สายพระป่าพระกรรมฐานพระทั่วไปเครื่องรางของขลัง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wasan112, 29 มกราคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วครับ

    939.พระชัยอยุธยา พระชัยที่เป็นพระบูชาประเภทหนึ่งสร้างด้วย "เนื้อสำริด" ตั้งแต่ ขนาดประมาณ 1 นิ้ว - 3 นิ้ว (อาจมีเล็กกว่านั้น หรือใหญ่กว่าบ้าง แต่ก็พบไม่มากนัก) ศิลปเป็นพระสมัยอยุธยา เศียรทรงเทริด(แต่บางองค์ก็เป็นแบบพระเมาลีแหลมเหมือนพระพุทธรูปทั่วไป) บางองค์มีเครื่องประดับพระวรกาย บางองค์ก็เรียบๆ โดยมากมักพบในกรุพระหรือในองค์เจดีย์ และมีการฝากกรุทั่วๆ ไป บางแห่งพบประดิษฐานอยู่ในช่องกำแพงพระอุโบสถ แต่คนไม่ค่อยเห็นคุณค่า จนมีชาวต่างชาติแอบเก็บสมบัติของชาติประเภทนี้ไปเป็นจำนวนมาก พุทธคุณครบทุกด้าน โดยเฉพาะอยู่ยงคงกระพันชาตรี ซึ่งพระชัยอยุธยานี้อายุการสร้างก็ เกือบๆ 500 กว่าปี องค์นี้สภาพสวยเดิม ๆ "ผิวหิ้ง"
    เปิดให้บูชา 4999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    125195.jpg 125193.jpg 125194.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2023
  2. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    940.รูปเหมือนปั๊มหลวงพ่อจ้อย รุ่นอายุ90ปี ปี 2545 เนื้อทองเหลือง วัดศรีอุทุมพร จ.นครสวรรค์
    ประวัติ หลวงพ่อจ้อย จันทสุวัณโณ เทพเจ้าแห่งเมืองปากน้ำโพ แห่งวัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์
    หลวงพ่อจ้อย นามเดิม จ้อย (ภาษาลาวกะลา แปลว่า ผอม) ฉายา จนฺทสุวณฺโณ นามสกุล ปานสีเทา วัดศรีอุทุมพร หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองกรด อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์

    ชาติภูมิ

    ตำบลพรวงสองนาง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี

    ชาติกาล

    วันอังคารที่ ๘ เมษายน ๒๔๕๖ (ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู) เห็นบุตรคนที่สอง ของนายแหยม นางบุญ ปานสีทา มีพี่น้องด้วยกัน ๖ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๓ คน คือ
    ๑.นางทองดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    ๒.พระครูจ้อย หรือ หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ
    ๓.พระภิกษุสิงห์ (มรณภาพแล้ว)
    ๔.นางแต๋ว (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    ๕.นางหนู เหล่าเขตกิจ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    ๖.พระภิกษุสุเทพ (มรณภาพแล้ว)

    อุปสมบท

    เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๗๖ ที่วัดดอนหวาย ตำบลพรวงสองนาง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี โดยมีพระปลัดตุ้ยเป้นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญธรรมเป็น พระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์บุญตา เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    วิทยฐานะ

    ๑. พ.ศ. ๒๔๗o จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดดอนหวาย อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี
    ๒. พ.ศ. ๒๔๘o สอบนักธรรมชั้นตรีได้
    ๓. พ.ศ. ๒๔๘๑ สอบนักธรรมชั้นโทได้
    ๔. การศึกษาพิเศษ หลักสูตรพระอภิธรรม และ วิปัสสนากรรมฐาน จากวัดระฆังโฆษิตาราม และ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร
    ๕. มีความรู้ความชำนาญในการเผยแพรีธรรมแก่พุธบริษัท และพระสงฆ์ที่ไปอยู่ปริวาสเป็นอย่างดี
    ๖. มีความรู้ความชำนาญในการก่อสร้างทุกชนิด

    เมื่อหลวงพ่อจ้อย อุปสมบทแล้วได้อยู่จำพรรษาเพื่อศึกษา พระปริยัติธรรมที่วัดดอนม่วง ตำบลวังม้า อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ จำพรรษาอยู่ ๕ พรรษา แล้วไปศึกษาพระอภิธรรม และปวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กับพระอาจารย์เจชินซึ่งมาจากประเทศพม่า และยังไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน กับท่านเจ้าคุณภาวนาภิราม (สุกปวโร) และหลวงปู่นาค ที่วัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งเป็นสายเดียวกันกับสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยมีหลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู ก็ไปศึกษาที่นั่นด้วย ใช้เวลาศึกษาอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตารามรวมหลายปี จึได้กลับมาจำพรรษาและพัฒนาวัดศรีอุทุมพร
    หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อจ้อย นิยมการออกธุดงค์รุกมูล (อยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร) ไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อแสวงหาความวิเวก ทดสอบความทดทน เพื่อเผาผลาญกิเลสตัณหา อันได้แก่ ความโลภ ความโกรธ และความหลง และเพื่อศึกษาสัจจธรรมอันเป็นหนทาง แห่งความหลุดพ้น ตลอดจน วิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ ต่างๆ ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงโด่งดัง หลวงพ่อจ้อย ได้ขึ้นไปตั่งต้นเดินธุดงค์ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ลงมาจนถึงจังหวัดนครปฐม และศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบกับหลวงพ่อฉาบวัดคลองจัน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครปฐม ได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ต่างๆ แก่กัน และหลวงพ่อยังได้มีโอกาศไปศึกษาวิชาอาคม กับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ ชื่อดังในสมัยนั้น จากนันได้ศึกษาอักขระขอมลาวจนมีความรู้แตกฉานเป็นอย่างดี

    ในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕o หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ เกิดอาการอาพาธอย่าง ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ร้านข้าวสาร " บุญมาพานิช" ซึ่งเป็นร้านของหลานสาวของ หลวงพ่อจ้อย พระใบฏีกาสมศักดิ์ ปญฺญาธโร รองเจ้าอาวาส วัดศรีอุทุมพร พร้อมด้วยลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ได้นำพาหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ โดยมีรถจากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์มารับ อาจากในระหว่างเข้ารับการรักษานั้น มีแต่ทรงกับทรุดหรือ บางครั้งดูเหมือนว่าจะดีขึ้น ลูกหลานและศิษยานุศิษย์เกิดความสงสารเห็น ท่านอยากจะกลับวัด

    ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕o ลูกหลานและศิษยานุศิษย์ จึงได้ขออนุญาตนายแพทย์ผู้รักษา นำหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ กลับวัดศรีอุทุมพรโดยมีรถจากโรงพยาบาลมาส่ง ถึงอาคารอเนกประสงค์วัดศรีอุทุมพร

    ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕o ในเช้าวันนี้เองหลวงพ่อจ้อย ให้สัญญาณว่า จะให้พาไปจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อไปพักผ่อนที่บ้านศิษยานุศิษย์ ผู้หนึ่ง แต่เมื่อถึงที่นั่นปรากฏว่าอาการยิ่งทรุดลงมาก ลูกหลานศิษยานุศิษย์ เลยต้องนำ หลวงพ่อจ้อย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเปลาโลวชิรปราการ ระหว่างการรักษาที่แห่งนี้ อาการก็มีทั้งดีขึ้นบ้าง ทรุดลงบ้างสลับกันอยู่อย่างนี้จนกระทั่งนายแพทย์ผู้ให้การรักษาให้ความเห้นกับลูกหลานและ ศิษยานุศิษย์ว่า ควรย้ายหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สะพานควาย กทม.

    ๑๓ มีนาคม ๒๕๕o หลวงพ่อจ้อย ได้รับการดูแลจากคณะแพทย์ แห่งนี้ด้วยดีตลอดมา อาการน่าเป็นห่วงและต่อจากนั้นในความเห้นของแพทย์ ลูกหลาน และศิษยานุศิษย์ ตกลงจะพา หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ กลับวัด ตามความประสงค์ของ หลวงพ่อจ้อย "ซึ่งจะเหมือนคนชราทั่วไปที่กล่าวว่าถ้าจะตายขอให้ไปตายที่บ้านดีกว่า" ในเวลาเช้าวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕o แพทย์ได้นำพา หลวงพ่อจ้ยอ จนฺทสุวณฺโณ กลับวัดศรีอุทุมพร โดยรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล

    เวลาประมาณ ๑๑.o๙ น. รถฉุกเฉินของโรงพยาบาลคันนั้นได้นำหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ ถึง วัดศรีอุทุมพร เครื่องช่วยกระตุ้นส่วนต่างๆ หยุดทำงานทันที ท้องฟ้าสีอันงดงามเป้นที่แปลกตาแปลกใจของผู้คนจำนวนมากที่ทราบข่าวแล้วมารอรับอยู่ที่วัด

    หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ ได้จากลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ และประชาชนที่เคารพนับถือ ไป ณ. วันเวลานั้นอย่างไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว


    "ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง

    คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้

    คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่นอยู่นา

    ตามแต่บาปบุญแล้ว ก่อเกื้อ รักษา"

    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    125184.jpg 125185.jpg


     
  3. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    941.พระกริ่งปวเรศ วัดบวรนิเวศ ก้นจปร.
    พระกริ่งรุ่นนี้จัดสร้างโดย โรงเรียนนายร้อยจปร. สร้างมานานประมาณ กว่า 20 ปีแล้ว ก่อนโรงเรียนจะย้ายไปเขาชะโงก โดยนำรูปแบบมาจากพระกริ่งปวเรศ ของวัดบวรนิเวศ จำนวนสร้าง 2513 องค์ แบ่งออกเป็นเนื้อนวะโลหะ 999 องค์ เนื้อทองคำ 10 องค์ ที่เหลือเป็นเนื้อทองผสม
    เปิดให้บูชา 4999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บารทครับ

    125190.jpg 125191.jpg 125189.jpg
     
  4. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    942.ตะกรุดตะปลูกเสกอุดผงพุทธคุณมีเกศามวลสารครบสูรต

