หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์ /เห็นภพชาติในถ้ำทอง

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ๒๘๘.ลี้ลับวิญญาณหลอน ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    Oct 26, 2023
    เรื่องราวลี้ลับของดวงวิญญาณที่ยังคงสิงสู่ในศาลาร้างกลางดง หลอกหลอนผู้คนที่เข้าไปหยุดพักแรมคืน.

     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    หลวงปู่เสน-ปัญญาธโร-วัดป่าหนองแซง-อ.หนองวัวซอ-จ.อุดรธานี.jpg
    หลวงปู่เสน ภาวนาเห็นโยมพ่อที่ตายกลายเป็นเปรต

    ปู่ดอน station
    Oct 24, 2023

    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร พระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าหนองแซง ศิษย์หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ท่านได้นั่งภาวนาเห็นโยมพ่อของท่านไปเกิดเป็นเปรตนอนจมกองขี้อย่างทุกข์ทรมานและน่าสงสาร เพราะผลจากกรรมชั่วคือการฉัอราษฎร์บังหลวงและโกงกินของสงฆ์ ท่านจึงหาทางช่วยเหลือโยมพ่อของท่าน..
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ประวัติหลวงปู่เสน ปัญญาธโร
    วัดป่าหนองแซง
    ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

    [​IMG]
    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    ชาติภูมิ
    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร
    นามเดิมท่านชื่อ ประเสน ชัยพันธุ์ ต่อมาบิดาของหลวงปู่ได้เป็นทหารจึงเปลี่ยน นามสกุลเป็น จงประสม ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ถิ่นกำเนิด ณ บ้านหนองอ้อใหญ่ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์

    โยมบิดาชื่อ นายสี จงประสม และโยมมารดาชื่อ พร จงประสม มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๙ คน (ชาย ๗ คน หญิง ๔ คน)

    [​IMG]
    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร วัดป่าหนองแซง
    การศึกษา
    หลวงปู่เสน
    จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นความรู้ชั้นสูงสุดที่มีในยุคนั้น ในสมัยนั้นถ้าเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก็สามารถเข้ารับราชการบรรจุเป็นครูได้
    ในสมัยหลวงปู่เสน ไม่มีสมุดจดบันทึกวิชาความรู้ ใช้กระดานชนวน และดินสอพอง

    เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
    หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ
    เคยได้รับการปรนนิบัติจากสามเณรน้อยรูปหนึ่งชื่อ สามเณรเสน สามเณรน้อยรูปนี้อยู่กับท่านมานาน แล้วได้จากหายไป จนสึกออกไปมีภรรยาและบุตร แม้เณรจะจากท่านไปเป็นเวลานานท่านก็ยังจำได้เป็นอย่างดี
    อยู่มาวันหนึ่ง หลวงปู่บัว ได้พูดคุยกับหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม พระลูกชายของท่านว่า

    “เอ.. เณรน้อยคนนั้น ไปไหนหนอ ได้เป็นไข้มาลาเรีย..เราพยายามรักษาเณรจวนจะหายแล้วหนีจากเราไป ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน”

    หลังจากหลวงปู่ปรารภถึงสามเณรน้อยของท่านได้เพียง ๒ วันเท่านั้น สามเณรของท่านก็กลับมา แต่มาในฐานะพระภิกษุเสน ปญฺญาธโร บวชได้ ๒ พรรษาแล้ว การปรารภของหลวงปู่ในครั้งนั้นเหมือนท่านได้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า

    ต่อมาภายหลัง พระอาจารย์เสน ได้รับมอบภาระให้เป็นเจ้าอาวาส ปกครองวัดป่าบ้านหนองแซง สืบต่อจากหลวงปู่บัว ได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ จนกระทั่งปัจจุบัน

    [​IMG]
    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    ผลงานของหลวงปู่เสน ปัญญาธโร
    ๑. ปลูกป่าติดต่อกันมาเป็นเวลา ๓๐ ปี
    ๒. จัดตั้งบ้านพักคนชรา ดูแลผู้สูงอายุด้วยวิถีพุทธ
    ๓. จัดทำแท่นมหัศจรรย์ เพื่อสุขภาพ
    ๔. จัดทำน้ำมันสมุนไพรรักษาโรค
    ๕. จัดสร้างโรงพยาบาลหลายแห่งในจังหวัดอุดรธานี
    ๖. จัดทำสระเก็บน้ำขนาดใหญ่เก็บกักน้ำไว้ใช้
    ๗. จัดสร้างถังประปาขนาดใหญ่ส่งน้ำให้ชุมชนหลายหมู่บ้านได้ใช้
    ๘. ช่วยเหลือดูแลรักษาผู้สูงอายุที่เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต
    ๙. อบรมสั่งสอนวิชาชีพงานช่างต่าง ๆ แก่ผู้ที่มีความสนใจ
    ๑๐. อบรมสั่งสอนศีลธรรมจริยธรรม สมาธิกรรมฐาน แก่บุคคลที่มีความสนใจ
    ๑๑. ผลิตน้ำหมักชีวภาพใช้เป็นปุ๋ยบำรุงพืช
    ๑๒. ผลิตน้ำพริกปลาร้าบริจาคแก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม
    ๑๓. เมตตาช่วยเหลือปัจจัยสี่แก่ภิกษุสงฆ์ ประชาชน นักเรียน ผู้ที่ขาดแคลน
    ๑๔. บริจาคที่ดิน วัว ควาย แก่ชาวบ้าน
    ๑๕. บริจาคทองคำช่วยชาติ แก่โครงการช่วยชาติ
    ๑๖. จัดสร้างโรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดอุดรธานี

