หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์ /เห็นภพชาติในถ้ำทอง

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    หลวงปู่ฝั้น ธุดงค์ป่าอาถรรพ์

    หลวงตา
    Aug 22, 2023
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2023
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    การผจญภัยของพระธุดงค์ [EP:1] : หมีผีปีศาจ

    หลวงตา
    Aug 14, 2022
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    การผจญภัยของพระธุดงค์ [EP:2] : ปีศาจโขมดมาร

    หลวงตา
    446,656 views Aug 14, 2022
    @user-bo6od8yh3b
    1 year ago
    ขออนุญาตตอบและแสดงความหมายบ้างนะครับ คำว่า ส่ำสัตว์ มีความหมายว่า หมู่สัตว์,สรรพสัตว์ นั้นมีความหมายว่า สัตว์ทั้งหลาย คำว่าส่ำ ในพจนานุกรมไทย-ไทอิสาน เป็นคำนาม หมายถึง หมู่,เหล่า,ชนิด,ขนาด,เท่า เช่นส่ำสัตว์(หมู่สัตว์,เหล่าสัตว์),สั่วส่ำหมา(เลวชาติเหมือนหมา) ถ้าพูดว่าส่ำมึง,ส่ำพวกมึง,ส่ำสู,ส่ำพวกสู,พอส่ำนี่,ของนี่ราคาส่ำได๋,ไปกรุงเทพอีกไกลส่ำได๋คำว่าส่ำในประโยคเหล่านี้จะหมายถึง เท่า และคำว่าส่ำยังใช้เป็นคำกริยาร่วมเช่นแสดงถึงความเข้าใจ เช่น ส่ำพอ หมายถึง มิน่าล่ะ ในภาษากลาง ถ้าถามว่า พอส่ำได๋ หมายถึงขนาดไหน เอาแค่นี้ครับเพราะภาษาไท ภาษาลาว มันรากเหง้ามาจากที่เดียวกันมันดิ้นได้ตามประโยคที่ใช้เหมือนกับคำว่า ขัน ,ขันธ์ ขรรค์ นั่นเเหละครับ


     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    การผจญภัยของพระธุดงค์ [EP:3] : อสูรภูสิงห์

    หลวงตา
    Aug 15, 2022
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    การผจญภัยของพระธุดงค์ [EP:5] : ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

    หลวงตา
    311,847 views Aug 17, 2022
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    เปิดบันทึกหลวงพ่อขอม - วัดไผ่โรงวัว

    หลวงตา
    Aug 17, 2023
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงพ่อขอม อนิโช

    วัดไผ่โรงวัว
    อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

    -วัดไผ่โรงวัว-1-758x1024.jpg
    หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    พระครูอุภัยภาดาธร (หลวงพ่อขอม อนิโช) พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

    ◉ ชาติภูมิ
    หลวงพ่อขอม มีนามเดิม “เป้า” แต่เพื่อนๆ เรียกท่านว่าขอม เด็กชายเป้าเป็นบุตรของชาวนาโดยตรงผู้หนึ่ง บิดาชื่อว่า “นายช้าง” มารดาชื่อว่า “นางเปรม” มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น ๘ คน เป้าเป็นบุตรคนที่ ๕ เมื่อเป้าเกิดทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้อง ก็รู้ว่าเป้าไม่ใช่คนแข็งแรงอะไรนัก เพราะเป้าเป็นเด็กผอม พุงป่อง และเจ็บออดๆ แอดๆ เสมอแต่ว่าอาการนั้นก็ไม่หนักหนาอะไร คงเลี้ยงดูกันได้เรื่อยมา
    ชีวิตในวัยเด็กนั้นเป้าก็เหมือนกับเด็กอื่นๆทั่วไป คือชอบเล่นฝุ่นสนุกซุกซนตะลอนๆ ไปตามชายทุ่งและดำผุดดำว่ายอยู่ในคลองบึงที่ไม่ห่างจากบ้านนัก ทั้งๆ ที่เป็นเด็กซึ่งพ่อแม่ออกจะเป็นห่วงอยู่ เพราะเกรงว่าโรคภัยจะแทรกแซง เนื่องจากความอ่อนแอ แต่เป้าก็คงซุกซน และเจริญวัยเรื่อยมา พร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เป้าเริ่มมีภาระเล็กๆน้อยๆ คือติดตามผู้ใหญ่ออกไปทำนา ตามแรงความสามารถเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการสอนวิชาชีพที่จะกลายเป็นสมบัติติดตัวไปวันข้างหน้าอีกวิธีหนึ่ง