    ตะปูเสกก่าสะท้อน(ป้องกัน,สะท้อนกลับ)เครื่องรางอันดับหนึ่งของล้านนา ที่มีคุณวิเศษทางด้านขับไล่ผีสางแก้คุณไสและป้องกันผีอาฆาตและมีคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยมในตัว เป็นเครื่องรางสายเหนือที่มีประสบการณ์จากลูกศิษย์ ครูบาท่านได้รับฉายาจากลูกศิษย์ลูกหาและผู้นับถือว่า ครูบาผีกลัว เครื่องรางนี้เป็นของ พระครูสิริธรรมโฆษิต(ครูบาสิงห์แก้ว)แห่งวัดปากกอง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สร้างไว้โดยมี มวลสารต่างๆดังนี้ ตะปูเสกก่าสะท้อน "สร้างจากตะปูที่ใช้เสกสะกดวิญญาณ" แล้วพอกด้วยผงพุทธคุณที่มีมวลสารต่างๆเช่นทรายเสก ก้านธูปเสก ผงหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ(หลวงพ่อสด ได้นำผงปากน้ำรุ่นสองมาให้ ครูบาสิริ ครั้งมาปลุกเสกพระที่วัดพระสิงห์ ) และข้าวก้นบาทครูบาสิริ ผงปัทมัง ผงอิทธิเจ และเกศามาผสม แล้วพอกที่ตะปูเสกลูกอมเกศาก็มีมวลสารเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตะปูเสกก่าสะท้อนใช้หรับป้องกันคุณไสให้สะท้อนกลับ และลูกอมใช้แก้คุณใสหรือผีเข้า พระครูสิริธรรมโฆษิต วัดปากกอง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเป็นลูกศิษย์ของครูบาสม วัดป่าแดด สารภี ซึ่งครุบาสมเป็นพระอยู่ในยุคเดียวกับครูบาเจ้าศรีวิชัย ยามเด็กท่าน(พระครูสิริธรรมโฆษิต) ลำบากมากเพราะคุณพ่อและคุณแม่ได้แยกทางกันท่านได้อยู่กับโยมแม่ ช่วยการงานของบ้านทุกอย่าง อดมื้อกินมื้อแต่ไม่ย่อท้อต่อสิ่งเหล่านี้เลย อุปนิสัยเช่นนี้จึงทำให้ท่านประสบผลสำเร็จในเวลาต่อมา วัตถุมงคลของท่านแต่ละชิ้น โดดเด่นทางด้านกันผี เหมาะสำหรับท่านที่ออกเดินทางค้างแรมในที่ต่างๆปัจจุบันนี้ของท่านเริ่มหายากแล้วครับขอบคุณข้อมูลคุณวิจารณ์ เมืองลือ (ศิษย์ใกล้ชิดครูบาสิงห์แก้ว) ปัจจุบันตะปูเสกพอกผงนี้เป็นที่แสวงหากันมาก และกลายเป็นของหายากไปแล้วครับตอนนี้ บางเวปราคาไปไกลหมื่นกลางๆก็มีคนเก็บครับเพราะของๆท่านมีประสบการณ์มากจริงๆ นักการเมืองท้องถิ่นท่านหนึ่ง(ไม่ขอออกนาม)ตามเก็บเป็นสิบครับเพราะตัวแกโดนทำของใส่นอนกลางคืนเอาไว้ใต้หมอน ตื่นเช้าตกใจตะปูตกบนผ้าห่ม ข้างเตียงเป้นสิบครับ เป็นแบบนี้อยู่ถึง 5 วันด้วยกัน แกถึงศรัทธามากๆและของสร้างน้อยมากๆครับใครมีกำลังก็เก็บเถอะครับ แบบฉบับตำราของท่านมีแค่หนึ่งเดียวในแผ่นดินจริงๆครับ

    เปิดให้บูชา 999บาทค่าจัดส่ง 50 บาท

    IMG_25660406_160511.jpg IMG_25660406_160524.jpg IMG_25660406_160543.jpg IMG_20230406_160131.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2023
  5. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วครับ

    943.พระชัยวัฒน์บรมครู32 ปี41

    พระชัยวัฒน์ พิมพ์พระพุทธมหามงคลมุนี เนื้อสัมฤทธิ์ ก้นอุดผงพราย พิธีบรมครู 32 พร้อมกล่องเดิม เคาะเดียวครับ
    ชื่อพระเครื่อง พระชัยวัฒน์ พิมพ์พระพุทธมหามงคลมุนี เนื้อสัมฤทธิ์ ก้นอุดผงพราย พิธีบรมครู 32 พร้อมกล่องเดิม เคาะเดียวครับ
    รายละเอียด พระชัยวัฒน์ พิมพ์พระพุทธมหามงคลมุนี เนื้อสัมฤทธิ์ ก้นอุดผงพราย พิธีบรมครู 32 พร้อมกล่องเดิม

    พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒

    เนื้อสัมฤทธิ์ ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุดผงพรายมวลสาร
    มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ลอยองค์ ,และ พิมพ์หลังเตารีด สร้างรวม ๑,๕๓๒ องค์ (พระสร้างปี 2549 ที่ฝากล่องพิมพ์ผิดเป็น 2541 )

    รายการสร้าง...

    พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒
    เขียนโดย Administrator
    อังคาร, 27 เมษายน 2010
    วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๑ ปีย่างเข้าปีที่ ๓๒ ของหลวงปุ่ทิม อิสริโก ประกอบกับ พระกริ่งชินบัญชรที่ถือกำเนิดในเทวีฤกษ์ สร้างขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ มีอายุการสร้างครบ ๓๒ ปี เช่นกัน ในวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่ทิมปีนั้นนอกจากจะทำบุญสัตมาวาร เพื่อระลึกถึงท่านดังเช่นที่ปฏิบัติกันมาทุกปีแล้ว วัดละหารไร่ ซึ่งมีพระครูวิจิตรธรรมาภิรัต (พระอาจารย์เชย) เจ้าอาวาสได้จัดพิธีเททองหล่อ “พระพุทธมงคลมหามุนี” ขึ้น (ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ชั้นล่าง ศาลาภาวนาภิรัต วัดละหารไร่)
    มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จึงถือเอาเป็นวันมหามงคล เททองสร้าง พระกริ่งชินบัญชร ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหารายได้ช่วยวัดละหารไร่ สร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆของมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก อาทิ หน่วยช่วยเหลือประชาชนเคลื่อนที่ที่มาบตาพุด โดยให้ชื่อว่า “พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒”


    พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ ถอดแบบจากพระกริ่งชินบัญชรองค์เดิมของหลวงปู่ทิม แต่จะดัดแปลงให้สวยงามและพระพักตร์ให้อิ่มเอิบเป็นเอกลักษณ์ เข้าหุ่นด้วยดินไทยและเททองหล่อแบบโบราณ ณ ลานวัดละหารไร่ ต่อหน้า “ องค์พ่อปู่ฤาษีอิสริโกมุนี “ พร้อม “พระพุทธมงคลมหามุนี” เวลา ๑๒.๓๙ น. โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง นั่งปรกปลุกเสกหน้าเตาหลอมทอง ๔ องค์ ๔ ทิศ คือ
    •ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) พระอาจารย์ สาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม
    •ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) หลวงพ่อ สิน วัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดพี่-วัดน้องกับ วัดละหารไร่ หลวงพ่อสินเอง เป็นศิษย์เอกอีกองค์หนึ่งของหลวงปู่ทิม ทั้งมีวัตรปฏิบัติที่งดงามเคร่งครัด และสำรวมยิ่งองค์หนึ่งของบ้านค่าย •ทิศอุดร (ทิศเหนือ) หลวงปู่ทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง พระเถระผู้มีกระแสจิตแก่กล้า นอกจากจะได้ชื่อว่า เสกเดี่ยวได้อย่างมั่นใจไม่ต้องให้ใครมาช่วยเดี่ยวแล้ว ท่านยังเป็นพระปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดัง ท่านรับนิมนต์มานั่งปรกที่วัดหลวงปู่ทิมด้วยความยินดี เพื่อช่วยให้กริ่งบรมครู ๓๒ ดังสุดๆอีกครั้งหนึ่ง
    •ทิศทักษิณ (ทิศใต้) ท่านเจ้าหรีด หรือพระครูบุญญาภินันท์ วัดปาโมกข์ จ.พังงา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์สายใต้องค์หนึ่งซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ท่านนั่งปลุกเสกประจำทิศใต้ ท่านนั่งปลุกเสกมีดหมอรุ่นไหว้ครู (๑พฤษาคม๒๕๔๙) ต่อหน้ารูปหล่อหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่มูลนิธิฯ คู่กับพระอาจารย์สาคร จนน้ำมนต์หมุนให้เห็นกันจะจะมาแล้ว และเหรียญรุ่น ๑ ของท่านเจ้าหรีดก็กำลังดังมีคนถูกยิงแล้วไม่ระคายผิว


    เมื่อวันเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ นอกจากฝนฟ้าจะว่างเว้นให้อย่างอัศจรรย์ ๒ วัน ๒ คืน ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทิม ตลอดจนเทพพรหมมากันมืดฟ้ามัวดิน จนบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดกล้า แล้วยังมีเหตุอัศจรรย์ที่จะเรียกว่าอภินิหารหรือปาฏิหารย์ก็เห็นจะไม่ผิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ท่ามกลางสายตาผู้เข้าชมการเททองพระกริ่งนับพันคน การเททองหล่อพระพุทธรูปเป็นภูมิปัญญาของไทยเรามาแต่โบราณ จนถึงยุครัตนโกสินทร์ก็มีบ้านช่างหล่อ มีตระกูล วงศ์ช่างหล่อ แต่ปัจจุบันการสร้างพระปฏิมากรขนาดเล็กแบบพระกริ่ง มีการทำกันอยู่ ๒ ลักษณ์ คือ สร้างด้วยดินไทย และ สร้างด้วยดินฝรั่ง การสร้างด้วยดินฝรั่งเป็นการดัดแปลงเอาวิธีการของฝรั่งมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูปขนาดเล็ก โดยเอาวัตถุที่ใช้พอกหุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อทำจิวเวอรี่ หรือหล่อวัตถุต่างๆอันได้แก่เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาดัดแปลงเป็นการหล่อพระที่เรียกว่า เหวียง แทนที่จะใช้ ดินไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมของบรรพบุรุษ
    การเททองแบบดินไทยต้องใช้ขี้วัวเป็นวัตถุดิบสำคัญ และต้องใช้ขี้วัวสดๆ ที่ถ่ายออกมาใหม่ๆ ผ่านกรรมวิธี เป็นดินพอกหุ่น
    พราหมณ์ซึ่งเป็นเจ้าพิธีการมาแต่ครั้งโบราณถือว่า ของที่บริสุทธิ์และเป็นมงคลตามธรรมชาติที่จะต้องนำมาใช้ในงานพิธีสำคัญๆไม่ว่าจะเป็นงานของชาวบ้านหรืองานพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ มีอยู่ ๒ สิ่งคือ หอยสังข์ และ มูลโค หรือขี้วัว หอยสังข์ใช้เป่าในงานพระราชพิธีต่างๆถือว่าเป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ ส่วนมูลที่โคถ่ายออกมาก็ถือว่าเป็นของบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ เพราะโคไม่เคยเบียดเบียนใคร กินแต่หญ้ามาโดยตลอด มูลโคจึงถือเป็นของบริสุทธิ์ บรรพบุรุษของเราจึงเอามาเป็นวัสดุสำคัญในการหล่อพระ
    การหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ตั้งใจทำด้วยความบริสุทธิ์ เอาสิ่งที่ถือว่าบริสุทธิ์ที่เกิดเองมาหล่อ เพื่อให้ท่านที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิม มีของมงคลของบริสุทธิ์ไว้ใช้ และคงเป็นความบริสุทธิ์ใจของคณะผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ขณะเททองประการแรกเมื่อได้ฤกษ์เททอง ๑๒.๓๙ น. อันเป็นราชาฤกษ์ เมื่อฆ้องประกาศฤกษ์ลั่นขึ้นพระอาทิตย์เวลาเที่ยงวัน ซึ่งกำลังส่องแสงอันแรงกล้าปราศจากเมฆหมอก ความร้อนจากแสงอาทิตย์กำลังแผดกล้า(หลังฝนตกหนักติดต่อกันมาแล้ว ๒ วัน เพราะดีเปรสชั่นเข้ามาทางภาคตะวันออก) ถ้าใช้มือป้องสายตามองขึ้นไปจะเห็นพระอาทิตย์กำลังทรงกลด