    ระเบียบและข้อปฏิบัติ วัดป่าหนองแซง
    หลวงปู่ท่านเน้นความมีระเบียบวินัย พระเณรทุกรูปต้องทำตนเป็นผู้มีสัจจะ และข้อวัตรทุกเมื่อ

    ข้อวัตรกลางวัน พอรุ่งสว่างเป็นวันใหม่ พระเณรทุกรูปนำบริขารของตนที่เกี่ยวกับการฉัน ลงรวมบนศาลาโรงฉัน จัดให้ได้ระเบียบและทำสะอาดบนศาลา พอถึงเวลาที่เที่ยวภิกขาจารบิณฑบาต ต่างองค์ก็เตรียมนุ่งสบงจีวรซ้อนสังฆาฏิ ไปเที่ยวบิณฑบาตตามที่จัดไว้

    เมื่อกลับมาพร้อมเพรียงกันแล้ว จัดอาหารเสร็จ ก็เริ่มลงมือฉัน เมื่อฉันเสร็จแล้ว ทำข้อวัตรของตนและช่วยกันทำข้อวัตรศาลาจนสะอาด เก็บเครื่องบริขารขึ้นกุฏิ ต่อจากนั้นลงสู่ทางจงกรม เดินจงกรมไปจนถึง ๕ ชั่วโมง ทำข้อวัตรสำหรับตน แล้วลงกวาดตาดทำความสะอาดบริเวณวัด และจัดหาน้ำฉัน ตลอดจนสรงน้ำเรียบร้อย เตรียมลงทำวัตรเย็น ทำสมาธิ ต่อประมาณ ๔ ชั่วโมง

    ปัจจุบัน หลวงปู่เสน ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี อายุวัฒนะมงคล ๘๖ ปี พรรษา ๕๕

    [​IMG]
    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    [​IMG]
    หลวงปู่เสน ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

    คำสอนของหลวงปู่เสน ปัญญาธโร
    “..ความทุกข์ มีได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเสียทรัพย์สิน น้ำท่วม เป็นหนี้เป็นสิน อยากได้แล้วไม่สมหวัง หรือได้รับสิ่งที่เราไม่ชอบ หรือต้องเป็นในสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่ความทุกข์ที่หนักมาก ๆ คือความเจ็บป่วย และความตาย ซึ่งอาจจะทำให้เรื่องน้ำท่วมบ้านเป็นเรื่องเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับการพบว่า เราหรือคนที่เรารักที่สุดเป็นโรคร้ายแรงความทุกข์ในหัวข้อนี้ ไม่ใช่ทุกข์น้อย ๆ แต่เป็นทุกข์ระดับมะเร็ง เอาแบบที่รักษาไม่หายนั่นเลยที่เดียว..”

    “..โลกของเรามีความสุขที่แท้จริง มีความทุกข์ที่แท้จริงหรือไม่ ตอบว่า มีเพราะโลกเรามีทั้งสุขและทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ ทั้งสองอย่างเกิดได้กับทั้งกายและใจ เพียงแต่ไม่เที่ยงไม่เหมือนความทุกข์ยั่งยืนกว่า และความทุกข์นั้นบางอย่างดูเที่ยงแท้กว่ากันมาก..”

    “..การเอาชนะตนได้ หมายถึงการเอาชนะใจตนเอง โดยไม่ยอมให้จิตของตนตกไปในฝ่ายต่ำ ต้องสามารถเอาชนะด้วยการควบคุมจิตของตนให้อยู่ในอำนาจ อาจบังคับบัญชาให้ตัดกิเลส คือสิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมองทำให้จิตใจขุ่นมัว อันจะชักจูงให้ไปสู่ความประพฤติชั่วฯ ท่านจึงแนะนำสั่งสอนให้ทุกคนเอาชนะตนเองให้ได้ พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ..”

    “..ถ้าพวกท่านอยากจะอยู่รอดในศาสนา ให้เลิกใช้โทรศัพท์กันซะ…”

