สวัสดีครับ ตัวผมมีอภิญญา แต่ยังใช้ได้ไม่หมด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 10 กันยายน 2011.

  1. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    สิวกเถรคาถา

    " เรือนคืออัตภาพที่เกิดในภพนั้นๆ บ่อยๆ เป็นของไม่เที่ยง
    เราแสวงหานายช่างคือตัณหาผู้สร้างเรือน
    เมื่อไม่พบ ได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสารสิ้นชาติมิใช่น้อย
    การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ร่ำไป

    ดูกรนายช่างผู้สร้างเรือน บัดนี้ เราพบท่านแล้ว
    ท่านจักไม่ต้องสร้างเรือนให้เราอีก ซี่โครงคือกิเลสของท่าน
    เราหักเสียหมดแล้ว และช่อฟ้าคืออวิชชาแห่งเรือนท่านเราทำลายแล้ว
    จิตของเราไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว จักดับอยู่ในภพนี้เอง "
     
  2. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ดูก่อน ตัว ผมรู้ว่ามีอภิญญา ผมต้องใช้มัน เพื่อช่วยเหลือ ผู้คน ส่วน ผมจะคุยกับใครนั้นได้ไหม

    บอกได้ว่า ผมยังคุยไม่ได้ ยังไม่รู้วิธี ผมอยู่เดนมาร์คไม่มีพระภูมิหรอก ตอนกลับไทย ก็ ศามารถ เหมือนส่งจิต ไปบอกกับสัตว์ได้ มีหมาตัวหนึ่งมันมาเห่าใส่ผม ผม นึกในใจบอกมัน ว่า ท่านเห่ามันทําไม เราทําไรให้ท่าน หมาตัวนั่นก็สงบลง

    ตัวผม มองตาคนก็รู้ว่า คนนั้นเป็นคนอย่างไง อ่าครับ
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เป็นเช่นนี้ก็ดีครับ คงต้องลองคุยกับคนที่ยังไม่พูดกับเรา แต่ให้พูดความคิดของเขา

    ก่อนที่เขาจะพูด หากว่าเป็นของจริง ก็จะคุยกันได้เข้าใจง่ายขึ้น

    และให้ทดลองดูหลายๆครั้ง เพื่อดูความคงที่ ว่าคงที่ไหม
     
  4. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ว่าจะไม่ยุ่งกับจริตของคนอื่น แต่เมื่อคืนฝันเห็นหลวงปู่มั่นที่ผมเคารพนับถือ ท่านบอกผมว่า"เธอกำลังประมาท เธอไม่แสดงธรรมที่ควรจะแสดง"
    แต่ผมก็ไม่ขอแสดงธรรมหรอกนะครับ แต่ขอแสดงความคิดเห็นแทนแล้วกันครับ "ผมยังขอยืนยันหนักแน่นเหมือนเดิมนะครับว่า เด็กนั้นหลงผิด สิ่งที่เห็นในนิมิตนั่นมันไม่จริง เพราะหลวงปู่มั่นไม่เคยสอนลูกศิษย์ให้มีฤทธิ์ ปาฏิหารย์ ไม่เคยสอนว่าต้องไปเรียนธรรมชั้นสูงจากนิมิต แต่กลับสอนว่าให้มีสติ พิจารณาธรรมที่ควรพิจารณาเท่านั้นครับ หลวงปู่มั่นไม่เคยสอนลูกศิษย์ว่าต้องเรียนวิชาเมตตา มหานิยม ไม่เคยสอนให้มีอภิญญาถึงจะช่วยคนอื่นได้ ไม่เคยสอนลูกศิษย์ว่าเมื่อปฏิบัติธรรมนั่น ตนเองจะเป็นผู้วิเศษ แต่กลับสอนว่าให้ระวังกาย ระวังใจ วาจาของตนเอง เป็นที่ตั้ง ผมก็ไม่เคยเห็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ปาฏิหารย์ต่อหน้า ญาติโยมแม้นแต่ครั้งเดียวครับ หลวงปู่มั่นไม่เคยสอนลูกศิษย์ให้สร้างวัดใหญ่โต แต่กลับสอนให้อยู่แบบสมถะแทน แต่กลับผู้ใหญ่หรือสมาชิกในเวบนี้กลับเชื่อว่าเด็กนั่นเห็นจริง เพราะตนเองก็ถูกสอนมาแบบนั่น แต่ผมไม่เชื่ออย่างนั่นครับ และยังยืนยันเหมือนว่า เด็กนั่นกำลังเดินทางผิด ไม่เดินในทางที่ควรเดินครับ
     