    คุณไพศาล ช่างการบินไทย ซึ่งพาภรรยามาร่วมพิธีด้วย เล่าให้ฟังภายหลังว่า ได้สะกิดให้ภรรยาซึ่งนั่งอยู่ในเต้นท์ที่อยู่ในประรำพิธีแหงนหน้าขึ้นไปมองพระอาทิตย์ มีเมฆหมอกมาบังให้ร่มเย็นอย่างอัศจรรย์ แต่ภรรยาซึ่งก็กำลังมองท้องฟ้าอยู่บอกว่า “อย่ามากวนใจกำลังมีความสุจ” ซึ่งอธิบายหลังพิธีว่า มองขึ้นบนท้องฟ้า เห็นรัศมีขาวใสดุจประกายเงินประกายทองของเทพ พรหม ครูบาอาจารย์เต็มไปหมด และโปรยปรายประกายเงินประกายทองลงมาในพิธี
    ขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องว่า น้ำทองกระโดด จึงหันหลังกลับไปดูการเททอง นายสมบัติ ชัยยะ ซึ่งเป็นช่างเททองของโรงหล่อ ขุน-ชิน ลูกศิษย์สายตรงของอาจารย์ มาลี พัฒนากร ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่สายพระกริ่ง ขณะที่ช่างสมบัติ ชัยยะ กำลังตักน้ำทองออกจากเตาหลอมเพื่อเทลงในเบ้าพระกริ่ง น้ำทองโลหะที่กำลังละลายเป็นน้ำเหลวๆมีอุณหภูมีกว่า ๔,๕๐๐ องศา เกิดระเบิดขึ้นมาจากเบ้า แตกกระเด็นมาถูกเสื้องานกริ่งบรมครู ๓๒ สีขาว(ด้านหลังมียันต์๕) ตรงต้นแขนด้านขวา ความร้อนของโลหะที่ละลายเป็นน้ำถูกเสื้อขาดเป็นรู แทนที่น้ำทองร้อนๆจากโลหะจะเจาะทะลุเข้าไปโดนเนื้อจนถึงกระดูกแล้ว กลับไหลเป็นน้ำตกลงไปยังพื้นทรายเททองรองรับไว้ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ที่เฝ้าชมการเททองนับร้อยๆคน จากนั้นต่างคนต่างวิ่งไปขอบูชาเสื้อตัวละ ๓๐๐ บาทซึ่งเหลือไม่กี่ตัวไปจนหมด ผู้ที่บูชาเสื้อไม่ได้ต่างขอบูชาต่อจากผู้ที่ได้ไป จนบางคนโก่งราคาถึงตัวละ ๑,๐๐๐ บาท ก็ยังมีผู้บูชาไป

    ส่วน กัปตันมานิตย์ รุธีรยุทธ ซึ่งมีซิกเซ้นต์ มาร่วมงานกับคุณพิมพ์กานต์แฟนสาว บอกผู้เขียนก่อนเริ่มการเททองให้หาอาสนะไว้ที่หนึ่ง ปูรองด้วยใบตองและหญ้าคา เพราะหลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่มาร่วมพิธด้วย กัปตันบอกว่าน่าจะเป็น สมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว ปรมาจารย์เจ้าของตำรับการสร้างพระกริ่ง หรือพระชัยฉลองพระเดชพระคุณที่ผมได้มาจากกุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม เรื่องที่เล่านี้เป็นความเชื่อของผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิมที่มาร่วมงาน
    การสร้าง พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ หรือ รุ่นทองกระโดด ครั้งนั้นจะสร้างแบบโบราณด้วยการเข้าหุ่นด้วยดินขึ้วัวหรือดินไทยแบบโบราณ โดยถอดแบบพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรกปี ๒๕๑๗ แล้วยังจะคงไว้ซึ่งของเก่าๆ สมัยหลวงปู่ทิม ยังมีชีวิตอยู่ และมอบให้ผู้เขียนไว้ โดยจะบรรจุผงอุดก้นด้วยมวลสาร

    แต่เมื่อเสียงฆ้องตีบอกฤกษ์ดังขึ้น ท้องฟ้าซึ่งขณะนั้นพระอาทิตย์กำลังส่องแสงอันร้อนแรงเพราะปราศจากเมฆหมอกมาบดบัง พลันเมฆหมอกจากที่ไกลๆก็พากันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้าครึ้มลง มีร่มเงาเกิดขึ้น อากาศเย็นสบาย

    •ผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้ง หลวงปู่ทิม อิสริโก
    •น้ำมันพระเจ้าตาก ที่ฝังไว้เมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน
    •น้ำมันใส่ผมตราสงกรานต์ ที่หลวงปู่ทิม ปลุกเสกในพระอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้ง เมื่อปี ๒๕๐๓ และเจ้าของนำมาฝากหลวงปู่ทิม ปลุกเสกต่อจนท่านมรณภาพ ก็ไม่มารับ(รวมเวลาที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกร่วม ๑๖ ปี)
    •จีวร น้ำมันเสือ น้ำมันพราย สีผึ้ง และปิดก้นด้วยจีวรดาดเพดาน หรือ คาย อันเป็นที่สถิตย์ของครูบาอาจารย์ เมื่อหลวงปู่ทิมทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในกุฏิของท่าน เมื่อตบแต่งพระกริ่งสำเร็จแล้วจึงลงรักปิดทองบูชา ให้สมชื่อ พรายกุมารทอง
    รายละเอียดการสร้างพระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ มีดังนี้

    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อสุวรรณชมพูนุท หรือทองคำ สร้าง ๓๒ องค์เท่ากับจำนวนปี ๓๒ ปีของอายุการสร้างพระกริ่งชินบัญชร ซึ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ ทุกองค์อุดมวลสารผงพรายกุมาร เม็ดลูกปืนเสกแม่ไม่ฆ่าลูกของหลวงปู่ทิมและปิดจีวรดาดเพดานเต็มฐาน
    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อพิเศษพรายเงิน เป็นเนื้อโลหะแข็งผสมทังสเตน (เหมือนเนื้อกริ่งชินบัญชร เนื้อบรมพุทโธ ปี๒๕๑๗) มองดูคล้ายเงิน แต่หนักและมีมวลสารมากกว่า ก้นอุดผงพรายมวลสาร และปิดจีวรดาดเพดานเต็มฐาน
    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อเงิน สร้าง ๓๓๒ องค์ แต่มีการเทเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ถึง ๔๐๐ องค์ ดังนั้นจึงตอกลำดับเลข ๑-๓๓๒ อุดผงพรายกุมารผสมวัตถุอาถรรพ์ ติดจีวรดาดเพดานเต็มฐาน
    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ อุดผงพราย,มวลสาร สร้าง ๒,๕๓๒ องค์ แต่เททองเผื่อ และตอกลำดับเลขไว้ถึงราว ๒,๖๙๙ องค์ (ส่วนที่เกิน หมายเลข ๒,๕๓๒ มักไม่จ่ายออกภายนอก แต่อาจนำไปหุ้มก้นเป็นนวโลหะก้นทองคำ, ก้นเงิน ,ก้นหุ้มทองแดง แทน)
    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ อุดผงพรยก้นหุ้มทองคำ สร้าง ๓๒ องค์
    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ อุดผงพรายก้นหุ้มเงิน สร้าง ๓๒ องค์
    •พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อทองทิพย์ อุดผงพราย,จีวรดาดเพดาน สร้าง ๑,๙๓๒ องค์
    •พระชัยวํฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ ขนาดบูชา ๕ นิ้วเทนำฤกษ์ ๑๒.๓๙ น. ถอดพิมพ์จากพระชัยวัฒน์ชินบัญชรปี๒๕๑๗ สร้าง ๓๙ องค์
    •พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อเงิน ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุดผงพรายมวลสาร สร้าง ๓๓๒ องค์
    •พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวะ ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุดผงพรายมวลสาร สร้าง ๒,๕๓๒ องค์
    •พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อสัมฤทธิ์ ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุดผงพรายมวลสาร มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ลอยองค์ ,และ พิมพ์หลังเตารีด สร้างรวม ๑,๕๓๒ องค์
    •พระอวโลกิเตศวร เนื้อนวโลหะ สร้าง ๙๓๒ องค์ อุดผงพรายมวลสาร

    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    IMG_25660406_160201.jpg IMG_25660406_160322.jpg IMG_25660406_160231.jpg IMG_25660406_160322.jpg IMG_25660406_160242.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2023
  6. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    944.เจ้าสัวหลวงพ่อพร วัดบางแก้ว นครปฐม เนื้อแร่ศักดิ์สิทธิ์