    “.. งานไหนไม่เสร็จไม่เลิก ถ้าจิตไม่สงบไม่นอนเหมือนกัน…

    ใจไม่เท่าช้าง ไม่มีช้าง ใจไม่เท่าศาลา ก็ทำศาลาไม่ได้ การก่อการสร้าง อย่ามายุ่งเชียวนะ ถ้าเสื่อมก็เสื่อมไวมาก จะกลับมาเจริญก็ยาก ตาจะเบา หูจะเบา จมูก ลิ้น กาย ใจ จะเบาไปหมด ทำไม่ได้หรอก เสื่อมหมด มันต้องหนักทั้งตา หูก็หนัก ใจยิ่งต้องหนักแน่น ไม่หวั่นไหวอยู่อย่างนั้น ขนาดได้ตัง 10 ล้านก็ไม่ดีใจ เสียไป 10 ล้านก็เฉยๆ นิสัยหลวงปู่เป็นแบบนั้น ถ้าไม่เสร็จไม่เดินหนี ไม่เสร็จไม่เลิก แต่ถ้าเสร็จแล้วจะไม่ยุ่งเลย ภาวนาก็เหมือนกันหนิ เอาหล่ะ ถ้าวันนี้จิตไม่สงบจะไม่นอน โห!…ช่วงแรกมันเอา 8 ชม.ทั้งคืนเลยนะ กว่าจะสงบ พอสงบค่อยให้มันนอน หลังๆก็จำทางได้ ลดลงมา 6 ชม. บ้าง 4 ชม.บ้าง เอาหล่ะฝึกจนชำนาญจะเข้าออกตอนไหนก็ได้ ต้องฝึกเข้าได้นะขณะนั้นเลยนะ…นี่เครื่องอยู่เรา ถ้าไม่มีความสงบ ทำงานใหญ่แบบนี้ไม่ได้นะ…”

    ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ -->https://www.108prageji.com/หลวงปู่เสน-ปัญญาธโร/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2023
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    อาถรรพ์ผีป่าจัน ดงพญาไฟ

    thamnu onprasert
    Oct 28, 2023
    เรื่องราวลี้ลับของดวงวิญญาณหลอนที่บ้านห้วยป่าจัน ดงพญาไฟ
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    สามเณรน้อยธุดงค์เดี่ยว ฝ่าดงช้างและดงเสือ

    ปู่ดอน station
    Oct 5, 2023

    ในกลางป่าเขาอันเงียบสงัด สามเณรน้อยรูปหนึ่ง ได้แบกกลดสะพายบาตรหาที่สัปปายะภาวนา จนมาพบกับที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ร้าย ความกลัวได้ทวีความรุนแรงขึ้นในใจของสามเณร ?!!! หรือนี่จะเป็นจุดจบของสามเณร ท่านจะเอาตัวรอดได้อย่างไร เมื่ออันตรายนั้นมาประชิดตัว!?..
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    น่าอัศจรรย์! ลิงพูดกัน หลวงปู่มั่นล่วงรู้หมด

    ปู่ดอน station
    Aug 19, 2023

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอรหันต์ผู้เป็นบูรพาจารย์แห่งพระป่ากรรมฐาน สมัยที่ท่านยังพำนักภาวนาอยู่ที่ถ้ำอาถรรพ์ ท่านได้กำหนดจิตฟังเสียงฝูงลิงคุยกัน ท่านรู้ความหมายต่างๆทั้งหมดอย่างน่าอัศจรรย์ สุดท้ายลิงทั้งหลายก็พากันมาหาอยู่หากินใกล้กับองค์ท่านได้อย่างสบายหายห่วง..
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    เห็นธรรมในป่าช้า

    thamnu onprasert
    Nov 4, 2023

    ประสบการณ์ในวัยหนุ่มของหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพงที่ได้พบเจอในป่าช้าที่น่ากลัว.
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    เทวดา พญานาค มาขอฟังธรรมและนั่งสมาธิกับหลวงปู่กูด

    ปู่ดอน station
    Jul 16, 2023

    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล พระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าศิลาอาสน์ ท่านเป็นพระที่มักมีความเกี่ยวข้องกับเทพและพญานาคอยูเสมอ เพราะท่านปราถนาพุทธภูมิมาก่อน ชาตินี้เป็นชาติที่ท่านถอนความปราถนาพุทธภูมินั้นอย่างไม่ไยดี เพราะท่านปราถนาจะภาวนาให้พ้นทุกข์ในชาตินี้ให้ได้นั่นเอง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2023
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล

    วัดป่าศิลาอาสน์
    อ.เมือง จ.ยโสธร

    4_449.jpg
    หลวงปู่กูด รกฺขิตสีโล วัดป่าศิลาอาสน์ บ้านหนองหิน ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
    หลวงปู่กูด รกฺขิตสีโล นามเดิม นายกูด ค่ำโพธิ์ ท่านเกิดเมื่อวันพุธ ที่ ๘ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง ณ บ้านหนองหิน ตำบลหนองหิน อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็น อ.เมือง จ.ยโสธร) บิดาชื่อนายชาย ค่ำโพธิ์ มารดาชื่อ นางดี ค่ำโพธิ์ มีพี่น้องร่วมท้อง ๗ คนด้วยกัน คือ

    ๑. หลวงปู่เจิ่น สิริจนฺโท : มรณภาพแล้ว
    ๒. นายจุ่น ค่ำโพธิ์ : ถึงแก่กรรม
    ๓. นางเพ็ง เขียวศรี : ถึงแก่กรรม
    ๔ นางแพง ศรีสล่าง : ถึงแก่กรรม
    ๕. หลวงปู่ขาน ปญฺญาธโร : มรณภาพแล้ว
    ๖. หลวงปู่กูด รกฺขิตสีโล : มรณภาพแล้ว
    ๗. นางหนูแต้ม จิตรอบ : ถึงแก่กรรม

