หายนะครั้งใหญ่กำลังรุกคืบเข้ามา..หลายชาติเริ่มตระหนักและเตรียมรับมือ..

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย teww, 6 กันยายน 2012.

  1. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741

    การสำคัญผิดคิดว่าคนอื่นจะต้องขาดความอบอุ่นเหมือนตัวเอง เป็นแนวคิดของคนที่ขาดความอบอุ่นครับ
     
  2. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ยังงงๆ กับเรื่องที่ระบบสุริยะของเราจะโคจรตัดผ่านระนาบกลางของแกแลคซี่ทางช้างเผือกนะครับ ใครพอจะให้ความกระจ่างได้ว่า เป็นการตัดผ่าน หรือ หมุนรอบระนาบ(แกน)กลาง กันแน่ครับ
     
  3. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    ฤาคำทำนาย"วันสิ้นโลก"เป็นจริง

    นักดาราศาสตร์นาซาเผยพบ"หลุมดำระเบิด"ณ ศูนย์กลางกาแล็คซี่

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่า กล้องโทรทัศน์"นูสตาร์"ของนาซาสามารถจับภาพน่าทึ่ง เป็นภาพการระเบิดตัวของหลุมดำบริเวณดาวฤกษ์"ธนู"ตรงศูนย์ของกาแล็คซี่ โดยนาซาระบุว่า ข้อมูลนี้จะช่วยให้นาซาได้เข้าใจถึงสิ่งใหญ่โตกลางกาแล็คซี่ และปรากฎการณ์การปะทุตัวระเบิดเป็นเวลาไม่กี่ชม.ก่อนจะกลับคืนภาวะสงบ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความสำเร็จของนาซาซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามจะจับตาเฝ้ามองและศึกษาหลุมดำบริเวณใจกลางกาแล็คซี่ ซึ่งทางช้างเผือกบริเวณกลุ่มดาวฤกษ์"ธนู"มักจะเงียบอย่างผิดปกติ และการปะทุดังกล่าวอาจเป็นสิ่งดีก็ได้

    [​IMG]

    รายงานระบุว่า เมื่อมวลสารใด ๆ ถูกหลุมดำดึงดูด มันจะมีความร้อนกว่า 100 ล้านองศาเซลเซียส และจะกระจายเป็นการระเบิดของรังสี โดยก่อนหน้านั้น มันจะถูกดึงพ้นจากจุดที่แม้แต่แสงก็ไม่สามารถรอดพ้นการดูดของหลุมดำได้ และประเมินว่า นาซาจะสามารถจับภาพ การเกิดหมอกฝุ่นและก๊าซที่เข้าใกล้หลุมดำก่อนจะถูกดูดที่น่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า

    ทั้งนี้ ปรากฎการณ์นี้ สร้างความตื่นเต้นให้แก่นักวิทยาศาสตร์ที่ได้อุทิศเวลาให้กับการคำนวณผ่านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้สร้างรูปแบบจำลองว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับหมอกก๊าซดังกล่าวเมื่อมันวนเวียนอยู่ใกล้หลุมดำ ขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวยังถูกโยงเข้ากับการทำนายตามปฎิทินดาราศาสตร์ของชาวมายาแห่งอาณาจักรอินคา ที่อ้างว่า เมื่อโลก ดวงอาทิตย์ และศูนย์กลางของทางช้างเผือก เรียงตัวตั้งอยู่ในแนวเดียวกัน ในเดือนธ.ค. ปี 2012 จะก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงจากอานุภาพของพลังงานมหาศาลของจักรวาลที่สามารถทำลายสนามแม่เหล็กของโลกและทำให้โลกไปสู่กาลวิบัติ แต่นาซายืนยันว่า จะไม่มีการเรียงตัวเป็นแนวเดียวกันดังกล่าว หรือแม้ว่าจะมี ก็จะไม่มีผลกระทบใดทั้งสิ้น