    ชื่อพระ
    เจ้าสัวหลวงพ่อพร วัดบางแก้ว นครปฐม เนื้อแร่ศักดิ์สิทธิ์
    รายละเอียด
    พระครูพิจิตรสรคุณ (หลวงพ่อพร ปภากโร)
    หลวงพ่อพร ปภากโร
    วัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    "หลวงพ่อพร" หรือ "อาจารย์พร" ของชาวบางแก้ว นครปฐม เป็นพระนักพัฒนา มีศีลาจารวัตรงดงาม ชาวบ้านบางแก้วเคารพนับถือ ไม่ว่าหลวงพ่อของเขาจะมีกิจกรรมพระศาสนาอะไรก็ตาม ก็ต้องช่วยกันขมีขมันขันแข็ง เห็นแล้วน่าชื่นใจ ชาวบ้านกับชาววัดเข้ากันได้เพราะเขาเห็นกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน จะดีไม่ดีอย่างไรก็รู้กันหมด พระที่ชาวบ้านใกล้วัดเคารพนับถือจึงน่าเชื่อได้ว่าเป็น พระแท้ผ่านการพิสูจน์กลั่นกรองด้วยสายตาของชาวบ้านที่มองดูทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ตั้งแต่หลายปีมาแล้วจนถึงปีนี้ เขาก็ยังเคารพนับถือกราบไหว้กันอยู่ จึงเชื่อได้ว่าพระรูปนั้นทำบุญได้สนิทใจ ให้เป็นเนื้อนาบุญที่หว่านลงไปแล้วงอกเงย งอกงามได้ผลบุญเป็นอานิสงส์อันประเสริฐ ชาติหน้าไปเกิดในสวรรค์นั่นแล
    “หลวงพ่อพร ปภากโร” หรือ "พระครูพิจิตรสรคุณ" กำเนิดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2506 ที่ตำบลสระกระเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม บิดาชื่อ นายหลำ มารดาชื่อ สอิ้ง นามสกุล “บัวคำ” เมื่อเด็กได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนมีชื่อเสียงใกล้บ้านเกิดคือ โรงเรียนสระกระเทียมวิทยาคม อาจารย์ใหญ่เป็นญาติกับผู้เขียนชื่อ “อาจารย์ชัยวัฒน์” จนจบชั้นมัธยมปีที่สาม จึงออกมาหางานทำเพื่อช่วยภาระครอบครัว โดยเดินทางไปพักกับญาติที่ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี ทำงานในโรงงานอยู่ได้ปีกว่า บิดา-มารดาอยากให้บวช โดยเฉพาะมารดามีความสนิทใกล้ชิดกับ พระปลัดใบ คุณวีโร วัดกลางบางแก้ว จึงได้พาไปฝากกับพระปลัดใบให้อุปสมบทในบวรพุทธศาสนา
    เมื่อไปถึงวัดกลางบางแก้วปลายปี พ.ศ.2525 ได้เห็นหลวงปู่เพิ่ม มีสง่าราศีผ่องใสเรียบร้อยนุ่มนวล หลวงพ่อพร เล่าว่า สมัยนั้นเห็นหลวงปู่เพิ่มแล้วก็ศรัทธาอยากจะบวชอยู่กับท่าน จึงได้กำหนดงานบวชที่วัดกลางบางแก้ว เตรียมซ้อมขานนาคแล้วจะให้ หลวงปู่เพิ่ม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดใบ คุณวีโร จึงกำหนดให้บวช วันที่ 27 มีนาคม 2526 เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมท่องขานนาคจนแคล่วคล่องดีแล้ว เมื่อถึงวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2526 หลวงปู่เพิ่มก็มรณภาพไปเสียก่อน หลวงพ่อพร เล่าว่า รู้สึกเสียใจ แต่ก็มุ่งมั่นอุปสมบทในวัดกลางบางแก้วต่อไป โดยได้นิมนต์ พระครูวิบูลย์สิริธรรม วัดตุ๊กตา มาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดใบ คุณวีโร วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์คำ วัดตุ๊กตา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "ปภากโร"
    เมื่อบวชแล้วก็อยู่รับใช้ใกล้ชิดกับ พระปลัดใบ คุณวีโร ช่วยงานตั้งแต่เริ่มต้น ช่วยบดยาทำยาจินดามณี เรียนรู้คาถาอาคมจากพระปลัดใบ คุณวีโร ซึ่งได้ถ่ายทอดวิชาพุทธาคมกับหลวงปู่เพิ่มไว้มาก ดังนั้น “หลวงพ่อพร” จึงโชคดีได้เป็นสานุศิษย์ของ พระปลัดใบ คุณวีโร ซึ่งทำเบี้ยได้ขลังมาก แต่ช่วงชีวิตท่านรักษาการเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วได้ปีเดียวก็มรณภาพ พระปลัดใบรูปนี้มีบทบาทในการพัฒนาวัดกลางบางแก้วมากรูปหนึ่ง เมื่อพระปลัดใบมรณภาพแล้ว “หลวงพ่อพร” ก็ได้ไปรับใช้ พระครูสิริชัยคณารักษ์ (สนั่น) เจ้าคณะอำเภอและเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วรูปต่อมา เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาก ขณะเดียวกันก็ไปรับใช้ใกล้ชิด “หลวงปู่เจือ” อยู่เสมอ สังเกตได้ว่าแม้แต่งานศพหลวงปู่เจือ “หลวงพ่อพร” เป็นผู้จูงศพลงจากศาลา แสดงว่าใกล้ชิดเป็นพิเศษ ครั้นพอวัดกลางบางแก้วสร้าง พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก เสร็จแล้ว ท่านพระครูสิริชัยคณารักษ์ (สนั่น) เจ้าอาวาส ได้มอบให้ “หลวงพ่อพร” ไปอยู่ดูแลพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก เพราะห้องนอนของท่านอยู่ติดกับห้องคัมภีร์โบราณ ตำรับตำราของวัดกลางบางแก้วที่สืบมาแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงหลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม มีเวลาว่างท่านก็อดไม่ได้ที่จะค้นคว้าหาดูเป็นแนวทาง ทำให้มีความเข้าใจวิชาการต่างๆ ได้พอสมควร
    กาลต่อมา เมื่อหลวงพ่อปุ่น เจ้าอาวาสวัดบางแก้วได้มรณภาพจากไปเมื่อปี พ.ศ.2546 ก็ทิ้ง “งาช้างดำ” เอาไว้เป็นสมบัติวัดบางแก้ว ร้อนถึง พระครูพิทักษ์วีรธรรม (สืบ ปริมุตโต) เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสวัดสิงห์ ต้องจัดหาพระไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแก้วแทนหลวงพ่อปุ่น สำคัญต้องไปดูแล “งาช้างดำ” สมบัติมีค่าของวัดสืบแทนด้วย จึงมองหาพระใน วัดกลางบางแก้ว ที่มีหน่วยก้านดี ศีลาจารวัตรใช้ได้ ที่สำคัญต้องสัตย์ซื่อ ไม่มีกิเลสตัณหาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนอกจากจะต้องไปปกครองคณะสงฆ์ดูแลวัดบางแก้วแล้ว ต้องไปดูแลรักษา “งาช้างดำ” ของศักดิ์สิทธิ์มีค่าอีกด้วย ถ้าเอาพระไม่ดี ไม่เข้าท่าส่งไป ชาวบ้านจะว่าเอาได้ แถมจะเอา “งาช้างดำ” ไปขายให้เสียหายทั้งวัด และผู้ส่งไปคือท่าน พระครูพิทักษ์วีรธรรม (สืบ) เองอีกด้วย มองหาอยู่นาน สังเกตดูถี่ถ้วนรอบคอบ เพราะ พระครูพิทักษ์วีรธรรม รูปนี้ท่านมีนิสัยละเอียดรอบคอบ ท่านพิจารณาอยู่นานจึงเห็นว่า “พระพร ปภากโร” จากวัดกลางบางแก้ว เป็นพระที่พรรษาสูง มีหน่วยก้านดี มีวินัย และศีลาจารวัตรเคร่งครัด จึงตัดสินใจส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางแก้วเมื่อปี พ.ศ.2546 “หลวงพ่อพร” ก็ทำให้ไม่ผิดหวัง จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 เป็นต้นมา

    เปิดให้บูชา 799 บาทค่าจัดส่ง 50บาทครับ

    IMG_25660406_162624.jpg IMG_25660406_162637.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2023
  7. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วครับ

    945.เหรียญกินบ่เสี้ยงหลวงพ่อเกษม เขมโก
    เปิดให้บูชา 2999 บาท ค่าจัดส่ง 50บาท ครับ IMG_25660406_104414.jpg IMG_25660406_104425.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2023
  8. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    946.เหรัยญตะกั่วท้าวเวสสุวรรณ
    เปิดให้บูชา 699 บาท ค่าจัดส่ง 50บาทครับ
    IMG_25660406_171756.jpg IMG_25660406_171806.jpg
     
  9. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    947.เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อบุญรัตน์กับลูกแก้วหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ
    ท่านพระครูปิยรัตนาภรณ์ (พระบุญรัตน์ กันตจาโร) ที่ได้เล่าถึงอุปการคุณของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่มีต่อวัดโขงขาวไว้ดังนี้

    วัดโขงขาว ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดมาตั้งแต่โบราณกาล ไม่อาจนับได้ว่ากี่ปี แต่ก็มีคำเล่ากล่าวสืบๆ กันมาว่า สร้างก่อน พระนางเจ้าจามเทวี สวรรคต เพราะว่าเจ้าแม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากจึงสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ดังจะเห็นได้ว่าวัดในลำพูน-เชียงใหม่ จะมีวัดติดวัด วัดโขงขาวเป็นวัดเล็กๆ ซึ่งมีหมู่บ้านที่อุปถัมภ์ไม่กี่หลังคาเรือน มีทุ่งนาล้อมรอบในสมัยก่อนเป็นวัดที่ห่างไกลความเจริญ ถนนหนทางก็ไม่ดีมีแต่เส้นทางเดินเล็กๆ พอสัญจรไปมาเท่านั้น ถาวรวัตถุภายในวัดก็มีแต่พระวิหารหลังเล็กๆ เก่ามาก จำนวน ๑ หลัง ด้านหลังพระประธานจะมี "โขง" ถ้าแปลตามภาษาภาคกลางว่า "ซุ้ม" โขง หรือ ซุ้ม นี้คนโบราณคงจะเอาสีขาวมาทาก็เลยตั้งนามวัดว่า "วัดโขงขาว" ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน และก็มีพระเจดีย์ติดต่อกับซุ้มออกไป นี่เป็นของโบราณมาตั้งแต่สร้างวัด และก็มีศาลารอบพระวิหารอยู่ ๒ ข้างเท่านั้น นอกจากนั้นก็มีกุฏิที่พักสงฆ์เป็นเรือนไม้จำนวน ๑ หลังเก่าแก่มาก นอกจากที่กล่าวมานี้ไม่มีอะไร เพราะชาวบ้านที่อุปถัมภ์วัดแถวนี้ยากจนหาเช้ากินค่ำไปวันๆ เท่านั้น

    วัดโขงขาวนี้มีเจ้าอาวาสปกครองมาโดยตลอดมิได้ขาด สภาพความเป็นอยู่ของวัดลำบากมาก ถาวรวัตถุก็ทรุดโทรมไปตามสภาพของกาลเวลา ผู้คนที่สัญจรไปมาผ่านวัดมักจะพูดเป็นทำนองเดียวกันว่า อีกไม่ช้าเท่าไหร่ วัดโขงขาวคงจะกลายเป็นวัดร้างไปแน่นอน คณะสงฆ์ส่วนใหญ่ และชาวบ้านถิ่นนั้นมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะหมดหนทางที่จะช่วยเหลือได้

    พอดีประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เดือนสิงหาคม ฤดูฝนกลางพรรษา ฝนตกมาก ในขณะนั้น อาตมาภาพได้รับนิมนต์ไปงานศพแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ทั้งวัน พอเผาศพเสร็จแล้วเจ้าภาพก็นำมาส่งที่วัด พอรถเลี้ยวเข้ามาตามถนนกลางทุ่งนา ก็มีรถสวนทางมาพอดี คนในรถก็ลงมาจากรถมาถามว่า เจ้าอาวาสวัดโขงขาว อยู่ในรถใช่ไหมครับ คนขับรถก็บอกเขาไปว่าอยู่ในรถ เขาขึ้นรถแล้วกลับรถเข้ามาพร้อมกันที่วัด มาถึงวัดแล้วเขาก็กราบเรียนว่า ผมมาจากกรุงเทพฯ เป็นลูกศิษย์ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร วัดท่าซุง อุทัยธานี คณะนี้มาประมาณ ๕ คน