    -รกฺขิตสีโล-2-784x1024.jpg
    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล วัดป่าศิลาอาสน์
    หลวงปู่กูด มีพระพี่ชายอีก ๒ รูป คือ หลวงปู่เจิ่น สิริจันโท และหลวงปู่ขาน ปัญญาธโร ซึ่งท่านทั้งสองนอกจากเป็นพี่น้องทางสายโลหิตแล้ว ยังเป็นกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ผู้ผูกพันใกล้ชิดเคียงบ่าเคียงไหล่ในเพศพรหมจรรย์หวังเพียงเพื่อที่จะพ้นทุกข์ข้ามแดนแห่งวัฏฏะสงสารโดยถ่ายเดียว อีกทั้งพี่น้องทางฝ่ายหญิงคือ นางเพ็ง (พี่สาว) และแม่ใหญ่แต้ม (น้องสาว) ก็ได้ออกประพฤติปฏิบัติธรรม ฝึกหัดภาวนา รักษาศีล ๘ ติดตามหลวงปู่กูด จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต ซึ่งถือว่าวงศ์ตระกูลของท่านมีบุญบารมีในทางธรรม เป็นตระกูลนักบวช นักปราชญ์ น่าสรรเสริญยกย่องเป็นยิ่งนัก

    หลวงปู่กูด สมัยเมื่อวัยเด็ก การศึกษาของท่านสมัยก่อนไม่มีห้องเรียน ท่านต้องเรียนกันตามร่มไม้ ท่านได้เล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ต่อมาบิดา มารดาของท่านได้เสียชีวิตลง หลวงปู่เจิ่น จึงรับภาระหน้าที่เลี้ยงดูน้องๆ ทุกคน น้องๆ ทุกคนจึงมีความเคารพหลวงปู่เจิ่น เปรียบเสมียนเป็นพ่อแม่ของตนเอง หลวงปู่เจิ่นบอกว่าน้องๆ ของท่านว่านอนสอนง่ายกันทุกคน หลวงปู่กูดสมัยเป็นฆราวาส ท่านมีอาชีพทำนา เมื่อท่านนำวัวควายไปกินหญ้าเสร็จแล้ว ท่านมักจะหลบไปนั่งภาวนาที่ใต้ต้นหว้าที่ทุ่งนาของท่านเป็นประจำทุกๆ วัน ที่นาของหลวงปู่ ได้อยู่ติดกับเพื่อนบ้านท่านหนึ่ง ซึ่งมีอายุต่างกันถึง ๑๐ ปี แต่มีอัธยาศัยที่ตรงกันคือ ชอบสนทนาธรรมะกัน และมีความคิดอยากที่จะอุปสมบทด้วยกันทั้งคู่ ท่านทั้งสองได้คบค้าสมาคมเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายกันมาก จนได้เข้ามาอุปสมบทเป็นพระกัมมัฏฐานที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยกันทั้ง ๒ รูป เพื่อนของหลวงปู่กูด ที่กล่าวถึงนี้ก็คือ หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ แห่งวัดป่าศิลาพร จ.ยโสธร (หรือที่รู้จักกันในนามหลวงปู่บุญมี วัดป่านาคูณ จ.อุดรธานี)
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (cont.)
    หลวงปู่กูด เมื่อสมัยเป็นฆราวาส ท่านได้ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์ มีศีล ๕ ประจำใจ ด้วยเล็งเห็นว่า หากตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์ในเพศฆราวาสแล้ว ศีลย่อมบริสุทธิ์ อบายภูมิก็ไม่มากล้ำกรายให้ลงไปในเบื้องล่างได้เลย ภาวนาก็ย่อมได้ผลดีตามมา ในขณะนั้นก็เจริญบริกรรม “พุทโธ” อยู่มิขาดทุกวันทุกคืน หลวงปู่ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์ น่าประหลาดใจยิ่ง เพราะเมื่อตั้งจิตอธิษฐานเสร็จแล้ว ท่านจะอยู่ในอริยบทใดก็เกิดมีแสงสว่างขึ้นรอบกายอยู่อย่างนี้ทั้งวันทั้งคืนอยู่เป็นปีๆ แสงสว่างเหล่านี้ก็ยังไม่หมดไป ในวันแรกที่ตั้งจิตอธิษฐานนั้น ท่านเห็นพระธุดงค์หน้าผ่องใสงดงามมาก ห่มผ้าสีกรัก พาดสังฆาฏินั่งอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง บนฟ้าลอยอยู่นนอากาศ แม้มองเบื้องล่างก็เห็นอยู่ทะลปรุโปร่งไปหมด แม้มองออกไปไกลๆ ก็มองเห็นพระธุดงค์รูปนั้นอยู่ตลอด
    ในคราวต่อๆ มาเมื่อท่านภาวนาพุทโธทั้งวันทั้งคืนมิได้ขาด ก็เกิดเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ขึ้นมา ได้เห็นอุบายเครื่องออกจากทุกข์ ขณะท่านกำลังนอนภาวนา ก็มีนิมิต
    “เห็นร่างกายอสุภะทั้งผม ขน เล็บ ฟัน หนัง หลุดออกมาเป็นปฏิกูลมีทั้งน้ำเหลืองและหนองปะปนอยู่”