    แต่กับพ่อกับแม่ของเป้าแล้วคิดไปไกลกว่านั้นอีก คือชีวิตของชาวนาจะมีอะไรไปมากกว่าตื่นเช้าออกสู่ทุ่งกว้าง เย็นลงก็กลับบ้าน วิชาความรู้อื่นนั้นคงไม่มี ในเมื่อหาเวลาที่จะร่ำเรียนไม่ได้ ความคิดที่วูบขึ้นมาเช่นนั้น ในขณะนั้นทำให้พ่อแม่ของเป้าตัดสินใจส่งลูกชายน้อยๆ ไปขอรับวิชาความรู้ จากแหล่งรวมของสรรพวิชาทั้งหลาย นั่นก็คือวัด วัดแรกที่เป้าได้ร่ำเรียนคือวัดใกล้ๆบ้านนั่นเอง เป้าได้รับรู้ธรรมเนียมใหม่ กล่าวคือเป้าต้องรับใช้ปรนนิบัติพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์ด้วยหลังจากเลิก เรียนแล้ว ซึ่งก็หาทำให้เด็กน้อยเบื่อหน่ายไม่ การรับใช้อาจารย์ก็เหมือนกับรับใช้พ่อแม่ ดังนั้นเป้าจึงมิได้รังเกียจ ตรงกันข้ามกับมีความกระตือรือร้น เมื่ออาจารย์เรียกหาความรู้ในด้านอ่านออกเขียนภาษาไทยของเด็กชายเป้าก็ก้าว หน้าไปอย่างรวดเร็วอ่านเขียนได้คล่องแคล่ว

    ว่ากันว่าใครก็ตามในสมัยนั้นยุคนั้น ถ้าเรียนภาษาขอมก็ถือว่าเป็นการเรียนในชั้นสูง แต่เรียนไปได้ไม่นาน เป็นก็จำต้องย้ายวัดเพื่อการศึกษาต่อไป ตามธรรมเนียมของนักเรียนใหม่ พระอาจารย์ย่อจะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ เป้าจึงต้องย้อนเรียนภาษาไทยอีกครั้งเป็นการทบทวน ดูเหมือนว่าความรู้ในภาษาไทยที่เป้ามีอยู่แล้วจะเป็นที่รับรองของพระอาจารย์ เป้าจึงได้ก้าวต่อไปสู่ชั้นสูงคือเรียนภาษาขอมอีกครั้ง
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (ต่อ)
    ในครั้งนี้เด็กน้อยผู้นี้ได้แสดงความสามารถ ให้ประจักษ์อีกครั้งหนึ่งเพราะชั่วเวลาไม่นาน เป้าก็อ่านหนังสือของเลยหน้าเด็กๆรุ่นเดียวกันจนเป็นที่เลื่องลือยกย่อง อาจารย์เองก็ถึงกับออกปากชมไม่ขาดปากเลย เพื่อนๆของเป้าถึงกับออกปากอย่างล้อเลียน เป้าน่ากลัวไม่ใช่คนไทย แต่เป็นขอม จึงอ่านเขียนหนังสือขอมได้คล่องแคล่วนัก และแล้วฉายาว่า “ขอม” ก็ปรากฏขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่เมื่อเรียกกันไปนานๆ ชื่อเป้าก็ชักเลือนหายไปทุกที เพื่อนฝูงและผู้รู้จักมักคุ้นตลอดจนคนที่สูงอายุกว่า ต่างยอมรับเอาฉายาขอมเข้าไว้อย่างสะดวกปากคำหนึ่งก็ขอมสองคำก็ขอม