    ถ้าจำไม่ผิด อาตมาก็เลยถามว่า โยมมีธุระอะไร เขาก็กราบเรียนว่า มานมัสการท่าน และมาดูวัด เขาก็เล่าต่อไปว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกให้มา เพราะว่าเป็นวัดเก่าและวัดนี้มีความผูกพันกับหลวงพ่อมาตั้งแต่สมัยก่อนโน้น อาตมาก็ลืมมิได้ถามชื่อญาติโยมคณะนั้นไว้ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาก็มีคณะศิษยานุศิษย์ลูกหลานพระเดชพระคุณมาทำบุญเรื่อยๆ จนมาถึง พ.ศ. ๒๕๑๘ ก็มีคณะ คุณอำนาจ มณีน่วม บางรัก กรุงเทพฯ ร้านเตียง้วนเฮียง คุณแม่นิภา ผลิตผลการดี คุณสกล อาชวพร นำพาลูกหลานญาติมิตรสหาย คณะศิษย์พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ มาวัดโขงขาวในรูปถวายสังฆทาน - ทอดผ้าป่า - ทอดกฐิน ทางวัดก็เลยรื้อกุฏิไม้หลังเก่าออกสร้างกุฏิหลังใหม่ขึ้นแทนตามคำสั่งของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ท่านก็ฝากเงินมาถวายทำการก่อสร้างวัดอยู่ตลอด ของใช้ภายในวัดพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็ให้คณะศิษย์นำมาถวายโดยมิได้ขาด เพราะว่าที่วัดไม่มีของใช้เท่าที่ควร เมื่อสร้างกุฏิเสร็จแล้ว พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็สั่งให้สร้างหอฉัน - โรงครัว เมื่อสร้างเสร็จ พ.ศ.๒๕๒๔ พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็สั่งให้สร้างศาลา เสร็จแล้วก็สร้างกุฏิถวายพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ๑ หลัง สร้างเรียบร้อยแล้ว ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๒๕ ก็ได้กราบอาราธนานิมนต์พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ มาที่วัด วันนั้นอากาศหนาวมาก ญาติโยมชาวอำเภอหางดง และอำเภอเมืองเชียงใหม่มาคอยกราบนมัสการท่านพ่อเป็นจำนวนมาก พอพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ เดินทางมาถึง แล้วก็กราบอาราธนาขึ้นศาลา สถานที่ถวายการรับรอง เมื่อพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ กราบพระประธานแล้ว พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็เล่าว่าเมื่อกี้นี้ หลวงปู่ชุ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของฉันมาบอกว่า ขอให้บูรณะวิหารวัดนี้ให้เป็นพระอุโบสถด้วยนะ และช่วยสร้างวัดนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยนะ และหลวงพ่อท่านก็เล่าต่อไปว่า วัดนี้เป็นวัดที่ท่านแม่เคยมาสร้างไว้มีความผูกพันกันมา วัดนี้สำคัญมาก พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ เรียกอาตมาภาพเข้าไป ท่านบอกว่า

    "บุญรัตน์ ลูกเอ้ย เคยเกิดเป็นลูกพ่อมาได้หลายชาติหลายปางแล้วนะลูกนะ ขอให้ลูกช่วยเป็นกำลังของพระศาสนาด้วย อย่าได้เข้าป่าตามที่ลูกคิดไว้นะพ่อจะเอากฐินมาทอดตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทุกปีนะ"

    ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นต้นมา พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็ได้นำคณะศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐินทุกปีตามที่พระเดชพระคุณท่านปรารภไว้ ทางวัดก็ได้สร้างถาวรวัตถุตามที่ท่านพ่อได้สั่งให้ทำ เช่น กุฏิพักสงฆ์หลายหลัง - ที่พักญาติโยม - ห้องกรรมฐาน - แทงค์น้ำ ซื้อที่ดินถวายวัดให้กว้างขวางขึ้น เพราะว่าที่ดินเก่าของวัดมีไม่กี่ไร่ พอมาถึง พ.ศ.๒๕๓๒ ท่านพ่อนำคณะลูกศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐิน พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ สั่งว่า ให้สร้างศาลาอีก ๑ หลัง ให้กว้างหน่อยทำเป็น ๒ ชั้น บรรจุคนได้มากหน่อย อาตมาภาพก็กราบเรียนท่านว่า เกล้าฯ ไม่ทราบว่าจะหาเงินที่ไหนมาสร้างขอรับ พระเดชพระคุณท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไรเรื่องเงินพ่อจะหามาให้ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าพ่อไม่ช่วยลูกแล้วพ่อจะช่วยใคร" พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ให้กำลังใจดีมาก หลังจากทอดกฐินแล้ว ก็เริ่มสร้างศาลาโดยใช้เวลาก่อสร้าง ๒ ปีเศษ สิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด ๑๕ ล้านบาทเศษ ทางวัดก็กราบเรียนถวายพระเดชพระคุณฯ ขออนุญาตตั้งนามศาลาอันเป็นมงคลว่า "ศาลาพระราชพรหมยานไพศาลภาวนานุสิฐ" เพื่อถวายเป็นอนุสรณ์แด่พระเดชพระคุณท่านฯ

    ปี พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านพ่อก็ได้นำคณะศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐินท่านก็สั่งการว่า "บุญรัตน์ ลูกเอ้ย ปีนี้ขอให้สร้างพระพุทธรูปปางลีลา-รูปเหมือนหลวงพ่อปาน-รูปเหมือนพ่อตั้งประดิษฐานที่หน้าศาลานี้เพื่อไว้ให้ลูกหลานสักการบูชาในขณะที่พ่อไม่อยู่ และให้สร้างรูปท่านแม่จามเทวี พร้อมรูปเจ้าแม่กวนอิมไว้ เผื่อลูกหลานพ่อมาจะได้ระลึกถึง เมื่อสร้างเสร็จแล้วปีต่อไปให้สร้างศาลารอบพระอุโบสถ บูรณะพระอุโบสถให้เสร็จนะ แล้วทำการผูกพัทธสีมา เพื่อให้ถูกต้องตามพระวินัยสืบต่อไปนะลูก ส่วนกำแพงรอบวัดนั้นให้ทำหลังจากฝังลูกนิมิตแล้วนะ" ตามที่กล่าวมานี้เป็นคำสั่งของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ได้สั่งการเอาไว้ อาตมาภาพในฐานะที่เป็นลูก ก็ต้องเจริญรอยตามที่พระเดชพระคุณท่านฯ สั่งไว้ทุกประการ

    ขอย้อนหลังไปปี พ.ศ.๒๕๓๓ พระเดชพระคุณท่านฯ มาทอดกฐินที่วัด เวลาตอนเช้าท่านพ่อได้พาลูกหลานเดินชมวัด พอมาถึงหน้าพระวิหาร ท่านพ่อได้เล่าว่า "ชาติก่อนหน้านี้เขาได้นำเอาศพพ่อมาฝังไว้ใต้พระสถูปเจดีย์แห่งนี้ พร้อมด้วยข้าวของของพระบุญรัตน์นี่แหละ เพราะเหตุนี้จึงได้นำกฐินมาทอดทุกปี วัดนี้มีความสำคัญกับหลวงพ่อมากนะ" ตามที่ได้กล่าวมานี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากมาย ไม่อาจนำมาพรรณนาเป็นภาษาอักษรได้หมดสิ้น จึงนับได้ว่าพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ได้มีพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ไพศาลต่อวัดโขงขาวเป็นอย่างมาก สมดังคำหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก - หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร ได้เล่าไว้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นพระทองแท้ มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีบุญบารมีอันสูงส่งหาใครเปรียบมิได้ รู้ใจคนเก่ง มีสมาธิธรรมอันสูงส่ง มีเจโตอันแจ่มใสชัดเจนมาก

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ อาตมาได้ไปกราบท่านพ่อที่ซอยสายลมประมาณเดือนมกราคม พอก้มกราบเท้าท่าน ๓ ครั้ง เงยหน้าขึ้นมา พระเดชพระคุณท่านบอกว่า "บุญรัตน์ลูกเอ้ย ให้ลาพระพุทธภูมิเสียนะลูก เอานิพพานดีกว่าไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วนะ" อาตมาจึงคิดได้ว่า พระเดชพระคุณท่านพ่อรู้ใจเราอย่างถูกต้องได้ดี ก็กราบเรียนท่านว่า "ขอรับครับผม" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อาตมาก็ลาพระพุทธภูมิปรารถนาเอาพระนิพพานเป็นที่สุด ต่อมาประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ เหมือนกัน ก็ไปกราบพระเดชพระคุณท่านที่วัดท่าซุง ท่านบอก "ดีแล้วลูก เอานิพพานเป็นที่มั่นหมายไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วนะลูก นิพพานัง ปรมังสุขังนะ" อาตมาได้ยินท่านพูดแล้วก็ดีใจ ชื่นใจมาก และก็ได้ปฏิบัติเจริญรอยตามคำสั่งของท่านพ่อทุกประการ.

    (ในการจากไปของหลวงพ่อบุญรัตน์ครั้งนี้ ท่านจากไปเพียงสังขารเท่านั้น ส่วนคุณงามความดียังอยู่ทุกประการ บุญกุศลใดที่บรรดาลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ได้ทำบุญอุทิศถวายหลวงพ่อบุญรัตน์ ในครั้งนี้ ขอจงโปรดรับโมทนาอันเป็นมหากุศลในครั้งนี้ ผมและลูกหลานพระราชพรหมยาน เฝ้ารอวันได้เข้าพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้
    เปิดให้บูชา 399บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    IMG_25660406_204043.jpg IMG_25660406_204052.jpg
     
  10. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    948.พระชุดวัดธรรมการหลวงพ่อสด
    เปิดให้บูชา 399 บาทค่าจัดส่ง 50บาทครับ

    IMG_25660406_204149.jpg IMG_25660406_204204.jpg
     
  11. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วครับ

    948.พระผงบรมี81หลวงพ่อเกษม
    เปิดให้บูชา 99 บาทค่าจัดส่ง 50บาทครับ

    IMG_25660406_204105.jpg IMG_25660406_204115.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2023
  12. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    949.เหรียญพระแก้วมรกตปี2525
    เป็นเหรียญดีพิธีใหญ่ครับ
    เปิดให้บูชา 99 บาท ค่าจัดส่ง 50บาทครับ

    IMG_25660406_204217.jpg IMG_25660406_204231.jpg
     
  13. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    950.เหรียญสามอาจารย์ หลวงพ่อปาน ลพ.เรือง ลพ.หวง วัดมงคลโคธาวาท สมุทรปรการ อัลปาก้า รุ่นพิเศษ
    เปิดให้บูชา 250 ค่าจัดส่ง 50บาทครับ

    IMG_25660406_204242.jpg IMG_25660406_204252.jpg
     
  14. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    949.พระผงหลวงปู่คำแสน
    เปิดให้บูชา 199บาทค่าจัดส่ง 50บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    950.อ. วังชิ้น ในสมัยโบราณเรียกว่าเมือง"ตรอกสลอบ"

    เมืองตรอกสลอบ ตั้งอยู่บริเวณตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น ตรงปากลำห้วยสลก ตัวเวียงขนาดเล็กมีฟื้นที่ราว ๑๒๐-๑๕๐ ไร่ บริเวณเมืองเป็นที่ตั้งสถานที่ราชการของอำเภอวังชิ้นในปัจจุบัน ลักษณะการตั้งเมืองแห่งนี้คงมีความประสงค์เพื่อจะเป็นด่านควบคุมการคมนาคมเรือตามลำห้วยลำน้ำยมมากกว่าอย่างอื่น

    อาจารย์พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ นักวิชาการจากกรมศิลปากร ได้อธิบายความสำคัญของเมืองตรอกสลอบไว้ในหนังสือสารานุกรมสุโขทัยศึกษา ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราชว่า "เมืองตรอกสลอบ" ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาหรือฝั้งตะวันตกของแม่น้ำยม ในเขตท้องที่อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ปัจจุบันยังปรากฏร่องรอยเป็นคูเมืองและคันกำแพงดินล้อมรอบ มีแผนผังคดโค้งไปตามสภาพของภูมิประเทศที่ตั้งเมือง ภายในเมืองยังพบเศษเครื่องปั้นดินเผเคลือบชนิดที่ทำในแคว้นสุโขทัย อย่างที่เรียกว่า เครื่องสังคโลก นอกจากนี้ก็ยังมีเศษเครื่องปั้นดินเผาเคลือบอย่างที่ทำในล้านนาด้วย แสดงว่าเมืองนี้มีอายุมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และมีความสัมพันธ์กับแคว้นสุโขทัยในทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเมืองตรอกสลอบอยู่เหนือไปจากเมืองศรีสัชนาลัยตามทางแม่น้ำยมประมาณ๖๐ กิโลเมตร์"