    ท่านปฏิบัติอย่างนั้นโดยไม่มีครูบาอาจารย์เพียงตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์และบริกรรมพุทโธเรื่อยมา ได้พิจารณาทุกเรื่องที่ปรากฏจนเกิดความเบื่อหน่าย จิตอยากจะออกไปอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ตามสถานที่ต่างๆ ไม่อยากกลับไปบ้านเลย

    ชีวิตในวัยเด็กหลวงปู่ท่านได้ศึกษาถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เท่านั้น ต่อมาเมื่อบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว จึงสอบนักธรรมชั้นตรี ได้เมื่อ อายุ ๑๘ ปี จากนั้นเมื่อลาสิกขาบท ท่านใช้ชีวิตเป็นฆราวาสจนกระทั่งอายุได้ ๔๒ ปี จึงอุปสมบทในพัทธสีมาวัดพระงามศรีมงคล ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๑ โดยมี พระธรรมไตรโลกาจารย์ (รักษ์ เรวโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศีลขันธ์สังวร (อ่อนสี สุเมโธ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอาจารย์บุญกง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับฉายาทางมคธภาาาว่า “รกฺขิตสีโล” แปลว่า “ผู้มีศีลอันรักษาแล้ว
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (cont.)
    ถึงจะออกบวชเมื่ออายุมากแล้ว แต่หลวงปู่กูด ก็ยังประพฤติประฏิบัติตามแนวทางแห่งมรรคผลนิพพานดังคำสอนของพระพุทธองค์อย่างมุ่งมั่น โดยท่านได้เดินธุดงค์ไปหลายแห่งทั่วประเทศไทย โดยคำบอกเล่าแล้วกล่าวว่าท่านเป็นพระที่มีเทพเทวดารักเคารพมาก ในเวลากลางคืนจะปรากฏเหตุการณ์มหัศจรรย์ คือ “ มีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่รอบๆ แสงนี้สว่างไสวและงดงามมาก มีแต่รอบๆ กุฏิหลวงปู่กูดเท่านั้น ที่แห่งอื่นนั้นไม่มี เห็นเป็นแต่ความมืดเท่านั้นที่ปกคลุมอยู่ ”

    หลวงปู่กูด ถอนพุทธภูมิ เป็นสาวกภูมิ
    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล ประวัติท่านมีทั้งเทวดา พญานาค มาขอฟังธรรมท่านอยู่เสมอๆ เพราะท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน แต่ภายหลังเมื่อปฏิบัติธรรมอย่างเข้มงวดกับพระพี่ชายท่านหลวงปู่เจิ่น สิริจันโท จึงได้เห็นกองทุกข์ที่จะต้องไปเวียนเกิดเวียนตายในวัฏสงสารอีกไม่รู้จบสิ้น ทำให้ท่านสลดสังเวชในภพชาติน้อยใหญ่นั้น จึงได้กราบลาถอนพุทธภูมิ เป็นเพียงสาวกภูมิของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณศากยบุตรในบวรพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น จากนั้นท่านจึงออกรุกขมูลอยู่ตามป่าเขาเร่งเพียรภาวนาแสวงหาโมกขธรรมเพื่อให้ถึงซึ่งมรรคาตามคำสอนของพระบรมศาสดา

    เทวดา พญานาค มาขอฟังธรรม
    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล ท่านได้ขึ้นไปภาวนาอยู่ที่ถ้ำภูยางอู่ ในถ้ำนี้เองเวลากลางคืนได้มีเทพและนาคมากมายมาขอสมาทานศีล ๕ และขอฟังธรรมจากหลวงปู่กูดด้วย ลักษณะของเทพที่มา มีลักษณะกิริยามารยาทเรียบร้อย หน้าตางดงามมาก นุ่งขาวทั้งชายหญิง เทวดาทรงผมธรรมดา เทพธิดาปล่อยผมยาว เป็นเด็กก็มี ส่วนผู้เป็นหัวหน้านั้นเป็นเทพบุตร หลวงปู่กูดท่านนั่งสมาธิอยู่ลานหินกว้าง เหล่าเทพมาถึงแล้วก็นั่งรอเป็นทิวแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก ไม่มีเสียงดังให้ได้ยินเลย หลวงปู่กูด ท่านให้รับศีลและให้ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์แล้ว ท่านไม่ได้เทศน์สั่งสอนอะไรเลย จึงนั่งสมาธิเงียบๆ อยู่ พวกเทพเห็นดังนั้น ก็นั่งสมาธิกับหลวงปู่กูดด้วยประมาณ ๑ ชั่วโมง จึงกราบลงแล้วลากลับไป
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (cont.)
    เมื่อเทพเหล่านั้นกลับไปแล้ว พวกนาคก็มาหาท่านอีก หัวหน้าก็เป็นชายอีกเช่นเดียวกัน เขาอาราธนาศีลเก่งเหมือนกันหมดทุกคน ไม่ว่าเทพหรือนาค หลวงปู่กูด ก็อัศจรรย์ใจยิ่งนักว่า ทำไมเขาถึงอาราธนาศีลเก่งนัก เหล่าเทพนาคเขาบอกว่าเคยเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นมาก่อน หลวงปู่มั่นท่านสอนให้อยู่ในไตรสรณคมน์มาก่อนจึงอาราธนาศีลเป็น ลักษณะของนาคที่มานั้น มาเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกัน ต่างกันก็ตรงเครื่องนุ่งห่ม โดยสีผ้าของนาคนี้มีสีผ้าคล้ายใยบัวแต่ไม่คล้ำนัก ผมไม่ดกบางๆ แต่งตัวเรียบร้อยเหมือนกับแขกอินเดียโพกหัวด้วยผ้าบางๆ สีคล้ายสีชมพูแต่อ่อนมาก