  5. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682

    ??????????????????????????????????????????????????
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ คุณ คุรุวาโร

    สิ่งที่คุณยกมากล่าวนั้นควรแล้วครับ การมีฤทธิ์เปรียบได้ดั่งเด็กได้ของเล่น

    ใหม่ๆก็จะลุ่มหลง เพียงไม่นานก็จะเบื่อ และ ไม่เห็นประโยชน์

    และยังทำให้ยึดติดจนหาทางหลุดพ้นไม่เจอ

    แต่การปฎิบัติตามที่ หลวงปู่มั่น ได้สั่งสอนไว้ เป็นไปเพื่อการหลุดพ้นจริงๆ
     
  7. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ลองเเปล ออกมาให้มันตรงตัว

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  8. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ก็ถูกนะครับ ผมฝึกอภิญญา ก็งั้นๆ อ่า ใช้ไรได้ไม่มาก อย่างมากก็ช่วยเหลือคน

    แต่เคยคิดอยู่ สมมุติ ฝึกได้ จะ บินไปหา ญาติที่เมืองไทยแบบนี้ บิน ช่วยเหลือคนนุ้นคนนี้

    แต่ ผมปราถนา คือทําบุญ เจริญสมาธิ เจริญปัญญา ผมอยากรู้ว่า ความ สงัด มันเป็นอย่างไง ผมเลยต้องลอง ดู พิสูจน์ดู
     
  9. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ซัวเจ๋ง, id444 :cool:

    ไงขนุน !
     
  10. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    อยากรู้ว่าความสงัดเป็นอย่างไร
    ตอบให้ก็ได้ครับ
    เมื่อเราฝึกหัดจิตได้แล้ว จิตจะรวมลงไปแล้วมีอาการส่งส่ายอยู่ภายใน ไม่ได้ส่งออกไปภายนอก เราเรียกว่า ภาวะภวังคจารณะ
    จิตรวมเด็ดเดี่ยวลงไป นิ่งในอารมณ์เดียว อันเดียว ตัดขาดจากอารมณ์ภายนอก บางทีถึงขั้น ไม่สามารถที่จะรู้ว่า ตนมีหรือไม่ มีแต่ใจ เป็นผู้รู้เท่านั้น เราเรียกว่า การได้ฌานสี่ครับ อยากจะแสดงความสามารถของจิตก็แสดงได้ โดยไม่ต้องไปเรียนธรรมเอาจากนิมิตครับ
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หนทางเดียวที่จะรู้จักว่า ความสงัด เป็นอย่างไร คือ หยุดจิตใจให้นิ่ง ให้สงบ

    ความสงัด ก็จะรู้เห็นได้เอง นิมิตที่เห็นจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า จริงหรือเท็จ

    เพราะนิมิต มีตั้งแต่ จิตเป็นสมาธิแล้ว เพียงแต่บังคับไม่ได้ดั่งใจต้องการ

    ต้องการรู้เห็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่เห็น ครั้นจะเห็นก็เห็นขึ้นมาเฉยๆ

    แต่นิมิตในขั้นฌาณสมาบัติ สามารถตรึกให้เห็นได้ ดั่งใจต้องการ

    เพียงแต่ไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ เพราะยังยึดติดในมานะทิฎฐิ ด้วยว่าเลิศด้วยฤทธิ์