    จารึกเมืองตรอกสลอบ ที่ได้จากวัดบางสนุก จารึกด้วยอักษรไทยเป็นภาษาบาลีและภาษาไทยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งกล่าวว่า "...ขุน(อู)---ว เมืองตรอกสลอบ แลแซงุน แผ่ใจรักมักบุญธรรมเปนผู้ใจดี ชวนลูกเจ้าลูกขุนมูลนายไพล่ไทย ทั้งชาวแม่ ชาวเจ้าทั้งหลาย พิมพ์รูปพระด้วยเหียกดีบุก ด้วยดินว่านได้หมื่นพันร้อยแปดอัน พระธาตุอันหนึ่ง..."
    ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อถือศรัทธาในพระพุทธศาสนา แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวัฒธรรมของเมืองตรอกสลอบในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี นักวิชาการกำหนดอายุของศิลาจารึกหลักนี้ว่า อยู่ในปี ๑๘๘๒ ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัย และภายหลังการขยายอำนาจของล้านนา ซึ่งได้รวมเอาเมืองแพร่ น่านเข้าไว้กับล้านนาด้วย เมืองตรอกสลอบก็น่าที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นล้านนาด้วยเช่นกัน

    เครดติ: ข้อมูลจากเว็บพระเครื่องเมืองแพร่

    เมืองตรอกสลอบ ตั้งอยู่บริเวณตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น ตรงปากลำห้วยสลก ตัวเวียงขนาดเล็กมีฟื้นที่ราว ๑๒๐-๑๕๐ ไร่ บริเวณเมืองเป็นที่ตั้งสถานที่ราชการของอำเภอวังชิ้นในปัจจุบัน ลักษณะการตั้งเมืองแห่งนี้คงมีความประสงค์เพื่อจะเป็นด่านควบคุมการคมนาคมเรือตามลำห้วยลำน้ำยมมากกว่าอย่างอื่น


    พระพิมพ์จากเมืองตอกสลอบ จากจารึกของวัดบางสนุก อำเภอวังชิ้น ได้กล่าวถึงเจ้าเมืองตอกสลอบและขุนนาง ได้ชักชวนคนให้ทำบุญสร้างเจดีย์ บรรจุพระพิมพ์ที่ทำด้วยดีบุกและดิน รวมทั้งการสร้างพระธาตุและอุทิศตนให้เป็นข้าทาสของวัด จารึกนี้เป็นอักษรสุโขทัยสันนิษฐานว่าจารึกขึ้นใน พ.ศ.๑๘๘๒ พระร่วงยืนเปิดโลก กรุวังชิ้น พบพระพิมพ์อยู่ในไห จำนวน๕ ไห ส่วนใหญ่เจอพระบุเงิน บุทอง พระว่านหน้าทอง หน้าเงิน เป็นส่วนมาก แต่ชำรุดเป็นส่วนมาก พระร่วงยืนเปิดโลก เนื้อชิน ขึ้นมาไม่มากนัก พบในซากฐานเจดีย์วัดร้างในบริเวณสวนส้ม เหนือวัดบางสนุก(อำเภอวังชิ้น) ประมาณ ๓๐๐ เมตร ในปี๒๕๒๘ พุทธลักษณะเป็นพระพิมพ์ศิลปสุโขทัย
    อายุพระประมาณ 700กว่าปีครับ
    เปิดให้บูชา 4999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    U19744266381662705326439561.jpg

    U19744266381662705340479592.jpg
     
  16. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    951.นางกวักแม่บุญเรือน2499เนื้อดิน
    เมื่อเร็วๆ นี้ วัดอาวุธวิกสิตาราม ได้ทำพิธีเปิดกรุพระเก่า อย่างเป็นทางการ กลายเป็นข่าวฮือฮาในวงการนักสะสมพระเครื่อง เมื่อพบพระเครื่องยอดนิยมจำนวนมาก ทั้งพระพิมพ์สมเด็จฯมงคลมหาลาภ สร้างเมื่อปี ๒๔๙๙ พระสมเด็จฯพิมพ์ประจำวัน เนื้อผงผสมว่าน เนื้อดินเผา และ พระพุทโธน้อย สร้างในยุคของหลวงพ่อสงวน โฆสโก อดีตเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม และ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม .. ซึ่งปัจจุบันวัตถุมงคลของคุณแม่บุญเรือน ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะ "พระพุทโธน้อย" พิมพ์จัมโบ้ เนื้อขาว สร้างปี ๒๔๙๔ สนนราคาเล่นหาหลักแสนขึ้น รวมถึงพิมพ์พระสมเด็จฯหลังยันต์และหลังเรียบ และพระสมเด็จฯพิมพ์ประจำวัน สนนราคาเล่นหาสูงมากเช่นกัน
    .. พระเทพปัญญามุนี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม กล่าวว่า อาตมาพร้อมคณะสงฆ์ ได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เปิดกรุพระเก่าใต้ฐานชุกชี พระพุทธชินราชจำลอง พระประธานในพระอุโบสถอย่างเป็นทางการ ซึ่งพระอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๗ วางศิลาฤกษ์โดย สมเด็จฯพระอริยวงศาคตญาณฯ (จวน อุฏฐายี) สมเด็จฯพระสังฆราชฯ วัดมกุฏกษัตริยาราม สมัยยังดำรงสมณศักดิ์เป็น สมเด็จฯพระมหาวีรวงศ์ ส่วนพระประธานในพระอุโบสถ เททองหล่อสร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๙ .. หลังจากนั้นได้นำวัตถุมงคลจากโบสถ์เก่าทั้งหมดที่สร้างไว้ในยุคของ พระสิทธิสารโสภณฯ หรือ พระอาจารย์สงวน โฆสโก อดีตเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม และ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มาบรรจุไว้จำนวนมาก มีทั้ง พระพุทโธน้อย แกะพิมพ์โดย อาจารย์ชอบ อนุจารี ... พระพิมพ์สมเด็จฯมงคลมหาลาภเนื้อผงผสมว่านและมวลสารอันเป็นมงคลต่างๆสร้างเมื่อปี๒๔๙๙ โดยมีหลวงพ่อลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เป็นผู้ประสานงาน ได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์สายพระกัมมัฏฐาน สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต.. พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร.. หลวงพ่อตื้อ อัจธรรมโม.. พระอาจารย์วัน อุตตโม.. ท่านพ่อลี วัดอโศการาม และพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งแรกที่วัดสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ ๕-๑๐ มีนาคม ๒๔๙๙ จากนั้นได้นำไปเข้าพิธีอีกครั้งหนึ่งที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง ในวันที่ ๒๓-๓๑ มีนาคม ๒๔๙๙ เป็นเวลา ๑๙ วัน ๑๙ คืน โดยมี คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมทั้งร่วมอธิษฐานธรรมกับ ลป.ทิม อิสริโก ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี "

    .. นับเป็นวัตถุมงคลอีกชุดหนึ่ง ที่มีประวัติชัดเจน และเป็นที่เสาะหาสะสมของลูกศิษย์ที่นับถือไม่ต่างจากพระพุทโธน้อย ทุกวันนี้องค์สวยๆราคาขยับสูงขึ้นอย่างมากครับ ต่อไปคงหายากเย็นเช่นกัน

    .. องค์นี้พิมพ์แม่นางกวัก หลังเรียบ เนื้อดินเผา เนื้อหนึกนุ่ม สภาพสวย สมบูรณ์มาก พิมพ์คมชัดลึก ขอบตัดตอก เก่าธรรมชาติแบบดูง่ายตาเปล่าครับ มาตรฐานพระคุณแม่บุญเรือนเหมือนกันครับ ไม่ต้องไปหาของแพงๆ

    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ IMG_25660410_064735.jpg IMG_25660410_064746.jpg
     
  17. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วโดยท่าน จองบูชาพระ ครับ

    952.พระผงของขวัญ วัดปากน้ำ รุ่น 6 (พระไตรปิฏก)
    จัดสร้างเพื่อนำรายได้ไปสร้างพระไตรปิฎกหินอ่อน พุทธมณฑล โดยผสมผงพระปากน้ำตั้งแต่รุ่น 1 จนถึงรุ่น 5 ปลุกเสกโดย พระราชพรหมเถระ (วีระ คณุตตโม) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระและรองเจ้าอาวาส วัดปากน้ำในปัจจุบัน ผู้เป็นศิษย์สืบทอดวิชาธรรมกายชั้นสูง จากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำโดยตรง โดยท่านสำเร็จวิชาธรรมกายตั้งแต่บวชใหม่ๆและอยู่กุฏิเดียวกับหลวงพ่อสด

    พระรุ่น 6 พระไตรปิฏก ทำวิชชาสามเดือน ออกพรรษาปี33 จึงนำให้เช่าบูชา นับว่าเป็นรุ่นแรกทีเดียวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วจากบุคคลทุกวงการ แทบจะเรียกได้ว่าทุกเพศทุกวัยก็ว่าได้ หากเอ่ยชื่อถึงพระรุ่น 6 แล้วย่อมรู้จักและทราบได้ทันทีอีกประการหนึ่ง ซึ่งก็นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกเช่นกัน ที่มีผู้คนมากมายมารอคอย เพื่อต้องการที่จะรับพระรุ่น 6 โดยมาเริ่มกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น บางกลุ่ม บางคณะก็มารอกันตั้งแต่ตีสี่ ตีห้า ก่อนที่
    จะถึงเวลาเริ่มทำการแจกด้วยซ้ำ ในการแจกพระแต่ละครั้งพระที่แจกมีจำนวนมิใช่น้อย ครั้งหนึ่งๆ กำหนดจำนวนไว้ 84,000 องค์ บางครั้งก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว ในแต่ละครั้งใช้เวลาแจกเพียง 5 วันบ้าง 6 วันบ้าง ก็หมดภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น