    นับตั้งแต่หลวงปู่กูดได้อุปสมบท ท่านสังเกตว่าทางเดินจงกรมของท่านจะมี กิ้งกือ ตะขาบ งูเพา งูมีพิษ และสัตว์ที่มีพิษทุกชนิด เมื่อมาเห็นทางเดินจงกรม จะไม่ข้ามทางจงกรมของท่านเลย และจะหันหลังกลับทันที ท่านได้เฝ้าสังเกตอยู่เงียบๆ และแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะแม้จะเป็นศัตว์เดรัจฉานก็ยังรู้ความไม่ย่ำยีตัดทางเดินจงกรมของพระผู้ปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ รวมทั้งเทพ นาคด้วย ก็จะไม่เดินข้ามทางจงกรมนี้เลย

    -รักขิตสีโล-จ.jpg
    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล วัดป่าศิลาอาสน์
    หลวงปู่กูด ท่านเป็นพระที่มีเทพเทวดารักเคารพมาก ในเวลากลางคืนจะปรากฏเหตุการณ์มหัศจรรย์ คือ

    “มีแสงสว่างเจิดจร้าอยู่รอบๆ แสงสว่างนี้สว่างไสวและงดงามมาก มีแต่รอบๆ กุฏิหลวงปู่กูดเท่านั้น ที่แห่งอื่นนั้นไม่มี เห็นเป็นแต่ความมืดเท่านั้นที่ปกคลุมอยู่”
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    (cont.)
    ในแต่ละคืน พระเณรไม่เป็นอันปฏิบัติอันใดทั้งสิ้น จะมาคอยดูแต่แสงสว่างที่รอบกุฏิหลวงปู่อยู่เท่านั้น เมื่อหลวงปู่กูดทราบ จึงได้บอกเทพทั้งหลายว่า ให้หยุดการกระทำอันจะเป็นอันตรายแก่พระเณร เพราะการที่ท่านมาพบในลักษณะนี้ ผู้อื่นพบเห็นก็จะหลงใหลเคลิบเคลิ้มไม่เป็นอันทำอะไร ดังนั้น ในคืนถัดมาแสงสว่างจึงไม่มี การที่มีเทพ พรหม มากราบหลวงปู่กูด ก็เพื่อมานิมนต์ขอให้หลวงปู่กูดปรารถนาพุทธภูมิต่อไป เพื่อให้เขาทั้งหลายมีที่พึ่งทางใจสืบไป

    ถอนพุทธภูมิ
    ในพรรษาต่อมา หลวงปู่กูดได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร (วัดของหลวงปู่ประสาร สุมโน ในปัจจุบัน) ในพรรษานี้เอง หลวงปู่กูด ได้ตั้งสัจจะถอนคำอธิษฐานที่ปรารถนาพุทธภูมิมาแต่ในอดีตชาติ โดยได้ตั้งสัจจะใหม่ขอพ้นทุกข์ในชาตินี้ สาเหตุที่ตัดใจได้คือ

    ๑. ท่านพิจารณาแล้วว่า หากปรารถนาต่อไปภพชาติก็จะยิ่งยาวไกลออกไปไม่รู้จักจบจักสิ้น จะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่อบายภูมิ ตกนรก เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นมนุษย์ และพรหมอีกไม่รู้เท่าไหร่ และ
    ได้พิจารณาย้อนไปในอดีต ก็ยิ่งรังเกียจภพชาติที่ผ่านมา เพราะได้เวียนว่ายตายเกิดมาหมดทุกภูมิแล้ว

    ๒. หลวงปู่กูด ท่านได้เห็นกรรมฐาน ๕ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ได้หลุดกองลงมา ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส ล้วนแต่เป็นเครื่องปฏิกูลเน่าเหม็นโสโครก เมื่อเห็นดังนี้แล้วจิตจึงอยากถอนจากการเวียนว่ายตายเกิดอีก จึงตั้งสัจจะขอปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์อย่างเดียว