    <!--อ่านล่าสุด คน--><!-- FB COMMENT --><!-- <tr> <td align="right" valign="top" colspan='2'>
    <fb:comments href="" num_posts="3" width="560"></fb:comments> <script src="http://connect.facebook.net/en_US/all.js#appId=186740354700554&xfbml=1"></script> </td> </tr> --><!-- END FB COMMENT --><!-- Start ADS Google Adsense 468x60-->
    ขอบคุณข้อมูลจาก ฤาคำทำนาย"วันสิ้นโลก"เป็นจริง นักดาราศาสตร์นาซาเผยพบ"หลุมดำระเบิด"ณ ศูนย์กลางกาแล็คซี่ : มติชนออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. mzbot

    mzbot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +963
    เค้าออกมาแนะนำและเตือนก็ดีแล้วนะครับ อนาคตยังไม่มีใครรู้ได้ อะไรจะเกิด ไม่มีใครในโลกนี้รู้ล่วงหน้าหรอก เจ้าของกระทู้ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกด้านหนึ่ง พอบอร์ดเงียบก็บ่นว่า เงียบ แต่พอมีคนมาโพสต์ ก็จ้องโจมตีซะงั้น พวกคุณมันบ้าไปแล้ว......^^
     
  5. เป็ดอโยธยา

    เป็ดอโยธยา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +18
    โดนเข้าไปแล้ว... เงียบก็ว่า ออกมาพูดก็โดนด่า เสียสติไปแล้ว
     
  6. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เหลือเชื่อเกินไป:boo:
     
  7. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    นตอนค่ำลุงเห็นคนมารวมกันมีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่ง ตอนนี้ลุงเห็นขอฟ้าแดงจ้า
    จนน่ากลัว แล้วสิ่งที่ลุงเรียกว่าวันฟ้าดับก็เกิดขึ้น ลุงเห็นมีแสงสีแดงพุ่งมาจากพระอาทิตย์ วาบหนึ่งจากนั้นแสงทั้งหมดก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลูงไม่รู้จะเรียกอะไร น่าจะเป็นพระจันทร์ดำ เพราะเป็นสีดำๆเหมือนจันทรุปราคาที่มาบดบังพระอาทิตย์แต่เล็กกว่ามาก แต่ตอนนั้นพระจันทร์ก็ยังเห็นอยู่ แล้วบรรยากาศที่เหมือนเราดับเทียนในห้องมืดที่สุดก็เกิดขึ้น พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป แม้แต่ดวงดาวและพระจันทร์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ความมืดในขณะนั้นลุงเห็นคนพยายามยกมือของตนเองขึ้นมาดูก็ยังไม่สามารถเห็นได้


    ตรงกับข้อความของคุณพระลุงเชียงใหม่ ตอนนี้เลยครับ
     
  8. NARASAWA

    NARASAWA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +408
    แนะนำผิดๆ เชื่อไหมครับ
    เตือนผิดๆ เชื่อไหมครับ


    ไม่ได้มีการจ้องโจมตีอย่างที่เป็นข่าว (smile)(smile)
    เป็นการให้เหตุผล ในเชิงขัดแย้ง
    เรื่องจริง ไม่จริง คุณก็จะเชื่อไปทั้งหมดเลยรึ
    เลือกได้นี่ ทุกคนมีวิจารณญาณ มีสมองสองซีก
    ท้ายนี้ ผมขอยืนยันว่า ผมไม่บ้าครับ
    ยังไปทำงานเป็นปกติ ไมต้องไปรับยา

    คนบ้าไม่มานั่งเล่นเนตหรอกครับ
    ถ้าเพี้ยนๆน่ะพอเล่นได้(smile)
     
  9. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    พระจันทร์ดำที่เห็น น่าจะเป็นหลุมดำที่อยู่ใจกลางกาเล็กซี่ทางช้างเผือก
     
  10. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    ภาพจำลอง ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก..วันโลกาวินาศเมื่อ 65 ล้านปี

    <object width="640" height="480"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/WeAHauPUxEs?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/WeAHauPUxEs?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

    ครั้งล่าสุดตกในอ่าวเม็กซืโก
    สัตว์ตายเรียบทั้งโลกภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าไม่มุดลงดิน
     
  11. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    เลิกเพ้อเจ้อเสียทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ถ้าพูดตามหลักไตรลักษณ์อะไรอะไรก็ล้วนเป็นอนิจจัง ไม่แน่ไม่นอน
    แต่ถ้าเป็นไปตามทิ่จขกท.นำเสนอจริง ก็แจ้งเกิดทั้งที่ไม่อยากเกิด
    หลายคนอยากเกิดบนบอร์ดนี้แต่ก็ไม่ได้เกิด เพราะเดาใจฟ้าไม่ตรงซักที
     