    เริ่มกดพิมพ์สร้างเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2532 ซึ่งเป็นวันเกิดหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำรูปปัจจุบัน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2533 รวมเวลา 7 เดือนเต็ม เปิดให้บูชาครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2533 อันเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    จำนวน 3,000,000 องค์ (สามล้าน) และพระคะแนนอีก 30,000 องค์
    แม่พิมพ์ ทั้งหมดมี 39 พิมพ์ ลองพิมพ์อีก 4 และพระคะแนนอีก
    3 พิมพ์ รวมเป็น 46 พิมพ์ สีเนื้อของพระรุ่น 6 มีหลากหลายสีด้วยกัน ทั้งสีขาว เทา เหลือง และน้ำตาล ทั้งอ่อนและแก่
    พิมพ์นิยม พิมพ์ทีมีผู้นิยมมากที่สุดคือพิมพ์ “แป๊ะยิ้ม”
    เนื้อนิยม เนื้อที่มีผู้นิยมมากที่สุดคือเนื้อ "ฟักทอง" และในองค์ที่ติดทองคำเปลวมาด้วย
    ...ลูกศิษย์หลวงพ่อสด ที่เรียนวิชาธรรมกายทั้งหมดทั้งพระ ชี และฆราวาส ได้รวบรวมชนวนมวลสารทั้งหมด ที่มีความสำคัญทั่วประเทศ ดินสังเวชนียสถาน ใบโพธิ์ ต้นประสูติ ต้นตรัสรู้ ผงธูปผงทองที่ปิดตามพระต่างๆ และยังรวมพระผงกรุแตกหักทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ขนมาเป็นรถสิบล้อ
    ...การสร้างพระเป็นแบบทยอยสร้างทยอยบรรจุวิชชาธรรมกาย กล่าวคือเมื่อพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งผึ่งแห้งได้ที่แล้ว ก็นำบรรจุกล่องไปทำวิชชา ขณะเดียวกันก็ผสมเนื้ออีกสูตรหนึ่งพิมพ์พระออกมาใหม่ แล้วก็นำไปบรรจุวิชชาธรรมกายเหมือนเดิม ทำอย่างนี้เรื่อยไปไม่มีขาดตอน พระรุ่นนี้มีส่วนผสมของวัตถุต่างๆดังนี้คือ
    1. ปูนขาวจากเปลือกหอย
    2. กล้วยน้ำว้า
    3. ดอกไม้แห้งที่บูชาหลวงพ่อที่ได้รวบรวมไว้
    4. ขี้ธูปจากกระถางที่บูชาหลวงพ่อ
    5. ทองคำเปลวที่ลอกมาจากองค์หลวงพ่อ
    6. ผงเก่าของวัดปากน้ำรุ่น 1-5
    7. หินรัตนชาติและพลอยสี (มีเฉพาะพระคะแนน) และอีกมากมาย ฯลฯ
    ...ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีแม่พิมพ์ทองเหลือง ซึ่งก็ได้แก่พระหน้าใหญ่ ๆ เช่นแป๊ะยิ้ม โอเล่ หน้าเทวดาเป็นต้น เมื่อทำไปครึ่งทาง แม่พิมพ์ทองเหลืองไม่คงทน จึงแกะพิมพ์ใหม่ที่คงทนกว่าโดยใช้เหล็กเป็นแม่พิมพ์ เรียกว่าพิมพ์เหล็ก ได้แก่พระที่หน้าเล็กๆ คมชัดลึก พระผงของวัดปากน้ำทุกรุ่นผลิตกันที่วัดปากน้ำนั่นแหละโดยพระสงฆ์สามเณรและแม่ชีซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในวัดปากน้ำ
    ...พระรุ่นนี้เมื่อหมดลงแล้วก็เกิดกระแสความนิยมเป็นอันมาก พิมพ์ธรรมดาราคาเป็นพัน พิมพ์นิยม อย่างแป๊ะยิ้ม เป็นหมื่น กระแสแรงมากขณะนั้น ทางวัดจึงเห็นว่าแบบนี้ไม่เข้าที จึงนำพระที่เก็บไว้เป็นพิเศษอีกประมาณ สามหมื่นองค์มาให้บูชาองค์ละร้อย
    เท่าราคาเดิม โดยกำหนดให้รับได้เพียงคนละองค์เดียว ผู้คนไปกันแน่นวัดการจราจรติดขัดเป็นอัมพาตไปหมด พระเณรในวัดไม่สามารถเดินไปศาลาโรงฉันได้ ต้องอดไปตามๆกัน คนแน่นขนาดไม่มีที่จะยืนต้องไปยืนตามกำแพงวัด ลวดหนามกำแพงวัดพังหมด ต้นไม้ในกระถางก็ตายหมด ในวันนี้มีผู้สูงอายุท่านหนึ่งเป็นลม เพราะขาดทั้งน้ำและอาหาร อีกทั้งไม่สามารถนำออกมาจากบริเวณได้ จึงถึงแก่ชีวิต จนทำให้พระรุ่นนี้เรียกติดปากกันว่า “รุ่นเหยียบกันตาย”
    แต่การที่วัดปากน้ำทำแบบนี้ขัดใจผู้ที่ตุนไว้ปั่นราคาเป็นอย่างยิ่ง จึงออกข่าวไปว่า วัดปากน้ำทำเสริมขึ้นมาใหม่ อีกทั้งผู้ที่มีอยู่ก็เทขายออกมาจำนวนมาก เพราะพระรุ่นนี้มีมากจริงๆ อีกทั้งว่าร้ายอีกต่างๆนานา ทำให้พระปากน้ำทุกรุ่นหย่อนราคาลงมาจนถึงปัจจุบัน พอความจริงเริ่มปรากฏ ราคาจึงค่อยเขยิบขึ้นตามความศักดิ์และความนิยม ขอยืนยันว่า พระทุกรุ่นของวัดปากน้ำไม่มีการทำเสริมอะไรทั้งสิ้น เพราะวัดปากน้ำ ทำพระรุ่นไหนก็จำหน่ายหมด เพราะมีผู้ศรัทธาจำนวนมาก

    หลายท่านคงรู้จักพระของขวัญวัดปากน้ำ รุ่น 1 , รุ่น 3 ที่ราคาเป็นหลักหมื่นหลักแสนบาท และมีพุทธคุณสูงมาก วันนี้จะขอนำเสียงคำพูดจริง ๆ ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ที่อธิบายสรรพคุณของพระของขวัญวัดปากน้ำ (ซึ่งบันทึกเสียงท่านในสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่) มาให้อ่าน ว่าวิธีปลุกเศกของสำนักวัดปากน้ำนั้น เกรียงไกรเพียงไหน มหัศจรรย์เพียงไหน ดังนี้
    ...“ ซึ่งเราต้องการจะรวยในชาตินี้ จะค้าขาย เอาใจจดจ่อที่องค์พระของขวัญนั้น ขออาราธนาพระองค์ได้โปรด ข้าพระพุทธเจ้าเป็นพ่อค้า หญิงก็หม่อมฉันเป็นแม่ค้า การค้าของข้าพระพุทธเจ้าขอให้กว้างขวางเต็มประเทศไทย ล้นประเทศไทย ขอให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม ดังไปถึงนิพพานส่งผังซื้อง่ายขายคล่อง กำไรงามติดตัวล้นประเทศไทย ก่อนจะค้าขายภาวนาอย่างนี้ทุกคราวไป ขายของขายง่ายดายสะดวกเหมือนเทน้ำเทท่า ถ้าจะรับราชการ หรือรับราชการอยู่แล้วก็บอกว่า ข้าพระพุทธเจ้ารับราชการอยู่แล้ว หม่อมฉันเป็นผู้รับราชการ ขอให้หน้าที่ราชการของข้าพระพุทธเจ้า ขอให้ราบรื่น เรียบร้อยไม่เป็นที่สะดุดตา สะดุดใจผู้ใหญ่ ขอให้นิยมชมชอบกับข้าพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นข้าราชการขอให้ถึงชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ขอให้สูงสุดในสายราชการนี้ หน้าที่ราชการใด ก็อาราธนาท่านในทางชนิดนั้นไป ก็จะได้ผลสมความปรารถนา ก็จะดังไปถึงนิพพาน ท่านก็ส่งผังราชการสูงสุดมาให้เต็มตัวเรา ก่อนจะรับราชการอย่างนี้ทุกคราวไป ก่อนจะไปทำไร่ ไถนา ทำการงานด้วยลำแข้งของตัวเอง ด้วยอวัยวะร่างกายของตน ขอพระองค์ได้ทรงโปรดการงานของข้าพระพุทธเจ้า เป็นดังนี้ ขอให้ทำง่าย ทำดาย ทำสะดวก ได้ผลเกินควร เกินค่า นิ่งอยู่กลางองค์พระของขวัญนั้น ถ้าจะไปทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ขออาราธนาพระองค์ได้ทรงโปรด ขอให้ไปดี มาดี สวัสดีมีชัย ถ้าแม้เราได้พระของขวัญไปเป็นกรรมสิทธิ์เราแล้วละก็ ติดอยู่กับตัวเราเสมอ ๆ บำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้ต่าง ๆ โรคภัยไข้เจ็บมีในตัวเราหายหมด เด็กเล็กละก็อ้วนท้วนทีเดียว ตกน้ำก็ไม่ตาย เรือล่มก็ไม่ตาย รถชน รถทับ ไม่เป็นอันตรายทั้งนั้น หากลองสงครามเกิดขึ้น ไม่ต้องอพยพ หลบหลีก อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ตามหน้าที่ ถ้าเข้าสมรภูมิไปรบกับเขา ก็ไม่ต้องหวาดหวั่น มีพระของขวัญแล้ว อาวุธยุทธ์ภัณฑ์ทำอะไรเราไม่ได้ ให้รักษาไว้ให้ดีนะ เป็นของขวัญที่ล้ำค่า เหมือนแก้วสารพัดนึก

    พระพุทธเจ้าท่านรับสั่งเมื่อทำเสร็จในวันแรก เวลาจะออกได้อรุณออกพรรษา ทรงรับสั่งว่า “ ตั้งแต่มีธาตุมีธรรมมา ของศักสิทธิ์ขนาดนี้ เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก” เพราะเหตุว่าของศักสิทธิ์นี้ มนุษย์ไม่ได้ทำตามปกติธรรมดา อาราธนาพระพุทธเจ้า มีธรรมการ ธรรมกายไปอาราธนาให้ท่านปรุงขึ้น ตกแต่งให้มนุษย์ เมื่อมนุษย์คนใดได้รับไปแล้ว มนุษย์คนนั้นมีสมบัติติดตัวพันล้านทุกคน คือขอท่านไว้ว่าขอให้มนุษย์ที่ได้รับพระไปมีสมบัติติดตัวไว้ พันล้าน พันล้านทุกคนไป ให้รักษาพระนี้ไว้ให้ดี ไม่ใช่ของธรรมดานะ เปล่งรัศมีก็ได้ พอก็ได้ ลอยไปก็ได้ หายไปก็ได้ ของชนิดหนึ่งเท่านี้ละมหัศจรรย์นัก ไม่ใช่ของตาย ของเป็น เขาเรียกว่า ของสำเร็จ ของศักสิทธิ์ ให้จำไว้แน่นอนนะ ”

    สรุปว่า พระของขวัญวัดปากน้ำ ไม่ว่ารุ่น 1 รุ่น 3 ที่ราคาเป็นหมื่นเป็นแสน หรือรุ่น 4 รุ่น 6 ที่ราคายัง “ถูก”มากเมื่อเทียบกับพุทธคุณ ไม่ใช่พระที่มนุษย์ หรือ พระสงฆ์องค์หนึ่งองค์ใด ปลุกเสกให้ศักสิทธิ์ขึ้น คือผู้ที่ยังไม่ใช้พระพุทธเจ้า ยังมีบารมีไม่เต็ม แบบครบถ้วน สมบูรณ์แบบ เช่นพระพุทธองค์ ทำตามปกติธรรมดาอย่างนี้ไม่ได้ แต่พระของขวัญวัดปากน้ำ ศักสิทธิ์ได้เพราะทำโดยการที่ผู้ได้วิชา ฯ อาราธนาธรรมกาย ของพระพุทธเจ้าเสด็จมาปรุงให้ศักสิทธิ์ขึ้นโดยตรง คือใช้บารมี ของพระพุทธเจ้าโดยตรง เหมือนเราย้อนอดีตไป สมัย 2500 กว่าปี สมัยพระพุธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ และนำพระของขวัญ อาราธนาให้ท่านปลุกเสกให้ ปรุงให้ ฉะนี้ และทำวิธีนี้มาตั้งแต่พระของขวัญรุ่น 1 จนถึงปัจจุบัน จึงแปลว่าพระของขวัญวัดปากน้ำที่ ทำวิชาโดยวิธีนี้ย่อมมีความศักสิทธิ์เหมือนกันหมด เพราะเป็นการอารธนาพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันมาปรุง พระจึงสำเร็จด้วย “พลัง” ของพระพุทธเจ้าโดยตรง ดังเช่นพระของขวัญรุ่น 4 รุ่น 6 ที่คนใช้แล้วมีประสบการณ์มากมาย ไม่แพ้รุ่นแรกเลย หลายท่านมีพระของขวัญรุ่น 6 ที่เรียกว่ารุ่นแย่งกันรวยนี้ อาราธนาพระตามวิธีของหลวงพ่อสด ถูกส่วน ถูกวิธี ร่ำรวย ค้าขายดีขึ้นเยอะ ถ้าจะนับชื่อ อ้างตัวบุคคล อ้างไม่หมด อ้างไม่ไหว เพราะที่ประสบความสำเร็จมีมากต่อมาก เรียกว่าบัญชีเป็นหากว่าวทีเดียว ทุกคนที่ได้พระรุ่น 6 ไปทำงานเจริญก้าวหน้าเป็นเจ้าคน นายคนมากต่อมากแล้ว และที่ “ดี” และ “มหัศจรรย์” คือ ใช้ได้ ดี ทุกทาง

