารมีให้พระท่านช่วยเหลือสงเคราะห์ได้นั้น ท่านต้องมีความดีครับ จะน้อยจะมากก็ขอให้มีเป็นเครื่องรักษาจิตของเราครับ

    วิชาที่ผมแนะนำทั้งหมด ถึงตอนนี้ถ้าท่านคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อท่าน ตั้งใจฝึกทำจนสำเร็จ และรักษาไว้ได้ ก็จะช่วยให้ท่านรอดพ้นทางจิตวิญญาน แล้วครับ สำหรับท่านที่ไม่ได้ทิพจักษุญาณ ครับ ส่วนท่านที่ได้จะฝึกพิศดารและลึกขึ้นครับ
     
  14. sun

    sun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +155
    <TABLE class=tborder id=post281869 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_281869", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:12 PM
    วันที่สมัคร: May 2006
    ข้อความ: 70 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Thanks: 122
    Thanked 587 Times in 68 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 69[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_281869><!-- message -->คุณศิษย์กวนอูครับ ระยะเวลาน่าจะเป็นภายในไม่เกิน 2 ปีนี้ครับ และถ้ามีการใช้อาวุธนิวเคลียร์เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ก็จะเหลือเวลาในการอพยพ ไม่เกิน 3เดือนครับ ส่วนสถานะการณ์ปัจุบัน ณ วันนี้ ถ้าอิสราเอลโจมตีซีเรีย และอิหร่าน ก็เตรียมตัวกลายเป็นสงครามศาสนาได้เลยครับ ส่วนคนไทยที่อยู่ ต่างประเทศ ถ้าประเทศฝรั่งเศสถูกโจมดี หลวงพ่อท่านได้บอกว่าให้รีบกลับเมืองไทยได้เลยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ฝรั่งเศสต้องการให้ยูเอ็นตัดสินใจเรื่องเลบานอนสัปดาห์หน้า</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ปารีส 27 ก.ค. - นายฟิลิป ดูสเตอ-บลาซี รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวในวันนี้ว่า ฝรั่งเศสต้องการให้รัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติพบปะกันในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับมติหยุดยิงในเลบานอน
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังที่ที่ประชุมกรุงโรมเมื่อวันพุธยังไม่สามารถเรียกร้องให้ยุติการสู้รบในเลบานอนในทันที และว่า ถึงคิวของสหประชาชาติที่จะต้องจัดการปัญหานี้แล้ว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะเริ่มจัดการปัญหาในระดับทูตนับแต่วันนี้ และหวังว่าในต้นเดือนหน้า จะมีการลงมติในระดับรัฐมนตรี
    ฝรั่งเศสเสนอให้มีการลงมติเรียกร้องให้ปลดอาวุธกองกำลังเฮซบอลเลาะห์ ปล่อยตัวทหารอิสราเอล 2 นายโดยปราศจากเงื่อนไข และสร้างเขตกันชนในตอนใต้ของเลบานอน นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังผลักดันให้มีการปล่อยตัวนักโทษเลบานอนในอิสราเอล รวมทั้งส่งทหารเลบานอนไปประจำการตอนใต้ของประเทศ และให้หลักประกันว่าจะเคารพอธิปไตยของเลบานอน.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ฝรั่งเศสเริ่มมีส่วนเกี่ยวข้อง
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    นั่นนะสิครับ อีก สองสาเหตุที่ทำให้ฝรั่ง่ศสถูกโจมตี เพราะเป็นฐานใหญ่ของฟรีเมสัน ครับ รวมทั้ง อาวุธที่ใช้พลังงานจากปฏิสสารครับ ขอบคุณข้อมูลจากคุณ Sun มากๆครับ เวลามันใกล้จนน่าตกใจครับ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาต่อกันเรื่องอานิสงค์ของการเจิญมรณานุสติครับ
    1.เป็นคุณธรรมที่ช่วยต่อยอดการปฏิบัติในวิปัสนาญาณให้ยิ่งขึ้นไปจนถึงอารมณ์นิพพาน
    2.ทำให้เป็นผู้มีสติ ไม่ประมาท ในชีวิต ในการทำความดี ในการปฏิบัติ ไม่หลงตาย
    3.ทำให้จิตมีความกล้าหาญ ไม่กลัวตาย ไม่ตื่นตระหนกจนขาดสติเมื่อมีเหตุคับขัน
    4.ทำให้ตัดสังโยชน์สิบได้ง่ายขึ้น
    หวังว่าเราจะเตรียมจิตของเราให้พร้อมรับมือได้ในทุกสถานการณ์นะครับ -------ความไม่รู้ทำให้เกิดความกลัว ความกลัว ทำให้ขาดสติ การขาดสติ ทำให้ตื่นตระหนก บดบังปัญญา การขาดปัญญาทำให้ ตัดสินใจผิดพลาด การตัดสินใจผิดพลาด อาจนำไปสู่ความตายครับ ------
     