    หลวงปู่กูด ท่านเป็นพระกัมมัฏฐานซึ่งมุ่งมั่นในการปฏิบัติ เดิมทีนั้นท่านปรารถนาพุทธภูมิเป็นที่หมาย แต่เมื่อปฏิบัติมากเข้า ในที่สุดก็ขอลาพุทธภูมิเพื่อให้จบกิจในชาตินี้ภพนี้เป็นที่สุด เพราะเหตุนี้เองทำให้ท่านต้องประสบวิบากสังขารในชีวิตหลายครั้งหลายคราว แต่ท่านก็ไม่หลบไม่เลี่ยง หากแต่เผชิญกับวิบากนั้นด้วยความเมตตาและอาจหาญอย่างที่สุด เพื่อจะได้ไม่ติดค้างหนี้เวรหนี้กรรมใดๆ อีก

    เรื่องจริงที่เหลือจินตนาการใดๆ เรื่องหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นกับหลวงปู่กูด คือ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๕ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุได้ ๘๗ ปี แต่ไม่ว่าจะสูงวัยอย่างไรก็ไม่ใช่เหตุที่ทำให้ต้องละการภาวนา ปีนั้นท่านเก็บตัวภาวนาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง หลังพระอุปัฏฐากและศิษย์กราบลาท่านในช่วงค่ำ ปล่อยให้ท่านบำเพ็ญภาวนาอยู่ในกลดอย่างที่เป็นมาตลอด ๓ เดือน พอรุ่งเช้าไปพบท่านอีกทีถึงกับสยองขวัญสั่นประสาท เพราะมีมดดำนับหมื่นๆ ตัวรุมกัดท่านอยู่จนร่างผอมบางนั้นดำสนิทไปทั้งร่าง เมื่อศิษย์เข้าไปช่วยเพื่อนำท่านส่งโรงพยาบาล ท่านยังเอ่ยด้วยความเมตตาว่า “อย่าไปปัดมันๆ

    [​IMG]
    หลวงปู่กูด รักขิตสีโล ช่วงอาพาธอยู่ที่วัดป่าศิลาอาสน์
    หลวงปู่กูด ละสังขารลงเมื่อวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๙ ปี ขาล เมื่อเวลา ๑๐.๔๓ น. ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ ณ วัดป่าศิลาอาสน์ ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร สิริอายุ ๙๔ ปี ๓ เดือน ๒๕ วัน พรรษา ๕๓

    [​IMG]
    เจดีย์บูรพาจารย์ หลวงปู่เจิ่น สิริจันโท ,หลวงปู่กูด รักขิตสีโล ,หลวงปู่ขาน ปัญญาธโร ,หลวงปู่โท ติสสวังโส รวม ๔ องค์ ณ วัดป่าศิลาอาสน์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
    [​IMG]
    อัฐิธาตุ ของท่าน หลวงปู่กูด รกฺขิตสีโล
    โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่กูด รักขิตสีโล

    “…บ่อเกิดแห่งทุกข์คือใจ กาย วาจา ใจ ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายมารวมกันอยู่ที่ กาย วาจา ใจ…”

    “..โลกนี้ดุจหม้อกระทะใหญ่ที่ค้างไว้ตลอดกาลช้านานแล้ว ใครเกิดมาก็มาตกอยู่ในกระทะใหญ่นี้โดยไม่รู้สึกตัว ยิ่งตกยิ่งมัวยิ่งเมาโดยไม่รู้ตัว ดีชั่วไม่คำนึงถึงอันตรายทั้งสิ้น สมัยใดหรือยุคใดก็ตามย่อมเจริญแต่ความมึนเมา เอาตัวรอดจากตาข่ายไม่ค่อยได้ ตกอยู่ในหลุมเพลิงอย่างไรก็ชอบอย่างนั้น ตกอยู่ในโอกแอ่งแก่งกันดารเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักเต็มไม่รู้จักคลาย โลกทั้งหลายก็เป็นอย่างนี้มาแต่อดีตชาติ และอนาคตก็จะเป็นอยู่อย่างนี้..”
    ขอบคุณที่มา :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่กูด-รักขิตสีโล/
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    เมื่อปู่มาเกิดเป็นหลาน

    หลวงตา
    Nov 4, 2023
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    อำนาจจิตฤทธิ์อภิญญา หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

    หลวงตา
    Feb 19, 2023
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    เส้นทางธุดงค์ หลวงปู่กินรี

    หลวงตา
    May 7, 2022

    เส้นทางธุดงค์ หลวงปู่กินรี จันทิโย วัดกัณตะศิลาวาส อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2023
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    pic_096.jpg

    ข้อมูลประวัติ หลวงปู่กินรี จันทิโย วัดกัณตศิลาวาส นครพนม


    "หลวงปู่กินรี จันทิโย" วัดกัณตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระสงฆ์สุปฏิปันโนรูปหนึ่ง เป็นลูกศิษย์ที่เคยปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ ท่านยังเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า กลม จันสีเมือง เกิดเมื่อวันพุธที่ 8 เมษายน 2439 ตรงกับสมัย ร.ศ.115 ที่บ้านหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายโพธิ์ และนายวันดี จันสีเมือง ครอบครัวประกอบอาชีพชาวนา