  13. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    องค์ความรู้ฯ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่

    เหตุ : ทุกรอบ 13,000 ปี สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก
    และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม จะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน


    ผล : ในรอบนี้ โลก และสุริยจักรวาล จะเปลี่ยนเข้าสู่แรงดึงดูดของ
    กาแลคซี่ไตรแองกุลัมทางทิศตะวันออก


    เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราในอนาคตนั้น แท้ที่จริงแล้ว กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เพราะโลกของเราเคยเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ในรอบเวลาประมาณ 26,000 ปี ตามความรู้ที่ได้จากสโตนเฮนจ์ (Stone Henge) ซึ่งบ่งชี้ว่า ทุกๆ 13,000 ปี จะมีการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลต่อโลก สุริยจักรวาล เนื่องจากกาแลคซี่ที่มีอิทธิพลต่อสุริยจักรวาลมีด้วยกันถึง 3 กาแลคซี่ ได้แก่

    1. กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy)มีศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศเหนือ ในปัจจุบัน โลก สุริยจักรวาลตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้

    2. กาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มีศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศตะวันออก มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก ในอนาคตโลก สุริยจักรวาล จะถูกดึงเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้ ตามวาระการวนครบรอบอีกครั้ง

    3. กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่มีขนาดใหญ่มาก แผ่อิทธิพลควบคุมทั้ง 2 กาแลคซี่ ไม่ส่งผลกับโลกโดยตรง

    ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ใน 1 รอบใหญ่ คือประมาณ 26,000 ปี ตามปฏิทินดาราศาสตร์ที่สโตนเฮนจ์ โลก สุริยจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และสลับไปอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีก 13,000 ปี

    รายละเอียดของสโตนเฮนจ์ จะกล่าวถึงในภายหลัง

    การประสบกับภัยพิบัติอย่างรุนแรง ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลก เช่น อาจจะเปลี่ยนจากภูเขาไปเป็นมหาสมุทร จากป่าฝนไปเป็นทะเลทราย จากเขตร้อนกลายเป็นเขตหนาว ฯลฯ นอกเหนือจากเป็นการทำงานตามวาระของธรรมชาติแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่ส่งผลร่วมอย่างร้ายแรง คือ การกระทำของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยด้วย

    เมื่อประมาณ 26,000 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงวาระที่โลก สุริยจักรวาล อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ที่สมบูรณ์ไปด้วยพลังงานที่ดี เช่น กระแสลมปราณ และ มโนธาตุ ส่งผลให้มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เจริญสูงสุดในทุกด้าน

    แต่จุดเสื่อมย่อมเพาะเชื้อก่อกำเนิดมาจากจุดสูงสุดเสมอ เมื่อรู้มาก เก่งมาก จึงนำไปสู่การผลิตอาวุธสงครามที่ร้ายแรง เรียกว่า “อาวุธเส้นแสง” เมื่ออาวุธเส้นแสง ถูกนำมาใช้ในสงคราม สิ่งที่เกิดตามมา คือ เกิดแรงอัดกระแทกอย่างมหาศาลลงสู่พื้นดิน พร้อมๆ กับการโคจรมาเรียงตัวเป็นเส้นตรงของ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ ทางช้างเผือก และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ด้วยขนาดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่ใหญ่กว่า จึงทำให้แกนขั้วโลกจากทิศตะวันออก พลิกเปลี่ยนชี้ไปทางทิศเหนือ มหาอาณาจักรแอตแลนตีส จึงจมลง เปลี่ยนสภาพจากแผ่นดิน กลายเป็นมหาสมุทรในชั่วข้ามคืน เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพบนพื้นผิวโลกอย่างมโหฬารไปทั่วทุกส่วนของโลก ตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ 3 ส่วน และพื้นดิน 1 ส่วน มนุษย์เสียชีวิตเหลือคณานับ เป็นการสิ้นสุดของยุคทองแห่งแอตแลนตีส