  17. Babie123

    Babie123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +465
    โมทนาด้วยนะคะ..ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีดี กับ สิ่งดีดีที่มอบให้เสมอ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต่อไปเรามาศึกษาเรื่องการใช้คาถาให้ศักดิ์สิทธ์ และการขอใช้พลังพุทธคุณคุ้มครองตัวเราและครอบครัวครับ


    คาถานั้น ความขลังประกอบไปด้วย

    -แรงครู(คำอธิฐานจิตผูกคาถาบทนั้นไว้ให้ ศิษย์ได้ใช้ ถ้ามีการยอมรับนับถือเป็นครูบาอาจารย์ และศิษย์ต่อกัน โดยมีการตั้งผลสำเร็จของคาถาไว้ อาจจะจำเพาะเจาะจง เช่นคาถาคงกะพันชาตรี คาถาเรียกลาภ ฯลฯ อุปมาเหมือนโปรแกรม เฉพาะด้าน ถ้าผู้ใช้มีความเชื่อและเคารพในครูบาอาจารย์ อย่างแรงกล้า การว่าคาถาบทนั้นก็ให้ผลที่สัมฤทธ์ด้วยตัวคาถา และแรงครูที่ได้ถูกสร้างคาถานี้ไว้ แม้ผู้ใช้ไม่มีกำลังสมาธิ หรือได้อธิฐานก็ตาม) ถ้าครูผู้ผูกคาถามีสมาธิวิทยาคมเข้มขลัง คาถาก็ยิ่งศักดิ์สิทธ์ มีคาถาบางบทที่ครูบาอาจารย์หลายท่าน ได้มาจากพระพุทธเจ้าและจากในนิมิตร คาถาก็ยิ่งเข้มขลังขึ้น

    -กำลังใจและกำลังสมาธิของผู้ใช้คาถา

    ถ้าผู้ใช้มีจิตเจตนาการนำคาถาไปใช้ด้วยใจที่บริสุทธ์เพื่อช่วยคน สงเคราะห์คน ไม่ใช่เพื่อกิเลสของตน คาถายิ่งขลัง
    ถ้าผู้ใช้คาถา มีภูมิธรรม หรือวิปัสนาญาณยิ่งสูงคาถายิ่งขลัง
    ถ้าผู้ใช้คาถา มีสมาธิ ฌาน สมาบัติยิ่งสูง คาถายิ่งขลัง
    ถ้าผู้ใช้คาถา มีความศรัทธาในวิชาและคาถายิ่งสูง คาถายิ่งขลัง

    -การอธิฐานจิตของผู้ใช้คาถา
    ถ้ามีการอธิฐานอาราธนาบารมี คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณครูบาอาจารย์ คุณบิดามารดา ท่านให้มาช่วยย่อมมีพลังมากกว่าการใช้พลังอธิฐานด้วยกำลังของตนเองอย่างเดียว