    และ ฤทธิ์ นั้นมีวันเสื่อม ไม่คงที่ เป็นของที่มีบนโลก เป็นทุกข์เมื่อยึดติด
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...............ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ซูเปอร์แมน และ ไอรอนแมน ก็พอ เราก็ช่วย โดยไม่ต้องบินให้ลมโต้ มัน จะเหนื่อยมาก...หนทางการช่วยเหลือ คน มีเยอะแยะที่อยู่รอบรอบ ตัวเรา อย่าคิดว่าไม่สำคัญ การที่เรารู้จักมีสติระลึก โทสะ ที่เกิดกับผู้อื่น นี่คือการช่วยคนอย่างนึงครับซึ่งยากมากเอาเรื่องพวกนี้ก่อน ถึงจะไปบิน ถ้าใช้อภิญญา มีโทสะ ราคะ นี่ ร่วงกลางทางตกทะเลเลยนะ:'(
     
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ทำฌาณนั้น กิเลสกามแว็บเข้ามาเมื่อไหร่ เสื่อมทันที

    ข้อนี้อ้างอิงจากฤษีเหาะไปเห็นสาว ร่วงลงกลางทางเลย

    หมายความว่า ฌาณกับกาม นั้นเข้ากันไม่ได้ แตะกันไม่ได้เลย ถ้าไม่ถึงจริง

    ใครที่บอกทำฌาณ แล้วมานั่งดูโน่นดูนี่ เล่นเน็ตได้ โดยไม่รู้สึกอะไร สงัดแล้วในกาม

    อันนี้ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ถ้าอยู่ป่า อยู่พงก็อีกเรื่องนึง
     
  14. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +29
    ซัวเจ๋ง
    สมาชิก


    [​IMG]
    วันที่สมัคร: Aug 2011
    ข้อความ: 476
    พลังการให้คะแนน: 49





    จิตของเราไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว จักดับอยู่ในภพนี้เอง


    ส่วนปรินิพาน คือ "เสด็จดับขันธ์" หมดเชื้อแล้ว


    __________________
    ทิงนองนอย


    เชิญเลยฮะ ทางใครทางมัน ทำแทบตาย สดท้ายก็ไม่เหลือ อะไร
    กลายเป็นสร้างประสาท ทราย ไปเสียฉิบ เราเดินคนเส้นทางฮะ แล้วก็ทาขนานด้วย
    บายฮะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2011
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    นิพพาน พุทธ กับ พราหม์ ต่างกันตรง

    พราหม์ มีตัว "ผู้พ้น"

    พุทธ ไม่มีตัว "ผู้พ้น"

    ขยายให้อีกหน่อย คำว่าผู้พ้น ไม่ใช่เป็นตัวเป็นตน นะขนุน


    แล้วที่ทำจนตายนั้น เพื่อหวังเหลืออะไรให้เกิดอีกหรือ :cool:
     
  16. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    <TABLE class=tborder id=post5101322 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); background-origin: initial; background-clip: initial" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial" width=175>เตือน warn
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2010
    ข้อความ: 401
    พลังการให้คะแนน: 72[​IMG][​IMG][​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5101322 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); background-origin: initial; background-clip: initial">[​IMG]