    กล่าวถึงการศึกษาที่วัด อันเสมือนโรงเรียนสำหรับยุคนั้น เปรียบได้กับการคึกษาของนักเรียนประจำในยุคนี้ กล่าวคือต้องพำนักอยู่ทีวัดตลอดไป โดยมีอาจารย์ที่เป็นทั้งครูและผู้ปกครองไปพร้อมๆกัน แต่นั่นก็หาใช่ว่านักเรียนของวัดจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน ที่จริงเมื่อถึงเวลาอันสมควร นักเรียนวัดก็กลับบ้านกันทั้งนั้น เป้า หรือบัดนี้มีชื่อใหม่ตามความนิยมว่า “ขอม” ก็กลับบ้านเหมือนกัน เมื่อถึงบ้านความซุกซนแบบเดิมๆ ที่เป้าเคยเล่นซุกซนก็หายไป เป้าหรือขอมกลายเป็นเด็กที่มีระเบียบรู้จักการปรนนิบัติรับใช้ผู้สูงอายุ กว่า การพูดจาก็ฉาดฉานจะอ่านจะเขียนก็คล่องแคล่ว สร้างความชื่นใจให้กับผู้ที่เป็นพ่อแม่เป็นอย่างยิ่ง จนทำให้นายช้างและนางเปรมลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ตนนั้นได้แก้วไว้ในมือแล้วสมควรที่จะได้รับการเจียรไนต่อไป ดังนั้นหลังจากที่ศึกษาอยู่ ณ วัดบางสามได้ระยะหนึ่งของก็ถูกส่งตัวเข้ากรุงซึ่งเป็นการเผชิญชีวิตครั้ง ใหญ่สำหรับเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลเกินกว่าวัดบางสาม แต่การไปครั้งนี้หมายถึงอนาคตที่จะชี้บอกว่า ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคน

    ขอมถูกพ่อแม่พามาฝากไว้วัดสระเกศ เนื่องจากมีภิกษุที่รู้จักคุ้นเคยกับทางบ้านจำพรรษาอยู่ที่นั่น วัดสระเกศก็เลยได้เป็นบ้านที่สองของเด็กชายขอม พร้อมๆ กับการเข้าโรงเรียนประถมศึกษาซึ่งตั้งอยู่ที่วัดนั้นด้วย บัดนี้แทนที่จะเรียนแบบแผนเก่า แต่ขอมได้เรียนหลักสูตรการศึกษา แบบใหม่ที่หลวงท่านกำหนดให้อนุชนได้เล่าเรียน ชีวิตอันเป็นประจำวันของขอม ในกรุงเทพฯ ก็เริ่มต้นด้วยการตื่นแต่เช้าตรู่ หาอาหารใส่ปากใส่ท้องแต่พออิ่ม แล้วก็มุ่งหน้าไปยังโรงเรียน คร่ำเคร่งอยู่กับการเรียนไปจนบ้ายคล้อยจึงกลับวัด คอยปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์ที่ขอมอาศัยอยู่ด้วย และได้อาศัยข้าวก้นบาตรของพระอาจารย์นั้นเอง เป็นอาหารยังชีพเรื่อยมา
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (ต่อ)
    เวลาผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน และจากเดือนเป็นปี ขอมคงปฏิบัติตนเสมอต้นเสมอปลายกับการศึกษา ขณะที่การรับใช้พระอาจารย์ก็รักษาไว้มิให้ขาดตกบกพร่อง เป็นอยู่เช่นนี้ล่วงได้ ๓ ปี ขอมจบการศึกษาในชั้นประถมปีที่ ๓ ก็เดินทางกลับสู่อ้อมอกของพ่อแม่อีกครั้งหนึ่งขอมกลับบ้านอย่างคนที่ไปชุบ ตัวในเมืองหลวงมาแล้วเมื่อย่างก้าวไปที่ใด ก็มีแต่คนนิยมชมชอบ จะพูดจาก็มีคนนับถือ และแม้ว่าชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่ม ซึ่งก็หมายถึงวัยแห่งความกระตือรือร้น และการเที่ยวเตร่สนุกสนานเฮฮากับเพื่อนฝูงและสาวพื้นบ้านเป็นสิ่งที่หลีก เลี่ยงไม่ได้ก็ตามแต่หนุ่มน้อยขอมก็ไม่ยอมปล่อยใจให้ล่องลอยไปเกินกว่าขอบ เขต สิ่งที่ขอมคิดมากในขณะนั้นคือ ทำนาช่วยภาระของพ่อแม่ แต่เรานั้นหาได้เป็นคนโดยสมบูรณ์ไม่หากยังไม่ได้บวชเรียน ดังนั้นเมื่อขอมอายุครบบวช พ่อแม่ก็จัดการบวชให้ที่วัดบางสาม อันเป็นวัดใกล้บ้านและสถานศึกษาเดิมของขอม เพราะระยะเวลานี้ ขอมมีนิสัยไปในทางรักสันโดษ ชอบพินิจพิเคราะห์ตรึกตรองต่างกว่าเพื่อนวัยเดียวกันคนอื่นๆ