    -นิมิตรกำกับคาถา

    ตัวนี้ครูบาอาจารย์บางท่าน ไม่บอกไม่สอน บางท่านก็บอก เป็นเหตุปัจจัยตามวาสนาบารมีของ ผู้ใช้คาถาเอง ในส่วนของพวกเราผมจะแนะนำแต่คาถาในแนวพุทธคุณที่เป็นสัมมาทิษฐิเท่านั้นครับ ดังนั้น นิมิตรกำกับคาถา ผมจะแนะนำนิมิตรกลาง และมีกำลังสูงคือ พุทธนิมิตรครับ

    ต่อไปเป็นภาคปฏิบัติครับ

    เมื่อจะใช้คาถาอะไรต้องทราบก่อนว่าเป็นคาถาที่ใช้ทำอะไร ส่วนครูผู้ผูกคาถานั้น บางบทเราอาจไม่ทราบเนื่องจากเป็นคาถาที่ใช้สืบทอดกันต่อๆมา แหล่งที่มาของคาถา ลองค้นคว้าเพิ่มเติมจากหนังสือสวดมนต์บางเล่มเช่น เจ็ดตำนาน ตำราพรหมศาสตร์ หนังสือสมบัติพ่อให้ ของสายพระอาจารย์ในดง ดูในหนังสือวิทยาศาสตร์ทางจิตของอ.ชม ครับ แต่ถ้าไม่รู้จะหาคาถาที่ไหน มีอยู่ สองบท หากินได้ทุกอย่างตามที่ขออธิฐานใช้ครับ คือ อย่างยาว ใช้บทอิติปิโส ครับ อย่างสั้นหรือใช้ในยามคับขัน ใช้ "พุทธโธ" ครับ
    เริ่มฝึกกันเลยครับ

    จับลมสบาย จับภาพพระพุทธเจ้าท่านให้ใสเป็นเพชร
    อธิฐานขอใช้คาถาโดย ตั้งจิต ระลึกถึงคุณพระรัตนไตย คุณครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธ์ประสาทวิชา คุณครูบาอาจารย์ ให้มาช่วยให้คาถานี้ศักดิ์สิทธ์สัมฤทธิผล เช่น "ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยพิบัติ ขอบารมีของพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งปวงได้คุ้มครองให้รอดพ้นจากศาตราวุธ อาวุธรังสี อาวุธเคมี อาวุธเชื้อโรค และภัยพิบัติจากธรรมชาติทั้งปวง ด้วยพุทธานุภาพอันหาที่สุดประมาณไม่ได้ด้วยเทอญ"