    เรื่องที่ ๓๔ (พุทธประวัติ)
    "..เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ทรงมีความสุขสงบใจ
    พระองค์ทรงต้องการให้คนอื่นมีความสุขด้วย ทรงนึกว่าใครหนอที่จะรับพระธรรมเทศนาที่พระองค์
    บรรลุแล้วได้ ก็ทรงหวนนึกขึ้นมาได้ว่าท่านอาจารย์ทั้งสองคือ ท่านอาฬารดาบส กับ ท่านอุทกดาบส สองท่านเป็นอาจารย์สอนให้พระองค์ได้สมาบัติ ๘ ฉะนั้นในเมื่อท่านสอนให้ลูกศิษย์ได้สมาบัติ ๘ ได้ ตัวท่านก็ต้องได้สมาบัติ ๘ ด้วย การได้สมาบัติ ๘ คือ รูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ จิตละเอียดมาก ถ้ารับพระธรรมเทศนาจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแผลบเดียวก็เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ คำว่า "ปฏิสัมภิทาญาณ" หมายความว่า
    ๑) ฉลาด ถ้าเขาพูดมาโดยย่อ ก็สามารถอธิบายให้ละเอียด เข้าใจชัดได้
    ๒) ถ้าเขาพูดมายาวๆ ก็สามารถย่อให้สั้นเข้า พอจำได้
    ๓) มีความฉลาดในภาษา มีปัญญารอบรู้ทุกอย่าง มีฤทธิ์ด้วยประการทั้งปวง เป็นอันว่าอภิญญา ๖ และวิชชา ๓ มีอะไร ปฏิสัมภิทาญาณก็มีหมด สำหรับปฏิสัมภิทาญาณนี้ต้องทรงสมาบัติ ๘ ก่อน
    องค์สมเด็จพระชินวรทรงคิดว่าจะไปเทศน์ให้ท่านอาจารย์ทั้งสองฟังเพื่อจะได้บรรลุมรรคผล ก่อนที่องค์สมเด็จพระทศพลจะทรงทำอะไรท่านมีพระพุทธญาณเป็นเครื่องรู้ ทรงใช้ทิพย์จักขุญาณดูว่าอาจารย์ทั้งสองเวลานี้อยู่ที่ไหน ก็ทราบได้ว่าเวลานี้ อาจารย์ทั้งสองตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นอรูปพรหม ไม่มีอายตนะคือไม่มีเครื่องรับ ไม่มีตาจะรับ ไม่มีหูจะรับ มีแต่ตาไม่มีหู ตีใบ้ก็ยังใช้ได้ มีแต่หูไม่มีตา ใช้เสียงก็ยังดี แต่นี่ไม่มีทั้งหูทั้งตา มีแต่จิตลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ สมเด็จพระบรมโลกนาถก็ทรงปลงอนิจจังว่า "โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว" เพราะว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วไม่มีโอกาสจะสนองคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง เนื่องจากไม่มีอายตนะจะรับ ความจริงพราหมณ์เขาก็เก่ง เขามีการสอนกันถึงสมาบัติ ๘
    พรหมที่ว่ามี ๒๐ ชั้น เป็นพรหมที่มีรูป ๑๖ ชั้นและพรหมที่ไม่มีรูปที่เรียกกันว่าอรูปพรหมอีก ๔ ชั้น ความจริงไม่ได้เป็นชั้นที่ต่อสูงขึ้นไปเป็นชั้นที่ ๑๗,๑๘,๑๙,๒๐ หมายถึงไม่ได้อยู่สูงกว่าพรหมที่มีรูปและอรูปพรหมไม่ได้ตั้งปนอยู่กับรูปพรหม แต่อยู่ในช่องกึ่งกลางระหว่างรูปพรหมชั้นที่ ๘ กับรูปพรหมชั้นที่ ๙ จะเห็นเป็นทะเลอากาศขาวเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราว มีความกว้างขวางมองหาที่สุดของพื้นที่ไม่ได้ หาวิมานสักหลังก็ไม่มี หารูปกายสักรูปหนึ่งก็ไม่มี สิ่งที่จัดว่าเป็นวัตถุในด้านของความเป็นทิพย์สักหน่อยหนึ่งก็ไม่มี แดนนี้เขาเรียกว่าแดนอรูปพรหม ที่เขาบอกว่าเป็นพรหมแล้วมีรูปร่างเหมือนฟักแฟง แบบนี้ยังไม่รู้จริง ถ้าหากว่ารูปไม่มีแล้วอะไรเป็นพรหม ก็จิตของพรหมแต่ละพรหมที่เห็นเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราวอยู่ในบริเวณของอากาศนั้นแต่ไม่มีรูป พรหมทั้งหลายพวกนี้ไม่มีรูปก็เพราะในสมัยที่เป็นมนุษย์เขาไม่ต้องการรูปเขาเกลียดรูป เนื่องจากเวลาหนาวก็ดี ร้อนก็ดี หิวก็ดี กระหายก็ดี ป่วยไข้ไม่สบายก็ดี ปวดอุจจาระปัสสาวะก็ดี ถูกเพื่อนต่อว่าหรือถูกเจ้าหนี้มาทวงหนี้ก็ดี เขาคิดว่าอาการที่ไม่ชอบใจทั้งหมดเป็นเพราะมีร่างกายเป็นสำคัญ ถ้ายังมีร่างกายอยู่เพียงใด ความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปรากฏแก่เรา ฉะนั้นจึงได้บำเพ็ญบารมีในด้านอรูปฌานคือ
    ๑) อากาสานัญจายตนะ พิจารณาอากาศเป็นสำคัญว่า อากาศหาที่สุดมิได้
    ๒) แล้วพิจารณา วิญญาณัญจายตนะ ดูวิญญาณว่า วิญญาณนี้ก็หาที่สุดมิได้เหมือนกัน
    ๓) แล้วก็ได้ อากิญจัญญายตนะ ถือว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นสำคัญ มันสลายตัวหมด
    ๔) แล้วก็พิจารณา เนวสัญญานาสัญญายตนะ เลยทำอารมณ์ของตัวเป็นคนที่มีความจำแต่ทำเหมือนว่าจำไม่ได้ คือไม่รับรู้อะไรทั้งหมด
    สำหรับอรูปพรหมทั้งหมด ๔ ชั้นนี้เป็นพรหมที่มีความอาภัพมาก เพราะว่าเวลาพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดไม่มีโอกาสจะรับฟัง ไม่เหมือนบรรดารูปพรหมทั้งหลายที่มีโอกาสฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า เมื่อฟังเทศน์แล้วแต่ละคราว บรรดาพรหมที่เป็นพระอริยเจ้าอยู่บ้างก็เป็นพระอรหันต์เข้านิพพานไป บรรดาพรหมที่ทรงฌานโลกีย์ก็เป็นพระอริยเจ้าเสียก็มาก เป็นอันว่าพรหมมี ๒๐ ชั้นก็จริง เป็นรูปพรหมเสีย ๑๖ ชั้น ตั้งอยู่ระดับหนึ่ง สำหรับอรูปพรหม ๔ ชั้นอยู่อีกเขตหนึ่งไม่ได้ปนกัน