    ลวงพ่อกำลังนั่งปลุกเสกพระเครื่อง.jpg
    หลงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ลวงพ่อกำลังนั่งปลุกเสกพระเครื่อง
    ◉ อุปสมบท
    พิธีอุปสมบทขอมจัดทำกันอย่างเต็มที่เท่าที่ฐานะจะอำนวยได้ และท่ามกลางความชื่นชมของทุกคนเนื่องจากพ่อแม่ของขอมเป็นผู้ที่กว้างขวางมี คนไปมาคบหาด้วยจำนวนมาก การบวชคราวนี้จึงมี พระครูวินยานุโยค แห่งวัดสองพี่น้อง เป็นองค์อุปัชฌาย์ พระอาจารย์กอน วัดบางสาม เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เผือก วัดบางซอ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ขอมได้รับฉายาที่พระอุปัชฌาย์ตั้งให้คือ “อนิโชภิกขุ

    นวกะภิกษุอนิโช หรือเด็กชายเป้าที่เพื่อนๆ เรียกกันว่า “ขอม” ก็ได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ ตั้งแต่บัดนั้น พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ เมื่อจำพรรษาอยู่ที่วัดบางสามก็ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความ เอาใจใส่อย่างยิ่ง และได้ปฏิบัติตนในในศีลจารวัตร เป็นอย่างดีอยู่หลายปีจนกระทั่งเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง ยังมีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วัดไผ่โรงวัว” ที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้ตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ไม่มีท่านใดเหมาะเท่าพระขอม เมื่อลงความเห็นกันดังนี้ ต่างก็พากันไปนิมนต์ อนิโชภิกษุหรือพระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัวก่อน พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่นไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา ๒ ปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2023
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (ต่อ)
    ชีวิตของท่านอนิโชภิกษุในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียน เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ ขาดสถานศึกษาเล่าเรียน สิ่งนี้ทำให้พระขอมได้พิจารณาตนเองและเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำพรรษาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดประตูสารใกล้ๆกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป ๓ ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ

    คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่งอย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารกิจให้พระศาสนาเต็มที่ ดังได้กล่าวมาแล้วว่าวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ ความใหม่นี้เอง เป็นความใหม่ที่ยังไม่ถึงพร้อมกล่าวง่ายๆ คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน กุฏิที่อยู่จำพรรษาของภิกษุ สามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง ๒ หลัง ศาลาการเปรียญที่จะเป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายก ทายิกา เป็นเพียงโรงทำด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลาน่าอนาถใจยิ่ง

    ภาระของพระขอม คือปรับปรุงศาสนาสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิง สมกับเป็นวัดเสียก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจ ของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นขั้นที่ สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างก็มีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดิน ไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวนี้เป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปีและท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจมแล่นถึงกุฏิได้ เมื่อถมดินเสร็จท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำของพระภิกษุ สามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกฏิที่ชำรุด ทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า “วัด” ศรัทธาของประชาชนก็เพิ่มมากขึ้น

    นับแต่พระขอม สละเพศฆารวาสมาสู่พระพุทธศาสนา ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่า มโนปณิธาน เรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า ..
    “..อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใส ได้สร้างพระพุทธรูปจะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหมเป็นอินทร์ หมื่นชาติ แสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลยจนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2023
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (ต่อ)
    ด้วยมโนปณิธานนี้เองทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้างพระพุทธโคดมด้วยทองสัมฤทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พ.ศ.๒๕๑๒ ท่านขอมก็เริ่มบอกบุญแก่ญาติโยมใช้เวลา ๒ ปีกว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๑๒ ปี ด้วยกัน จะแล้วเสร็จ พ.ศ.๑๕๑๒ หลังจากนั่นท่านขอมก็เริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง อาทิเช่น สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล แดนสวรรค์ นรกภูมิ เมืองกบิลพัสดุ์และอีกหลายๆ อย่างด้วยกัน ดังที่เป็นกันอยู่เท่าทุกวันนี้

    ถ้าถามว่าหลวงพ่อขอมจะสร้างสิ่งก่อสร้างไว้มากมายเพื่ออะไร ท่านก็ตอบว่า อาตมาสร้างไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธาและอนุชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติ นอกจากงานก่อสร้างแล้วหลวงพ่อขอมท่านก็ยังเป็นนักเขียน นักแต่งที่มีความสามารถไม่ยิ่งไม่หย่อนไปกว่าด้านงานก่อสร้าง ผลงานของท่านปรากฏอยู่หลายเรื่องเฉพาะ ที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปแล้วก็มีเรื่อง ธรรมฑูตเถื่อน พุทธไกรฤกษ์ สมถะและวิปัสสนา