    จากนั้น จับอารมณ์สบาย ว่าคาถา อิติปิโสไปเรื่อยๆ ถึง จนจบบท สังฆคุณ ระหว่างที่ว่าคาถาจับภาพพระพุทธเจ้าที่ท่านใสเป็นเพชร ค่อยๆแผ่รัศมีหรือที่เรียกอีกอย่างว่าฉัพพรรณรังสี แผ่ลงมาคลุมร่างกายของเรา และ ครอบครัว หรือบุคคลที่เราต้องการจะขอให้พระท่านคุ้มครอง จนรู้สึกว่าร่างกายของเราและบุคคลอื่นใสสว่างไปด้วย รัศมีของพระพุทธองค์ครับ จุดสำคัญคือความศรัทธาในคุณพระท่านครับ
    คิดว่าคงไม่ยากเกินกำลังของท่านที่ตั้งใจฝึกมาตั้งแต่ต้นครับ อย่าลืมทบทวนวิชาเก่าๆที่เคยแนะนำมา และเตรียมใจไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมนะครับ วันเสาร์ อาทิตย์นี้ผมไป ตจว. ครับ คงตอบกระทู้ไม่ได้ แต่ท่านที่สงสัยให้โพสลงมาถามไว้ก่อนช่วงอาทิตย์นี้ครับ
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ไม่เป็นไรครับคุณ บาร์บี้ 123 ว่าแต่วันนี้ปฏิบัติใช้ได้นะครับ แม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ตั้งใจฝึกจนสำเร็จ
    ผมขออนุญาตนำเทคนิคการตั้งกำลังใจของคุณมาเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติให้เพื่อนๆได้โมทนานะครับ
    คือคุณบาร์บี้เล่าให้ฟังว่าวันนี้เป็นวันที่เงินเดือนออก และเงินเดือนโดนหักเป็นค่าสวัสดิการสังคมไปหลายพัน เมื่อก่อนก็เกิดการเสียดาย แต่คุณบาร์บี้เธอเป็นผู้ที่มีความฉลาดในการสร้างบารมี จึงพลิกจิตพลิกความคิดดังนี้ครับ
    "เราจะพยายามรักษาสุขภาพให้ดี ไม่เจ็บป่วย จะได้ไม่ต้องใช้เงินสวัสดิการนี้ ส่วนเงินเดือนเราที่ถูกหักเข้ากองทุนนั้นเราจะตั้งกำลังใจว่า เรานี้ได้บำเพ็ญทาน ช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยทั่วประเทศไทย ในทุกๆเดือนจากกองทุนนี้"
    ผมฟังแล้วรู้สึกนับถือในความฉลาดและกำลังใจที่ดีงามของคุณบาร์บี้123 ผมขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอเสริมเรื่องการเขียนแผ่นคาถาลงในผ้าของคุณSindea ครับ ทำเหมือนตอนต้นเรื่องการใช้คาถาครับ แต่มีเพิ่มเติมว่า หลังจากว่าอิติปิโสจบ ขณะที่ลงมือเขียนตัวคาถา ใช้ลงอักษรคาถาทีละคำโดย ขณะที่เขียนแต่ละคำให้กลั้นใจ (กลั้นลมหายใจ สบายๆ แต่หยุดหายใจ) และเห็นนิมิตรกำกับว่าอักษรคาถาคำนั้นใสสว่างเป็นเพชร เช่น ถ้าคาถาว่า อิติปิโส ก็กลั้นใจลง "อิ" ผ่อนใจให้สบาย แล้วกลั้นใจลง "ติ" ไปเรื่อยๆจนเขียนจบ แล้วอารธนาบารมีพระท่านให้เมตตาแผ่บารมีมาคลุมผ้าทั้งผืนจนเห็นตัวคาถาทั้งหมดเป็นคาถาเพชรทั้งหมด เวลาจะพันให้ใครก็ใช้นิมิตรกำกับจับภาพให้เห็นผ้าคาถาสว่างเป็นเพชร แผ่รัศมีปกคลุมคุ้มครองผู้สวมใส่ครับ
    -วิชาโบราณจะลงเป็นภาษาขอมครับ แต่เทคนิค เหมือนกันแต่อาจมีเกร็ดย่อยเล็กน้อย เช่น บางอาจารย์ท่านลงไปลงคาถาหรือวิชาใต้นำครับ หรือการใช้คาถาในสนามรบหรือเราตกใจตื่นเต้นรวมจิตไม่ได้ท่านให้ใช้หัวแม่เท้าจิกธรณีช่วยครับจิตจะมั่นคงขึ้นครับ
    ทุกคนทำได้กันนะครับ ถามๆกันมาก็ดีครับ ข้อมูลเยอะบางทีก็ลืมครับ คำตอบเป็นประโยชน์กับทุกคน วิชาที่แนะนำวันนี้พระท่านอนุญาตให้ใช้และเผยแพร่ต่อเพื่อช่วยคนครับ แต่ผู้ที่จะไปแนะนำต่อต้องอธิฐานขออนุญาต หรือยกพระเสี่ยงทายกับพระท่านก่อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...