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  17. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682


    “สุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี” นี้ตรงกับพระพุทธดำรัส (ขุ. ธ. ๒๕/๒๕/๔๒) ว่า “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ”



    นัตถิ สันติปะรัง สุขข้ง สุขอื่น ยิ่งกว่า คามสงบ
    ไม่มี






     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    คุณพรานยิ้ม รู้สึกติดใจความสุขเป็นพิเศษนะครับ

    แนะนำให้ลองค้นหาพระสูตรจริงๆ ที่มาจากพระไตรปิฏก จะดีกว่า

    บางท่านคิดว่า ขันธ์ ๕ ละได้หมด แล้วอะไรล่ะคือ ผู้ละ

    ขอให้เหลือ ผู้ละ ผู้พ้น นี่ล่ะ ผู้พ้นเข้าไปเสวยสุขในนิพพาน

    พวกนี้เป็นสสัตทิฏฐิ เห็นว่าอัตตาเที่ยง จิตเที่ยง

    ท่านไม่ห้ามสวรรค์ แต่ห้ามนิพาน

    กรณีท่านอาจารย์ทั้ง ๒ เป็นตัวอย่างที่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2011
  19. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +29
    ต้องการแบบนี้ละฮะ ไม่ขอไรมาก
     
  20. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258

    อนโมทนาธรรม ขอบคุณจริงๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...