    ◉ มรณภาพ
    จนมาถึงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๓ เวลา ๑๖.๔๕ น. หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘ ทำให้นักถึงคำปฏิญาณ ของท่านอนิโช ที่กล่าวไว้ ๕ ข้อ คือ
    ๑. ชีวิตของเราที่เหลือขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย
    ๒. เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงิน ส่วนตัวสัก ๑ บาท เราก็จะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง
    ๓. เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี
    ๔. โอ..โลกนี้ ไม่ใช่ของฉัน
    ๕. เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา

    บัดนี้ท่านอนิโชนั้น ได้ทำคำปฏิญาณของท่านได้สมบูรณ์แล้วทุกประการ ท่านพระครูผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กชายเป้าในอดีต ซึ่งบัดนี้สละทุกสิ่งเพื่อเจริญรอยตามบาทพระพุทธองค์ ท่านคือศิษย์พระคถาคต ผู้มุ่งมั่น

    ◉ ด้านวัตถุมงคล
    พระเครื่องและวัตถุมงคลที่หลวงพ่อขอมสร้างไว้มีมากมายหลายแบบ หลายพิมพ์ทั้งแบบพิมพ์รูปตัวท่าน ที่ได้รับความนิยม คือ เหรียญทรงรูปไข่ หลวงพ่อขอมรุ่นแรก (บล๊อกตาแตก), เหรียญทรงรูปไข่รุ่นสอง (บล๊อกหน้าหนุ่ม), พระลีลากำแพงศอก ฯลฯ

    ◉ ประวัติความเป็นมาของวัดไผ่ โรงวัว
    วัดไผ่โรงวัว หรือ วัดโพธาราม เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง วัดมีพื้นที่ทั้งหมด ๒๔๘ ไร่ พื้นที่ของวัดแต่เดิมเป็นดงป่าไผ่ที่ชาวบ้านนำวัวมาผูกไว้ระหว่างทำนา ปัจจุบันภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างต่างๆเป็นจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปต่างๆ รูปหล่อพุทธประวัติ พระโพธิสัตว์ พระวิหารร้อยยอด เจดีย์ร้อยยอด สังเวชนียสถานจำลอง เมืองสวรรค์เมืองนรกจำลอง ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างสม่ำเสมอ โดยวัดแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๒๒ กิโลเมตรที่ ๑๙
    .jpg
    วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    -683x1024.jpg
    นรกภูมิที่วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    ◉ นรกภูมิที่วัดไผ่โรงวัว
    สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๙ เดิมตั้งเป็นสำนักสงฆ์ในพื้นที่ ๒๐ ไร่ ต่อมาชาวบ้านไผ่โรงวัวไปนิมนต์หลวงพ่อขอมจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุใน อ. เมืองมาเป็นเจ้าอาวาส มีการพัฒนาวัดและขยายพื้นที่ออกไป ในขณะนั้นวัดมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดโพธาราม แต่ชาวบ้านยังคงเรียกวัดไผ่โรงวัว ใน พ.ศ.๒๕๓๓ จึงเปลี่ยนเป็นชื่อวัดไผ่โรงวัวดังเดิม
    เป็นวัดที่มีพุทธ-ศาสนิกชนและบุคคลทั่วไป นิยมไปเที่ยวชมกันมาก หลวงพ่อขอมได้ดำเนินการก่อสร้าง “พระพุทธโคดม
    .jpg
    พระพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ นอกจากพระพุทธโคดมแล้วยังมี “พระกกุสันโธ” สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘-๒๕๒๓ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย องค์สีขาว สูง ๒๘ วา ๒ ศอก หน้าตักกว้าง ๒๐ วา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ประชาชนทั่วไปนิยมมากราบไหว้ สังเวชนียสถาน ๔ อยู่บริเวณด้านหน้าองค์พระกกุสันโธ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างซึ่งจำลองจากสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาสี่แห่งใน ประเทศอินเดียและเนปาล ได้แก่ สวนลุมพินีสถานที่ประสูติซึ่งปัจจุบันอยู่ในเนปาล เจดีย์พุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ สถูปเมืองสารนาถซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าอิสิปตนมฤคทายวันสถานที่แสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ และกุสินาราสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์
    ขอบพระคุณที่มา:- https://www.108prageji.com/หลวงพ่อขอม-วัดไผ่โรงวัว/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2023
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    อาถรรพ์ผีสมิง ผาเดื่อ ดงพญาไฟ

    thamnu onprasert
    Aug 28, 2023

    เรื่องราวลึกลับของพรานป่าที่ตกเป็นเหยื่อเสือ แล้วกลายเป็นสมิง เที่ยวขย้ำกัดกินคนในดงพญาไฟ.
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    เทศน์ในซ่องเสือดำ