    ในวัย 10 ขวบ ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม ได้ศึกษาหนังสือธรรม หนังสือผูก ภาษาขอม ภาษาไทยน้อย (อักษรธรรม) และภาษาไทยปัจจุบัน ครั้นพออายุครบ 20 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดเกาะแก้วอัมพวัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แต่ด้วยความการร้องขอจากบิดา-มารดา ท่านจึงลาสิกขาตามความประสงค์ของบุพการี และประกอบอาชีพเป็นนายฮ้อยค้าวัว-ควาย

    เนื่องจากอาชีพดังกล่าวต้องพรากพ่อแม่ลูกโค-กระบือ ผลกรรมจึงตามย้อนสนองให้ต้องสูญเสียภรรยาหลังคลอดบุตร สร้างความโศกเศร้าเป็นยิ่งนัก ท่านจึงละวางทางโลก มุ่งหาทางธรรม เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดศรีบุญเรือง ต.กุดตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2465 ขณะมีอายุ 25 ปี โดยมี พระอาจารย์วงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พิมพ์และพระอาจารย์พรหมา เป็นพระคู่สวด

    ได้ชื่อใหม่จากพระอุปัชฌาย์จากชื่อเดิม "กลม" เป็น "กินรี" มีฉายาว่า "จันทิโย"ภายหลังอุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาที่วัดหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก เพื่อสอนความรู้ภาษาไทยทั้งการอ่านและเขียนให้แก่เด็กๆ ในหมู่บ้าน และยังขุดลอกสระน้ำขนาดใหญ่ด้วยตัวเอง เพื่อให้วัดและชาวบ้านได้มีน้ำอุปโภคบริโภค

    ต่อมาได้ไปศึกษาเล่าเรียนกัมมัฏฐานจากพระอาจารย์ทองรัตน์ กันตสีโล ที่สำนักบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับสู่วัดบ้านเกิด และได้จัดตั้งสำนักสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ชื่อว่า สำนักสงฆ์เมธาวิเวก

    ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ทองรัตน์ ได้พาไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร เพื่อรับโอวาทถึงข้อธรรม พร้อมกับการเจริญสมาธิ ภาวนาจิตให้สงบ ซึ่งท่านได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลวงปู่มั่นเพียง 2 ปีเท่านั้น

    ท่านได้ธุดงค์มุ่งไปตามป่าเขา เลาะเลียบฝั่งโขงไปฝั่งลาว กราบนมัสการพระพุทธบาทโพนสัน กระทั่งไปจำพรรษาอยู่กับเผ่าแม้วที่ จ.อุตรดิตถ์ ฉันแต่ข้าวโพด ธุดงค์ข้ามไปย่างกุ้ง ประเทศพม่า และได้รับนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกุลาจ่อง ก่อนมุ่งหน้าไปสู่แดนพุทธภูมิเพื่อนมัสการสังเวชนียสถานทั้ง 4 และจำพรรษานาน 12 ปี จนพูดภาษาพม่าได้ จากนั้นจึงกลับมาพักอยู่สำนักสงฆ์เมธาวิเวกระยะหนึ่ง ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกัณตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม

    ระหว่างนี้ ท่านยังได้แวะเวียนไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และพระอาจารย์ทองรัตน์อยู่เป็นนิจ ซึ่งท่านยังมีลูกศิษย์ที่สำคัญรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียง คือ หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง ที่ได้อยู่จำพรรษาศึกษาปฏิบัติธรรมและคอยอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่กินรี ในระหว่างปี พ.ศ.2490-2491 ก่อนจะนำพระพุทธศาสนาไปประกาศเผยแผ่ไปยังทวีปต่างๆ ทั่วโลก

    หลวงปู่กินรี เป็นพระที่ยึดมั่นในศีลธรรม จะคอยอบรมลูกศิษย์อย่าประมาทในศีล แม้สิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ ในพระวินัยจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด แม้การตากผ้าสบงจีวรแล้วมิได้เฝ้าดูรักษา ก็จะตำหนิพระลูกศิษย์ เป็นสมณะต้องมักน้อยสันโดษ เป็นอยู่ง่ายๆ กินแต่น้อย ไม่สะสมทรัพย์สิ่งของ

    หลวงปู่กินรี มีโรคประจำตัว คือ ไออยู่เป็นนิจ เนื่องจากปอดชื้น แต่ท่านไม่ยอมให้หมอรักษาหรือยอมให้ศิษย์นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความชราภาพ ทำให้สภาพร่างกายไม่แข็งแรงดังแต่ก่อน และนับวันมีแต่อาการอาพาธจะทรุดลง

    กระทั่งวันที่ 26 พฤศจิกายน 2523 ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ สิริอายุ 84 ปี 58 พรรษา "หลวงปู่กินรี จันทิโย" จึงกลายเป็นนามแห่งพระเถระที่คณะศิษย์และสาธุชนชาวเมืองนครพนม ต่างเลื่อมใสศรัทธา นำคำสั่งสอนไปปฏิบัติและเผยแผ่ขจรขยายในต่างแดนตราบเท่าทุกวันนี้
    :-http://www.trueamulet.com/profile/221_หลวงปู่กินรี-วัดกัณตศิลาวาส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2023

แชร์หน้านี้

Loading...