    ถามว่า เมื่อดีจริง มหัศจรรย์จริง ใช้แล้วเจริญขึ้นจริง ๆ แล้วทำไม ราคาพระรุ่น 6 จึงไม่แพงเล่า ทำไมกลายเป็นของถูกที่คนเขาไม่เล่นหากัน ตอบได้ว่า คนเราส่วนใหญ่จะนำราคามาเป็นเครื่องตัดสินพุทธคุณของพระ พระราคาแพงต้องมีพุทธคุณสูง พระแจกผ้าป่า กฐิน พระใหม่ย่อมไม่มีพุทธคุณ เมื่อตอนพระของขวัญรุ่น 6 ออกใหม่ ๆคนแย่งกันจนเหยียบกันตาย แต่คนที่ได้ไปไม่นำมาใช้ มุ่งแต่จะปล่อยต่อ เมื่อพระมีจำนวนมาก มีการกว้านซื้อกันมาก ปล่อยต่อราคาแพงไม่ได้ ก็พาลคิดว่าพระไม่มีพุทธคุณไปเลย ไม่เล่นหาไปเลย ท่านแน่ใจแล้วหรือว่านี่เป็นการตัดสินที่ถูกต้อง พระรุ่นใหม่ แต่ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มวลสารก็ผสมผงวัดปากน้ำ รุ่น 1-3 ไปมาก และอาราธนาพระพุทธเจ้ามาปรุง โดยตรง จะไม่ศักสิทธิ์ได้อย่างไร ถ้าอย่างนี้ไม่ดี แล้วจะไปใช้พระแบบใหนครับ

    เดี๋ยวนี้ มีหลายคนเดินสนามมองหาพระปากน้ำรุ่น 6 มากขึ้น เพราะประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวไทยพุทธแถว 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจอประสบการณ์มามากแล้ว และจะเห็นเจ้าของร้านทอง พ่อค้า แม่ค้า ใส่พระวัดปากน้ำรุ่น 6 กันมากเรื่อย ๆ เขาเรียกว่า รุ่นแย่งกันรวย เพราะเรียกลูกค้าดีมาก จึงฝากเป็นข้อคิดว่า พระที่อาราธนาพระพุทธเจ้าจากพระนิพพานเสด็จลงมาเสกให้โดยตรง ( อย่างแท้จริง นะครับไม่ใช่อ้างเอา โมเมเอาเอง ) ในแผ่นดินนี้เห็นมีไม่เกิน 3 ที่ ท่านที่หวังจะบูชาพระเครื่องสักองค์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และราคาไม่แพง ไม่ได้แขวนพระเพื่ออวดราคา อวดว่าเป็นของหายาก สร้างน้อย อย่ามองข้าม พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6
    ชอบใจอมตะวาจาของหลวงพ่อสด ที่พูดไว้ตั้งแต่ท่านยังอยู่ว่า “ พระของเรามีคุณภาพ สูงยิ่งกว่าราคาใด ๆ เงินพัน บาท หมื่นบาทนั้น ยังไม่สมกับคุณภาพของพระเสียอีก ”
    *ขอบคุณข้อมูลในกระทู้จากเว็บ http://www.dmc.tv/ ด้วยคับ
    ดูน้อยลง

    • สุทิน พิลึก
      พระสุทิน.พิลึก.วัดคลองธรรม.70/10.หมู่.6.ต.หนองกรด.อ.บรรพตพิสัย.จ.นครสวรรค์.ไปรษณีย์.60180.โทร.0830007142.(พระปากน้ำรุ่น.6.พระไตรปิฏก.2.องค์.598บาทเก็บเงินปลายทาง)
    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    127139.jpg 127140.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2023
  18. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    953.หลวงพ่อทวดเนื้อดินเผา พิมพ์หลังตัวหนังสือ ปี2513จัดสร้างโดย พระครูใบฏีกาขาว เจ้าอาวาสวัดช้างให้
    หลวงพ่อทวดเนื้อดินเผา พิมพ์หลังตัวหนังสือ ปี ๒๕๑๓ จัดสร้างโดย พระครูใบฏีกาขาว เจ้าอาวาสวัดช้างให้ หลวงปู่ทวดเนื้อดินเผารุ่นนี้ (ผสมผงว่านหลวงปู่ทวด ปี ๒๔๙๗ มีข้อมูลในตำราพระหลวงปู่ทวดต่างวัด) พระชุดนี้ สร้างโดยพระครูใบฎีกาขาว รกุขิตธมุโม วัดช้างให้ ปี ๒๕๑๓ เจ้าอาจารย์ถัดจากอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ - พ.ศ.๒๕๒๑ ซึ่งท่านพระครูใบฎีกาขาวท่านเป็นน้องแท้ๆของ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ แต่ต่อมาภายหลังพระครูใบฎีกาขาวท่านไปอยู่ วัดกรูด พระชุดนี้จึงยังคงมีค้างอยู่ที่วัดช้างให้จำนวนมากเพราะหลังจากพระอาจารย์ทิมมรณะภาพแล้วทางวัดก็ไม่ได้สร้างพระหลวงพ่อทวดเป็นเวลานาน ข้อมูลที่น่าเชื่อถือคือข้อมูลที่กล่าวว่าสร้างโดยพระครูใบฎีกาขาวส่วนสร้างตอนอาจารย์ทิมมรณะภาพแล้วหรือไม่ ไม่มีข้อมูลยืนยัน อาจจะสร้างตอนอาจารย์ทิมยังอยู่เข้าพิธีหลายๆครั้งแล้วเพิ่งเอามาแจกปี ๒๕๑๓ หลังอาจารย์ทิมมรณะภาพแล้วก็ได้ แต่ข้อมูลจากวัดช้างให้ได้บอกว่าพระครูใบฎีกาขาวได้นำเอาผงว่านหลวงปู่ทวด ปี ๒๔๙๗ ที่อาจารย์ทิมเก็บไว้มาผสมด้วยในจำนวนมาก ที่น่าเชื่อถือเพราะหลวงพ่อทิมกับพระครูใบฎีกาขาวเป็นพี่น้องกันดังนั้นพี่ชายย่อมบอกกล่าวน้องเรื่องผงว่านแน่นอน พุทธคุณไม่แตกต่างเลย ปัจจุบันคนที่ทราบข้อมูล เริ่มเก็บกันแล้ว เพราะสมัยก่อน พระหลวงปู่ทวดเนื้อดินเผา ปี ๒๕๑๓ ออกที่วัดช้างไห้ชุดนี้ คนไม่นิยมเล่นหากัน เพราะบางท่านบอกเป็นพระเล่นกลบ้าง พระแจกกิฐินบ้างต่างๆนาๆ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเก็บกันแบบซุ่มเงียบ เพราะพระรุ่นนี้เป็นพระถอดพิมพ์ จากพระเนื้อโลหะ โดยนำบล็อคหลังตัวหนังสือมากดพิมพ์ พุทธคุณก็ไม่แตกต่างกัน มีทั้งดินเผาจนเป็นสีดำ บางองค์เนื้อแดง แต่ลงรักดำแล้วทาทองบรอนซ์ ทับอีกครั้งหนึ่ง ส่วนองค์นี้เป็นเนื้อดินเผาเลี่ยมเก่า ผสมผงว่านหลวงปูทวด ปี ๒๔๙๗ ชุบรักเก่า บูชาไว้คุ้มครอง ปกป้องจากภัยอันตราย ตัวจริงๆหายากขึ้นทุกวัน น่าเก็บน่าใช้อีกละคราฟ

    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    127557.jpg 127558.jpg

     
  19. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วครับผม

    954.พระสิงห์1ศิลปะชาวบ้านขนาดห้อยคอ หน้าตักครึ่งนิ้ว สูง 1นิ้วนิดๆครับเป็นพระขุดได้แถวจังหวัดเชียงรายวัดเก่าครับ
    พระเชียงแสนสิงห์1องค์นี้สวยสมบูรณ์คราบสนิมเก่าไม่มีรอยตะไบเป็นพระสิงห์1ยุคกลางถึงช่วงปลายเชียงแสนครับพระสงห์1ขนาดเล็กจะหาพบเจอน้อยมากครับดังนั้นจึงมีราคาที่สูงครับ
    เปิดให้บูชา9999 บาท จัดส่งฟรีครับผม
    เจ้าของเดิมบอกว่ามีคลิปตอนไปขุดได้ช่วงเย็นจะมาลงให้ชมครับสำหรับพระองค์นี้ขุดได้นานแล้วครับเป็นวัดเก่ากู้เก่าในสวนเขาเองครับผม

    IMG_25660423_103304.jpg IMG_25660423_103326.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2023
  20. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +161
    ปิดแล้วครับ

    956.พระร่วงพระร่วงหลังรางปืน วัดพระธาตุดอยสุเทพ พิธีมหาพุทธาภิเษกปี 2515 โดยคณะสงฆ์ จ.เชียงใหม่
    พระร่วงหลังรางปืน วัดพระธาตุดอยสุเทพ พิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์จำลอง 9 เมษายน 2515 โดย"คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่"
    สุดยอดพระเกจิอาจารย์108รูปทั่วฟ้าเมืองไทย ร่วมปลุกเสกในพิธี อาทิเช่น
    ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,
    ลป.แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง ,
    ลพ.กวย วัดโฆสิตาราม,
    ลพ.เงิน วัดดอนยายหอม ,
    อจ.นำ แก้วจันทร์,
    ลพ.เกษม เขมโก ฯลฯ
    นับเป็นพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ พระดี มีประสบการณ์
    องค์นี้เป็นพิมพ์เจดีย์นูน เป็นพิมพ์นิยม หาได้ยาก เนื้อคัดสวยมากออกสีมันเทศ เวปอื่นเจดีย์ธรรมดาไปหลักพันกว่าหมดแล้ว องค์นี้เจดีย์นูน

    เปิดให้บูชา999บาทค่าจัดส่ง 50บาทครับ

    IMG_25660423_112937.jpg IMG_25660423_112949.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2023

แชร์หน้านี้

Loading...