    หลวงตา
    Sep 3, 2023
    เทศน์ในซ่องเสือดำ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    หลวงตาหวัง

    หลวงตา
    10,726 viewsSep 6, 2023
    หลวงตาหวัง /หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ๑๒๖.ผจญภัยรัฐกะเหรี่ยง ลี้ลับป่าสาละวิน

    thamnu onprasert
    Sep 7, 2023

    ส่างอุ่นเปิงไปค้นหาหลุมฝังศพในรัฐกะเหรี่ยงที่ถูกฝังไว้นานถึง๓๐ปี ได้เผชิญกับภัยไฟป่าและผีโป่งกลางดง.
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ประวัติ อภินิหาร หลวงพ่อดัด สิริภัทโธ วัดวังปรากฏ
    ลูกศิษย์สายหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
    หลวงพ่อดัด สิริภัทโธ วัดวังปรากฏ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิษฐ์
    เกิดปี2478 ท่านเรียนวิชาอาคม และกรรมฐาน มาจากอาจารย์ฟู ท่านอาจารย์ฟูทันยุคหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ได้บวชและเรียนวิชาหลายอย่างจากหลวงพ่อเงิน ตั้งสมัยบวชเป็นเณร แล้วหลวงพ่อดัด มาเรียนวิชากับอาจารย์ฟู หลายอย่าง ท่านเก่งมากครับ ย่นระยะทาง รู้วาระจิต สามารถนำกายเนื้อ ขึ้นไปบนสวรรค์ได้ คล้ายหลวงพ่อจวนวัดหนองสุ่ม ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านไปเจอ
    หลวงพ่อดัด ตอนเป็นฆราวาส ยังไม่ได้บวช ชื่อเดิมชื่อจำรัส นายจำรัส ได้ขอซื้อที่ดินจากผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้าน ตอนซื้อราคาไม่แพง พออยู่มาอีกหลายปีราคาที่ดินสูงขึ้น ผู้ใหญ่บ้านเกิดความโลภมาขอซื้อที่ดินคืน นายจำรัส ไม่ยอมขายที่ดินแปลงนี้ให้ ทำให้ผู้ใหญ่บ้านแค้นใจมาก ด้วยความโลภบังตา ผู้ใหญ่บ้านจ้างมือปืนมายิงนายจำรัส แต่ไม่สามารถทำอะไร ได้เลย ทั้งยิงไม่ออก ถึงยิงออกก็ไม่โดนบ้าง
    สร้างความเจ็บใจให้ผู้ใหญ่บ้านมาก เพราะรู้ว่า นายจำรัส มีวิชาดี
    มีอยู่วันหนึ่ง มีฤาษีมีวิชาดีต่างถิ่นมา ผู้ใหญ่บ้านได้ยินชื่อเสียงมานาน ท่านเลยนำข้าวปลาอาหารถวาย ทั้งให้เงินด้วย แล้วขอให้ฤาษีองค์นั้นช่วยลงลูกปืน จะไปยิงคนหนังเหนียว พอลงเสร็จ ได้ลูกปืนมาผู้ใหญ่บ้าน เลยเอาไปให้มือปืนไปยิงนายจำรัส ปรากฏว่าลูกปืนยิงเข้าที่ขานายจำรัส แต่เข้าไปหน่อยเดียวแล้วลูกปืนหลุดออกเป็นแผลนิดนึง พอนายจำรัสรู้ว่าใครทำให้ เลยถือปืน ตามล่าฤาษีองค์นั้นทันที ฤาษีก็รีบหนีไปจากหมู่บ้าน แล้วผู้ใหญ่บ้านกลัวตายเลยมาขอโทษนายจำรัสแล้วไม่กล้ามาตอแยอีก