    ชาวแอตแลนตีสกลุ่มหนึ่ง มีผู้นำเป็นนักบวชที่มีพลังจิตสูง ได้ลงเรือเดินทางออกจาก มหาอาณาจักร ก่อนจะเกิดเหตุภัยพิบัติล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ขึ้นฝั่งในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ การถ่ายทอดอารยธรรมแอตแลนตีสจึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

    สัญลักษณ์สิ่งแรกที่ยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ที่นักบวชได้สร้างขึ้นด้วยพลังจิต และอาศัยความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร คือการสร้างสฟิงซ์ (Sphinx) ด้วยเทคนิคการใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสง และเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นวัตถุ เป็นรูปสิงโตหมอบ เหยียดขาหน้าทั้งคู่ไปด้านหน้า ลำตัวทอดยาวไปตามแนวทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงวาระครบ 13,000 ปีอีกครั้ง ณ ที่ตั้งสฟิงซ์แห่งนี้ จะกลายเป็นตำแหน่งของขั้วโลกใหม่ และ ขั้วโลกจะชี้ไปทางทิศตะวันออก อยู่ในอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีกครั้ง นานประมาณ 13,000 ปี

    ชาวแอตแลนตีส มีความชำนาญในการใช้พลังพีระมิดอย่างหลากหลาย และได้ถ่ายทอดสู่ชาวอียิปต์จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งอีกหลายพันปีต่อมา จึงได้มีมหาพีระมิดเกิดขึ้น

    เชื่อสายแอตแลนตีส รุ่นต่อๆมา มีการย้ายถิ่นฐาน สร้างเมือง สร้างประเทศใหม่ อารยธรรมแอตแลนตีสจึงกระจายออกไปหลายส่วนของโลก ที่รู้จักกันดี คือ ชนเผ่ามายา หรือ มายัน ผลงานชิ้นสำคัญของพวกเขา คือการจัดวางเสาหิน แท่งหิน ขนาดมหึมาเป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง เรียกว่า สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) อยู่ที่เมือง ซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีเทคนิคการสร้างเหมือนกับการสร้างสฟิงซ์ คือการใช้พลังจิตเปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสงก่อน และเมื่อนำไปจัดวางได้เรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนพลังงานแสงคืนกลับเป็นวัตถุอีกครั้ง

    สโตนเฮนจ์ เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ ใช้หลักคำนวณจากการโคจรของกาแลคซี่ ทั้ง 3 ใน 1 รอบ คือ 26,000 ปี โดยสามารถถอดรหัสได้ว่าในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และอีก 13,000 ปี จะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ฉะนั้น การสร้างสโตนเฮนจ์ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระของการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดอีกครั้ง

    การเกิดภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นความสัมพันธ์ เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบันและอนาคต ระหว่างกาแลคซี่ทั้ง 3 กับสฟิงซ์ สโตนเฮนจ์ และแกนพลังงานโลก โดยมีทั้งมนุษย์และธรรมชาติเป็นพลังงานขับเคลื่อน

    อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ [URL="http://palungjit.org/posts/4105564[/URL]
     
  14. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ถ้านับถือท่านก็จะช่วยขยายให้ครับ ตอนนั้นนั่งกันเต็มห้องหลายๆคนก็ถามท่านเรื่องการเมือง เรื่องเสียดินแดน คนไทยจะล่มสลายไหม คำตอบท่านทำให้ผมยังคงทำงานไปเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ "พวกแกเฉยๆไว้เถอะ ไอ้เมืองไทยน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก" เรื่องดาวหลุมดำก็ไม่มีว่ามันจะมามีผลกับโลกนะครับ ท่านพูดถึงมนุษย์ในขอบของดาวหลุมดำ รับรู้ไว้เตรียมการ เตรียมใจอย่างมีสติ ไม่ประมาท ไม่มงตลตื่นข่าวดีสุดครับ
     
  15. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    เผย 14 รอยเลื่อนมีพลังในไทย ที่อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหว กระจายอยู่ใน 22 จังหวัด

    [​IMG]

    เหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 6.6 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้คนไทยกลับมาตื่นตัวเรื่องแผ่นดินไหวอีกครั้ง เนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากรอยเลื่อนสะแกง ซึ่งพาดผ่านชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดกาญจนบุรีถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกทั้งบางส่วนยังอยู่ในทะเลที่เคยเกิดสึนามิตรงฝั่งอันดามันของไทยด้วย

    เพราะเหตุนี้ นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จึงออกมาเตือนให้ประเทศไทยเฝ้าระวังภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทางฝั่งอันดามัน เพราะรอยเลื่อนสะแกงนี้เคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดถึง 8 ริกเตอร์ เมื่อ 80 ปีที่แล้ว จนทำให้เมืองสะแกงล่มสลายไปทั้งเมือง และขณะนี้รอยเลื่อนดังกล่าวกำลังสะสมพลังงานอยู่

    อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดของแผ่นดินไหวนั้นมาจากรอยเลื่อนที่มีพลัง ซึ่งรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย เคยเกิดขึ้นแล้ว 9 แห่งด้วยกัน และจากการรายงานของกรมทรัพยากรธรณีวิทยา ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มรอยเลื่อนล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังทั้งหมด 14 รอยเลื่อน โดยกระจายอยู่ใน 22 จังหวัด ได้แก่

    1. รอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่านอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร

    2. รอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่านอำเภอเทิง อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 57 กิโลเมตร

    3. รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 29 กิโลเมตร

    4. รอยเลื่อนเมย วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ พาดผ่านตั้งต้นจากลำน้ำเมย ชายแดนพม่า ต่อไปยังห้วยแม่ท้อ ลำน้ำปิง จังหวัดตาก ไปถึงจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และสิ้นสุดที่จังหวัดอุทัยธานี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร

    5. รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในแนวโค้งไปทางทิศตะวันออก มีความยาวประมาณ 61 กิโลเมตร

    6. รอยเลื่อนเถิน พาดผ่านอำเภอแม่พริก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ในแนวโค้งในไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 103 กิโลเมตร

    7. รอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านอำเภองาว จังหวัดลำปาง และอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านทิศเหนือของรอยเลื่อนท่าสี มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร

    8. รอยเลื่อนปัว พาดผ่านพื้นที่อำเภอสันติสุข อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง ของจังหวัดน่านในแนวเหนือ-ใต้ ด้วยความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร

    9. รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอำเภอเมือง อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร

    10. รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่านอำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร

    11. รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่านอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ในแนวโค้งเล็กน้อยไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 62 กิโลเมตร

    12. รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่านอำเภอหนองไผ่ อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยรอยเลื่อนบริวารในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ กับแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้สลับกัน มีความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร

    13. รอยเลื่อนระนอง พาดผ่านพื้นที่ตั้งแต่ จังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบ คีรีขันธ์ และพังงา มีความยาวประมาณ 270 กิโลเมตร

    14. รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่านอำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอทับปุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา พาดผ่านไปตามทะเลอันดามัน ระหว่างอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต กับอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 148 กิโลเมตร

    นอกจาก 14 รอยเลื่อนที่กรมทัพยากรธรณีได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว สำนักข่าวบางแห่งยังเผยว่า รอยเลื่อนมะยม ก็เป็นอีกหนึ่งรอยเลื่อนที่มีพลัง โดยรอยเลื่อนดังกล่าว จะพาดผ่านอำเภอสอง จังหวัดแพร่ และอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 22 กิโลเมตร ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงควรติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของทั้ง 15 รอยเลื่อนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

    อย่างไรก็ตาม รอยเลื่อนที่ต้องจับตา และเฝ้าระวังมากที่สุดในขณะนี้ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งถือเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังรุนแรง และอาจส่งผลกระทบกับภาคใต้ในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี

    ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ศักยิ์กมล

    ศักยิ์กมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +1,316
    คนไทยเขาไม่เชื่อหรอกครับในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนมากแล้วเขาจะเชื่อจำพวกที่ เห็ดออกมาดอกใหญ่ผิดปกติ, ต้นกล้วยออกลูกกลางลำต้น, ยอดมะพร้าวออกยอดเป็นหัวพญานาค, หมู หมา กา ไก่ ช้าง ม้า วัว ควาย ออกลูกมา 3 ขา บ้าง 2 หัวบ้าง จมูกเหมือนงวงช้างบ้าง สารพัดสารพัน ฯลฯ แล้วก็ชวนกันไปจุดธูปเทียน กราบไหว้ ฮา ๆ ๆ ๆ พี่ไทยแน่นอนกว่าฝรั่ง
     
  17. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    บิ้วเยอะๆ หน่อยครับใกล้แล้วครับคนเริ่มเชื่อละครับ เมื่อมีคนๆเชื่อเยอะ ค่อยไปstep2 ต่อ:cool:

    อุ๊ยย โทษทีนึกว่าหลังไมค์ อิอิ
     
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618

    ถ้าพูดตามหลักไตรลักษณ์ก็ถูกแล้ว ว่าทุกสรรพสิ่ง ล้วนไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน
    ทำความเข้าใจแล้วคงจะรับได้ ไม่ทุกข์มากนัก

    อย่างเส้นแขนงของรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่มันอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมันเป็นสาขาย่อยของเส้นใหญ่จากพม่า รึจากไหนก็ตาม เมื่อก่อนร้อยวันพันปีมันไม่ขยับ ก็ไม่ได้แปลว่า มันจะไม่ขยับไปชั่วนิจนิรันดร์
     
  19. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    พบแสงปริศนา ก่อนเกิดแผ่นดินไหวในพม่า เชื่อทดลองโครงการ Haarp

    มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอในเว็บไซต์ยูทูป โดยผู้ใช้ชื่อว่า Larudiass ระบุว่าเป็นภาพเหตุการณ์ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหว 6.8 ริกเตอร์ ที่มัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย เจ็บกว่า 40 คน

    แสงประหลาดที่เกิดขึ้นยังไม่มีใครอธิบายได้ว่า แสงดังกล่าวเกิดจากแหล่งกำเนิดใด นอกจากนี้แสงดังกล่าวยังสามารถเปลี่ยนสี ทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวไปในบริเวณกว้าง

    ทั้งนี้ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นการทดลองโครงการ Haarp (High Frequency Active Auroral Research Project) ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดมุ่งหมายสำรวจทรัพยากรชั้นบรรยากาศโลก เพื่อพัฒนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม รวมไปถึงการศึกษาคุณสมบัติการสะท้อน (resonant properties) ของโลก และชั้นบรรยากาศของโลก

    แต่โครงการดังกล่าวถูกประนามออกมาจากหลายประเทศว่า เป็นการทำร้ายมนุษยชาติครั้งใหญ่ ทำให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวน รวมทั้งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการแปรปรวนของสนามแม่เหล็กโลก จนเกิดแผ่นดินไหวตามมา และที่สำคัญ พวกเขาบอกว่า มันคืออาวุธทำลายล้างชนิดใหม่ที่บังคับสภาพดินฟ้าอากาศได้!!

    อย่างไรก็ตาม แสงดังกล่าวยังคงเป็นปริศนา ต้องรอคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญว่า เกิดจากสิ่งใดกันแน่
    ขอบคุณข้อมูลจาก Mthai News

    <object width="640" height="360"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/KdlIyrcVRQk?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/KdlIyrcVRQk?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="360" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  20. ทหารเก่า

    ทหารเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,027
    ค่าพลัง:
    +19,019
    ผมเองได้เฝ้าดูมาระยะหนึ่ง ช่วงนี้หากท่านสังเกตุ ภูมิอากาศในบ้านเราจะเห็นได้ว่ามันผิดปกติจากอดีต หรือเป็นสัญญาณเตือน อะไรบางอย่าง ผมเองก็ไม่ได้ตระหนกแตกตื่นเท่าไรเพราะปลงแล้ว อะไรจะเกิดก็ย่อมเกิด ระยะนี้ผมมีลางสังหรณ์ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ อะไรสักอย่าง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขอให้มีสติ และนำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งประคองชีวิตหากเกิดอะไรขึ้นครับ แต่ขอไม่ให้เหตุการณ์ที่เราไม่เคยประสพ เราจะได้รอดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...