    หลังจากเหตุการณ์นี้ ได้ไม่นาน นายจำรัส ตัดสินใจบวช ในพระบวรพุทธศาสนา อายุประมาณ50ปี บวชปีประมาณปี พ.ศ.2528 แต่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกท่านว่าหลวงพ่อดัด เลยกลายเป็นเลยตามเลยเรียกหลวงพ่อดัดตลอดมา หลวงพ่อดัดเมื่อบวชแล้วก็ใช้วิชาที่เคยร่ำเรียนมาช่วยเหลือชาวบ้าน มีเวลาท่านก็ไปธุดงค์ตลอด ท่านปฎิบัติจิตเร่งทำความเพียร อยู่ต่อมาอีกหลายปี มีเณรมาบวชแล้วไปธุดงค์กับท่านด้วย วันหนึ่ง ณ บ้านชายป่า หลวงพ่อดัดและเณร ได้พักปลักกลดแถวบ้านนี้ มีบ้านหลังคาเดียว พอมาบิณฑบาต ที่บ้านนี้ ก็มีตายายมาใส่บาตร และมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่งตัวแปลก ไม่เหมือนชาวบ้าน แถมหน้าตาดีด้วย พอกลับจากบิณฑบาต เณรถามหลวงพ่อดัดว่าคนนี้เป็นใคร หลวงพ่อดัดให้เณรถามเอง
    พอเช้าอีกวันหนึ่งเณรเลยถามสาวชาวบ้านนั้นว่าเป็นใครมาจากใหน สาวคนนั้นชี้ไปในป่า เณรเลยถามคนแถวนั้นว่ารู้จักใหม ก็ไม่มีใครรู้จัก นับแต่วันนั้นสาวคนนี้ก็ไม่มาใส่บาตรอีกเลย เณรมารู้ทีหลังว่าเป็นรุกขเทวดาในป่ามาใส่บาตร
    หลังจากนั้นหลวงพ่อดัด และสามเณรน้อย เดินธุดงค์ต่อไปนมัสการหลวงพ่อเกษม สมัยนั้นถ้าเป็นพระภิกษุไปหาท่านต้องรอหลายวันกว่าจะได้พบ แต่หลวงพ่อดัด พอไปถึงท่านอธิษฐานจิตถึงหลวงพ่อเกษม จากนั้นไม่นานกรรมกรวัดเดินออกมาเรียกหลวงพ่อดัด บอกว่าหลวงพ่อเกษมเรียกให้เข้าพบ ทั้งๆที่คนอื่นมาหลายวันยังไม่ได้พบท่านเลย
    หลวงพ่อดัดเข้ากราบนมัสการแล้วสนธนาธรรมกับหลวงพ่อเกษมอยู่ไม่นาน ท่านก็ธุดงค์ต่อ คราวนี้มุ่งหน้าสู่วัดบ้านไร่ มากราบหลวงพ่อคูณ สมัยนั้นหลวงพ่อคูณยังไม่ดังเท่าไร พอหลวงพ่อคูณเจอหลวงพ่อดัด สนธนากันได้สักพัก หลวงพ่อคูณบอกลูกศิษย์ว่าให้ขอของดีจากหลวงพ่อดัด ท่านบอกหลวงพ่อองค์นี้ไม่ธรรมดา เป็นหนึ่งในอุตรดิตถ์เลยนะ หลวงพ่อดัดบอกว่าท่านไม่ได้เอาอะไรมาเลยธุดงค์มาอย่างดียว แล้วหลวงพ่อคูณท่านบอกให้หลวงพ่อดัดคอยอยู่ฉันเพลก่อน จะมีชาวต่างชาตินำอาหารมาถวายเพล ลูกศิษย์หลวงพ่อคูณก็งง ว่าวันนี้ไม่มีใครนัดใว้ พอถึงเพลประมาณ11.00น. มีชาวต่างชาตินำอาหารมาถวายเพลจริงๆ(หลวงพ่อคูณท่านรู้ล่วงหน้า) หลังจากนั้นหลวงพ่อดัดท่านก็พาเณร ธุดงค์ไปเรื่อยๆ สักพักท่านก็กลับวัดวังปรากฏ
    มีอยู่คราวหนึ่งหลวงพ่อทองดำ ท่านมานิมนต์หลวงพ่อดัด ไปปลุกเสกพระที่วัด งานนั้นคนมาเยอะ ท่านบอกหลวงพ่อทองดำว่า ขออธิษฐานจิตจับสายสิณอยู่ข้างนอกก็ได้ พอเริ่มพิธี หลวงพ่อดัด ท่านอธิษฐานจิตจับสายสิณเป็นพลังแรงมากส่งตรงไปที่วัตถุมงคล หลวงพ่อทองดำท่านนิมิตเห็น พอเสร็จพิธีหลวงพ่อทองดำก็บอกกับลูกศิษย์ท่านว่าหลวงพ่อดัด จิตแรงมากส่งพลังมาคลุมวัตถุมงคลทั้งหมดเลย
    หลวงพ่อดัด อยู่วัดวังปรากฏได้สักพัก ก็เริ่มมีปัญหากับกรรมการวัดชุดเก่า เพราะกรรมการวัดจะโกงเงินบุญ แต่ท่านไม่ยอม กรรมการวัดไปจ้างมือปืนมาจะยิงท่าน พอว่าจ้างแล้ว มือปืนขับรถมายังไม่ถึงวัด ด้วยบุญบารมีท่าน มือปืนโดนกรรมตามทันก่อน รถคว่ำตายคาที่ พอกรรมการวัดทราบข่าวแทนที่จะนึกถึงบาปบุญคุณโทษ ก็ยังไม่หยุดหาเรื่องหลวงพ่อดัดอีก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำร้ายท่านได้เลย
    ด้วยกรรมที่ตามทันกรรมการวัด อยู่ดีก็ป่วยเป็นโรคร้ายทั้งปากเปื่อยด้วยไปว่าไปใส่ร้ายพระอริยสงฆ์ ทรมานนานๆเข้าจึงนึกว่าตัวเองจะตายแล้วทำบาปมาเยอะ เริ่มสำนึกผิดในบาป จึงยกพานดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาหลวงพ่อดัด พอมาถึงท่านรู้ว่าจะมาขอขมา หลวงพ่อดัดมองหน้าแปปนึงแล้วบอกว่า ให้ไปกราบ หมาที่ท่านเลี้ยงใว้ในวัดจึงจะหาย กรรมการวัดคนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรจนใจ ต้องไปกราบหมาวัด แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก โรคที่เป็นทั้งปากและโรคในตัว ไม่กี่วันก็กลับมาหายขาดจริงๆตามคำท่านว่า
    หลวงพ่อดัด ท่านเก่งหลายอย่างทั้งวิชาอาคมและสมาธิ ทั้งน้ำมนต์กันคุณกันของ ตะกรุดก็ประสบการณ์เยอะ สีผึ้ง น้ำมันเมตตา คนแถววัดหวงแหนกันมาก ตะกรุดท่านมีประสบการณ์ลูกศิษย์ของท่านไปเที่ยวแล้วโดนคู่อริฟันด้วยสปาต้าที่หัวไม่เป็นอะไรเลยหนีรอดมาได้
    ครั้งหนึ่งคนในหมู่บ้านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอให้ทำใจรักษาไม่ได้แล้ว เลยขอมาตายที่บ้านแล้วมาหาหลวงพ่อดัด ท่านบอกว่าไม่ตายหรอก ท่านทำน้ำมนกับยาสมุนไพรให้ พออยู่ได้สักพัก อาการดีขึ้นจนหาย แล้วไปหาหมอ ตรวจแล้วหมอยังงงหายได้ใง
    หลวงพ่อดัดท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าท่านจะมรณภาพแล้ว มีลูกศิษย์ท่านมาหาบอกว่าจะเจอกันครั้งสุดท้าย พอข้ามวันท่านก็เสียเลย ยังความโศกเศร้าให้ลูกศิษย์ทั้งใกล้และไกลของท่านมาก มรณะอายุได้68ปี พ.ศ.2546
    หลวงพ่อดัดท่านไม่ค่อยอยากดัง ต้องพิมพ์ถึง3ครั้งถึงพิมพ์จบ ครั้งที่3นี้ผมจุดธูปขออนุญาตุท่าน ถึงพิมพ์มาถึงบรรทัดนี้ได้ครับ อัศจรรย์มาก
    ศิษย์ที่สืบวิชาท่านเท่าที่รู้ มา มี2ท่านครับ
    1.พระอาจารย์ทองดี สำนักสงฆ์เขาปู่จ๋า บ้านนาเชิงคีรี จ.สุโขทัย
    2.อาจารย์บัญญัติ อิทธิเวทย์(สองแกละ) จ.สุโขทัย
    ผู้เขียนและเรียบเรียงใหม่
    แอดมินเพจ ศิษย์มีครู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2023
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    นักเทศน์นอนป่าช้า

    หลวงตา
    Sep 4, 2023
    นักเทศน์นอนป่าช้า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี


     

แชร์หน้านี้

Loading...